ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตามเบ็คแฮมมาเรียนอังกฤษ

    ลำดับตอนที่ #2 : 1 st Step: ฝันให้ไกลแล้ว(พยายาม) ไปให้ถึง (ครึ่งหลัง)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 218
      0
      26 ต.ค. 55

                      เมื่อเอกสารครบก็ทำการสมัครไปยังมหาวิทยาลัย ถ้าใครไม่แน่ใจว่าจะได้มหาลัยที่ต้องการจริงๆรึเปล่า ก็สมัครหว่านเลยค่ะ ของเราเองสมัครไปห้าที่เลย (เพื่อนเราสมัครไป 10กว่าที่ แต่ได้ตอบรับมาที่เดียวก็มี….ฉะนั้นถ้าไม่มั่นใจ ให้สมัครหว่านไปก่อนเลย) พอมหาลัยตอบรับแล้วเค้าก็จะส่งอีเมลมาให้เรา (แต่ถ้าใครสมัครผ่านเอเยนต์ก็จะส่งไปที่เอเยนต์) เพื่อให้เราแสดงความจำนงมาเราจะเรียนที่นี่จริงๆอีกครั้ง บางมหาลัยอาจจะให้เราเสียเงินมัดจำด้วย เผื่อกันเราสละสิทธิ์ทีหลังอะค่ะ หลังจากนั้นก็รอมหาลัยส่งCAS กลับมาค่ะ ซึ่งเอกสารนี้ต้องใช้ในการยื่นวีซ่า…..เรานั้นรอ ร๊อ รอ เพราะได้CAS ช้ามาก จนทำให้ไปทำวีซ่า ใจตุ๊มๆต่อมๆว่า จะได้วีซ่าทันเปิดเรียนมั้ยเนี่ย เพราะตั๋วเครื่องบินก็จองแล้ว ทุกอย่างพร้อมแล้ว เหลืออย่างเดียวคือ วีซ่า ซึ่งประสบการณ์นี้เราจำไม่ลืมเลย ว่าเราได้วีซ่าเช้าวันเดินทางไปอังกฤษเลย จำไม่ลืม เพราะลุ้นมาก เพราะถ้าเลื่อนตั๋วรอบนี้แล้วก็จะไปเรียนตอนเปิดเรียนไม่ทัน ซึ่งก็ถือว่าเราโชคดี ได้วีซ่าทันวินาทีสุดท้ายเลยทีเดียว 

                       ตอนเรามาเราเอาของจากเมืองไทยมาเยอะมาก เต็มอัตราน้ำหนักที่เค้าให้เลยทีเดียว โดยเฉพาะเสื้อผ้า (ซึ่งจริงๆแล้วไม่จำเป็นต้องเอามาเยอะขนาดนั้น เพราะที่นี่มีหมด และก็ต้องมาซื้อใหม่อยู่แล้ว เพราะที่นี่หนาวมากค่ะ จะให้ใส่เสื้อผ้าเหมือนอยู่บ้านเราก็ไม่ได้) จากประสบการณ์เราคิดว่า ของที่ควรเอามาคือ ยารักษาโรคต่างๆ (เพราะที่นี่ไม่เหมือนเมืองไทย จะซื้อยาโดยเฉพาะยาเฉพาะโรคต่างๆ ก็ต้องพบหมอก่อน เพื่อให้หมอออกใบสั่ง แล้วเอาใบสั่งนั้นมาซื้อเองที่ร้านขายยา) ต่อมาคือเสื้อผ้า  กางเกงขาสั้นก็เอามาได้นะ ที่นี่เค้าใส่กับเล็กกิ้ง เก๋ๆ (แต่ไม่ต้องเอามาเยอะ) แต่พวกเสื้อหน้าหนาว โค้ชเอย แจ๊กเก็ตเอย มาซื้อที่นี่ได้เลย มีให้เลือกเยอะมาก และราคาไม่แพง ส่วนของผู้หญิงก็ต้องเอาเสิ้อชั้นในมาเยอะๆหน่อย เพราะทีนี่ไซส์แบบคนเอเชียบางทีไม่มี ถ้ามีจะหาที่พอดีกับเรายากอ่ะค่ะ นอกจากนี้คนที่ต้องใส่คอนแท็กเลนส์ ก็ควรเอามาเลยให้ครบทั้งปีนะคะ รวมทั้งน้ำยาล้างด้วย(ถ้าสามารถแบกมาได้น้าเพราะที่นี่แพงอ่าค่ะ ที่เมืองไทยขวดละสองร้อย ที่นี่ปาไปเจ็ดร้อย)  ส่วนอุปกรณ์เครื่องเขียน ซีดีเปล่า สมุด เอาติดมาบ้างก็ดีนะคะ เพราะที่นี่แพงค่ะ (และเรายังต้องไปซื้ออะไรต่อมิอะไรเข้าหอีกเย้อออ) อันต่อไปที่ขาดไม่ได้คือ โน๊ตบุ๊ก แนะนำว่าให้ซื้อที่เมืองไทยเถอะเพราะแป้นพิมพ์เป็นภาษาไทย ถ้ามาซื้อที่นี้ อาจจะยุ่งยากนิดนึงถ้าจะพิมพ์ไทย เพราะต้องไปหาสติกเกอร์มาแปะที่แป้นอีก ราคาก็ไม่ต่างกันมากมาย และเพื่อชีวิตน้อยๆของเราที่นี่ในวันแรกๆที่ยังงงๆก่งก๊งกับที่ทางใหม่ๆ อย่าลืมเอาอาหารที่ท่านชอบติดมาด้วย ….เราเอามาม่ามา ซึ่งเป็นอาหารที่อร่อยที่สุดแล้ว โดยเฉพาะเมื่อยังทำอาหารไม่เป็น และต้องกินขนมปังประทังชีวิต จริงๆแล้วที่นี่มีมาม่าขายด้วยแต่ต้องไปซื้อที่ซูเปอร์มาเก็ตของคนจีน แต่ยังไงก็อร่อยสู้มาม่าเมืองไทยไม่ได้เลย ทำให้เรารู้ว่า….มาม่าเป็นของมีค่า

                    อุปกรณ์ประทังชีวิตอีกชิ้นที่เอามาจากเมืองไทย คือ หม้อหุงข้าวใบเล็ก เชื่อมั้ยว่ามันมีประโยชน์มาก เพราะมันทำได้ทุกอย่างทั้งหุงข้าว ทำแกงจืด ทำไข่ตุ๋น ทำข้าวต้ม ทอดไข่ ผัดผัก ซึ่งทำให้เราผ่านชีวิตในช่วงแรกของการมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไม่ลำบากนัก แต่ถ้าถามว่า ต้องเอามามั้ย ขอตอบว่าจริงๆที่นี่ก็มีขายนะ แต่ว่าsizeมันใหญ่ แบบหุงทีกินได้ห้าคน ก็แล้วแต่ชอบละกัน ถ้าขี้เกียจแบกก็มาซื้อที่นี่

                    หลังจากทำขั้นตอนทุกอย่างที่สนามบินเสร็จ ทีนี้ก็เตรียมขึ้นเครื่องได้แล้ว ……

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×