ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic JackFrost x Elsa] Warming winter

    ลำดับตอนที่ #2 : 2nd hour : The BIG BIG ice

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.97K
      139
      27 ธ.ค. 56

    “พี่คะ ยังมัดผมไม่เสร็จอีกหรือคะ? ขนมปังจะเป็นหม้ายแล้วนะคะ”อันนาเดินมาตามพี่สาวถึงหน้าห้อง ตอนนี้เธอยังไม่ได้เปิดประตูเข้ามานั่นนับว่าดีเพราะขืนเข้ามาตอนนี้คงได้เห็นพี่สาวกำลังคุยอยู่กับลม ฟ้า อากาศ

    “เดี๋ยวพี่ออกไปนะอันนา เธอไปรอพี่ที่ห้องอาหารเถอะ”ผมเผ้ายังมัดไม่เสร็จดีเพราะมัวแต่คุยกับเทพแห่งความหนาวเย็น

    “เดี๋ยวหนูจะเข้าไปมัดผมให้พี่นะคะ...”

    “ไม่ต้อง!! พี่...พี่กำลังเปลี่ยนเสื้ออยู่น่ะ ตัวที่ใส่เมื่อเช้ามันเลอะแล้ว”เผลอโกหกน้องสาวของตัวเองออกไปเสียแล้ว ความลนลานทำให้เอลซ่าเผลอตัวลืมไปว่าอันนานั้นมองไม่เห็นแจ็คฟรอส เธอยังดึงดันไม่ให้น้องสาวเข้ามาในห้องท่าเดียว

    “ไม่เป็นไรค่ะพี่ ยังไงหนูก็จะไปพร้อมพี่ หนูไม่อยากทานมื้อเช้าคนเดียว”ประตูเริ่มเปิดออกอย่างช้า ๆ ราชินีหิมะกำลังตกที่นั่งลำบากเพราะความลนลานของตนเอง ไม่คิดจะหันไปมองหาแจ็คเลยเอาแต่หาวิธีกันท่าน้องสาวลูกเดียว

    “อันนาอย่าเข้ามา!!

    ปึง!!

    ช้าไปแล้ว อันนาเปิดประตูเข้ามาประจันหน้ากับพี่สาวแท้ ๆ เธอทำหน้าเหวอเล็กน้อยเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า เอลซ่าได้แต่คิดว่าซวยแล้วแต่ก็ไม่ได้หันไปมองข้างหลัง คงต้องเตรียมคำอธิบายกันยาวเหยียด

    “คืออันนาฟังพี่อธิบายก่อนนะ คือว่า...”

    “พี่... ถักผมแบบใหม่หรือคะ? สวยดีจัง”เอลซ่ามองผมตัวเองตามคำทักของอันนา ผมของเธอตอนนี้เป็นเปียเกลียวสวยงามในแบบที่เธอไม่เคยทำ ประดับด้วยเกล็ดน้ำแข็งใสสมฐานะราชินีหิมะ

    “เอ่อ... ใช่!! พี่ลองถักเองล่ะ”

    “ที่ไม่ให้หนูเข้ามาเพราะเรื่องนี้ใช่ไหมคะ? พี่นี่ล่ะก็ไปกินมื้อเช้ากันดีกว่าค่ะ”อันนาไม่มีท่าทางแปลกใจกับชายหนุ่มอายุไล่เลี่ยกับเธอที่อยู่ในห้องพี่สาว เพราะที่จริงแล้วอันนามองไม่เห็นแจ็ค เธอเคยอ่านนิทานของแจ็คฟรอสแต่ก็ไม่ได้เชื่อหรือศรัทธาอะไรเหมือนซานต้าคลอส ดังนั้นจึงยังมองไม่เห็นเขา

    “เมื่อกี้ฝีมือคุณใช่มั้ยแจ็ค?”เอลซ่าลอบถามเสียงเบา

    “ใช่แล้วล่ะ เจ้าคิดว่าเล่นสนุกเป็นอย่างเดียวทำเรื่องแบบนี้ไม่เป็นหรืออย่างไร? อย่าลืมสิว่าข้าก็มีน้องสาวนะ”แจ็คตอบอย่างภาคภูมิ เขาล่องลอยเคียงข้างเอลซ่าช้า ๆ ตามเธอไปจนถึงห้องอาหาร

    “พี่คะ คุยกับใครอยู่หรือคะ?”

    “เปล่าจ้ะ!! ทานข้าวเถอะ”เธอเลื่อนเก้าอี้ออกมานั่ง หยิบขนมปังตัดเข้าปากสอง สามชิ้น แจ็คนั่งมองเธอกินอย่างอิ่มเอมอยู่กลางโต๊ะอาหาร เขาเล่าเรื่องมากมายให้เธอฟังระหว่างการรับประทานแต่เธอโต้ตอบเขาไม่ได้ เพราะในที่นั้นมีเธอคนเดียวที่เห็นเขา

    แจ็คเล่าเรื่องที่เขาไปท่องเที่ยวทั่วโลกโดยมีสายลมเป็นผู้พัดพาให้เอลซ่าฟัง แต่มีเรื่องหนึ่งที่เอลซ่าได้ฟังถึงกับสะอึกจนแทบกลืนขนมปังไม่ลงคือเรื่องที่เขาไปป่วนงานหาไข่อีสเตอร์ในฝั่งตะวันตกจนกระต่ายอีสเตอร์ต้องวุ่นวายตามล่าตัวเขาอยู่จนบัดนี้ แจ็คใช้มุกตลกแพรวพราวประกอบการเล่าจนเอลซ่าขำแทบกลืนอะไรไม่ลงคอ อันนาที่ไม่รู้ไม่เห็นอะไรได้แต่สงสัยว่าทำไมพี่สาวของเธอจึงหัวเราะขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเช่นนี้

    “พี่คะ... ไหวไหมคะ?”

    “ไม่เป็นอะไรหรอกอันนา เหมือนมีตัวอะไรไต่ขาพี่น่ะ คิกคิก”

    “ทำไมไม่ปัดออกล่ะคะพี่ จริงสิคะ วันนี้หนูจะไปหาคริสตอฟกลับตอนเย็น ๆ แล้วจะพาคริสตอฟมาทานข้าวด้วยนะคะ”อันนารายงานภารกิจประจำวันของเธอให้เอลซ่ารับรู้ วันนี้อันนาจะไปหาคริสตอฟที่ทำงานอยู่บนภูเขานั่นก็หมายความว่าเธอต้องอยู่คนเดียว... ไม่สิ ต้องอยู่กับแจ็คสองต่อสอง

    “แล้วเธอจะไปตอนไหนล่ะอันนา?”

    “ทานมื้อเช้าเสร็จก็จะไปแล้วล่ะค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะเพราะสเฟนกับโอลาฟก็ไปด้วย”เจ้ากวางเรนเดียร์ตัวโตและตุ๊กตาหิมะผู้ปรารถนาจะพักผ่อนในหน้าร้อน ทั้งคู่ดูเหมือนจะช่วยอะไรไม่ได้ แต่ถ้าจะปล่อยให้อันนาไปคนเดียวสู้ให้ไปกับสองตัวนี้ดีกว่า

    “หนูไปนะคะพี่ จะกลับมาให้ทันมื้อเย็นค่ะ”อันนาเลื่อนเก้าอี้พลันหมุนตัวออก เอลซ่ามองตามหลังน้องสาวตัวเองไป การที่น้องสาวของเธอเดินทางไปหาคริสตอฟหรือคริสตอฟเดินทางมาหาน้องสาวของเธอนั้นกลายเป็นเรื่องปกติสามัญ มันเกิดขึ้นตลอดเกือบหนึ่งปีจนเอลซ่าชินเสียแล้ว

    เอลซ่าถอนหายใจยาวหลังจากที่น้องสาวเดินจากไปไกลลิบแล้ว แจ็คเองก็หยุดเล่าเรื่องมาได้ซักพักเช่นกัน ดังนั้นตอนนี้ห้องอาหารจึงเงียบสนิทไร้ซึ่งสุรเสียงใด ๆ

    แจ็คกระโดดลงจากโต๊ะอาหาร ล่องลอยไปมาเบา ๆ ราวกับตนเองเป็นสายลมแผ่ว ๆ ก่อนจะหยุดอยู่ข้างหลังเอลซ่า เขาจับไหล่เธอแน่นแม้มือของเขาจะเย็นเพียงไรผู้เป็นราชินีหิมะก็ไม่รู้สึก เพราะอย่างไรอุณหภูมิในร่างกายทั้งคู่ก็มิได้ต่างกันเท่าไรนัก

    “เจ้าเหงาหรือที่น้องสาวเจ้าไปหาผู้ชาย?”พูดจี้ใจดำให้ราชินีเจ็บเล่น ๆ เอลซ่าสะดุ้งโหยงกับความจริงที่สมควรจะยอมรับ แต่มันก็เหงาจริง ๆ ในเวลาที่อันนาไม่อยู่

    “ไม่เอาน่า ข้าอยู่เป็นเพื่อนเจ้าจนพ้นวันคริสต์มาสเลยนะ เลิกทำหน้าเศร้าแล้วไปหาอะไรเล่นกับข้าดีกว่า หรือไม่ก็ไปเดินเล่นในเมืองในจิตใจมันผ่อนคลายไม่ดีกว่าหรือ?”แจ็คเสนอ

    “ขอบคุณมากนะแจ็ค เวลาอันนาไปหาคริสตอฟทีไรฉันต้องอยู่คนเดียวทุกที ตอนนี้รู้สึกดีจังที่มีคุณอยู่ข้าง ๆ”เทพแห่งความหนาวเริ่มหน้าขึ้นสีไม่ใช่เพราะอากาศที่หนาวเย็นจนกัดผิว แต่เป็นเพราะตั้งแต่เกิดจนตายหลายร้อยปีมานี้ยังไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนชมเขา ขนาดตอนที่มีชีวิตอยู่มารดาก็ยังไม่เคยชมอะไรเลย

    “เจ้าก็พูดเกินไป เรื่องเล่นมันงานถนัดของข้า”แจ็คเอ่ยอย่างถ่อมตัว เขาตวัดไม้เท้าในมือไปทางหน้าต่าง เพียงเท่านั้นเกล็ดน้อยแข็งก็ค่อย ๆ จับตัวกันเป็นรูปเอลซ่า จากนั้นเขาก็ใช้เวทย์มนตร์เสกให้เกล็ดน้ำแข็งนั้นออกมาลอยเคว้งคว้างเหมือนมีชีวิตจริง ๆ

    เอลซ่าเห็นแจ็คทำบ้างจึงคิดอยากลองทำบ้าง เธอควบคุมเกล็ดน้ำแข็งให้เกาะเป็นรูปของแจ็คฟรอส และใช้เวทย์มนตร์ของราชินีหิมะเสกมันให้ออกมาอยู่ภายนอกเหมือนที่แจ็คทำ ตุ๊กตาหิมะตัวแทนของทั้งคู่เดินเล่นด้วยกัน จับมือกัน และร้องเพลงด้วยกันอย่างสนุกสนาน แจ็คและเอลซ่าเฝ้ามองตุ๊กตาที่เขาและเธอสร้างขึ้นมาอย่างมีความสุข และเพียงชั่ววินาทีที่สบตากันทุกอย่างพลันกลับมาเงียบดังเดิม

    “คือ... ออกไปเล่นข้างนอกกันไหม?”มองหน้ากันอยู่นาน แจ็คตัดสินใจเอ่ยชวนเอลซ่าให้ออกไปข้างนอกด้วยกัน

    “อ... อื้ม ไปสิ”เอลซ่าพลันนึกถึงประโยคที่ตนเองเคยสอนน้องสาวเอาไว้ว่า กับผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกันได้วันเดียวทำไมตัดสินใจลงเอยอะไรกันเร็วขนาดนี้แต่เธอก็ไม่พ้นจะหาข้ออ้างให้ตนเอง เธอไม่ได้จะแต่งงานกับแจ็คเสียหน่อย แค่จะออกไปข้างนอกด้วยกันเท่านั้นเอง

    แจ็คยื่นมือไปจับกับมือของเอลซ่าเอาไว้ ทันใดนั้นก็มีน้ำแข็งมาเกาะที่มือเขา โชคดีที่แจ็คเป็นเทพแห่งความหนาว ดังนั้นน้ำแข็งก็ทำอะไรเขาไม่ได้อย่างแน่นอน

    “ข... ข้าขอโทษ ข้าควบคุมตัวเองไม่ได้อีกแล้ว”เอลซ่าปล่อยมือออก น้ำแข็งที่เกาะที่มือแจ็คจึงเริ่มแตกและร่วงหล่นลงทีละนิด แจ็คปัดมันออกอย่างไม่ใยดี

    “นี่...”เอลซ่าหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา แจ็คทำหน้ามึนงงเล็กน้อย เขาไม่ได้โดนน้ำแข็งกัดมือเสียหน่อยแล้วทำไมเธอต้องยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เขาด้วย

    “จับมือกันตรง ๆ ไม่ได้ จับผ้าเช็ดหน้าแทนน่าจะได้นะ ตอนนี้คนคงจะเยอะข้ากลัวหลง”น่าแปลกที่เธอไม่นึกถึงถุงมือที่วางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งในห้องนอนของเธอ แต่กลับใช้ผ้าเช็ดหน้าเป็นตัวเชื่อมแทน

     

    เธอกำลังเขินอยู่?

     

    “ช่างคิดดีนี่เจ้าน่ะ ดีเหมือนกันข้าไม่ได้เดินมานานแล้ว เอาแต่ลอยไป ลอยมาอย่างเดียว”

    “จะไปได้หรือยัง? ออกไปเดินเล่นด้วยกัน...”

    “ไปกันเถอะ”แจ็คปล่อยตัวลงมาช้า ๆ ก่อนเอื้อมมือไปจับผ้าเช็ดหน้าของเอลซ่าเอาไว้ ผ้าเช็ดหน้าเริ่มเย็นจากอุณหภูมิมือของทั้งคู่ ยิ่งจับยิ่งรู้สึกเหมือนระยะห่างระหว่างราชินีหิมะและเทพแห่งความหนาวเย็นจะลดน้อยลงไปทุกที

     

    จัตุรัสกลางเมืองในเวลาสายเต็มไปด้วยผู้คนที่เริ่มออกมาจับจ่ายซื้อของก่อนจะถึงวันคริสต์มาส และเด็ก ๆ ที่ออกมาเล่นนอกบ้านหลังจากทานมื้อเช้าเสร็จ เอลซ่าเดินจับผ้าเช็ดหน้ามือชุ่มเกล็ดน้ำแข็งด้วยความประหม่า ในคนปกติคงจะเป็นเม็ดเหงื่อแต่เอลซ่าดันไม่ใช่คนปกติเสียนี่

    ข้างทางมีของขายมากมาย ทั้งดอกไม้ฤดูหนาว บางดอกก็ถูกนำมาร้อยเป็นมงกุฎ ผลไม้หน้าหนาวชุ่มฉ่ำหวานล้ำเข้ากับเทศกาลแห่งความสุข และยังมีร้านเครื่องมือ เครื่องใช้ งานฝีมือสวย ๆ อีกมากมาย แต่ที่สะดุดตาที่สุดคงจะเป็นร้านขนมหวาน

    “แจ็ค เข้าร้านขนมตรงนั้นกันไหม?”

    “เข้าไปทำไมกัน?”

    “ขนมร้านนั้นอร่อยมากเลยนะ ฉันอยากให้คุณลองชิม คุณทานได้ไหม?”

    “ได้นะ แต่ไปกินกันในที่ลับตาคนกันหน่อยก็ดีเดี๋ยวผู้คนจะแตกตื่น”แจ็คมองซ้าย มองขวา ผู้คนเดินทะลุผ่านตัวเขาไปได้อย่างง่ายดาย แต่วันนี้เขาไม่ได้รู้สึกแย่เช่นทุกวันเลย

    “งั้นเข้าไปกันเถอะ”เอลซ่าเดินนำเข้าไปในร้านขนม ทันทีที่ประตูถูกเปิดออกกลิ่นครีมและน้ำตาลหอมหวนก็ลอยเตะจมูกของทั้งคู่เข้าอย่างจัง ขนมอบเสร็จใหม่ ๆ นั้นน่าทานที่สุดอยู่แล้ว

    “เจ้านี่แปลกดีนะเหมือนต้นคริสต์มาสเลย เขาเรียกว่าอะไรหรือ?”แจ็คชี้ไปที่ขนมอบสีเหลืองรูปร่างคล้ายต้นคริสต์มาสที่ถูกราดด้วยครีมจนกลายเป็นสีเขียวและถูกตกแต่งจนกลายเป็นต้นคริสต์มาสจริง ๆ ไปเสียแล้ว

    "เขาเรียกว่าซาโกทิส ที่คุณเห็นเป็นแบบที่ทำออกมาเฉพาะช่วงคริสต์มาส ถ้าช่วงปกติก็เป็นแค่เค้กปกติที่รูปร่างเหมือนต้นสนแค่นั้นเอง แต่อร่อยนะคุณอยากทานไหม?”แจ็คพยักหน้ายิ้มร่าราวกับเด็ก ๆ ที่ได้ของเล่นถูกใจ

    เอลซ่ายื่นเงินให้คนขายพร้อมรับขนมเค้กรูปร่างแปลกชิ้นโตมาถือไว้ในมืออีกข้าง แจ็คมองขนมน้ำลายหก เขาไม่เคยเห็นขนมเค้กที่ไหนรูปร่างพิลึกกึกกือเช่นนี้มาก่อน

    “ทานสิแจ็ค ฉันซื้อให้คุณนะ”เอลซ่าและแจ็คหลบมานั่งบริเวณชายป่าห่างไกลจากเมืองพอสมควรเพื่อไม่ให้ใครเห็น เธอยื่นขนมให้แจ็คหลังจากสังเกตว่าแจ็คจ้องมันมานาน

    “อะไรกันเจ้าก็กินด้วยสิ ชิ้นใหญ่ขนาดนี้ข้ากินไม่หมดหรอก”แจ็คหักแบ่งครึ่งส่งให้เอลซ่า เธอรับมาพร้อมรอยยิ้มก่อนค่อย ๆ กัดกินทีละนิด ๆ

    “ขนมนี่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย เจ้าของร้านนั้นคิดสูตรเองหรือ?”

    “เปล่าหรอก มันเป็นขนมของชาวลิทัวเนียที่ใช้วิธีการอบแบบพิเศษน่ะ ไม่ค่อยมีใครทำนักหรอก แม้แต่ร้านที่เราไปซื้อกันมาก็ทำจำกัดจำนวนต่อวันนะ”เอลซ่าอธิบายให้แจ็คฟัง แม้แจ็คจะอยากกินมากแค่ไหนก็ยังกินไม่ได้เพราะหามุมกินไม่ถูก เกรงว่าจะถูกเค้กทิ่มตา

    “คุณต้องกินจากส่วนบนนะแจ็ค ระวังด้วยมันมีไส้นะ”เอลซ่าสอนวิธีกินให้แจ็คหลังจากที่ชายหนุ่มจดจ่อกับการหามุมกินอยู่นาน

    เพียงกัดเข้าไปคำแรกเนื้อเค้กก็แทบละลายในปาก แม้รู้ร่างจะแปลกมีหนาม มีตุ่มขึ้นเต็มชิ้นแต่กลับอร่อยอย่างเหลือเชื่อ กลิ่นเนยโชยออกมาจากรอยกัดชวนให้ลิ้มลองคำต่อไป

    แจ็คก้มหน้า ก้มตากินไม่พูด ไม่จาอะไร เอลซ่าแอบหัวเราะเสียงเบาให้กับความเป็นเด็กของแจ็ค พฤติกรรมออกจะเหมือนกันน้องสาวของเธอซักหน่อยแต่ก็ไม่ได้เหมือนไปเสียทีเดียว

    “อร่อยไหมแจ็ค?”เอลซ่าถาม

    “อร่อยมากเลย หน้าตาประหลาดขนาดนี้แต่กลับอร่อยมาก”แจ็คพูดทั้งที่มีขนมอยู่เต็มปาก ยิ่งดูก็ยิ่งเด็ก

    “อย่าตัดสินขนมที่หน้าตาสิแจ็ค มีขนมหน้าตาแปลก ๆ อีกตั้งเยอะที่รสชาติอร่อยไม่เหมือนหน้าตา คุณอยากทานอันไหนอีกไหมเดี๋ยวฉันซื้อให้”เพื่อเป็นการตอบแทนที่อยู่เป็นเพื่อนเธอแทนน้องสาวที่หนีหายไปกับมนุษย์ภูเขา

    “ข้าเกรงใจเจ้านะเอลซ่า แต่ถ้าเจ้าจะซื้อให้ข้าจริง ๆ ข้าก็มีที่อยากกินอยู่เยอะเลยล่ะ”ชอบขนมแบบนี้มันเด็กชัด ๆ ดูยังไงก็ไม่เชื่อว่าอยู่มาแล้วร้อยกว่าปี นิสัยยังเด็กแท้ ๆ เด็กมากด้วย หน้าก็... เด็กจริง ๆ

    “เอาเลยสิ แต่กินเค้กนี่ให้หมดก่อนนะ ฉันว่าคุณคงไม่อยากให้มดมาแย่งขนมของคุณหรอก”แจ็คสั่นหน้ารัว เอลซ่าเริ่มอิ่มเพราะเพิ่งทานมื้อเช้าเสร็จมาทำให้เค้กหมดไปเพียงครึ่งชิ้นเท่านั้น กลับกันแจ็คกินจะหมดชิ้นแล้ว

    “คุณจะกินส่วนของฉันไหมแจ็ค? ฉันชักจะอิ่มแล้วล่ะ”แจ็คหันมาพยักหน้าให้เธอ เอลซ่ายื่นขนมเค้กไปตรงหน้าแจ็ค และแล้ว...

    แจ็คถือวิสาสะกินขนมจากมือเธอ ไม่ได้หยิบขนมไปจากมือเธออย่างที่ควรจะเป็น ของแบบนี้เอลซ่าก็เพิ่งจะเคยเจอกับตัว นี่มันท่าทางของหนุ่มสาวในห้วงรักชัด ๆ

    “โทษทีนะ มือข้าเปื้อนหิมะไม่กล้าจับขนมเลย”แจ็คยกมือขึ้นมาให้เอลซ่าดู เธอถอนหายใจเหนื่อย ไม่ได้เหนื่อยกาย แต่เหนื่อยใจ

    “นี่แจ็ค คุณจำได้ไหมว่าคุณตายตอนอายุเท่าไหร่?”

    “17”แจ็คตอบห้วน ๆ ทั้งขนมเต็มปาก

    “งั้นก็พอ ๆ กับอันนา ตอนนี้อันนาอายุ18”

    “เจ้าล่ะ?”แจ็คถามบ้าง

    “21แล้วล่ะ ถึงกำหนดครองราชย์ ฉันขึ้นเป็นราชินีแห่งอาณาจักรนี้ได้เกือบปีแล้ว”เธอเล่าไปพลางถือเค้กป้อนแจ็คด้วย ตอนนี้มันเหลือเพียงไม่กี่คำก็จะหมดอยู่แล้ว

    “เป็นราชินีนี่เหนื่อยไหม? ดูเป็นงานที่สบายจังได้ชี้นิ้วสั่งคนนั้นคนนี้”เอลซ่าถอนหายใจในความเด็กของชายเบื้องหน้า แม้อายุจะมากกว่าอันนา1ปี แต่เขากลับให้ความรู้สึกเหมือนเด็กอายุไม่ถึง15มากกว่าวัยรุ่นอายุ17

    “มันเหนื่อยกว่าที่คุณคิดนะแจ็ค เราต้องดูแลทุกข์สุขของประชาชน ไม่ใช่แต่จะชี้นิ้วสั่งอย่างเดียว เราต้องใกล้ชิดประชาชนเพื่อที่จะได้รู้ปัญหาที่แท้จริงของพวกเขา”เพราะมีงานราช งานหลวงเข้ามาไม่ขาดมือ ราชินีแห่งเอเรนเดลจึงยังมิได้มีเวลามาทำงานรักอย่างใครเขา

    “เหมือนจะง่ายนะ แต่ให้ทำจริงมันคงยากมากเลยใช่ไหม?”เอลซ่าพยักหน้า แจ็คเหม่อมองไปไกลกลืนขนมลงคอจนเกลี้ยง เอลซ่านั่งก้มหน้ามองพื้นที่ปกคลุมไปด้วยหิมะก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าอีกผืนขึ้นมาเช็ดมือที่เปื้อนครีมออกให้สะอาดหมดจด

    “ยากสิแจ็ค บางเดือนข้าทำงานให้ประชาชนจนไม่มีเวลาเป็นของตัวเองเลย มีวันที่ข้าเอาแต่ทำงานอยู่ในวังไม่ออกไปเห็นเดือน เห็นตะวันด้วยนะ”

    “ถ้าจะลำบากขนาดนั้น ข้าก็อยากจะช่วยแบ่งเบาภาระเจ้าบ้าง...”

    “อะไรนะ?”เอลซ่าหูผึ่งขึ้นมาทันที เธอหันมามองหน้าแจ็คฟรอสด้วยท่าทีมึนงง

    “ข้าบอกว่าข้าอยากช่วยเจ้า... ตอบแทนที่เจ้าเลี้ยงขนมข้าไง”ดูเป็นเรื่องเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่มาก เอลซ่ารู้สึกอิ่มเอมใจอย่างบอกไม่ถูกที่บุรุษตรงหน้าต้องการจะช่วยแบ่งเบาภาระของตน แม้จะทำเพื่อทดแทนบุญคุณค่าขนมก็ตามที

    “ขอบคุณนะแจ็ค ฉันอยากให้คุณอยู่กับฉันที่นี่นานจัง”เอลซ่าบอกความคิดของตนให้แจ็ครับรู้ บุรุษผมขาวสั่นหน้ารัวปฏิเสธ

    “ข้าคงทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก ข้ามีอีกหลายที่ที่ต้องไป ไปเล่นกันเด็ก ๆ ไปสร้างหิมะ ไปปั้นตุ๊กตา แต่ถ้าจะให้ข้ากลับมาเยี่ยมเจ้าล่ะก็ได้เสมอเลยนะ”แจ็คยิ้มให้อย่างอบอุ่น

    “นั่นสินะ ฉันก็ลืมไปว่าคุณเป็นเทพแห่งความหนาวเย็น”ต้องไปกระจายความเย็นให้แต่ละพื้นที่ ต้องไปสร้างหิมะให้เด็กเล่นเหมือนที่เธอทำ

    “งั้นเอาเป็นว่า24ชั่วโมงหลังจากนี้เราคงต้องใช้เวลาให้คุ้มค่ากันหน่อยแล้วล่ะ”

    “นั่นสินะ ตอนนี้ต้องรู้สึกมีความสุขสินะ”เอลซ่าฝืนยิ้มอย่างไม่เต็มใจนัก เธอมีความคิดเห็นแก่ตัวอยากให้แจ็คอยู่กับเธอตลอดไป แต่ในใจก็รู้ดีว่าเป็นไปได้แค่เพียงในความคิด

    ความรู้สึกดี ๆ ต่อกันเริ่มก่อตัวขึ้นมาในหัวใจเพื่อละลายน้ำแข็งก้อนโตที่เกาะกุมมาเป็นเวลานาน นี่ไม่ใช่รักแรกพบแต่เป็นการรอคอยเพื่อศึกษาหัวใจของอีกฝ่ายให้ถ่องแท้ ก่อนจะให้คำตอบตัวเองในเรื่องของความรู้สึกหลังจากนี้

    ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะเป็นเช่นไรไม่มีใครรู้ จุดจบจะเป็นเช่นไรไม่มีใครทราบ คงต้องรอลุ้มกันไปว่าน้ำแข็งก้อนโตนั้นจะสามารถละลายได้หรือไม่...
     

    **************************************
    Free talk :
    ตอน2มาเร็วค่ะเพราะแอบแต่งในคาบคอมแล้วเซฟเก็บไว้ เพิ่งรู้ว่ามีคนอวยคู่นี้เหมือนไรต์ด้วย ดีใจจังเลยค่ะ ตอนนี้กำลังคิดอยู่ว่าจะเดินเรื่องต่อไปยังไงดีให้ดูเรื่อย ๆ ลื่นไหล สบาย ๆ ช่วงนี้คงได้แต่คู่Jelsaแหละค่ะเพราะฟินมาก และคงไม่เลิกฟินง่าย ๆ
     
    ว่าด้วยเรื่องขนมต้นสน(เรียกง่าย ๆ)มันมีจริงนะคะ หากินยากเมืองไทยไม่มีขาย ต้องไปกินกันที่ลิทัวเนียไม่ก็ประเทศแถบนั้นแหละค่ะ ส่วนตัวงงจริง ๆ ว่าเขาอบกันยังไง 555

     

     
     
     

     

     
    หน้าตาประมาณนี้แหละค่ะ ข้างในกลวง ๆ แบบปกติจะเชื่อมน้ำตาลหวานมากกกกกก ต้องกินกับนมไม่งั้นเลี่ยน(แล้วแจ็คกับเอลซ่ากินไปได้ยังไงเปล่า ๆ ? มีครีมด้วยนะ 555) คิดตั้งนานว่าจะในกินอะไรกันดีตอนแรกจะเป็นเค้กเก๋ ๆ โรแมนติกเบา ๆ แต่แบบนี้นี่แหละดีแล้วแปลกดี ไว้เจอกันตอนหน้านะคะ บ๊าย บาย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×