ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SJ FIC] !!! SLAM DUNK !!! (KIHAE)

    ลำดับตอนที่ #38 : III Slam Dunk III ...36... [THE END]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.53K
      17
      2 ต.ค. 54



    ทงเฮใช้เวลาเปลี่ยนเสื้ออย่างเนิบนาบ กะให้ตอนออกไป ก็ไม่เจอแม้แต่เงาหัวของหญิงสาวคู่อริ เพราะการพ่นสำเนียงกะเหรี่ยงยอดเขาเหลียงซานของโค้ชฮัน ที่ทงเฮคิดว่ามันจะทำให้เจ้าหล่อนต้องล่าถอยไปโดยปริยาย เนื่องจากไม่อาจต่อกรกับภาษาอันน่าพิศวงงงงวยของป๋าหานเกิงแกได้

     

    แต่ทงเฮกลับคิดผิดมหันต์!!!

     

    เพราะเมื่อก้าวออกจากห้องแต่งตัวไป เค้าก็ได้พบกับหญิงสาวเจ้าปัญหาที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ขณะกำลังคุยกันอย่างออกรสกับโค้ชฮัน สร้างความประหลาดใจให้แก่ทงเฮเป็นล้นพ้น ถึงกับต้องเรียกเพื่อนร่วมชมรม ที่ฝึกซ้อมอยู่แถวๆนั้น มาถามด้วยความสงสัย

    “อ้อ คุณหนูคนนั้นน่ะเหรอ”

    ตัวประกอบหน้าตาจืดๆหันไปมองจุดที่คนทั้งสองนั่งอยู่ ก่อนหันกลับมาเล่าให้ทงเฮฟังด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ ประมาณว่ากำลังท่องบทอาขยานอยู่ก็ไม่ปาน

    “พอโค้ชเข้ามาก็โดนดุอยู่สักพัก ก่อนจะคุยอะไรกันก็ไม่รู้ แล้วมาสรุปลงท้ายกลายเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องเรียนสำนักวิทยายุทธ์อะไรสักอย่างที่เมืองจีนเหมือนกันเฉยเลยอ่ะ”

    ฟังจบ โลกก็แทบจะถล่มลงตรงหน้าของทงเฮซะอย่างนั้น เพราะตัวช่วยสุดท้ายที่ทงเฮคิดว่าจะช่วยไล่มารหัวใจให้ออกไปจากชมรมได้อย่างฮันกยอง กลับกลายเป็นศิษย์พี่ของยัยชอลลี่ซะงั้น

    เมิงจะโลกกลมกันไปหน๋ายเว๊ กูจะบร้าตายยย!!! ฮือๆ

    “อ๊ะ! อาดงไห่ มานี้สิ” ยังไม่ทันจะได้ฟูมฟาย เล่นบทโศกให้คนอ่านเห็นใจในชะตากรรม ทงเฮก็ถูกโค้ชชาวจีนกวักมือเรียกหย็อยๆ ให้เข้าไปหาด้วยท่าทางเริงร่าจนน่าหมั่นไส้

    “มารู้จักกับอาชุนหลี่หน่อยเร็ววววว” นี่ถ้าไม่ติดว่าเกรงใจหมัดมังกรสะท้านฟ้าล่ะก็ จ้างให้ทงเฮก็ไม่ยอมเดินเข้าไปหาให้เสียหน้าหรอก

    “อ้าว พี่ทงเฮก็เป็นสมาชิกชมรมบาสด้วยเหรอคะ พี่คิบอมไม่เห็นเล่าให้ชอลลี่ฟังเลยแฮะ” พอเดินเอื่อยๆไปหยุดยืนตรงหน้า เจ้าหล่อนก็เริ่มเล่นสงครามประสาทกับเค้าทันที ด้วยการพูดจาคล้ายกับว่าหล่อนและคิบอมไม่มีอะไรที่เป็นความลับระหว่างกันอย่างนั้นแหละ

    ชิส์ ฟังแล้วก็อยากจะอ้วกโชว์ให้ดูซะตรงนี้เลยว่า ....กูเลี่ยน!!!  แค่ไหน

    “น้องชอลลี่ไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ เพราะยังมีเรื่องระหว่างคิบอมกับพี่ ที่น้องชอลลี่ยังไม่รู้อีกตั้งเยอะเลย พี่ว่าคิบอมเค้าคงไม่อยากเล่าให้ใครฟังหรอก เค้าบอกกับพี่ว่าจะเก็บไว้เป็นความลับระหว่างเราสองคนน่ะ”

    แอ๊คท่าตอแหลที่เพิ่งจะคิดได้สดๆร้อนๆ ด้วยการยกนิ้วชี้ขึ้นมาแตะริมฝีปาก พลางขยิบตาให้ชอลลี่ ดูน่ารักและน่าตบในเวลาเดียวกัน แต่ที่ทำก็เพราะตั้งใจให้มันยั่วโมโหนังเด็กนี่เนี่ยแหละ จะได้จำเสียทีว่าผู้ชายคนนี้ เป็นของใคร?

    “สองคงนี้ รู้จักกังมาก่อน ล่วยเหรอ?”

    ฮันกยองที่กำลังนั่งอยู่ระหว่างสงครามเย็น เอ่ยถามขึ้นอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่

    “ก็นิดหน่อยน่ะครับ โค้ช” ทงเฮตอบด้วยรอยิ้มเฟคๆ ส่วนชอลลี่ก็คลี่ยิ้มหวานตอบอย่างไร้เดียงสา แต่มีประกายกร้าวในดวงตาไม่แพ้กัน “บังเอิญไปเจอพี่ทงเฮ ตอนที่ชอลลี่ไปหาพี่คิบอมที่สวนสนุกเมื่อวันเสาร์น่ะค่ะ”

    “ฮ่อๆ อย่างนี้นี่เอง” ฮันกยองผงกหัวรับ ขณะที่มีกระแสไฟฟ้าแล่นผ่านหน้าตัวเองเปรี๊ยะๆ แต่โค้ชฮันผู้เอ๋อเหรอก็ยังไม่รู้สึกรู้สาอยู่วันยังค่ำ

    “แล้ววันนี้ลมอะไรหอบน้องชอลลี่ให้มาถึงโรงเรียนเราล่ะครับ” ทงเฮเริ่มเปิดศึกอีกครั้ง ด้วยนิสัยไม่ยอมคน

    “ก็ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ แค่ช่วงนี้ชอลลี่อยู่บ้านแล้วเบื่อๆ เลยตามมาส่งพี่คิบอมตอนเช้า แล้วกะจะมารับกลับตอนเย็น แต่พี่คิบอมบอกว่ามีซ้อมที่ชมรมต่อ ชอลลี่เลยขอมาดูด้วยเท่านั้นเองค่ะ”

    “น้องชอลลี่คงไม่รู้สินะครับ ว่าทางชมรมเรามีกฎไม่ให้บุคคลภายนอกเข้ามานั่งในนี้ด้วย”

    “อ้อ~ ถ้าเรื่องนั้น ชอลลี่ขออนุญาตโค้ชฮันเรียบร้อยแล้ว พี่ทงเฮไม่ต้องกังวลไปหรอกค่ะ ใช่มั้ยคะ โค้ช?” หันมาถามฮันกยองเพื่อจะยืนยันในสิ่งที่ตนพูดว่าเป็นความจริง และก็ได้รับคำตอบเป็นการพยักหน้าหงึกหงักจากอาจารย์ประจำชมรม สมใจอยาก สร้างรอยยิ้มท้าทายให้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าขาวเนียนของชอลลี่

    “อาดงไห่ ไม่ต้องห่วงหรอก อาชุนหลี่ อีบอกว่าแค่แวะมาดูเฉยๆ จะม่ายส่งเสียงหนกหูอารายท้างสิ้นเลย”

    “เหรอครับ” ทงเฮกัดฟันกรอด เจ็บแค้นที่ไม่สามารถยกเอาข้ออ้างเรื่องนี้มาไล่ผู้หญิงคนนี้ให้ออกไปได้

    สงสัยว่าต้องงัดแผนใหม่ออกมาใช้ซะแล้ว!

    “ถ้าอย่างนั้น ผมไปซ้อมกับคิบอมต่อเลยนะฮะ โค้ช”

    “หื้อ?” ฮันกยองครางเสียงสูงอย่างแปลกใจ เพราะแต่ไหนแต่ไรมา หากเค้าบอกให้ทงเฮไปฝึกท่าพื้นฐานกับคิบอม ไอ้ตัวเล็กเป็นต้องทำท่าจะเป็นจะตายขึ้นมาทันที ผิดกับวันนี้ที่มันขอเสนอตัวไปเอง โดยไม่ต้องให้ออกคำสั่ง

    น่าแปลกจริงเชียว

    “จะซ้อมเลยไม่ล่ายหรอก ดงไห่ ลื้อจะต้องไปวองอัพให้เรียบร้อยก่องนา”

    “ครับ โค้ช” ทงเฮรับคำแข็งขัน

    “แล้วถ้าผมวอร์มอัพร่างกายเรียบร้อยแล้ว โค้ชอย่าลืมเรียกคิบอมให้มาสอนผมแบบสองต่อสองด้วยนะครับ!

    ลอกประโยคคำพูดแบบเพี้ยนๆที่ฮันกยองเคยพูดมาใช้ เพื่อยั่วยุอารมณ์ของชอลลี่ให้ปั่นป่วนจนนั่งไม่ติดที่ ก่อนจะสตาร์ทออกวิ่งไปพร้อมด้วยรอยยิ้มสะใจ

    ในที่สุดสงครามระหว่างชะนีกับปลาปิรันย่าก็อุบัติขึ้นแล้ว ณ บัดนี้!

              ใครจะอยู่ใครจะไป เดี๋ยวได้รู้กัน ยัยชอลลี่เอ๋ยยยย หึหึ

     

    *********************************************

     

    ตึง ตึง

    เสียงลูกบาสกระเด้งตึงตังกระทบกับพื้นโรงยิมดังขึ้น พร้อมๆกับเสียงหอบหายใจถี่ๆของทงเฮ ระหว่างที่กำลังตั้งใจฝึกกับคิบอมอย่างมุ่งมั่น

    ชายหนุ่มผู้รับบทเป็นโค้ชจำเป็น ทอดสายตามองใบหน้าหวานที่มีเหงื่อเกาะพราว อยู่อย่างเงียบเชียบ นานๆถึงจะออกคำสั่งซักที เพราะวันนี้ทงเฮดูจะตั้งใจฟิตซ้อมมากกว่าปกติ แบบที่ไม่ต้องให้สั่ง คนตัวเล็กก็เต็มใจจะทำ สู้ตายถวายชีวิตอยู่แล้ว

    และที่สำคัญ....

    “โอ๊ย คิบอม ชั้นเจ็บนิ้วจังเลยอ่ะ”

    “.........”

    “เป่าให้หน่อยสิ”

    “.........”

    “ถ้านายเป่าให้ ชั้นจะหายทันทีเลย เชื่อมั้ยล่ะ” หมดทางเลือก เพราะถูกน้ำเสียงออดอ้อนนั่นเข้าครอบงำ

    คิบอมตัดสินใจก้มลงช้าๆ จัดการเป่าเบาๆบนปลายนิ้วที่ถูกยื่นมาอยู่ตรงหน้า ก่อนเจ้าของเรียวนิ้วจะหัวเราะคิกคัก แล้วชักมือกลับไป พร้อมเอ่ยขอบคุณเสียงใส

    “ขอบใจนะ”

    และนี่แหละ คือความผิดปรกติอย่างสำคัญ ที่ทำให้คิบอมทั้งประหลาดใจทั้งขบขัน ที่ทงเฮดูเหมือนจะกลับเข้าสู่โหมดเคะแตก อย่างที่เคยทำ เมื่อตอนที่ความลับเรื่องที่หลอกให้เค้าเข้าชมรมยังไม่แตก นั่นเอง

    “นายไม่ได้โกรธชั้นอยู่เหรอ อีทงเฮ” นั่นเป็นคำถามแรกในวันนี้ที่คิบอมเอ่ยปากถามกับร่างบาง ตอนที่ถูกโค้ชฮันเรียกตัวให้มาสอนทงเฮอย่างเคย

    “โกรธเหรอ” ทงเฮว่ายิ้มๆ

    “ไม่โกรธหรอก ชั้นจะโกรธนายไปทำไมกันล่ะ”

    “ไม่รู้สิ”

    “เรื่องนั้นน่ะช่างเถอะ เรามาซ้อมกันต่อดีกว่านะ”

    พูดพลางเดินมาควงแขนคิบอม ก่อนลากเค้ามาหยุดยังจุดซ้อม โดยยังไม่วายหันไปเลิกคิ้วใส่คนที่นั่งอยู่ตรงแสตนท์คนดูเสียหนึ่งที คงกะจะแกล้งอีกฝ่ายให้โมโหเล่นล่ะมั้ง

    ร้ายจริงๆ ...

    “ปรี้ดดดดดดดดดดดดดดดด”

    ถูกทงเฮอ่อยอยู่สักพัก ในที่สุดเสียงนกหวีดของฮันกยองก็เป่าบอกหมดเวลาพอดี

    “อาวล่ะ ทู้กคน มารวมตัวกังตรงนี้ล่วยนะ”

    การป่าวประกาศของโค้ชผู้คุมทีม ทำให้หลายชีวิตที่ซ้อมกันอยู่อย่างกระจัดกระจาย ต้องรีบเดินเข้ามารวมกลุ่มกัน เพื่อรับฟังข้อติเตียนในการเล่นจากโค้ชฮัน ผู้มีสายตาอันกว้างไกล

    “ไปกันเถอะ คิบอมอา~” เก็บลูกบาสเสร็จเรียบร้อย ทงเฮก็รีบปรี่เข้ามาเกาะแขนคิบอม เป็นลูกลิงทันที ไม่ให้เสียโอกาส

    หึๆ ป่านนี้ยัยชอลลี่คงจะอกแตกตายคาเก้าอี้ไปแล้วล่ะมั้ง กูอุตส่าห์ลงทุนทำสวีทให้ดูแบบจัดเต็มเลยนะเนี่ย ถ้ายังสงบนิ่งอยู่ได้ ก็เมพขิงๆเกินไปแล้วววววว

    ทงเฮจิกตาใส่คนที่นั่งอยู่อีกฝั่งของโรงยิม ขณะที่ชอลลี่เองก็เริ่มขยับตัวลงมาใกล้ๆกับที่รวมกลุ่มกับพวกนักกีฬาคนอื่นๆเช่นเดียวกัน สร้างความฮือฮาไปทั่ว

    “นี่ๆ คิบอม นางฟ้าคนนั้นเป็นใครอ่ะ คนรู้จักเหรอ?”

    ชายปากห้อยนามปาร์คยูชอน เข้ามาสะกิดถาม ด้วยหน้าหื่นๆ จนทงเฮล่ะอยากจะต่อสายตรงหาคิมจุนซูแฟนเฮียปาร์คแกเหลือเกิน ว่าช่วยมาดูแลหน่อย น้ำลายมันหกเลอะโรงยิมหมดแล้ว!

    “ก็.............”

    คนๆนั้นจะเป็นใครแล้วมันเกี่ยวกับพี่ยังไงเหรอ” ทงเฮสวนด้วยท่าทางไม่พอใจ

    “ไอ้นี่นิพูดจาหาเรื่อง ก็ไม่ได้เกี่ยวยังไงหรอก แต่รู้จักกันไว้ก็ไม่เสียหายนี่หว่า”

    “โธ่ ไอ้ชั้นก็นึกว่าพี่คิดจะนอกจากจุนซูที่รักซะอีก”

    “หูย อันนั้นของสูง ไอ้ยูชอนมันทูนไว้บนหัว แกอย่าเอามาเล่นเลย ทงเฮ ฮ่าๆ” พี่มินโฮเข้ามาช่วยเสริมให้กลายเป็นเรื่องโจ๊กไปอย่างง่ายดาย ส่วนชางมินที่ตามมาทีหลัง ก็ไม่วายถามขึ้นมาให้เป็นประเด็นอีกรอบ

    “นี่คิบอม ผู้หญิงคนนั้น ใช่คนเดียวกับที่มากะเมิงเมื่อเช้าป่ะ”

    “อืม” คิบอมครางรับ

    “แล้วเค้าเป็นอะไรกับเมิงอ่ะ เห็นตามมานั่งเชียร์ในโรงยิมด้วยนิ สงสัยว่าจะไม่ธรรมดา”

    ฟังที่ชางมินวิจารณ์จบ คิบอมก็หลุดยิ้มขำๆออกมา สร้างความตกตะลึงให้แก่บรรดาเพื่อนฝูงเป็นอันมาก เพราะร้อยวันพันปี จะเห็นเจ้าชายเย็นชาอย่าง     คิบอม ยิ้มแย้มอย่างคนปรกติกับเค้าสักที เป็นบุญตาพวกกูยิ่งนัก

    “ไม่ธรรมดาจริงๆนั่นแหละ”

    คยูฮยอนที่ตามมาท้ายสุด (เพราะมัวแต่ไปตื๊อซองมิน) แต่มาทันได้ยินเรื่องทั้งหมด เอ่ยเรียบๆ จนใจของทงเฮดิ่งวูบเหมือนหุ้นราคาตก

    เป็นไปไม่ได้! หรือว่ายัยชอลลี่กับคิบอมจะมีความสัมพันธ์กันในแบบที่เค้าไม่เคยรู้มาก่อนกันนะ?

    “อาวล่ะ วังนี้ก็พอแค่นี้ก่องล่ะกัน เลิกชงรงล่ายยยย”

    สิ่งที่ฮันกยองติชมทงเฮในวันนี้ ผ่านเข้ารูหูซ้าย และทะลุออกรูจมูกขวาไปซะหมด ร่างบางไม่มีกะจิตกะใจจะฟังในสิ่งที่ฮันกยองพูด ระหว่างที่ตัวเองกำลังคิดฟุ้งซ่านอยู่เช่นนี้

    “เสร็จแล้ว เราก็กลับบ้านกันเถอะค่ะ พี่คิบอม”

    มารู้สึกตัวอีกที ก็ตอนที่มือทั้งสองข้างของตัวเองมันว่างเปล่า เพราะคิบอมกำลังถูกนังมารร้ายลักพาตัวไปดื้อๆ

     “อย่าเพิ่งไป!

    สัญชาตญาณในตอนนั้นทำให้ทงเฮถลาไปดึงชายเสื้อของคิบอมไว้ ก่อนเอ่ยรัวเร็ว หน้าแดงก่ำ

     

    “คิบอมเป็นของชั้น ไม่ให้ใครหน้าไหนมาแย่งไปได้หรอก!!!!

     

    ช่างเป็นฉากบอกรัก และประกาศความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของที่อาจหาญ และหน้าด้าน จนคนทั้งโรงยิมตกตะลึงไปตามๆกัน ไม่เว้นแม้กระทั่งเจ้าชายน้ำแข็งอย่างคิมคิบอม ที่เป็นคนถูกบอกรักสายฟ้าแลบเองก็ตาม

    ทงเฮที่เป็นคนพูด แม้ในใจจะอายจนอยากเอาหน้าแทรกโรงยิมเป็นขอมดำดินหนี แต่เมื่อเกิดเป็นลูกผู้ชาย การที่เดินหน้าไปแล้ว จะถอยหลังกลับก็ไม่ได้อย่างเด็ดขาด

    เค้าเลยต้องประกาศสงคราม(แย่งผู้ชาย -*-)ต่อไปอย่างเต็มรูปแบบ!

    “หึ น่าสนใจดีนี่” ชอลลี่กอดอก พลางยกยิ้มร้ายอย่างไม่ปิดบัง

    เพราะหากเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ถ้ายังต้องมาแกล้งแอ๊บเป็นสาวแสนดี อินโนเซ้นส์อีก ก็คงจะไม่ไหว  ในเมื่ออีกฝ่ายออกตัวมาแรงซะขนาดนั้น

    “แล้วนายจะมีวิธีไหนที่จะไม่ให้ชั้นแย่งแฟนนายได้กันล่ะ หืม?”

    ท่าทางอวดดีและหยิ่งยโสของชอลลี่ ยิ่งกระตุ้นให้ฮอร์โมนความหึงหวงของทงเฮเต้นเร่าเป็นการใหญ่

    คนตัวเล็กชี้หน้าคู่อาฆาตอย่างไม่เกรงกลัว พร้อมเอ่ยเสียงดังฟังชัด

     

    “ชอลลี่ เรามาพนันกัน!

    “..........”

    “ถ้าชั้นทำสแลมดังค์ได้ภายในสิบครั้งนี้ เธอจะต้องออกไปจากชีวิตของคิบอมซะ!!!

     

    หลังทงเฮพูดจบ ก็เกิดเสียงฮือฮาเป็นผึ้งแตกรัง จากเหล่าบรรดานักกีฬาที่ยืนล้อมวงดูเหตุการณ์อยู่ตรงนั้น  เพราะอย่าว่าแต่ทำสแลมดังค์เลย ขอแค่ให้มันชู้ตลูกลงห่วงให้ได้ยังยากจนไม่รู้ว่าจะยากยังไง -*-

    แล้วมันดันเจือกไปท้าเค้าด้วยการดังค์บาสให้ได้ภายในสิบครั้งเนี่ยนะ มันได้คิดก่อนพูด หรือพูดทั้งที่ไม่คิดวะเนี่ย ให้ตายเถ้ออออออ

    “แล้วถ้านายแพ้ล่ะ?” ชอลลี่ย้อนถามกลับ

    “นายจะยอมเลิกกับคิบอม แล้วออกไปจากชีวิตเค้ามั้ย?”

    ทงเฮหน้าหดเหลือสองนิ้วทันที เมื่อถูกทำให้ต้องนึกถึงผลเสียจากการท้าพนันแบบไม่คิดหน้าคิดหลังของตัวเอง แต่ก็ยังทำใจดีสู้เสือต่อไป ด้วยการยิ้มเท่ห์ ทำเหมือนการดังค์บาสเนี่ย มันง่ายอย่างกับปอกทุเรียนเข้าปากเลยล่ะ เหอๆ T.T

    “ชั้นไม่มีทางแพ้หรอกน่า~” พูดทั้งๆที่ไม่มีความมั่นใจเลยสักนิด

    ร่างบางเหลือบไปมองหน้าคนที่กลายมาเป็นของรางวัลสำหรับการพนันในครั้งนี้ กะจะให้มันช่วยพูดเสริมอะไรสักหน่อย เพื่อให้กำลังใจคนที่พยายามจะจีบมันซึ่งๆหน้าอย่างเค้า

    แต่ก็ต้องผิดหวัง ชี้ช้ำระกำทรวง เพราะไอ้มนุษย์หน้าเสถียร คิมคิบอม มันไม่ยอมทำอย่างอื่น นอกจากการกินแรงชาวบ้านเค้าไปวันๆ ด้วยการยืนนิ่ง ทำหน้าหล่อ ประมาณว่า ใครจะทำอะไร ยังไง ก็ไม่เกี่ยวกับกู

    อื้อหืออออ กูมาตกหลุมรักไอ้ตอไม้นี่ได้ยังไงวะเนี่ยยยยยยย

    เอารักแรก แล้วก็จูบแรกกูคืนมานะโว้ยยยยย ไอ้บ้าคิมคิบอม!!!

    “แล้วชั้นจะคอยดูล่ะกัน” ชอลลี่หัวเราะขึ้นจมูกอย่างดูถูกในความสามารถ

    งานนื้ทงเฮเลยของขึ้น โดยไม่ต้องใครมาช่วยบิวท์ ร่างเล็กเดินอาดๆ ไปเอาบาสที่เพิ่งเก็บลงไปในตะกร้าขึ้นมาลูบๆคลำๆ พร้อมลงคาถาอาคมปลุกเสก เล่นคุณไสยซะเต็มคราบ ก่อนเดินกลับมาหยุดยืน ณ ตรงจุดกึ่งกลางของสนามบาส

    “ทงเฮอา สู้เค้าน้า~~” เป็นเสียงจากคุณผู้จัดการชมรมคนสวย ที่ส่งมาเพื่อให้กำลังใจเค้าก่อนใครเพื่อน

    โฮฮฮฮ ซองมินอา มาเป็นเมียกูเถอะ ซึ้งจนน้ำตาแทบจะไหลเลยนะเนี่ย

    “เออเว้ย อีทงเฮ ถ้าแกทำได้ ชั้นจะเลี้ยงข้าวร้านทึกกี้สองอาทิตย์เลย”

    คังอินก็ป้องปากตะโกนมาเหมือนกัน แต่เฮียแกนี่ไม่ลงทุนเลยนะ -*- จะเลี้ยงน้องเลี้ยงนุ่งสักที แต่กลับไปเลี้ยงข้าวร้านแฟนตัวเองซะงั้น

    “ถกขากางเกงขึ้นหน่อยสิ ทงเฮ! ระวังจะสะดุดชายกางเกงล้ม ก่อนได้ดังค์บาสโชว์นะ” ไอ้นี่ก็ปากไม่สร้างสรรค์เอาซะเลย ทงเฮแยกเขี้ยวใส่รุ่นพี่มินโฮโทษฐานหวังดี แต่พูดจาเป็นลาง น่าโดนตื้บ!

    “ก้าวไปข้างหน้าสิบห้าก้าว ก่อนกระโดด จะช่วยทำให้กระโดดได้สูงขึ้นนะ ทงเฮ” มาแบบหลักวิชาการตามสไตล์เด็กเรียน ทงเฮพยักหน้ารับคำแนะนำของชางมิน แล้วก็นึกในใจว่าเมื่อกี้ชางมินบอกว่าสิบห้า หรือสิบก้าวนะ เอ๋? = =a

    “วู้วๆ ทำได้ให้นะไอ้ทงเฮ เพื่ออนาคตที่สดใสกับสามี คิๆๆ ชั้นเอาใจช่วยแกอยู่นะโว้ยยยยย” อันนั้นไม่ต้องป่าวประกาศก็ได้นะ กูอาย =///=

    ทงเฮทำหน้าเอือมใส่คำอวยของยูชอน แต่ก็นึกขอบคุณในใจที่ช่วยเชียร์กันอย่างออกหน้าออกตา และหลังจากนั้นก็มีเพื่อนๆร่วมทีมคนอื่นที่ช่วยร้องให้กำลังใจ ก่อนที่ทงเฮจะตัดสินใจปล่อยลูกบาส ให้มันกระเด้งกลับไปกลับระหว่างมือเค้าและพื้นโรงยิมช้าๆ ในขณะที่ดวงตามองตรงไปยังจุดกึ่งกลางของแป้นบาสตรงหน้า

    “อาดงไห่ ถ้าลื้อทำล่าย กรูจะให้ลื้อเปงตัวจิงเลยน้า~~~~~~

    รางวัลล่อใจจากโค้ชฮัน ยิ่งทำให้ทงเฮเกิดแรงมุ่งมั่นที่จะทำให้สำเร็จมากขึ้นเป็นสิบๆเท่า แม้ความเป็นไปได้แทบจะเป็นศูนย์เปอร์เซ็นก็ตาม แต่ถ้าไม่ลอง ใครเล่าจะรู้ว่า ศูนย์เปอร์เซ็นที่ว่านั้น...

    มันจะทำให้เกิดปาฏิหาริย์ขึ้น ได้ด้วยพลังใจและความพยายามหรือไม่?

    “ย่าห์!!!!!

    เสียงตะโกนเว่อร์ๆกับความเชื่อแบบหง่าวๆของทงเฮว่าจะช่วยเพิ่มพูนพลังกายดังขึ้น เมื่อร่างบางเริ่มออกวิ่งจากจุดสตาร์ท

    ทุกสายตาจับจ้องไปที่การเคลื่อนไหวของคนตัวเล็กบนสนาม ไม่เว้นแม้กระทั่งต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด อย่างคิบอมและชอลลี่เองก็ตาม

    “คิดว่าอีทงเฮจะทำได้มั้ย?” ชอลลี่เอ่ยถามขึ้นมาลอยๆ แต่เมื่อเห็นว่าคิบอมไม่ยอมตอบ หล่อนจึงเป็นฝ่ายที่คาดเดาออกมาซะเอง

    “ตัวก็เตี้ยออกขนาดนั้น ยังไงก็ไม่น่าจะทำได้หรอก”

    “ปาฏิหาริย์ มักจะเกิดขึ้นในเวลาที่เราคาดไม่ถึงเสมอ” คิบอมกล่าวเนิบๆ ในขณะที่ชอลลี่พ่นลมหายใจผ่านจมูกโด่งสวยคล้ายหัวเราะเยาะ

    “แล้วจะรอดูปาฏิหาริย์ที่ว่านั้นล่ะกัน”

    หล่อนเองก็มีความเชื่อมั่นไม่แพ้กันคิบอม ในแง่ที่ว่าทงเฮจะต้องทำไม่ได้ และไม่มีปาฏิหาริย์ใดๆ จะมาช่วยทงเฮได้ด้วยเหมือนกัน

    “ฮึ่ยยยยยยยยย” ทงเฮสบถไม่เป็นภาษา เมื่อเค้าพลาดลูกแรก เพราะการกระโดดที่ไปไม่ถึงแม้ครึ่งทางของห่วง

    ใครเป็นคนออกแบบแป้นบาสให้มันสูงงี้วะ!!!

    “ฮัดช่าห์!!!!

    และลูกที่สอง ผลก็ออกมาไม่แตกต่างจากครั้งแรกเท่าไหร่ ยังดีหน่อยที่เค้ากระโดดได้สูงขึ้น แต่ดันเลยแป้นซะงั้น โฮกกกกก ตูเครียดดดด = =*

    “ย๊ากกกกกกกกก”

    “ฮึดดดดดดดดดด”

    “อ๊าซซซซซซซซซซ”

    ทุกครั้งที่ต้องเริ่มต้นใหม่ ทงเฮก็มักจะมีซาวน์แอฟเฟ็คออกมาประกอบการดังค์โชว์อยู่เสมอ ซึ่งเพื่อนๆพี่ๆและโค้ชฮันเอง ก็ไม่เห็นว่ามันจะมีประโยชน์อันใด นอกจากการเสียพลังงานไปโดยเปล่าประโยชน์เท่านั้น แต่พวกเค้าก็ขี้เกียจจะทักท้วงมันให้เสียเซลฟ์ เลยต้องปล่อยเลยตามเลย พร้อมๆกับการตะโกนนัดแนะท่วงท่าที่จะทำให้ทงเฮสแลมดังค์ได้

    “เขยิบไปทางซ้ายอีกหน่อยสิวะ”

    “กระโดดด้วยปลายเท้าเด้”

    “เฮ้ย ไม่ใช่ อย่ากระโดดทั้งสองเท้าสิ ต้องจัมป์ด้วยแรงส่งจากเท้าข้างหนึ่งก่อน เออๆ นั่นแหละ!

    “อาดงไห่ ลื้อจำที่กรูเคยสอนมั่งม๊ายยยย กรูไม่เคยสอนให้วิ่งท่าแบบนั้งน้า”

    หลายคนก็หลายความคิดเห็น จนทงเฮงงไปหมดแล้วในตอนนี้ @__@ ว่าควรทำอะไรและไม่ควรทำอะไร ลูกแล้วลูกเล่าที่ต้องพลาดไป พร้อมๆกับความหวังที่ค่อยๆเลือนรางลงทุกที จนชักจะเริ่มท้อ

    “เหลืออีกลูกเดียวแล้วนะ ทงเฮ พยายามเข้า!

    ซองมินตะโกนบอกโอกาสสุดท้าย ที่เค้าจะสามารถไขว่คว้าเอาไว้ได้ ทงเฮสูดลมหายใจลึก ก่อนผ่อนออกช้าๆเพื่อลดความตึงเครียด ระหว่างที่กำลังเลี้ยงลูกบาสในมือ

    “ครั้งสุดท้ายแล้วนะ จะไม่ส่งเสียงเชียร์เค้าอย่างคนอื่นหน่อยหรือไง” ชอลลี่บอกกับคิบอมด้วยสีหน้าของผู้ชนะอย่างเต็มเปี่ยม

    “บางทีปาฏิหาริย์ที่ว่าอาจจะเกิดขึ้นเพราะเสียงเชียร์ของนายก็ได้นะ”

    “ไม่จำเป็น”

    “ไม่จำเป็น? ...เพราะคิดว่ายังไงเค้าก็ไม่มีทางชนะใช่มั้ยล่ะ”

    คิบอมไม่ตอบคำ แต่ชอลลี่คิดว่าคิบอมคงตั้งใจจะให้การกระทำของทงเฮ เป็นเครื่องพิสูจน์การคาดเดาทั้งหมดมากกว่า ชายหนุ่มจึงจงใจไม่พูดอะไร แต่คอยจ้องการดังค์ลูกสุดท้ายของทงเฮตาไม่กระพริบ

    เฮอะ! คนนึงก็หัวแข็ง ส่วนอีกคนก็ปากแข็ง สมกันดีจริงจริ๊ง คู่นี้~

    “เอาล่ะนะ” ทงเฮรวบรวมพลังกายพลังใจทั้งหมดลงบนลูกทรงกลมสีส้มในมือ ก่อนออกวิ่งหน้าตั้งไปอีกครั้งเป็นรอบที่สิบ ท่ามกลางความลุ้นระทึกของคนรอบข้าง ที่พยายามส่งกำลังใจช่วยให้เตี้ยน้อยทำสำเร็จกันอย่างสุดกำลัง

    “ฮึบบบบบบบ”

    กระโดดไปแล้ว และคราวนี้ก็สูงกว่าเดิมมาก จนมีลุ้น

    หลายคนกลั้นหายใจ ยามมองดูร่างของเพื่อนร่วมชมรมลอยเท้งเต้งอยู่กลางอากาศแบบสโลวโมชั่น ก่อนจะค่อยๆร่วงลงมา โดยที่ลูกบาสยังไม่ได้แตะถึงคานบนห่วงเลยด้วยซ้ำ

    = [  ] =!!

    นี่พวกกูสมควรยืนไว้อาลัยให้กับความพยายามของเมิงมั้ยเนี่ย อีทงเฮ๊~

    “อ๊าาาาาาา”

    ทงเฮเงยหน้ามองแป้นที่อยู่เหนือหัวด้วยสายตาละห้อย หมดสิ้นกันแล้ว ชีวิต(รัก)อันสดใสของกู

    - ตุบ -

     

    ในระหว่างที่กำลังเสียใจ ปานโลกจะแตกอยู่นั้น ร่างของทงเฮก็ค่อยๆร่วงหล่น เข้าสู่อ้อมกอดของคนที่มายืนรอรับโดยไม่คาดคิด

    “คิมคิบอม~

    แค่ได้เห็นหน้า ทำนบน้ำตาแห่งความพ่ายแพ้ก็พังทลายเป็นเขื่อนแตก ทงเฮเจ็บใจที่ไม่อาจทำได้ตามที่พูด ...เค้าแพ้พนันยัยชอลลี่ และต้องมาสูญเสียคิบอมไปในวันที่เพิ่งจะรู้ใจตัวเอง นี่มันบ้าบอสิ้นดี

    “มะ...ไม่เอาด้วยหรอก ชั้น...น ฮึก...ก ไม่ปล่อย...นายไปหรอก...แง้~~

    เด็กโข่งงอแงลั่นโรงยิม ก่อนร้องไห้กระอืดๆ ซบไหล่ชายหนุ่มที่เข้ามาสวมกอดตนเองไว้ พลางแอบสั่งขี้มูกลงไปบนอกเสื้อ แสดงความเป็นเจ้าของ (ไม่ใช่หมานะเมิง -*-)

    “นายเป็น...ขอ..ง...ชั้น....ไม่ให้..ฮะ..ฮึก....ก...ใคร”

    “อืม เข้าใจแล้ว”

    “ถ้า...เข้าใจ...ก็ห้าม...ไปยุ่ง...ง....กับ....ยัย...นะ...นั่น...ล่ะ...ฮือ~

    “แต่ชั้นทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกนะ อีทงเฮ”

    ตะลึงตึงโป๊ะกันไปตามๆกัน เพราะคำตอบของคิบอมแบบนั้นเท่ากับเป็นการปฏิเสธทงเฮซึ่งๆหน้า ทำให้ร่างบางเบิกตาโต ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ว่าคิบอมจะพูดอย่างนั้นจริงๆ

    “ฮะ ฮะ ฮ่าๆๆๆๆ”

    เสียงหัวเราะอย่างไร้มารยาทดังแทรกขึ้น ในจังหวะที่ทุกคนกำลังอึ้งทึ่งเสียว ชอลลี่เดินเข้ามาใกล้คิบอมและทงเฮ ก่อนยกมือโอบรอบคอร่างสูง เอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะไม่หยุด

    “ก็เป็นอย่างที่คิบอมว่านั่นแหละ”

    “..........”

    “ถึงแม้นายจะทำได้อย่างที่พูดจริงๆ ก็ไม่มีทางที่จะเขี่ยชั้นให้พ้นจากชีวิตของคิบอมไปได้ร้อก” หญิงสาวไล้หลังมือกับแก้มของคิบอมอย่างหยอกเย้า ก่อนหันมาเฉลยสถานะที่ทำให้ทงเฮและคนอื่นๆถึงกับช็อคตาเหลือกได้ง่ายๆ

     

    “เพราะคิบอมเป็นน้องชายสุดรักสุดหวงของชั้นนี่นา~

     

    “หา!!!!

    ทั้งโรงยิมร้องประสานเสียงกันโดยมิได้นัดหมาย ในขณะที่ชอลลี่หัวเราะร่วน จนน้ำตาเล็ด เหมือนกำลังเจอเรื่องที่ขำที่สุดในชีวิตยังงั้น

    “แล้วอีกอย่างนึงนะ....” หอบอากาศเข้าปอด เพราะหัวเราะจนหายใจแทบไม่ทัน

    “ชื่อเต็มของชั้นคือ คิม-ฮี-ชอล ...พี่ชายแท้ๆของแฟนนายไงล่ะ” ว่าพลางหยิกแก้มชุ่มน้ำตาของทงเฮด้วยความหมั่นเขี้ยว แล้วหัวเราะสะใจ

    “พะ..พี่ชาย???” ทงเฮทวนคำด้วยอาการงงงวยเหมือนคนถูกหวยแดก

    “อืม” คิบอมครางตอบเบาๆ

    “แล้วทำไมถึง.....?”

    “แกล้งหลอกนายใช่ม้า~” ฮีชอลต่อให้ เพราะรู้ดีว่าทงเฮคิดจะถามอะไร เพราะมันแสดงออกมาทางสีหน้าหมด

     “ก็เพราะหมอนี่นั่นแหละ” ชี้นิ้วไปที่คิบอม

    “ดันมาถมสวนดอกไม้หลังบ้านที่ชั้นอุตส่าห์ปลูกไว้ จนกลายเป็นสนามบาส โดยที่ไม่ขออนุญาตชั้นสักคำ พอชั้นกลับมาจากอังกฤษ แล้วเจออย่างนี้เข้าจะไม่ให้โมโหได้ไงล่ะ จริงมะ~

    “สวนหลังบ้าน? ...สนามบาส?”

    ทงเฮทวนคำ พลางนึกย้อนอดีตไปในตอนที่เค้าไปติวหนังสือที่บ้านคิบอม

    ที่แท้ไอ้สนามที่จู่ๆก็ผุดขึ้นมา ในวันนั้น ก็คือสวนดอกไม้เก่าของคุณพี่ชายนี่เอง

    “จำได้แล้วใช่มั้ย?” ฮีชอลถามยิ้มๆ ในขณะที่ทงเฮพยักหน้ารับ ตัวสั่นเทา

    นี่กูเป็นต้นเหตุให้มันทำลายสวนอันเป็นที่รักของพี่ชายหรือเนี่ย  =..= อ๋อยยยยย

    “ถ้าจำได้แล้วพวกนายจะรับผิดชอบสวนของชั้นยังไงดีล่ะ หืม?”

    อ่าว ซวยกูซะงั้น -*- ทำไมพี่ไม่ไปลงที่คนทำล่ะค้าบบบบ มาลงที่ผมทำม๊ายยยย ผมไม่ได้ขอร้องมันให้ถมสวนของพี่ให้กลายเป็นสนามบาสซะหน่อย ถ้าคิดจะแค้นเคือง ก็ช่วยไปลงที่ไอ้โกดมีนัมหน้าตาย น้องชายพี่คนเดียวเต๊อะ!

    “จูบโชว์ เป็นการขอโทษเป็นไง?”

    เจ้าของไอเดียน่าโดนถีบนี่คือ ไอ้รุ่นพี่ปาร์ค ผู้ซึ่งหายจากอาการตกตะลึงว่านางฟ้ากลายเป็นเทวดาหน้าสวยได้ อย่างรวดเร็ว

    “เออ นั่นสิ”

    หลายเสียงสนับสนุนความคิดของยูชอน เพราะเห็นเป็นเรื่องสนุก

    แต่พวกเมิงไม่ได้คำนึงเลยใช่มั้ย ว่ากูจะทุกข์ขนาดไหน ห๊า!!! >A<”

    “เอาเลยๆ แสลงความลักต่อกังและกังให้ดู เพื่อเปงการขอขมาลาโทษพี่สามีไงล่ะ อาดงไห่ อาฉี่ฟั่น” แม้แต่โค้ชฮัน ก็เป็นไปกะเค้าด้วย จนทงเฮชักเริ่มกลุ้ม  

    สนุกตายล่ะ พวกเมิงนิ =___=

    เรื่องแบบนี้ มันต้องเอาไว้ทำตอนอยู่กันสองต่อสองเว้ย ...งี่เง่า!!!  อุ้บส์~

    “แล้วจะเอายังไงดีล่ะ” คิบอมถามยิ้มๆ จนคนมองอดเคืองมันไม่ได้

    “ไม่เอายังไงทั้งนั้นแหละ” พูดอย่างงอนๆ ก่อนสะบัดตัวออกมาจากอ้อมกอดอุ่นๆของชายคนรัก

    “นายมันขี้โกง หลอกชั้น จำไว้เลย ไอ้บ้า!!!

    ด่าจบ ก็เชิดหน้าเดินหนีออกไป ท่ามกลางเสียงโห่ฮาของเพื่อนพี่น้องร่วมชมรม เป็นเชิงว่า อีทงเฮไม่แน่จริงนี่หว่า ถ้าเก่งจริงต้องกลับมาโชว์สวีทให้ดูเป็นขวัญตาซี่~~

    “ไม่ตามไปเหรอ” ฮีชอลถามเย้าคิบอมอย่างอารมณ์ดี

    “ผมตามได้แล้วงั้นเหรอ?”

    “ก็เออน่ะสิวะ” ฮีชอลตบหลังคิบอมดังป้าบ เพราะถูกกวนตีน

    “ชั้นไม่ทำอะไรไอ้ตัวเล็กของแกอีกแล้วล่ะน่า แค่แกล้งแค่นี้ก็เกินพอแล้ว” ฮีชอลหมายถึง ข้อตกลงที่เค้าสั่งห้ามคิบอมมายุ่มย่ามเรื่องที่เค้าจะแกล้งเป็น ชอลลี่ หลอกทงเฮ นั่นเอง

    “ส่วนตอนนี้แกก็ไปตามเคลียร์กับยัยหมวยจอมแสบนั่นได้แล้ว ไม่งั้นหากปล่อยให้งอนนานๆ แล้วง้อยาก จะหาว่าชั้นไม่เตือนไม่ได้นา”

    “หึ” คิบอมหัวเราะในลำคอ

    “จะยากแค่ไหน ก็ไม่เกินความสามารถของผมหรอก”

    “มั่นใจจริงนะ ไอ้น้อง” ฮีชอลว่าอย่างหมั่นไส้ และได้รับรอยยิ้มแบบเชื่อมั่นในตนเองตอบกลับมาเป็นเครื่องยืนยัน ก่อนที่คิบอมจะตามทงเฮออกไป เพื่อเคลียร์ปัญหาทั้งหมดให้จบลงอย่าง แฮปปี้ เอ็นดิ้ง

    “ฮ้า~ หมดเรื่องหมดราวซะทีนะ คู่นั้น” คยูฮยอนที่ดูเหตุการณ์อยู่เงียบมาโดนตลอดเอ่ยขึ้น ระหว่างที่ซองมินถูกเหลือบตามองอย่างเคืองๆ

    “นายรู้มาโดยตลอดเลยล่ะสิ”

    “ก็อ่ะนะ” คยูฮยอนไหวไหล่อย่างยอมรับ

    “แล้วทำไมถึงไม่ยอมบอกความจริงกับทงเฮตั้งแต่แรกล่ะห่ะ” ซองมินว่าเสียงดุ แต่คยูฮยอนกลับยกยิ้ม แล้วตอบคำถามซองมินอย่างง่ายดาย

    “เพราะถ้าชั้นทำอย่างนั้น ก็เท่ากับเป็นการขัดคำสั่งพี่ฮีชอล แล้วเค้าจะต้องเปลี่ยนเป้าหมาย มาแกล้งนายแทนแน่ๆ ซึ่งเรื่องนั้นชั้นยอมให้มันเกิดขึ้นไม่ได้หรอกนะ ซองมินอา~” คยูฮยอนพูดอย่างจริงจัง จนซองมินถึงกับเถียงไม่ออก  เพราะสิ่งที่คยูฮยอนทำไป ก็เพื่อความปลอดภัยของเค้าล้วนๆ

    “แต่อย่างน้อยนายก็น่าจะบอกชั้นไว้ก่อนนี่นา จะได้ไม่ต้องมาคอยลุ้นให้ใจหายใจคว่ำแบบนี้”

    “ก็นายให้ชั้นคุยด้วยเกินสามนาทีซะที่ไหนล่ะ” คยูฮยอนบ่นอย่างน้อยใจ

    “เอะอะก็ไล่ ไม่พอใจก็ว่า แถมยังทำตาขวางใส่ท่าเดียว แล้วชั้นจะเอาเวลาที่ไหนไปเล่าเรื่องทั้งหมดให้นายฟังกันล่ะ หืม?” ร่างสูงยอกย้อน จนซองมินต้องแจกค้อนวงใหญ่ให้เป็นรางวัลที่ปากดี

    คยูฮยอนหัวเราะเบาๆ ก่อนเอ่ยแนะนำไปในทางที่จะหาประโยชน์ใส่ตัว

    “ถ้ายังไงเรามาแลกเบอร์มือถือกันไว้หน่อยดีมั้ยล่ะ เวลามีเรื่องอะไรเราจะได้โทรปรึกษากันได้”

    “ฝันไปเถอะ คนเจ้าเล่ห์!” ซองมินไม่ยอมหลงกลลูกไม้ตื้นๆ ก่อนจะเดินหนีคยูฮยอนไปอย่างรวดเร็ว

    กลัวว่าอยู่กับหมอนี่ไปนานๆ แล้วจะเป็นโรคประสาทเข้าสักวัน....

    “ห๊า ชวดเลยเรา” คยูฮยอนยกมือเกาหัวแก้เก้อ แต่ไม่นานก็ยิ้มออก เมื่อหยิบมือถือขึ้นมากดดู

    “แล้วนี่มันเบอร์ของใครกันล่ะน้า”

    บนหน้าจอคือหมายเลขโทรศัพท์ของร่างเล็กที่เพิ่งเดินจากเค้าไปเมื่อกี้นี้

    หากเป็นฝีมือของสโตรกเกอร์ระดับพระกาฬอย่างชายโจแล้ว ไม่มีคำว่าเป็นไปไม่ได้ เวลาที่ต้องการสืบข้อมูลเป้าหมายหรอก

    รู้ไว้ซะด้วยนะ ซองมินที่รัก หึ หึ

     

    *********************************************

     

    “ไม่ต้องตามมาเลยนะ ไอ้บ้า ไอ้ขี้โกง ไอ้คนหลอกลวง”

    เสียงโวยวายลั่นทุ่งดังออกมาจากกลีบปากอิ่มสวย ที่ขยับส่งคำด่าแบบเจ็บๆคันๆไปยังร่างของชายหนุ่มที่สาวเท้าตามมาเบื้องหลังอย่างไม่ลดละ

    “แต่ถึงชั้นจะเป็นคนอย่างนั้น นายก็ยังชอบชั้นอยู่ดีไม่ใช่เหรอ?” คิบอมพูดจาราวกับคนหลงตัวเอง จนทงเฮต้องหันขวับไปด่า ให้มันเพลาๆความเซลฟ์ลงซะมั้ง

    “หนอยยยย ไอ้หน้าด้านนนนน!!! ...คิดเองเออเองทั้งเพ ชั้นยังไม่เคยพูดสักคำเลยว่าชอ....โอ๊ย!!!!

    เพราะมัวแต่หันไปใส่อารมณ์กับคนข้างหลัง จึงไม่เห็นว่าทางด้านหน้ามีป้ายประกาศขนาดย่อมติดอยู่ คนตัวเล็กเลยชนเข้ากับป้ายนั่นอย่างจัง จนต้องหยุดนั่งยองๆ กุมหัวร้องโอดโอย ด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส

    “ไหน ให้ชั้นดูหน่อยซิ” คิบอมเข้ามาช่วยดูแผลให้ แต่กลับถูกสะบัดมือออกอย่างไม่ใยดี

    “ไม่ต้องมายุ่ง!

    “ไม่ให้ยุ่งได้ไง ร่างกายแฟนชั้นทั้งคน” ทงเฮทำตาเขียวปั๊ด พร้อมตะเบ็งเสียงถามอย่างเอาเรื่อง

    ”ใครแฟนนายกัน”

    “นั่นสิ ใครกันน้า” คิบอมทำเป็นเล่นลิ้น หน้าตาย “สงสัยว่าต้องเป็นคนที่ร้องไห้ฮือๆ กอดชั้นเมื่อตะกี้นี้แน่เลย”

    “ไอ้คิมคิบอม!” นอกจากหน้าผากของทงเฮจะแดงเถือกจากแรงกระแทกเมื่อครู่แล้ว แก้มทั้งสองข้างก็ขึ้นสีจัดเช่นกัน เพราะกำลังถูกคิบอมเอ่ยล้อเลียนหน้าตาย

    “เอ.. หรืออาจจะเป็นอีกคน ที่พยายามจะทำสแลมดังค์ให้ได้ แล้วบอกว่า จะไม่ยอมยกชั้นให้ใครหน้าไหนเด็ดขาดกันน้า”

    เชี่ย กูไม่น่าตกหลุมพรางเมิงเลย ไอ้สาดดดดดด !!!

    “คนๆนั้นตายไปแล้วล่ะ นายไปหาคนใหม่ซะเถอะ”

    “หึ” คิบอมหัวเราะเสียงต่ำทุ้ม แล้วเอ่ยต่อ

    “กลัวว่าหาคนใหม่ แล้วจะมีผีแฟนเก่ามายืนหลอกหลอน ร้องไห้โฮๆ ให้ฟังเนี่ยสิ แย่เลย”

    “ชั้นไม่ร้องไห้หรอก ไอ้บ้าเอ๊ยยยยยย”ทงเฮโวยวายได้ไม่นานก็ถูก          คิบอมผลักให้นอนราบกับพื้น ในขณะที่เจ้าตัวขึ้นคร่อมทับ ทำหน้าตาชวนขนหัวลุก

    “ปากแข็งจริงๆนะ อีทงเฮ” นิ้วเรียวสวยลูบกลีบปากงอนบางแผ่วเบา

    “แต่ตอนที่จูบกัน ไม่ยักกะแข็งอย่างนี้เลยนี่นา”

    (=__________=)

    โอเค....  นี่เมิงคิมคิบอมตัวจริงเสียงจริง หรือเป็นคุณพี่ชาย คิมฮีชอล สวมหน้ากากหน้าคิมคิบอมมาป้อล้อกูวะเนี่ย

    ทงเฮทำตาล่อกแล่ก เพราะไม่ชินกับคิบอมสไตล์เจ้าเล่ห์เหมือนอย่างเพื่อนโจศักดิ์ เลยจริงๆ ให้ตายสิ ซาร่า!

    “ถ้านายยังไม่ลุกออกไป ก็อย่าหาว่าชั้นไม่เตือนล่ะกัน ....ฟันปลามันคมนะจะบอกให้” คนตัวเล็กขู่เสียงต่ำ เพราะหากมันยังไม่หยุดลูบปากเค้าล่ะก็ แม่จะกัดนิ้วให้ขาด เป็นเดชไอ้ด้วนเลย คอยดู

    “อื้มมม” คิบอมเหยียดยิ้มหล่อร้าย

    “ชั้นก็ชักอยากจะลอง ฟันปลาซะแล้วสิ”

    “...?...

    เป็นไปได้ยากเหลือเกิน ที่สมองระดับอนุบาลทุยน้อยอย่างทงเฮ จะสามารถเข้าใจในสิ่งที่คิบอมสื่อได้ภายในไม่กี่วินาที เพราะหลังจากผ่านการประมวลผลคำพูดสองแง่สองง่ามเรียบร้อยแล้ว ยังไม่ทันจะได้ตอบโต้ใดๆ ร่างบางก็เพิ่งจะรู้สึกตัวว่า ริมฝีปากที่ถูกคลึงเล่นเมื่อครู่ ได้ถูกปิดกั้นโดยสมบูรณ์แบบ จากเรียวปากร้อนๆของอีกฝ่าย ที่โน้มมาทาบทับ บดเบียด จนแทบหลอมละลายเป็นเนื้อเดียวกันอยู่รอมร่อ

    “อือออออออ”

    ร้องประท้วงในลำคออย่างยากเย็น เมื่อถูกลิ้นร้อนแทรกเข้ามาภายใน เกี่ยวกระหวัดกับลิ้นของเค้าอย่างหิวกระหาย พร้อมดูดดึงลมหายใจของเค้าจนแทบหมดก๊อก

    นี่เมิงคิดจะฆาตรกรรมกูอ่ะเปล่าเนี่ย ไอ้คิบอม

    ..ให้เวลากูหายใจหายคอซะบ้างเซ่~

    และดูเหมือนว่าคิบอมจะเข้าใจความหมายที่สื่อออกไปผ่านทางสายตาละห้อยของเค้า เพราะทันทีที่ทงเฮกระพริบตาปริบๆเป็นสัญญาณบอกออกไปแบบนั้น ชายหนุ่มก็ค่อยๆถอนจูบเร่าร้อนออกอย่างอ้อยอิ่ง และไม่ลืมที่จะขบเม้มกลีบปากเล็กบางของเค้าให้บวมเจ่อ ดูเซ็กซี่ เย้ายวน แบบที่เจ้าตัวดีไม่มีทางรู้ได้เลยว่า

    ...ตัวเองกำลังทำหน้าตาแบบไหนอยู่ตอนนี้!

    “หายเจ็บแล้วหรือยัง?”

    ทงเฮทำหน้ามุ่ยให้กับคำถามประหลาดๆของคิบอม ไม่รู้มันจงใจถามถึงแผลที่หัวของเค้า หรืออาการชาหน่วงๆที่ปากของเค้ากันแน่

    “ชั้นขอโทษนะ ที่หลอกนาย” จู่ๆมันก็เข้าบทซึ้ง ขอโทษออกมาง่ายๆซะอย่างนั้น ทำเอาคนที่คิดจะเล่นตัวไปต่อแทบไม่ถูกเลยทีเดียว

    “แต่เพราะจริงๆแล้วชั้นก็อยากเห็นนายหึงด้วยแหละ ถึงได้ทำแบบนี้”

    “แล้วถ้าชั้นไม่หึงนายล่ะ จะทำยังไง”

    “ก็คงแกล้งต่อล่ะมั้ง” คิบอมยิ้มกวนๆให้ จนทงเฮหมั่นไส้ อยากจะถีบมันออกนอกโลกซะเหลือเกิน

    “แกล้งไปจนกว่านายจะบอกว่ารักชั้น ...ขาดชั้นไม่ได้เลยในชีวิตนี้”

    “หลงตัวเอง” ทงเฮว่าลอยๆ ในขณะที่คิบอมหัวเราะตาหยี

    “แล้วนายหลงชั้นด้วยมั้ยล่ะ”

    “งั้นมั้ง!?

    ทงเฮพูดโดยไม่ยอมมองตาอีกฝ่าย เพราะกลัวว่าหากสบตามันตอนนี้ เค้าคงได้ระเบิดบึ้ม กลายเป็นด๊องกี้สตาร์แหงมๆ -*-

    “ว่าแต่นายน่ะ.....”

    “หืม?”

    “ยังไม่ได้บอกว่าชอบชั้นเหมือนกันเลยไม่ใช่เหรอ?”

    “ต้องบอกด้วย?”

    คิบอมถามหน้าเรียบสนิท ทงเฮเลยเดือดปุดๆ แล้วร้องโวยวายเพื่อความยุติธรรม

    “ก็ใช่น่ะสิ หรือนายคิดจะเอาเปรียบชั้นกันแน่ห๊า!?” ร่างสูงอมยิ้มขำ ก่อนพยักหน้าอย่างยอมแพ้

    “ก็ได้ๆ ตามใจนายล่ะกัน”

    “ฮึ!

    ทงเฮพ่นลมหายใจสื่อว่าแน่นอนอยู่แล้ว

    “แต่หลับตาก่อนได้มั้ย”

    “ทำไมชั้นต้องหลับตาด้วยอ่ะ”

    “ชั้นก็อายเป็นนะ ถ้าพูดให้นายฟังพร้อมๆกับโดนนายจ้องเอาอย่างนี้ ..ไม่ไหวหรอก”

    ได้ยินอย่างนั้น ทงเฮก็ยิ้มอย่างลำพองใจ ก่อนยอมหลับตาพริ้มรอฟังคำบอกรักหวานๆจากแฟนหนุ่มแต่โดยดี

    “ห้ามขี้โกง แล้วก็ห้ามฉวยโอกาสด้วย ไม่งั้นนายเจอดีแน่ๆ”

    พูดทั้งที่ยังหลับตาอยู่ เพราะเริ่มจะรู้ทันกลโกงของอีกฝ่าย เรียกรอยยิ้มเอ็นดูให้ปรากฏขึ้นบนวงหน้าหล่อเหลาของโกดมีนัมหนุ่ม

    “ไม่ทำหรอก”

    “ขอให้มันจริงเถ้อออออ”

    ปากแดงๆบ่นขมุบขมิบ ในระหว่างที่ใจเต้นตึกตัก แก้มอุ่นซ่าน แค่คิดว่าจะได้ยินเจ้าชายน้ำแข็งอย่างคิบอมพูดว่าชอบเค้า รักเค้าคนเดียวมาโดยตลอดเหมือนกัน ทงเฮก็แทบระงับความตื่นเต้นเอาไว้ไม่อยู่แล้ว

    “งั้นฟังให้ดีนะ อีทงเฮ” เสียงพูดแผ่วเบากระซิบอยู่ที่ข้างหู

    “.............”

     

     

    “ถ้านายทำสแลมดังค์ได้เมื่อไหร่ ชั้นก็จะบอกรักนายเมื่อนั้นนั่นแหละ ...เตี้ย!

     

    พูดจบก็ขโมยหอมแก้มคนน่ารักฟอดใหญ่ก่อนไม่รีรอให้ถูกคนที่นอนหลับตาตามคำขอของเค้า ลุกขึ้นมาอาละวาดใส่ คิบอมรีบยันตัวลุกแล้วหนีหายไปอย่างรวดเร็ว จนทงเฮที่เพิ่งจะลืมตาผึ่งขึ้นมาอย่างแค้นๆ ได้แต่มองตามแผ่นหลังนั้น พร้อมตะโกนก้องไปทั่วทั้งบริเวณอย่างหัวเสีย...

     

    เมิงตายยยยยยยยยยยย!!!

     

    ร้องพลางกระเด้งตัวลุกขึ้น แล้ววิ่งตามไปเอาเรื่องกับจอมขี้โกง ที่ไม่ว่าเรื่องไหนๆมันก็ขี้โกงไปซะหมด

     

    ไล่ตั้งแต่หาข้ออ้างมาแกล้งเค้าเรื่องเข้าชมรม

    เรียกร้องค่าตอบแทนโน่นนี่จนเกินงาม

    แล้วไหนจะคำบอกรัก ที่สมควรบอกกับเค้าที่อุตส่าห์ทุ่มกายถวายชีวิตดังค์ลูก เพื่อมันอีกล่ะ!

     

    เมิงจะเอารัดเอาเปรียบกรูเกินไปแล้วนะ คิมคิบอม

    อ้ายคนชั่วววววววววว!!!!

     

     

    “น่าจะเรียบร้อยแล้วล่ะเนอะ”

    เสียงหนึ่งจากหลังพุ่มไม้เอ่ยขึ้นอย่างยินดี ขณะที่อีกเสียงหนึ่งก็ดังเล็ดลอดออกมาด้วยความดีใจไม่แพ้กัน

    “นั่นสินะ ฮยอคจี้ของวอนนี่เก่งจังเลย ทำให้ไอ้หมวยมันรู้ใจตัวเองได้ด้วยอ่ะ อิๆ”

    “ก็ถ้ารอนายลงมือ ป่านนี้ทงเฮคงยังเถียงกับนายไม่เลิกเลยน่ะสิ” แม้จะถูกคนรักแขวะ แต่ซีวอนกลับยิ้มตาหยีอย่างยอมรับผิดเต็มที่ เพราะสิ่งที่ฮยอคแจพูดนั้น เป็นความจริงอย่างที่สุด!

    “แต่ยังไง ไอ้หมวยมันก็ตกล่องปล่องชิ้นกับคิบอมจริงๆจนได้ล่ะน่า~” ซีวอนเลิกคิ้ว “หวังว่านายคงไม่ลืมสัญญาของเราหรอกนะ ฮยอคแจ~

    ซีวอนโน้มหน้าเข้ามา ทำปากจู๋ เลยถูกมือขาวๆของฮยอคแจดันกลับไป พร้อมกระซิบเสียงดุ

    “จะทำอะไรน่ะ”

    “ก็ทำตามสัญญาไง” ยิ้มหน้าบานเป็นกระด้ง ก่อนเอ่ยต่อ

    “ตอนนี้เราเป็นแฟนกันแล้วน้า เพราะฉะนั้นชั้นก็ทำในสิ่งที่คนเป็นแฟนกันทำกัน ได้แล้วน่ะสิ ...เหมือนอย่างคู่ไอ้หมวยไง” ยกตัวอย่างให้ฮยอคแจเห็นภาพอย่างชัดเจน แต่อีกฝ่ายกลับส่ายหน้า ไม่ยอม

    “ทำอย่างกับว่านายทนรอจนสัญญา สำเร็จได้อย่างนั้นแหละ”

    ฮยอคแจบ่นอุบ เพราะเรื่องเมื่อวันก่อน  ที่แม้จะไม่รู้ว่าการไปเดทของทงเฮตามแผนการของซีวอน จะได้ผลหรือเปล่า แต่คนขี้อ้อนอย่างซีวอนก็ชักแม่น้ำทั้งห้าสายให้เค้าใจอ่อน ยอมเสียเฟิร์สคิสให้ไปจนได้

    ฉลาด(แต่เรื่องพรรค์นี้)จริงๆ ผัวกู -*-

    “อันนั้นถือว่าชั้นทนแล้วน้า” ซีวอนกระเง้ากระงอดให้ฮยอคแจเห็นใจ

    “เฮอะ!” ฮยอคแจพ่นลมคล้ายจะบอกว่า กูเชื่อเมิงตายหองล่ะ ไอ้ฉ่อยเอ๊ยยย

    “แต่ตอนนี้จะไม่ทนแล้วล่ะ มามะ ฮยอคแจจ๋า มาให้พี่วอนนี่จูจุ๊บซะดีๆ ฮี่ๆๆๆ”

    หัวเราะเสียงม้า ก่อนจะพลาดท่าหน้าจูบพื้น เพราะแม่ไก่ฮยอคแจไวกว่า รีบลุกแล้ววิ่งหนีฝุ่นตลบไปก่อน โดยไม่วายหันมาแลบลิ้นใส่เป็นการลงโทษ

    “แบร่~

    ซีวอนเห็นอย่างนั้นก็ยิ้มขำ ...ฮยอคแจชอบให้เล่นแบบหนังอินเดียก็ไม่บอก

    คิดได้อย่างนั้นแล้ว พ่อสิงโตพันธ์ม้า ก็รีบพุ่งตัวออกไป วิ่งไล่ไก่น้อยกลอยใจทันที นี่ถ้ามีภูเขาหรือต้นไม้ อยู่แถวๆนั้นด้วย คงได้เป็นหนังบอลลีวู้ด อย่างสมบูรณ์แบบสุดๆไปเลยล่ะ

     

    “หุๆๆๆ” เสียงหัวเราะตรงแถวข้างถังขยะดังขึ้น หลังจากที่พวกฮยอคแจไปกันหมดแล้ว

    “จะ...จะ...แจ...จ๋า” อีกเสียงที่แหบพร่าร้องเรียก พลางสะกิดต้นแขน ร่างที่กำลังนั่งจุ้มปุ๊กจดยุกยิกลงบนสมุดโน้ตคู่ชีพ ก่อนที่ร่างของคนๆนั้นจะหันมา ยิ้มหวานหยด แล้วเอียงคอถาม

    “ยุนๆมีอะไรเหรอ?”

    “หิ...ว...น้ำ”

    “แหม จริงด้วยสินะ นี่เรายังไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เช้าเลยนี่นา” เอานิ้วจิ้มคาง ทำท่าเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ ขณะที่ยุนโฮทำหน้าเบ้ประท้วง

    นี่เจ๊ไม่ได้ยินเสียงร้องไรซิ่งซันของพยาธิในกระเพาะของกระผมเลยหรือไงค้าบบบบ T [  ] T*

    “มัวแต่แอบตามดูพวกทงเฮ จนลืมหิวลืมเหนื่อยไปเลยนะเนี่ย” แจจุงบ่นพึมพำ เพราะสองสามวันที่ผ่านมา ทงเฮ น้องรักทำตัวซังกะตายเหมือนศพเดินได้ไม่มีผิด สร้างความทุกข์ให้แก่พี่ชายและพี่สะใภ้อย่างพวกเค้าเป็นอันมาก

    ดังนั้นวันนี้ แจจุงเลยตัดสินใจสะกดรอยตามทงเฮมา เพื่อควานหาสาเหตุที่ทำให้ตุ๊กตาบาร์บี้ของเค้าในวันเสาร์  กลับมาโดยมีสภาพเป็นตุ๊กตาแช็คกี้ หน้าผี ไร้ชีวิตจิตใจ จนดูน่าเวทนาเกินจะทน

    “อ่ะ กินนี่สิจ๊ะ ยุนโฮ” ชีหยิบกระติกน้ำออกมาจากกระเป๋า แล้วส่งให้สามีที่เคารพรักดื่มแก้กระหาย

    “นะ..น้ำอะไรอ่ะจ้ะ..ที่รัก”

    “ก็น้ำเปล่าน่ะสิจ๊ะ ยุนโฮ” แจจ๋าทำสีหน้าคล้ายกำลังตำหนิแฟนหนุ่มที่เป็นพวกขี้กังวลเกินกว่าเหตุ “ดื่มรองท้องไปก่อน แล้วเราค่อยไปหาอะไรทานกันนะ”

    “ฮื้อออออออ” ยุนโฮส่งเสียงครางรับ ระหว่างที่กำลังกระดกน้ำในกระติกอย่างหิวกระหาย

    “ว่าแต่แจจุงเสร็จแล้วเหรอจ๊ะ” ชายหนุ่มร่างสูงเอ่ยถาม เมื่อจัดการ         โด๊ปน้ำลงไปท่วมพยาธิในกะเพราะให้สงบนิ่ง แล้วส่งกระติกน้ำคืนเมียรักด้วยสีหน้าซาบซึ้งในบุญคุณที่ไม่เอาน้ำที่ตัวเองทำมาใส่ลงไป

    ไม่งั้นถึงหิวน้ำแค่ไหน กูก็ไม่กล้ากระเดือกล่ะว้า~

    “อื้อ ก็ได้ประมาณแปดสิบเปอร์เซ็นแล้วล่ะ” บอกพลางก้มลงขีดเขียนลงไปในสมุดต่ออีกนิดหน่อย เพื่อให้ภาพทั้งหมดออกมาดีที่สุดเท่าที่จะทำได้

    “ไม่เสียแรงเนอะ ที่วันนี้เราออกมาตามยัยหมวยกัน” ยุนโฮกล่าวยิ้มๆ และแจจ๋าก็ยิ้มตอบ

    “ใช่ เพราะได้ช็อตเด็ดเป็นฉากจูบบนพื้นหญ้าด้วยนี่นา” แจจุงทำตาเป็นประกาย ยามเอ่ยถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นตรงหน้าเมื่อตะกี้ “มุมที่เราแอบอยู่ตรงนี้ ทำให้เห็นโครงหน้าของทงเฮกับคิบอมชัดแจ๋ว ชั้นเลยวาดง่ายขึ้นเยอะ”

    “งั้นก็ดีแล้ว”

    ยุนโฮรู้สึกยินดีกับความสำเร็จของแจจุงด้วยเช่นกัน ก่อนยันตัวลุกขึ้น

    “กลับกันเถอะ แจจุงอ่า เดี๋ยวถ้ายัยหมวยกลับถึงบ้าน แล้วเราไม่อยู่ทั้งคู่ จะผิดสังเกตเอาได้น้า” ชายหนุ่มยื่นมือเข้ามาช่วยพยุงคนรักให้ยืนขึ้นบ้าง พลางช่วยปัดฝุ่นที่ขากางเกงให้อย่างรักใคร่

    “แต่ต้นฉบับของแจจ๋าอันเนี้ย อย่าให้เจ้าทงเฮได้เห็นเชียว ไม่งั้นมันอาละวาดบ้านแตกแหงๆ”

    “โธ่ ถึงเห็นไป ทงเฮก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นฝีมือชั้น”

    “ก็ไม่แน่นี่นา” ยุนโฮส่ายหน้าเพราะไม่เห็นด้วยในความหละหลวมของคนรัก “กันไว้ดีกว่าแก้นะ”

    “อืม แล้วจะพยายามล่ะกัน” แจจุงยอมพยักหน้ารับแต่โดยดี

    เพราะอีทงเฮคงไม่มีวันรู้หรอกว่า นอกจากตัวเองจะมีพี่ชายเป็นนักเขียนนิยายอีโรติกแบบเรททริปเปิ้ลเอ็กซ์แล้ว

    ยังมีโชคชั้นที่สอง เป็นพี่สะใภ้คนสวยที่เก่งเรื่องการฆ่าคนด้วยอาหาร โดยไม่ได้เจตนา และมีอาชีพหลักเป็น

     

    ...นักวาดการ์ตูนวาย เรททริปเปิ้ลอาร์ เอ็นซีสามสิบบวกๆ !!

     

    และที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ... ผลงานเรื่องใหม่ของทั้งยุนโฮและแจจุง

    มีต้นแบบมาจากชีวิตรักของน้องชายจอมเฮ้ว ผู้ที่เกือบโดนเตะโด่งออกจากชมรม จนต้องหาทางเอาชีวิตรอดด้วยการเสนอตัวไปให้เจ้าชายผู้เย็นชาคิมคิบอม แกล้งเอาๆ จนเกิดเป็นความรักที่สุดแสนจะอลหม่าน ชวนปวดหัว และอมยิ้ม แบบนี้ขึ้น นั่นเอง...

     


    THE END



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×