NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ภาวินทร์ภคนางค์

    ลำดับตอนที่ #32 : บทที่ 11 (3) ภัยกำลังมา?

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.44K
      35
      20 เม.ย. 67




    “แล้วทำไมแม่ถึงยอมให้นางค์อยู่ที่นี่คะ”

    เธอเช็ดน้ำตาแล้วขยับตัวลุกขึ้นนั่งตัวตรง มองคุณรัมภาที่กำลังทอดมองมาด้วยแววตาอาทรอย่างนึกสงสัย เป็นเพราะเรื่องเงินที่ได้รับรู้มาทำให้ภคนางค์ยอมตอบตกลงเป็นภรรยาของภาวินทร์เพื่อมีทายาทให้กับธีระธนภัทรโดยไม่ลังเล แม้คุณรวิตาจะต้องการให้ยินยอมโดยสมัครใจ ไม่ใช่เพราะเรื่องบุญคุณก็ตาม และเธอก็ยังไม่ขอรับเงินจำนวนมหาศาลที่พวกท่านเสนอให้หลังการหย่า เพราะที่ทำไปก็เพื่ออยากจะชดใช้หนี้สินแทนมารดาแม้มันจะเทียบเทียมกันไม่ได้ และตอบแทนพระคุณที่คุณท่านทั้งสองเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี ทว่ากลับโดนคะยั้นคะยอจึงรับเอามาแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งเธอก็ได้นำมันไปใช้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุด

    “เพราะว่ารตีบอกว่าจะย้ายไปอยู่ที่ต่างประเทศ จะไปเริ่มต้นใหม่ที่นั่น จะได้ลืมอดีตที่ไม่น่าจดจำ แม่วิก็กลัวว่าถ้าพานางค์ไปอยู่ไกลๆ แถมไม่รู้จักใครเลยก็กลัวจะลำบาก อีกอย่างนางค์ก็ยังเล็กมาก กลัวไม่มีคนดูแล ถ้ายังอยู่เมืองไทยยังไปมาหาสู่ ช่วยเหลือกันได้ง่ายๆ แต่ไปอยู่ไกลถึงเมืองนอกเมืองนาก็อดเป็นห่วงไม่ได้ เลยขอนางค์ไว้ พร้อมให้สัญญาว่าจะดูแลเป็นอย่างดี ถ้ารตีตั้งตัวได้เมื่อไรค่อยมารับลูกสาวไปอยู่ด้วย คราแรกแม่ของนางค์ก็ลังเล ไม่ยอมทิ้งลูก ทั้งหวงทั้งห่วง แต่สุดท้ายก็ยอม ฉันคิดว่าในใจของรตีคงมีกลัวว่าการไปตายเอาดาบหน้าจะทำให้นางค์ต้องตกระกำลำบากไปด้วย เพราะไม่รู้เลยว่าไปแล้วจะเจอกับอะไรบ้าง ถึงได้จำใจฝากนางค์ไว้ที่นี่”

    เวลามองหน้าภคนางค์คราใดท่านก็อดนึกถึงรตีไม่ได้ แม้เป็นแค่เพื่อนลูกสาวแต่ท่านก็รักและเอ็นดูเหมือนลูกคนหนึ่ง ความสวยหวานของภคนางค์นั้นได้มาจากแม่ทั้งหมด ไม่มีส่วนไหนที่ไม่เหมือนรตี เลยยิ่งทำให้รวิตารักและเอ็นดูภคนางค์มาก รักเหมือนลูกในไส้เพราะหลานสาวนั้นเปรียบเสมือนกับตัวแทนของเพื่อนรัก

    “ก่อนจะไปแม่นางค์ให้สร้อยเส้นนี้ไว้กับฉัน แล้วก็ให้เบอร์โทร.ติดต่อพัชรี พร้อมให้เหตุผลว่าไม่อยากให้นางค์รู้สึกโดดเดี่ยวไร้ญาติขาดมิตร แม้ไม่มีแม่แต่ก็ยังมีป้าอยู่”

    แววตาอบอุ่นที่คลอด้วยน้ำตาภายใต้แว่นสายตามองลงไปยังกล่องสีแดงในมือของภคนางค์แล้วยิ้มออกมา รตีมีความรอบคอบและห่วงลูกจนวินาทีสุดท้าย ทำหน้าที่แม่ของตัวเองอย่างดีที่สุดเท่าที่แม่คนหนึ่งจะทำได้ จนท่านอดชื่นชมไม่ได้จริงๆ

    ภคนางค์ก้มลงมองกล่องกำมะหยี่สีแดงสดในมือ แล้วเม้มเรียวปากสั่นระริกเข้าหากัน ขณะน้ำตาที่คลอเบ้านั้นก็หยดแหมะลงบนตัก ไม่คิดเลยว่าแม่จะทำเพื่อเธอมากขนาดนี้ แล้วป่านนี้ท่านจะเป็นอย่างไรบ้าง จะมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบายหรือไม่ ใจของคนเป็นลูกเริ่มห่วงหาแม้มันจะช้าเกินไป

    “ตอนนั้นแม่วิโทร.หาป้าของนางค์เพื่อแจ้งให้ทราบว่าลูกสาวของรตีอยู่ที่นี่ ฝ่ายนั้นก็อยากจะขอรับหลานไปเลี้ยงดูเองนะ เพราะรู้สึกเกรงใจ แต่แม่วิเขาไม่ยอมให้ เลยให้สัญญาเหมือนที่เคยให้ไว้กับแม่นางค์ว่าจะเลี้ยงดูอย่างดี ไม่ต้องเป็นห่วง จะส่งเรียนหนังสือให้สูงๆ ถ้าพัชรีอยากจะมารับนางค์ไปอยู่ด้วยในช่วงปิดเทอมก็มาได้เสมอ ขอแค่ให้นางค์อยู่ที่นี่ก็พอแล้ว”

    “นางค์รู้สึกผิดจังเลยค่ะที่เคยคิดว่าแม่ใจดำ ทิ้งนางค์ไว้ที่นี่”

    เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงอู้อี้แล้วสูดน้ำมูกเบาๆ นอกจากจะรู้สึกผิดกับมารดาแล้วยังยิ่งรู้สึกผิดกับคุณท่านทั้งสองที่เลี้ยงดูมาด้วยความรักและเอ็นดู ทว่ากลับทำตัวไม่ต่างจากคนเนรคุณที่เงียบหายไปโดยไม่ติดต่อหาพวกท่าน แถมยังปกปิดเรื่องทายาทอีก บุญคุณของพวกท่านทั้งสองที่มีต่อเธอและมารดานั้นมันมากมายเหลือเกิน ไม่รู้ว่าจะชดใช้อย่างไรถึงจะหมดสิ้น

    “ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก เพราะนางค์ไม่รู้” คุณรัมภายื่นมือเหี่ยวย่นตามวัยไปเกลี่ยเช็ดคราบน้ำตาออกจากสองแก้มให้อย่างอ่อนโยน

    “ป่านนี้แม่จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้นะคะ”

    รำพึงรำพันออกมาเสียงแผ่ว ความทรงจำเกี่ยวกับมารดาของเธอนั้นรางเลือนเหลือเกิน แต่พอมีลูกถึงรู้ว่าคำว่าแม่นั้นมีความหมายลึกซึ้งมากนัก เพราะการจะเป็นแม่ไม่ง่ายเลยสักนิด และสิ่งที่มารดาของเธอทำนั้นก็ยิ่งใหญ่นัก จนภคนางค์คิดว่าตัวเองคงไม่สามารถทำได้ถึงครึ่งของแม่

    “พ่อตาวินทร์เขาเคยให้คนสืบหานะ แต่ก็ไม่เจอแม้เงา”

    ครั้งหนึ่งบิดาของภาวินทร์ซึ่งมีอิทธิพลมากพอสมควรในรัสเซียให้นักสืบฝีมือดีออกตามหามารดาของภคนางค์ที่บอกว่าจะเดินทางไปที่นั่น ทว่ากลับไม่พบข้อมูลอะไรเลยสักอย่าง ราวกับถูกปกปิดไว้ไม่ให้ใครรับรู้ ลูกเขยเลยเดาๆ ว่าอาจจะอยู่ภายใต้การคุ้มครองของผู้มีอิทธิพลก็เป็นได้ เพราะรตีเป็นคนสวยและยังสาว อาจจะไปถูกตาต้องใจเศรษฐีคนใดคนหนึ่งเข้าก็เป็นได้

    “นางค์หวังว่าแม่จะสบายดีนะคะ” หญิงสาวเอ่ยแล้วคลี่ยิ้มบางๆ อย่างให้กำลังใจตัวเอง ในเมื่อคุณเรกซ์เคยให้นักสืบตามหาแล้วไม่เจอก็ไม่เป็นไร ได้แต่หวังว่ามารดาจะยังสุขสบายดี

    “ฉันก็หวังอย่างนั้นเหมือนกัน” 

    “ขอบคุณคุณท่านนะคะที่เล่าเรื่องแม่ให้นางค์ฟัง”

    ภคนางค์ขยับเข้าไปโอบเอวของคุณรัมภา กอดซบประจบอย่างที่ชอบทำมาตั้งแต่เด็ก แม้มีความเจ็บปวดเมื่อได้รับรู้สิ่งที่มารดาต้องเผชิญในอดีต แต่ก็มีความสบายใจอยู่ไม่น้อยที่รู้ว่าท่านไม่เคยคิดจะทอดทิ้งเธอ และที่ไม่ติดต่อมาหาเลยนั้นอาจจะมีเหตุผลก็เป็นได้ ถึงอย่างไรหญิงสาวก็ขอภาวนาให้ท่านยังมีชีวิตอยู่และมีความสุขกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างที่ต้องการ ไม่อยากให้พบเจอกับเรื่องร้ายๆ เหมือนในอดีตอีก

    “จา จ้ะ จา จ้ะ”

    เสียงของลูกที่ดังแว่วมานั้นทำให้ภคนางค์ผละจากคุณรัมภาแล้วมองไปยังประตูห้องนั่งเล่นที่คุณรวิตากำลังอุ้มเด็กน้อยแก้มกลมอารมณ์ดีเข้ามา น้องพลินทร์ยิ้มร่าเมื่อเห็นหน้าเธอ ก่อนจะพยายามดิ้นลงจากอ้อมแขนคุณย่า คุณรวิตาเลยปล่อยลงบนพื้นพรมให้คลานมาหาเอง

    “ไงจ๊ะ คุณย่าพาไปเที่ยวไหนมาเอ่ย” เสียงหวานทอดถามลูกสาวที่คลานเข้ามาหาแล้วปีนขึ้นมาบนตัก ก้มลงหอมกระหม่อมบางเบาๆ ด้วยความรักใคร่ พอได้ออกไปข้างนอกละอารมณ์ดีขึ้นมาเชียว ชอบเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจจริงๆ ลูกสาวเธอ

    “มำ ม่ะ” หนูน้อยเงยหน้าขึ้นมองมารดา ขณะใช้มือเล็กๆ คว้าสะเปะสะปะเพื่อจับยืน ทั้งยังกำผมแม่ติดมือไปด้วยอีก ภคนางค์จึงต้องเอียงศีรษะตามแล้วใช้มือช่วยประคองกันล้ม ดูซิ ยืนตรงไหนไม่ยืนมายืนบนตักแม่เนี้ย นับวันยิ่งซนเป็นลิง น่าตีจริงๆ เล้ย

    “ไปเที่ยวกับคุณย่ามาสนุกไหมหือ” ถามเสียงนุ่มแล้วหอมแก้มป่องๆ ฟอดใหญ่

    “แอ้ แอ้”

    “สนุกมากเลยเหรอจ๊ะ แล้วหนูเจออะไรบ้างลูก ไหนเล่าให้แม่ฟังหน่อยซิ” ภคนางค์หยอกเย้าพลางจับเนื้อตัวอวบๆ ส่ายไปมาด้วยความมันเขี้ยว นับวันยิ่งตัวแน่นแถมยังหนักขึ้นด้วย กินเยอะจนคนเป็นแม่เริ่มกังวลว่าน้ำหนักลูกจะเกินเกณฑ์

    พอแม่ถามน้องพลินทร์ก็บ่นอ้อแอ้ราวกับจะเล่าให้แม่ฟัง พลอยทำให้คุณทวดที่นั่งมองอยู่นั้นได้แต่ยิ้มด้วยความเอ็นดู ช่างโม้เก่งเหลือเกิน ขนาดยังพูดไม่ได้ยังบ่นเก่งขนาดนี้ ถ้าพูดได้คงเจื้อยแจ้วเป็นนกแก้วนกขุนทองแน่ๆ ช่างน่ารักน่าชังเหลือเกิน

    “ดูเหมือนยายหนูจะไม่กลัวอะไรเลยนะนางค์ มีผีเสื้อบินมาเกาะมือฉันนึกว่าจะกลัว แต่หัวเราะชอบใจใหญ่เลย”

    นางพาหลานไปเดินเล่นในสวนผักหลังบ้าน ที่มีทั้งบ่อปลา ทั้งนกที่ชอบบินโฉบลงมากินหนอน น้องพลินทร์ดูเหมือนจะตื่นเต้นกับสิ่งที่อยู่รอบกาย ตอนมีผีเสื้อตัวเล็กๆ บินมาเกาะที่หลังมือป้อมๆ คุณรวิตาคิดว่าหลานจะกลัวแล้วร้อง ทว่าแม่หนูกลับดูชอบใจเหลือเกิน แถมยังมองตามไม่หยุด

    “ใช่ค่ะ แกไม่เคยกลัวอะไรเลย ยิ่งพวกสัตว์ยิ่งชอบมากค่ะ”

    ภคนางค์ตอบยิ้มๆ แล้วมองคนที่ยืนอยู่บนตักที่ดูจะกระดี๊กระด๊าต่างจากตอนที่ร้องโวยวายจะตามพ่อไปทำงานนัก พูดก็ไม่ฟัง เอาแต่ใจจนเธออยากจะตีสักที จนคุณย่าต้องมาพาออกไปเดินเล่นข้างนอก ถึงได้กลับมาอารมณ์ดีเกินเหตุแบบนี้ ติดพ่อเจนน่าหมั่นไส้จริงๆ ร้องจะหาแม่แค่ตอนหิวเท่านั้นละ

     

    **********

     

    คืนนี้น้องพลินทร์ไปนอนกับคุณย่าและคุณทวด ภคนางค์เลยลงมาเตรียมนมไปให้ลูกสาวที่นอนอยู่ห้องของคุณรัมภาซึ่งอยู่ชั้นล่าง หญิงสาวไม่ค่อยกังวลเท่าไรนักเพราะหนูน้อยเริ่มคุ้นเคยกับคุณย่ามากแล้วและจะหลับยาวทั้งคืน แต่ก็อาจมีบางคืนที่ตื่นมางอแง พอได้กินนมก็หลับเลยต้องเอานมไปให้เผื่อตื่นขึ้นมา คุณรวิตาจะได้รับมือได้ทัน เนื่องจากปกติเด็กน้อยจะกินนมจากอกแม่ในตอนกลางคืน กลัวว่าไม่ได้กินแล้วจะโยเย

    หญิงสาวเดินออกมาจากในครัวพร้อมกับขวดนมของลูก ตรงไปยังห้องนอนของคุณรัมภาที่อยู่อีกฝั่ง เคาะประตูเบาๆ แล้วเปิดเข้าไปด้านในอย่างเบามือ คุณรวิตาที่ยังไม่นอนหันมาส่งยิ้มให้แล้วมองไปที่หลานสาวที่นอนหลับปุ๋ยอยู่ตรงกลางโดยมีหมอนข้างสองใบกั้นเอาไว้ ส่วนคุณรัมภานั้นก็หลับไปแล้ว ปกติมารดาจะมีเด็กรับใช้ที่คอยดูแลมานอนเป็นเพื่อน แต่คืนนี้นางพาเหลนลงมานอนด้วยเลยไม่ได้ให้มานอนเฝ้า

    “หลับแล้วจ้ะ” นางเอ่ยกับแม่ของหลานที่เดินมาชะโงกหน้าดูลูกสาว ยายหนูหลับไปตั้งแต่สองทุ่ม โดยคุณทวดเป็นคนกล่อมนอน กินก็เก่ง นอนก็ง่าย น่ารักน่าเอ็นดูเป็นที่สุด

    ภคนางค์ระบายยิ้มบางๆ เมื่อเห็นท่านอนของลูกสาว อยู่กับแม่ไม่เคยเรียบร้อยแบบนี้เลยสักนิด ต้องใช้ขาอวบๆ มาก่ายบนตัวตลอด แต่พอนอนกับคุณย่าและคุณทวดละท่านอนน่าเอ็นดูเชียว

    “นางค์วางนมไว้ตรงนี้นะคะ เผื่อแกตื่นมางอแงกลางดึก ให้กินนมแล้วก็จะหลับไปเองค่ะ” หญิงสาวเดินอ้อมไปยังฝั่งที่คุณรวิตานอนแล้ววางขวดนมไว้ที่โต๊ะข้างเตียงเพื่อจะได้หยิบง่ายๆ คนสูงวัยจึงพยักหน้ารับเบาๆ

    “ระวังเท้านะคะ”

    ก่อนออกมาก็ยังไม่วายกระซิบเตือนอย่างยิ้มๆ เพราะน้องพลินทร์นั้นเป็นจอมหมุน หมุนไปทั่วทุกทิศ แถมเท้าน้อยๆ ก็ยังฟาดไปทั่วเหมือนกัน แม่กับพ่อโดนมาจนชินเสียแล้ว

    “จ้ะ”

    คุณรวิตารับคำแล้วมองหลานสาวตัวน้อย ที่นางเอาหมอนข้างมากั้นสองฝั่งและส่วนท้ายก็เพื่อป้องกันหลานกลิ้งตกเตียงนั่นละ เพราะเห็นฤทธิ์ตั้งแต่เริ่มหลับแล้ว นอนกลิ้งไปกลิ้งมาจนมาจบในท่านี้

    ภคนางค์ปิดงับประตูห้องอย่างเบามือหลังจากเดินออกมาอย่างเงียบๆ จังหวะที่จะผละเดินขึ้นห้องนั้นชะงักเล็กน้อยเมื่อจู่ๆ สาวใช้ก็เดินเข้ามาหา

    “คุณนางค์คะ คุณวินทร์ให้อ้อยมาเรียกไปพบที่ห้องทำงานค่ะ” สาวใช้ชื่ออ้อยบอกก่อนจะยิ้มเล็กน้อย

    รอยยิ้มของภคนางค์เจื่อนลงเมื่อได้ยินเช่นนั้น กระนั้นก็ยังรับคำพร้อมคลี่ยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งที่ใจนั้นเริ่มมีความรู้สึกหวั่นๆ

    “ขอบคุณค่ะพี่อ้อย”

    พอเจ้านายรับคำสาวใช้จึงพยักหน้าแล้วเดินเลี่ยงออกมาอย่างเงียบๆ เหลือเพียงภคนางค์ที่ยังยืนนิ่งด้วยสีหน้าติดจะกังวล หญิงสาวคิดว่าภาวินทร์จะไม่คุยเรื่องลูกที่เขาบอกเอาไว้วันนั้นเสียอีก เพราะเห็นเงียบไม่พูดถึงอีกตั้งแต่วันนั้น ครั้นจะถามก็ไม่กล้า กลัวจะถูกมองว่าอยากให้ลูกใช้นามสกุลเขาถึงขั้นต้องทวงถาม เลยรอให้เขาเป็นฝ่ายพูดเองดีกว่า เธอขบกัดริมฝีปากเบาๆ พลางขมวดคิ้วเข้าหากันขณะขบคิดว่าควรจะขึ้นไปเปลี่ยนเป็นชุดที่ดูรัดกุมกว่านี้ดีไหม เพราะชุดนอนที่สวมใส่ดูเหมือนจะไม่ปลอดภัยแม้มีเสื้อคลุมทับอีกชั้น แต่อีกใจก็เกรงว่าชายหนุ่มจะรอนาน สุดท้ายจึงตัดสินใจกระชับสายเสื้อคลุมเข้าหากันแล้วมัดสายเสื้อทับให้แน่น ดวงตาคู่งามมองสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองอีกรอบ ก่อนจะเดินไปยังห้องทำงานของภาวินทร์ที่อยู่อีกด้านด้วยความคุ้นเคยเป็นอย่างดี ทว่าทุกย่างก้าวที่ใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ก็ทำเอาใจสั่นเหมือนกัน


     +++++

    มีความคิดเห็นยังไง ฝากคอมเม้นให้กำลังใจด้วยนะคะ

    ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ / อิงธารา

    e-book >> https://goo.gl/K5N86N

    หรือ get it now ค่ะ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×