ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Got7] Available @MarkBam #นบพกด is back!

    ลำดับตอนที่ #12 : 〖10〗✧ 折り紙。

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.66K
      13
      24 ธ.ค. 57













     
     
    내 두 눈이 널 본 딱 그 순간
    상상을 해 내 옆에 있는 널.
    วินาทีแรกที่ผมได้สบตากับคุณ
    ผมก็มโนไปแล้วว่าได้คุณมาเป็นของผม
     

     
     
    Mark's Part
     
     
     
    หลังจากที่ผมส่งน้องเข้าโรงเรียนปุ๊บ ผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดเข้าไลน์ทันที
     
     
     
    หล่อหมาตายควายตะลึง (14)
     
     
     
    M : ใครพับกระดาษเป็นบ้าง
     
     
     
    แหมะ นึกว่าหน้าอย่างผมจะพับคิตตี้เป็นหรอครับ บอกว่าผมทำกับข้าวอร่อยจะยังน่าเชื่อซะกว่า ที่น้องพูดอะถูกละ ผมพับไม่เป็นหรอก จะมาตายห่าเอาดาบหน้าเนี่ยแหละ มีเพื่อนไว้ทำไมละครับ กลุ่มเรามีตั้ง 14 คน แม่งต้องมีสักคนแหละที่มีความคิตตี้อยู่ในตัว
     
     
     
    มั้ง
     
     
     
    Read by 1
     
     
     
    หล่อสุดในอำเภอ : หมายถึงยังไงอะพับกระดาษของมึง?
     
     
     
    มาละครับเหยื่อรายแรก
     
     
     
    M : มึงเคยเห็นในเอ็มวีปะ ที่นางเอกเขาพับนกพับดาวให้พระเอกอะ ประมาณนั้น
     
     
     
    Read by 3
     
     
     
    หล่อสุดในตำบล : ห้ะ ไม่เจอกันแค่วันเดียวมึงเปลี่ยนเป็นเคะไปแล้วหรอ???
     
    หล่อสุดในตำบล : มาร์ค มึงทำชะนีเก้งกวางในคณะใจสลายหมดแล้วนะรู้มั้ย
     
    หล่อสุดในตำบล : เรื่องนี้ต้องขึ้นบอร์ดใต้ตึก!!
     
     
     
    M : kuy
     
    M : พ่อมึงเป็นตลกหรอ ขำมากมั้ยไอ้สัส ขำมากมึงก็ไปขำกับพ่อมึงนู้น
     
     
     
    Read by 2
     
     
     
    หล่อสุดในตำบล : ก็มึงยกตัวอย่างแบบนั้นกูก็คิดปะวะ...
     
     
     
    M : กูแค่ยกตัวอย่างกูไม่ได้เป็นคนทำ
     
    M : เอ่อ ไม่สิ หมายถึงน้องเขาทำให้กูอยู่ แต่กูอยากทำได้บ้าง
     
     
     
    Read by 5
     
     
     
    หล่อสุดในภาคกลาง : ห้ะ!!!!! น้องไหน!!! น้องไหน!!!!!!!!
     
    หล่อสุดในภาคกลาง : มึงเจอคนที่ใช่แล้วหรอ หน้าตาเป็นไง ชื่อไร เรียนที่ไหน กูเคยเจอมั้ย คนใกล้ตัวเปล่า
     
     
     
    ผมกดพิมพ์ไปทันทีว่า 'น้องชื่อแบมอย่างอื่นมึงไม่จำเป็นต้องรู้' แต่ในขณะที่กำลังจะกดส่งนั้น....ก็นึกขึ้นได้ว่า...
     
     
     
    ไอ้เชี่ยแจ็คสันแม่งก็อยู่ในกลุ่มด้วย
     
     
     
    ผมเลยลบข้อความอย่างไวแล้วเปลี่ยนรูปประโยคใหม่ เกือบไปแล้วกู เกือบโดนเสริมส้นฟาดกบาลแล้ว
     
     
     
    M : มึงไม่ต้องเสือกอะ
     
    M : สรุปพับเป็นมั้ย กระดาษเนี่ย
     
     
     
    Read by 4
     
     
     
    หล่อสุดในอำเภอ : ไม่เป็นอะ
     
     
     
    หล่อสุดในประเทศ : โนจ้ามาร์คคึ อินเตอร์เน็ตมีก็เปิดสิจ้ะ
     
     
     
    แหม ถ้าเปิดเน็ตละมีอันที่กูดูรู้เรื่องก็คงไม่มาถามพวกมึงหรอกมั้ง
     
     
     
    หล่อสุดในจังหวัด : ไม่อะ โทษนะเพื่อน
     
     
     
    เออ ถ้าถามว่าทำไมชื่อไลน์พวกมันทำไมหรรษาขนาดนั้น ตอบเลยแม่งเอาไปดิทชื่อกันเอง ละผมก็ขี้เกียจกลับไปดิทเป็นชื่อเดิมด้วย เลยปล่อยเลยตามเลยละกัน
     
     
     
    มองชื่อมันแล้วก็ตลกดี เวลามองชื่อไลน์พวกแม่งตอนเครียดๆนะ หายเครียดเลย
     
     
     
    M : ไร้ประโยชน์
     
    M : ไอ้พวกขยะเปียก
     
     
     
    ด่าพวกมันไปป๊าบนึง ละนี่ผมจะเอาไงกับชีวิตดีวะครับ เล่นไปบอกน้องซะอย่างงั้น หรือผมต้องไปหาคู่มือพับในห้องสมุด? โห ซีเรียสกว่าทำโปรเจคส่งอาจารย์อีก
     
     
     
    M : มีใครพับเป็นอีกมั้ย
     
     
     
    Read by 7
     
     
     
    แสดงว่านี่เริ่มตื่นกันแล้วสินะ อ่านซะเยอะเชียว...
     
     
     
    หล่อสุดในเขตบางขวาง : กูพอพับได้นะ
     
     
     
    M : จริงดิ
     
    M : อ่าวว่าไงขยะรีไซเคิล
     
     
     
    หล่อสุดในเขตบางขวาง : แต่กูอยู่ฮ่องกงว่ะตอนนี้ โทษนะมึง
     
     
     
    M : สัส
     
    M : งั้นมึงก็ขยะเปียก
     
     
     
    Read by 5
     
     
     
    JS : มึงจะพับเชี่ยไรอะมาร์ค
     
     
     
    .....แจ็คสัน
     
     
     
    พับกระดาษให้น้องมึงไงครับแหม อยากตอบไปแบบนี้แต่เกรงว่ามันจะเอากระดาษผมไปเป็นเชื้อเพลิงในการเผาห้องของผมแทน
     
     
     
    M : แต่มึงพับไม่เป็นหนิ ไม่ต้องรู้หรอก
     
     
     
    Read by 4
     
     
     
    JS : เปล่าๆ เพื่อนกูพับได้อะ
     
    JS : เพื่อนที่คณะ
     
    JS : จะได้ให้มันช่วยมึง นี่ว่างอยู่
     
     
     
    ...........จุดมากมายแทนความรู้สึกและเป็นจุดจบของมาร์คต้วนด้วย...เห้ยคือ เอาไงดีวะ ควรจะพึ่งมันดีมั้ยหรือยังไง แต่มันก็เสี่ยงนะ ถ้ามันมาเค้นผมให้บอกว่าพับให้ใครนี่ก็แย่เลยนะครับ
     
     
     
    แต่ถ้าไม่มีคิตตี้ไปให้น้องอาจจะแย่กว่า...เพื่อนคนอื่นแม่งก็ดูไม่ค่อยสนใจทางด้านนี้กันสักเท่าไหร่
     
     
     
    แถมคนสอนผมพับก็ไม่ใช่มันสักหน่อยปะวะ...มันคงไม่ไรขนาดนั้น?
     
     
     
    เอาไงดีวะ....
     
     
     
    นี่ต้องเสียงทายจับไม้สั้นไม้ยาวมั้ยหรือยังไงพระเจ้าจ๊อซ
     
     
     
    คิดไปคิดมาสักพักผมก็พิมพ์ตอบมันกลับไป
     
     
     
    M : เอางั้นก็ได้ ละนี่มึงอยู่ไหนอะ
     
     
     
    Read by 2
     
     
     
    JS : อยู่ใต้ตึกมนุษยศาสตร์
     
     
     
    M : เคๆ นี่กูกำลังเข้าม.ละ เดี๋ยวเดินไปจอย
     
     
     
    ยึดหลักที่ว่า ที่ที่อันตรายที่สุด คือที่ที่ปลอดภัยที่สุดละกันนะครับ...
     
     
     
    ---------20%--------
     
     
     
    ผมเดินเข้ามาใต้ตึกคณะมันโดยผ่านสายตาคนนับล้านที่จ้องมองมาด้วยหลากหลายอารมณ์ บางคนมองเหมือนจะจับผมแดก บางคนก็มองแบบสงสัยว่าเข้ามาทำอะไร บางคนก็มองหน้าหาเรื่อง เข้าใจครับว่าหล่อ ไม่ต้องมองกันขนาดนั้น ผมเข้าใจดีๆ (หลบเสริมส้นทุกอันที่เขวี้ยงมา)
     
     
     
    ผมเขย่งเท้ามองซ้ายมองขวาเพื่อหาแจ็คสัน นี่ไม่ได้เตี้ยนะแต่คนมันเยอะ เราเลยต้องการมองในมุมสูงไงเพื่อจะได้หาได้ง่ายๆ you know?
     
     
     
    ผมเขย่งเท้าไปมาจนตะคริวแทบจะกินไปทั้งซีก ก็เจอแจ็คสันนั่งตัวสั้นอยู่ริมซ้ายของตึก ผมไม่รอช้ารีบวิ่งถลาไปหามันทันที แหนะ ไม่ได้วิ่งไปหาด้วยความรักแล้วเข้าไปปิดตาถามว่า 'ทายซิใครเอ่ย' หรอกครับ ถ้าผมทำแบบนั้นโลกอาจจะหมุนเป็นรูปปิกาจูรอบพระอาทิตย์อะ
     
     
     
    "ไอ้เชี่ยจะ...." ผมวิ่งตั้งใจจะไปตีหลังมันสักป้าบ แต่คนที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ตรงข้ามกับมันทำให้ผมชะงักไปซะก่อน
     
     
     
    แจบอม?
     
     
     
    ผมไม่ค่อยถูกชะตากับมันเท่าไหร่ตั้งแต่ที่มันปากหมาใส่ผมในห้องน้องแบมละ ตอนนั้นอยากเข้าไปต่อยสักป้าบแล้วพูดว่า 'ก็กูมีปัญญาเลี้ยงอะทำไม ว่าแต่มึงเหอะเลี้ยงตัวเองให้รอด' แต่ไม่ ผมจะไม่ทำครับ รักษาภาพพจน์ก่อน เดี๋ยวน้องแบมจะหาว่าผมเป็นคนไม่ดี ตอนนั้นในใจนี่นับลูกแกะเป็นพันตัวละครับกว่าจะหายโมโห
     
     
     
    ผมปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วเดินไปแตะหลังแจ็คสันโดยพยายามไม่มองหน้าไอ้เชี่ยแจบอม เพราะถ้ามองละเดี๋ยวของขึ้น
     
     
     
    "แจ็คสัน..." ผมสะกิดมันทำให้ไอ้เตี้ย (ความจริงก็ผมไม่ได้สูงกว่ามันสักเท่าไหร่) ที่กำลังแชทไลน์อย่างสนุกสนานเงยหน้าขึ้นมามอง
     
     
     
    "อ้าวว่าไงคุณมึงมาร์คต้วน นั่งก่อนๆ" เพื่อไรวะชื่อที่มันใช้เรียกผมอะ บันเทิงมากมั้ยอะ ตลกมากหรอ
     
     
     
    พอแจ็คสันพูดชื่อผมก็ทำให้แจบอมที่กำลังก้มหน้าเล่นโทรศัพท์เงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม คราวนี้สายตาก็สปาร์คกันเลยสิครับ ผมกับมันจ้องตากันสักพัก เอ่อะ ไม่ใช่เพราะความรักนะอย่าเพิ่งเข้าใจผิด
     
     
     
    ผมกับมันเขม่นกันได้พักนึง จนผมพอใจแล้วจึงหันไปพูดกับแจ็คสันต่อ
     
     
     
    "ไหนเพื่อนมึงคนที่ว่าอะ เร็วๆหน่อยได้มั้ย กูมีเวลาไม่มาก" เกร็งหน้าขรึมจนหน้าจะเป็นตะคริวละครับ วางมาดไว้ต้วนวางมาดไว้ แจบอมมันจะได้เกรงขาม ไม่กล้ามายุ่งกับน้องแบม
     
     
     
    "อ้าวก็..." แจ็คสันอ้ำๆอึ้งๆ ทำให้ผมพูดแทรกมันขึ้นมาทันที
     
     
     
    "คนไหนละวะ ก็บอกละไงว่ากูยุ่ง"
     
     
     
    เหล่ไปมองหน้าแจบอม
     
     
     
    "อีกอย่างกูไม่อยากอยู่แถวนี้นาน"
     
     
     
    ทำตัวเป็นเด็กอนุบาลสองห้องสีฟ้าไปอีก
     
     
     
    "เอ้อ พวกมึงมีปัญหาไรกันปะวะ?" สงสัยแจ็คสันมันเห็นผมกับแจบอมเขม่นกันมั้ง เลยมองหน้าผมกับไอ้เชี่ยจอบนั่นสลับไปสลับมาด้วยความสงสัย คืออย่าเพิ่งสงสัยอะไรเลยนะ เดี๋ยวถ้ามึงรู้ว่ากูจะพับอะไรได้สงสัยกว่านี้อีก
     
     
     
    "เปล่า" แจบอมตอบยิ้มๆแล้วเล่นหูเล่นตาใส่ผม ท่าทางอ้อนมืออ้อนตีนสุดๆ ไป๊ ไป๊ๆๆๆ .หยิบเชวไดร์ฟขึ้นมาฉีด
     
     
     
    "เออก็ดีละ..." แจ็คสันถอนหายใจนิดหน่อยก่อนจะพูดต่อ "คืองี้นะมาร์ค..."
     
     
     
    "..."
     
     
     
    "..."
     
     
     
    "คนที่จะสอนมึงพับกระดาษห่าไรนั่นน่ะ คือเจบีเองแหละ"
     
     
     
    ✁---✁---✁---✁---✁
     
     
     
    "ห้ะ?" ผมทำหน้างงใส่แจ็คสัน เจบี? เจบี?
     
     
     
    เจบีกับแจบอมนี่คนเดียวกันปะ?
     
     
     
    .....
     
     
     
    แต่เดี๋ยวนะ ตอนนั้นที่ห้องน้องแบมบอกผมว่าไอ้เชี่ยนี่ชื่อเจบีหรือแจบอมนะ?
     
     
     
    เพราะหลังจากวันนั้นผมไปถามแจ็คสันมันบอกว่าเชี่ยนี่ชื่อ 'อิม แจบอม' ผมเลยเรียกแจบอมๆ-_-
     
     
     
    แต่แล้ว เสียงน้องแบมในวันนั้นลอยขึ้นมาในหัว
     
     
     
    'นี่พี่มาร์คครับพี่บี อยู่ปี 1 อายุ 19 เขาอยู่ห้องตรงข้ามแบมนี่เอง เป็นเพื่อนพี่แจ็คสัน'
     
     
     
    พี่บี?
     
     
     
    เจบี? แจบอม? พี่บี?
     
     
     
    ....คนเดียวกัน
     
     
     
    ....ปะวะ
     
     
     
    "ใครคือเจบี?" ผมรู้ว่าเป็นคำถามที่โง่เง่าที่สุดในชีวิต แต่บางทีก็คิดว่าอาจจะแค่บังเอิญก็ได้นะ แบบไม่ใช่คนเดียวกันอะ แค่ชื่อคล้ายกันเฉยๆไง
     
     
     
    ขอเถอะ
     
     
     
    "กูไงเจบี"
     
     
     
    แต่เหมือนปาฏิหารย์จะไม่มีจริง
     
     
     
    ในเมื่อแจบอมที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามยกมือพร้อมยิ้มแฉ่งให้ผม ฆ่ากูง่ายกว่ามั้ยอะหรือยังไงถ้าให้ไอ้นี่เป็นอาจารย์
     
     
     
    แต่บางที...นี่อาจเป็นบททดสอบระหว่างผมกับน้องแบม (กริ้วๆๆๆ)
     
     
     
    "แต่หน้ามึงดูไม่เต็มใจเลยอะมาร์ค ถ้าไม่อยากให้กูช่วยก็..." แจบอมทำหน้าสลดแล้วทำท่าเหมือนจะลุกขึ้น ทำให้ผมรีบดันตัวมันดันลงกับเก้าอี้ตามเดิม
     
     
     
    "ไม่ดิ...เอ่อหมายถึง..."
     
     
     
    "อะไร ไม่ต้องมายื้อกูหรอกนะ กูว่ามึงต้องไม่ชอบขี้หน้ากูแน่ๆ ตอนนี้มึงกำลังลำบากใจใช่ปะ งั้นไม่ต้องให้กูช่วยหรอก ไปเปิดเน็ตเอาอะ..."
     
     
     
    "สัส ไม่ต้องมาประชดเป็นตุ๊ดนะ มึงนั่งลงเดี๋ยวนี้ มึงจะสอนไม่สอนครับสัส เร็วๆกูรีบ" ผมปาทิฐิทุกอย่างและพูดใส่หน้ามัน ไม่รู้น้ำลายจะกระเด็นโดนหน้ามันบ้างรึเปล่าก็ไม่แน่ใจ แต่ตอนนี้ผมต้องได้พับคิตตี้ครับ คิตตี้และคิตตี้และน้องแบมเท่านั้น
     
     
     
    น้องแบมจะเห็นความพยายามของผมมั้ยนะ (ช่วยถือโทรศัพท์อัดลงสแนปและตั้งมายสตอรี่ให้หน่อยครับ)
     
     
     
    "ก็มึงดูละ..." แจบอมทำท่าจะพูดอีกผมเลยโยนกระดาษลงบนโต๊ะดังปั่กและพูดดักคอมัน
     
     
     
    "หุบปากไปเหอะไอ้เวร"
     
     
     
    ¯`°.•°•.★* *★ ´¯`°.•°•.★* *★ .•°•.°´
     
     
     
    "มึงจะให้กูสอนพับไรอ่อ" แจบอมถามผมทั้งๆที่ตากับมือกำลังสนใจอยู่กับกองกระดาษ โดยมีแจ็คสันนั่งอยู่ข้างๆ...
     
     
     
    กลัวจริงๆนะ เสริมส้นเนี่ย
     
     
     
    "กู....กู...จะให้สอน...."
     
     
     
    "?"
     
     
     
    "พับคิตตี้อะ..." ผมพูดเสียงเบาจนแทบจะเป็นกระซิบ ไม่ได้อายนะเว้ยแต่มันเขินอะ พูดดังเดี๋ยวเขาคิดว่าผมเป็นตุ๊ดทำไง
     
     
     
    "ห้ะ!?" แจ็คสันกับแจบอมร้องห้ะออกมาพร้อมกันจนนักศึกษาแถวนั้นหันมามองกันใหญ่ จะตกใจไรวะตกใจไร๊T_T
     
     
     
    "ทำไมถึงคิดจะทำเชี่ยไรแบบนี้วะ?" แจบอมสวนขึ้นมาทันทีที่ผมพูดจบ เห้ยใจเย็นดิวะ ขอคิดคำโกหกแปป
     
     
     
    "ก็แบบ...กูชอบๆปลื้มๆน้องคนนึงอะ ละเขาก็ชอบพับกระดาษเล่น กูเลยอยากตีสนิทเขาไง แบบใกล้ชิดอะ ก็ต้องทำสิ่งที่เขาสนใจใช่ปะละ...เออนั่นละ"
     
     
     
    "เห้ยๆ เข้าท่าว่ะ แผนการมึงครุ้งคริ้งดี" แหมไอ้สัสแหม ถ้ารู้ว่าคนที่กูพูดคือน้องมึงมึงจะไม่พูดแบบนี้ครับไอ้สัส
     
     
     
    "ละทำไมต้องพับคิตตี้อะ" เห้ยแจบอม สงสัยไรนักหนาวะ เปิดกูลเกิ้ลมั้ยหรือไง
     
     
     
    "ก็น้องเขาชอบคิตตี้อะ" ผมถอนหายใจนิดหน่อยก่อนตอบ เลิกถามมากได้มั้ยก่อนผมจะหลุดความจริงเนี่ย ตอนนี้เหงื่อแตกละนะอยากบอก
     
     
     
    "อืมๆ กูพอพับได้อยู่ ไม่ยากไรหรอกก็คล้ายๆแมวแหละ" แจบอมพยักหน้าสองสามทีก่อนจะกวักมือเรียกผม
     
     
     
    "มึงมานั่งใกล้ๆกูดิ"
     
     
     
    +40%
     
     
     
    ---------60%--------
     
     
     
     "มึงๆ ชิดอีกๆ"
     
     
     
    "งี้อ่อ"
     
     
     
    "ไม่ๆ สัส หยุดๆๆ! ผิดข้างละ"
     
     
     
    "เหี้ยไรเนี่ย กูทำกระดาษพังไปทั้งไร่ต้นดับเบิ้ลเอละมั้ง" ผมเบนหน้าไปทางกองกระดาษยับๆยี่ๆบนโต๊ะซึ่งเป็นฝีมือของผมเองละ
     
     
     
    "มึงมันไร้น้ำยาไง"
     
     
     
    "ค-ย" ผมพูดแบบไม่มีเสียงใส่หน้ามัน ต่อยกันตรงนี้เลยได้มั้ย
     
     
     
    "บางทีนี่อาจยากไปสำหรับมึงนะ พับนกมั้ย ไม่ก็หัวใจดาวงี้..." แจบอมเสนอทางเลือกใหม่ให้ผม แต่เก็บความคิดนั้นไปซะเถอะครับ ต้องคิตตี้เท่านั้นดิ (ร้องกรี๊ดในใจ)
     
     
     
    "มึงคือ...มันพูดยากอะ น้องเขาชอบคิตตี้ปะ กูก็ต้องพับคิตตี้ดิ ดาวเหี้ยไร เสล่อ" ผมกลอกตาขึ้นฟ้าอย่างเหนื่อยหน่าย ความจริงตัวกูเนี่ยแหละที่เสล่อจะทำไรเกินตัว ประโยคเมื่อสักครู่ก็เหมือนจะว่าตัวเองอยู่กรายๆ-_-
     
     
     
    "อืม....คิตตี้เหรอ.....ซานริโอเหรอ..." แจบอมทำเหมือนครุ่นคิดอยู่คนเดียว รู้สึกขนลุกเบาๆทั้งๆที่อากาศนี่ก็ร้อนจนไส้ในแทบจะออกมาเต้นระบำฮาวาย 
     
     
     
    ปล. ผมเกลียดคำว่าเหรอของมันจริงๆ
     
     
     
     
    "แจ็คๆ ไปซื้อน้ำที่คณะอักษรให้หน่อย" อยู่ๆแจบอมก็สะกิดแจ็คสันที่นั่งจิ้มๆไลน์อยู่ข้างๆ ปกติมันไม่ใช่คนติดโทรศัพท์อะไรมากมายนะ แต่เดี๋ยวนี้เจอทีไรมันนั่งจิ้มๆทั้งวัน กดจนจะพิมพ์เร็วกว่าผมแล้วมั้ง
     
     
     
    "มึง.....กูขอปรึกษาไรหน่อย" แจ็คสันเงยหน้าขึ้นมาจากหน้าจอโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ซึ่งผมคิดว่าเมื่อสักครู่มันคงไม่ได้ฟังที่แจบอมพูดแน่ๆอะ
     
     
     
    "ไรวะ" ผมตบไหล่มันเบาๆเป็นเชิงว่าไม่ต้องเครียดนะ มีผม (คอยซ้ำเติม) อยู่ตรงนี้เสมอ
     
     
     
    "น้องรูมเมทกูอะ...กูกลัวน้องเขาโกรธ.." มันพูดไปทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ไป แล้วหันหน้าจอโทรศัพท์มาให้ผมกับแจบอมดู ก็พบว่าเป็นแชทไลน์ของมันที่คุยกับ...
     
     
     
    เอ่อ ไม่รู้ผมอ่านถูกรึเปล่านะ
     
     
     
    'น้องยองแจกริ้บกริ้วหนุ่มน้อยคนน่ารักของพี่จสกรี๊ดกร๊าด'
     
     
     
    หรอ?...
     
     
     
    "เดี๋ยวๆ น้องเขาตั้งชื่อไลน์ยาวขนาดนี้เลยหรอวะ"
     
     
     
    "เปล่า กูดิทชื่อใหม่เองแหละ"
     
     
     
    ก็ว่าอยู่
     
     
     
    "แต่มันไม่ใช่ประเด็นปะวะมาร์ค กูให้มึงสองคนเบิ่งดูแชท" มันยื่นโทรศัพท์มาตรงหน้าผมกับแจบอมอีกรอบ ทำให้ผมเห็นความน่าสงสารของมันอย่างชัดเจน
     
     
     
    ข้อความนับสิบที่มันส่งไปหาน้องเขา ถูกบั่นทอนจิตใจด้วยคำว่า Read ทั้งแถบ
     
     
     
    "มีเรื่องไรกันอีกละ" แจบอมทำหน้าเหนื่อยหน่ายเต็มทน แสดงว่าแจ็คสันมันคงจะมีปัญหาแบบนี้บ่อยๆแน่ๆเลย
     
     
     
    "เมื่อวานกูช่วยน้องเขาถือของเข้าห้องละตอนที่จะเอามือไปรับถุงใส่ของจากมือน้องเขาอะ กูแกล้งจับข้อมือไง..."
     
     
     
    "...."
     
     
     
    "เสร็จ...น้องเขาก็ไม่ได้ว่าไรหรอก ตอนนั้นกูโครตแฮปปี้เลย"
     
     
     
    "..."
     
     
     
    "แต่พอถึงห้องเท่านั้นแหละ น้องเขาก็ไม่คุยกับกูเลยอะ ไม่รู้ว่ากูคิดไปเองหรือว่าน้องเขาไม่คุยกับกูเป็นปกติอยู่แล้ว"
     
     
     
    "หรือว่าเรื่องไอ้จับมือนี่มันเร็วไปอ่อวะ..กูเลยคิดๆเรื่องนี้อยู่" แจ็คสันเอาหัวโขกกับพื้นโต๊ะดังปัง! อยากถามว่าเจ็บมั้ย (พื้นโต๊ะน่ะ)
     
     
     
    "นี่มึงรู้จักกับน้องเขามากี่วันละนะ" คราวนี้เป็นไอ้แจบอมที่ถามบ้าง คือพอมันพูดเรื่องสกินชิพจับไม้จับมือกันผมก็ย้อนคิดถึงเรื่องผมกับน้องแบมนะ ตอนนั้นจำได้ว่ารู้จักกันวันแรกกูก็จับข้อมือน้องเขาให้ลุกจากพื้นละนะ ผ่านไปไม่ถึงอาทิตย์ก็จับมือเดินกันไปโรงเรียน.......
     
     
     
    ทำไมผมไม่เห็นต้องคิดมากแบบไอ้แจ็คเลยวะ..
     
     
     
    "รู้จักกันมา 2 เดือนกว่าละตั้งแต่ตอนยังไม่เปิดเทอมเลย เรียนพิเศษที่เดียวกันไง แต่เพิ่งมาอยู่ด้วยตอนเปิดเทอมนี่เอง อาทิตย์กว่าๆถึงปะวะ?" รวมๆแล้วก็สามเดือนละปะนั่น... (ย้อนนึกถึงตัวเอง)
     
     
     
    "ไม่เร็วไปหรอกนั่น สามเดือนนี่นานนะ อย่าคิดมากเลยมึง ผู้ชายจับมือกันแม่งไม่แปลกละเดี๋ยวนี้อะ เดินจับมือกับตะพาบสิถึงแปลก" แจบอมพูดอีกก็ถูกอีก
     
     
     
    "กูรู้สึกเหมือนพรากลูกหมาปอมออกจากอ้อมอกแม่เลยอะมึง..."
     
     
     
    "ตลกละไอ้สัส นี่มึงจับมือเขาหรือข่มขืนเขากันแน่" ผมรีบดักคอมันทันที สาด (เปียกเลยดิ) ยิ่งพูดนี่ยิ่งรู้สึกไอ้เชี่ยแจ็คยิ่งเป็นคนดี ส่วนผมก็เหมือนเป็นมารสังคมอะไรแบบนั้น
     
     
     
    "คือกูว่านะ สามเดือนมันก็นานละอะ ถ้ามึงเพิ่งรู้จักเขาไม่ถึงอาทิตย์ละไปจับมือ นั่นอะน่าคิดมากกว่า" ผมพยายามพูดให้กำลังใจมัน แต่เหมือนยิ่งพูดยิ่งเข้าตัวเองอย่างบอกไม่ถูก
     
     
     
    "เออใช่ นี่มึงให้เกียรติเขาละนะกูว่า อย่างที่มาร์คบอกอะ คือถ้าเพิ่งรู้จักละไปจับนู้นนี่เขางี้ เออระยำกว่าเยอะเลย พวกไม่รักษาระยะห่าง เอาแต่ได้ ไม่ให้เกียรติคนอื่น แถมยัง..."
     
     
     
    "แจบอมใจเย็นนะเว้ย" ผมยกมือเป็นปางห้ามญาติทันที หยุดครับ หยุดทับถมผมสักที นี่ใกล้จะจมดินเป็นแครอทที่เพิ่งงอกออกมาดูพื้นโลกละครับ
     
     
     
    "เพราะงั้นมึงไม่ต้องคิดมากหรอก น้องเขาอาจอารมณ์ไม่ดี ทะเลาะกับแม่ หมาที่บ้านตาย กระบองเพชรล้มไรงี้...เออละแจบอม มะกี้มึงจะให้แจ็คสันไปไหนนะ" ผมคิดว่าควรหยุดบทสนทนาหัวข้อที่ไม่ค่อยดีต่อตัวเองสักเท่าไหร่ เลยรีบเปลี่ยนเรื่อง...เมื่อกี้เหมือนตัวหดเล็กลงแบบขนาดเสริมส้นยังเอาไม่อยู่อะ
     
     
     
    "อ่อ...ไปซื้อน้ำที่คณะอักษรให้หน่อย"
     
     
     
    "ห้ะ? คณะเราก็มีร้านขายน้ำปะวะ ให้กูถ่อไปทำไมถึงนู้น ห่างกัน4ตึกเลยนะเว้ย" แจ็คสันโวยวายทันที เออผมก็ไม่เข้าใจมันเหมือนกันว่าจะให้แจ็คสันเดินไปซื้อน้ำคณะอื่นทำไม
     
     
     
    "เพื่อนกูบอกว่าน้องยองแจอยู่กับเพื่อนที่ใต้ตึกอักษร แต่ถ้ามึงไม่อยากจะ.."
     
     
     
    "กรี๊ด จริงหรอ!! ไปๆๆๆ กูจะไปเดี๋ยวนี้ละ ขอบใจมากนะเพื่อน" แจ็คสันสปริงตัวขึ้นอย่างแรงก่อนจะวิ่งมาขยี้หัวแจบอมและวิ่งออกไปจากคณะอย่างรวดเร็ว
     
     
     
    ความรักนี่นอกจากทำให้คนตาบอดแล้วยังทำให้คนเป็นตุ๊ดอีกหรอเนี่ย
     
     
     
    "ไล่แจ็คสันไปแล้ว คราวนี้มาถึงเรื่องที่กูค้างคาใจสักทีนะ" แจบอมหันมาพูดกับผมและยิ้มโชว์ฟันที่เรียงตัวสวยซึ่งเห็นเลยว่าไม่เคยผ่านการดัดฟันมาก่อนแน่ๆ
     
     
     
    "ไร..." ผมยิ้มแหะๆให้มัน รู้สึกตาขวากระตุกเล็กน้อย 
     
     
     
    "คิตตี้นี่...."
     
     
     
    "...."
     
     
     
    "มึงจะเอาไปพับกับน้องแบมช้ะ?"
     
     
     
    ¯`°.•°•.★* *★ ´¯`°.•°•.★* *★ .•°•.°´
     
     
     
    "หือ? กูไม่รู้ว่ามึงกำลังจะพูดเรื่องอะไรนะแจบอม..." ผมตีหน้ามึนใส่มัน ว่าแล้วไอ้เชี่ยนี่แม่งต้องรู้ ฟหดาววเนงงาดดย
     
     
     
    แต่จะแถต่อไปให้ถึงที่สุด
     
     
     
    "อย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่องนะ กูรู้เถอะ มองหน้ามึงก็รู้ละว่าคิดไรกับน้องแจ็คสัน"
     
     
     
    "กูคิดไร กูเปล่า" พยายามบังคับเสียงให้โหลดต่ำที่สุด จะไม่ให้เขาจับผิดได้ครับว่าพูดเสียงสูงแสดงว่าโกหก
     
     
     
    "ไม่ต้องมาพยายามโหลดเสียงต่ำไอ้ตีนหมา" ทำไมต้องรู้ทันด้วยวะ
     
     
     
    "เปล่าหนิ ก็กูไม่ได้คิดไรจริงๆ จะให้กูพูดไรละ" ทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนต่อไปครั
     
     
     
    "อ่อได้...กูแค่จะบอกมึงว่ากูก็ชอบแบมนะ ถ้ามึงไม่เอา..."
     
     
     
    "..."
     
     
     
    "กูขอ"
     
     
     
    "มึงพูดเหี้ยไรออกมา" ผมกระชากคอเสื้อแจบอมที่นั่งอยู่ข้างๆขึ้นมาทันที บวกกับโทนเสียงที่ผมใช้ ทำให้คนที่นั่งโต๊ะรอบๆข้างหันมามองกันเป็นแถบ
     
     
     
    "ก็มึงบอกไม่ได้คิดไรนี่" มันยังยักไหล่แบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว
     
     
     
    "..."
     
     
     
    "แต่กูคิดไง"
     
     
     
    "สัส!" ผมกำคอเสื้อมันแรงขึ้นแต่ก็ไม่ได้จะยกมือขึ้นมาต่อยมันเหมือนละครน้ำเน่าที่จะแย่งนางเอกนะ คือไม่ใช่ไรนี่คณะมันครับ ผมต่อยแม่งตรงนี้ได้โดนรุมระยำเละเป็นโจ๊กหมูสับใส่ไข่แดงแน่ๆ คือทำไรก็คิดถึงสภาพหน้าตัวเองในอนาคตนิดนึงอะเนอะ
     
     
     
    "ถ้ามึงไม่คิดไรก็ไม่เห็นจำเป็นต้องโมโหกูเลยมาร์ค"
     
     
     
    "กูคิด กูคิดมานานกว่ามึงด้วย" 
     
     
     
    "..."
     
     
     
    "กูไม่ให้มึงหรอกไอ้เวร"
     
     
     
    "...."
     
     
     
    "........."
     
     
     
    "ฮ่ะๆ อย่าทำหน้าจริงจังขนาดนั้นสิ" แจบอมดึงมือผมที่จับคอเสื้อมันออก (อย่าคิดถึงตอนที่มือผมกับมันสัมผัสกันเลยนะ ขนลุก)
     
     
     
    "...."
     
     
     
    "กูล้อเล่นนะ ที่พูดมะกี้อะ" มันกระตุกยิ้มใส่ผม ผมนี่ก็กระตุกตามเลยครับ ไม่ใช่ปากนะ ตีน
     
     
     
    "อะไรที่มึงพูดล้อเล่น"
     
     
     
    "เรื่องคิดไรกับแบม กูไม่ได้คิด กูแกล้งมึงเล่นเฉยๆ" .....สรุปกูนี่โง่เป็นควายเลยใช่มั้ยครับตอบ
     
     
     
    "แจบอมมึงรู้ปะ"
     
     
     
    "หื้ม?"
     
     
     
    "ศพที่แล้วก็พูดกับกูแบบนี้อะ"
     
     
     
    "แต่กูว่ามึงคงยังไม่ฆ่ากูตอนนี้หรอก เพราะมึงยังพับคิตตี้ไม่ได้" มันยิ้มแบบคนที่ถือไพร่(ไพ่) เหนือกว่า เกลียดหน้ามันจริงๆเลยว่ะ
     
     
     
    "แต่หลังมึงสอนพับเสร็จก็ไม่แน่"
     
     
     
    "อย่าเหี้ยมนักเลยหน่า"
     
     
     
    "ว่าแต่...ทำไมมึงไปอะไรกับน้องแบมได้วะ"
     
     
     
    "ทำไมต้องเสือกอะ" 
     
     
     
    "งั้นอีคิตตี้ห่าเหวไรนี่ก็ไม่ต้องพับนะ"
     
     
     
    "อย่าเรียกคิตตี้แบบนั้นได้ปะไอ้เลว" ด่าคิตตี้นี่เหมือนด่าลูกผมเลยครับนี่พูดเลย
     
     
     
    "งั้นบอกกูดิ"
     
     
     
    "ตั้งแต่วันที่น้องเขาใส่เอี้ยมลายสก๊อตสีน้ำเงินมั้ง"
     
     
     
    ✁---✁---✁---✁---✁
     
     
     
    เมื่อเช้ากว่าแจบอมจะสอนผมพับคิตตี้เสร็จก็เกือบจะกินหัวกันอีกหลายรอบ แม่งกวนส้นตีนอะ ประสาทแบบจะกินละโดเนทยาพาราสัก 29 แผงมาให้พี่หน่อยครับ ละพอตอนพับได้สำเร็จก็พบว่าคือมันก็ไม่ได้มีไรพิเศษหรอก ก็เหมือนพับหน้าแมวอะ ละก็วาดหน้าวาดตาให้เหมือนคิตตี้ รู้สึกว่ามันเป็นการต่อยอดมากกว่าอะครับ ครีเอทอะไรงี้ เอานู้นเติมนี่มาใส่เดี๋ยวก็เป็นคิตตี้เองอะ
     
     
     
    ซึ่งผมก็กลัวลืมครับ เลยให้มันพับอีกรอบละผมก็อัดคลิปกลับมาดูที่คณะ 
     
     
     
    กับการเรียน หนูทุ่มเทแบบนี้มั้ยลูก...
     
     
     
    ตอนนี้ผมกำลังเดินไปรับน้องแบมที่โรงเรียนครับ เกือบๆหนึ่งอาทิตย์มานี้มันกลายเป็นเหมือนกิจวัตรประจำวันไปแล้ว ผมเดินมาสักพัก จนอีกประมาณ 20 เมตรจะเข้าเขตรั้วโรงเรียน ก็หยิบโทรศัพท์เปิดกล้องหน้าเช็คสภาพหน้าตัวเองสักนิด หันซ้ายหันขวาหากล้องก็พบว่าตัวเองยังหน้าตาดีเหมือนตอนที่คลอด เลยจัดเซลฟี่ไปสักแชะก่อนจะเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าตัวเองตามเดิ
     
     
     
    ที่ทำนี่เพื่อไรวะ...
     
     
     
    ผมหยุดยืนอยู่หน้าประตูโรงเรียนน้อง ก่อนจะเขย่งตัวนิดหน่อยเพื่อสอดส่องสายตามองหาคนตัวเล็ก ซึ่งพอครูเวรหน้าประตูเห็นท่าทางของผม จึงเดินยิ้มหวานเข้ามาหาทันที
     
     
     
    "มารับน้องหรอคะ?" 
     
     
     
    "เปล่าครับ เป็นมากกว่าน้องอีก" ผมยิ้มให้ครูคนสวยทีนึงก่อนจะตอบ จะบอกว่าน้องก็ไม่ใช่ จะบอกว่าแฟนก็ไม่กล้า
     
     
     
    "เฮ้!... แบม!" เรียกชื่อน้องทันทีที่ผมเห็นน้องกำลังจะเดินมาทางนี้พร้อมกับ เอ่อ? ซึงฮุน? มั้งนะ...ชื่อเพื่อนน้องน่ะครับ ผมค่อนข้างจะถูกชะตากับเด็กนี่มากกว่ายูคยอมนิดหน่อย ย้ำว่านิดหน่อยเท่านั้นแหละ-_- เด็กนี่มันดีตรงเวลายืนหรือเดินข้างแบมจะมีระยะห่างพอสมควร และก็ค่อนข้างจะสุภาพ ไม่ทำหน้ากวนตีน แต่ก็ยังไม่ค่อยชอบอยู่ดี
     
     
     
    เพราะมันหล่อ...
     
     
     
    เอาเป็นว่าผมไม่ค่อยชอบเพื่อนน้องทุกคนที่หน้าตาดีอะนะ ถึงจะหน้าตาดีน้อยกว่าผมทั้งหมดเลยก็ตาม
     
     
     
    "พี่มาร์ค!" น้องวิ่งดุ๊กดิ๊กเข้ามาหาผม เด็กอะไรทำไมน่าเอ็นดู นี่น้องฟรุ้งฟริ้งเหมือนมายเมโลดี้ขึ้นทุกวันเลยนะผมว่าTAT
     
     
     
    "อย่าวิ่งดิ เดี๋ยวล้มหน้าคว่ำลงไปหรอก" ผมแกล้งบ่นน้องทันทีที่น้องวิ่งมาหยุดอยู่หน้าผม น้องจึงยกเท้าขึ้นมาเหมือนจะเตะผมแต่ก็แค่แกล้งหยอกเท่านั้นแหละ เท้าน้อยๆของน้องไม่ได้โดนขาผมเลยสักนิด
     
     
     
    น่ารัก.....
     
     
     
    น้องหันไปโบกมือบ๊ายบายซึงฮุนที่เดินไปอีกฝั่งของถนนเพื่อขึ้นรถ ซึ่งไอ้เด็กนั่นก็หันมาโบกมือให้ผมด้วย ผมเลยยกมือขึ้นบ๊ายบายกลับตามมารยาท
     
     
     
    "คิตตี้~" น้องแบมือมาทางผมทันทีหลังจากที่เราออกเดินตามฟุตบาทได้ไม่นาน ผมจึงแปะมือไปบนมือน้องแล้วหัวเราะ
     
     
     
    "แน่อยู่แล้ว วันนี้เคลียร์การบ้านแล้วใช่เปล่าครับ"
     
     
     
    "ใช่ละ วันนี้แบมนั่งทำการบ้านจนเสร็จที่โรงเรียน เพื่อจะไปเล่นห้องพี่มาร์คเลยนะ"
     
     
     
    "เก่งมาก เอ้อนี่กระเป๋าเราหนักเปล่า เดี๋ยวช่วยถือ" ผมดึงกระเป๋าบนไหล่น้องออกแล้วเอามาถือไว้เอง ผมรู้ว่ากระเป๋าน้องหนักมากเลยแหละ ไม่รู้แบกอะไรไปเรียนเยอะแยะ ส่วนกระเป๋าผมนี่นุ่นยังอาจหนักกว่าเลย
     
     
     
    "ได้ไงอะ งั้นพี่มาร์คก็ถือสองใบอะดิ"
     
     
     
    "ก็กระเป๋าแบมหนักหนิ เด็กๆแบกของหนักมากๆ ไหล่จะทรุดไม่รู้หรอ"
     
     
     
    "แล้วพี่ถือของแบมไหล่ไม่ทรุดหรอ"
     
     
     
    "พี่โตแล้ว"
     
     
     
    "ยังไงก็ไม่ยุติธรรมอยู่ดี แบมไม่ได้ถืออะไรเลยนะ นี่มันเหมือนเอาเปรียบพี่มาร์คชัดๆเลย"
     
     
     
    "อ่ะ งั้นเอาเป๋าพี่ไปถือ" ผมยื่นกระเป๋าตัวเองให้น้อง น้องเห็นแบบนั้นจึงยิ้มกว้างแล้วดึงกระเป๋าผมไปกอดทันที 
     
     
     
    ฟหัสงงกรววงงยเหๆๆๆหสงลว
     
     
     
    นัลล๊าคมากๆๆๆๆ
     
     
     
    ตอนเด็กๆนี่แม่ให้กินตุ๊กตาซานริโอแทนข้าวหรอครับ ทำไมน่ารักแบบนี้
     
     
     
    "กระเป๋าพี่ทำไมเบาขนาดนี้เนี่ย"
     
     
     
    "พี่โตแล้วนี่หน่า"
     
     
     
    "แบมอยากโตบ้าง อยากถือกระเป๋าเบาๆ"
     
     
     
    "เป็นเด็กไปอะดีแล้ว"
     
     
     
    "ครับผม"
     
     
     
    "แบมจะรีบวิ่งละนะพี่มาร์ค"
     
     
     
    "ทำไมละ"
     
     
     
    "แบมอยากพับคิตตี้อะ"
     
     
     
    "..."
     
     
     
    "พี่มาร์คก็รีบๆเดินนะ แบมอยากเล่นกับช็อคโกล่าด้วย~"
     
     
     
    .....คืนนี้ผมควรปล่อยน้องกลับไปนอนห้องตัวเองมั้ยครับเนี่ย
     
     
     
    (づ ̄ ³ ̄)づ~~♡
     
     
    ยังไม่ตายนะ5555555555555555555555555555555555555555
     
     
     
    #นบพกด
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×