คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เพื่อนรัก และการสูญเสีย
มิตรภาพของเราสองคนเกิดขึ้น ตอนสมัยที่เรียนมัธยมต้นปีสุดท้าย แนนกับฉุนเรียนอยู่ห้องเดียวกันมาตั้งแต่ ม.1 ก่อนหน้านี้เราไม่ค่อยได้สนิทสนมกันนัก เพราะต่างคนต่างก็เงียบ ไม่ค่อยยอมคุยกับใคร สาเหตุจริงๆ ก็คือเราทั้งสองคนต่างก็เป็นเด็กมีปัญหานั่นเอง
ช่วงนั้นฉุนเกิดมีปัญหาไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมถ้าไม่มีจ่ายภายในสองอาทิตย์ ก็คงเรียนไม่จบ ทั้งที่เงินค่าเทอมก็ไม่ได้มากมายอะไรเลยสำหรับคนอื่น แต่มันกลับมากมายเหลือเกินสำหรับเขา แนนแอบด้อมๆ มองๆ เห็นฉุน มานั่งร้องไห้อยู่หลังโรงเรียน สถานที่ ที่ปกติเธอมาปักหลักนั่งคิดอะไรเพลินๆ อยู่เป็นประจำ มาหลายวันแล้ว หลังจากเล็งอยู่นาน เลยตัดสินใจเข้าไปถามด้วยความสงสัย
“ นี่ฉุน นายเป็นอะไรเหรอ เราเห็นมานั่งร้องไห้ตรงนี้หลายวันแล้ว ”
“ อย่ามายุ่ง ไปไกลๆ เลย ”
“ นี่ ฉันถามนายดีๆ นะ ทำไมต้องมาไล่กันด้วย ที่ตรงนี้ฉันจองมาตั้งนานแล้ว นายมานั่งแทนที่ฉันตั้งหลายวัน ฉันไม่ว่าก็ดีแล้ว มีอะไรก็บอกมา เผื่อจะช่วยได้ ”
“ หน้าอย่างแกมีปัญญาเหรอ ตัวเองยังเอาตัวไม่รอด กลางวันยังเห็นอดข้าวอยู่ทุกวัน ” แนนหน้าแดงด้วยความอับอาย ที่ถูกล่วงรู้เรื่องนี้
“ นายรู้ได้ยังไง แล้วนี่มันเรื่องส่วนตัวของฉัน นายมายุ่งอะไรด้วย "
“ แล้วอยู่ๆ แกมาถามเรื่องส่วนตัวของฉันล่ะ มายุ่งอะไรด้วย ”
“ ก็ได้ ถ้างั๊นนายรู้เรื่องส่วนตัวของฉันแล้วก็ต้องบอกเรื่องของนายให้ฉันรู้มั่งสิ อย่างนี้มันไม่แฟร์นี่หว่า ”
“ ไม่บอกเว้ย อย่ามายุ่ง ไปไกลๆ เลย ”
แนนหงุดหงิด และอยากเอาชนะฉุน เพราะความเสียหน้าเรื่องที่โดนรู้เรื่องต้องอดข้าวกลางวันของตัวเอง
“ นายแน่ใจว่าไม่บอกแน่นะ เออ ดีแล้ว เดี๋ยวฉันไปถามแม่นายก็ได้ แล้วจะบอกแม่นายด้วยว่านายแอบมานั่งร้องไห้ตรงนี้ทุกวันเลย ”
“ เออ เว๊ย ยอมแล้วเว้ย ยุ่งไม่เข้าเรื่อง เล่าก็ได้ ก็แค่ไม่มีค่าเทอมจะจ่ายแค่นี้แหละ รู้แล้วจะทำอะไรได้แกจะช่วยออกค่าเทอมให้ฉันหรือๆไง ” แนนหยุดคิดไปนาน แล้วในที่สุดท่ามกลางความเงียบ ก็โพล่งขึ้นมา
“ ก็ไม่แน่นะ ฉุน ถ้านายยอมให้ฉันช่วย ”
แนนตัดสินใจเอาเวลาตอนเย็นกับวันหยุดของตัวเอง ไปช่วยฉุน ทำงานพิเศษหลายๆ อย่างเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าจะไปขายของตามสี่แยกไฟแดงหรือไปรับจ้างดายหญ้าฯ และแล้วทั้งสองก็สามารถรวบรวมเงินที่ได้เอามาจ่ายค่าเทอมได้ทันในเกือบนาทีสุดท้ายเฉียดฉิวไปนิดเดียวจริงๆ
เรื่องนี้ทำให้ฉุนซึ้งใจมาก และที่แนนเต็มใจช่วยขนาดนี้ เป็นเพราะต่างก็หัวอกเดียวกัน ตับไตไส้พุงกี่ขดก็รู้กันหมด คงไม่มีอะไรต้องปิดบังกันอีก เธอมีเงินค่าเทอมแต่ไม่มีเงินกินข้าวกลางวัน ส่วนฉุนมีเงินกินข้าวกลางวันแต่กลับไม่มีเงินค่าเทอม ตอนที่ช่วยกันหาเงินจ่ายค่าเทอม ตอนเย็นทั้งเธอกับฉุนแทบจะไม่มีข้าวกินเลยด้วยซ้ำ บางวันต้องกินข้าวคลุกน้ำปลาจริงๆ เหมือนที่เคยได้ยินเขาพูดกัน ไม่มีใครสนใจหรอกว่าในชีวิตจริงยังมีคนจนอีกมากมายที่แทบจะไม่มีอะไรกินอยู่ในสังคมด้วย
แนนไม่มีเพื่อนเลยนอกจากฉุน คงเพราะไม่มีใครอยากคบกับคนจนอย่างเธอหรอก นับจากวันนั้นเวลาพักทานอาหารกลางวัน เธอต้องรีบวิ่งตัวปลิวหายไปจากห้องเรียนก่อนคนอื่น เพื่อหลบไปแย่งข้าวกลางวันฉุน ที่ยอมแบ่งให้เธอกินทุกวัน คิดดูแล้วอิจฉาคนบ้านนอกจังเลย อย่างน้อยเวลาไม่มีจะกิน ยังเก็บผักบุ้งมาผัดไฟแดง จับกบจับเขียดมาทำกับข้าวกับปลาได้ ในขณะที่บ้านเธอกับฉุนอยู่แถบชานเมืองเป็นแค่เพิงเก่าๆ เอาไว้ซุกหัวนอนเท่านั้น
หลังจากจบมัธยมต้นทั้งสองคน ก็เลยตามกันไปเรียน ปวช.สาขาเดียวกันคือสาขาวิชาการก่อสร้าง และเลือกเรียนแบบทวิภาคี เพราะสามารถทำงานได้ด้วย ที่เธอมาเรียนที่นี่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทางบ้านเธอ ไม่มีปัญญาจะส่งเสียให้เรียนต่อแน่ๆ เราทั้งสองคนก็ต้องหาเงินเรียนกันเอง ถึงแม้จะไม่ได้เรียนสายสามัญ แต่เธอก็ภาคภูมิใจกับสถาบันนี้ เพราะที่นี่นอกจากทำให้เธอได้เรียนแล้วยังให้โอกาสทำงานไปด้วยพร้อมๆ กัน
เรื่องนักเรียนตีกันที่เธอเจอและคิดว่าเป็นแบบทดสอบสำหรับเธอ คงตอนที่เธอกำลังเรียนอยู่ในห้องฝึกงานกับเพื่อนๆ อยู่ดีๆ ก็มีพวกช่างเชื่อมบุกเข้ามาทำร้ายเพื่อนเธอ และหันมาจะทำร้ายเธอด้วยมันไม่สนว่าเธอจะเป็นเพศหญิงหรือชายเลยซักนิด โชคดีที่ฉุนอยู่ใกล้ๆ เลยเอาตัวเข้ามาปกป้องเธอได้ทันจนตัวเองได้รับบาดเจ็บสาหัส อาวุธที่พวกมันใช้มาทำร้ายกันก็คือ เครื่องมือที่ใช้ในการเรียนนั่นเอง และนั่นทำให้เธอตกใจที่สุด เพราะไม่คิดว่าจะมีเหตุการณ์รุนแรงขนาดนี้ในวิทยาลัยตัวเองแท้ๆ นี่ถึงขนาดตีกันเองเลยหรือนี่ คิดว่าจะมีแต่ไปตีกับวิทยาลัยอื่นเสียอีก ขณะที่เธอทำอะไรไม่ถูก เพราะอาวุธก็ไม่มีจะป้องกันตัว พอดีเพื่อนอีกกลุ่มเข้ามาเห็นทันเวลาเลยมาช่วยไว้ได้ทัน และเข้ามาช่วยดูฉุนที่บาดเจ็บที่ไหล่ซ้าย
“ ฉุน เป็นไงบ้าง เจ็บมากรึเปล่าเดี๋ยวฉันจะพาแกไปหาหมอนะ ”
“ ไม่เป็นไรหรอก ไม่เป็นอะไรมาก แกปลอดภัยก็ดีแล้ว ”
กว่าฉุนจะหายจากบาดเจ็บก็เสียเวลาเรียนไปมากเลย ช่วงแรกๆ เธอก็แวะไปอยู่ดูแลฉุนที่บ้านทุกวันช่วยล้างแผลให้ จนคนที่บ้านนั้นคิดว่าเธอกับฉุนเป็นแฟนกันเสียอีก แต่ที่จริงแล้วเราทั้งสองคนต่างก็คบกันเป็นเพื่อนสนิทเท่านั้น
“ ดีจัง ฉุน อาทิตย์หน้า แผลนายก็หายสนิท กลับมาเรียนได้ซะที ฉันเบื่อจะตายอยู่แล้ว ไม่มีใครคุยถูกคอเลย นี่ทีแรกนึกว่าจะมานั่งเฝ้าป้อนข้าวป้อนน้ำให้นายที่บ้าน จนกว่าจะหายเลยนะ ถ้าไม่ติดต้องทำงานด้วยล่ะก็ ”
“ อะไรวะหลอกให้ดีใจนี่หว่าไอ้แนน แต่ถึงกับป้อนข้าวป้อนน้ำนี่มันง่อยรับประทานแล้ว ”
“ นี่ฉุน ขอบใจนะเรื่องนั้น ถ้าไม่ได้นายฉันคงจะเป็นศพไปแล้วล่ะ นายเล่นเข้ามารับแทนเลยโดนไปเต็มๆ เลย ที่จริงฉันไม่ค่อยสบายใจเลยนะ ”
“ โธ่เอ๊ย อย่าว่าแต่แค่เจ็บเลย ชีวิตฉันก็ยอมตายแทนแกได้นะไอ้แนน อย่าลืมสิเราเป็นเพื่อนตายกันนะ ”
“ ขอบใจนะฉุนขอบใจจริงๆ แกเป็นเพื่อนแท้ของฉันเลยนะ ” ทั้งสองคนกอดคอกันด้วยความซึ้งใจ
ปลายภาคปี1 ขณะที่เธอและฉุนกำลังรอต่อรถประจำทางกลับบ้านด้วยกัน ข้างๆ เธอมีเพื่อนร่วมวิทยาลัยยืนอยู่เต็มไปหมด ขณะที่รถเมล์กำลังเข้าจอดป้าย อยู่ๆ พวกวิทยาลัยอื่นก็กรูกันลงมาจากรถเมล์กันเต็มไปหมดแล้ว ต่างก็วิ่งเข้ามาทำร้ายพวกเรา ทั้งๆ ที่ไม่ได้รู้จักกันเลย อย่างไม่ทันตั้งตัว ในมือพวกมันมีทั้งมีดสปาต้าเล่มยาวเป็นวา มีทั้งเหล็กฟุตฯ ในขณะกำลังชุลมุนกันอยู่นั้น ก็มีเจ้าคนหนึ่ง วิ่งเข้าใส่เธอ เงื้อมมือที่ถือมีดสปาต้าขึ้นสุดแขนแล้ว ตั้งท่าจ้วงแทงเข้าใส่เธอเต็มแรง เธอหลับตาปี๋ทำใจยอมรับชะตากรรม
แต่เมื่อมันแทงฉับลงมาแล้ว ปรากฏว่าเธอกลับไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรเลย รู้แต่ว่ามีคนเข้ามากอดเธอไว้ทั้งตัว เธอลืมตาขึ้นมาด้วยความหวาดหวั่น ถึงได้พบว่า ฉุนนั่นเองที่วิ่งมากอดและรับมีดนั้นแทนเธอ นาทีนั้นเองเธอรับรู้อย่างตื่นตระหนกว่ามันรุนแรงและสาหัสมากเหลือเกิน เลือดท่วมตัวฉุนจนไหลนองพื้นเต็มไปหมด เธอพูดไม่ออกเพราะช็อคจริงๆ ได้แต่กอดฉุนเอาไว้จนแน่นทรุดลงนั่งกับพื้นพร้อมๆ กัน ลืมแม้กระทั่งร้องไห้ไปชั่วขณะ
“ เฮ้ยไอ้ฉุน เป็นไงมั่งวะ เดี๋ยวกูจะพามึงส่งโรงพยาบาล ใจเย็นเว้ย อดทนไว้นะ ”
ไอ้หอกเพื่อนชั้นเดียวกันวิ่งเข้ามาดูหลังจากพวกนั้นพากันหนีหายไปหมดแล้ว มันเห็นสภาพไอ้ฉุนแล้วก็ต้องหน้าเสียไปเหมือนกัน แต่ก็ฝืนให้กำลังใจ
“ กู... ไม่ไหวแล้วว่ะ...ไอ้หอก ”
“ เฮ้ย ไม่เป็นไรหรอก เชื่อกูสิ เดี๋ยวถึงมือหมอก็ปลอดภัย ”
“ ไม่ กูรู้ตัว กูไม่ไหวจริงๆ....ไอ้หอก กูขอร้อง... มึงช่วยกูอย่างหนึ่งได้ไหม ก่อนตายกูขอมึงเรื่องเดียว ”
“ จะให้ช่วยอะไรเหรอวะ ว่ามาสิถ้าช่วยได้กูรับปากมึงทุกอย่าง ”
“ ฝากไอ้แนนมันด้วย กูเป็นห่วงมัน ถ้ากูไม่อยู่มันก็ไม่มีใครแล้ว มึงรับปากกูได้ไหมว่าจะช่วยดูแลมัน ”
“ ได้สิกูรับปาก ยังไงไอ้แนนมันก็เรียนอยู่ห้องเดียวกัน บ้านก็อยู่ใกล้ๆ กันไม่ได้ลำบากอะไรมึงไม่ต้องห่วงหรอก ” หลังจากฟังไอ้หอกรับปาก ฉุนหันมาบอกแนนเป็นครั้งสุดท้าย
“ ไอ้แนน ฉันไม่ทิ้งแกหรอก จำไว้นะ ฉันไม่ได้ทิ้งแก.... ” พูดจบไอ้ฉุนก็ขาดใจตายอยู่ตรงนั้นเอง
“ ฉุน ฮือๆๆ ฉุน นายตายเพราะฉันแท้ๆ เลย ฮือๆ แล้วฉันจะอยู่ยังไงฮือๆ ”
กว่าจะเคลียร์เรื่องศพของฉุนเรียบร้อยแล้ว ก็ปาเข้าไปร่วมตีสาม หอกเดินมาส่งแนนที่บ้าน เมื่อมาเห็นสภาพบ้านก็ตกใจ เพราะมันเป็นแค่เพิงไม้เก่าๆ ดูแล้วไม่ค่อยปลอดภัยสำหรับผู้หญิงตัวคนเดียว
“ แนน แกอยู่ได้ยังไงวะเพิงเล็กๆ คนเดียว แล้วพ่อแม่แกไปไหนกันหมดล่ะ ”
“ แม่หนีไปมีแฟนใหม่ตั้งนานแล้ว ส่วนพ่อทิ้งฉันกับแม่ไปตั้งแต่เด็กๆ ”
“ เฮ่อ! ไอ้แนนเอ๊ย เวรจริงๆ เลยว่ะ ” หอกนิ่งคิดพักหนึ่งก็ถาม
“ ไอ้แนน แกกลัวคนอื่นนินทารึเปล่าวะ ถ้าไม่กลัวฉันจะมาอยู่เป็นเพื่อน ”
“ ไม่กลัวหรอก มาสิดีเหมือนกันจะได้มีเพื่อน ปกติฉันก็ไม่ได้พูดคุยกับชาวบ้านอยู่แล้ว ใครมันจะนินทงนินทาอะไรก็ช่างหัวมันปะไรฉันไม่สนหรอก ไม่ได้ขอใครกินนี่หว่า ”
ความคิดเห็น