คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 5 :: บทเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง
Chapter 5 :: บทเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง
แสงแดดอ่อนๆส่องสะท้อนกระจกเข้ามาปะทะที่เปลือกตาขาวของหัวหน้ามาเฟียคนสำคัญ ร่างสูงที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงครางเบาๆก่อนหันใบหน้าหนีแสงแดดในยามเช้า แผ่นอกกว้างเปลยเปล่ามีร่างบอบบางของหญิงสาวคนหนึ่งนอนทับอยู่ ตามใบหน้าสวยหวานนั้นมีเหงื่อเม็ดเล็ดๆผุดขึ้นจนมันไหลไปเลอะเส้นผมสีน้ำตาลเข้มของเธอ เธอสวมเพียงบาร์และกางเกงใน ส่วนเสื้อผ้าที่เคยทำหน้าที่ปกปิดร่างกายบัดนี้นั้นกลับถูกโยนลงไปกองอยู่บนพื้น
“อื้มมม~”เสียงหวานครางแผ่วเบา ฝ่ามืออุ่นๆค่อยๆเลื้อยไปตามแผ่นอกของชายด้านล่าง ใบหน้าแสดงอาการเคลิ้มอย่างเต็มที่
เมื่อวานหลังจากที่ไปส่งเกรซเรียบร้อยแล้ว เก่งก็กลับมาที่บ้านเพื่อคัดคนตามที่เขาบอก แล้วตอนเย็นๆก็ออกไปในเมืองอีกครั้งหนึ่ง … จบด้วยตอนกลับที่มีผู้หญิงคนนี้ติดสอยห้อยตามมาด้วยและนอนค้างกับเขาจนถึงเช้าของอีกวัน
“หืม?”เก่งพึมพำก่อนเปิดเปลือกตาขึ้นมองหญิงสาวผู้อยู่ด้านบน เธอซุกใบหน้าลงที่ซอกคอของร่างสูงก่อนขบกัดเบาๆเป็นการกระตุ้น
“ลงไป”เสียงเย็นชาเอ่ยบอก ร่างบางรีบลืมตาขึ้นมาจ้องมองคนพูดเขม่ง เธอกัดฟันดังกรอดๆด้วยความขัดใจ
“อะไรของคุณ!!??”เธอเอ่ยถามเสียงแหลมสูง ซึ่งนั่นทำให้เก่งไม่พอใจนัก
“หมดเวลาแล้ว ไสหัวไปก่อนที่ฉันจะให้คนมาลากเธอ”ร่างสูงขู่เสียงต่ำ และแน่นอนว่าหญิงสาวจำเป็นต้องรีบลุกขึ้นไปแต่งตัว ถ้าให้เลือก เธอก็ไม่อยากจะมีปัญหากับ ‘หัวหน้ามาเฟีย’
“คุณมันเลว!!!”
ปัง!
เธอทิ้งท้ายไว้ด้วยคำด่าก่อนปึงปังเดินออกไปจากห้อง เก่งแสยะยิ้มไล่ตามหลัง ร่างสูงพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นจากเตียงนอนแล้วเดินเข้าห้องน้ำ
-------------------------------
“พี่เก่ง!”เสียงหวาน*ตะโกนเรียกทันทีที่เก่งเดินลงมาถึงส่วนล่างของบ้าน ใบหน้าขาวหันไปตามเสียงเรียกเป็นเชิงถาม
“พี่เก่งเอาผู้หญิงเข้าบ้านอีกแล้วเหรอ เมื่อกี้น้องกัน*เห็นเธอเดินหน้าบูดออกไปจากบ้าน”น้องชายร่างเล็ก*เอ่ยถามเสียงเบื่อๆพลางมองหน้าผู้เป็นพี่ชายด้วยสีหน้าปุเลี่ยนๆ
(*หมายเหตุ :: เสียงหวาน :: กันเสียงหวานค่ะ ^^ , น้องกัน :: อันนี้อ้างอิงจากเรื่องจริง กันจะชอบเรียกแทนตัวเองว่า น้องกัน ไรเตอร์เห็นว่าน่ารักดีเลยขอเอามาประกอบฟิค , ร่างเล็ก :: กันตัวใหญ่กว่าริท 0.0003 % และตัวเล็กกว่าเก่ง เซน โน่ ไอซ์ และกันเป็นเคะ มันจึงไม่แปลกที่ไรเตอร์จะขอบรรยายว่าร่างเล็ก … โอเคนะคะ ^^;;)
“รู้ดีจริ๊งงง”เก่งขึ้นเสียงสูงกับน้องตนเอง มือข้างหนึ่งยกขึ้นขยี้กลุ่มผมนุ่มสีน้ำตาลเข้มของกันเบาๆ ริมฝีปากได้รูปยกยิ้มบางๆให้กับน้องชายด้วยความเอ็นดู
… นอกจากกันแล้ว จะไม่มีใครได้รับรอยยิ้มและน้ำเสียงอ่อนโยนนี่เป็นคนที่สอง …
“วันนี้พี่เก่งจะไปในเมืองรึเปล่าฮะ?”
“ไปสิ เมื่อวานพี่ลืมซื้อซื้อขนมมาให้ โทษทีๆ ฮ่าๆๆๆ”เก่งสารภาพความจริงเล่นเอากันหน้าบูด ร่างสูงสัญญาว่าวันนี้จะซื้อให้สองเท่าเป็นการไถ่โทษ
“พี่เก่ง วันนี้ให้ผมไปด้วยมั้ย?”เสียงอีกเสียงดังขึ้นมาจากทางหน้าบ้าน เด็กวัยสิบห้าที่ตัวโตเกินอายุเดินเข้ามาหาพวกเขาทั้งคู่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มไม่เข้ากับมือที่กำลังควงกระบอกปืนเลยสักนิด
“สวัสดีไอซ์”กันเอ่ยทักทายผู้ติดตามของพี่ชายด้วยรอยยิ้มสดใส ไอซ์ถึงกับชะงักขาที่กำลังก้าวเดิน สามวิต่อมาเขาก็ยิ้มตอบรับ
“พี่เก่ง แต่วันนี้น้องกันต้องไปรับของที่พี่เก่งสั่งลุงโป่งไว้นะ ไม่ไปกับน้องกันเหรอ?”ทักทายผู้มาใหม่เสร็จก็หันมาเจรจากับพี่ชายต่อ เก่งถึงกับเกาหัวเมื่อเริ่มหาทางออกไม่เจอ
“เอ่อ… เออ ให้ไอซ์ไปเป็นเพื่อนแล้วกันนะ”เหลือบไปเห็นผู้ติดตามคนเก่งพอดิบพอดีก็ขอเอามาเป็นตัวพาดพิงสักหน่อยแล้วกัน
“เฮ้ย พี่มายุ่งอะไรกับผมเนี่ย?”ไอซ์ที่ขี้เกียจจะออกจากบริเวณบ้านก็ต้องเถียงตามธรรมเนียมที่เคยเป็น แต่เก่งก็ยังคะยั้นคะยอจะให้ไอซ์ตอบตกลงให้ได้
“เอางั้นก็ได้ ไอซ์ ..ไปเป็นเพื่อนพี่หน่อยนะ”ร่างเล็กคิดทบทวนอยู่เกือบนาทีก็ยอมโอเคตอบตกลง ไม่วายหันไปยิ้มแฉ่งให้เด็กหนุ่มวัยสิบห้าอีกระรอก
‘พี่อย่ายิ้มแบบนั้นได้ไหม…’ เสียงคร่ำครวญดังขึ้นภายในใจ นัยน์ตาคู่คมรีบละสายตาจากรอยยิ้มหวานของร่างเล็กนั่น เขารู้ดีว่ารอยยิ้มที่กันส่งให้มันเป็นเพียงรอยยิ้มที่ ‘พี่’ ส่งให้ ‘น้อง’ ไม่สามารถเป็นอื่นไปได้แม้ว่าเขาจะต้องการแค่ไหนก็ตาม … คำสาบานกับตัวเองเมื่อสามปีก่อนผุดขึ้นมาในหัว คำสาบานที่ว่า ‘จะไม่เดินข้ามเส้นกั้นของความสัมพันนั่นไป’ ความสัมพันที่เป็นได้แค่ ‘พี่กับน้อง’ …
“ครับ”เสียงแผ่วตอบรับอย่างไม่เต็มใจนัก … เพราะยิ่งใกล้มากเท่าไร คำสาบานที่ให้ไว้กับตนเองก็เหมือนไร้ผลมากขึ้นทุกที….ทุกที
“โอเค ตกลงกันไปแล้วใช่มั้ย งั้นพี่ไปก่อนนะ”เมื่อเห็นว่าทุกอย่างลงตัว เก่งก็ถึงเวลาชิ่งก่อนโดนน้องชายตัวเล็กหมายหัวอีกรอบ รถสปอร์ทคันเดิมเคลื่อนตัวทันที่เก่งนั่งประจำที่ ในที่สุดตอนนี้ก็เหลือแค่กันและไอซ์ที่ยืนอยู่หน้าบ้าน
“งั้นเราก็ไปกันเถอะ”กันกล่าวพลางเดินเข้ามาจับมือไอซ์แล้วออกแรงให้คนตัวใหญ่กว่าเดินตามตน ร่างสูงอยากจะชักมือออกใจจะขาดแต่ก็เกรงว่ากันจะรู้สึกว่าเขารังเกียจเจ้าตัวอีก สุดท้ายก็ทำได้แค่คอยหักห้ามหัวใจไม่ให้ความรู้สึกอยู่เหนือสายสัมพัน
‘พี่อย่าทำแบบนี้สิ…’
--------------------------------------
“แกจำพนักงานร้านไอติมเมื่อวานได้รึเปล่า”เสียงเรียบเอ่ยถามเมื่อรถแล่นเข้าสู่ตัวเมืองกรุงเทพอีกครั้ง วันนี้ก็เป็นอีกวันที่บนถนนเต็มไปด้วยรถราหลายสิบคันเนื่องจากเป็นวันหยุด (จะว่าไปวันธรรมดาก็รถเยอะพอๆกัน)
“จำได้ครับ”คนขับรถ(คนเดิมกับเมื่อวาน)ขานรับเสียงนุ่มนวล … เพราะถ้าเขาขานเสียงห้วนมีหวัง ตาย
“วันนี้ … พวกแกไปเอาตัวหมอนั่นมาให้ได้ ถ้าไม่สำเร็จก็คอขาดอย่างเดียว”จบคำสั่งร่างสูงของหัวหน้ามาเฟียก็หยิบไอพอตเครื่องแพงขึ้นมาเปิดเพลงแล้วยัดหูฟังใส่หูทันทีโดยไม่นึกเห็นใจลูกน้องที่ต้องทำตามคำสั่งของเขาเลยสักนิด
-------------------------
“สุขภาพดีกับเรดแมงโก้นะคร้าบบบบ”เสียงของเด็กหนุ่มร่างบางเอ่ยบอกกับลูกค้าด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มเหมือนที่เคยทำเป็นประจำแทบจะทุกวันดังขึ้น ลูกค้าผู้หญิงสี่คนยิ้มเขินๆก่อนเดินออกจากร้านไป เซนถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา
“จะเลิกแล้ว~”เขาบ่นๆกับตัวเอง สายตามองดูความเรียบร้อยรอบร้านที่อัดแน่นไปด้วยผู้เข้ามาใช้บริการ เมื่อเห็นว่าทุกอย่างไร้ปัญหาก็ขอแอบนั่งพักสั่งนาทีสองนาทีที่มุมของร้าน
กริ๊ง~!
“เรดแมงโก้ยินดีต้อนรับคร้าบบบ”เสียงกระดิ่งหน้าร้านดังเป็นสัญญาณว่าต้องมีคนเข้าหรือออกร้านแน่นอน ด้วยความเคยชิน ไอ้อาการเหนื่อยๆเมื่อยๆก็เปลี่ยนมาเป็นความกระตือรือร้นที่จะต้อนรับลูกค้าแทนซะงั้น
“เชิญนั่งก่อนฮะ”เซนกล่าวพลางผายมือให้ลูกค้ากลุ่มใหม่นั่งลงตรงโต๊ะว่าง แต่พวกเขากลุ่มนั้นกลับนิ่งเฉย
“มีอะไรรึเปล่าครับ?”เมื่อเห็นท่าไม่ดีร่างเพรียวก็รีบเอ่ยถามอย่างสงสัย ชายรูปร่างสูงและกำยำห้าคนมองไปทั่วๆร้านราวกับกำลังหาใครบางคนอยู่
“หาใครเหรอครับ?”
“หาเพื่อนน่ะ ตรงนี้ว่างพอที่พวกฉันจะนั่งใช่มั้ย?”ชายชุดดำหนึ่งในห้าเอ่ยถาม
“ครับ รับอะไรดีครับ”
“ขอรอเพื่อนก่อนแล้วกันนะ”เขาปฏิเสธที่จะสั่งโดยให้เหตุผลว่าจะรอเพื่อน ซึ่งร่างเพรียวไม่มีสิทธิ์ขัดใจลูกค้าก็ได้แต่จำยอมไปตามระเบียบ
กริ๊ง~
“เรดแมงโก้ยินดีต้อนรับคร้าบบบ”
“อ่าว วันนี้แกทำงานด้วยเหรอเซน?”หนุ่มร่างล็กคิ้วขมวดเมื่อเดินเข้ามาแล้วเห็นเพื่อนสนิทยืนหน้าแป้นแล้นคอยแหกปากสวัสดีลูกค้า ทั้งที่วันนี้เป็นวันหยุดของเซนแท้ๆ
“พี่แป้งไม่ว่างน่ะวันนี้ ก็เลยขอให้ฉันมาทำแทนก่อนแล้วจะแบ่งค่าแรงให้นิดหน่อย”
“อ้อออ~ เออ ว่าจะแวะมากินไอติมสักหน่อย เห็นหน้าแกแล้วกินไม่ลง ฉันไม่ล่ะ ฮ่าๆๆ”ริทแหย่เพื่อนรักเสร็จก็รีบวิ่งออกจากร้านด้วยความเร็วที่ไวกว่าแสง เดินทางเร็วกว่าเสียง จนเซนไม่ทันได้ตบหัวสักป้าบแก้หมั้นไส้
“อีกห้านาทีร้านเราจะปิดแล้วนะคะ~~~!!”ผู้หญิงคนหนึ่งตะโกนเสียงแหลมดังลั่นร้านเรียกเอาลูกค้าที่กำลังเอ้อระเหยลอยชายกินไปฝอยไปอยู่ต้องรีบตักไอศกรีมในถ้วยเข้าปากอย่างรวดเร็ว ส่วนกลุ่มที่กินเสร็จแล้วแต่ยังอยากนั่งตากแอร์ก็เป็นอันต้องจรลีเรียกเก็บเงินแล้วบ๊ายบายออกจากร้านไปอย่างช่วยไม่ได้
[5 นาทีต่อมา]
“พี่ฮะ คือร้านเราจะปิดแล้ว รบกวนพี่ช่วยไปรอเพื่อนข้างนอกได้มั้ยครับ?”หลังจากทำตามสะอาดโต๊ะและเปลี่ยนจากชุดประจำร้านมาเป็นชุดลำลองเรียบร้อยแล้ว เซนที่เดินออกมาจากห้องด้านหลังยังคงเห็นชายชุดดำห้าคนนั่งอยู่ที่โต๊ะเดิมไม่ยอมลุกทั้งที่ตอนนี้ทั้งร้านไม่มีลูกค้าแม้แต่คนเดียว
“ได้สิ”เขายอมตกลงแล้วทั้งห้าก็ลุกขึ้นทำท่าจะเดินออกจากร้านตามคำขอ
“เซน เดี๋ยวเซนปิดร้านนะ พี่ต้องรีบไปดูเพื่อน มันหัวแตกน่ะ”หญิงสาวคนเดียวกับที่คอยตะโกนบอกเวลาการปิดร้านพูดไปพลางมือก็ควานหาของไปพลาง
“ครับ”
“พี่ไปล่ะ แล้วเจอกัน”กล่าวลาจบเธอก็หุนหันออกจากร้านไปอย่างรวดเร็ว เซนควานเอากุญแจจากลิ้นชักขึ้นมากำไว้ก่อนคว้าเอากระเป๋าเป้สีเทาขึ้นมาพาดบ่า
“น้อง… ช่วยอะไรพี่หน่อยสิ”ชายชุดดำที่เดินออกไปจากร้านแล้วกลับหวนคืนมาใหม่ เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนและแววตาลุกลี้ลุกลนจนร่างบางอดใจอ่อนไม่ได้
“ช่วยอะไรเหรอครับ?”
“ช่วยไปกับพวกฉันหน่อยน่ะสิ!”ประกาศเสียงกร้าวจบ ชายชุดดำอีกสี่ก็วิ่งพรวกพราดเข้ามาในร้านอย่างพร้อมเพรียง หนึ่งในนั้นรีบตระครุบเอวของเซนไว้เมื่อเห็นว่าร่างบางกำลังจะออกตัววิ่งหนี
“ไปไหน!? ผมไม่ไป!!!!”เขาดิ้นสุดแรงหวังให้รอดพ้นจากมือปลาหมึกที่เกาะเอวเขาอยู่ แต่ผู้ชายอีกสองคนกลับรีบเข้ามาช่วยเพื่อนด้วยการล็อคขาและแขนของเซนจนเจ้าตัวไม่สามารถจะขัดขืนได้อีกต่อไป
“ปล่อยนะเว้ย!!! ปล่อยเซ่!!!! บอกให้ปล่อยไงเล่า!!!!!!!” ร่างบางแหกปากลั่นร้านเผื่อว่าคนข้างนอกจะได้ยินเสียงเขา แต่ร้องไปก็เท่านั้น…
ผัวะ!
“จะร้องทำไมวะ!!” มือหนาปะทะลงบนใบหน้าซีกซ้ายของเซนอย่างแรง ส่วนชายชุดดำอีกสองคนจัดการเอาผ้ายัดปากของเซนจนเขาไม่สามารถร้องขอความช่วยเหลือได้ หนึ่งในนั้นใช้กุญแจมือที่พกติดตัวล็อคเข้าที่ข้อมือขาวทั้งสองข้างโดยให้อยู่ในท่าไขว้หลัง
“กูลืมว่ามียาสลบว่ะ”
“ไอ้ปรวก! มึงไม่คิดได้ชาติหน้าเลยล่ะ”
“พวกมึงเลือกเถียงกันได้แล้ว เอายาสลบมานี่!
“อื้อๆๆ!!!”ขณะที่ชายชุดยังเถียงกันไม่เลิกรา เซนพยายามดิ้นอีกครั้งแม้จะรู้ว่ามันไม่มีประโยชน์ แต่ก็ยังดีกว่าอยู่เฉยๆให้ตัวเองถูกจับไปอย่างง่ายๆแบบนี้
“หยุดดิ้นสักที!!!”
ตุบ!
ร่างหนาตะคอกเสียงดังตามด้วยความจุกที่เกิดจากหมัดหนักๆของชายชุดดำกระแทกลงเต็มแรงที่บริเวณหน้าท้องแบนราบจนร่างบางจำต้องงอตัวด้วยความเจ็บ
“โปะยาสลบมัน ฤทธิ์เยอะจริง”เขาสั่งเพื่อนเสียงแข็ง ชายที่มีผ้าเช็ดหน้าสีขาวที่ถูกโปรยด้วยยาสลบอยู่ในมือนั่นค่อยๆประกบผ้าลงไปกับจมูกของเซนก่อนกดไว้แน่น
“อื้ออ!! อื้อ ….อือ..อ…”เสียงอื้ออึงในลำคอขาดหายไปเนื่องจากเขาสูดเอาผงยาสลบเข้าไปเต็มๆ ร่างบางอ่อนปวกเปียกอย่างไร้เรี่ยวแรง ร่างสูงทั้งห้าไม่รอช้ารีบอุ้มร่างบางนั่นขึ้นขึ้นมาก่อนพร้อมใจกันวิ่งออกจากร้านไป ทิ้งไว้เพียงกุญแจและกระเป๋าเป้ของเซนที่ตกเกลื่อนกราดอยู่บนพื้นของร้านเพียงเท่านั้น
ปัง!
“ทำงานได้ดีนี่ .. เอาหมอนั่นมานี่”ลูกน้องทั้งห้ารีบวิ่งเข้าซอยเปลี่ยวๆที่ใช้เป็นที่จอดรถด้วยความเร็ว เมื่อมาถึงพวกเขาก็วางร่างของเซนลงบนเบาะหน้าข้างคนขับ แต่เก่งกลับต้องการให้เอาร่างบางมานั่งกับเขาที่เบาะหลัง
เสร็จงาน ชายชุดดำสามคนก็เดินไปขึ้นรถอีกคันปล่อยให้เพื่อนสองคนนั่งอยู่คันเดียวกับหัวหน้าของพวกเขา
“เซน…”เขาครางชื่อคนไร้สติแผ่วเบา ศีรษะของเซนซบลงกับอกกว้างของเก่ง หัวหน้ามาเฟียใช้มือลูบไล้โครงหน้าเรียวไปมา แววตาสีสวยปรากฏประกายเจ้าเล่ห์และร้อนแรงในคราเดียวกัน
“ดีใจด้วยนะ นายได้รับสิทธิพิเศษ….เพราะนายจะกลายมาเป็น ‘ของเล่น’ และ ‘คนใช้’ ของฉันในเวลาเดียวกัน!”
To Be Continue …… Chapter 6
ความคิดเห็น