ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    the villain - นาง(นาย)ร้าย ที่รัก(yaoi) END

    ลำดับตอนที่ #11 : นางร้าย 9

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.79K
      96
      10 พ.ค. 57

     

    The  villain

    นาง (นาย) ร้าย ที่รัก

     

    ตอนที่ 9

    หัวใจของผมเหมือนตายด้านแทบจะไม่รู้สึกด้วยซ้ำ เจ็บจนชินชาก็นับครั้งไม่ถ้วนแต่ทำไมครั้งนี้ผมกลับรู้สึกเจ็บจนแทบอยากจะตายให้ได้ ทั้งๆ ที่น่าจะร้องไห้แต่ทำไมน้ำตาผมกลับไม่มีสักหยด ทั้งๆ ที่ผมน่าจะแสดงออกมากกว่านี้แต่ทำไมผมกลับได้แต่นั่งอยู่ที่เดิมเป็นชั่วโมงๆ โดยที่ไม่ขยับ

    “เรย์”

    น้ำเสียงสั่นๆ กลั้นสะอื้นเรียกผมจากอีกทาง แค่ได้ยินเสียงผมก็รู้แล้วว่าใครเรียกถ้าไม่ใช่ลูกรักของพ่อ ผมน่าจะทำท่ารังเกียจสิ แต่ร่างกายกลับไม่ฟังคำสั่งสักนิดเลย

    “อย่าเงียบสิเรย์ หันมาคุยกับหนึ่งหน่อย จะดุ จะด่าหนึ่งก็ได้นะ”

    หืม? นี่เขารู้ตัวหรือเปล่าว่าพูดอะไรออกมาแต่ถึงจะไม่พูดผมก็อยากทำอยู่หรอก แต่ทำไม่ได้ปากมันไม่ยอมขยับ

    “ฮึก ไค ตะวัน เรย์เขา.....”

    “อย่าเพิ่งเลยหนึ่ง”

    “ไม่ได้หรอกไค เรย์เขานั่งอยู่แบบนี้ทั้งวันแล้วนะ ไม่ยอมกันอะไรอีก หนึ่งเป็นห่วงกลัวว่าเรย์จะป่วย”

    ป่วยอะไร? ทำไมผมต้องป่วยด้วย ร่างกายผมก็แข็งแรงดีนี่นา หนึ่งนี่ท่าจะบ้าแช่งให้ผมป่วยซะงั้น.....

    “เรย์.....ได้โปรดเถอะนะ ถ้าไม่ลุกขึ้นก็ทานอะไรก็ยังดี”

    “.....”

    “เรย์ ฮึก ฮือ”

    หนึ่งร้องไห้เหรอ? ร้องไห้ทำไม? วันนี้ผมยังไม่ได้ทำอะไรเขาเลยนะ.....

    “เรย์”

    ใครเรียก? แล้วใครกำลังจับมือผมกันนะ เสียงแบบนี้.....ตะวันเหรอ?.....

    “ถ้าอยากร้องไห้ก็ร้องออกมาเถอะ”

    ร้องไห้ทำไม? ผมไม่ได้อยากร้องสักหน่อย.....

    “ถ้าอยากระบายก็อย่าเก็บไว้เลยนะ”

    “.....”

    “เรย์”

    ผมแทบไม่รับรู้ว่าตะวันพูดอะไรกับผมบ้าง มันไม่เข้าสมองผมเลยแม้แต่นิดเดียวแต่ถึงจะพูดอะไรผมก็ไม่ตอบโต้ ไม่รู้สิ? มันรู้สึกเหนื่อยๆ ผมในตอนนี้เหมือนกับว่าตัวเองกำลังเป็นตุ๊กตาหรือหุ่นเชิดที่มีหน้าที่ทำตามคำพูดของคนอื่นๆ พอรู้ตัวอีกทีผมก็มายืนอยู่ที่หน้าเมรุ ในมือของผมก็ถือรูปภาพของเย็น ดวงตาทั้งสองข้างของผมจดจ้องไปที่เตาเผา

    เย็น ทำไมไปอยู่ในนั้น.....

    ข้างในมันร้อนนะ ไม่ร้อนเหรอ?.....

    กลับมาเถอะ มาอยู่ข้างๆ ผมเหมือนเดิม.....

    ได้โปรดกลับมาหาผมเถอะนะ.....

    “ฮือ ฮือ ฮือ”

    ผมร้องไห้.....ร้องไห้อย่างไม่อาย ร่างการที่อ่อนล้าทรุดลงไปกับพื้นพร้อมกับน้ำตาที่ไหลทะลัก ภาพข้างหน้าพร่ามัวไปหมดผมมองอะไรไม่เห็นเลย ต่อให้อยากทำเป็นไม่สนใจเท่าไหร่ก็ทำไม่ได้ ยังไงความจริงก็คือความจริงวันยังค่ำ

    เย็นจากผมไปแล้ว.....

    เขาทิ้งผมไปอย่างไม่มีวันกลับ ต่อไปนี้จะไม่มีอีกแล้วคนที่อยู่เคียงข้างผม จะไม่มีอีกแล้วคนที่จะคอยปลอบผมเวลาผมร้องไห้ แล้วต่อจากนี้ไปผมจะอยู่ยังไง

    “ฮือ ฮือ ฮือ ไม่!!!

    ทิ้งผมไปทำไม? เย็นไม่รักผมแล้วเหรอ ไหนบอกว่าเราจะอยู่ด้วยกัน ไหนบอกว่าจะมาแสดงความยินดีกับผมในวันที่ผมเรียนจบ สัญญากับผมแล้วไม่ใช่เหรอ

    ทำไมถึงผิดสัญญา.....

     

    โรงพยาบาล

    ห้องสีขาว เตียงนุ่มๆ กับกลิ่นของยา.....

    ไม่ต้องเดาผมก็รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน? ผมจำไม่ได้ว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้วผมมาอยู่ที่นี่ได้กี่วันก็ยังจำไม่ได้ ในทุกๆ วันผมจะนั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างอยู่เสมอ หัวสมองของผมมันว่างเปล่าคิดอะไรแทบไม่ออก ได้ยินแต่เสียงของคนสองคนคุยกันอยู่ข้างๆ นี่พวกเขากำลังพูดถึงเรื่องของผมหรือเปล่านะ.....

    “ดูเหมือนว่าคนไข้จะได้รับการกระทบกระทั่งจิตใจอย่างรุนแรงจนทำให้สมองปฏิเสธสิ่งรอบด้าน ร่างกายภายนอกไม่ได้มีอะไรน่าเป็นห่วงแต่ภายในผมคิดว่าน่าจะต้องใช้เวลา”

    “แล้วลูกผมจะเป็นแบบนี้อีกนานไหมครับหมอ”

    “มันก็แล้วแต่คนไข้นะครับ ถ้าคนในครอบครัวช่วยกันบางทีคนไข้อาจกลับมาเหมือนเดิมเร็วก็ได้ ช่วงนี้ผมอยากให้คุณพ่อดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะคนไข้ไม่ยอมกิน ไม่ยอมนอน จนหมอต้องให้ยานอนหลับเพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อน”

    “ครับคุณหมอ ขอบคุณมากนะครับ”

    เสียงพูดคุยหยุดลงไม่นานนักความเงียบก็เข้ามาแทนที่ ผมก็ยังนั่งมองไปด้านนอกโดยที่ไม่ได้หันไปมองอีกทาง รู้สึกอยากจะโบยบินเหมือนนกจังเลย

    “เรย์”

    น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยเรียกชื่อผมขึ้นพร้อมกับร่างสูงใหญ่ที่มาบดบังทรรศณียภาพเบื้องหน้า แต่ผมก็ยังมองอยู่โดยที่ไม่สนใจ ทำเหมือนกับว่าผมกำลังผ่านเขาไป

    “หยุดได้แล้วเรย์ หยุดสร้างปัญหาให้ฉันปวดหัวสักที”

    “.....”

    “ถึงแกจะทำแบบนี้เย็นก็ไม่ฟื้นขึ้นมาหรอก”

    “.....”

    “อย่าทำแบบนี้เลย ถือว่าพ่อขอร้อง”

    ผู้ชายคนนั้นจับที่หัวไหล่ของผมทั้งสองข้าง ทำให้ผมเงยหน้าสบตามองกับเขาด้วยแววตาว่างเปล่า คำพูดต่างๆ นาๆ พรั่งพรูออกมาจากปากสีซีด เสียงของเขาเองก็เหมือนจะสั่นเล็กๆ ผมเอียงคอเล็กน้อยก่อนที่จะขยับปากอีกครั้งแล้วเปล่งเสียงออกมาอย่างแผ่วเบา

    “คุณ.....เป็นใครเหรอครับ”

    “เรย์!!!

    เขามองผมเหมือนไม่น่าเชื่อ ผมพูดอะไรผิดไปเหรอ? ก็ไม่นี่.....

    “ผมรู้จักคุณด้วยเหรอ?”

    “.....”

    “ทำไมผมถึงจำคุณไม่ได้สักนิด”

    ผมยังคงพูดต่อด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบแล้วจับมือหนาทั้งสองข้างของเขาให้ออกไปห่างๆ ดูเหมือนว่าเขาจะกำลังงงๆ กับผมอยู่ก็เลยไม่ขัดขืน

    “เพราะคนที่เลี้ยงดูผมมาไม่ใช่คุณ!

    “เรย์!

    ทันทีที่ผมน้ำเสียงของเขาก็แปรเปลี่ยนดูท่าจะโมโหนิดหน่อย นี่เขาโมโหอะไรกันนะ ผมก็แค่พูดความจริง ผมจำผู้ชายตรงหน้าไม่ได้เลยจริงๆ เพราะคนที่เลี้ยงดูผมไม่ใช่เขาสักหน่อย

    “ตลอดเวลา.....คุณหายไปไหนมาเหรอ ฮึก”

    น้ำตาผมเรื้อออกมาจากเบ้าตาทั้งสองข้าง ทั้งๆ ที่ผมไม่ได้อยากร้องไห้แต่ทำไมน้ำตาของผมถึงได้ไหลออกมาก็ไม่รู้

    “วันเกิดของผม คุณก็จำไม่ได้”

    “.....”

    “ตอนผมไม่สบายคุณไปอยู่ที่ไหน”

    “.....”

    “ตอนผมกำลังร้องไห้ ฮึก คุณไม่เคยปลอบ”

    “.....”

    “แม้กระทั่งตอนที่ผมจมน้ำ คุณเคยเป็นห่วงผมบ้างไหม ยังจำได้หรือเปล่าว่านอกจากหนึ่ง ฮึก ฮือ ก็มีผมอีกคนที่จมน้ำเหมือนกัน”

    ผมระบายความอัดอั้นที่มีในใจจนหมดสิ้น ความในใจที่ผมไม่เคยคิดจะพูด แต่ครั้งนี้ผมทนไม่ได้จริงๆ อย่างน้อยผมก็อยากให้เขาได้รู้ว่าผมเจ็บขนาดไหน

    “ฮึก ตอนที่ผม ฮึก ไม่มีใคร คุณก็ทิ้งผม ฮือ ฮือ”

    ผมเจ็บ.....เจ็บไปทั้งหัวใจ น้ำตาของผมมันจะลบล้างความเจ็บทั้งหมดได้ไหมนะ…..

    “แล้วอย่างนี้ ฮือ ฮึก จะให้ผมจำคุณได้ยังไง ฮือ ฮือ”

    “เรย์.....พ่อ.....”

    “อย่ามาพูดเหมือนกับว่าเย็นเป็นคนอื่น ถึงเขาจะไม่สำคัญสำหรับคุณแต่สำหรับผม.....ฮึก”

    “.....”

    “เย็นเป็นมากกว่าพ่อ มากกว่าแม่ เขาเป็นคนสำคัญมากกว่าคุณ ฮึก”

    นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่ผมพูดออกมา ผมไม่รู้ว่าเขารู้สึกยังไง เขาจะเจ็บกับคำพูดของผมหรือเปล่าแต่มันก็ไม่สำคัญสำหรับผมอีกต่อไปแล้ว ไม่สำคัญแล้วจริงๆ สิ่งที่ผมจำได้คือเสียงของเย็นคนที่คอยอยู่ข้างๆ คนที่ยิ้มไปพร้อมกับผม คนที่ร้องไห้ไปกับผม คนที่พยายามทำเพื่อผมมาโดยตลอดและเป็นคนที่รักผมมากกว่าใคร

    คุณเรย์.....

    โอ๋ๆ ไม่ร้องนะคะคุณเรย์ เด็กดีของเย็น.....

    ไม่เจ็บนะคะคุณเรย์ โอมเพี้ยง.....

    คุณเรย์ต้องเข้มแข็งนะคะ.....

     

    “ฮือ ฮือ ฮือ”

    ถ้าผมจะอ่อนแอเย็นจะดุผมหรือเปล่า ผมขอโทษที่บอกว่าเย็นไม่รักษาสัญญา ขอโทษที่เคยเป็นเด็กไม่ดี อย่าทิ้งผมไปเลยนะ.....

    บ้านที่ไม่มีใครต้องการผม ในเมื่อไม่มีเย็นอยู่แล้วผมก็ไม่อยากจะอยู่ เงินทองที่มีมากมายแต่มันไม่สามารถซื้อชีวิตของเย็นกลับมาได้มันก็ไม่มีค่า สองขาเล็กและสั่นของผมค่อยๆ ก้าวลงไปจากเตียงอย่างช้าๆ แล้วเดินออกไปยังบานประตู

    ผมกำลังจะไปไหนก็ไม่รู รู้แต่ว่าอยากไปให้ไกลที่สุดแล้วก็ไปให้ไกลจากที่นี่ พอแล้วสำหรับผม สิ่งที่เจอมันหนักหนาสาหัสเกินไปจริงๆ

    ลาก่อน.....

     

    อีกด้านหนึ่ง

    เขาสำคัญมากกว่าคุณ.....

    คำพูดของคนที่ได้ชื่อว่าลูกชายยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาทของพจน์ น้ำเสียงนิ่งๆ ที่ไม่มีความโกรธเจือปนหรือการโวยวายใส่มันเจ็บยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด เหมือนกับว่าเขาไม่มีตัวตนในสายตาอีกต่อไปแม้ว่าจะอยู่ใกล้ๆ ก็ตาม

    “เอ่อ คุณท่านคะ มีโทรศัพท์มาหาคุณเรย์คะ”สาวใช้เอ่ยขึ้นพร้อมกับยื่นโทรศัพท์มาให้แก่เจ้านายตน

    “ใคร?”

    “ไม่ทราบคะ เห็นบอกว่าโทรมาจากบ้านเด็กกำพร้า”

    “อืม”

    พจน์ขมวดคิ้วอย่างสงสัยหลังจากที่บอกว่ามาจากบ้านเด็กกำพร้า มือหนารับโทรศัพท์ไว้ข้างหูก่อนที่จะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสุภาพ ไม่นานนักก็วางสายแล้วตรงไปยังสถานที่ที่เจ้าตัวเพิ่งโทรเข้ามา

    บ้านเด็กกำพร้า.....

    “สวัสดีครับ ผมชื่อพจน์เป็นพ่อของเรย์”

    “สวัสดีคะ ฉันชื่อน้อยคะ เป็นคนดูแลที่นี่”

    ภาพตรงหน้าของพจน์คือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ถูกล้อมไปด้วยรั้วไม้เก่าๆ มีเด็กๆ กำลังวิ่งซนอย่างสนุกสนานอยู่กลางแจ้งโดยมีพี่เลี้ยงอีกคนคอยดูแล พจน์ไม่เข้าใจสักนิดว่าเรย์รู้จักที่นี่ได้ยังไง? เพราะที่นี่มีสภาพเก่ามากพอสมควร

    “เรย์เขามาที่นี่บ่อยเหรอครับ”ด้วยความสงสัยพจน์จึงเอ่ยถามขึ้นแต่สายตายังคงมองไปรอบๆ ตัวบ้านเด็กกำพร้าอย่างไม่วางตา

    “คะ เรย์มาที่นี่แทบจะทุกอาทิตย์ ส่วนมากก็มักจะมาเล่นกับเด็กๆ แล้วก็สอนหนังสือ”

    “สอนหนังสือ?”

    “คะ เรย์นะ เป็นเด็กดีมาก เด็กๆ ที่นี่ก็รักแกทุกคน ปกติเรย์จะเป็นคนมาหาเองแต่ว่าวันนี้หนูนาแกงอแงอยากเจอเรย์ฉันก็เลยโทรไป แต่โทรไม่ติดก็เลยโทรเข้าที่บ้านแทน ขอโทษด้วยนะคะ”ครูน้อยพูดด้วยแววตายิ้มแย้ม คำทุกคำที่ถูกเอ่ยออกมานั้นสามารถบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าทุกอย่างที่พูดเป็นความจริง

    “ครับ ไม่เป็นไร อ้อ แล้วหนูนา.....”

    “อ๋อ หนูนาตอนนี้หลับไปแล้วคะ แกเจอรถชนเมื่อเดือนก่อน เรย์เองก็มานะคะตอนที่หนูนาผ่าตัด ตอนนั้นพวกเราคิดว่าหนูนาจะต้องจากไปซะแล้ว แต่ที่ไหนได้ปาฏิหารมีจริง”

    คำบอกเล่าของครูน้อยทำให้พจน์นึกถึงวันที่เรย์กลับมาพร้อมกับคราบเลือด ไม่ใช่ว่าเขาไม่สังเกตุเห็นเพียงแต่ว่าไม่สนใจมากกว่าเพราะตอนนั้นความโกรธกำลังเข้าครอบงำที่รู้ว่าลูกชายโดดเรียนทำให้มองข้ามส่วนนั้นไปแล้วก็หลงลืมในที่สุด แต่ตอนนี้มันกลับถูกกระตุ้นขึ้นอีกครั้งจากคำบอกเล่าของผู้หญิงอีกคนที่พจน์ไม่รู้จัก

    “อีกไม่นานที่นี่คงใกล้จะไปไม่รอด แต่ที่ยังอยู่ได้เพราะว่าได้เงินบริจาคทุกเดือนๆ จากคนๆ นึงอยู่เสมอ แม้จะไม่มากแต่มันก็ทำให้พวกเด็กๆ มีกิน ถ้าลำพังตัวฉันเองคงไปไม่รอด”

    “.....”พจน์นิ่งเงียบรอฟังที่ครูน้อยจะพูดต่อ

    “แต่น่าแปลกนะคะ ทั้งๆ ที่เป็นคนบริจาคแต่กลับปิดบังไม่ให้ใครรู้แต่ฉันก็ดันรู้จนได้”

    “เขาเป็นใครเหรอครับ”

    “จะเป็นใครไปได้อีกละคะ ถ้าไม่ใช่เรย์”

    สิ่งที่ได้ยินทำให้พจน์ถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าลูกชายของเขาจะเป็นแบบนี้ เช็คเงินสดที่พจน์เซ็นในทุกๆ เดือนเพื่อเป็นการเบิกค่าใช้จ่ายให้กับเรย์ เขาคิดว่าจะเอาไปพลานเล่นซะอีก มันเป็นความเป็นจริงที่คาดคิดไม่ถึง

    “เอ่อ ฉันขอถามอะไรคุณหน่อยได้ไหม”

    “อ้อ ได้ครับ”

    “ไม่ทราบว่าเรย์มีปัญหาอะไรกับทางบ้านหรือเปล่า”

    “เอ่อ ก็.....ไม่มีนี่ครับ”พจน์ตอบเสียงเบาเสตามองไปทางอื่นเล็กน้อย ถ้าจะบอกว่าไม่มีก็คงไม่ใช่

    “เหรอคะ”

    “ทำไมเหรอครับ”

    “ก็ไม่มีอะไรหรอกคะ เพราะบางครั้งแกจะโดดเรียนแล้วก็มักจะมาแอบร้องไห้ที่นี่เสมอ”

    “.....”พจน์ได้แต่ยิ้มเจื้อนให้เขารู้สึกพูดอะไรไม่ออกจริงๆ

    “เรย์นะ เขาเป็นเด็กดีมากนะคะ”

    รอยยิ้มของครูน้อยที่เอ่ยถึงอีกบุคคลเต็มไปด้วยความรักใคร่และความเอ็นดูจนทำให้พจน์คิดถึงตัวเอง เขาแทบจะจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เรย์ไม่ได้เรียกเขาว่า พ่อ’ จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเขาเคยใส่ใจลูกชายตัวเองตั้งแต่อายุเท่าไหร่ พอยิ่งนานวันก็ยิ่งห่างจนกลายเป็นความละเลย

    แกร็ก

    บานประตูถูกเปิดออกจากด้านนอกพร้อมกับร่างสูงที่ก้าวเท้าเข้ามาในห้องนอนของลูกชายอีกคน ทุกอย่างถูกทำความสะอาดและดูแลเป็นอย่างดีเพื่อรอให้เจ้าของห้องกลับมาอีกครั้ง พจน์มองดูรอบๆ ห้องก่อนที่จะเดินไปที่โต๊ะหนังสือซึ่งอยู่ตรงหัวเตียง สิ่งแรกที่สะดุดตาคือขวดแก้วใสที่ข้างในเต็มไปด้วยกลีบดอกไม้ที่แห้งกรัง ฝาขวดผูกโบว์ไว้อย่างอย่างสวยงามเหมือนกับเป็นสมบัติล้ำค่า พจน์จ้องมองภายในแก้มค่อยๆ อ่านข้อความที่ถูกเขียนด้วยลายมือเด็กๆ

    สุขสันต์วันเกิดคะพี่เรย์.....

    ใจของพจน์กระตุกวูบอย่างบอกไม่ถูก เริ่มรู้สึกตัวว่าเขากำลังทำผิดพลาดอย่างมหันต์ สายตาคมหลับตานิ่งเพียงนิดก่อนที่เปิดลิ้นชักโต๊ะที่อยู่ข้างๆ ข้างในมีแฟ้มหนึ่งแฟ้ม ภายในแฟ้มไม่มีอะไรมากนอกจากเกรดเฉลี่ยของแต่ละเทอม พจน์มองแต่ละใบด้วยแววตาสั่นคลอนเพราะเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าลูกชายของเขาจะเรียนดีขนาดนี้ แผ่นกระดาษถูกเปิดขึ้นจนถึงด้านหลังสุดที่มีอยู่แผ่นเดียวเท่านั้นที่เกรดเฉลี่ยตกต่ำ แล้วนั่นมันก็ทำให้เขาคิดถึงเรื่องที่เคยเกิดขึ้น

    ทำไมแกถึงเรียนแย่อย่างนี้!!!.....

    แกทำให้ฉันผิดหวังจริงๆ.....

    “เรย์”

    พจน์กำลังคิดว่าตัวเองทำผิดอย่างไม่น่าให้อภัย นี่เขาทอดทิ้งลูกชายอีกคนได้ยาวนานขนาดนี้เลยเหรอ? ถ้าเป็นเขาละที่เป็นฝ่ายที่ถูกทอดทิ้งจะรู้สึกยังไง จะทำตัวแบบไหน แม้แต่เขาเองแค่คิดก็ยังเจ็บแทนขนาดนี้แล้วกับเจ้าตัวละ? คงเจ็บแทบขาดใจ.....

    “คุณคะ”

    คุณผู้หญิงของบ้านเอ่ยเรียกสามีเธอด้วยความเป็นห่วงเพราะหลังจากที่กลับมาจากข้างนอกก็เข้ามาหมกตัวอยู่แต่ในห้องทำงานด้วยสีหน้าเคร่งเครียดจนใครๆ เข้าหน้าไม่ติด

    “ฉันไม่เป็นไร”

    พจน์พูดด้วยน้ำเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน มือหนาจับไปที่มือภรรยาตนที่วางอยู่บนบ่าพร้อมกับยิ้มบางๆ ให้ ตอนนี้ความรู้สึกของพจน์จะเรียกได้ว่ารู้สึกผิดมันก็คงจะใช้

    “มีเรื่องอะไรไม่สบายใจเหรอคะ”

    “.....”พจน์เงียบอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะเริ่มขยับริมฝีปากสีซีดเล่าถึงเหตุผลที่ทำให้เขาต้องมานั่งเครียดแบบนี้ให้ภรรยาฟัง

    “ผมจะทำยังไงดี”

    “ไปหาเรย์สิคะ ไปบอกกับเขาว่าคุณรู้สึกยังไง เรย์จะต้องเข้าใจแน่ๆ คะ”

    “ขอบใจนะ”

    “คะ”

    พจน์ซบลงบนมือนุ่มเพื่อผ่อนคลายความตรึงเครียดที่เจอมาทั้งวัน พรุ่งนี้เขาตัดสินใจแล้วว่าจะต้องไปหาลูกชายอีกคนที่ยังนอนอยู่โรงพยาบาล อยากจะพูดในสิ่งที่ควรพูดมาตลอด

    พ่อขอโทษ.....

     

    เพล้ง!

    แก้วที่หล่นข้างตัวชายหนุ่มทำให้เขารู้สึกตกใจไม่น้อย คำโบราณได้กล่าวเอาไว้ว่า ถ้าของหล่นมักจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นเสมอ ทั้งๆ ที่มันเป็นแค่คำโบราณแต่ทำไมใจของเขากลับสั่นแบบนี้นะ รู้สึกเหมือนกับว่ากำลังจะมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้น

    “อ่ะ!

    ชายหนุ่มก้มลงเก็บเศษแก้วที่แตกกระจาย เพราะความกังวลใจทำให้เขามองไม่เห็นว่ากำลังก้มลงหยิบเศษแก้วที่ปลายแหลมจนโดนบาด แม้จะไม่เจ็บมากแต่ก็ทำให้มีเลือดไหลนิดหน่อยตามปากแผลที่ถูกบาด

    “ตะวันเป็นอะไรหรือเปล่า”

    หนึ่งที่มาเห็นพอดีพูดด้วยน้ำเสียงตกใจกับสีหน้าที่ตื่นตะลึงเมื่อเห็นชายหนุ่มเพื่อนบ้านกำลังได้รับบาดเจ็บจากเศษแก้ว

    “ไม่เป็นไร แค่แก้วบาดนิดหน่อย”

    ถึงจะเป็นแค่แก้วบาดมันไม่ได้เจ็บอะไรมากนักแต่ภายในจิตใจกลับร้อนรุ่มดังไฟที่สุมแน่นออก ความหวาดระแวงทำให้เขาเริ่มใจไม่ดี

     

    ขออย่าให้เกิดอะไรขึ้นเลย.....

     

     

     

     

     

     

    ========================================

    ไม่รู้ว่ามีใครจะอินไปกับเทคหรือเปล่า แต่ช่วงแรกถึงกลางๆ เทคแต่งไม่ได้เลยอ่ะ แต่งไปร้องไห้ไป สงสัยอินจัด.....

    ถ้าอ่านแล้วผิดหวัง ไม่สมกับที่รอคอยเทคขอโทษคิวปิคทุกคนด้วยนะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×