คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #62 : Chapter 46 | พลังที่ไม่ควรมี
♟
Chapter 46
“โห ทุ่งหญ้าสุดลูกหูลูกตาเลย!”
เด็กสาวนั่งพิงเสาตรงทางเข้า
ยืดขาออกในท่าที่คิดว่าสบายที่สุด กอร์นยืนเก็บรายละเอียดทุกอย่างอยู่ข้างกัน
รอคิรัวร์ตามมาแล้วจะออกไปเข้าเมืองที่อยู่ไกลจนแทบไม่เห็น มีแต่สีเขียวเต็มไปหมด
กลิ่นทุ่งกว้างแตะปลายจมูก
สัมผัสที่ได้รับตั้งแต่เข้าโลกเสมือนจริงมานับว่าดีเยี่ยม
แทบไม่ต่างอะไรจากโลกความจริงสักนิดเดียว
มือเด็ดยอดหญ้าเล่นไปมา
-- ใบหน้าของคนต้อนรับที่แสดงออกว่าลำบากใจหวนกลับมาในหัว
‘คุณคุเรฮะ...ดูเหมือนเราจะมีปัญหาเล็กน้อยค่ะ’
สุดท้ายก็เข้ามาได้
รู้สึกโล่งอกปนไม่เข้าใจในเวลาเดียวกัน จนเมื่อเห็นญาติผู้น้องเดินลงบันไดมาสบทบ
ความคิดยุ่งเหยิงก็ถูกปัดออกไป
“รอนานป้ะ?” เดินลงนวยนาดเหมือนแมวไม่มีผิด
เพราะเป่ายิงฉุบเข้าเกมกับผู้ผ่านการทดสอบคนอื่น ๆ ได้อันดับที่ 16 จาก 21 เลยลงมาช้ากว่าใคร “ทุ่งหญ้าเรอะ
ไม่มีวี่แววของเมืองเลย”
“ก็งั้นแหละ คนอื่น ๆ ส่วนใหญ่ก็มุ่งหน้าไปทางเดียวกันหมดเลย—
ตรงไปตามทางที่รู้สึกว่าถูกเฝ้ามองน่ะ” กอร์นชี้ไปทางข้างหน้า
“เมืองก็คงอยู่ทางนั้น”
คุเรฮะลุกขึ้น
ปัดเศษดินเศษหญ้าออก หูกระดิกเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะหยันของคนผมขาวเงิน
“เฝ้ามองไกลขนาดนี้แต่เรายังจับได้อยู่ แสดงว่าฝีมือไม่เท่าไหร่”
“ระวังโดนตลบหลังเอาล่ะ ยังไงพวกเราก็ยังเป็นผู้เล่นมือใหม่”
เธอเตือนอย่างไม่ใส่ใจนัก
เด็กชายผมสีเข้มหัวเราะสดใส
“งั้นนน เราจะไปทางไหนกันดี!”
กอร์นชี้ไปซ้าย
คิรัวร์ไปขวา ความเห็นแยกทางกันขนาดนี้ คุเรฮะเลยชี้ลงล่าง ไม่ต้องเดินไปแล้ว
ดำดินกันไปเลย--
—ล้อเล่นน่ะ
พอตัดสินใจกันไม่ได้ก็ลงเอยด้วยการเป่ายิ้งฉุบกันอีกรอบ
คุเรฮะเป็นคนกลาง และแน่นอน
คิรัวร์แพ้
เธอพูดเสียงเอื่อย
“อัจฉริยะในรอบร้อยปีของโซลดิ๊กเป่ายิ้งฉุบแพ้ เยี่ยมไปเลย”
คิรัวหันควับ
แยกเขี้ยวพร้อมกัดหัว “เงียบไปยัยงูพิษ!”
เห็นแบ็คกราวน์มีเสียงหัวเราะชั่วร้ายสวนทางกับหน้าตานะเฟ้ย
นับวันยิ่งกวนประสาทเก่งขึ้นทุกที ติดเชื้อมาจากฮิโซกะใช่ไหม ตอบ!
เธอมองคนแพ้ที่ออกค้อนด้วยสายตาเวทนา
แมวตาฟ้ากัดฟันกรอดมองหมัดตัวเองด้วยความเจ็บใจ ส่วนกอร์นยิ้มร่า
ชูไม้ชูมือไปตามทิศที่คนชนะเลือก
เมินการตีกันทางอ้อมของสองเครือญาติไปสิ้นเชิง
“เอ้า ไปทางนี้กันเถอะ โก!”
“ [เทรซ ออน] โจมตีคิรัวร์!”
โดนคนในเกมรับน้องก่อนเข้าเมือง
จู่ ๆ
ก็เหาะมาด้วยพลังอะไรสักอย่างตอนกำลังเดินผ่านทุ่งหญ้า
เปิดหนังสือในเกมที่ทุกคนได้รับเป็นไอเทมติดตัว
หยิบการ์ดใบนึงขึ้นมากดใช้งานผ่านหนังสือ
ลำแสงบางอย่างพุ่งเข้าใส่เจ้าของชื่อ
โดนคิรัวร์เข้าจัง
ๆ
“คิรัวร์! เป็นอะไรรึเปล่า!?”
กอร์นตั้งท่าเตรียมต่อสู้
ส่วนคิรัวร์ยังมีอาการมึนงงไม่น้อย
แต่การถูกโจมตีโดยไม่ทันได้ตั้งตัวแบบปริศนาแบบนี้มันน่าหงุดหงิดเป็นบ้า
คนลอบกัดซึ่งหน้ายิ้มเยาะ
สบประมาทผู้เล่นใหม่ที่เป็นเด็กด้วยท่าทีไม่เกรงกลัวอะไร
จนกระทั่งรับรู้ได้ถึงจิตสังหารที่ตรงมาจากเด็กหัวขาวนั่นแหละ
“แกทำ...อะไรกับฉัน?”
รีบดีดตัวออกห่างทันที
มือคว้าการ์ดขึ้นมาพร้อมออกคำสั่งรัวเร็ว “ [รีเทิร์น ออน] ไปมาซา— อ๊ากกก!!”
มือข้างที่สวมแหวนอยู่ในมือเด็กสาวอีกคน
เลือดสีแดงพุ่งกระฉูดแต่ไม่เปื้อนคนทำสักหยด
-- คุเรฮะไม่ได้ตัดข้อมือแล้วชิงมา แต่กระชากออกมาในทีเดียว
เธอก้มมองแกนกระดูกสีขาวที่โผล่ทักทายเจ้าของ แล้วโบกไปมาด้วยใบหน้านิ่งเฉย
พอไม่มีแหวน
ก็เรียกใช้หนังสือไม่ได้
คิรัวร์ผิวปาก
“ดีมากพี่สาว!” ชมอย่างลืมตัว
กอร์นยิ้มแห้ง
รู้ตัวดีว่าห้ามไม่ทัน ก่อนเด็กสามคนจะมองหน้ากันแล้วจ้องไปที่ตัวเริ่มเรื่องผู้ที่กำลังกัดฟันข่มเสียง
วิ่งหนีสุดฝีเท้า
“ตอนแรกกะจะตัดกล่องเสียง...” คุเรฮะโยนมือไปให้ญาติฝั่งแม่
คิรัวร์กระโดดรับ ปากหยักเหมือนแมวชัดเจน
“แต่คิดว่าเก็บปากไว้เค้นข้อมูลจะดีกว่า”
เทเลพอร์ตไปดักหน้า
ถีบหลังเจ้านั่นล้มหน้าคะมำกลางอากาศ ตามด้วยเหยียบลงไปที่ท้ายทอยคนนอนหมดสภาพ
ไม่สนเสียงโวยวายร้องขอชีวิต
เตือนด้วยใบหน้าไม่ยี่หระ
“อย่าดิ้นเยอะ กดแรงผิดมีสิทธิเป็นอัมพาตนา”
กอร์นที่มองจากจุดเดิมอดถอนหายใจไม่ได้
แต่คิรัวร์ขำก๊าก
“ทำไมฉันถึงรู้สึกชินในสิ่งที่ไม่ควรชินกันนะ...”
♟
ได้ข้อมูลมาเยอะก่อนเข้าตัวเมือง
หลัก ๆ
ที่ต้องทำให้ชินในเกมคือต้องเอาหนังสือออกมาเมื่อเจอคู่ต่อสู้
ถ้าไม่ทำจะถูกมองออกทันทีว่าเป็นมือใหม่ ส่วนพวกเรื่องการ์ดต่าง ๆ
นับว่าเป็นรายละเอียดยิบย่อย
เมื่อเห็นว่าคาถาจากการ์ดที่พุ่งใส่คิรัวร์เป็นแค่การ์ดสะกดรอยเจ้าตัวเลยเลิกระแวง
โยนมือขาด ๆ คืนให้ แล้วบอกลาด้วยสายตาทันทีที่อีกฝ่ายรีบใช้การ์ดเหาะหนีหายไป
[ยินดีต้อนรับสู่เมืองแอนโทคีฟ เมืองแห่งรางวัล]
ป้ายอันใหญ่แปะไว้ด้านหน้า
คิรัวร์ล็อกคอญาติผู้พี่ด้วยแขนแล้วลากไปด้วยกันเมื่อคุเรฮะมองทุกอย่างไม่วางตา
แผงขายของ ผู้คน ร้านค้าต่าง ๆ ไม่มีอะไรดูแปลกไปจากโลกจริงเลยแม้แต่น้อย
กอร์นจ้องป้ายภารกิจบนบอร์ดอันยาว
“สุนัขหาย ท่านที่หาพบจะได้ ‘เทพีนำโชคที่โดนสาป’ เป็นรางวัล?”
ไอเทมแบบนี้ได้แล้วดีหรือดวงจู๋กันแน่หว่า…
ทั้งสามคนพากันเดินสำรวจเมืองนี้ไปอีกสักพัก
เห็นแวบ ๆ ว่ามีป้ายประกาศแข่งขันรายเดือนของเมืองอยู่ด้วย
หนึ่งในนั้นมีแข่งเป่ายิ้งฉุบเดือนกันยายน
เวลาในนี้ตรงกับโลกจริง
เพราะงั้นเหลือเวลาอีก 4 วัน
กอร์นตาวาววับอย่างปิดไม่มิด
ถึงจะเค้นข้อมูลจากคนที่มารับน้องไปได้ส่วนนึง
แต่บางเรื่องในเมืองอาจต้องถามเอาจาก NPC ในเกม คิรัวร์ที่เริ่มหิวเลยลากแขนอีกสองคนเข้าร้านอาหาร
คนรับออเดอร์คือพ่อครัวแมวเหมียวที่ตัวพอง ๆ
ขนาดบีนส์ข้างประธานเนเทโล่ยังเป็นสไลม์เขียวเพราะงั้นเลยไม่ค่อยแปลกใจที่เจออะไรแบบนี้เท่าไหร่
“ถ้าทานสปาเกตตี้หมดภายใน 30 นาทีจะไม่คิดค่าอาหาร
แถมกัลไกเดอร์ (การ์ด) ให้ด้วยนะจ๊ะ!”
คุเรฮะมองจานพูนกับซอสสีแดงด้วยใบหน้าปลาตาย
เอาตามจริงเธอก็ไม่ใช่พวกประเภทมีหลุมดำในตัว…
ระหว่างกินไปคิรัวร์ก็ถามข้อมูลจากพ่อครัวไป
ได้เรื่องการแข่งขันมาพอสมควร หากเรื่องการ์ดคาถาอะไรนี้กลับไม่ได้ข้อมูลเลยสักแอะเพราะเจ้าตัวทำไม่รู้เรื่อง
กึก
คนกลางเช็ดปากด้วยทิชชู่
ทำหน้าตายเมื่อจานตัวเองหมดก่อนทั้งสองคนซะอีก
“ก็ตามบท NPC ทั่วไปล่ะนะ” คิรัวร์กระซิบ
แล้วหันไปยิ้มแย้มให้ตัวละครที่ถามข้อมูลมาจนโซ้ยอาหารจานยักษ์หมด
“งั้นก็ขอบใจที่เลี้ยง—”
“อ๊ะ ช้าก่อนจ้ะ พาสต้ายักษ์น่ะให้กินฟรี
แต่น้ำแข็งโซดากับกาแฟที่สั่งไม่ฟรีนะจ๊ะ 3 ถ้วยก็ 1,040
เจนี่จ้ะ!”
“อ้าวเหรอะ งั้นนี่ 10,000 เจนี่”
คิรัวร์ยื่นแบงค์ให้
อีกฝ่ายทำหน้างง
“นั่นมันอะไรน่ะ?”
“เอ๊ะ?”
ความรู้ใหม่
เงินเองก็ต้องเป็นการ์ดเหมือนกัน
—สามหน่อยืนล้างจานอยู่หลังร้าน มือขัดถูแก้วยิก ๆ
-----
“มาร่วมทีมกับพวกเราสิ”
ถูกชักชวนกันหลังพบศพที่ถูกระเบิดตัวแตกกลางเมือง
เป็นตาลุงในชุดปอน ๆ
มีหนวดพลอมแพลมขึ้นรอยคางเหมือนไม่มีเวลาดูแลตัวเองมาสักพักใหญ่
เข้ามาอธิบายว่าในโลกเสมือนนี้มีการล่าผู้เล่นด้วยกันเอง
เพื่อลดผู้เล่นให้น้อยลงและเพิ่มอัตราการได้การ์ดที่มีค่ามาอยู่ในมือง่ายขึ้น
ตอนแรกพวกเขาไม่สนใจ
แต่เพราะต้องการข่าวสารเพิ่มเติม จึงเป็นคุเรฮะที่พยักหน้าแล้วดึงสองหมาแมวไปแทน
ข้อมูลน่ะ
ได้เร็วเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น
—ถือเป็นนิสัยที่ติดมาจากตระกูลสายข่าวได้ไหมนะ?
พอตามมาด้วยก็พบผู้เล่นที่เคยมาสอบคัดเลือกพร้อมกันนั่งเป็นกระจุก
ส่วนน้อยจะเป็นคนเข้าเกมจากทางอื่น หลายคนพากันมองดวงตาสีผสมของคราวน์
แต่ชินแล้วจึงไม่สนใจอะไรนัก
แล้วก็ได้ข้อมูลมาเพิ่มมาอย่างที่คิด
ทั้งเรื่องเกมนี้ไม่มีคาถาที่ฆ่าคนได้
และเรื่องคาถาต่าง ๆ ที่ส่วนใหญ่จะถูกใช้ในเกม เน้นสอดแนมเพื่อนแย่งชิงข้อมูล
การโจมตีเพราะคิดแย่งการ์ดไปโต้ง ๆ แทบจะไม่มีเลย
หนึ่งในนั้นเอ่ยปากบ้าง
“วิธีการได้การ์ดแบ่งเป็น 3 แบบด้วยกัน”
[1] หาด้วยตัวเอง
[2] แลกเปลี่ยนกับผู้เล่นคนอื่น
[3] แย่งจากผู้เล่นคนอื่น
คุยไปคุยมา
พวกที่กำลังรวมกลุ่มก็บอกว่าต้องการพิชิตเกมนี้
ชั่งน้ำหนักในใจแล้วคงคิดจะทำด้วยวิธีที่ [3] มากกว่าวิธีอื่น ๆ พวกนั้นจึงปฏิเสธเรื่องการใช้กำลัง
บอกว่าจะใช้คาถาในเกมเป็นตัวชิงมาต่างหาก
ก็แย่งจากคนอื่นมาอยู่ดีนั่นแหละ
เคลียร์เกมได้ก็ต้องมานั่งเถียงแบ่งเรื่องเงินรางวัล
5
หมื่นล้านของบัตเทเลอร์นั่น -- ไม่มีอะไรที่น่าสนใจอีก
พอกอร์นปฏิเสธ
“ขอใช้ความสามารถตัวเองเล่นดีกว่า”
เลยหลุดยิ้มออกมา
เจ้าแมวขาวเอามือล้วงกระเป๋า
เดินกึ่งกระโดดตามเพื่อนที่สะบัดหน้าเดินออกไป “ถ้าผู้นำว่างั้น ฉันก็ขอบาย~”
ส่วนเด็กสาวตาสีผสมยักไหล่ไม่ใส่ใจ เดินตามกันไปไม่หันหลังกลับมาอีก
เมื่อห่างออกมาได้สักพัก
คิรัวร์ถึงลองถามดู
“ว่าแต่ทำไมเมื่อกี้ถึงโกรธล่ะ?”
“เอ๋ ก็— เจ้าพวกนั้นว่าร้ายเกมที่จินสร้างขึ้นมา เป็นเกมอำมหิตบ้างล่ะ
แย่งชิงกันเป็นหลักบ้างล่ะ”
ดวงตาสีเปลือกไม้เข้มขึ้น
เขาอยากจะเล่นเกมนี้ให้สนุก...ที่น่ากลัวน่ะไม่ใช่เกมหรอก
แต่เป็นความคิดของคนเล่นมากกว่า
เด็กสาวถอนหายใจยาวตามนิสัย
“มันก็เป็นธรรมชาติของเกมน่ะนะ ช่างมันเถอะ”
คิรัวร์หัวเราะเห็นด้วย
กอดคอกับญาติฝั่งแม่อย่างหยอกล้อ หัวของคุเรฮะสั่นด๊อกแด๊กไปมา
เธอทำหน้าปลาตายเหมือนทุกครั้ง
“นั่นสิ พวกเรามาสนุกกับเกมกันดีกว่า”
กอร์นมองทั้งคู่แล้วหลุดยิ้ม
“คิรัวร์ คุเรฮะ ขอบใจนะ”
ชะงักกันหมด
“ที่ได้มาที่นี่กับทั้งสองคน...โชคดีจริง ๆ ที่เราได้เจอกัน”
“จะบ้าเรอะ พอทีน่า เขินออก!”
“ทำไมล่ะ? ฉันคิดแบบนี้จริง ๆ นา!”
สองเท้าก้าวช้าลง
มองแผ่นหลังที่เริ่มเดินเคียงห่างออกไป เด็กชายสองคนหัวเราะให้กัน
คนหนึ่งเป็นเหมือนแสง คนนึงเป็นเหมือนเงา แต่อยู่ด้วยกันแล้วกลับสมบูรณ์แบบ
คุเรฮะมองด้วยแววตาอ่อนโยน
ก่อนทั้งสองคนจะหันมาหา คว้ามือให้เดินไปด้วยกัน
หากยังไม่มีใครเปลี่ยนไป
อีกสิบปีหรือยี่สิบปีข้างหน้าเราอาจจะอยู่ด้วยกัน ไม่ก็แยกกันไปตามทางของตัวเอง
มีกลับมาหากันบ้างเป็นระยะ คุยเรื่องในอดีตตอนยังเป็นเด็ก
คุยเรื่องนิสัยแต่ละคนที่เริ่มโตขึ้น ยาวไปถึงเรื่องอนาคตข้างหน้าที่คิดจะทำ
‘ฉันชื่อกอร์นนะ ยินดีที่ได้รู้จัก!’
‘นึกว่าจะมองไม่ออกซะอีก— ฉันคิรัวร์’
ถ้าเป็นแบบนี้ตลอดไป...ก็คงดี
♟
“บุ๊ค”
ป๊อง!
ควันสีขาวหายไป
ปรากฏหนังสือเล่มนึงลอยออกมาจากแหวนที่สวมนิ้ว
คุเรฮะเปิดไปหน้าฟรีพ็อคเก็ตที่ใส่อะไรก็ได้ยังคงว่างเปล่า
พ็อคเก็ตจำกัดเองก็บ๋อแบ๋
ไม่ได้มีเป้าหมายอะไรเป็นพิเศษ
เพราะงั้นเลยกะจะไม่รวบรวมพวกการ์ดหายากเพื่อเคลียร์เกมเหมือนคนอื่น
แถมพวกกอร์นกำลังสนุกน่าดู งั้นเธอจะเป็นคนเฝ้ามองให้ก็แล้วกัน
ว่าแล้วก็เหลือบตาไปมองด้านหลัง
“ [พิคพ็อคเก็ต ออน] โจมตีคิรัวร์!!”
พอสองคนนั้นไปแข่งเป่ายิ้งฉุบชนะก็ได้การ์ดที่มีจำกัดมา
เลยถูกพวกฝูงปลารุมตอดจะขโมยกันใหญ่ แต่เพราะความป่วนมากที่มีแต่เดิม
เลยได้แต่ผิดหวังกันไปตาม ๆ กัน
เสียงโหยหวนแว่วมา
“น-ในฟรีพ็อคเก็ตก็ไม่มีการ์ดเหรอเนี่ย!?”
“ถึงฉันจะได้การ์ดมา ก็ไม่ได้หมายความว่าจะโง่ใส่ในหนังสือนี่?” เจ้าแมวยิ้มเยาะ
“หนอย! แต่ฉันยังมีการ์ด [พิคพ็อคเก็ต] เหลืออยู่นะเฟ้ย! — [พิคพ็อคเก็ต
ออน]! โจมตีกอร์น!!”
ว่าแล้วก็โหยหวนอีกรอบ
“ก้อนหินธรรมดา!? นี่มันอะไรก๊านนน!!”
“อ๋อ นั่นการ์ดหินที่เก็บมาจากทุ่งน่ะ”
“จะว่าไปนายก็เก็บโน่นเก็บนี่ไว้เยอะแฮะ”
ร่างสมส่วนเก็บหนังสือลงแหวนพลางเอนหลังพิงต้นไม้ข้าง
ๆ ตามองการแย่งชิงของลูกกระจ๊อกกับพวกเด็กชายฆ่าเวลา พอคนนึงชิงการ์ดไม่สำเร็จ
คนต่อไปก็เข้าคิวมาต่อทันที -- โอ้ มีคนนึงรอจังหวะสังเกตได้แล้วว่าการ์ดหายากอยู่ที่กอร์น
กำลังจะเอ่ยคาถาขโมยการ์ด
ฟุ่บ
รู้ตัวอีกทีกอร์นก็อยู่ด้านหลัง
มือคว้าการ์ดอีกฝ่ายไว้ เร็วจนคนธรรมดาไม่รู้ตัวเลยว่าเกิดอะไรขึ้น
เด็กชายผิวแทนเอ่ยเสียงเรียบ
“อ่อนซ้อมไปหน่อยล่ะมั้ง ตามองตามไม่ทันเลยใช่ไหมล่ะ?”
คุเรฮะที่กอดอกอยู่เอียงคอ
กะพริบตาปริบ
เท่ขึ้นแฮะ
-----
“ให้ฉันร่วมทางด้วยคนสิคะ!”
เป็นเด็กสาวผมสีทองทวิลเทลม้วนปลาย
ตาสีชมพูเหมือนชุดที่ใส่ -- เห็นสะกดรอยมาตั้งแต่เมืองแอนโทคีฟ
คงปฏิเสธกลุ่มเคลียร์เกมเหมือนกัน แต่เพราะเห็นตามดูเฉย ๆ เลยไม่คิดว่าอันตรายนัก
คิรัวร์หันไป
ไม่เสียเวลาคิด
“อ๋อ โทษที ไม่เอาอะ”
“ท-ทำไมล่ะคะ!?”
“เกะกะ”
เปรี๊ยะ
รอยยิ้มอ้อนวอนแตกร้าว
มีแค่เด็กสาวคนเดียวที่สังเกตเห็น คุเรฮะเลื่อนสายตาไปมองทางอื่น
ไม่คิดพูดอะไรด้วย -- ไหล่กอร์นเคลื่อนมาชน
ชวนคุยเรื่องเมืองต่อไปในแผนที่ที่ซื้อมาอย่างไม่ติดขัดอะไร
เจ้าพวกตัวแสบ…
ถูกดันไหล่ให้เดินนำหน้า
กอร์นคือคนที่ดี๊ด๊าสุดเพราะตื่นเต้นกับสิ่งแปลกใหม่ในเกมที่พ่อสร้าง
ส่วนที่เหลือคือผลพลอยได้
เสียงแหลมหูไล่หลัง
“เดี๋ยวสิค้า— ฉันจะพยายามเต็มที่ไม่เป็นตัวถ่วงจริง ๆ นะคะ! เดี๋ยว!
รอเดี๋ยวซี่... ไอ้—”
คุเรฮะเหลือบมอง
ได้ยินนะ
“—เดี๋ยวค่าาาา!!”
“โปรดช่วยพวกเราด้วยคร้าบ!! แค่ก—”
โจรภูเขาในข่าวลือ…ป่วยกันหมด
พากันไออย่างเอาเป็นเอาตายร้องขอให้ช่วยตามเควสเมื่อผ่านเส้นทางนี้
แม้จุดมุ่งหมายจะเป็นเมืองมาซาโดร่า แต่แน่นอนว่าสายเกมอย่างคิรัวร์ไม่พลาด
พากันลากไปยังหมู่บ้านของโจรเผื่อได้ไอเทมหรือข่าวที่มีประโยชน์
ปล่อยให้สองคนนั้นเล่นเกมไป
ส่วนเด็กผู้หญิงผมทวิลเทลอยู่กับเธอ
“ต้องการอะไร?”
คุเรฮะกอดอก
ดวงตาสองเฉดสีหรี่ลงอย่างไม่ไว้ใจ
เป็นเด็กผู้หญิงที่เคยเห็นในห้องคัดเลือกของเทสเกเลอร์
อีกทั้งระหว่างทางผ่านป่าทึบมาก็ทั้งลึกทั้งมืด คนที่ขอตามมาด้วยก็ไล่ตามโดยจงใจเว้นรักษาระยะห่างกันแทบไม่คลาดเคลื่อน
ขนาดกอร์นกับคิรัวร์เร่งสุดฝีเท้าก็ยังสลัดไม่หลุด
ขนาดเธอใช้เน็นเทเลพอร์ตพาย่นระยะทางหนีก็ยังตามมาได้
ฝีมือไม่ธรรมดาแล้ว
“เธอ...คราวน์สายหลักสินะ” ร่างเล็กกว่ายิ้มน่ารัก ตบมือเข้าหากันทีนึง “เป็นเด็กผู้หญิงที่เหมือนผู้ชายกว่าที่คิด
จะว่าไปฉันก็เคยเจอคราวน์สายหลักที่เป็นผู้หญิงเหมือนกันนะ คล้ายเธอเลย!
รู้สึกจะชื่อออ ฟีโอนิกซ์จัง!”
ดวงตาสีผสมเข้มขึ้น
จิตสังหารลอยวนรอบตัวเป็นคำเตือน
“ฉันบิสเก็ต ครูเกอร์ เป็นฮันเตอร์มืออาชีพ”
พอเห็นว่าเธอไม่เล่นด้วยอีกฝ่ายก็ลดมือลง
ใบหน้ายิ้มแย้มเริ่มเปลี่ยนเป็นจริงจัง
“รู้ตัวไหมว่ามีหลายครั้งที่ตาของเธอเปลี่ยนสี ตอนที่เธอโกรธหรือเธอใช้...อ็น?”
“อ็น?”
เสียงสูงแปลกใจ
“นี่เธอไม่รู้เหรอ?”
สีหน้าจริงจังเริ่มเครียดขึ้น
คนตัวเล็กกว่าก้าวเข้ามาประชิดตัว มือนึงเท้าเอว อีกมือจิ้มลงที่อกสองสามทีราวกับจี้ให้คุเรฮะบอกสิ่งที่รู้ออกมามากว่านี้
“หมายความว่ายังไงกัน ไม่สิ
ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเธอไปได้พลังนี่มาจากไหน แต่มันไม่ใช่สิ่งที่เธอควรจะมี!
ตอนฉันเห็นแรก ๆ ก็ไม่เชื่อนักหรอกที่จะมีผู้ใช้อ็นที่รูปลักษณ์ไม่เปลี่ยนเดินรวมอยู่กับคนอื่นด้วย”
จำได้ว่าตอนเข้าเกม
ผู้ต้อนรับก็ขัดข้องกับเรื่องนี้เหมือนกัน
‘เน็นของคุณ...มันไม่ใช่เน็นทั่วไป’
‘แต่เราติดต่อกับทางผู้ดูแลคนอื่นแล้ว คุณสามารถร่วมเล่นเกมนี้ได้
แต่เพราะอาจเกิดปัญหาที่ยากควบคุม
ถึงตอนนั้นผู้ดูแลเกมจะเข้าไปจัดการเรื่องนี้ให้ด้วยตัวเองนะคะ’
บิสเก็ตจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคมลึก
เด็กสาวกำลังสับสนและไม่เข้าใจ
“ยัยหนูคราวน์ เชื่อฉันเถอะ...อ็นไม่ใช่พลังชีวิต
มันเป็นสิ่งที่แย่กว่านั้น”
“มันจะกัดกินเธอจนตาย”
ไม่รู้ทำไม
ราวกับเห็นภาพตัวเองในวัยเยาว์ร้องไห้แทบขาดใจ
รอบตัวรายล้อมไปด้วยดอกไม้สีแดง
มือกำมีดสั้นไว้แน่น
เนื้อตัวถลอกบอบช้ำ
กลิ่นสนิมคลุ้งกระจายในปาก
ร่างของพี่ชายนอนอยู่ตรงนั้น
ภายใต้ผ้าพันแผลที่พันรอบตา
นอกจากเสียงกรีดร้องของแม่
เธอก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรอีก.
__________C
H E C K M A T E__________
มีเรื่องในอดีตของน้องให้พอกรุบกริบ
ที่แน่ ๆ
ตอนนี้แอบอวยกอร์น (ไม่) นิด นั่นเมนหมีง่วงในเรื่องเชียวนา!
ความคิดเห็น