![]() | 1. เม็ดเลือดแดง (Red blood cells) ประกอบไปด้วยฮีโมโกลบิน (Hemoglobin)และโปรตีนขนส่งออกซิเจน 2. เม็ดเลือดขาว (White blood cells) ทำหน้าที่ต่อสู้กับเชื้อโรค 3. เกล็ดเลือด (Platelets) ช่วยในเรื่องการแข็งตัวของเลือดเมื่อเกิดการบาดเจ็บ 4. น้ำเหลือง (Plasma) ประกอบไปด้วยเกลือและโปรตีนหลายชนิด |
หมู่โลหิต (หมู่เลือดนั่นหละ เรียกหรูๆเฉยๆ 55)
การที่มนุษย์เรามีหมู่เลือดต่างกันนั้น เกิดจากการมีโมเลกุลโปรตีนที่เรียกว่าแอนติเจน (Antigens) และแอนติบอดี้ (Antibodies)ที่แตกต่างกัน แอนติเจนนั้นจะอยู่ที่ผิวของเซลล์เม็ดเลือดแดง ส่วนแอนติบอดี้นั้นจะอยู่ในน้ำเหลือง โดยหมู่เลือดที่แต่ละคนมีนั้นจะได้รับการถ่ายทอดมาจากพ่อแม่ของแต่ละคน
ปัจจุบันนี้มีหมู่เลือดที่ใช้หลักพันธุศาสตร์เป็นตัวพิจารณาอยู่มากกว่า 20 แบบ แต่ระบบ ABO และ Rh เป็นระบบที่สำคัญที่สุดที่ใช้ในการถ่ายเลือด การผสมกันของหมู่เลือดที่ไม่เข้ากันจะทำให้เลือดจับตัวเป็นก้อน (Blood clumping หรือ agglutination) ซึ่งจะเป็นอันตรายมาก ผู้ที่ค้นพบหมู่เลือด ABO และ Rh ชื่อว่า Laureate Karl Landsteiner
ระบบหมู่เลือด ABO
แบ่งเป็น 4 แบบคือ A, B, AB, และ O(หรือ null)
1. หมู่เลือด A (AA หรือ AO) : สำหรับคนที่มีหมู่เลือดเอ แสดงว่าคุณมีแอนติเจนชนิด A และมีแอนติบอดี้ชนิด B
2. หมู่เลือด B (BB หรือ BO): สำหรับคนที่มีหมู่เลือดบี แสดงว่าคุณมีแอนติเจนชนิด B และมีแอนติบอดี้ชนิด A
3. หมู่เลือด AB : สำหรับคนที่มีหมู่เลือดเอบี แสดงว่าคุณมีแอนติเจนทั้งชนิด A และ B แต่ไม่มีแอนติบอดี้ชนิดไหนเลย
4. หมู่เลือด O (OO) : สำหรับคนที่มีหมู่เลือดโอ แสดงว่าคุณมีไม่มีแอนติเจนชนิดไหนเลย แต่มีแอนติบอดี้ทั้งชนิด A และ B
- คนที่มีหมู่เลือด A (AO) จะสามารถถ่ายเลือดให้กับคนหมู่ A และหมู่ O ได้
- คนที่มีหมู่เลือด A (AA) จะสามารถถ่ายเลือดให้กับคนหมู่ A ได้หมู่เดียว
- คนที่มีหมู่เลือด B (BO) จะสามารถถ่ายเลือดให้กับคนหมู่ B และหมู่ O ได้
- คนที่มีหมู่เลือด B (BB) จะสามารถถ่ายเลือดให้กับคนหมู่ B ได้หมู่เดียว
- คนที่มีหมู่เลือด AB จะสามารถถ่ายเลือดให้กับคนหมู่ AB ได้หมู่เดียว
- คนที่มีหมู่เลือด O จะสามารถถ่ายเลือดให้กับคนหมู่ A, หมู่ B, หมู่ AB, และหมู่ O ได้ ("universal donors")
หรือ
- คนที่มีหมู่เลือด A (AO) จะสามารถรับเลือดจากคนหมู่ A และหมู่ O ได้
- คนที่มีหมู่เลือด A (AA) จะสามารถรับเลือดจากคนหมู่ A ได้หมู่เดียว
- คนที่มีหมู่เลือด B (BO) จะสามารถรับเลือดจากคนหมู่ B และหมู่ O ได้
- คนที่มีหมู่เลือด B (BB) จะสามารถรับเลือดจากคนหมู่ B ได้หมู่เดียว
- คนที่มีหมู่เลือด AB จะสามารถรับเลือดจากคนหมู่ A, หมู่ B, หมู่ AB, และหมู่ O ได้ ("universal receivers")
- คนที่มีหมู่เลือด O จะสามารถรับเลือดจากคนหมู่ O ได้หมู่เดียว
การถ่ายทอดหมู่เลือด ABO จากพ่อแม่ไปสู่ลูก

จากรูปตัวอย่าง : ถ้าพ่อแม่มีหมู่เลือด AO และ BO ลูกก็จะมีโอกาสมีหมู่เลือด AB(25%) AO(25%) BO(25%) และ OO(25%)
นอกจากนี้เช่น
- ถ้าพ่อแม่มีหมู่เลือด BO และ BO ลูกก็จะมีโอกาสมีหมู่เลือด BO(75%) และ OO(25%)
- ถ้าพ่อแม่มีหมู่เลือด AB และ OO ลูกก็จะมีโอกาสมีหมู่เลือด AO(50%) และ BO(50%)
- ถ้าพ่อแม่มีหมู่เลือด OO และ OO ลูกก็จะมีโอกาสมีหมู่เลือด OO(100%) เป็นต้น
ส่วนวิธีคิดสำหรับพ่อแม่ที่มีหมู่เลือดแบบอื่นก็ลองไปคิดดูกันนะว่าลูกจะมีโอกาสมีหมู่เลือดชนิดไหนบ้างและชนิดละกี่เปอร์เซนต์
ระบบหมู่เลือด Rh
หลายๆคนจะมี Rh factor อยู่ที่ผิวของเซลล์เม็ดเลือดแดงด้วย ซึ่งมันก็คือแอนติเจนชนิดหนึ่งนั่นเอง คนที่มีRh factor อยู่ก็จะถูกเรียกว่า Rh+ ส่วนคนที่ไม่มีก็จะถูกเรียกว่า Rh- คนที่มีหมู่เลือด Rh- โดยปกติแล้วคนๆนั้นจะไม่มีแอนติบอดี้ชนิด Rh อยู่ แต่คนที่มีหมู่เลือด Rh- นั้นก็สามารถผลิตแอนติบอดี้ชนิด Rh ได้ถ้าเขาหรือเธอได้รับเลือดจากบุคคลอื่นที่มีหมู่เลือด Rh+ ซึ่งแอนติเจนชนิด Rh จะสามารถทำให้เกิดการผลิตแอนติบอดี้ชนิด Rh ได้
- คนที่มีหมู่เลือด Rh+ สามารถถ่ายเลือดให้กับคนหมู่ Rh+ ด้วยกันได้ แต่ไม่สามารถถ่ายเลือดให้กับคนหมู่ Rh-
- ส่วนคนที่มีหมู่เลือด Rh- สามารถถ่ายเลือดให้กับทั้งคนหมู่ Rh+ และ Rh- ได้
หรือ
- คนที่มีหมู่เลือด Rh+ สามารถรับเลือดได้จากทั้งคนหมู่ Rh+ และ Rh -
- แต่คนที่มีหมู่เลือด Rh- จะสามารถรับเลือดได้จากคนหมู่ Rh - เท่านั้น
การตรวจหาหมู่เลือด
วิธีการตรวจหาหมู่เลือดก็คือการตรวจว่าแอนติเจนของคนๆนั้นเป็นชนิดไหนนั่นเอง วิธีตรวจให้ผสมตัวอย่างเลือดเข้ากับสารละลายที่มีแอนติบอดี้แตกต่างกัน 3 หลอดคือ A B และ Rh(ในกรณีที่ต้องการหาหมู่ Rh ด้วย)
- ถ้าหลอดที่มีแอนติบอดี้ A ผสมอยู่จับตัวเป็นก้อน แสดงว่าคนๆนั้นมีหมู่เลือด A
- ถ้าหลอดที่มีแอนติบอดี้ B ผสมอยู่จับตัวเป็นก้อน แสดงว่าคนๆนั้นมีหมู่เลือด B
- ถ้าหลอดที่มีแอนติบอดี้ A และหลอดที่มีแอนติบอดี้ B ผสมอยู่จับตัวเป็นก้อน แสดงว่าคนๆนั้นมีหมู่เลือด AB
- ถ้าไม่มีหลอดไหนเลยที่เลือดจับตัวกันเป็นก้อน แสดงว่าคนๆนั้นมีหมู่เลือด O
- ถ้าหลอดที่มีแอนติบอดี้ Rh ผสมอยู่จับตัวเป็นก้อน แสดงว่าคนๆนั้นมีหมู่เลือด Rh+
- ถ้าหลอดที่มีแอนติบอดี้ Rh ผสมอยู่ไม่จับตัวเป็นก้อน แสดงว่าคนๆนั้นมีหมู่เลือด Rh-
เลือด (Blood) ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นของเหลว 55 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเรียกว่า “ น้ำเลือดหรือ
พลาสมา (plasma)”และส่วนที่เป็นของแข็งมี 45 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งได้แก่ เซลล์เม็ดเลือดและเกล็ดเลือด

1. น้ำเลือดหรือพลาสมา
ประกอบด้วยน้ำประมาณ 91 เปอร์เซ็นต์ ทำหน้าที่ลำเลียงเอนไซม์ ฮอร์โมน แก๊ส แร่ธาตุ วิตามินและ
สารอาหารประเภทต่างๆที่ผ่านการย่อยอาหารมาแล้วไปให้เซลล์และรับของเสียจากเซลล์ เช่น ยูเรีย
แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ น้ำ ส่งไปกำจัดออกนอกร่างกาย
2. เซลล์เม็ดเลือด ประกอบด้วย
2.1 เซลล์เม็ดเลือดแดง (red blood cell)
มีลักษณะค่อนข้างกลมตรงกลางจะเว้าเข้าหากัน ( คล้ายขนมโดนัท ) เนื่องจากไม่มีนิวเคลียส องค์ประกอบส่วนใหญ่
เป็นสารประเภทโปรตีนที่เรียกว่า “ ฮีโมโกลบิน ” ซึ่งมีสมบัติในการรวมตัวกับแก๊สต่างๆ ได้ดี เช่น แก๊สออกซิเจน
แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์
หน้าที่ แลกเปลี่ยนแก๊ส โดยจะลำเลียงแกสออกซิเจน ไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย และลำเลียงแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์
จากส่วนต่างๆ ของร่างกายกลับไปที่ปอด
แหล่งสร้างเม็ดเลือดแดง คือ ไขกระดูก ผู้ชายจะมีเซลล์เม็ดเลือดแดงมากกว่าผู้หญิง เซลล์เม็ดเลือดแดงมีอายุ
ประมาณ 110-120 วัน หลังจากนั้นจะถูกนำไปทำลายที่ตับและม้าม
2.2 เซลล์เม็ดเลือดขาว (white blood cell)
มีลักษณะค่อนข้างกลม ไม่มีสีและมีนิวเคลียส เม็ดเลือดขาวในร่างกายมีอยู่ด้วยกันหลายชนิด
หน้าที่ ทำลายเชื้อโรคหรือสารแปลกปลอมที่เข้ามาสู่ร่างกาย
แหล่งที่สร้างเม็ดเลือดขาว คือ ม้าม ไขกระดูก และต่อมน้ำเหลือง มีอายุประมาณ 7-14 วัน
3. เกล็ดเลือดหรือแผ่นเลือด (blood pletelet)
ไม่ใช่เซลล์แต่เป็นชิ้นส่วนของเซลล์ซึ่งมีรุปร่างกลมรีและแบนเกล็ดเลือดมีอายุประมาณ4วัน
หน้าที่ ช่วยให้เลือดแข็งตัวเมื่อมีการไหลของเลือดจากหลอดเลือด

ความคิดเห็น
PS. U..Make Me SMILE ^O^ ฝากนิยายด้วยนะคะ "ตำนานฟาซีลาซกับนายหญิงแห่งสวรรค์" http://my.dek-d.com//story/view.php?id=385169