ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    That Wolf...it's me {fic exo}

    ลำดับตอนที่ #18 : CHAPTER 13 :: หักหลัง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.58K
      15
      24 ส.ค. 56




    CHAPTER 13 :: หักหลัง

     

    1991.05.22

     

    [Baekhyun]

    “นายว่าไงนะ?”

    ผมเงยหน้าขึ้นมองต้นเสียง จุนมยอนยืนมองด้วยหน้านิ่ง มือของเขาถือไดอารี่อยู่ เขามองผมด้วยสายตาตกใจเนิ่นนาน


    “นายฆ่าเลย์...งั้นเหรอ?”


    ผมพยายามกลั้นเสียงร้อง จุนมยอนตะโกนด่าผมไม่หยุด เขาเดินเข้ามาและใช้สมุดไดอารี่ฟาดผม ชานยอลที่ดูเหตุการณ์อยู่รีบเข้ามาขวาง

    “อย่าทำเขานะ!

    ชานยอลผลักจุนมยอนออกไป ผมขยับตัวออกห่างเขา จุนมยอนยืนมองผมเงียบ เขากลอกตาไปมาแล้วไปนั่งที่โซฟาด้วยสายตาสิ้นหวัง...ผมรู้สึกขอบคุณที่เขายังไม่ฆ่าผม

    ผมขึ้นมาอาบน้ำชั้นบน ลู่หานเลี่ยงที่จะคุยกับผม ผมนั่งขดตัวอยู่บนเตียงเงียบๆ สายตาเหลือบไปมาและผมก็นอนหลับไป ในฝันผมได้ยินเสียง เลย์ร้องไห้อยู่ข้างๆหูตลอดเวลา หลังจากที่ผมตื่นขึ้นมาก็มีใครบางคนจ้องผมอยู่...








    คริส!






    พระเจ้า! คริสเข้ามาได้ยังไง เขายกนิ้วขึ้นแตะปากให้ผมเงียบ ผมยั้งเสียงและเงียบกริบ คริสนั่งลงข้างๆเตียงแล้วหลับตาลง...ผมงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ผมก็ย้ายตัวเองมานั่งที่เก้าอี้หน้ากระจกแทน ผมพยายามเอื้อมมือไปคว้าลูกบิดประตูแต่มันล็อกอยู่ สายตาของผมจับจ้องที่เขาเขม็ง มือของผมจับโคมไฟแน่น ถ้าเกิดคริสเป็นหมาป่าจริงๆผมจะได้รับมือกับเขาได้บ้าง


    ครู่ใหญ่ต่อมาคริสก็สะดุ้งตื่น ผมเองก็ไม่เข้าใจที่ผมก็สะดุ้งเช่นเดียวกับเขา คริสมองมาที่มือผม เขาหัวเราะแล้วเดินเข้ามาใกล้ ใจผมหวั่นจนต้องยกโคมไฟขึ้นเหนือหัว


    “ทุกคนเขารู้กันหมดแล้วว่าฉันมาน่ะ”


    ถึงอย่างนั้นผมก็ยังไม่ไว้วางใจเขาอยู่ดี เพราะโอกาสที่คริสจะเป็นหมาป่านั้นสูงมาก และแล้วผมก็ตัวชาวูบเมื่อรู้ว่าตอนนี้...พวกเราที่เหลืออยู่ทั้งหมดอยู่ในที่เดียวกันแล้ว ดังนั้นตอนนี้ในพวกเราที่อยู่ในบ้านนี้คนใดคนหนึ่งนั่นแหละหมาป่า!

     

    ***

     

    จุนมยอนโวยวายใหญ่เรื่องคริส จะว่าไปก็ไม่มีใครอยากให้เขาอยู่หรอก แต่เอาเข้าจริงก็ไม่มีใครพูดอะไร ลู่หานไม่ยอมเข้าใกล้คริสที่พยายามจะถามเรื่องเกี่ยวกับเขา คริสเงียบทั้งๆที่ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่มีใครต้อนรับเขาเลย ผมมองคริสอย่างจับพิรุธ...ถ้าหากว่าคริสไม่ใช่หมาป่า แล้วใครล่ะ?


    ผมเดินออกไปที่ชายหาดเพื่อหาที่สงบ แล้วถ้าหากคริสเป็นหมาป่าจริงๆ เขาน่าจะจัดการกับพวกเราทั้งหมดภายในเร็วๆนี้ บางทีอาจจะเป็นคืนนี้เลยก็ได้! แต่ถ้าคริสไม่ใช่หมาป่าล่ะ? ลู่หานงั้นเหรอ? เป็นไปได้หรือเปล่าที่ลู่หานจะโกหก เขาหลอกให้ทุกคนตายใจและใสร้ายคนอื่น หรือจะเป็นอย่างที่เลย์ว่า ลู่หานเป็นหมาป่า เลย์จะบอกอะไรบางอย่างแต่เขาก็ไม่ได้พูดมัน เป็นไปได้ที่เขาอาจจะถูกสะกดไม่ให้พูดอย่างที่ผมเคยโดนมาก่อน!


    ผมพยายามนึกถึงเหตุการณ์ทั้งหมดเกี่ยวกับลู่หาน ลู่หานบอกว่าโดนมินซอกทำร้าย แต่มินซอกไม่ได้มาในแบบของหมาป่า เขาลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปจึงคิดว่ามินซอกเป็นหมาป่า และถ้ามินซอกเองเป็นหมาป่า แรงจูงใจในการฆ่าก็คือการแก้แค้นทุกคนที่เคยแกล้งเขา แต่ก็นั่นแหละ มินซอกอาจไม่ใช่หมาป่า แต่ออกอุบายให้ทุกคนเชื่อว่าเขาเป็นหมาป่า เพื่อให้ทุกคนกลัวเขา แต่สุกท้ายเขาก็พลาดเอง พวกเราปักใจเชื่อจนจุนมยอนพลั้งฆ่าเขา...แต่หมาป่ามันมีอยู่จริง แล้วทำไมถึงออกล่าได้สอดคล้องกับหายตัวไปของมินซอกทุกครั้งนะ?





    เดี๋ยวก่อนสิ...!




    วันแรกที่เยจินตาย มินซอกยังอยู่ในห้อง! ใช่! แต่นอกจากนั้นมีใครบ้างผมก็จำได้เพียงเลือนราง แต่มินซอกอยู่ที่ห้องแน่นอน! และวันที่เราจับเขาได้มินซอกก็หลีกเลี่ยงการแปลงร่างต่อหน้าเรา มันอาจจะใช่! มินซอกไม่ได้เป็นหมาป่า ไม่ใช่เขาแน่ๆ...แต่ใครล่ะที่เอามีดออกไปจากบ้าน? ถ้าเป็นมินซอกแล้วเขาจะรู้ได้ยังไงว่าถ้าเอามีดโลหะแทงหมาป่าแล้วมันจะตาย หรือมินซอกถูกสะกด? แต่เขาเองก็ไม่ได้ดูเหมือนคนถูกสะกดเลยสักนิด


    ลมพัดเย็นวูบผ่านหลังผม ผมรู้สึกได้ถึงใครบางคนยืนอยู่ข้างหลัง และผมก็รีบหันหลังไปทันที!


    “ตกใจอะไร แบคฮยอนนี่...”


    ชานยอลยิ้มกว้างให้ผม เขายืนอยู่ไม่ห่างจากผมมากนัก เขายังคงยิ้มให้ผม ในมือของเขาถือกระจกของแทมินที่ผมเก็บเอาไว้ ของสองสิ่งสุดท้ายที่แทมินพกติดตัวนอกจากโทรศัพท์


    “นายไปเอามันมาได้ไง...?”


    ผมคว้ากระจกจากชานยอลมา แต่ชานยอลแย่งกลับไป เขากอดมันเอาไว้แน่น


    “ขอให้ฉันเถอะ...” ผมส่ายหน้าอย่างหงุดหงิดแล้วพยายามแย่งกระจกคืน


    ชานยอลถอยหลังหนี เขากอดกระจกด้ามถือเอาไว้แนบอก แล้วส่งสายตาอ้อนวอนมาให้ผม


    “ขอเถอะนะ...เดี๋ยวคืนให้ นะๆ บยอน”


    ผมมองกระจกในอ้อมอกของชานยอล ถ้ามันไม่ใช่กระจกผมก็คงจะยอมให้ชานยอลยืม แต่เพราะมันเป็นกระจกผมจึงไม่อยากให้เขายืม ผมกลัวเขาไม่ระมัดระวัง


    “ไม่ทำแตกหรอก ฉันจะเก็บอย่างดี”


    ผมมองสายตาอ้อนวอนของชานยอล และสุดท้ายผมก็ใจอ่อนจนได้ ผมพยักหน้าแต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมชานยอลถึงอยากได้กระจกบานนี้นักหนา แต่ก็ช่างเถอะ ชานยอลมักจะมีเหตุผลแปลกๆของเขาอยู่เสมอ


    ผมเดินกลับเข้าไปในบ้าน ไม่มีใครอยู่ในห้องนั่งเล่น ผมเดินเข้าไปในครัวเพื่อหาข้าวกิน ชานยอลเดินตามเข้ามา เขายกกระจกขึ้นส่องครั้งแล้วครั้งเล่าจนผมเริ่มรำคาญ


    “ชานยอล ถ้านายยังไม่เลิกส่องกระจกฉันจะไม่ให้นายยืมแล้วนะ”


    ชานยอลเบิกตากว้าง เขารีบสอดกระจกเข้าไปในเสื้อแล้วลงมือจัดการกับข้าวในจานตรงหน้า เวลาเพียงไม่กี่นาทีเขาก็กินข้าวหมดแล้วรีบเดินขึ้นห้องไป ผมนอนเล่นอยู่ที่ห้องนั่งเล่นรวม ทุกคนหายไปไหนกันหมดนะ ทำไมมันเงียบแปลกๆ ถ้าทุกคนอยู่ในห้อง ป่านนี้น่าจะออกมาได้แล้ว ผมตัดสินใจเดินไปเคาะประตูห้องจุนมยอน


    “จุนมยอน...จุนมยอน”


    ไม่มีเสียงตอบ ผมลองเปิดประตูก็พบว่ามันไม่ได้ล็อกอยู่ ผมก้าวเข้าไป ในห้องไม่มีแม้แต่เงาของจุนมยอน กระเป๋าเสื้อผ้าผ้าถูกจัดเป็นระเบียบตามแบบของจุนมยอนและจงแด ผมกวาดสายตาไปรอบๆห้อง ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา ผมเกิดสงสัยขึ้นมาว่าทำไมจุนมยอนถึงชอบเขียนไดอารี่ แถมยังไม่ยอมให้ใครดู...ผมอยากรู้ว่าข้างในเขาเขียนอะไรไว้


    ผมค้นไปทั่วห้องแต่ก็ไม่เจอไดอารี่ของจุนมยอน ผมคิดว่าจุนมยอนน่าจะเอามันติดตัวไปด้วย แต่เขาไปไหนกันล่ะ? ผมออกมาจากห้องของจุนมยอนแล้วตรงไปที่ห้องของคริส ไม่มีใครอยู่ และห้องของลู่หานก็เช่นกัน เขาไปไหนกัน?


    ชานยอลนั่งส่องกระจกอยู่ที่โซฟาตอนบ่าย เขาน่าจะยังไม่รู้เรื่องการหายตัวไปของสามคนนั้น ใจของผมหวาดหวั่นเหลือเกินว่าจุนมยอนจะทำอะไรไม่ยั้งคิดอีก แต่ถ้าคิดในทางกลับกัน จุนมยอนนั่นแหละอาจเป็นฝ่ายถูกกระทำ เพราะเขาเองเสียเปรียบคริสกับลู่หานเรื่องขนาดของตัวที่เล็กกว่าและถ้าหากว่าคริสเป็นหมาป่าจริงๆเขาอาจฆ่าทั้งลู่หานและจุนมยอน จากนั้นก็จะย้อนมาฆ่าเรา แต่ถ้าลู่หานเป็นหมาป่าจริงเขาคงจะทำแบบเดียวกับที่ผมคิดในทีแรก แต่ถ้าหากว่าทั้งคู่ไม่ได้เป็น...อาจจะเป็นจุนมยอนหรือไม่ก็ชานยอลนั่นแหละที่เป็น!


    ผมหันไปมองชานยอล เขาเองจะเป็นหมาป่าไปได้ยังไง ในเมื่อเขาอยู่กับผมตลอดเวลา แถมยัง...ดูไม่น่าจะฆ่าได้แม้แต่แมวเชื่องๆสักตัวด้วยซ้ำ ชานยอลเหลือบตามาทางผมแล้วยิ้มให้ ผมยิ้มบางๆตอบเขาแล้วเบือนหน้าหนี แต่ถ้าเป็นจุนมยอน เขาเป็นไม่ได้หรอก เขาเป็นคนพยายามจะหาทางฆ่าหมาป่าตลอดเวลา ตัดเขาออกได้เป็นตัวเลือกแรกๆด้วยซ้ำ และถ้าเป็นคริส มีโอกาสใช่เขาสูงเพราะทุกครั้งที่คริสหายไปหมาป่าจะโผล่มา แต่เมื่อคริสอยู่กับลู่หานจะไม่มีหมาป่าออกมา หรือแม้แต่เสียงร้องก็ไม่มี แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าสิ่งที่ลู่หานพูดนั้นเป็นความจริงหรือไม่ และถ้ามันไม่ใช่ความจริง ลู่หานก็จะกลายเป็นคนโกหก และเขาจะโกหกทำไมถ้าไม่ใช่เพราะต้องการใส่ร้าย...เพราะเขาคือหมาป่าตัวจริง!!


    ผมนั่งคิดเรื่องราวทั้งหมดด้วยความร้อนใจที่ทั้งสามคนหายไปและไม่มีวี่แววจะโผล่มาเลย ชานยอลเองก็เริ่มเอะใจแล้ว เขาเดินไปรอบบ้าน แล้วกลับมาหาผม


    “คนอื่นหายไปไหนกันหมด? ลู่หานล่ะ?”


    ผมมองชานยอล เขาทำหน้าสงสัยมาก เขาเหมือจะตื่นเต้นกับคำตอบ...หมั่นไส้ ความรู้สึกนี้มาจากไหนกันนะ ผมรู้สึกหมั่นไส้ตากลมๆของชานยอลจนอยากหยิบกระจกขึ้นมาฟาดหัวเขาเสียเดี๋ยวนี้เลย เขาถามหาลู่หานทำไม?


    “ฉันเองก็ไม่รู้ นี่ก็เริ่มมืดแล้ว ไม่มีวี่แววว่าจะกลับมาเลย” ชานยอลเบิกตากว้าง เขาหยิบกระจกขึ้นมาสอดใส่เสื้อด้านในแล้วรูดซิป


    “เราจะเอาไงดี นั่งรออยู่นี่เหรอ?”

    “ก็คงงั้น เพราะเราไม่รู้ว่าพวกเขาหายไปไหนกัน”


    ชานยอลนั่งเงียบสักครู่หนึ่ง ก่อนเขาจะลุกขึ้นยืนพรวดพราด ชานยอลหันมาทางผม มือของเขาสั่นเทา


    “ได้ยินมั้ย?”

    “อะไร?” ชานยอลเดินเข้ามาใกล้ผมแล้วเกาะไหล่แน่น





    “หมาหอน...เสียงหมาหอน”


    ผมพยายามเงี่ยหูฟัง เสียงของมันเพียงแว่วๆเท่านั้น ผมคว้ามือชานยอลแล้วลากเขาขึ้นไปข้างบน


    “ไปไหน?”

    “หลบน่ะสิ!


    ผมเปิดเข้าไปในห้องของชานยอล แล้วยัดเขาลงไปใต้โต๊ะ แต่ชานยอลเข้าไปไม่ได้ ผมรีบลงมาข้างล่างแล้วพยายามล็อกประตูให้แน่นที่สุด ถ้าเราหลบไม่ได้ก็คงต้องหนี ผมพยายามปิดช่องลมทุกช่อง เสียงหอนดังขึ้นเรื่อยๆ ปากของผมสวดภาวนาขอให้เรารอดและผ่านคืนนี้ไปได้ ชานยอลยืนดูผมวิ่งปิดทางเข้าออกทุกทางอย่างจ้าละหวั่นด้วยสายตาเศร้าสร้อย


    “พอเถอะ...ไม่มีประโยชน์หรอก ยังไงมันก็ต้องหาทางเข้าจนได้”



    ชานยอลพูดเสียงแผ่วเบาไร้ซึ่งความหวังในน้ำเสียงนั้น แต่ผมก็ยังไม่หยุด ผมดึงม่านทุกประตูและหน้าต่างเพื่อปิด ชานยอลยังคงขอให้ผมหยุด ในที่สุดผมก็ปิดม่านจากประตูและหน้าต่างทุกบานเสร็จ ผมคว้ามือชานยอลแล้วยกหุ่นแขวนเสื้อโค๊ตมาวางไว้ข้างหลังม่านประตู ผมถอดเสื้อนอกออกมาคลุมมันไว้ ถ้ามองจากด้านนอกมันคงคิดว่าเป็นเงาของคนแน่ๆ ไม่ว่าหมาป่าจะเป็นใครก็ตาม แต่เขาต้องคิดว่าหุ่นตัวนี้เป็นผมหรือไม่ก็ชานยอลแน่ ผมหยิบของใช้ที่จำเป็นใส่เป้แล้วสะพายขึ้นหลัง ผมพาชานยอลขึ้นมาด้านบนและออกมาตรงระเบียง ผมหยิบเอาสายไฟจากปลั๊กพ่วงตัวหนึ่งขึ้นมาแล้วผูกมันติดเข้ากับราวระเบียง โชคดีที่สายไฟยาวพอควร ผมหย่อนสายไฟลงไป ระเบียงนี้หันไปทางป่าอย่างไม่ถูกหลัก แม้ผมจะเคยไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้ต้องขอบคุณคนสร้างมันมาก ผมหันไปหาชานยอล เขามองผมด้วยแววตาสั่นเทา




    “ไม่โดดนะ...”




    ชานยอลส่ายหน้า เขาถอยหลังไปจนชิดประตูระเบียง ผมถินหายใจแล้วคว้าเขาออกมา

    “เราหนีทำไม เราหลบอยู่ในนี้ไม่ได้เหรอ?” ชานยอลพูดและงอแง เขายืนกรานที่จะไม่ลงไป


    “ถ้าเราอยู่ที่นี่มันจะขย้ำเราได้ง่ายกว่าเดิม หลบก็ไม่พ้นอยู่ดี ทางเดียวในตอนนี้คือต้องหนี!

    ชานยอลเงียบ ผมหยิบปลายสายไฟขึ้นมาให้เขาจับ




    “นายเคยปีนเขามั้ย?”

    ชานยอลส่ายหัว ผมสอนเขาจับสายไฟ ผมได้แต่หวังว่าสายไฟนี้จะเหนียวพอที่จะรับน้ำหนักชานยอลกับผมได้



    “นายลงไปก่อนนะ รอฉันอยู่ข้างล่าง แล้วฉันจะรีบลงไป”



    ชานยอลไม่ตอบ เขามองลงไปข้างล่างก่อนจะเริ่มก้าวขาขึ้นเหยียบบนราวระเบียง เขาหย่อนตัวลงไปเรื่อยๆ เขาทำมันได้ดี เมื่อถึงพื้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมากวักมือเรียกผม ผมจับสายไฟแล้วค่อยๆหย่อนตัวลงมาข้างล่าง ชานยอลรับผมตอนที่ผมกำลังถึงพื้น เขาวางผมลงแล้วเราก็รีบเดินออกมาจากตรวนั้นทันที



    “เราจะหนีไปไหน?”

    “ในป่า...”


    ชานยอลชะงักกับสิ่งที่ผมบอกเขา แน่นอน เราหนีสิ่งที่มาจากป่าด้วยการเข้าป่า ใครๆก็คิดว่ามันเป็นการกระทำที่บ้าใช่มั้ยล่ะ?


    “มันจะหาเราได้ง่ายกว่าเดิมน่ะสิ”

    “ไม่เคยได้ยินเหรอไง ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอยภัยที่สุด”



    ชานยอลเงียบไป เขาเดินตามผมมาเรื่อยๆจนห่างจากบ้านพักมาไกลพอสมควร ผมจึงหยุด

    “ง่วงมั้ย?”


    ชานยอลส่ายหน้า แต่ตาที่ปรือของเขาก็ปฏิเสธไม่ได้ ชานยอลนั่งลงที่โคนต้นไม้ต้นหนึ่ง ผมหยิบช้อนแหลมออกมายื่นให้เขา


    “ไม่ต้องห่วง นายแค่พกไอ้นี่ไว้”


    ชานยอลพยักหน้า ผมนั่งลงข้างๆเขา เสียงร้องของหมาป่าเงียบไปนานหลังจากที่เราหนีมาได้ ผมนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนได้ยินเสียงหนึ่ง เสียงร้องด้วยความเจ็บปวด มันดังต่อเนื่องกันไม่หยุดมาจากที่ที่ไม่ไกลจากเรามาก ผมหันไปมองชานยอล เขายังคงนอนหลับอยู่ ชานยอลเป็นคนตื่นยากมากๆ ผมรีบปลุกเขาเพราะกลัวว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้นอาจจะปลุกเขาไม่ทัน


    “ชานยอล ตื่นเร็ว!


    ผมเขย่าแขนเขาหลายครั้งจนเขาเริ่มรู้สึกตัว เสียงร้องโหยหวนนั่นยังคงดังอยู่แต่แผ่วลงไปมากแล้ว ผมเองก็เดาไม่ได้ว่าเป็นเสียงของใครระหว่าง คริส ลู่หาน หรือจุนมยอน...?



    “อะไร?...เสียงอะไร?”


    ชานยอลดูตื่นเต็มตาทันทีที่ได้ยินเสียงนั่น ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ ผมคว้าข้อมือของเขาให้ลุกขึ้น ผมตัดสินใจจะตามเสียงนั่นไป ผมเชื่อว่าคงไม่ใช่เสียงของหมาป่าโดนทำร้ายแน่ ต้องเป็นเสียงของเหยื่อต่างหาก! แต่ไม่ว่าจะเป็นเสียงของใคร ผมก็จะไปดูให้เห็นกับตาตัวเอง




    ผมเดินพาชานยอลลัดเลาะมาเรื่อยๆตามเสียง ชานยอลยอมเดินตามผมมาอย่างว่าง่ายโดยไม่พูดหรือขัดอะไรสักคำ ผมเดินตามเสียงมาจนใกล้จะถึงเสียงนั่น ร่างๆหนึ่งยืนพิงต้นไม้อยู่ ผมกับชานยอลหมอบต่ำกับพื้นและพยายามมองหาคนอื่นๆที่อยู่บริเวณนั้นนอกจากร่างปริศนาที่ยังคงร้องโอดโอย แต่ก็ไม่มีใครอยู่ แสงจันทร์ที่ส่องให้เห็นหน้าเขาเพียงเลือนราง...ผมค่อยๆลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าไปใกล้ๆเขา...


    ใบหน้าของเขาก้มลง คางชิดกับคอ หน้าอกกระเพื่อมเบาๆ มือของเขาแนบข้างลำตัว เลือดอาบโชกทั้งตัวจนปิดบังสีเสื้อผ้าที่สวมอยู่จริง เสียงร้องโอดโอยยังคงดังมาจากเขาไม่หยุด ผมมองเห็นตรงหน้าท้องของเขา...เขาไม่ได้ยืนพิงต้นไม้ แต่เป็นเพราะเขาถูกกิ่งแหลมของต้นไม้เสียบอยู่ต่างหาก!


    ผมใช้มือจับคางเขาเชิดขึ้นมาช้าๆเผยให้เห็นใบหน้าขาวสะอาดของเขา ดวงตาปูดบวมฟกช้ำที่ไม่น่าจะเป็น...เขาคือจุนมยอน



    ชานยอลอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ จุนมยอนหลับตาลงแล้ว เสียงร้องของเขาแผ่วลงเรื่อยๆ ผมตบแก้มเขาเบาๆ


    “จุนมยอน อย่าหลับนะ! จุนมยอนๆ”


    ผมพยายามจับเขาขยับออกมาจากกิ่งไม้แหลมที่เสียบเขาอยู่ แต่จุนมยอนกลับร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เลือดไหลออกมาเยอะกว่าเดิม พระเจ้า! ผมทำอะไรลงไป!

    “ไม่ต้อง...” จุนมยอนเค้นเสียงออกมา เขาหายใจรวยระริน ผมส่ายหน้าและบีบมือเขาเบาๆ

    “เราน่าจะลองดู ฉันรู้ว่ามันเจ็บ แต่ทนหน่อย ฉันจะช่วยนาย โอเคมั้ย?”


    ผมรู้ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะปลอบว่าเขาจะหายดี จุนมยอนไม่ใช่คนโง่ เขายื่นแขนออกมาปัดมือผมออกจากตัวเขา


    “ไม่! อย่านะ! นายจะทำให้ฉันเจ็บกว่าเดิม”


    จุนมยอนข่มเสียงร้องแล้วพูดออกมา ผมบีบมือเขาสลับกับยื่นมือขึ้นมาตบหน้าเขาเบาๆ


    “อย่าหลับนะ”

    จุนมยอนส่ายหน้า เขายกนิ้วขึ้นชี้อะไรบางอย่างบนพื้นข้างหลังผมกับชานยอล ผมหันไปมองตามนิ้วเขา สมุดไดอารี่ของจุนมยอนวางอยู่บนพื้น จุนมยอนวางมือบนบ่าผม


    “ฉันให้นาย...คนเดียวนะ”

    “อือ...”


    ผมพยักหน้า มันฟังดูคล้ายการสั่งเสียที่ผมไม่ชอบเลย จุนมยอนกำชับอีกรอบ



    “คนเดียวนะ อ่านคนเดียวเท่านั้น!

    จุนมยอนร้องลั่นแล้วเอามือไปกุมที่แผล ช่างเป็นภาพที่น่าสยดสยองเหลือเกิน ไม้แหลมที่น่าหวาดเสียวโผล่ออกมาจากหน้าท้องของจุนมยอน เลือดไหลออกมาโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด จุนมยอนก้มหน้าลงอีกรอบ ผมพยายามจะเข้าไปช่วยเขา แต่จุนมยอนกลับออกปากไล่ผม


    “ชานยอลจับเขาไว้! อย่าให้เขามายุ่งกับฉัน!

    “แต่...” ชานยอลอึกอัก เขามองระหว่างผมกับจุนมยอน


    “ให้ฉันตายเถอะ...ได้โปรด”

    ผมร้องโวยกับประโยคที่จุนมยอนพูดออกมา หัวใจของผมตอนนี้บีบรัดกันแรงเหลือเกิน ผมพยายามเข้าไปดึงจุนมยอนอีกครั้ง แต่เขากลับยกแขนข้างขวาขึ้นแล้วโชว์อะไรบางอย่างให้ดู...









    “....ฉันถูกกัด”









    ผมรู้สึกได้ถึงแรงกระชากจากชานยอล เขาดึงผมออกห่างจากจุนมยอนทันที จุนมยอนทิ้งแขนทั้งสองข้างแนบลำตัว ผมพยายามมองเขา และหวังให้มันไม่เกิดขึ้น แต่ครู่ต่อมาจุนมยอนก็เงียบไป ชานยอลปล่อยผมแล้วเดินเข้าไปจับชีพจรดู เขาหันมาแล้วส่ายหน้าให้ผมเบาๆ


    จุนมยอนตามจงแดไปแล้ว...นั่นคงเป็นสิ่งที่เขาอยากให้เป็น


    ผมกับชานยอลตัดสินใจจะพาศพจุนมยอนกลับมาที่บ้านพักทั้งๆที่เราพึ่งหนีมา มันดูเป็นการกระทำที่สูญเปล่า ในเมื่อเราหนีมันมาแล้วย้อนกลับไปอีกภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง ชานยอลเป็นคนอุ้มจุนมยอนมา แน่นอนว่าเราผลัดกัน แต่ชานยอลจะเป็นคนอุ้มเสียส่วนใหญ่ ผมกับชานยอลซุ่มดูสักพักเมื่อไม่มีอะไรผมจึงเดินนำไปที่หลุมฝังศพ ผมกับชานยอลช่วยกันขุดหลุมทั้งๆที่ยังหวาดๆ เราขุดหลุมไม่ลึกมากแล้วฝังจุนมยอนลงไป เราทั้งคู่ใช้เวลาไปเกือบๆสองชั่วโมงในการฝังศพจุนมยอน


    ผมและชานยอลกลับเข้ามาในป่าอีกรอบ ผมเก็บไดอารี่ของจุนมยอนไว้ในกระเป๋าอย่างดี ชานยอลเองก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรมากนัก เราหนีมาไกล ป่าในตอนนี้เงียบสงัด ผมกับชานยอลตัดสินใจนั่งพักใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ชานยอลเองก็ดูจะนอนไม่หลับ เขานั่งพิงต้นไม้ด้วยความอ่อนล้า สักพักชานยอลก็พูดขึ้นมา


    “ทำไมนายถึงฆ่าเลย์...เขาถูกกัดเหรอ?”

    “เปล่า...เขาไม่ได้ถูกกัด”

    ผมพูดเบาๆราวกับหายใจไม่ออกเมื่อได้ยินคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ ชานยอลเงียบไป ผมจึงตัดสินใจเล่าต่อเอง



    “ฉันไม่ได้ตั้งใจฆ่าเขา แต่เขาจะฆ่าลู่หาน ฉันเลย...ฉันเลย....ผลักเขา แต่เขาดันตกลงไปจากหน้าผา อย่างนี้เขาเรียกว่าฆ่าหรือเปล่า? เขาเรียกว่าฆ่าหรือเปล่าชานยอล?”


    ชานยอลหันมามองผม มือหนาของเขาวางลงบนหัวผมแล้วโยกไปมา ผมพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้มันไหลออกมา ผมไม่ได้มองหน้าชานยอลเพราะกลัวเขาเห็นหน้าผมตอนร้องไห้


    เวลาล่วงเลยไปจนฟ้าสาง ชานยอลหลับไปแล้วและผมเองก็นอนไม่หลับ ผมหยิบไดอารี่จากจุนมยอนขึ้นมาแล้วเปิดอ่าน หน้าแรกเป็นบันทึกประจำวันธรรมดา ผมเปิดไล่มาเรื่อยๆจนถึงกลางเล่ม มันเป็นบันทึกของวันเปิดเทอมวันแรก...

     

              จงแดไม่คุยกับฉัน (16/05/xx)

    วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรก จงแดก็เงียบกับฉันอีกแล้ว แต่มันก็โอเค เขาก็เงียบอย่างนี้อยู่แล้วนี่นา ฉันแกล้งทำเป็นชมเด็กใหม่ แต่เขาก็ไม่พูดอะไรเลย ฉันกลัวว่าเขาจะเลิกคบฉันจริงๆ...

                                                    คิมจุนมยอน

     

              จุนมยอน บ่นเรื่องความเฉยชาของจงแด ผมไม่เข้าใจว่าทำไมจุนมยอนถึงทนคบกับจงแดได้ถึงสามปี แถมยังกลัวจงแดเลิกคบเขาอีกต่างหาก ผมเปิดบันทึกหน้าต่อๆไปเรื่อยๆเมื่อเห็นว่าเป็นวันที่เยจินตายผมจึงหยุดอ่าน

     

                            มีคนตาย! (24/05/xx)

    ที่โรงเรียนฉันมีคนถูกฆ่าตาย! ฉันรู้จักเธอด้วย! เธอชื่อเยจิน และดูเหมือนเธอจะถูกอะไรบางอย่างฆ่าตาย ก่อนหน้านั้นพวกเราได้ยินเสียงหมาขู่ก่อนเธอจะตายทั้งๆที่โรงเรียนเราไม่มีหมาสักตัว! และคืนนี้เป็นคืนที่พระจันทร์เต็มดวงด้วย! ฉันว่ามันมีอะไรแปลกๆ แต่ถ้าฉันเล่าให้ใครฟังจะมีคนเชื่อฉันมั้ย โดยเฉพาะจงแดต้องคิดว่าฉันบ้าแน่! ฉันจะเล่าให้ใครฟังดี มันอึดอัดมากเลย...

                                                    คิมจุนมยอน

     

             

    จุนมยอนคิดเหมือนผมไม่มีผิด เขาคาดเดาสถานการณ์ไว้แล้วว่ามันไม่น่าจะเป็นอะไรที่ธรรมดา ผมพลิกกระดาษหน้าต่อๆไป

     

            มีคนตายอีกแล้ว! (26/05/xx)

    มันเกิดขึ้นอีกแล้ว! ฉันไม่อยากไปโรงเรียนอีกแล้ว! คนที่ตายชื่อแทมิน เรารู้จักกันนิดหน่อยตั้งแต่มอต้น ฉันร้องไห้ไม่หยุดเลยที่รู้เรื่องนี้ แต่แบคฮยอนกับคยองซูดูจะเสียใจมากกว่าฉัน ทั้งคู่หยุดร้องไม่ได้เลย มันน่าอายที่เราเป็นผู้ชายแล้วมาร้องไห้ต่อหน้าคนเยอะๆแบบไม่หยุดอย่างนี้

                                                            คิมจุนมยอน

     

                      ฉันต้องไปเข้าค่าย (31/05/xx)

    ตอนนี้กลุ่มเรียนพิเศษของเราเหลือแค่สิบสองคนเอง และครูแทยอนก็ดูจะอยากให้พวกเราไปเข้าค่ายซะเหลือเกิน ฉันก็ไม่อยากไปหรอก แต่ถ้าฉันไม่ไปจงแดจะคุยกับใคร วันนี้พอแค่นี้ก่อน ฉันกำลังเก็บของ

                                                            คิมจุนมยอน

                   

                    ฉันได้กลิ่นอะไรบางอย่าง (01/006/xx)

    ตอนนี้ฉันขึ้นรถมาเข้าค่าย ฉันนั่งคนเดียวเพราะจงแดต้องการอ่านหนังสือ ตอนที่รถกำลังจะออก แบคฮยอนเดินย่นจมูกเข้ามา เขาถามว่าฉันได้กลิ่นอะไรหรือเปล่า จากนั้นฉันก็ได้กลิ่นอย่างที่เขาพูด มันเป็นกลิ่นเหม็นสาบของสัตว์ ฉันขยับให้เขานั่ง มีเพียงฉัน แบคฮยอนและลู่หานเท่านั้นที่ได้กลิ่น เรานั่งทนกว่าสี่ชั่วโมงจนถึงบ้านพักของครูแทยอน หลังจากลงรถฉันก็ดีใจแทบกระโดดตัวลอย ครูแทยอนปล่อยให้เราพักตามสบายจากนั้นครูก็ออกไปเดินเล่นที่ชายหาด ฉันกำลังเก็บเปลือกหอยอยู่ สวัสดีไดอารี่

                                                            คิมจุนมยอน

     

                    ครูหายไป! (01/06/xx)

    ครูแทยอนยังไม่กลับมา! พวกเราตามหาจนทั่วแล้ว ถึงที่นี่จะไม่ใช่เกาะส่วนตัว แต่ครูไม่มีทางหลงอยู่แล้ว ฉันกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับครู!

                                                            คิมจุนมยอน

     

                    เซฮุนตายไปแล้ว! (02/06/xx)

    มีคนตายอีกแล้ว! ฉันเห็นเขาออกไปตอนกลางคืน เซฮุนออกไปกับเทา! เทาไปรับเขาที่ห้อง ทั้งคู่เดินนัวเนียกันออกไปจากบ้านพัก ฉันนอนอยู่ที่โซฟาและเห็นทุกอย่างเพราะแสงจันทร์ในคืนพระจันทร์เต็มดวง ฉันนอนเงียบและตัวแข็งทื่อ สักเกือบชั่วโมงต่อมาที่ฉันเริ่มเคลิ้มหลับก็มีเสียงร้องตะโกนและฉันก็ได้ยินเสียงของมันอีก! เสียงหมาขู่! ฉันนอนตัวแข็งทื่อก่อนจะข่มตาให้หลับ เสียงใครบางคนวิ่งเข้ามาในบ้านพัก จื่อเทาวิ่งเข้ามา เขาเปลือยท่อนบน และเซฮุนก็ไม่ได้ตามเข้ามา สักพักก็มีเสียงกระซิบของเทา เขาบอกกับใครสักคนว่าถ้าบอกเรื่องนี้กับใคร เขาจะฆ่าทิ้ง ทันหมายความว่ายังไง? จื่อเทาเป็นคนฆ่าเซฮุนงั้นหรือ? แต่ดูเหมือนทั้งคู่จะมีอะไรบางอย่างต่อกันนะ

                                                            คิมจุนมยอน

     

     

            ผมละสายตาจากไดอารี่ครู่หนึ่ง หวนนึกถึงวันที่จื่อเทาขู่จะฆ่าผม วันนั้นตัวเขาเปื้อนทราย...เขากับเซฮุน! ทั้งสองคนคบกัน? ไม่มีใครรู้มาก่อนเลย หรืออาจจะรู้แต่ไม่มีใครพูดถึงมัน แล้วทำไมจื่อเทาต้องกลัวคนอื่นจะรู้ถึงขนาดต้องขู่ฆ่าผมด้วยล่ะแต่มันก็เป็นเหตุเป็นผลกับการที่จื่อเทาอยากจัดการกับคนที่ทำเซฮุนในวันนั้น แต่ผมยังไม่ระแคะระคายอะไร จื่อเทาไม่ได้ขู่ฆ่าผมเพราะกลัวว่าผมเป็นหมาป่า แต่ขู่เพราะกลัวผมเอาเรื่องเขากับเซฮุนไปบอก ศพของเซฮุนถูกฉีกเสื้อผ้าออก...บางทีอาจจะไม่ใช่หมาป่าหรอกที่ฉีกมันออก บางทีอาจจะเป็นจื่อเทาก็ได้

     

                       ต้องใช่แน่! (04/06/xx)

    ฉันคิดว่ามันต้องใช่แน่! แต่ฉันจะไม่เขียนว่ามันเป็นตัวอะไร ฉันคิดว่ามันเป็นตัวอะไร ฉันคิดทั้งวันที่มีเวลาว่าง เรายังคงออกไปจากที่นี่ไม่ได้เพราะไม่มีใครรู้ทางออก ฉันลองคิดทบทวนตรรกะต่างๆเข้าด้วยกัน ฉันถึงรู้ว่ามันต้องใช่ และมั่นใจว่าเป็นจื่อเทาแน่ๆที่เป็นตัวที่ฉันคอดเอาไว้เพราะเขาขู่ว่าห้ามบอกใคร และจะฆ่าแบคฮยอนที่รู้เหตุการณ์ทั้งหมดทิ้ง แต่ฉันคิดว่าเขาไม่รู้หรอกว่าฉันเองก็รู้!!

                                                            คิมจุนมยอน

     

              ผมแอบแปลกใจกับจุนมยอน แต่ก็เปิดบันทึกต่อไป

     

                       เขาไม่ใช่... (05/06/xx)

    จื่อเทาไม่ใช่! ฉันเห็นเขาร้องไห้และพูดขอโทษเซฮุนในครัว เขาดูเปราะบางเกินกว่าที่จะทำมัน แล้วใครกันล่ะ? ฉันกลัวว่ามันจะเป็นคนที่ฉันไม่คาดคิด!

                                                            คิมจุนมยอน

     

              ผมเปิดบันทึกหน้าถัดมาแต่มันกลับไม่มีตัวหนังสือ ลายเส้นต่างๆถูกขีดเต็มหน้ากระดาษไปหมด มันเป็นอย่างนี้ติดต่อกันเกือบๆยี่สิบหน้า เขาทำอะไร? ระบายอารมณ์ใส่ไดอารี่งั้นเหรอ? สุดท้ายผมก็เปิดลวกๆมาจนถึงหน้าเกือบท้ายๆหน้านึง มันถูกเขียนด้วยลายมือลวกๆแต่ก็พอจะอ่านออก

     

                    มันเสี่ยงเกินไป (--/--/--)

    ฉันจะไม่เขียนอะไรไปมากกว่านี้แล้ว ถ้ามันมาอ่านฉันต้องตายแน่ๆ ขอโทษนะ...

                                                                    คิมจุน...

     

              ผมขมวดคิ้วงุนงง อะไรกัน? แต่ไดอารี่ยังเหลืออีกตั้งหลายหน้า แล้วที่ผมเห็นเขานั่งเขียนแล้วเขียนอีกนั่นคืออะไร? ผมไม่รอช้ารีบเปิดหน้าต่อไปทันที

     

                    พระจันทร์เต็มดวงสวยสุดๆไปเลยนะ

     

              ผมนั่งมองรูปพระจันทร์เต็มดวงที่จุนมยอนวาดไว้และเขียนกำกับไว้ใต้ภาพ ผมเปิดหน้าต่อไปด้วยความขุ่นเคืองใจทันที

     

                    เสียงหมาหอน

     

                    ศพเละ

     

                    88

     

              ผมถอนหายใจออกมาอย่างรำคาญใจ ผมเปิดหน้าต่อไปอย่างลวกๆ ผมคิดว่ามันน่าจะมีคำใบ้อะไรสักอย่างที่จุนมยอนรู้อยู่ในนี้

     

             
    หมาป่า...!!     

     

                    กระจก

     

                    ____________ (--/--/--)

    ลู่หานชอบร้องเพลง thiller ของ MJ นะ เนื้อหาใน MV มันสุดยอดมากเลย

     

                    ________________ (--/--/--)

    ดูท่าลู่หานจะชอบเพลงของ MJ มากเลย พอฉันร้องให้เขาฟังเขาก็ชอบมากเลย โดยเฉพาะเพลง Man in the mirror น่ะ

           

                    _____________ (--/--/--)

    คริสไม่ชอบวัน April’s fool days ส่วนชานยอลก็ชอบการแสดงที่สวมหน้ากาก ส่วนแบคฮยอนชอบสวมแว่นตลอดเวลา ลู่หานไม่ชอบส่องกระจก

     

                    _______________ (--/--/--)

                            คนจีนชอบใช้คำย่อนะ...เช่น 1 4 3 แปลว่า I love you

     

                    __________________ (--/--/--)

                            .....ระวังข้างหลัง

     

     

            ผมอ่านทวนซ้ำไปซ้ำมา ดูเหมือนจะไม่ได้มีแค่ชานยอลที่สนิทกับลู่หานขึ้นมาก แต่จุนมยอนก็ดูจะเป็นอย่างนั้น แต่แปลก...เขาไปสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ในเมื่อจุนมยอนไม่เคยรู้สึกต้อนรับลู่หานเลยสักครั้ง

     

                       _____________ (--/--/--)

    เลย์ไม่ชอบให้ใครเล่นคอ เพราะฉะนั้นเขาเลยชอบมองคอคนอื่นก่อนเป็นอันดับแรก

     

    __________________ (--/--/--)

            หลายครั้งที่ฉันเองก็สงสัยว่าทำไมจิตแพทย์หลายท่านถึงสะกดจิตได้ แปลกจริงๆ

     

              ผมพลิกกระดาษมาถึงหน้าสุดท้าย มันเป็นภาพวาดสเกตซ์คร่าวๆ มีตัวหนังสือเขียนไว้ข้างๆว่า เขานั่นแหละหมาป่า







    แต่...รูปสเกตซ์นั้นไม่มีหน้า





    ผมปิดไดอารี่ลวกๆ แล้วยัดใส่กระเป๋าตามเดิม นี่น่ะหรือไดอารี่ที่เขาหวงนักหวงหนา ผมคิดว่าคงจะได้ประโยชน์จากมันแต่กลับไม่ได้อะไรมากนักเลย!





    ชานยอลตื่นขึ้นมาแล้วบิดขี้เกียจ เป็นเวลาเช้าพอดี สุดท้ายเราก็ปลอดภัยจนได้ ผมและชานยอลตัดสินใจจะเดินหาทางออก เราคิดว่าเราจะหาเจอและทำมันได้ เราแยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัวแล้วจะกลับมาเจอกันที่นี่ ผมล้างหน้าล้างตาด้วยน้ำที่ใส่ขวดมาและฉี่เสร็จแล้วก็กลับมายังจุดนัดพบแต่ชานยอลก็ยังไม่มา ผมนั่งรอเขาเกือบครึ่งชั่วโมงเขาก็ยังไม่มา ผมจึงตัดสินใจจะรอเขาอีกสิบนาที ถ้าเขายังไม่กลับมาผมจะออกตามหาเขา



    จนแล้วจนรอดผมก็ต้องออกตามหาเขาจริงๆ ผมเดินลัดเลาะไปเรื่อยๆแล้วมองหาชานยอล ปากก็ตะโกนเรียกไม่หยุด ไม่มีเสียงขานรับ ผมชักใจเสีย หรือว่าเขาจะโดนมันลากไปแล้ว? ผมไม่น่าแยกกับเขาเลย! ผมมองไปรอบๆแล้วป้องปากตะโกนเรียก ใจก็หวังให้เขาเพียงแค่หลงทาง อย่าได้ถูกตัวอะไรจับไปเลย แต่ผมก็ได้ยินเพียงเสียงสะท้อนของตัวเอง


    เสียงย่องเบาๆมาจากด้านหลัง ผมพยายามเงี่ยหูฟัง เสียงกิ่งไม้หักทั้งๆที่ผมยืนนิ่งๆ หลังของผมชาวูบ มีใครบางคนอยู่ข้างหลังผม ผมรีบหันกลับไป!







    “....ชานยอล”




    ชานยอลยิ้มแป้น คิ้วของเขายกขึ้นสูง แล้วเขาก็ถามขึ้น


    “มีอะไรเหรอ? ฉันไม่เห็นนายเลยตามหา”

    ผมถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่ชานยอลไม่ได้หลงหรือถูกตัวอะไรลากไป ผมกับชานยอลเดินมาเรื่อยๆตามกระแสน้ำไหล



    ผมนึกถึงไดอารี่อีกครั้ง...ตอนนี้เหลือเพียงคริสกับลู่หานเท่านั้นที่ยังเหลืออยู่นอกจากผมกับชานยอล...ใครกันแน่คือหมาป่า?


    “นี่...นายคิดว่าใครคือหมาป่า?”


    ผมถามชานยอลตอนที่เรากำลังข้ามต้นไม้ใหญ่ที่ล้มตายอยู่ ชานยอลช่วยส่งแรงดันให้ผมข้ามแล้วตัวเขาก็ข้ามตามมา



    “ไม่รู้สิ แต่ไม่ใครก็ใครนั่นแหละ ห้าสิบต่อห้าสิบทั้งคู่”

    “แต่ฉันคิดว่าคริสมีเปอร์เซ็นต์สูงกว่านะ”



    ผมพูดออกไปลอยๆ ชานยอลไม่ได้ออกความเห็นต่อ ชานยอลเหมือนจะรู้ว่าบรรยากาศเริ่มไม่ดี เขาจึงหัวเราะแล้วเอื้อมมือมาจับไหล่ผม


    “นั่นสิเนอะ คงเป็นคริสแน่ เพราะเขาตัวใหญ่มากเลย”


    ชานยอลพูดจบแล้วก็หัวเราะ แต่ผมไม่ได้หัวเราะด้วย ไม่ว่าจะยังไงชานยอลก็ยังคงเป็นชานยอลอยู่วันยังค่ำ เขายังคงตลกกับคำพูดของตัวเองทั้งๆที่คนอื่นไม่เข้าใจเลย ชานยอลพูดอะไรเกี่ยวกับมนุษย์อวกาศไม่หยุด แม้จะรำคาญแต่ถ้าเขาเงียบผมคงต้องเบื่อแน่ๆ


    “พักก่อนมั้ย?”


    ชานยอลถามขึ้นเมื่อแดดเริ่มจ้า ผมพยักหน้าแล้วนั่งลงริมลำธาร วักน้ำใส่หน้าเพื่อล้างเหงื่อ ชานยอลนั่งพักอยู่ด้านบน เมื่อผมหันไปเขาก็ยิ้มให้ ผมหันกลับมาแล้วคว้ากระเป๋าเป้มาจากด้านหลัง ผมค้นหาขวดน้ำในนั้นเพื่อกรอกให้เต็ม ผมค่อยๆจุ่มขวดตัวเองลงไปในนั้น ในเงาสะท้อนหน้าของผมดูอิดโรยเพราะอดนอน เมื่อกรอกน้ำเต็มทั้งสองขวด ผมก็วักน้ำล้างหน้าอีกรอบ แต่ระหว่างที่กำลังล้างอยู่นั้น...เงาบางอย่างจากด้านหลังก็ปรากฏขึ้นในน้ำ
















    พลั่ก!!














    เสียงของแข็งกระทบท้ายทอย ความรู้สึกอย่างหนึ่งแล่นเข้าสู่ไขสันหลังและแปลงเป็นความเจ็บปวด ผมรู้สึกมึนอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่จะรู้สึกเจ็บ...เจ็บมากๆ



            ผมล้มลงกับโคลนริมลำธาร กลิ่นเลือดคลุ้งไปทั่วบริเวณ มันไหลออกมาจากท้ายทอยผมเอง เสียงของแข็งปริศนาที่น่าจะเป็นหินทุบลงมาอีกครั้ง คราวนี้มันเรียกความเจ็บปวดได้กว่าครั้งที่แล้ว ผมรวบรวมสติสัมปชัญญะทั้งหมดค่อยๆพลิกตัวกลับไปมอง...













              ชานยอลเงื้อหินขึ้นเหนือหัวแล้วทุบลงมาเต็มแรงอีกครั้ง...


    [Baekhyun]        

     



    มีรีดเดอร์คนหนึ่งเอาฟิคเราไปลงบล็อกตัวเอง

    ไม่ดีเลยนะ อยากบอกต่อให้ส่งลิงก์ดีกว่านะเราอุตส่าห์ไม่บล็อกตัวอักษร
    เปิดโอกาสให้คนที่บ้านไม่ติดเน็ตก็อปไปอ่านที่บ้านได้
    แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ก็จะบล็อกล่ะ คนส่วนน้อยมาทำคนส่วนมากเสียจริงๆ

    เฟลว่ะ เม้นนะ ไปล่ะ

     

    Tag :: #ficThatWolf

    Twt :: @SuperJONGin

     

     

     











    Ha .ha
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×