ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] First Kris First Kiss (Kris x Suho)

    ลำดับตอนที่ #21 : CHAPTER 19

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 619
      1
      21 เม.ย. 56

    CHAPTER 19

     

     

     

     

    จุนมยอนเพิ่งหลับ...

     

    หลังจากอุบัติเหตุตกลงมาจากบันไดอะลูมิเนียม เพื่อนๆก็ต่างพาร่างเล็กของจุนมยอนไปส่งที่สถานพยาบาลภายในมหาวิทยาลัย แต่กลับพบปัญหา เพราะอาการของจุนมยอนหนักเกินกว่าสถานพยาบาลเล็กๆจะรับไหว คราวนี้คนตัวเล็กก็ต้องถูกส่งต่อที่ไปที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดแทน

     

    เพราะจุนมยอนไม่ใช่แค่ตกลงมา...แต่ขาหักและต้องใส่เฝือก

     

    ไคกลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้งแม้ว่าเพื่อนคนที่เจ็บของเขาจะหลับไปแล้ว จากที่ฟังจากแบคฮยอนระหว่างที่เขาพาหมอนั่นไปส่งที่บ้านก็ได้ความมาว่าพี่ซีวอนผู้ซึ่งเป็นผู้ปกครองของจุนมยอน ตอนนี้กำลังอยู่ที่ต่างจังหวัด ติดพันอยู่กับภารกิจงานจึงยังไม่สามารถตรงมาได้ทันที อย่างเร็วที่สุดก็อาจจะเป็นพรุ่งนี้ตอนบ่ายๆ พวกเขาต้องบอกมันแก่พี่ซีวอนเป็นเรื่องแน่อยู่แล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ ทว่าพอถึงตรงนี้ก็ไม่น่าห่วงมากนัก เพราะจุนมยอนเองก็ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี อยู่ในความดูแลของโรงพยาบาล แบคฮยอนยืนยันกับพี่ชายของอีกฝ่ายไปแบบนั้น

     

    ไคไม่รู้ว่าตัวเองจะกลับมาที่โรงพยาบาลอีกทำไม ตอนนี้ก็เกือบจะสี่ทุ่มเข้าไปแล้ว เขาห่วงจุนมยอน...เรื่องนั้นแน่นอนแต่คงไม่ใช่ตอนนี้ ความรู้สึกเหล่านั้นมันแทบจะหมดไปในตอนที่เขาพบว่าหลังจากใส่เฝือก จุนมยอนยังพูดคุยกับเขาด้วยความสดใสร่าเริงประหนึ่งว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นไม่ได้ยังความเจ็บปวดมาที่คนตัวเล็กๆคนนั้นจริง

     

     

    งั้นอะไรล่ะ ...ถ้าหมดห่วงแล้ว ไคจะกลับมาที่นี่ ตอนนี้อีกทำไม

     

     

    บางทีมันอาจจะผิด ไคก้มลงมองสองมือตัวเองจับกัน เขาไม่รู้หรอกว่าแท้จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้น นับเป็นช่วงเวลาที่สับสนมากๆ เขาเห็นว่าลู่ฮานยืนอยู่ตรงนั้น แววตาที่พบตอนนั้นอาจไม่มีความสะใจหรือประกายแห่งชัยชนะปรากฏ แต่ไม่รู้ทำไมไคถึงได้รู้สึกผิดหวังขนาดนี้

     

    ไคยอมรับ ...เขาคิดว่าลู่ฮานเป็นคนทำให้จุนมยอนตกลงมา เพราะอะไรนั้นเขาย่อมรู้ดี ก็มันเป็นเรื่องเดียวกับที่เขาให้ความร่วมมือมาตลอดนั่นแหละ แต่ถ้าถึงขนาดนี้ ถึงขนาดที่ทำให้จุนมยอนต้องเจ็บตัว ไคเองก็ไม่ชอบเหมือนกัน

     

    แต่แล้วสีหน้าและแววตาเว้าวอนอีกทั้งตัวอันแข็งทื่อของลู่ฮานในตอนนั้นก็มาทำให้ความเชื่อมั่นของเขาสั่นคลอน ไคสับสนไปหมด ลู่ฮานดูตกใจในสิ่งที่เกิดขึ้นไม่น้อย ทำตัวไม่ถูก เกือบจะนึกสงสาร แต่พอมานึกถึงสิ่งที่เขาปักใจเชื่อไปแล้ว ก็อดโมโหขึ้นมาไม่ได้

     

    แต่ไคกลับรู้สึกโมโหตัวเองมากกว่า ...เพราะถ้าไม่ใช่เขา จุนมยอนก็คงจะไม่ต้องมาเจ็บตัวแบบนี้

     

    อยู่ๆไคก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาใครสักคน รอสายอยู่สักพักฝ่ายปลายสายก็ขานรับ จนเขาต้องใส่คำถามเข้าไป “นายอยู่ไหนน่ะ”

     

    “กินข้าวหรือยัง?ดันเผลอถามแบบนี้ออกไปเพราะความเคยชิน

     

    “อยู่ที่นั่นนะเดี๋ยวฉันไปหา”

     

    “นี่...ลู่ฮานฟังฉันอยู่หรือเปล่า”

     

    น้ำเสียงของลู่ฮานที่ได้ยินก่อนสัญญาณจะตัดไปดูร้อนรน กระวนกระวาย หวาดระแวง จนไคเองยังไม่สามารถจะคาดเดาสถานการณ์ได้ออก

     

    เกิดอะไรขึ้นกับฝ่ายนั้นกันแน่

     

    ชายหนุ่มรีบไปตามสถานที่ที่อีกฝ่ายบอกทันที ที่หน้าชมรมดนตรี ไคไปที่นั่นออกบ่อย คงเพราะมันเป็นชมรมที่ถ้าหากอยู่แล้วสาวๆมักจะชอบ และเพื่อนร่วมวิชาเอกของเขาหลายคนคิดอย่างนั้น ถึงได้สมัครเข้ากันตรึมทั้งที่บางคนแทบจะเล่นดนตรีไม่เป็นเลย โดยมากไคมักจะไปหาเพื่อนเสียมากกว่าจะไปเล่นดนตรีเพื่อโชว์สาวที่คนอื่นๆมักจะทำ

     

    พอไปถึง ไคก็พบลู่ฮาน ร่างเพียวนั่งอยู่บนม้านั่งยาวที่ยื่นเข้ามาในระเบียง ซึ่งตรงข้ามกับประตูห้องของชมรมดนตรีพอดี ไม่มีคนอีกแล้ว ถ้าจะมีสักอย่างที่ทำให้บริเวณนี้ไม่น่ากลัวจนเกินไปก็เห็นจะมีเพียงไฟที่ส่องสว่างตามทางเดิน เพราะแม้แต่เสียงก็แทบจะไม่มีอะไรให้ได้ยิน

     

    “มานั่งทำบ้าอะไรตรงนี้” ลู่ฮานมองมาทันที ไคเองแม้จะรู้สึกแปลก ที่เห็นท่าทีไม่ค่อยดีของอีกคน แต่เขาก็ไม่เคยรู้จักวิธีพูดดีด้วย อีกอย่างในใจของเขาตอนนี้มันก็ยังคงมีข้อกังขาอยู่

     

    “ไม่ได้มานั่งทำบ้า แต่ฉันกำลังจะบ้า!” ลู่ฮานเองก็ชอบโต้ตอบกลับมาด้วยวิธีเดียวกัน แว๊ดใส่ได้แค่นั้นก็สบตาไคนิ่ง อะไรบางอย่างที่ต่างคนต่างก็รู้ เล่นเอาพูดไม่ออกกันไปทั้งสองคน

     

    หลังจากเห็นว่าไคเขยิบเข้ามาใกล้ จนมาทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ ลู่ฮานจึงตัดสินทำลายความเงียบที่อยู่กับพวกเขาเพียงแค่ช่วงเวลาหนึ่ง เพราะถ้าปล่อยให้มันอยู่นานกว่านี้คงได้อึดอัดตายกันไปข้างหนึ่งแน่

     

    “จุนมยอนน่ะ...เขา...เป็นยังไงบ้าง”

     

    “ยังไม่ตายง่ายๆหรอก” ไคตอบทันที ฟังดูเรียบจนน่าขนลุก

     

    “ประชดกันทำไม”

     

    “ก็เขายังไม่ตายจริงๆ จะให้บอกว่ายังไง” น้ำเสียงทุ้มนั้นประหนึ่งมีอารมณ์

     

    “ทุกคนคิดว่าฉันทำให้จุนมยอนต้องตกลงมา รวมทั้งนายด้วยใช่มั้ย”

     

    “แล้วนายได้ทำมั้ยล่ะ” ไคถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง จนลู่ฮานยังรู้สึกสะดุ้ง แม้จะไม่ได้เป็นคนทำให้จุนมยอนตกลงมา แต่ลู่ฮานก็รู้สึกผิด เพราะเขามีความคิดที่อยากจะทำแบบนั้นอยู่เหมือนกัน

     

     

    “ฉัน...แค่คิด...” ไคมองลู่ฮานที่ก้มหน้าตอบเสียงค่อยแล้วถึงกับอ้าปากค้าง

     

    “ลู่ฮาน!!!

     

    “แต่สาบานได้...ฉันไม่ได้แตะต้องตัวเพื่อนนาย ไม่ได้แม้แต่จะแตะบันไดนั่น” ไคหรี่ตามองท่าทางปฏิเสธอันลุกลี้ลุกลนของฝ่าย ด้วยระยะเวลาไคเชื่อว่าเขาคงยังรู้จักลู่ฮานได้ไม่ดีนัก การวางใจไว้ที่ระดับห้าสิบห้าสิบน่าจะเป็นเกราะป้องกันที่ดีสำหรับตัวเอง เพื่อไม่ให้ผิดหวัง

     

    “ถ้างั้นแล้วจุนมยอนจะตกลงมาได้ยังไง”

     

    “ฉันจะไปรู้กับเพื่อนนายได้ยังไงกันเล่า”

     

    แล้วก็เงียบกันไปทั้งสองฝ่าย เมื่อลู่ฮานเป็นคนที่เพิ่งจบคำพูดของตัวเอง และเพราะไคที่กำลังเริ่มต้นทบทวนในสิ่งที่ลู่ฮานพูด

     

     

    “แต่ใครๆก็คิดว่าฉันทำ อี้ชิงบอกคนอื่นว่าฉันเป็นคนให้จุนมยอนปีนขึ้นไป ผู้ต้องหาก็เลยกลายมาเป็นฉัน”

     

    ไคหันขวับไปที่ลู่ฮานทันที “เดี๋ยวนะ...นายเป็นคนให้จุนมยอนปีนขึ้นไป”

     

    “ก็ใช่...แต่ฉันไม่ได้ทำอะไรนอกเหนือจากนั้นแล้วนะ”

     

    “ลู่ฮาน!!

     

    “นี่...อย่าเรียกชื่อฉันเหมือนโกรธกันสิ ถ้านายโกรธฉันแล้วใครจะคบด้วยอ่ะ ฉันทำแค่นั้นจริงๆ ฉันแค่อยากแกล้ง แต่ก็ไม่ได้คิดว่าเพื่อนนายจะทำตามจริงๆด้วยสักหน่อย ยอมรับแล้วไง...ว่าเสี้ยวนึงฉันมีความคิดอยากจะให้เขาตกลงมา แต่ก็ไม่มีวันที่จะทำแบบนั้นได้จริงๆหรอก ถึงจะร้ายแต่ก็เป็นร้ายที่ดูออก ฉันไม่ได้ลึกซึ้ง ไม่ได้มีอะไรซ่อนไว้เยอะแยะ ก็พอกันกับนายแหละ”

     

    แม้จะตะขิดตะขวงใจกับประโยคหลังของลู่ฮาน ประโยคที่ว่าพอๆกัน แต่ที่รู้สึกตะขิดตะขวงใจมากกว่าก็เรื่องของจุนมยอนนี่แหละ

     

    “แล้วฉันจะเชื่อนายได้ยังไง”

     

    “นายก็ไปถามเพื่อนนายเองแล้วกัน ถ้าเขาไม่กระทบกระเทือนที่สมองก็คงให้คำตอบที่ถูกต้องกับนายได้” ปากดีเหมือนเดิม จนทำให้ไคสามารถเอือมได้เหมือนเดิม เขาแทบจะลืมไปแล้วว่าเคยโกรธ เคยผิดหวังในตัวลู่ฮานมาก่อน

     

    “กลับได้หรือยังล่ะ ...เดี๋ยวไปส่ง” ลู่ฮานลืมไปเลย

     

    “เออ...จริงสิ นี่กี่โมงยามไปแล้วล่ะ ฉันมัวแต่อึ้งหลังจากที่เพื่อนนายที่พูดภาษาจีนได้คนหนึ่งบอกว่าคนอื่นเขาคิดยังไง กับเรื่องที่จุนมยอนตกลงมา ให้ตาย! ฉันตกเป็นจำเลยสังคมไปซะอย่างนั้น”

     

    “ไม่รู้สึกผิดสักหน่อยเหรอ”

     

    “ผิดอะไรล่ะ ฉันไม่ได้ทำ!

     

    “ฉันยังไม่เชื่อนายเต็มร้อยหรอกนะ รอฟังจากปากจุนมยอนก่อน”

     

     

    “เอาเลย ฉันมั่นใจ ถ้ามันเป็นคำตอบที่ตรงข้าม นั่นคือเพื่อนนายโกหกละ”

     

    “จุนมยอนไม่ใช่คนแบบนั้น” ไคเถียงแทน จนลู่ฮานเบ้หน้า

     

    “แตะต้องก็ไม่ได้เลยวุ้ย!” พูดแค่นี้แล้วก็ลุกขึ้นเดินนำไปทันที ไคส่ายหัวก่อนจะวิ่งตามไป พรุ่งนี้เขาคงต้องรีบแจ้นไปหาจุนมยอนแต่เช้า จะได้รู้กันเสียทีว่าอะไรเป็นไร คราวนี้จะได้รู้ว่าควรจะปกป้องคนที่โดนกล่าวหาอย่างลู่ฮานหรือไม่...

     

     

    “รอกันด้วยสิ”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ไคตั้งใจว่าจะมาแต่เช้า...

     

     

    แต่ก็ดูเหมือนว่าจะช้าไปกว่า

     

     

    “ไม่เอาแล้ว...คริส”

     

    ขนาดว่าเปิดประตูเข้ามาแล้ว ยังไม่มีใครสนใจ ชายหนุ่มไม่เชื่อว่าบานประตูห้องพิเศษของโรงพยาบาลนี้จะเงียบเชียบยามเปิดปิด จนทำให้สองคนที่ดูเหมือนกำลังเล่นอะไรบางอย่างกันอยู่ไม่ได้ยิน

     

    หรือผิดที่เขาเอง...ที่ไม่ยอมเคาะประตูก่อน...

     

    “จุนมยอน” มองอยู่พักหนึ่งจึงตัดสินใจเอ่ยเรียกด้วยเสียง เสียงหัวเราะของคนทั้งคู่หายไป แทนด้วยการที่สายตาสองคู่หันมาจับจ้องที่เขาแทน

     

    “อ้าวไค”

     

    พลันตาคมมองไปที่แก้วน้ำที่มีหลอดสีขาวคาแก้วในมือของคนตัวสูงที่เพิ่งจะยืดตัวขึ้นมายืนตัวตรง คริสหันไปยิ้มให้จุนมยอนอีกทีแล้วจึงวางแก้วน้ำในมือลงบนโต๊ะข้างเตียง

     

    “เสื้อเปียกหมดเลยน่ะเห็นมั้ย” ไคเห็นว่าจุนมยอนหันไปบอกประโยคนั้นกับคริส สัณนิษฐานว่าคงเกิดจากแก้วน้ำที่เพิ่งลงไปนั้นแน่

     

    เป็นเมื่อก่อนไคคงโวยวาย...แต่ไม่รู้ตอนนี้ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าตัวเองสงบได้อย่างไม่น่าเชื่อ เหมือนจะค่อยๆยอมรับเรื่องที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน อย่างเรื่องที่จุนมยอนจะมีแฟนได้บ้างแล้ว

     

    เพราะไม่เคยนี่นา อกหักมันเป็นยังไงก็ไม่รู้ แต่หากคราวนี้ที่กำลังประสบมันเรียกว่าอกหักแล้วล่ะก็...ไคก็บอกได้เต็มบอกเต็มคำว่าไม่เห็นจะทรมานเท่าที่ใครต่อใครเขาพูดกันเลย

     

    หรือที่ไม่ได้รู้สึกอะไรกับเรื่องนี้มาก อันที่จริงแล้วมันเป็นเพราะไคไม่ได้คิดอะไรกับจุนมยอนแบบนั้น...

     

    คงเพราะจุนมยอนน่ารัก น่าทะนุถนอม ดูอ่อนต่อโลก ทั้งเขาและแบคฮยอนต่างก็ช่วยดูแลประคบประหงมกันเรื่อยมา เหมือนไข่ในหิน เรื่องไหนที่จะต้องตัดสินใจก็มักจะผ่านมือพวกเขาแทบทั้งหมด สำหรับไคท่าทีการแสดงออกที่แข็งกร้าว ดูไม่มิตร บางทีอาจจะแค่สร้างเป็นเกราะกำบังขึ้นมาเพื่อคุ้มภัยให้จุนมยอนอีกทีหนึ่ง

     

    อาจจะแค่เป็นห่วง...หนักกว่านั้นหน่อยก็คงหวงกระมัง

     

    “เดี๋ยวฉันบอกพยาบาลให้เอาเสื้อมาเปลี่ยนให้แล้วกันนะ” คนที่เพิ่งเข้ามาบอกอย่างนั้น ไคหมุนตัวเตรียมที่กลับออกไปเอาเสื้อตัวใหม่มาให้จุนมยอน

     

    “ไม่ต้องหรอกไค นิดเดียวเอง เดี๋ยวมันก็แห้ง...”

     

    “เอาอย่างนั้นเหรอ”

     

    “อื้ม” จุนมยอนตอบรับด้วยน้ำเสียงสดใสประกอบใปด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม จนไคอดไม่ได้ที่จะลอบมองอีกคนที่ไม่ใช่เพื่อนเขา จุนมยอนสดใสได้ถึงขนาดนี้ได้เขาควรดีใจสินะ

     

    “แบคฮยอนล่ะไม่ได้มาด้วยกันเหรอ”

     

    “อ่อ..ฉันลืมไปสนิทเลย ตื่นแล้วก็รีบมาหานายก่อนเลย” คริสยืนฟังบทสนทนาของคนสองคนอยู่เงียบๆ จนมาเริ่มขมวดคิ้วก็ตอนที่ไคบอกว่ารีบมาจนลืมแบคฮยอน เขาพอจะรู้ว่าอีกฝ่ายหวงก้างขนาดไหน ผู้ชายด้วยกันทำไมจะดูไม่ออก คริสเองก็เป็นพวกชอบแกล้งซะด้วยสิ

     

    ที่ผ่านมาเขามักจะหวานใส่จุนมยอนโชว์ไคอยู่ตลอด แต่แปลกคราวนี้ที่อีกฝ่ายพุ่งพรวดเข้ามาแล้วเห็นว่าเขากับจุนมยอนหยอกล้อกัน ทำไมถึงได้ไม่มีอาการฟึดฟัดทั้งที่ปกติมักจะมี

     

    และจุนมยอนก็หัวเราะเสียน่ารักเชียวหลังจากฟังคำตอบของไค

     

    “รีบ­ขนาดลืมแบคฮยอนเลยเนี่ย มีอะไรหรือเปล่าไค” จุนมยอนไม่ได้มองว่าที่ไครีบมานั้นมันเป็นเพราะเขา แต่แน่นอนที่ว่าคริสย่อมเห็นเป็นประเด็นนี้

     

    “ก็มีนิดหน่อย” บอกกับจุนมยอนแต่กลับมองคริส เหมือนจะเป็นการบอกไปว่าเรื่องที่เขาต้องการจะคุยเป็นเรื่องของเขากับจุนมยอน

     

    และเหมือนจุนมยอนจะรู้...

     

    “เอ่อ...”

     

    “หิวหรือยัง....กับข้าวโรงพยาบาลมันไม่อร่อยหรอก เดี๋ยวฉันไปซื้อให้ดีกว่า อยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ยล่ะ” เป็นคริสที่ทำให้ความลำบากใจของทุกฝ่ายลดลง

     

    “อื้ม...เอาอะไรก็ได้คริส”

     

    “อ่อ เอางั้นนะ ...ไม่ต้องห่วงนะจุนมยอน ระหว่างที่ขานายยังใช้การไม่ได้ ฉันก็จะเป็นขาให้นายเอง” ไคที่ยืนสังเกตการณ์เงียบๆแทบอยากอาเจียน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร พอคริสที่เดินสวนมาเขาก็เขยิบออกจากทางเดินตรงประตูที่ตัวเองออกห่างมาไม่ได้เท่าไรให้คนตัวสูงกว่าเดินผ่านออกไป

     

    หลังจากได้ยินเสียงประตูที่เปิดพร้อมทั้งปิดลงอีกครั้ง ไคก็เดินเข้าไปใกล้เตียงคนไข้ แตะฝ่ามือลงบนขอบเตียงด้านบน

     

    “เป็นไงบ้างอ่ะจุนมยอน”

     

    “มันก็รำคาญอ่ะ ขยับทีก็ลำบากนี่ยิ่งต้องระวังเพราะเฝือกมันไม่แห้งเลย”

     

    “อ่า...ลำบากแย่เลยสินะแบบนี้”

     

    “ก็ทำไงได้...ฉันซุ่มซ่ามเองนี่ อ่อ...ตกลงว่านายมีเรื่องอะไรอยากจะคุยกับฉันงั้นเหรอ” เหมือนไคจะได้คำตอบในสิ่งที่ตัวเองอยากรู้แล้วด้วยซ้ำ หากทบทวนในถ้อยคำในต้นประโยคที่จุนมยอนตอบเขาดีๆ

     

    “ก็เรื่องนี้นั่นแหละ ...เมื่อวานก็มัวแต่ตกใจจนไม่ได้ถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น ไปทำอีท่าไหนกันล่ะถึงได้ตกลงมาได้”

     

    จุนมยอนพยักหน้าราวกับพยายามจะนึกในสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนจะเล่า “ฉันพลาดเองแหละ จริงๆแล้วมันควรจะก้าวขึ้นไปอีกขั้นบันไดหนึ่งแล้วมันจะดึงแบนเนอร์ที่อยู่เหนือหัวลงมาได้ แต่ฉันดันเลือกใช้วิธีเขย่งเท้าเอาไง ที่นี้พยายามเท่าไรๆมันก็ไม่ถึงเสียที สุดท้ายก็เลยตกลงมานั่นแหละ” คนที่สมควรจะถูกโกรธแท้ที่จริงแล้วเป็นจุนมยอนหรือเปล่านะ ทำไมทำอะไรไม่ระวังแบบนี้

     

    “เห็นเขาว่ากันว่าลู่ฮานทำให้นายตกลงมา...ไม่จริงใช่มั้ย?” ไคถามคำถามเหมือนไม่พร้อมจะเชื่อหากจุนมยอนตอบว่าลู่ฮานนั่นแหละทำลายเขา

     

    “ไม่...” คนตัวเล็กส่ายหัวพัลวัน “ฉันไม่ระวังของฉันเอง...เขาไม่ได้ทำนะ... ทำไมคนอื่นถึงได้เข้าใจแบบนั้นล่ะ คนอื่นเข้าใจแบบนั้นเหรอไค”

     

    “ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันอ่ะนะ แต่น่าจะเกิดจากการที่อี้ชิงพูดว่าลู่ฮานจงใจให้นายปีนขึ้นไปทำงานนั้น พอปากต่อปากมันก็เลยกลายเป็นว่าลู่ฮานทำให้นายตกลงมา กอปรกับเรื่องของคริสอีก แต่ก็ยังไม่มีใครยืนยันได้สักคนว่าเป็นคนเห็นตอนที่นายตกลงมา ถึงสรุปกันไปต่างๆนาๆแบบนี้”

     

    จุนมยอนนิ่งไปตอนที่ไคบอกว่ามันมีเรื่องของคริสมาเกี่ยวข้อง คนอื่นคิดอย่างนั้นจริงๆน่ะเหรอ คิดถึงกระทั่งว่าเขาต้องฟาดฟันกับลู่ฮานด้วยหรือเปล่า “ไม่ใช่ลู่ฮานนะ ฉันซุ่มซ่ามตกลงมาเองต่างหาก ช่วยไปบอกคนอื่นด้วยนะว่าเขาไม่ได้ทำ”

     

    “คนอื่นจะมองว่ายังไง รายนั้นเคยสนที่ไหนล่ะ” ไคพูดขึ้นเบาๆ

     

     

    “ห้ะ? นายว่ายังไงนะ”

     

    “ป...เปล่าไม่มีอะไร” เจ้าของผิวคล้ำ ยิ้มแห้งๆอีกที “เดี๋ยวฉันจะจัดการเรื่องนี้เองแล้วกัน นายไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”

     

    “ขาหักนี่นะ” จุนมยอนพูดขึ้นกลั้วหัวเราะ

     

    “อ้าว...เออจริงด้วยว่ะ” เห็นใบหน้ายิ้มแย้มสดใจแล้วก็อดหมั่นเขี้ยวไม่ได้ ร่างสูงโน้มตัวเข้าไปหาก่อนจะวาดมือขึ้นไปขยี้เส้นผมของคนที่นอนอยู่บนเตียงอย่างมันส์มือ

     

     

    “ก็ซุ่มซ่ามเสียแบบนี้นะนายน่ะ”

     

     

    “ฮึ้ย...นี่ฉันไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ มาเล่นหัวกันเนี่ย” หลังจากนั้นพวกเขาสองคนยิ้มและหัวเราะ สอบถามกันในเรื่องจิปาถะเหมือนไม่ได้คุยแบบนี้กันมานาน

     

     

    ไครู้สึกว่ามันนานจริงๆ น่าจะเริ่มตั้งแต่เขาเริ่มกีดกันใครอีกคนให้ออกห่างจากจุนมยอน...

     

    แต่ก็มีวันนี้นี่แหละที่ยิ้มได้กว้างมากๆและรู้สึกว่าจุนมยอนคนนี้ต่างหากที่เขาต้องการเห็น

     

     

    คงต้องกลับไปทบทวนดูดีๆแล้วล่ะ...ว่าที่ผ่านมาเขาทำอะไรลงไปแล้วบ้าง...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ทางด้านคริส หลังจากก้าวออกมาจากห้องพักคนไข้ได้ไม่เท่าไรเขาก็ได้รับโทรศัพท์เรียกตัวจากอาจารย์คนหนึ่งในภาควิชาเอก

     

    คริสไม่อาจย้อนกลับไปหาจุนมยอนได้ เพราะถูกเรียกตัวอย่างเร่งด่วน ยังไม่ทันได้เก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า เขาก็กดไล่กดหาอีกเบอร์ทันที

     

    “แบคฮยอน นายจะมาเยี่ยมจุนมยอนใช่มั้ย เอ้อ...ซื้อข้าวเข้ามาให้ด้วยสิ คือพอดีว่าฉันติดธุระกลับเข้าไปไม่ได้แล้ว” ฟังฝ่ายปลายสายอยู่ดีๆ คิ้วเข้มของคริสก็ค่อยๆขมวดเข้าหากันจนในที่สุดก็ขมวดแน่นหนาจนเหมือนว่าไม่มีทางที่จะแยกออกจากกันได้อีกแล้ว

     

     

    “นายว่าอะไรนะ”

     

     

     

    “ลู่ฮานเป็นคนเขย่าบันไดจนจุนมยอนตกลงมา”

     

     

     

     

    ทันทีที่วางสายจากแบคฮยอน คริสยังคงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น และกำลังสับสน เขาเป็นคนที่รู้นิสัยของลู่ฮานดี ฝ่ายนั้นไม่ใช่คนที่จะยอม หรือล้มเลิกกับอะไรง่ายๆ แต่ก็ไม่เคยคิดว่าอีกฝ่ายจะทำถึงขนาดนี้ เรื่อ'ที่ได้ยินจากปากของแบคฮยอนทำให้ทั้งอึ้งด้วยความคาดไม่ถึง และที่สำคัญเลยคือโกรธ

     
     

    ก็ว่าแล้วเชียวว่าทำไมคลื่นลมถึงได้สงบนัก

     

     

    ลู่ฮานก็ยังเป็นคนเดินที่เขาเคยรู้จักอยู่นั่นแหละ...เพียงแต่ว่าคราวนี้ทำเกิดเหตุไป...

     

     

     

     

    และคริสไม่มีทางยอมได้เหมือนที่เคยผ่านมา

     

     

     

    เพราะมันทำให้จุนมยอนต้องเจ็บ...

     

     

     

     

    TBC…

     

     

     

     

    มันควรจะได้ลงตั้งแต่หลายวันก่อนแล้วล่ะ แต่ก็ผลัดวันประกันพรุ่งอยู่นั่น...

    งานนี้พี่ลู่ตายแน่ๆ เอาใจช่วยนางด้วยนะคะ พระเอกของเราจะดุเดือด เพราะคนรักของเค้าเจ็บ

    #ไอ่นี่ก็ชงจัง 5555555555

    ไม่รู้ว่าไคจะช่วยได้แค่ไหนด้วยนะ อิอิ

    เหมือนมันจะยาวไปอีกหลายตอนกว่าที่เค้าบอกเอาไว้อีกอ่า~~

    ทนๆอ่านกันหน่อยนะคะ

    ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันค่า~ จุ๊บๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×