ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SJ FIC] !!! SLAM DUNK !!! (KIHAE)

    ลำดับตอนที่ #37 : III Slam Dunk III ...35...

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.59K
      15
      26 ก.ย. 54



    เช้าวันจันทร์ ..ธรรมดาก็ไม่ใช่วันที่คนสันหลังยาว (แต่ตัวสั้น -*-) อย่างอีทงเฮจะพิสมัยอยู่แล้ว ยิ่งประกอบกับอาการนอนไม่หลับ หงุดหงิด งุ่นง่าน ที่เป็นมาตั้งแต่วันเสาร์ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ทงเฮต้องลากสังขารมาโรงเรียน ด้วยสภาพอิดโรย สร้างความประหลาดใจให้แก่สองเพื่อนรัก ม้าวอนและไก่ฮยอค เป็นอย่างยิ่ง

    “อะไรวะเนี่ย สภาพอย่างกับลูกผสมระหว่างเฟรงเกนสไตน์กับซอมบี้เลยนะเมิง”

    เปรียบเทียบซะเห็นภาพเลยว่ากูแย่ยิ่งกว่าศพ -*- ทงเฮนึกเคืองปากพล่อยๆของไอ้ชเวในใจ แต่ก็ขี้เกียจไปต่อปากต่อคำกับมันให้เปลืองน้ำลาย ร่างบางจึงหันหน้าที่ฟุบกับโต๊ะไปอีกทางอย่างต้องการสื่อว่า

    ...ตอนนี้กูประสงค์สันติเฟ้ยยยย!!!

     “อย่าไปว่ามันอย่างนั้นสิ ซีวอนอา~” นี่สิ มิตรแท้ไก่แจ้ของกู ทงเฮซาบซึ้งน้ำตาเล็ดอยู่ไม่ถึงสิบวิ ก็ต้องหยุดความคิดนั้นไปโดยปริยาย เมื่อได้ยินที่ฮยอคแจเอ่ยเป็นประโยคถัดมา

    “อย่างนั้นน่าจะเรียกว่า ผีแม่ม่ายผัวหายตายซาก มากกว่านะ”

    “ไอ้ไก่!!!

    คราวนี้ไม่ต้องรอให้ถูกด่ากระทบอีกเป็นครั้งที่สาม

    ทงเฮลุกขึ้นยืนจังก้า ชี้หน้าซีวอน และฮยอคแจที่โดดเข้าไปหลบหลังผัวรักให้มันเป็นบังเกอร์ให้ หลังเอ่ยปากด่าเพื่อนเตี้ย จนหายจากอาการซึมกะทือมาเป็นอาการเต้นเร่าๆ แบบเจ้าเข้าทรง

    “พูดจาหมาๆแบบนี้ เพราะติดเชื้อจากน้ำลายไอ้วอนมาหรือไงห๊ะ อีฮยอคแจ!

    “ถ้าฮยอคแจจะติด กูว่าน่าจะติดจากทางเมิงมากกว่านะ” ซีวอนแย้งเสียงหลง ตาล่อกแล่ก ทงเฮเลยเชิดคาง ทำเสียงยานๆแบบโคตรกวนตีน

    “อ้อเหรอ~~” ทงเฮส่งเสียงเหอะในคออย่างดูแคลน

    นึกว่ากูโง่จนดูไม่ออกหรือไง ว่าช่วงวันเสาร์อาทิตย์ พวกเมิงไปทำอะไรกันมา?

    แค่กูเห็นรอยแดงๆบนต้นคอขาวๆของไอ้ไก่ กูก็เข้าใจไปถึงโลกหน้าแล้วเฟ้ยยยย ไม่ต้องมาทำเป็นพูดกลบเกลื่อน ปิดบังน้องชายนักเขียนนิยายอีโรติก เรทเอ็นซีสามสิบพีเอบวกๆ อย่างกูซะให้ยากเลยเมิง หึ๊!

    ทงเฮหรี่ตาส่อแววแบบรู้ทัน จนคนกินปูนร้อนท้องอย่างซีวอน ต้องรีบวกกลับเข้าประเด็นเดิมให้ได้ มิเช่นนั้นไอ้เตี้ยผู้ลืมสูงผู้นี้ ต้องขุดคุ้ยเรื่องส่วนตั๊วส่วนตัวของพวกเค้าออกมาแฉแต่เช้าอย่างแน่นอน

    “ก...ก็เออน่ะสิวะ! แล้วอีกอย่าง เมิงเป็นเหี้ยไรเนี่ย โทรไปหาก็ไม่รับ แถมวันนี้ยังมาแบบซังกะตายอีกต่างหาก เดทวันเสาร์ไม่หนุกเหรอไงห๊ะเมิง?”

    ซีวอนลองแหย่ถาม เพื่อให้ได้ข้อมูลชิ้นสำคัญที่ต้องการ แต่สำหรับทงเฮ แค่ถูกสะกิดต่อมให้ต้องหวนนึกไปถึงเรื่องวันก่อนนั้น อารมณ์บ่จอยก็แล่นปรี้ดเข้าสู่กระแสลมปราณให้ต้องทำหน้ามุ่ยเป็นปลาเน่าอีกรอบจนได้

    “อ่า... มันเงียบไปอีกแล้วอ่า ชั้นอุตส่าห์เสี่ยงตายด่าสะกิดต่อมโมโหให้มันลุกขึ้นมาพูดปาวๆได้แล้วนะ นายอย่าทำให้เสียเรื่องสิ ซีวอน!” ฮยอคแจกระซิบดุคนรัก เมื่อเห็นคนตัวน้อยทำตาเหม่อลอยสลับกับการกัดปากเคืองๆ

    เพื่อนกู อนาคตแขกวีไอพี โรงบาลบ้าแหงๆ = ___ =;

    “โธ่ ฮยอคแจอา~ ชั้นก็แค่จะถามมันเรื่องเดทนิดหน่อยเอง ใครจะไปคิดว่ามันจะสติหลุดไปอีกล่ะ เฮ้ออออ” ถอนหายใจ ก่อนเอื้อมมือไปคว้าไม่บรรทัดบนโต๊ะมา แล้วใช้มันจิ้มๆเขี่ยๆร่างเตี้ยตันของเพื่อนรักในกลุ่มซีอึนเหี้ย เอ้ย! ซีอึนเฮ เผื่อมันจะรู้สึกตัวจากแรงสะกิดของเค้าขึ้นมาบ้าง

    “โว้ยยยย เอาไม้บรรทัดเขี่ยหาบิดาเมิงเหรอไอ้ฉ่อย!! กูไม่ใช่อุนจินะโว้ย เขี่ยอยู่ได้”

    ในที่สุดมันก็เพิ่งจะสำนึกได้ว่ากำลังถูกกระทำเหมือนเป็นสิ่งปฏิกูล ทงเฮร้องโวยวาย ปัดไม้บรรทัดออกจากร่าง ระหว่างที่ซีวอนแอบหันไปขยิบตาให้ฮยอคแจที่หลบอยู่ข้างหลัง ประมาณว่า ได้ผลแล้ว เห็นมั้ยล่ะ!?

    “เออๆ โทษที ก็กูเห็นเมิงเงียบไปนี่นา เลยสงสัยว่าไหลตายไปหรือเปล่า เลยลองเอาไม้เขี่ยดู เท่านั้นเอง”

    “ไอ้เชี่ยวอน ปากเมิงนี่วอนนันยางกูจริงๆนะ” ด่าให้ พร้อมยกเท้าขึ้นมาวางบนเก้าอี้ โชว์รองเท้าสุดรักสุดหวง  อย่างพราวทูพรีเซนต์เหลือเกิน

    “เคยได้ยินมะ ...นันยาง เก๋ามาตั้งแต่รุ่นพ่ออ่ะ”

    “ไม่เคย” ซีวอนสั่นหน้า

    “แต่กูว่าของเมิงมันไม่ได้เก๋าหรอก แต่มันเก่ามาตั้งแต่รุ่นพ่อมากกว่าว่ะ ที่บ้านเมิงไม่มีเครื่องซักผ้าหรือไงเนี่ย สกปรกชิบ!! รีบๆเอาลงจากเก้าอี้เรียนกูเลยนะ สาดดดดด” จับข้อเท้าเล็กให้กลับไปยืนสองขาเหมือนเดิม แล้วเอ่ยต่ออย่างเหนื่อยหน่ายกับสันดานเพื่อน

    “นี่ทงเฮ กูถามเมิงจริงๆเถอะว่าเกิดอะไรขึ้น วันนี้ดูเมิงอารมณ์ไม่ดีเลยนะ”

    “กูก็เป็นของกูอย่างนี้แหละ เมิงจะทำไม”

    “อ่าว เดี๋ยวถ้าเกิดเมิงอารมณ์เสียแล้วหน้าเหี่ยวก่อนวัย ก็จะกลายเป็นมลพิษทางสายตาของเพื่อนอย่างพวกกูที่ต้องทนมองหน้าเหี่ยวๆของเมิงน่ะสิวะ จริงมั้ย ฮยอคแจ โอ๊ย!

    พอหันไปถาม เมียที่เคารพรักก็แจกมะเหงกให้ลูกโตๆ โทษฐานเห่าไม่ดูสถานการณ์ ฮยอคแจรีบโผล่หน้าไปยิ้มประจบทงเฮที่กำลังเดือดปุดๆเป็นปลาต้ม ให้ใจเย็นลง ยุบหนอพองหนอ จะได้คุยกันรู้เรื่องมากกว่านี้

    “อย่าไปฟังที่ซีวอนมันพูดเลย ทงเฮอา ที่กูว่าเมิงไปเมื่อกี้ก็เพราะกูเรียกเท่าไหร่ๆเมิงก็ไม่ขานนี่นา”

    “กูไม่ได้ยิน”

    “หูตึงเหรอเมิงอ่ะ”

    “ซีวอน!” ฮยอคแจเอ่ยปรามอีกครั้ง ทงเฮจึงได้ช่องด่ากระทบทันที

    “เมิงช่วยดูแลแฟนเมิงด้วยล่ะไอ้ไก่ อย่าให้เพาะพันธ์หมาในปากมากเกินไป เดี๋ยวถ้าได้ลงกินเนสบุ๊คว่าเป็นนุษย์ที่ปากหมาที่สุดในโลก แล้วจะอายเค้าเปล่าๆนะ”

    พูดจบก็ยักคิ้วกวนๆใส่ซีวอนหนึ่งที จนคนตัวสูงเกือบทนไม่ได้

    ต้องขอเอาเลือดชั่วๆออกจากปากยียวนของมันหน่อยเหอะวะ!

    “ไม่เอาน่า ซีวอน”

    ฮยอคแจดันอกแฟนหนุ่มให้ออกห่างเพื่อนปลา ก่อนส่งสายตาเป็นเชิงให้ออกไปไกลๆ เค้าจะเป็นคนคุยกับทงเฮเอง

    “แต่...ฮยอคแจอา~

    ซีวอนทำกระเง้ากระงอด แต่ก็ถูกฮยอคแจดุผ่านสายตาให้หุบปาก

    ปั๊ดเดี๋ยวเจอฤทธิ์ไก่พิฆาตแล้วจะรู้สึก!

    “ฮึ!” พ่อม้าหนุ่มพองลมตรงแก้มเหมือนจะน่ารัก -*- บอกผ่านอวัจนภาษาว่า กำลังงอนตุ๊บป่องอยู่นะ แต่ที่ยอมทำตามแต่โดยดี เพราะกูคืออภิชาตผัว

    ...ซึ่งต้องอยู่ในโอวาทอภิชาตเมียอย่างฮยอคแจ นั่นเอง~ T T

    คิดได้อย่างนั้นก็ก้มหน้าทำคอตก แล้วยอมลงให้ด้วยการสะบัดตูดเดินออกไปฆ่าเวลานอกห้อง ระหว่างที่รอให้ฮยอคแจคาดคั้นเอาความกับไอ้มหาเตี้ยทงเฮ

    เพื่อความรักอันเจริญงอกงามของสองเรา วอนทนด้ายยยยยยยยยย

    “ทงเฮ~

    เมื่อจัดการกับตัวปัญหานัมเบอร์วันอย่างซีวอนได้แล้ว ฮยอคแจจึงหันมาเอาใจไอ้ตัวปัญหานัมเบอร์ทูอย่างทงเฮ

    “อย่าไปโกรธซีวอนมันเลยนะ ถึงปากมันจะเป็นอย่างนั้น แต่ใจจริงมันก็ห่วงเมิงไม่ต่างกับกูหรอก เชื่อสิ”

    ทงเฮทำปากอูด นึกค้านคำพูดของฮยอคแจในใจ แต่ก็ไม่ได้เถียงคุณเพื่อนที่กำลังอินเลิฟให้เกิดการระคายเคืองหู  

    “เออๆ กูรู้หรอกน่า”

    “ถ้าอย่างนั้น วันนี้เมิงเป็นอะไรวะ กูเห็นมาตั้งแต่ตอนที่เมิงเดินเข้าโรงเรียนแล้ว ยังกะซอมบี้ลืมทางกลับหลุมยังงั้นแหละ ...เรียกก็ไม่ขาน แถมตอนเจอไอ้พวกสี่แยกปากหมาตะโกนแซว เมิงก็เฉยๆ แล้วก็เดินผ่านไป ไม่ยักจะวิ่งไปแจกรอยตีนบนหน้าพวกมันสักนิด” ฮยอคแจร่ายยาวเป็นหางว่าว ก่อนสรุปปิดท้าย

    “ตกลงเมิงเป็นอะไรกันแน่วะ ทงเฮ~

    “กูไม่รู้” โกหกคำโต แต่ฮยอคแจก็ไม่ยอมแพ้ ลองแย็บไม้เด็ดออกมา เพื่อว่ามันจะจี้ใจดำใครบางคนได้

    “หรือว่าเกี่ยวกับเดทวันเสาร์?”

    “กูไม่รู้”

    “เครื่องเล่นไม่สนุกหรือไง?”

    “กูไม่รู้“

    “หรือเพราะคนที่ไปด้วย?”

    “กูไม่รู้“

    “คิมคิบอมใช่มั้ย?”

    “ก็บอกว่า กูไม่รู้ๆๆๆๆๆๆ ไงเล่า เซ้าซี้อยู่ได้!!!

    ทงเฮตะคอกใส่เพื่อนตัวบางด้วยอารมณ์ที่ถูกขุดคุ้ยจนขุ่นมัว และนั่นยิ่งทำให้ฮยอคแจแน่ใจสุดๆเลยว่าคิบอมต้องเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ทงเฮกลายเป็นมนุษย์เมนส์อย่างในตอนนี้แน่นอน!

    “เออๆ กูไม่เซ้าซี้เมิงก็ได้ กูแค่อยากช่วยเมิงแบ่งเบาภาระในใจเท่านั้นเอง” บอกพลางตบบ่าเพื่อนเบาๆ ประมาณว่า กูเป็นที่พึ่งให้เมิงได้นะ มายเฟรนด์~ ก่อนเอ่ยสำทับหนักแน่น

    “อย่าลืมสิ ทงเฮ สองหัวย่อมดีกว่าหัวเดียวนะ”

    ถ้าเป็นเมื่อก่อน วาทศิลป์ระดับ Mr. Simple ของฮยอคแจ คงไม่ได้ระคายผิวความตอแหลของทงเฮเลยแม้แต่น้อย หากทว่า ณ บัดนาว ตอนที่จิตใจกำลังว้าวุ่น คำพูดโน้มน้าวของแม่ไก่เหงือกแดง ก็ดูเหมือนจะมีพลังสะกดจิตให้หลงคล้อยตามได้อย่างง่ายดายจนน่ากลัว

    “สัญญานะว่า ถ้ากูเล่าให้เมิงฟัง เมิงห้าม! เอาไปเล่าต่อให้คนอื่นฟังเด็ดขาด”

    “แม้แต่ซีวอน?”

    “เออ” ทงเฮพยักหน้าเครียดๆ “ยิ่งไอ้วอนน่ะตัวดีเลย ห้ามไปบอกมันเด็ดขาดเลยนะ!

    “อื้อ!” ฮยอคแจพยักหน้าถี่ๆ ให้รู้ว่าเค้าพร้อมจะปฏิบัติตามข้อกำหนดของทงเฮอย่างไม่มีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น

    “เล่ามาเถอะเมิง จะได้สบายใจ” ฮยอคแจค่อยๆตะล่อมเพื่อนผู้อมทุกข์หนักอกให้คายความลับออกมาทีละน้อย

    ทงเฮทำหน้าลังเลใจอยู่ชั่วครู่ ก่อนตัดสินใจเปิดปากเล่าเสียงเหมือนยุงกระซิบ “คือว่า..............”

    “อีทงเฮ!

    เพียงแค่เริ่มเผยอปาก เสียงแหลมใสของ ประธานสมาคมคนรักคิเฮ ...ชิมแชอึน ก็ดังทะลุโสตประสาทขึ้นมาทันที  ก่อนที่ตัวของหล่อนและพรรคพวก จะปราดเข้ามาหาทงเฮอย่างรวดเร็ว ผลักฮยอคแจจนกระเด็นออกนอกวงโคจร แล้วกระชากคอเสื้อขึ้นมาถามคาดคั้น

    “นั่นมันหมายความว่ายังไงกันห๊า!?

    “เอ่อ......” โดนกระทำชำเราโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เป็นเหตุให้ทงเฮทำหน้าบิดเบี้ยวด้วยความงุนงง

    จู่ๆเจ๊แกก็เข้ามาถามแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย แล้วฟายที่ไหนมันจะไปตรัสรู้ได้ล่ะฟระว่า ไอ้หมายความว่ายังไงน่ะ ...มันหมายความว่ายังง๊ายยย (พูดเองก็งงเองเว้ยเฮ้ย -*-)

    “ไม่ต้องทำมาเป็นไขสือเลย อีทงเฮ” แชอึนวีนเสียงสูงกว่าเดิม

    “ใช่ อย่ามาทำเป็นไขสือหน่อยเลย~

    ประโยคถัดมาจากของแชอึนคือการประสานสียงของสองสาวชาวฟ้าเหลือง ที่ทำหน้าประหนึ่งว่าโกรธกับเค้ามามากกว่าสิบชาติ

    “นายไปทำอะไรไว้ คิบอมถึงได้ประชดกันแบบนั้นล่ะห๊า”

    “เห.....?” ทงเฮยกมือขึ้นเกาคางแกรกๆ พร้อมเอ่ยทวนแบบไม่แน่ใจว่าได้ยินถูกมั้ย

    “คิบอม? ประชด?”

    “ก็ใช่น่ะสิ!!!

    แชอึนเค้นเสียงพูดลอดไรฟัน ก่อนกำคอเสื้อทงเฮแน่น แล้วใช้กำลังของหญิงเหล็กแห่งศตวรรษที่ 21 ลากถูลู่ถูกังร่างของชายหนุ่มมาถึงตรงริมหน้าต่าง พร้อมเสียงโวยวายและการขัดขืนแบบเงอะๆงะๆของทงเฮ จนฮยอคแจที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วยกันต้องร้องเสียงหลง กลัวว่าเพื่อนปลาจะโดนฆาตรกรรมซึ่งๆหน้า

    “นี่...จะมากไปแล้วนะ!

    ฮยอคแจกะจะเข้ามาช่วย แต่ก็ดันถูกหญิงสาวลูกกระจ๊อกของเจ็ใหญ่แชอึน เข้ามาล็อคแขนขวางไว้

    “ถ้าไม่อยากแขนหัก ก็อยู่นิ่งๆซะ!

    น้ำเสียงโหดๆบวกกับหน้าเหี้ยมๆของเจ้าหล่อน ทำให้ชายหนุ่มอกสามศอกลดระดับความฮึกเหิมที่จะเข้าไปช่วยเพื่อน เหลือเพียงแค่การก้มหน้าก้มตาสวดมนต์ พุทโธ ธัมโม สังโฆ อาเมน ให้ทงเฮรอดพ้นจากเงื้อมือ(นาง)มารเท่านั้น

    ...เจริญเถอะเมิง อีฮยอคแจ  (= ___ =*)

    ทงเฮทอดตามองสภาพเพื่อนซี้ด้วยความสังเวชใจ ไม่แพ้สภาพของตัวเอง ก่อนจะถูกแม่เสือสาว แชอึน จับหัวทุยๆ ให้หันออกนอกหน้าต่าง พร้อมกำชับดุดัน

    “ดูสิ! ว่านายทำอะไรลงไป”

    ไอ้ครั้นจะลองดีด้วยการหลับตาปี๋ ไม่ยอมทำตามคำสั่ง ทงเฮก็เกรงว่าเจ๊แกจะผลักเค้าออกนอกหน้าต่าง ให้ตกตึกตาย โทษฐานกวนส้นตีนไม่ดูเวล่ำเวลา ร่างบางเลยจำใจต้องมองภาพของนักเรียนที่กรูกันอยู่ตรงประตูหน้าโรงเรียน โดยมีจุดสนใจเพียงหนึ่งเดียวนั่นก็คือ...

    “ยัยนั่นเป็นใคร ทำไมถึงอี๋อ๋อกับคิบอมถึงขนาดนั้นล่ะห๊า... หัดทวงสิทธิ์ของการเป็นแฟนหน่อยสิอีทงเฮ ไม่ใช่นั่งซื่อบื้อเป็นนางเอกนิยายน้ำเน่าอยู่ได้ เดี๋ยวนังนั่นก็คาบคิบอมไปกินหรอก เข้าใจมั้ย!?

    ด่าไปก็เขย่าคอทงเฮจนหัวสั่นด๊อกแด๊กไปตามแรงแค้น จวบจนอีกฝ่ายตวาดกร้าว พร้อมสะบัดตัวออกโดยแรง จึงหยุดอาการแชอึนได้ในที่สุด

    “ไม่เข้าใจโว้ยยยยยย”

    ทงเฮตะโกนลั่นห้อง โดยไม่อายสายตาสอดรู้สอดเห็นของใครใดๆทั้งสิ้น

    แค่ต้องมาเห็นภาพยัยชอลลี่ลงมาจากรถด้วยกันกับคิบอม แถมยังเกาะแขนออดอ้อนออเซาะจนเกินหน้าเกินตา ก็เหมือนต้องมาทนดูหนังห่วยๆฉายซ้ำอีกรอบ ให้ความโกรธที่กรุ่นๆอยู่ในอก พุ่งปรี๊ดจนทะลุเพดานความอดทนจนได้

    “หมอนั่นจะไปไหนกับใครมันไม่เกี่ยวอะไรกับชั้นสักหน่อย เลิกมายุ่มย่ามกับชีวิตคนอื่นเค้าซะทีได้มั้ย”

    “ไม่ได้!” แชอึนและพรรคพวกประสานเสียงกันปฏิเสธแบบแทบจะไม่ต้องคิดเลยด้วยซ้ำ

    “พวกชั้นอุตส่าห์ยกคิบอมให้คนอย่างนายแล้วนะ แล้วจะปล่อยให้ถูกชะนีที่ไหนมาชุบมือเปิบง่ายๆได้ยังไงกัน”

    ทงเฮพรูลมหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ท้าวเอวพูดด้วยความรำคาญ

    “หมอนั่นเปลี่ยนใจไปชอบคนอื่นนิ  ไม่ใช่ความผิดของชั้นสักหน่อย”

    “ทำไมจะไม่ใช่ความผิดของนาย” หญิงสาวคนที่จับตัวฮยอคแจไว้พูดว่าขึงขัง “เป็นความผิดของนายเต็มๆเลยต่างหาก ที่ไม่มีสเน่ห์พอที่มัดใจคิบอมไว้ได้”

    “หา?” ไม่ใช่แค่ทงเฮที่อ้าปากค้าง ตกตะลึงในความมั่วนิ่มของไอ้กลุ่ม ครคฮ. ติ๊งต๊องนี่ ฮยอคแจที่ได้ยินก็มีอาการไม่ต่างกันสักเท่าไหร่

    “ช่ายยยย”

    แชอึนกอดอก พร้อมพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของเพื่อนร่วมก๊วน

    “เพราะฉะนั้น นายต้องทำยังไงก็ได้ ให้คิบอมกลับมาจับคู่ชู้ชื่นกับตัวเอง ไม่อย่างนั้น..........” หล่อนละไว้ในฐานที่เข้าใจ แต่ก็ไม่วายทำท่าประกอบด้วยการเอานิ้วชี้ปาดคอ แสดงให้เห็นอย่างโจ่งแจ้งว่า เมิงตายแน่ หากไม่ยอมกลับมาคืนดีกับ   คิบอม แล้วเขี่ยยัยชะนีคนนั้นให้ออกจากเส้นทางรักโดยเร็ว

    “หวังว่ะพวกเราคงไม่ต้องใช้มาตรการถึงขั้นนั้นกับนายหรอกนะ อีทงเฮ~

    ทิ้งท้ายไว้อย่างน่าสยองขวัญ พร้อมตบบ่าร่างบางแบบเน้นๆเป็นเชิงขู่ ก่อนใช้สายตาบอกให้ลูกน้องปล่อยตัวฮยอคแจได้ และพากันออกไปจากห้อง เมื่อได้มาระบายอารมณ์ใส่เป้าหมายสมใจอยาก

    “ทงเฮอา เมิงไม่ต้องกลัวนะ เดี๋ยวกูจะช่วยเมิงเอง”

    เพื่อนดีเด่นอย่างฮยอคแจรีบปรี่เข้ามาให้กำลังใจทงเฮที่ยืนหน้าซีดเป็นปลาต้มอยู่ตรงนั้น พร้อมปฏิญาณกับตัวเองในใจว่า...

    แล้วกูจะช่วยเมิงด้วยการบอกซีวอนให้มาสวดส่งวิญญาณเมิงให้ไปสู่สุขคติล่ะกันนะ ไอ้ด๊องเอ้ย

    อาเมน~

    *************************


                หากจะยอมรับตามความจริงแล้ว สิ่งที่รบกวนหัวใจของทงเฮให้คันยุบยิบมาตั้งแต่แรก ไม่ใช่การโผล่มาแบบไม่ทันตั้งตัวของยัยชอลลี่อะไรนั่นหรอก

               แต่เป็นเพราะท่าทีของคิบอม ที่เหมือนจะปฏิบัติต่อผู้หญิงคนนั้นอย่างเป็นพิเศษ ผิดไปจากคนอื่นๆมากกว่า ที่ทำให้ทงเฮหงุดหงิด จนเผลอทำตัวไร้เหตุผล แล้วหนีกลับไปก่อนดื้อๆแบบนั้น

    “แต่กูก็ไม่ได้สะบัดตูดกลับไปทันทีเลยนะเมิง กูก็อุตส่าห์ทำเป็นไปเข้าห้องน้ำก่อนกลับ ประวิงเวลา ให้โอกาสมันตามมาแก้ตัวที่ทำให้กูโมโห แต่ที่ไหนได้ ....ไม่เห็นแม้แต่เงาอ่ะ!

    ทงเฮเบะปาก ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ จนฮยอคแจใจเสีย กลัวมันจะปล่อยโฮกลางอากาศ ทำให้ข้าวมื้อเที่ยงที่อุตส่าห์ยอมสละของซีวอนผัวรักมาประเคนให้มันแดก ถูกขว้างปาทิ้งอย่างโหดเหี้ยม เพราะความเจ้าอารมณ์ของไอ้เตี้ยนี่แหละ -*- โธ่ถัง ข้าวกล่องสื่อรักของกรู๊~

    “คิบอมอาจจะหาเมิงไม่เจอก็ได้นะ”

    “หาไม่เจอก็โทรมาเด่ะ” ทงเฮบ่นอย่างน้อยอกน้อยใจ

    “มีมือถือไว้ทำซากปูดองอะไรวะ ไอ้บ้านั่น”

    ฮยอคแจที่ต้องบอกลาการกินข้าวกลางวันสองต่อสองกับซีวอน แล้วมานั่งฟังคุณเพื่อนปลาปรับทุกข์บนดาดฟ้าโรงเรียน ชักจะเริ่มคิดว่า กูไม่น่าเสนอตัวมาช่วยมันเล้ยยยย ให้ตายสิพับผ่า!

    ก็ไอ้เตี้ยมันเล่นตัวชิบหาย ชอบเค้าแล้วยังทำปากแข็งอีก แทนที่จะมานั่งบ่นให้กูฟังอย่างนี้ เมิงควรจะเอาเวลาไปแย่งตัวคนรักคืนจากชะนีนางนั่นไม่ใช่หรือไง ทงเฮ๊!!!

    เฮ้ออออ ไก่เครียดดดดดดดด (=__________=;)

    “คิบอมอาจจะโทรแล้ว แต่ไม่ติดก็ได้นี่นา”

    “เมิงไม่ต้องมาแก้ตัวแทนมันเลย ฮยอคแจ” ทงเฮยกมือปรามให้เพื่อนตัวบางหยุดเข้าข้างคิบอมเสียที

    “ถ้ามันคิดจะมาตามง้อกูจริงๆล่ะก็ อย่างน้อยวันนี้มันก็ต้องมาดักรอกูหน้าบ้านแล้ว ...ไม่ใช่นั่งรถมาแบบหน้าระรื่นกับยัยนั่น!” ดวงตาลุกวาวยามที่นึกถึงภาพเมื่อเช้า แค่คิดก็แค้นจนแทบกระอักเลือดแล้ว

    “เออ แล้วทำไมคิบอมต้องมาตามง้อเมิงด้วยอ่ะ?”

    คำถามของฮยอคแจทำเอาทงเฮสะดุดกึก ไปต่อแทบไม่ถูก

    “มะ...มัน..ก็........”

    “ถึงเมิงกับเค้าจะเป็นแฟนกันก็เหอะ แต่เมิงบอกเองนิว่าเป็นกันหลอกๆ ไม่ได้จริงจังอะไร แล้วเมิงจะโวยวายไปทำไมวะ ถ้าตัวจริงเค้าโผล่มา”

    ประโยคสุดท้ายของฮยอคแจเป็นดั่งขีปนาวุธ ที่มีอานุภาพทำลายล้างขั้นรุนแรง ทำให้คนถูกยิงถึงกับนิ่งอึ้งไปหลายวินาที ก่อนจะเรียกสติให้กลับคืนมาโต้ตอบกับอีกฝ่ายได้

    “กูก็ไม่ได้โวยวายอะไรสักหน่อย ก็แค่...”

    “หึง?”

    “พูดอะไรหมาๆวะ ฮยอคแจ”

    “อ้าว ถ้าเมิงไม่หึงเค้า แล้วจู่ๆเมิงจะงอนเค้าทำไมอ่ะ?”

    “................”

    “แล้วที่เมิงเดี๋ยวโกรธเดี๋ยวซึม ก็เพราะคิบอมเค้าไม่ตามมาง้อเมิงให้หายงอน ใช่มั้ยล่ะ” ฮยอคแจบีบจมูกทงเฮอย่างหมั่นเขี้ยว แล้วเอ่ยต่อ “กูจะบอกอะไรเมิงไว้อย่างนะ ทงเฮ”

    “เมิงจะหลอกใคร ก็หลอกได้ แต่เมิงหลอกตัวเองไม่ได้หรอกนะ”

    ทงเฮกระพริบตาปริบๆ แล้วปัดมือฮยอคแจให้ออกจากปลายจมูกของตัวเอง บ่นอุบอิบ

    “เชี่ย กูหายใจไม่ออก” ฮยอคแจยิ้มให้กับความดื้อของเด็กน้อย แล้วกล่าวลอยๆ “เมิงไม่ต้องเชื่อกูก็ได้ แต่เมิงต้องเชื่อใจตัวเองสิ ไอ้ปลาบู่~

    “เชื่อใจตัวเองเอี้ยอะไร”

    “เชื่อว่าใจเมิง ชอบคิบอม ยังไงล่ะ”

    “ห๊า!” ทงเฮเบิกตาโตแทบจะถลนออกนอกเบ้า

    “พูดอะไรของเมิงเนี่ย ไอ้ไก่!?

    “ก็แค่พูดในสิ่งที่เมิงไม่กล้าพูดเท่านั้นแหละ เหอๆ” เสียงหัวเราะของฮยอคแจฟังคล้ายกำลังดูแคลนอยู่หน่อยๆ จนทงเฮอดรนทนไม่ไหว ต้องลุกขึ้นมายืนประจันหน้ากับร่างโปร่งที่นั่งขัดสมาธิ พร้อมตะเบ็งเสียงลั่นดาดฟ้า

    “ใครว่ากูไม่กล้าวะ!?

    “งั้นเมิงก็พิสูจน์ให้กูดูสิว่าเมิงกล้าแค่ไหน”

    “เออ เดี๋ยวเมิงได้เห็นแน่ อีฮยอคแจ”

    “เดี๋ยวน่ะเมื่อไหร่ ชาติหน้าหรือเปล่า กูจะได้ไม่รอ”

    “ไอ้ไก่!!!!!

    “ฮ่าๆ กูล้อเล่นน่า” ฮยอคแจบอกพลางกระตุกชายกางเกงของทงเฮให้กลับมานั่งเหมือนเดิม

    “ฮึ่ยยยย เมิงนี่นะ”

    ทงเฮทำเป็นฮึดฮัดนิดหน่อย ก่อนยอมทิ้งตัวนั่งลง แล้วหยิบตะเกียบและกล่องข้าวมาโซ้ยต่อด้วยอารมณ์ไม่ค่อยจะสู้ดี “ดูสิ กูกินข้าวไม่อร่อยเลย”

    “ต้องให้คิบอมป้อนถึงจะอร่อยเหรอเมิง”

    “อีฮยอคแจ!!!” ทงเฮเรียกชื่อเต็มเพื่อนที่ทั้งยิ้มทั้งหัวเราะจนเห็นเหงือกแดงแจ๋ พร้อมทำตาขวาง

    “เมิงนี่ต้องติดเชื้อปากหมาของไอ้ฉ่อยมาแน่ๆเลย แต่ก่อนปากเมิงไม่แอดว๊านซ์ถึงขั้นนี้นี่นา”

    “ก็นิดหน่อยล่ะมั้ง” ฮยอคแจยักไหล่

    “เออ ว่าแต่เมิงไม่เห็นเล่าเรื่องระหว่างเมิงกับไอ้วอนให้กูฟังเลยนี่นา” พอนึกขึ้นมาได้ ทงเฮจึงเอ่ยปากถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

    “ก็ไม่มีอะไรนิ”

    “ไม่มีอะไรได้ไง เห็นอยู่ทนโท่ว่าพวกเมิง....”

    “พวกกูทำไม?”

    ทงเฮตอบคำถาม ด้วยการยื่นหน้าเข้ามาหาฮยอคแจ พร้อมหลับตาพริ้ม ทำปากจู๋ สื่อว่า

    .....พวกเมิงเคยคิสกันแล้วใช่ม้า~~

    “หึ” ฮยอคแจส่งเสียงหัวเราะในลำคอ ทำให้ทงเฮลืมตาขึ้นมามองรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของคนตัวขาวอย่างงงงวย

    “ทำอย่างกับว่าเมิงไม่เคยทำกับคิบอมอย่างนั้นแหละ”

    ….!?......”

    ทงเฮหน้าแดงแปร๊ดทันทีที่ถูกจับได้ และเมื่อเห็นปฏิกิริยาของเพื่อนเป็นไปในทางนั้น ฮยอคแจจึงเดินหน้าสุมไฟเข้าไปเป็นการใหญ่

    “แต่ถึงเมิงทำก็ไม่ผิดอะไรนิ ก็เมิงชอบเค้าไม่ใช่เหรอ”

    “ก...กูเปล่านะ” บอกปัดเสียงหงุงหงิง

    “งั้นเมิงรังเกียจเวลาที่ถูกจูบหรือเปล่าล่ะ”

    ทงเฮพยายามคิดตามที่ฮยอคแจพูด แล้วไม่นานเค้าก็พบว่า ถึงแม้จะทำเป็นต่อต้านมากเท่าใด แต่ลึกๆแล้วเค้าก็ไม่เคยรังเกียจที่ต้องจูบกับคิบอมเลยสักครั้ง

    แถมที่เลวร้ายกว่านั้นคือ ....มันกลับทำให้เค้ารู้สึกดีอีกต่างหาก -///-

    โอ้ว มายก๊อด!

    “ถ้าใจเมิงไม่ได้รังเกียจ นั่นก็แปลว่าเมิงชอบคิบอม อย่างที่กูชอบซีวอนนั่นแหละ เข้าใจ๋?”

    ฮยอคแจสั่งสอนลูกรักเสร็จ ก็หันไปพุ้ยข้าวใส่ปากต่อ ปล่อยให้สติของทงเฮล่องลอยไปกับความคิดฟุ้งซ่านต่างๆนาๆ

    ท่าทางผีตุ๊ดคงไม่ได้เข้าสิงกูหรอก แต่สัญชาตญาณความเป็นตุ๊ดที่หลับใหลอยู่ในตัวกูคงถูกคิมคิบอมปลุกให้ตื่นขึ้นมาด้วยจูบครั้งแล้วครั้งเล่าแหงมๆเลยล่ะ แม่เจ้า!!  T T โฮกกกกกก


    *************************


              เมื่อถูกศิราณีฮยอคจี้ฟันธงมาฉับเบ้อเร้อแล้วว่า เค้ากำลังตกหลุมรักคิบอมเข้าโดยไม่รู้ตัว ทงเฮก็รู้สึกเหมือนขัดแย้งในตัวเองอยู่ตลอดเวลา

    ใจหนึ่งก็อยากจะเข้าไปเคลียร์สถานะความสัมพันธ์ระหว่างเค้าทั้งสอง ว่าอยากจะคบกันอย่างจริงจังจากนี้ต่อไป หรือคิบอมคิดจะเลิกกับเค้าเพื่อหันไปคบกับยัยเด็กยักษ์ ชอลลี่ แทนกันแน่?

    แต่อีกใจหนึ่งทงเฮก็กลัวว่า คิบอมจะเลือกชอลลี่มากกว่า แล้วตัดสินใจเลิกเล่นเกมแมวจับปลากับเค้า

    แค่คิดไปในทางนั้น ในอกก็ปวดหน่วงๆ จนแทบทนรับไม่ได้แล้วล่ะ โฮฮฮ

    “นี่ๆ ดูสิ คนนี้ไงที่ถูกคิบอมทิ้งไปคบคนใหม่น่ะ”

    “จริงเหรอเธอ น่าสงสารเนอะ”

    “แต่ก็อย่างว่าแหละ คิบอมคงไม่คิดจะจริงจังกับคนๆนั้นอยู่แล้วล่ะมั้ง ยังไงผู้หญิงสวยๆคนเมื่อเช้า ก็ต้องดีกว่าเด็กผู้ชายกะโปโลหน้ามันหัวยุ่งทั้งวันอยู่แล้วล่ะ”

    “ดูเหมือนผู้หญิงที่มากับคิบอมตอนเช้า เค้าจะรวยด้วยนะเธอ ชั้นมองไกลๆยังเห็นเลยว่าเสื้อผ้าแบรนเนมทั้งตัวเลยนะ อิจฉาชะมัด”

    “จริงเหรอ? ทั้งสวยทั้งรวยแบบนนั้น พวกเค้าก็สมกันเหมือนเจ้าหญิงกับเจ้าชายเลยน่ะสิ”

    “โรแมนติกจังเลยเนอะ”

    แม่เจ้าประคุณรุนช่อง จะนินทากันซึ่งๆหน้ายังไง ก็ช่วยลดโวลลุ่มลงหน่อยได้มั้ย เสียงพวกเจ๊นี่แบบว่าดังน้อยกว่าเอาโทรโข่งมาคุยกันนิดเดียวเองง่ะ -*-

    แล้วไอ้ท่าป้องปากทำเหมือนกระซิบนั่นก็เหมือนกัน ไม่ต้องทำให้เมื่อยกล้ามเนื้อต้นแขนหรอก ยังไงกูก็ได้ยินเต็มสองรูหูอยู่ดีแหละว่า

    อีทงเฮกำลังจะโดนทิ้ง เป็นปลาหัวเน่า เจ้าข้าเอ้ยยยยย!!!

    (T______T)

    โธ่ บร๊ะเจ้า จีซัส ทำไมถึงต้องมาทำให้ลูกรู้ใจตัวเอง เอาเมื่อตอนที่มีคู่แข่งเป็นสาวสวยรวยความสูงปรากฎตัวขึ้นด้วยล่ะน้อออ

    ทำไมไม่ดลบันดาลให้ลูกปิ๊งรักคิมคิบอมตั้งแต่แรกเห็น เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ลูกรับรองได้เลยว่า คิมคิบอมจะไม่มีทางรอดพ้นมารยาร้อยยี่สิบเก้าเล่มเกวียนของลูกไปได้อย่างแน่นอน TAT

    “เฮ้ออออออ” ทงเฮถอนหายใจเฮือก

    จมอยู่กับอดีตที่ย้อนกลับไปไม่ได้ยังไงก็ไร้ผล มีอยู่ทางเดียวคือ การมองตรงไปข้างหน้า แล้วหาทางพิชิตใจคิมคิบอมให้ได้ นั่นแหละถึงจะเวิร์คที่สุด!

    ทงเฮบิ้วท์อัพ ให้กำลังใจตัวเอง ในระหว่างที่กำลังเดินท่อมๆ มุ่งหน้าไปยังโรงยิม เพื่อการซ้อมในช่วงเย็น

    “อ๊ะ ทงเฮ~” เมื่อย่างเท้าเข้ามาในชมรม ซองมินก็เป็นคนแรกที่วิ่งตรงเข้ามาหา ด้วยท่าทางมีพิรุธทันที

    “ออกไปเอาของกับเราหน่อยสิ ...นะ” อ้อนด้วยรอยยิ้มฝืนๆ ก่อนจะเกี่ยวแขนทงเฮ พยายามลากให้ออกมาจากบริเวณนั้น แต่ก็สายไปแล้ว

    “โอปป้า สู้เค้านะค้า!!!!

    เสียงเชียร์แปร่งหูที่ดังออกมาจากภายในตัวอาคาร เรียกสายตาของทงเฮให้พุ่งมองไปยังจุดนั้นได้อย่างไม่ยากเย็น ก่อนที่จอเรตินาของเค้าจะปรากฎภาพของศัตรูหัวใจตัวฉกาจ ที่บังอาจแหยมหน้าเข้ามาในถิ่นของเค้า โดยไม่กลัวตาย

    “ทงเฮ~” ซองมินสะกิดเรียกร่างบางที่ยืนนิ่งเป็นหุ่นด้วยใจที่ไม่ค่อยจะสู้ดี

    กลัวเหลือเกินว่าคนปากแข็งอย่างทงเฮจะต้องมาช้ำในตาย เพราะภาพบาดตาบาดใจที่ต้องมาเห็นซ้ำๆ วันละสามเวลาหลังอาหารเช่นนี้

    “ชั้นบอกแล้วว่านายทำอะไรไม่ได้หรอก อีซองมิน” เสียงทุ้มนุ่มจากคนที่เดินมาหยุดยืนข้างๆ ทำให้ซองมินต้องตวัดลูกตากลมโตไปมองอย่างขุ่นเคือง

    “ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของพวกมันไปเถอะน่า” คยูฮยอนก้มลงมากระซิบเบาๆที่ข้างหู จนซองมินต้องย่นคอหนี กลัวมันจะฉวยโอกาสอย่างที่เคยทำตอนวันเสาร์ ก่อนขยับริมฝีปากตอบกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้

    “ชั้นจะทำอะไรมันก็เรื่องของชั้น”

    “หึ”

    “มือไม่ช่วยพาย ก็อย่าเอาเท้าราน้ำหน่อยเลย โจคยูฮยอน” ว่าเสร็จ ก็สะบัดหน้าหนีรอยยิ้มประหลาดๆของมัน เพราะมองแล้วเสียสุขภาพจิตเปล่าๆ

    “แต่บางทีการปล่อยให้เรือมันลอยไปตามกระแสน้ำ ก็ดีกว่าฝืนพายทวนกระแส จนเรือมันอับปาง ไม่ใช่เหรอ?”

    คำคมที่ออกมาจากริมฝีปากหยักสวยของหนุ่มหล่อประจำโรงเรียน ทำเอาซองมินถึงกับแย้งไม่ออก ได้แต่ค้อนประหลับประเหลือกให้คยูฮยอนแบบขอทีไป ก่อนจะกลับมาให้ความสนใจกับพวกทงเฮต่ออย่างลุ้นระทึก

    “กรี้ดดดดด คิบอมโอปป้าเก่งที่สุดเลยค้า~

    เสียงหวีดร้องของชอลลี่ยังคงดังอยู่อย่างต่อเนื่อง ทุกครั้งที่คิบอมชู้ตบาสลงห่วง ทำให้คนที่ได้แต่ยืนมองด้วยความอิจฉาอย่างทงเฮ ต้องกำมือแน่น สับสนในจิตใจของตัวเองว่าควรจะทำอย่างไรดี

    “เฮ้ย ทงเฮ ผู้หญิงคนนั้นใครอ่ะ ญาติคิบอมเหรอ?”

    อีมินซู หนึ่งในสมาชิกของชมรม ที่เพิ่งจะเดินเข้ามาในชมรมเหมือนกัน กระซิบถามทงเฮ ด้วยความสงสัย ก่อนเอ่ยเสริมอย่างหวาดๆ

    “ถ้ายังไงเมิงอย่าลืมไปบอกให้เธอออกไปก่อนโค้ชจะมาด้วยล่ะ เมิงก็รู้นิว่าโค้ชไม่ชอบให้คนนอกเข้ามายุ่มย่ามในชมรม แล้วยิ่งเป็นผู้หญิงที่ส่งเสียงโหวกเหวกด้วยแล้ว ระวังจะโดนอาเจ็กแกแร๊พจีนไล่ส่งเอานา~

    คำเตือนด้วยความหวังดีของมินซู ทำให้ทงเฮเหมือนพบเจอทางสว่าง

    ร่างบางเหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์ เค้าไม่น่าลืมอาวุธลับสำคัญชิ้นนี้ไปได้เลยนี่นา

    เพราะโค้ชฮันคือหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ ไม่มีแฟนคลับของคิบอมคนไหนกล้าแหยมหน้าเข้ามาส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดในชมรม เนื่องจากการออกโรงด่าด้วยภาษางิ้ว ทำเอาสาวๆต้องปิดหน้าร้องไห้กันระงมด้วยความเจ็บแค้นที่เถียงไอ้เจ๊กตาตี่นี่ไม่ทัน และฟังมันไม่รู้เรื่องนั่นเอง

    ด้วยเหตุนี้ เค้าก็ไม่เห็นต้องไปกลัวอะไรยัยชอลลี่เลยนิ เพราะถึงอย่างไร หากโค้ชมา ยัยชอลลี่ก็ต้องระเห็จออกไปนอกชมรมอยู่แล้วล่ะน้อออ  ฮั้วะๆๆๆ

    “อือ~ เดี๋ยวกูไปเปลี่ยนชุดก่อน แล้วจะออกมาบอกให้ล่ะกัน”

    บอกมินซูด้วยรอยยิ้มละไม ก่อนพากันเดินตรงไปยังห้องแต่งตัว โดยมีสายตาเป็นห่วงระคนลำบากใจของซองมินที่มองตามหลังไม่ห่าง

    “จะไล่ไปได้ง่ายๆแน่เร้อ ชอลลี่คนนั้นน่ะ”

    คยูฮยอนกล่าวขึ้นลอยๆ ซองมินจึงหันควับไปถามอย่างเอาเรื่องทันที

    “นายหมายความว่าไง”

    “ก็หมายความว่า หากโค้ชมาไล่แล้วยัยนั่นยังไม่ยอมไปล่ะ”

    “ไม่มีทางหรอก ใครๆก็ต้องกลัวโค้ชทั้งนั้นแหละ นายเองก็เคยเป็นเหมือนกันไม่ใช่หรือไง?” ซองมินเลิกคิ้วกวนๆ จนคยูฮยอนได้แต่นึกทึ่ง ไม่คิดว่ากระต่ายน้อยของเค้าจะมีด้านอย่างนี้ด้วยเหมือนกัน

    น่ารักชะมัดเลยแฮะ!!!

    “ก็ใช่” คยูฮยอนยอมรับ “แต่อาจจะไม่ใช่กับผู้หญิงคนนั้นก็ได้นะ หึหึ”

    ซองมินขมวดคิ้วงุนงงกับคำพูดกำกวมของคยูฮยอน แต่ท้ายที่สุดแล้ว เค้าก็เลือกที่จะทำเป็นไม่สนใจท่าทางแปลกๆนั่น ก่อนหมุนตัว เดินจากไป ทิ้งคยูฮยอนให้ยืนอยู่เบื้องหลัง พร้อมรอยยิ้มยียวนตามแบบบับของร่างสูง

    ชักจะสนุกแล้วสิ งานนี้~

     


    TBC.




    ตอนหน้าก็จบแล้วนะคะ ^^ ขอบคุณที่ติดตามฟิคเรื่องนี้มาตลอดกว่า 2 ปีค่ะ! ^w^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×