ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Got7] Available @MarkBam #นบพกด is back!

    ลำดับตอนที่ #15 : 〖13〗✧ 折り紙。

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.62K
      11
      24 ธ.ค. 57














     
     
     
     
     
    I'll be beside you when you fall.
     
     
     
    Mark's Part
     
     
     
    "พี่มาร์ค ข้อนี้มัน..." น้องสะกิดผมให้หันมาดูการบ้านที่เจ้าตัวกำลังทำอยู่ ทำให้ผมละสายตาจากคอมพิวเตอร์ซึ่งบนหน้าจอก็เป็นเนื้อหารายงานของน้องที่ช่วยให้ผมเรียบเรียงอยู่นั่นแหละ
     
     
     
    อย่าแซะว่าว่างมากมั้ยมาช่วยแบมทำงาน งานการตัวเองไม่มีรึไง ว่างมากก็ไปโรงพยาบาลแล้วขอยาสลายมโนและความเพ้อเจ้อจากหมอมากินมั้ย? คือผมก็มีงานนะครับ แต่ช่วงนี้จะหนักไปทางงานกลุ่มมากกว่า โดยในกลุ่มจะมีประมาณ 4-5 คนครับ เราก็จะแบ่งงานกันไปว่าคนนี้ทำอะไร ต้องทำให้เสร็จภายในวันไหน และส่งให้คนอื่นทำเป็นทอดๆอะครับ และแน่นอนว่าในสัปดาห์นี้มันไม่ใช่หน้าที่ของผม ช่วงนี้ผมเลยลอยตัวและค่อนข้างเร่ร่อนไร้แก่นสาร (ถึงแม้จะมีควิซบ่อยๆก็ตาม) แต่ผมก็ไม่ได้ปล่อยเพื่อนให้จมกองงานอยู่คนเดียวหรอกครับ ก็คอยช่วยมันบ้างเป็นระยะๆนั่นแหละ แบบตรงไหนไม่ดีหรือต้องแก้ไขก็ช่วยบอกมัน ประมาณนี้
     
     
     
    ที่พูดมานี่ดูดีเนอะ...อารมณ์เหมือนประธานบริษัทที่คอยช่วยเหลือพนักงานในออฟฟิศ
     
     
     
    เอาละมาร์ค เอาละ ตื่นนะ
     
     
     
    "ครับ?" ผมเอี้ยวคอไปหาน้อง ซึ่งในตอนนี้เราสองคนกำลังนั่งหันหลังชนกันอยู่ น้องหันหน้าเข้าหาโซฟาเพื่อทำการบ้าน ส่วนผมก็นั่งหันหน้าเข้าโต๊ะห้องรับแขกเพราะกำลังพิมพ์งานในคอม สาเหตุที่ผมไม่หันไปทั้งตัวเพราะตอนนี้ตะคริวกินตั้งแต่ขาลามมาถึงราวนม นั่งนานไปหน่อยอะครับเลยชอบเป็นแบบนี้ ยังไม่ทันแก่เลยด้วยซ้ำนะเนี่ย อาการผิดปกติทางร่างกายและสมองก็เริ่มแสดงอาการออกมาซะแล้ว
     
     
     
    "อ๋า! ได้แล้วครับได้แล้ว ตอนแรกแบมมองไม่เห็นตัวแปรนี้ก็เลยจะถามว่าคิดยังไง แต่ตอนนี้แบมเห็นแล้วครับ~" น้องยื่นกระดาษมาทางผมก่อนจะจิ้มๆไปที่ข้อที่ตัวเองกำลังคิดอยู่ แต่ขอโทษนะครับผมมองแต่หน้าน้องไม่ได้มองกระดาษที่น้องส่งมาให้ดูเลยสักนิด ก่อนที่น้องจะดึงกลับไปอย่างรวดเร็วและก้มหน้าก้มตาเขียนคำตอบที่บอกผมเมื่อสักครู่
     
     
     
    หน้าตาน้องตอนตั้งใจทำการบ้านแ ม่งโครตน่ารักอะ ที่เขาบอกกันว่าคนเราเวลาตั้งใจทำอะไรจะดูดีขึ้นประมาณ 50% แต่ถ้าเป็นน้องแบมนี่ผมให้ 100% เต็มไปเลยครับ แต่ถ้าบวกลบคูณหารความน่ารักเดิมที่น้องมีอยู่แล้ว ความดูดีตอนตั้งใจทำงานนี่มันทะลุปรอทเลยอะครับ ไม่สามารถวัดจากเทอร์โมมิเตอร์ได้จริงๆ
     
     
     
    เห็นหน้าน้องแล้วนึกถึงประโยคมุขเสี่ยวในทวิตมุขนึงขึ้นมาได้
     
     
     
    'ไม่รู้ตอนเด็กๆจะเรียน A-Z ไปทำไม เพราะตอนโตไปใจมันจบที่ U'
     
     
     
    "พี่มาร์คตั้งใจทำงานนะครับ!" น้องหันมาหาผมอีกรอบแล้วทำท่าไฟท์ติ้งก่อนจะหันหลังกลับไปทำการบ้านตามเดิม แหม ทำเหมือนพี่กำลังปั่นการบ้านของพี่เองเลยเนอะ ทั้งๆที่รายงานนี่มันเป็นการบ้านของเด็กดื้อชอบหมกงานแถวนี้แท้ๆ
     
     
     
    แต่พี่ก็เต็มใจทำให้แบมตลอดอะครับ
     
     
     
    ...
     
     
     
    21.30 น.
     
     
     
    ผมกดเซฟงานลง USB ของน้องก่อนจะดึงออกและกดปิดคอม ผมหันหน้ากลับมาดูน้องที่ฟุบหลับไปกับโซฟาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เมื่อเห็นว่าน้องกำลังหลับสบาย ผมจึงค่อยๆดึงสมุดกับหนังสือการบ้านที่น้องนอนทับอยู่ออกมา ก่อนจะเปิดดูว่าน้องทำเสร็จหมดแล้วรึยัง และมันก็เป็นไปตามคาด คือน้องทำเสร็จหมดแล้วแต่ไม่ได้ขีดเส้นใต้สีแดงหรือเขียนสรุปใดๆทั้งสิ้น กลายเป็นว่าต้องเป็นหน้าที่ของผมที่มานั่งขีดเส้นเขียนสรุปให้จนเสร็จเรียบร้อย แถมยังมานั่งจัดกองการบ้านให้เป็นตั้งๆว่ากองไหนเสร็จแล้วส่งพรุ่งนี้ กองไหนยังไม่เสร็จ
     
     
     
    จากที่ผ่านๆมาที่น้องแบมมาทำการบ้านกับผมบ่อยๆ ทำให้ผมรู้ว่าน้องค่อนข้างจะมีปัญหาเรื่องการจัดระเบียบ การวางแผน การเรียงลำดับความสำคัญของงาน แถมยังขี้ลืม ลืมนู้นลืมนี่ บางทีทำการบ้านเสร็จแล้วแต่ก็ลืมเอาใส่กระเป๋าไปส่งครูจนโดนทำโทษ ก็ไม่เข้าใจว่าชีวิตจะโก๊ะๆมึนๆอะไรขนาดนั้น ผมเลยช่วยดูแลและเตือนน้องในส่วนนี้บ้าง
     
     
     
    อันที่จริง ผมว่าผมทำหน้าที่ได้ดีกว่า หวัง แจ็คสัน อีกนะ รายนั้นช่วงนี้ถามถึงแบมซะที่ไหน หายใจเข้าก็ยองแจ หายใจออกก็ยองแจ จะอึจะฉี่ก็ยองแจ ไม่รู้ตอนมันตดจะตดเป็นชื่อยองแจรึเปล่า-_-
     
     
     
    "แบม กลับห้องได้แล้วนะ" ผมเขย่าแขนน้องเบาๆเพื่อให้น้องกลับไปนอนบนเตียงดีๆในห้องตัวเอง เพราะตอนนี้ก็ใกล้จะดึกแล้ว แถมนอนฟุบกับโซฟาแบบนี้มันก็ไม่ค่อยสบายตัวด้วย เดี๋ยวจะปวดคอปวดไหล่มากกว่าเดิ
     
     
     
    ผมเรียกและทั้งสะกิดทั้งเขย่าอีกเกือบๆห้ารอบ แต่น้องก็ยังนอนนิ่ง
     
     
     
    "แบม.." ผมเรียกน้องอีกรอบก่อนจะเขย่าตัวน้องให้แรงขึ้น ปกติเท่าที่รู้มาน้องก็ไม่ใช่คนปลุกยากอะไรขนาดนี้นี่หน่า
     
     
     
    "อื้อ..พี่มาร์คหรอ" น้องลืมตามองหน้าผมแล้วพูดเสียงงัวเงียก่อนจะฟุบหลับลงไปกับโซฟาอีก
     
     
     
    "แบม กลับห้องนะ ไปนอนดีๆในห้องเร็วคนเก่งของพี่" ในเมื่อไม่รู้จะเกลี่ยกล่อมอะไรดีเลยลองใช้คำพูดของย่าตอนที่ชอบใช้ปลุกผมตอนเด็ก ตอนเด็กๆอะนะ เวลาย่าพูดว่า 'คนเก่ง' ทีไร ผมรีบสปริงตัวลุกขึ้นจากเตียงทันทีเลย เพื่อแสดงให้เห็นว่าผมเป็นคนเก่งอย่างที่ย่าพูดจริงๆ
     
     
     
    "อย่ายุ่งกับแบม" น้องปัดมือผมออกแล้วซุกหน้าลงบนโซฟา ก่อนจะยกมือสองข้างขึ้นมาปิดหู คนง่วงนอนจะงี่เง่างอแงมากขึ้นกว่าปกตินี่ท่าจะจริง
     
     
     
    "จะนอนตรงนี้ไม่ได้นะ นี่เดินไปไม่ถึง 10 ก้าวก็ถึงห้องเราแล้วเนี่ย" ผมพยายามพูดหว่านล้อมให้น้องกลับห้องตัวเอง แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลสักเท่าไหร่
     
     
     
    "แบมอย่าดื้อดิ"
     
     
     
    "แบมไม่ได้ดื้อ แบมแค่ง่วงแบมแค่อยากนอนตรงนี้ ตอนนี้ แบมผิดอะไรอะพี่มาร์ค ทำไมต้องว่าแบม ฮือ แบมจะนอน..." น้องเริ่มดิ้นไปมาเหมือนเด็กประถม ประโยคที่น้องพูดเมื่อสักครู่ผมแทบจะจับใจความไม่ค่อยได้ เสียงน้องมันอู้อี้ไปหมด แถมยังหลับตาพูดอีก
     
     
     
    "พี่ไม่ได้ว่าแบมเลยนะ พี่แค่บอกว่าให้แบมไปนอนบนเตียงดีๆ"
     
     
     
    "เตียง? เตียงแบมมันไกลปายย เดินไม่ไหวหร๊อก" น้องพูดทั้งๆที่ยังหลังตาฟุบกับโซฟาอยู่
     
     
     
    "แล้วจะนอนตรงนี้หรอ มันไม่สบายตัวหรอกนะแบม"
     
     
     
    "แบมนอนตรงนี้ไม่ได้หรอ...ฮือ ทำไมต้องใจร้ายด้วยอะ ไล่แบมออกจากห้องหรอ ไม่ไป เดินไม่ไหว จะนอน..."
     
     
     
    "เดินไปนิดเดียวก็ถึงแล้ว" ผมเริ่มไม่แน่ใจว่ากำลังเจรจากับคนง่วงหรือคนเมากันแน่ ทำไมลักษณะมันช่างใกล้เคียงกันซะเหลือเกิน
     
     
     
    "เอางี้ๆ..." น้องเงยหน้าขึ้นมาทั้งๆที่กำลังหลับตาอยู่ ก่อนจะพูดเสียงอู้อี้ เรียกให้ผมต้องตั้งสมาธิเพื่อพยายามจับใจความของคำพูดน้องให้ได้
     
     
     
    "พี่ไม่อยาก..ให้แบมนอนโซฟา แบมก็เดินไปห้องไม่ไหว งั้นเดี๋ยวแบมนอนเตียงพี่..ก็ได้ครับ..."
     
     
     
    อื้อหือ ข้อเสนอของน้องนี่ ใช้ได้เลยนะครับ...
     
     
     
    30%
     
     
     
    "บ้าหน่าแบม..." ถึงผมจะพูดไปอย่างนั้นแต่ในใจนี่คือ 'เอาเลยแบม มาเลยมานอนบนเตียงกับพี่แล้วเล่นผีผ้าห่มกันนะครับคนดี' แต่ยังไงผมก็เป็นพระเอกมั้ย ข่มใจไว้ต้วนข่มใจไว้ น้องแบมยังเด็ก แถมยังเป็นน้องเพื่อนมึงอีก คุกคุกคุกคุกคุก 
     
     
     
    ...เสียงไอของคุณยายอายุ 80 ดังขึ้นมาเตือนสติข้างๆหู
     
     
     
    "...." เงียบ ไม่มีสัญญาณตอบรับจากน้องแบมที่ต้วนเรียก ไม่ต้องติดต่ออีกครั้งแล้วค่ะ กรุณาพาขึ้นเตียง เอ้ะ คอลเซ็นเตอร์เปลี่ยนรูปแบบการพูดตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ แต่ก็ช่างเถอะ พาน้องเข้าห้องดีกว่า
     
     
     
    ผมค่อยๆพยุงตัวน้องขึ้นให้ลุกขึ้นยืนดีๆ น้องก็ปัดมือไปมา ปัดดีๆละครับอย่าปัดไปโดนของดีเข้าไม่งั้นอาจจะแย่กันทั้งคู่ หลังจากที่พยุงน้องจนสามารถยืนขึ้นแบบเต็มความสูงได้แล้วผมก็ขอใช้คำว่าลากน้องแบมเข้าห้องนอนตัวเองก็แล้วกัน จะให้อุ้มก็คงไม่ไหวอะครับหนักกี่โลก็ไม่รู้ ถ้าผมกระดูกหักขึ้นมาคงจะไม่ค่อยคุ้มสักเท่าไหร่ ตอนนี้สภาพเราสองคนทุลักทุเลพอสมควร เหมือนกรรมกรกำลังแบกหามถุงปูนซีเมนต์อยู่ 
     
     
     
    ห้ามบอกน้องแบมละครับ ว่าผมเปรียบเขาเป็นถุงปูน
     
     
     
    ถ้าถามว่าทำไมไม่พาน้องไปส่งที่ห้อง? คีย์การ์ดก็วางอยู่บนโต๊ะ วางทาบบนเครื่องสแกนปุ๊บประตูห้องน้องก็เปิดปั๊บ ไม่ได้ยากเย็นอะไร แหม มันเป็นกำไรชีวิตครับ น้องบอกจะนอนบนเตียงผมก็อย่าไปขัดใจเจ้าตัวเขา...ผมก็ให้นอนแล้วนี่ไง ใจดีและใจกว้างกว่าพี่มาร์คไม่มีอีกละครับไอ้น้อง
     
     
     
    รู้สึกถึงความฟินที่กำลังจะมาถึงในค่ำคืนนี้
     
     
     
    ตุบ
     
     
     
    ผม...เอ่อ จะใช้คำว่าอะไรดีละ เหวี่ยง? โยน? วาง? ทุ่ม? อ่า..ค่อยๆวางน้องลงบนเตียง ซึ่งถึงแม้ว่าจะใช้คำว่าวาง แต่การกระทำดูจะค่อนข้างโน้มเอียงไปทางคำว่าโยนมากกว่า ทำไงได้ละครับ ตัวน้องไม่ได้เบาประหนึ่งปุยนุ่นสักหน่อย นี่มันถุงปุ๋ยชัดๆอะ ขอความกรุณาให้เกียรติน้องแบมโดยการไม่เรียกน้องว่าร่างบางด้วยนะครับ ขนาดผมยังไม่เคยเรียกเลยเพราะน้องได้เลยคำนั้นไปแล้ว ถึงคนอื่นจะมองว่าน้องผอมหรือหุ่นดียังไงก็แล้วแต่ แต่มาร์คต้วนคนนี้จะขอยืนยันนั่งยันนอนยันเลยว่านั่นเป็นแค่ภาพลวงตา ความจริงแล้วเด็กคนนี้ตัวหนักแบบไม่สมดุลกับรูปร่างภายนอกเลยสักนิด
     
     
     
    ยังสงสัยว่าน้องเก็บน้ำหนักไว้ตรงส่วนไหนของร่างกาย ทำไมดูตัวผอมบางซะเหลือเกิน
     
     
     
    "นอนแผ่กลางเตียงแบบนี้แล้วพี่จะนอนยังไงละทีนี้" ผมบ่นพึมพำกับตัวเอง เพราะน้องเล่นนอนแผ่กางแขนกางขากินพื้นที่ทั้งเตียงนอนขนาด 6 ฟุตของผม
     
     
     
    แต่ใช่ว่าพอเห็นน้องนอนแบบนี้แล้วผมจะไปนอนบนโซฟาแบบพระเอกซีรีย์นะครับ นี่ชีวิตจริงครับสังคม ใครจะเสียสละขนาดนั้นกัน ห้องนี่ก็ห้องผม ผมจะทำอะไรก็ได้ นอนตรงไหนก็ได้ที่ผมพอใจอยากจะนอน J
     
     
     
    ผมดันตัวน้องแบมที่แสนจะหนักอึ้งให้เขยิบไปทางด้านซ้ายก่อนจะจัดท่านอนให้น้องนอนดีๆ หุบขาหุบแขนลงซะให้มันดูเป็นผู้เป็นคน 
     
     
     
    ซึ่งพอจัดท่านอนน้องจนเข้าที่แล้ว ผมก็รีบกระโดดลงเตียงแล้วหยิบผ้าห่มมาห่มตัวผมกับน้องก่อนจะทิ้งตัวลงนอนข้างๆแบมแบมด้วยความปลื้มปิติ
     
     
     
    ผมนอนตะแคงมองหน้าน้องตอนกำลังหลับสักพักก็นึกอะไรขึ้นมาได้...กูยังไม่ได้แปรงฟัน แต่ช่างเถอะมันไม่ใช่ประเด็น พรุ่งนี้ค่อยเอาเป็ดโปรมาบ้วนปากก็ยังไม่สาย สิ่งที่ผมคิดได้นั้นเจิดกว่านี้เยอะ ผมค่อยๆสะกิดตัวน้องเบาๆสองสามทีก็ไม่มีท่าทีฮึดฮัดหรือเสียงตอบรับจากน้อง...ทำให้ผมรู้ว่าน้องหลับสนิทแล้ว
     
     
     
    ......หลับสนิทแล้ว
     
     
     
    .....สนิทแล้ว
     
     
     
    เมื่อเห็นแบบนั้น ผมจึงไม่พลาดที่จะคว้าโอกาสไม่ให้หลุดลอยไป ผมขยับเข้าไปใกล้ ก่อนจะค่อยๆวาดแขนไปโอบเอวน้องไว้ ซึ่งน้องก็ยังนอนนิ่งไม่รู้สึกตัวอยู่ ผมจึงกระชับแขนที่โอบเอวน้องไว้ให้แน่นขึ้นไปอีก
     
     
     
    โอโหนี่หรือบางกอก ยิ่งกว่าบ้านนอกตั้งหลายศอกหลายวา ฟินเชรี่ยเชรี่ยยยยยยยยยยยยยย อมกๆๆๆๆๆ อยากจะระบำหน้าท้องรอบห้องสักสามร้อยรอบ โอ๊ยแกคือมันใช่!!! ตัวแบมนี่โครตนุ่มนิ่มเลยอะ ตอนเด็กๆกินจอลลี่แบร์แทนนมผงหรอหนู 
     
     
     
    ทุกๆคนครับ ช่วยให้เกียรติพี่โดยไม่พูดหรือคิดในใจว่า 'พี่มาร์คไอ้บ้าคนฉวยโอกาส' ด้วยนะครับ ไม่มีหรอกพระเอกที่แสนดีให้เกียรตินางเอกแบบในนิยาย สังคมสมัยนี้ก็เจอแต่ผู้ชายแบบพี่นี่ละครับ ลักเล็กขโมยน้อยเป็นงานอดิเรก พี่ว่านี่พี่ก็อดทนมามากพอแล้วนะ อดทนมาตั้ง 14 ตอน!!! ถึงแม้ว่าจะได้จับมือน้องไปตั้งแต่ตอนต้นๆแล้ว แต่แบบนอนกอดไรงี้ก็ยังไม่เคยปะวะ หอมก้งหอมแก้มจูบเจิบก็ไม่เคย เพิ่งเคยได้สัมผัสความฟินแบบจัดเต็มก็วันนี้แหละครับ
     
     
     
    อะไรนะ? พัฒนาการระหว่างเราช้าไปหรอครับ? งั้นเอาไงดีอะ พรุ่งนี้จูบเลยดีมั้ย?
     
     
     
    รอดูสถานการณ์ไปก่อนก็แล้วกันเนอะ
     
     
     
    แต่ยังไงซะ วันนี้ก็นอนกันเถอะครับ ผมคิดว่าคืนนี้มันต้องเป็นคืนที่ผมนอนฝันดีอีกคืนแน่ๆ
     
     
     
    ¯`°.•°•.★* *★ ´¯`°.•°•.★* *★ .•°•.°´
     
     
     
    Bam's Part
     
     
     
    ผมตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงียพอสมควร ซึ่งพอดูนาฬิกาบนหัวเตียงก็รู้ถึงสาเหตุของความงัวเงียของตัวเองทันที เพราะนี่มันเป็นเวลาตีห้ากว่าๆเองครับ..
     
     
     
    เดี๋ยวนะ....
     
     
     
     
    นาฬิกาบนหัวเตียง?
     
     
     
    ลายไอรอนแมน?
     
     
     
    นาฬิกาห้องผมมันเป็นนาฬิกาแขวนลายคุมะไม่ใช่รึไง อีกอย่าง มันไม่ได้อยู่ในห้องนอนสักหน่อย..
     
     
     
    สมองของผมพยายามประมวลเหตุการณ์ต่างๆอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อสายตาผมไปป้ะกับพี่มาร์คที่นอนตะแคงหันหลับให้ผมก็นึกเหตุการณ์ทุกอย่างได้หมดเลย..
     
     
     
    เมื่อคืน...
     
     
     
    ผมรีบเปิดผ้าห่มดูสภาพของผมกับพี่เขา มันน่าโล่งอกตรงที่เสื้อผ้านั้นยังอยู่ครบชุดและเป็นชุดเดิมกับเมื่อคืน
     
     
     
    เชี่ย...เดี๋ยวนะ ผมคิดอะไรวะเนี่ย พี่มาร์คไม่ใช่คนแบบนั้นสักหน่อย-_-
     
     
     
    ผมลุกออกจากเตียงก่อนจะสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านทิ้งไป พี่เขาบ้าจี้ยอมให้นอนที่นี่แล้วยังจะไปคิดว่าพี่เขาเป็นคนแบบ..เอ่อ..นั้นอะ แบบนั้นอะ..อีก ผมนี่ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ คือพอเวลาผมง่วงมากๆจะงี่เง่าโวยวายไม่ค่อยมีสติพูดอะไรแบบไม่ยั้งคิดแบบนี้ตลอดเลยอะครับ เมื่อคืนถ้าถามว่าที่พูดนี่รู้สึกตัวมั้ย? คือก็รู้นะ แต่เข้าใจฟิลตอนนั้นปะครับ อารมณ์กูง่วงกูจะนอนอย่ามายุ่งกับกูอะ เลยพูดๆตัดบทไปงั้น ซึ่งพอหลังจากที่บอกจะขอนอนนี่นั่นละครับก็หลับสนิทไปเลย รู้ตัวอีกทีก็ตื่นนี่แหละ
     
     
     
    ผมเดินออกจากห้องนอนแล้วเดินตรงมายังห้องนั่งเล่นเพื่อเก็บงานที่ทำไว้เมื่อคืนนี้ แต่ก็พบว่างานทุกอย่างถูกจัดไว้เป็นกองๆอย่างเรียบร้อย และเมื่อพอเปิดสมุดการบ้านดู เส้นใต้หรือสรุปก็ถูกขีดเขียนไว้เรียบร้อยแล้วเช่นกัน ทำให้ผมอดอมยิ้มออกมาไม่ได้
     
     
     
    พี่มาร์คแม่ง...น่ารัก
     
     
     
    ผมหยิบโพสอิทอีฟ้าบนโต๊ะแล้วหยิบปากกาน้ำเงินมาเขียนด้วยลายมือบรรจงว่า 'แบมกลับห้องก่อนนะครับ 7 โมงเจอกัน :D' ก่อนจะเดินไปแปะไว้บนหน้าทีวีแล้วแบกงานเดินออกไปจากห้องของพี่มาร์ค
     
     
     
    ...
     
     
     
    เมื่อกลับมาถึงห้องผมก็รีบจัดตารางสอน หยิบการบ้านใส่กระเป๋า อาบน้ำ แปรงฟัน กินข้าว ทำธุระส่วนตัวทุกอย่างเสร็จแล้วรีบวิ่งมานั่งหน้าโต๊ะคอม
     
     
     
    วันนี้จะพับอะไรดีนะ...
     
     
     
    ผมหยิบโน๊ตลายมายเมโลดี้อันเล็กๆที่วางเหน็บอยู่กับแฟ้มคิตตี้สีชมพูมาไล่ดูทีละบรรทัด มันเป็นกระดาษที่ผมใช้จดชื่อสัตว์พร้อมทั้งความหมายน่ะครับ มีตัวอะไรที่ยังไม่ไดัพับเอ่ย~
     
     
     
    แล้วสายตาก็ไปสะดุดกับความหมายของสัตว์ชนิดหนึ่ง
     
     
     
    'หมู — ทำเรื่องยากให้กลายเป็นเรื่องง่าย'
     
     
     
    เอาอันนี้ก็แล้วกันเนอะ...
     
     
     
    ไม่รอช้าผมรีบเปิดคอมแล้วเข้ากูลเกิ้ลหาวิธีการพับทันที โชคดีที่มีการพับแบบเป็นวิดีโอซึ่งผมชอบดูและเข้าใจมากกว่าวิธีการพับที่เป็นตัวหนังสือ ผมจึงพับได้ในเวลาไม่นาน
     
     
     
    ถึงแม้หน้าของหมูน้อยจะเบี้ยวๆไปหน่อยก็เถอะนะ J
     
     
     
    70%
     
     
     
    Mark's Part
     
     
     
    ครืดๆ
     
     
     
    ครืด ครืด
     
     
     
    "เชี่ยที่ไหนแม่งโทรมาเช้าขนาดนี้วะ" ผมสลึมสลือลืมตาตื่นขึ้นมา สาเหตุมาจากโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงที่สั่นไม่หยุดเนื่องจากมีคนโทรเข้ามา
     
     
     
    ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับโดยที่ไม่ได้มองชื่อที่ขึ้นอยู่เพราะลืมตาไม่ไหว การที่สไลด์หน้าจอโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูได้นั้นเป็นสัญชาติญาณล้วนๆเลยละครับ
     
     
     
    "ว่า?" ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่ติดจะเหวี่ยงพอสมควร มีใครเคยบอกรึเปล่าครับว่าผมเป็นคนที่ขี้เซาและใช้เวลาลุกออกจากเตียงนานมาก ปกตินี่ไปโรงเรียนหลังเข้าแถวเสร็จแล้วทุกที ถ้าสองเดือนมานี้ไม่ต้องไปส่งน้องแบมที่โรงเรียนก่อนผมก็ไม่มีทางแหกขี้ตาตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่หกโมงเช้าหรอกครับ
     
     
     
    เดี๋ยวนะ.....
     
     
     
    น้องแบม?
     
     
     
    ผมมองไปตรงที่ว่างข้างๆตัวที่เมื่อคืนน้องแบมนอนอยู่
     
     
     
    แต่มันกลับว่างเปล่า...ไม่มีร่างของน้องแบม
     
     
     
    เมื่อคืน....น้องเขานอนอยู่ข้างผมไม่ใช่รึไง? (ผมยังนอนกอดอยู่เลยด้วย)
     
     
     
    เอ้ะ...หรือเรื่องเมื่อคืนกูฝันวะ?
     
     
     
    ผมรีบขยี้ตาตัวเองอย่างไวแล้วสปริงตัวขึ้นจากเตียงด้วยความรวดเร็ว เชี่ย เมื่อคืนนี่ผมฝันไปอ่อวะ น้องไม่ได้มานอนห้องผม?
     
     
     
    แต่เสียงคนในสายเหมือนจะช่วยเรียกสติของผมกลับคืนมา
     
     
     
    (พี่มาร์คครับ จะแปดโมงแล้วนะ แบมกำลังจะสายแล้ว)
     
     
     
    ห้ะ?
     
     
     
    (พี่มาร์คครับ ได้ยินรึเปล่า)
     
     
     
    เดี๋ยวนะ...
     
     
     
    ผมหันหลังกลับมาดูนาฬิกาไอรอนแมนบนหัวเตียงอย่างไว
     
     
     
    7.50 a.m.
     
     
     
    f*ck
     
     
     
    "ทำไมแบมไม่โทรมาให้มันเร็วกว่านี้ละครับ" ผมพูดเสียงอ่อนลงเมื่อรู้ว่าเป็นน้อง ประโยคเมื่อสักครู่ที่พูดออกไปไม่ได้หมายความว่าจะโทษน้องนะครับ มันออกแนวเป็นคำสถบ (ที่ยาวชิบหาย) มากกว่า
     
     
     
    (แบมโทรไปตั้งหลายรอบแล้วนะครับ เคาะประตูเรียกแล้วก็ไม่มีใครมาเปิด จะเดินเข้ามาก็ไม่ได้เพราะไม่มีคีย์การ์ด...) น้องพูดยาวเหยียดด้วยน้ำเสียงที่ออกจะเอือมๆเล็กน้อย น้องคงคิดในใจว่าแบบ 'กูผิดเหี้ยไรวะเนี่ย มาถึงก็บ่นใส่เลย' อะไรเทือกๆนี้หรือบางทีอาจจะมากกว่านั้นก็ได้
     
     
     
    "โอ๊ย...เอาไงดีวะ...งั้น..งั้น! งั้นเอางี้ เรารอพี่แปปนึงนะ ขออาบน้ำแต่งตัวก่อน 5 นาทีเจอกันหน้าห้องครับ"
     
     
     
    (ครับผม)
     
     
     
    "แบม! เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งวาง"
     
     
     
    (ครับ?)
     
     
     
    "เมื่อคืน..เอ่อ..ยังไงดีละ...เมื่อคืน..เอ่อ...เรา...นอนด้วยกัน...ใช่มั้ยครับ?" ผมถามไปแบบนั้นเพราะต้องการความชัวร์น่ะครับว่าตัวเองไม่ได้เพ้อเจ้อละเมอตดไปเอง
     
     
     
    (ห้ะ?) เสียงน้องดูจะตกใจมากที่ผมถามไปแบบนั้น แสดงว่าเรื่องเมื่อคืนผมละเมอไปเองหรอวะเนี่ย?
     
     
     
    "ไม่ได้นอนหร...." ผมยังไม่ทันพูดจบประโยค น้องก็พูดแทรกขึ้นมาอย่างรวดเร็
     
     
     
    (ใช่ครับ...ยังไงแบมก็ขอโทษพี่มาร์คด้วยนะที่รบกวน คราวหน้าจะไม่เป็นแบบนี้แล้วครับ)
     
     
     
    .....เชี่ยT_T
     
     
     
    งะ..งั้น เรื่องเมื่อคืนที่ฟินแบบ 4D นี่เรื่องจริงสินะครับ ปลื้มปิติมากอะพูดเลย...
     
     
     
    แต่เดี๋ยวก่อน...ถ้าเลยก็ไม่ถึงสักทีดิครับ
     
     
     
    ช่างมัน..ข้ามๆมุขแป๊กๆไปเนอะ
     
     
     
    "เคครับ เดี๋ยวขออาบน้ำก่อนนะ"
     
     
     
    เมื่อพูดจบ ผมก็รีบกดวางสายก่อนจะโยนโทรศัพท์ลงบนเตียงและถอดเสื้อผ้าวิ่งเข้าห้องน้ำด้วยความไวแสง
     
     
     
    ...
     
     
     
    แกรก
     
     
     
    "มาแล้วครับ!" ผมเปิดประตูห้องด้วยสภาพทุลักทุเลพอสมควร คือขนาดอาบน้ำไม่ถูสบู่ ฟันก็ไม่ได้แปรงบ้วนปากอย่างเดียว ผมก็ยังไม่ได้หวีได้เซ็ท เสื้อผ้าก็ยังใส่ไม่เรียบร้อย ยังนานขนาดนี้อะครับ ตอนนี้มันแปดโมงสิบนาที!!!! แปดโมงสิบนาที!!! กูนั่งซักผ้าในห้องน้ำหรอทำไมมันนานขนาดนี้ นี่ไปอาบน้ำในโอเอซิสที่ทะเลทรายซาฮาร่าใช่มั้ยตอบ!!!!
     
     
     
    "ใจเย็นครับ.." น้องแบมที่ยืนพิงกำแพงกดโทรศัพท์รอผมอยู่เลิกคิ้วใส่ผมด้วยความงุนงง เออผมก็อึ้งตัวเองอะครับ สภาพความหล่อนี่แทบจะไม่เหลือ แต่ช่างมัน แค่น้องเข้าเรียนคาบแรกทันก็พอ
     
     
     
    "แบมเริ่มเรียนคาบแรกแปดโมงยี่สิบใช่มั้ย" ผมพูดไปล็อคประตูไปด้วยความเร่งรีบ ก่อนจะหันมาเหลือบตามองน้องที่พยักหน้าขึ้นลงอย่างน่าเอ็นดู ...แสดงว่าเหลือเวลาอีก 10 นาที? งานนี้ต้องซิ่งอย่างเดียวแล้วครับพี่น้อง
     
     
     
    "ไปเร็ว" ผมฉุดมือน้องให้เดินตามอย่างถือวิสาสะ ซึ่งปกติน้องจะไม่ได้ขัดขืนอะไร แต่วันนี้น้องกลับดึงมือผมไว้ซะงั้น
     
     
     
    "ครับ?"
     
     
     
    "พี่มาร์ค...เราลงลิฟท์ทางนู้นนะครับ ทางนี้มันลานจอดรถ..."
     
     
     
    อ่อ...คงคิดว่าผมเดินผิดทางสินะ
     
     
     
    "แบมครับ พี่มีรถ"
     
     
     
    ✁----✁----✁-----✁
     
     
     
    "แอร์เย็นไปหรอ" ผมเหล่หางตาไปดูน้องที่กำลังนั่งตัวแข็งอยู่ที่เบาะข้างคนขับ...คือไม่รู้ว่าเพราะแอร์เย็นหรือเพราะสาเหตุอันใด....
     
     
     
    หรือเป็นเพราะยี่ห้อรถ?
     
     
     
    ฮั่นแหน่! รถพี่ยี่ห้อไรให้ทาย
     
     
     
    ติ๊กต๊อกๆๆๆ
     
     
     
    ติ๊กๆ ต๊อกๆ
     
     
     
    ต๊อกๆ ติ๊กๆ
     
     
     
    ตี๊ดๆๆ
     
     
     
    หมดเวลา!
     
     
     
    วีออสครับ.....
     
     
     
    ถ้าจะให้มีรถหรูคันละสิบล้านอัพเหมือนพระเอกเรื่องอื่นๆก็คงไม่ได้อะครับ งบประมาณไม่ได้เยอะขนาดนั้น ช่วยใช้สอยเงินอย่างรู้คุณค่าด้วย ถามว่าเคยมีรถแพงๆขับมั้ย? ก็มีแหละครับ เคยขับบีเอ็มตอน ม.5 น่อว คืออย่างที่เคยบอกไป ผมอยู่กับคุณย่าและคุณย่าก็จะตามใจผมมาก ด้วยความที่เป็นหลานคนเดียวแถมยังหล่ออีก เลยให้ลุงถอยบีเอ็มคันใหม่มาให้ผมซึ่งอายุไม่ถึงและไม่มีใบขับขี่ไว้ขับเล่น โอโห้เฟี้ยวเนาะช่วงนั้น โครตคึกคะนองอะ เวลาขับนี่ขับโครตเร็วและต้องมีหูตาเป็นสับปะรดคอยขับเลี่ยงตำรวจเพราะไม่มีใบขับขี่ อารมณ์เหมือนอยู่ในกองถ่ายหนังฮอลิวู้ด
     
     
     
    และโศกนาฏกรรมก็ได้เกิดขึ้นในคืนหนึ่ง เป็นคืนที่ไม่มีใครอยู่บ้านเลยแอบขับรถหนีเที่ยว ตอนขากลับก็ตีสองอะครับแถมเมาอีก ละไงละ ขับเสยฟุตบาทไปชนต้นไม้ หน้ารถนี่ยุบยิ่งกว่าดั้งหม่ำจ๊กม๊กอะ เฟี้ยวไม่ออกเลยสิตอนนั้น ตำรวจขอดูใบขับขี่ก็ไม่มี อายุก็ไม่ถึง คืนนั้นเกือบนอนกินข้าวแดงในคุกละถ้าไม่โทรเรียกเพื่อนมาจ่ายค่าปรับให้ก่อน พอเช้าวันต่อมาคุณย่ารู้เข้าเลยยึดรถไปเลยแถมโดนสวดไปชุดใหญ่ หลังจากนั้นกลับบ้านเร็วทู้กวัน (แกล้ง) ประพฤติตัวเป็นคนดีของสังคม จนคุณย่าเห็นว่าผมพฤติกรรมดีขึ้นก็เลยเอารถคันใหม่มาให้ขับ ซึ่งก็คือวีออสคันนี้นี่แหละ..
     
     
     
    น่าผิดหวังที่ไม่ใช่บีเอ็ม แต่ก็น่าดีใจที่ไม่ใช่ฟีโน่ ไม่งั้นละแว๊นซ์กันมันส์เลยทีเดียว........
     
     
     
    เห้ยแก เราว่าเราพลาดว่ะ ถ้าวันนั้นไม่ขับรถไปเสยฟุตบาทตอนนี้ผมกับน้องแบมคงกำลังนั่งโรแมนติกกันในบีเอ็มคันงามอยู่ ไม่น่าซ่าเลยตอนนั้น
     
     
     
    แต่วีออสก็แอร์เย็นละวะ ดูดิแบมงี้นั่งตัวแข็งเลย
     
     
     
    "เปล่าครับ พี่มาร์คขับเร็วไป..." ผมเงยหน้ามองหน้าปัดบอกความเร็ว..เดี๋ยวๆ 90 กูเพิ่มความเร็วขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ว่าแล้วก็ลดความเร็วสักเล็กน้อย เพราะไม่งั้นรถคันนี้อาจวิ่งทะลุเข้ากลางห้องฝ่ายปกครองก็เป็นได้ (ห้องฝ่ายปกครองโรงเรียนน้องอยู่ใกล้ประตูทางเข้าโรงเรียนน่ะครับ)
     
     
     
    "ก็กลัวแบมเรียนคาบแรกไม่ทันนี่หน่า ละปกติถ้าไปไม่ทันเข้าแถวโดนทำโทษไรเปล่าเนี่ย"
     
     
     
    น้องทำท่าคิดสักพักนึงก่อนจะหันหน้ามาตอบ "ยูคเคยมาไม่ทันเข้าแถวอยู่ครั้งนึงโดนวิดพื้น 50 ที อะครับ แต่ไม่รู้แบมจะโดนเหมือนกันมั้ย..." น้องทำหน้าหงอยๆเป็นเชิงว่าคงวิดพื้นเยอะขนาดนั้นไม่ไหว
     
     
     
    "บอกครูได้มั้ยอะว่าพี่เป็นคนทำแบมสาย จะได้วิดพื้นแทนให้" ผมยกมือขึ้นมาลูบหัวน้องเบาๆด้วยความเอ็นดู ผมนี่แย่อะ เกิดมาตื่นสายเชี่ยไรวันธรรมดาก็ไม่รู้ วันหยุดนี่ตื่นเช้ามาแข่งกับไก่แจ้เชียวsus
     
     
     
    "เอ้อ...จริงสิ ทำไมแบมไม่เดินมาก่อนเลยอะ คราวหน้าถ้าเจ็ดครึ่งแล้วพี่ยังไม่ออกจากห้องก็รีบมาก่อนเลยนะโอเคเปล่า" 
     
     
     
    "ไม่เอาอะ" น้องส่ายหัวเบาๆแล้วพูดต่อ "ก็วันนี้แบมบอกว่าจะเดินมากับพี่มาร์คไง ถ้าแบมเดินมาก่อนก็ผิดสัญญาอะดิ ลูกผู้ชายพูดแล้วไม่กลับคำหรอกครับ~" น้องหัวเราะเบาๆเมื่อพูดจบ คำเดียวที่อยู่ในหัวผมตอนนี้คือคำว่า 'น่ารัก'
     
     
     
    "รอพี่แล้วก็มาโรงเรียนสายจนต้องโดนทำโทษมันใช้ได้ที่ไหนกัน"
     
     
     
    "แต่ถ้าแบมผิดคำพูดมันคงใช้ไม่ได้มากกว่า"
     
     
     
    "เราพูดให้พี่รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เรื่องอีกแล้วนะ"
     
     
     
    "พี่มาร์คอย่าคิดแบบนั้นสิ พี่ช่วยแบมทำการบ้านตั้งเยอะจะไม่ได้เรื่องได้ยังไง"
     
     
     
    "อ้ะ! จริงสิ...นี่ๆๆๆ" น้องหยิบกระดาษสีชมพูออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วยื่นให้ผมดู ผมได้แต่เหล่ตามองนิดๆเพราะกำลังมองถนนอยู่
     
     
     
    "วันนี้ตัวไรอะ หมูหรอ? แบมพับตัวเองทำไมครับ?"
     
     
     
    "นิสัย! ทีหลังจะไม่ให้แล้ว..." น้องตีแขนผมเบาๆทีนึงแล้วเบ้ปากใส่ ผมได้แต่หัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดู
     
     
     
    "ล้อเล่นนะ พี่หมายถึงแบมน่ารักเหมือนหมูไงครับ~"
     
     
     
    "แก้ตัวได้เนียนมากมั้ง"
     
     
     
    "จริงสิ...หมูนี่หมายถึงอะไรหรอครับ?"
     
     
     
    "ไม่บอกหรอกกก เดี๋ยวพี่มาร์คก็รู้หมดดิ ซีเครสสส" น้องเอานิ้วชี้มาตั้งแนบกับปากตัวเองเป็นเชิงว่านี่คือความลับนะ พี่มาร์คยังรู้ไม่ได้
     
     
     
    ถึงน้องไม่บอกผมก็รู้มาบ้างนะครับ ว่าหมูหมายถึงการทำเรื่องยากให้กลายเป็นเรื่องง่าย
     
     
     
    เรื่องยากนี่คงหมายถึงการควิซวันนี้ของผมตอนเที่ยงละมั้งครับ J
     
     
     
    +150%
     
     
     
    สนใจนั่งรถวีออสมั้ยจ้ะ
     
     
     
    #นบพกด
     
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×