ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    the villain - นาง(นาย)ร้าย ที่รัก(yaoi) END

    ลำดับตอนที่ #9 : นางร้าย 7

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.41K
      93
      3 พ.ค. 57



     

     

    The  villain

    นาง (นาย) ร้าย ที่รัก

     

    ตอนที่ 7

    หลังจากที่ไคมาเจอผมกับตะวันที่ห้องพยาบาลมันก็ไม่มีอะไรมากเพราะตะวันแค่มาทำแผลให้ผมแทนอาจารย์ห้องพยาบาลเพราะว่าอาจารย์ไม่อยู่ พอผมทำแผลเสร็จต่างคนก็ต่างแยกย้ายซึ่งมันก็น่าจะจบแค่นั้น ขาที่ระบบของผมก็เริ่มดีขึ้นไม่ค่อยเจ็บเหมือนตอนแรกๆ

    “สวัสดีครับครูน้อย”

    “อ้าว เรย์ มาแล้วเหรอ”

    “ครับครู”

    ผมมาเยี่ยมหนูนาที่โรงพยาบาลหลังเลิกเรียน มองดูเด็กผู้หญิงตัวเล็กที่นอนหลับสนิทตรงเตียงคนไข้ที่ตอนนี้มีแต่สายน้ำเกลือระโยงระยางอยู่ข้างตัวกับเครื่องช่วยหายใจ แถมแผลก็ยังเต็มตัวตั้งแต่หัวจรดเท้าสำหรับผมมันเป็นภาพที่หดหู่มากการมองเด็กตัวเล็กๆ ที่กำลังเจ็บหนักแต่ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้นอกจากให้กำลังใจ มันทรมานสิ้นดี!!! โชคดีที่หนูนาไม่ได้จากผมไปซะก่อน ดีจริงๆ ที่มีชีวิตรอด ถ้าหากว่าหนูนาเกิดเป็นอะไรไปตัวผมก็คงเหมือนกันตายทั้งเป็น

    “อ้าว แล้วขาเป็นอะไร”

    คงเป็นเพราะผ้าพันแผลที่พันรอบข้อเท้าอยู่ครูน้อยก็เลยถามขึ้นด้วยความสงสัย ผมไม่อยากให้ครูน้อยเป็นห่วงเพราะแค่นี้ครูน้อยก็ทุกข์มากพออยู่แล้ว

    “ไม่เป็นอะไรหรอกครับครูแค่ข้อเท้าแพลงนิดหน่อย”

    “ให้หมอตรวจดูก่อนดีไหม”

    “ไม่ต้องหรอกเดี๋ยวมันก็หายผมไม่ได้เป็นอะไรมาก แล้วนี่หนูนาหลับไปนานแล้วเหรอ”

    “หนูนาเพิ่งหลับไปเมื่อกี้นี้เอง”

    “ดีจังเลยที่หนูนาปลอดภัย แล้วหาตัวคนทำได้ไหมครับครู”

    “ยังเลย คงตัวไม่เจอง่ายๆ หรอก ถือซะว่ามันเป็นเวรเป็นกรรม”

    “ครู”

    ใบหน้าของครูน้อยที่เอ่ยออกมาเศร้าสร้อย รอยยิ้มจางๆ ที่มอบให้มันทำให้ใจของผมกระตุกวูบ สีหน้าของครูน้อยดูหมองลงจนเห็นได้ชัด คงจะร้องไห้หนักมากกว่าผมหลายเท่าแล้วก็ไม่ค่อยได้พักผ่อน เพราะครูน้อยก็คงเป็นห่วงหนูนาไม่น้อยไปกว่าผม บางทีอาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก

    เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นพร้อมกับชายหนุ่มวัยรุ่นคนนึงกับผู้หญิงวัยกลางคนเดินก้าวเข้ามาในห้องคนป่วย ผมอดที่จะแปลกใจไม่ได้เพราะไม่เคยเห็นคนๆ นี้มาก่อน สงสัยคงจะเป็นคนรู้จักของครูน้อย แต่ทำไมดูเขาทำท่าทางประหม่าจังเลยเหมือนกับว่ากำลังกลัวอะไรบางอย่าง

    “สวัสดีคะ ฉันชื่อศรีเป็นแม่ของเด็กคนนี้คะ”

    “เอ่อ สวัสดีคะ แล้ว......”ครูน้อยทำหน้างงๆ มองผู้หญิงคนนั้นอย่างไม่เข้าใจความหมายว่าเขาจะมาแนะนำลูกชายให้รู้จักทำไม?

    “ดิฉันพาลูกชายมารับผิดชอบในสิ่งที่แกเป็นคนทำคะ”

    “คุณหมายความว่ายังไง?”

    “คนที่ชนเด็กคนนั้นเป็นลูกชายของฉันเองคะ”

    !!!

    ความจริงที่เพิ่งปรากฏกับคนร้ายที่ชนแล้วหนี เด็กผู้ชายที่มีอายุเพียงแค่ 16 เป็นคนขับรถชนหนูนา บ้านของเขาอยู่แถวนั้นด้วยความคึกคะนองเลยแอบเอารถของพ่อกับแม่มาขับเล่นตอนที่พวกท่านไม่อยู่ ถึงแม้จะขับได้แต่ก็ไม่ใช่ว่าขับคล่องจนกระทั่งขับมาถึงแถวๆ บ้านเด็กกำพร้าที่เป็นต้นเหตุ เพราะความไม่ชินบวกกับตกใจที่จู่ก็มีลูกบอลกลิ้งมากลางถนนทำให้เผลอเหยียบเบรกเป็นคันเร่งแล้วก็เป็นจังหวะที่หนูนาวิ่งมาเก็บลูกบอลทำให้ชนเข้าอย่างจัง เพราะกลัวความผิดจึงทำให้คิดหนีแต่สุดท้ายก็หนีไม่ไหวเลยต้องออกมาขอโทษกับความผิดที่ไม่ได้ตั้งใจ

    “ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ”

    “.....”

    “ผมผิดไปแล้วจะลงโทษผมยังไงก็ได้ ผมสำนึกแล้วจริงๆ ฮึก ฮือ”

    เด็กผู้ชายตรงหน้าผมร้องไห้ออกมาอย่างไม่นึกอายกับคำขอโทษที่เอ่ยออกมาจากปากนับครั้งไม่ถ้วน เพราะตั้งแต่ขับรถชนหนูนาก็ทำให้นอนไม่หลับ หวาดระแวงและกลัวจนทนกับความรู้สึกผิดไม่ได้เลยเล่าทุกอย่างให้กับครอบครัวฟังก็เลยถูกพามาทีนี่

    “ฉันขอโทษคะ เพราะฉันเลี้ยงลูกไม่ดีจึงทำให้แกไม่รู้จักรับผิดชอบ ขอโทษจริงๆ คะ”

    ภาพตรงหน้าของผมคือคนที่ได้ชื่อว่าแม่ยอมรับผิดไปกับลูกตัวเองมันทำให้ผมคิดถึงแม่ ผมจำแม่ไม่ได้เลยนอกจากใบหน้าที่มักจะยิ้มให้กับผมเสมอจากในความฝัน ถึงผมจะอยู่กับพ่อแต่อ้อมกอดของพ่อก็ไม่เคยมอบมันให้กับผมมีแต่จะคอยพลักไสไล่ส่งให้ไปไกลๆ ถ้าหากว่าผมเป็นคนทำผิดพ่อคงไม่ออกมาปกป้องผมแบบนี้แน่

    เรื่องทุกอย่างจบลงโดยที่ครูน้อยไม่เอาเรื่องเพราะเห็นว่าอย่างน้อยคนทำผิดก็ยังสำนึกอีกทั้งหนูนาเองก็ผิดที่วิ่งตัดหน้ารถแบบทะเล่อทะล่า ครูน้อยไม่อยากตัดอนาคตเด็กเพราะแค่อายุ 16 ยังมีอนาคตอีกไกล แถมเจ้าตัวก็ยังสัญญากับครูน้อยด้วยว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก แค่นั้นมันก็พอแล้วละ

    ผมมองบ้านตัวเองด้วยใจห่อเหี่ยวตอนนี้ก็เกือบหกโมงเย็นแล้วไม่อยากเข้าไปเลยสักนิดแต่จะทำยังไงได้ในเมื่อผมยังอยู่ที่นี่ก็จำเป็นที่จะต้องกลับมาต่อให้ไม่อยากแค่ไหนก็ตาม

    “เรย์ กลับมาแล้วเหรอ?”

    ทันทีที่ผมเดินผ่านประตูรั้วเข้ามาแต่ยังไม่ได้เข้าไปเหยียบในบ้าน ร่างบางอีกคนก็ยิ้มร่ามาให้ผมมันเป็นรอยยิ้มที่บริสุทธิ์ใครเห็นใครก็ต้องหลงรักแต่ทำไมผมถึงไม่ต้องการมันนะ

    “ยังไม่กลับมั้ง ก็เห็นๆ ว่ากลับมาแล้วตาบอดหรือไง”

    “เอ่อ นั่นซินะ ไม่น่าถามเลย”

    รอยยิ้มเศร้าๆ เกิดขึ้นบนใบหน้าก่อนที่จะพยายามปรับเป็นสีหน้าปกติทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำไมถึงไม่วีนไม่เหวี่ยง ตอบกลับมาซิ!!! จะโกรธกันก็ได้แต่ทำไมไม่ทำ!!!

    พลั๊ก!

    “อ่ะ!

    พอเห็นหน้าของหนึ่งแล้วมันทำให้ผมหงุดหงิดขึ้นมาอย่างกระทันหันจนเผลอที่จะพลักให้พ้นทาง ทำให้หนึ่งที่ไม่ทันได้ตั้งตัวล้มลงไปกับพื้นซีเมนซ์

    “หนึ่ง!!!

    !!!

    มันคงเป็นความโชคร้ายของผมเพราะเป็นจังหวะเดียวกับที่ตะวันกับไคมาเห็นพอดี นี่พวกเขามาอยู่ที่นี่ด้วยเหรอเนี่ยตะวันที่เห็นหนึ่งล้มก็รีบเข้ามาประคองอย่างเบามือเหมือนกับว่ากลัวอีกคนจะเจ็บ หนึ่งค่อยๆ พยุงร่างตัวเองให้ลุกขึ้นช้าๆ แล้วมองไปที่ฝ่ามือของตัวเอง นัยตากลมโตเบิกกว้างเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าที่ฝ่ามือมีแผลถลอก ผมเองก็ตกใจเหมือนกันไม่คิดว่าแรงผลักของผมจะทำให้เธอบาดเจ็บถึงแม้ว่าเลือดจะไม่ออกก็เถอะ แต่เพียงแค่นั้นก็พอแล้วที่จะทำให้ผู้ชายทั้งสองคนที่ยืนขนาบข้างมองดูด้วยความเป็นห่วง

    “ไม่เป็นไรนะหนึ่ง เจ็บตรงไหนไหม”

    “เอ่อ ขอบคุณนะตะวัน ฉันไม่เป็นอะไร”

    “ทำแบบนี้ทำไมเรย์!

    “ไคฉันล้มเอง เรย์ไม่ได้ทำอะไรฉัน”

    “แต่!.....”

    “ไค”

    เสียงสนธนาที่ดังขึ้นพร้อมกับคำสวยหรูที่พ่นออกมาจากปากของอีกคน หนึ่งพยายามพูดปกป้องผมเต็มที่เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องแล้วก็ดูเหมือนว่ามันจะได้ผลถึงพวกเขาจะไม่เชื่อแต่เมื่อเห็นสายตาที่หนึ่งใช้มองก็ยอมอ่อนข้อลงง่ายๆ ตะวันมองผมนิ่งๆ ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำยิ่งทำให้ผมอึดอัดจนแทบบ้า

    ผมเม้มปากตัวเองแน่นแล้วทำเป็นไม่รู้สึกรู้สาอะไร แล้วเบือนหน้าหนีไปอีกทางเพราะทนสายตาที่มองว่าผมเป็นคนผิดไม่ไหวก่อนที่จะวิ่งขึ้นห้องโดยที่ไม่มีแม้แต่คำขอโทษ

    ผมไม่ผิด!!! หนึ่งผิดเองที่มาอยู่ตรงนี้ หนึ่งผิดเองที่มายืนขวางทางผมมาให้เห็นหน้าหนึ่งผิดที่แย่งความรักของทุกคนไปจากผมจนหมด!!!

    ตึง!

    “อ่ะ”

    ด้วยความรีบร้อนจนลืมไปว่าตัวเองขาเจ็บทำให้ผมสะดุดบรรไดขั้นสุดท้ายอย่างจังแถมยังเป็นข้างที่ขาเคล็ดอีกซะด้วยมันก็ยิ่งทำให้ผมเจ็บขึ้นไปอีก แต่ผมก็ต้องทนแล้วหนีไปให้พ้นจากคนพวกนั้น

    ปัง!

    ประตูห้องถูกปิดลงอย่างแรงผมรีบล็อกกลอนทันทีแล้วพาร่างสั่นๆ ไปนั่งอยู่บนที่นอนนุ่มๆ กอดเข่าไว้แน่นเพื่อเป็นการให้กำลังใจตัวเอง สายตาของผมมองไปที่ขาที่ระบมมากกว่าเก่ามันไม่ได้มีเลือดออกแต่มันก็ทำให้เจ็บมากกว่าเดิม

    “จะ เจ็บ.....เจ็บจัง”

    เจ็บ.....ใช่ผมเจ็บมาก แล้วเจ็บที่ตรงไหนละ? เจ็บที่ขาหรือว่าเจ็บที่หัวใจ.....

    วันเวลาผ่านไปนานเท่าไร่ก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าผมนอนหลับไปทั้งอย่างนั้นแผลก็ไม่ได้ทำตื่นมาอีกทีก็ตอนที่เย็นไปปลุกให้ไปอาบน้ำ พอเย็นเห็นขาที่บวมเป่งของผมแค่นั้นแหละถึงกับตกอกตกใจเหมือนกับว่าขาผมหักอย่างนั้นแหละ กว่าจะพูดให้เย็นสงบลงได้ก็แทบเหนื่อยทีเดียว

    “อืม แฮ่ก แฮ่ก”

    ปวด.....ปวดหัวจังเลย ทำไมผมรู้สึกทรมานแบบนี้นะ เช้าแล้วเหรอ? ต้องลุกไปโรงเรียน.....

    “.....เรย์.....คุณเรย์”

    เสียง? นั่นเสียงเย็นนี่นา แล้วทำไมผมถึงลืมตาไม่ขึ้น.....

    “เย็น ผมปวด.....หัว”

    “ลุกมาทานยาก่อนนะคะจะได้ไม่ปวด”

    ผมเป็นอะไร? ทำไมรู้สึกว่าตัวเองไม่มีแรง แม้แต่แรงหายใจแถบจะไม่มีเลย.....

    “โธ่ คุณเรย์ ไม่เป็นไรแล้วคะ เดี๋ยวก็หายแล้วนะ”

    อา.....เย็นจัง

    ผมรู้สึกถึงความเย็นที่มาทาบตรงหน้าผาก ตามเนื้อตัวก็เริ่มเย็นขึ้นหลังจากที่เรย์เอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดให้ ความร้อนที่อยู่ในกายเริ่มลดลง ผมค่อยๆ ปรือตามองไปยังคนที่อยู่ข้างกาย ถึงจะมองไม่ชัดเพราะม่านน้ำตาที่บดบังแต่ผมก็รู้ทันทีว่าใครที่กำลังเช็ดตัวให้ผมด้วยความเป็นห่วงจนผมอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้

    นี่ผมไม่สบายเหรอ?.....

    สงสัยคงเป็นเพราะข้อเท้าที่อักเสบมันก็เลยทำให้ไข้ผมขึ้นซินะ แล้วก็คงเพราะฤทธิ์ยาอีกเหมือนกันทำให้ผมในตอนนี้รู้สึกง่วงจังเลย

    “เย็น.....อยู่กับผมนะ”

    “คะ เย็นอยู่นี่แล้วคะ”

    ผมจับมือของเย็นไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ถึงจะง่วงแต่ผมก็ยังไม่อยากหลับ ผมกลัวที่จะอยู่คนเดียว.....กลัวว่าเย็นจะทิ้งผมไปเหมือนกับแม่แล้วก็เหมือนกับคนอื่นๆ ผมมันเป็นเด็กไม่ดีไม่เหมือนกับหนึ่งผมกลัวว่าเย็นจะไม่รักผม

    “อยู่กับผมนะเย็น”

    “คะ”

    “อยู่กับผม”

    “คะ”

    อา.....ให้ตายเถอะ ทำไมผมต้องเพ้อขนาดนี้นะ แต่มันหยุดไม่ได้จริงๆ อย่าเพิ่งรำคาญผมเลยนะ ผมเสียใจแล้วก็ขอโทษที่ทำตัวไม่ดีแต่อย่าทิ้งผมเอาไว้คนเดียว ผมเหงา.....เหงามากจริงๆ

     

    วันต่อมา

    “พี่เย็น เรย์ยังไม่ตื่นอีกเหรอ”เล็กเอ่ยถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเมื่อเห็นว่าอีกคนยังไม่ลงมาเหมือนปกติทุกวัน

    “วันนี้คุณเรย์คงไม่ได้ไปโรงเรียนคะ”

    “อ้าว ทำไมละ?”

    “พอดีคุณเรย์ไม่สบายนะคะ”

    “ตายจริงแล้วเป็นอะไรมากไหม”

    “ตอนนี้ค่อยยังชั่วแล้วคะ ไม่เป็นอะไรแล้ว”

    เย็นเอ่ยตอบด้วยเสียงนิ่งเรียบแต่ไม่ได้สบตามองกับผู้ถามแต่อย่างใด ถึงแม้เธอจะเป็นสาวใช้คนสนิทของคุณหนูแต่ก็รู้ตำแหน่งดีว่าอยู่ในตำแหน่งอะไรของบ้าน ไม่สามารถทำตัวตีเสมอผู้เป็นนายได้ถึงแม้ว่าภายในใจจะค่อยชอบคุณหนูอีกคนของบ้านเท่าไร่ก็ตาม ไม่ใช่เพราะคุณหนูหนึ่งเหรอ? ที่ทำให้คุณหนูของเธอต้องเจ็บตัวและร้องไห้ทุกครั้ง

    “หนึ่ง ไม่ไปโรงเรียนอีกเหรอลูกเดี๋ยวก็สายนะ”นายใหญ่ของบ้านที่เดินตามมาทีหลังเอ่ยถามลูกชายด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นว่ายังอยู่

    “นั่นซิหนึ่ง ทำไมยังไม่ไปโรงเรียนอีก”นันเอ่ยถามลูกชายของเธอด้วยเช่นกัน

    “คุณแม่ คุณพ่อ เรย์ไม่สบายคุณพ่อให้คนพาเรย์ไปหาหมอหน่อยนะ”

    “อ้าว ตายจริง แล้วเป็นอะไรมากหรือเปล่าเย็น”สีหน้าที่ดูเป็นห่วงเป็นใยของคนที่ได้ชื่อว่าแม่เลี้ยงเกิดขึ้นทันทีที่รู้ข่าว

    “ดีขึ้นแล้วคะ”เย็นก้มหน้าตอบกับคุณผู้หญิงของบ้าน คนที่มาแทนที่คุณผู้หญิงของเธอ

    “เขาไม่เป็นอะไรหรอก เป็นไข้แค่นิดหน่อยเดี๋ยวก็หาย ไปๆ ไปทำงานกันได้แล้ว”

    “คุณ”

    “แต่คุณพ่อ.....”

    “โน่น ตะวันมารอนานแล้ว ไปได้แล้ว”

    คำเอื้อนเอ่ยที่ออกมาจากผู้เป็นพ่อมันทำให้ความรู้สึกของเย็นเจ็บนัก ขนาดลูกชายอีกคนไม่สบายแท้ๆ แต่กลับไม่ดูดำดูดีพูดส่งๆ เหมือนต้องการผละภาระให้พ้นทาง ขนาดเธอที่เป็นคนอื่นยังเจ็บขนาดนี้แล้วคุณหนูที่นอนซมอยู่บนห้องถ้าหากได้ยินเข้าไม่เจ็บหรือไง นึกน้อยใจแทนนักถ้าหากเป็นไปได้อยากจะพาคุณหนูเรย์ไปอยู่ที่อื่นให้รู้แล้วรู้รอด!!! ไม่ต้องมาเจอะเจอกับพ่อใจร้ายอีกเลย

    “เฮ้อ คุณเรย์ของเย็น”

    หลังจากที่ทุกคนออกไปกันหมดแล้วเย็นก็มาที่ห้องอาหารเพื่อเตรียมข้าวต้มให้กับคุณหนูที่ยังนอนป่วยอยู่บนห้อง

    “นี่เมื่อวานนะ คุณเรย์ผลักคุณหนึ่งล้มใช่ไหม”

    “ใช่ๆ แล้วมีอะไรเหรอ”

    “วันนี้ก็นอนซมเป็นหวัดนะซิ สงสัยกรรมตามสนอง”

    เย็นชะงักทันทีเมื่อเดินมาถึงห้องครัว เสียงสนธนาของเหล่าสาวใช้ของบ้านเอ่ยดังขึ้นหลังจากที่ผู้เป็นนายไม่อยู่ออกไปทำงานกันจนหมด ถ้าหากว่าจะพูดเรื่องอื่นเย็นไม่ติดสักนิดแต่นี่กลับพูดถึงเรื่องคุณหนูตัวน้อยของเธอแถมยังนินทากันซะสนุกปาก เพราะตำแหน่งคนใช้เหมือนกันมีหรือที่เธอจะยอมให้ใครมาว่าร้ายคุณหนูของเธอง่ายๆ

    ปัง!

    “หุบปากไปเลยนะพวกแก นังน้อย นังนิด”

    “โถ่เอ้ย นึกว่าใครแท้แท้ก็เย็นนี่เอง”น้อยมองเย็นนิดหน่อยแล้วทำเป็นไม่สนใจทำเป็นเด็ดผักในมือต่อ

    “ทำไมเย็น จะแก้ตัวเจ้านายแกเหรอ”นิดพูดเสริมด้วยท่าทางไม่ทุกข์ร้อน

    เย็นกำมือแน่นนึกอยากจะตะบันหน้าพวกนี้นักนะ ถึงแม้ว่าคุณหนูของเธอจะร้ายแต่ก็แค่การแสดงออกที่ไม่อยากให้ใครมามองว่าตัวเองอ่อนแอเท่านั้น ทั้งที่ความจริงแล้วข้างในนั้นแสนจะเปราะบางเหมือนกับแก้วที่สามารถแตกละเอียดได้ทุกเวลา

    “นี่เย็น พวกฉันถามหน่อยเถอะ แกไม่สงสารคุณหนึ่งบ้างหรือไงโดนคุณเรย์แกล้งตั้งแต่เด็กยันโต ระวังจะเสียคนเอานะ”นิดพูดพลางเด็ดผักในกะลามังไปพลาง

    “ที่พวกฉันพูดเนี่ยก็เพราะว่าเป็นห่วงหรอกนะ”น้อยพูดขึ้นอีกครั้งแล้วมองไปที่เย็นที่ตอนนี้ทำหน้าไม่ทุกข์ร้อน

    เย็นพยายามทำเป็นไม่ใส่ใจตั้งหน้าตั้งตาทำข้าวต้มต่อ นึกปวดใจเสียจริงๆ ที่คนรอบข้างมองคุณหนูของเธอเหมือนกับเป็นตัวร้ายในละคร

    โธ่ คุณเรย์ของเย็น.....

     

    หนึ่งวันเต็มๆ ที่ผมต้องนอนซมอยู่กับบ้าน หนึ่งคืนที่ผมได้แต่ละเมอพร่ำเพ้อออกมาเหมือนกับเด็กเล็กๆ ไม่รู้ว่าผมเพ้ออะไรให้เย็นฟังบ้างหรือเปล่า คิดแล้วมันก็น่าอายชะมัดถึงอาการไข้ของผมจะทุเลาลงก็เถอะแต่ก็ยังไม่หายขาด ผมไม่ได้ไปเรียนได้แต่นอนอยู่ในห้องทั้งวันเลยทำให้รู้สึกเบื่อๆ เลยออกมานั่งเล่นที่สวนหน้าบ้านแทน ขาที่บวมในตอนแรกก็ไม่เป็นอะไรแล้วแค่ช้ำนิดหน่อย ตอนแรกเย็นก็ห้ามแล้วพาผมไปหาหมอให้ได้แต่ด้วยความดื้อที่ไม่ยอมเลยทำให้เย็นยอมจนได้ ก็แหม มันเบื่อนี่นา อีกอย่างผมไม่ค่อยชอบไปโรงพยาบาล ถ้าหากว่าตัวเองไม่เป็นหนักจริงๆ จะไม่เข้าเด็ดขาดเพียงแค่ต้องไปนอนเพราะจมน้ำคราวนั้นมันก็เกินทนแล้ว

    เอี๊ยด!

    เสียงรถที่ขับเคลื่อนเข้ามาในตัวบ้านดังขึ้นพร้อมกับเสียงเบรกดังเข้าโสตประสาททำให้ผมที่กำลังหลับตาอยู่ลืมตาขึ้นมาด้วยความตกใจเล็กๆ หนึ่งคงกลับมาแล้ว ก็นั่นนะซินี่มันก็เลิกเรียนแล้วนี่นาถ้าหากว่าไม่กลับมันก็คงแปลกไม่น้อย

    ผมทำเป็นไม่สนใจแล้วหลับตาลงอีกครั้ง สงสัยเพราะข้าวกับยาที่เพิ่งกินมันทำให้ผมเริ่มรู้สึกง่วงอีกแล้ว อีกไม่นานพ่อก็จะกลับมาผมก็คงต้องย้ายขึ้นไปนอนพักต่อบนห้อง ผมที่นอนซมอยู่กับบ้านไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ของพ่อเลย พ่อไม่ได้โทรมาหาผมแม้แต่คิดจะถามอาการของผมกับคนในบ้านก็ไม่มีสักนิด

    เฮ้อ ช่างมันเถอะ คิดไปก็เท่านั้นมีแต่จะเสียใจเปล่าๆ.....

     

    “ทำไมมานอนอยู่ตรงนี้ ไม่สบายอยู่ไม่ใช่เหรอ”

    หืม? ใครนะ.....

    ทำไม? ตาของผมมันลืมไม่ขึ้นเลยละ ได้ยินเสียงเบาๆ พร้อมกับร่างกายของผมที่รู้สึกว่ามันลอยขึ้นจากม้านั่งที่ผมนอนอยู่ ใครกำลังอุ้มผมอย่างนั้นเหรอ?

    แรงสั่นสะเทือนจากการเดินมันไม่ได้ทำให้ลืมสามารถลืมตาขึ้นมาได้เลย สัมผัสที่อ่อนโยนมันทำให้ผมคิดว่าตัวเองฝันไป นี่ผมกำลังฝันไปแน่ๆ

    “หายเร็วๆ นะ”

    อา คำพูดของเขามันทำให้ผมมีความสุขจัง.....

     

     

     

     

     

     

    =================================

    อา ขออภัยคิวปิคทุกคนอย่างแรงที่เทคมาช้า พอดีตันนิดหน่อย....ทั้งๆ ที่ตั้งใจแต่งอีกแบบแต่เอาเข้าจริงๆ กลับได้แบบนี้ซะงั้น แถมยังสั้นอีก

    ถ้าตอนนี้เทคแต่งไม่ดี แต่งไม่โดนใจ ขอโทษนะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×