คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ...ออกเดินทาง...
แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมาให้เห็นน้ำใสๆ ที่ยังติดตาใบไม้ใบหญ้าให้ดูก็ที่จะระเหยไปกับการเวลา แต่กระนั้นมีเด็กหนุ่มวิ่งหน้าตาตื่นมายังบ้านที่อยู่เนินเขาบ้านแบบญี่ปุ่นโบราณที่ใหญ่ที่สุดในหมู่บ้าน ซึ่งมีหญิงสาวออกมาบิดขี้เกียจอยู่หน้าบ้านในยูคาตะสีขาวกับสุนัขสีเทาเข้มอีกหนึ่งตัว
"อ้าว มีอะไรแต่เช้าเลยละเคอิจิ" หญิงสาวถามเมื่อเห็นเด็กหนุ่มในชุดเสื้อคอจีนแขนยาวสีฟ้ากางเกงขายาวสีกรมท่าวิ่งมาหยุดที่หน้าบ้านหายใจไม่ทัน
"แฮ่ก...แฮ่ก...คะ...มุยไม่...แฮ่ก" เจ้าตัวพยายามจะพุดบางอย่าเนื่องจากการหายใจไม่ทันเลยทำให้ไม่ค่อยรู้เรื่อง
"ค่อยพูดก็ได้ ให้หายเหนื่อยก่อน" หญิงสาวกล่าวติอย่างยิ้มๆ เด็กหนุ่มค่อยหายใจเข้าออกอย่างช้าๆ เพื่อลดความเหนื่อยลง
"พี่ยูสึริฮะครับคามุยไม่รู้ไหนผมไปหาที่บ้านก็ไม่เจอทำไงดีล่ะ" พอพูดได้ก็กล่าวเป็นชุด
"ใจเย็นคามุยนะนอนที่นี้เมื่อคืน" ยูสึริฮะกล่าวทำให้คนฟังถอนหายใจยาวหมดความเป็นห่วง ซึ่งถึงแม้จะอาบแต่งตัวใหม่แต่ผมที่ไม่เป็นทรงได้รูปและขอบตาดำนั้นแสดงหลักฐานได้อย่างดีว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าเป็นห่วงมากขนาดไหน แล้วหันไปเห็นอีกสาวที่กำลังเดินขึ้นมาพร้อมกับกับผ้าในมือ
"อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่อาราชิ" ยูสึริฮะว่าพร้อมเดินมาหาอาราชิในชุดมิโกะสีขาวบริสุทธิ์ตัดกับเส้นผมตรงดำขลำและดวงตาสีเดียวกันกับเส้นผมที่ห่อโดยผ้าคลุมก่อนชั้นหนึ่งถึงมีเชือกมัดด้วยเชือกเส้นเล็ก
"อรุณสวัสดิ์ยูสึริฮะเคอิจิตื้นกันแต่เช้าเลยนะ" อาราชิทักเคอิจิโค้งเล็กน้อยเป็นการทำความเคารพ เด็กสาวมองเห็นปุบก็รู้ทันทีว่าเด็กหนุ่มน้อยทำไมมาแต่เช้าแบบนี้ เพราะปรกติตอนนี้คงยังไม่ตื้นเลยมั้ง
"ไหนๆ ก็มาแล้วเข้ามาข้างในก่อนซิ" เด็กสาวเจ้าบ้านเชิญตามธรรมเนียม
"ตอนนี้คงไม่เพราะข้าต้องไปซื้อของมาทำข้าวเช้าไว้จัดการเสร็จแล้วจะมาใหม่ อ๋อนี้เสื้อผ้าเปลี่ยนให้คามุยด้วย" พลางส่งห่อผ้าให้เคอิจิ แล้วอาราชิก็เดินลงจากไปเคอิจิก้เดินตามยูสึริฮะเข้าบ้านไป
"เคอิจิเจ้าไปปลุกคามุยทีนะตอนนี้อยู่ห้องตะวันตก ข้าจะไปเปลี่ยนเสื้อก่อนมาเจอที่ห้องอาหาร" เด็กสาวกล่าวจบเดินแยกไปทันทีพร้อมสุนัขคู่หูเมื่อ ได้รับมอบหมายเจ้าตัวก็ไม่รอช้าเดินอย่างเร็วมาทางตะวันตกซึ่งเป็นที่พักเดี่ยวสำหรับแขกคนสำคัญเท่านั้น เพราะที่นั้นจะมีครบทุกห้องอยู่ในตัวเลยก็ว่าได้ ด้วยความเป็นห่วงที่สะสมมาตั่งแต่เมื่อคืนนั้นเปิดประตูเข้าไปอย่างไม่เกรงกลัว แต่ที่พบนั้นมีแค่ห้องเปล่าพร้อมฟูกที่นอนเก็บเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่ตรองมุมของห้อง เจ้าตัวมองไม่เห็นใครก็ชักใจเสียเพราะที่นี้ถึงจะมีท่านผู้เฒ่ากับพี่ยูสึริฮะอยู่ แต่ก็มีเจ้าตัวอัตตรายอย่างโทรุ น้องชายของพี่ยูสึริฮะเป็นพวกซาดิสชอบทั้งหญิงชายที่น่ารักและพอเล่นจนหนำใจก็ทิ้งอย่างไม่ใยดี เจ้านี้ตามจีบคามุยมาตั้ง 5 ปีแต่คามุยก็รอดมาได้ทุกครั้ง ตอนแรกก็ทำท่าจะเลิกแต่ไปๆมาๆ มันเริ่มรุกหนัก ยิ่งวันนี้คามุยนอนนี้ด้วยแล้วอาจจะ...เพียงแค่เจ้าก็ยิ่งเป็นห่วงหนักไม่สนใจรอบข้างเริ่มหาที่แรกคือ
/*/คลืน!!/*/
เสียงเปิดประตูที่ไม่มีการเรียกใดๆ นั้นทำให้พบกับเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่กลางบ่อน้ำที่ไม่กว้างมากมีควันลอยขึ้นมาให้เห็นบางตา ผมดำเงาประกายดวงตาสีไวโอเล็ตอมฟ้า ร่างกายที่บอกบางผิวขาวนวลอมชมพู่แสดงถึงเลือดฝาดจากน้ำร้อนมีหยดน้ำตาร่างกายไร้อาทรใดๆ บดบังร่างกายทำให้คนมองถึงตะลึงกับความงามที่เป็นธรรมชาติ เจ้าของห้องที่ถูกบุกรุกตกใจเล็กน้อยก่อนหยิบขันไผ่ขว้างไปทางนั้นทันที่
/*/!!โป็ก~ตุบ!!/*/
ด้วยความแม่นยำโดนหัวแบบเต็มเหนียวจนสลบลงไปนอน ร่างบางรีบคว้าห่อท่อนล่างก่อนไปดูผู้บุกรุกที่กำลังหลับฝันหวานถึงจะเจ็บตัวแต่คุ้มค่าที่ได้เห็นของดี
"เคอิจิ...ทำใจดีไว้" ร่างบางเรียกไปคเยาไปมา แต่ไม่มีท่าทีว่าจะตื่น เลยลากกึ่งถูเข้าห้องไปพร้อมหยิบเสื้อผ้าที่เคอิจิกอดอยู่มาใส่อย่างทะมัดทะเมงในชุดเสื้อคอจีนแขนสั้นสีเทาผ่ากลาง กางเกงสีดำ จัดทรงผมสีดำขลำให้เข้าที่ก่อนหยิบแว่นกรอบเทาขึ้นมาสวม พอดีกับที่เคอิจิเริ่มได้สติขึ้นมาพยายามส่ายหัวไปมา ไล่ความง่วนเงียออกไป "ตื่นแล้วเหลอเคอิจิ 'โทษทีนะไม่ได้ตั้งใจ" ยกมือพนมเป็นการขอโทษ
"ชังเถอะที่จริงฉันเองก็ไม่ดี เอ่อจริงซิเราไปกินข้าวเช้าเถอะพวกพี่ยูสึริฮะรออยู่" พยายามลุกขึ้นร่างบางก็ช่วยพยุงเล็กน้อย แล้วทั้งคู่ก็ออกจาห้องไปรับประทานอาหารที่ห้องอาหารซึ่งเจอกับสาวสวยผมตรงพอดีกันตรงหน้าห้องอาหารพอดี "อรุณสวัสดิ์ครับพี่อาราชิ" เด็กหนุ่มกล่าวทักตามมารยาทหญิงสาวก้มหน้าเล็กน้อยรับพลางส่งยิ้มให้ก่อนจะเปิดประตูให้สองหนุ่มเดินเข้ามานั่งประจำที่ ซึ่งท่านเจ้าบ้านทั้งสองนั่งรออยู่ก่อนแล้ว "รอนานรึเปล่าครับ" เคอิจิถามขึ้นอย่างเกรงใจเล็กๆ "ไม่หลอกพวกเราก็พึ่งมาถึง" หญิงสาวกล่าวผมดำทรงม็อบในชุดมิโกะกล่าวตอบ แล้วทุกคนก้อลงมือทานอาหารเช้าแบบญี่ปุ่นอย่างเอร็ดอร่อยกันจนอิ่มหนำแล้ว กระแอ่ม 2-3 ครั้งเป็นการเรียก "ฉันมีเรื่องจะพูดพวกเธออยู่ 3 เรื่อง 1.คือข้าให้พวกเจ้าไปอยู่กับคาเลนปิศาจไฟเค้าจะช่วยตามหาและดูแลพวกเธอเมื่ออยู่ที่นู้น" "แล้วอยู่ที่ไหนค่ะ" ยูสึริฮะถามอย่างรู้ตาเป็นประกาย "ข่าวสุดท้ายที่ได้รับรู้สึกเค้าจะอยู่ที่ญี่ปุ่น คาเลนพักที่โตเกียว" "เย้~โตเกียวเหลอ ของกินเพียบเรื่องเที่ยวไม่ต้องพูดถึงเลย" เจ้าเริงร่าวาดฝันเต็มที่ "ยูสึริฮะเก็บอาการหน่อย" ท่านผู้เท่าเฒ่าว่าจบ หญิงงามก็หัวเราะแหะๆ กับมาสงบอีกครั้ง "เรื่องที่สองคือข้าอยากให้พวกเจ้าได้เรียนรู้ของสังคมมนุษย์ด้วยดังนั้น" พลางหยิบถุงที่วางใกล้ๆ มีอยู่สี่ใบส่งให้แต่ละคน พอรับทุกคนต่างหยิบออกมาดู นั้นเป็นเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่ออกจะแตกต่างกันเล็กน้อย "อาราชิเจ้าต้องคอยหาข่าวเพราะงั้นข้าเลยว่าให้เจ้าช่วยทำงานกับคาเลนส่วนสร้อยคอเป็นตัว 'อุปกรณ์เก็บพลัง' " ท่านผู้เฒ่ากล่าวอธิบายถึงสร้อยคอที่มีจี้รูปหิมะแสนสวย อาราชิรับทราบโดยการโค้งคำนับเล็กน้อย "ส่วนของยูสึริฮะข้าให้เจ้าเป็นนักเรียนมหาลัยสาขาชาติพันธุ์วิทยาแล้วสร้อยคอมือนั้นก็เป็นของเจ้า" ยูสึริฮะมองสร้อยคอมือวงกลมที่ค่อนข้างใหญ่ไปเล็กน้อยมีลายรูปสุนัข เจ้าตัวหน้าเบ้เล็กน้อย "แล้วชาติพันธุ์วิทยาคือ..." ยูสึริฮะถามอย่างสงสัย "เกี่ยวกับวัฒนธรรมรึตำนานต่างๆ ไงล่ะ" อาราชิแทรกอธิบายแทนให้ เด็กสาวทำหน้าอ๋ออย่างเข้าใจ 0"ส่วยคามุยกับเคอิจิข้าให้พวกเจ้าเรียนหนังสือชั้นม.4 ของโรงเรียนX ต่างหูดำนั้นเป็น 'อุปกรณ์เก็บพลัง' ของเจ้าเคอิจิ" เล็กน้อยก่อนมองเครื่องแบบนักเรียน และมีบัตรประจำตัวที่มีรูปของเค้าทั้งคู่...ชิโร่ คามุย...เซงาวะ เคอิจิ... "นั้นบัตรประจำตัวของพวกเจ้าเพราะเข้าเรียนจำต้องมีมันนะ" ท่านผู้เฒ่าเริ่มสาธยายยาว ส่วนคนฟังที่ฟังมั่งไม่ฟังมั่งจนแน่ใจว่ากล่าวจบแล้วเคอิจิก็เริ่มถามอย่างรู้ "เอ่อท่านผู้เฒ่าไม่เตรียม 'อุปกรณ์เก็บพลัง' ให้คามุยเหลอ" แต่ได้ไม้ฟาดหัว ด้วยความรู้ทันเลยหลบได้ "เจ้าโง่คามุยนะเป็นลูกครึ่งแวมไพร์นะ ถึงตอนกลางวันจะไม่สามารถแสดงพลังได้ แต่ถ้าเป็นกลางคืนนะมันอีกเรื่องโดยเฉพาะวันพระจันทร์เต็มดวงพลังจะมากที่สุดและ อาจจะกระหายเลือด ตามประสาของผีดูดเลือดเพราะงั้น" ว่าแล้วก็หยิบต่างหูหวงสีดำยืนให้เด็กหนุ่มผมดำ ที่หวงถ้าดูดีๆ จะมีรายอักสรสีทองประกายเล็กๆ เมื่อต้องแสง "ในวันเพ็ญคามุยเจ้าอยู่แต่ในห้องนะ" เด็กหนุ่มพยักหน้ารับ เพราะทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวงเค้าจะต้องอยู่แต่ในบ้านไม่ไปไหน ตอนนั้นเค้ายังเด็กมากเคยออกมาจากบ้านตอนคืนเพ็ญ แล้วเกิดอาลวาทจำได้ว่าเค้าหิวมากไม่เคยหิวมากมาก่อน พอเจอสัตว์เล็กที่มีเลือด กระโจนไปจับมากินแต่เลือดอย่างเอร็ดอร่อยจากนั้นสติก็ละลายหายไป มารู้สึกตัวอีกทีตอนเช้าในห้องของเค้าพร้อมแผลเต็มตัวเนื่องจากที่ทุกคนที่มีแรงและอาคมช่วยกันจับ แต่พลังของเค้ามากกว่าเลยต้องใช้วิธีรุนแรงบ้าง ทำคนในหมู่บ้านไม่ค่อยอยากเสวนาด้วยแล้ว เพราะอำนาจที่มากของเค้า พลางจับต่างหูไม้กางเขนอย่างไม่ได้ตั้งใจ เวลาที่คิดอะไรเพลินๆ รึนึกถึงเรื่องราวต่างของตนนั้นมักจะจับต่างหูอย่างลืมตัว จนติดเป็นนิสัยติดตัวไปตั่งแต่เมื่อไรไม่รู้ "ส่วนเรื่องสุดท้ายคือคามุยเจ้าต้องเอาไม้กางเขนประจำตัวกลับมา ถึงอาจเป็นเรื่องลำบากใจไปหน่อย" คนฟังถึงกับอึ่งกับคำสั่งสุดท้ายที่เค้าต้องทำ "คามุยมันจำเป็นต่อการคืนบันลังขององค์ชายและตัวเจ้าด้วยมันจำเป็นมากนะ/ ยิ่งทำให้ร่างบางคิดหนักมากขึ้นถึงตำแหน่งของตน ตัวตนของตน และ สัญญา ที่เค้าเคยให้กับฟูมะไว้ ยิ่งทำให้กำต่างหูแน่นขึ้น แต่จะตามหาเค้าเจอได้ไง อีกอย่างบางทีเค้าอาจจะลืมและทิ้งไปแล้ว ชายชลาที่มองดูอยู่นานถอนหายใจยาวก่อน "เรื่องนั้นนะไม่ต้องห่วงเค้ายังไม่ทิ้ง และไม่เคยลืม สัญญา นั้นหลอกนะ เค้าอยู่โรงเรียนเดียวกับเจ้าไง" คำกล่าวที่เรียกรอยยิ้มบางจากเด็กหนุ่มนัยน์ตาประกายสีอเมทิสย์ได้อย่างดี จนคนที่นั่งฟังอยู่นานเริ่มเกิดอาการหึงจนเก็บไม่อยู่ "สัญญาอะไรนะครับท่านผู้เฒ่า คามุย" คำถามที่ดูจริงจังเป็นพิเศษกับตัวหน้าที่เน้นหนักเป็นพิเศษ ทำให้ตัวดีของเราไม่รู้จะตอบยังไงได้ แต่ยิ้มเห็นฟัน ท่านผู้เฒ่าเห็นท่าไม่ดีเลยรีบหยิบของอีกอย่างในกล่องไม้ออกมา "อะแฮ่ม...ในกล่องนี้สามารถติดต่อกับข้าได้เพราะงั้นไม่ต้องห่วง" พลางส่งให้อาราชิรับมาถือไว้ และเมื่อหมดกิจ เคอิจิก็เริ่มกลับมาคาดคั้นใหม่ แต่ก็ถูกขัดอีกครั้งเมื่อมีแขก 4-6คนพวกพราดเข้ามากระทันหั่น และทุกคนต่างหอบมาพร้อมแผลถลอกเล็กน้อยบ้างบางคนนนั้นก็มีคนรู้จักด้วยเช่นกัน "แม่มาได้ไงแล้ว..." เคอิจิรีบลุกเดินไปหาหญิงกลางคนสำรวจแม่ของตนที่ถือของพลุงพลัง และคนอื่นก็ไม่ต่างกันบ้างนัก "ท่านผู้เฒ่าพวกมันรู้เรื่องแล้วและกำลังเข้ามาในเขต ตอนนี้กำลังถ่วงเวลาอยู่ครับ" ชายกลางคนที่ดูท่าทางแข็งแรงและมีแผลมากที่สุดรายงาน ยิ่งทำให้คนในห้องตกใจเป็นอย่างมาก เพราะไม่นึกว่าจะเร็วขนาดนี้ "แบบนี้คงต้องรีบให้พวกเค้าไปเถอะไม่งั้นแย่แน่ๆ" หญิงสาวอีกคนรีบเสนอ ท่านผู้เฒ่าเองก็เห็นด้วย "อาซิมะเจ้าไปถ่วงเวลาให้นานที่สุด ส่วนพวกนานามิพวกเจ้าไปบอกทุกคนในหมู่บ้านให้ตามแผนการ ส่วนพวกที่เหลือตามข้ามา" คำสั่งของหัวหน้าหมู่บ้านดังขึ้นทุกคนรีบทำตามหน้าที่ตนเอง อย่างเคร่งครัดผู้ชายแกร่งนาม อาซิมะนำกำลังมาต้าน ยื่นนำหน้ากองปิดทางเข้าหมู่บ้านจากทางแม่น้ำ ซึ่งฝั่งตรงข้ามนั้นเต็มไปด้วยทหารปิศาจมืด ปิศาจที่ไม่มีสมองรูปร่างเหมือนมนุษย์ ไร้สติคิดถึงแต่การฆ่าฟันเท่านั้น ถ้าสู้กันละก็พวกเค้าคงจบแน่ไม่ถึง 10 นาทีเลยด้วยซ้ำ ไม่ซิทั้งหมู่บ้านเลยก็ว่าได้...แต่โชคยังเค้าข้างที่หัวหน้าฝ่ายนู้น โคโนเอะปิศาจรัตติกาลน้องสาวสุดที่รักของราชินีฮิโนโตะ ที่คอยดูดชิวิต เพื่อความสาว สวย ยาวนาน แต่เดิมพวกเราก็เป็นปรปักกันกับราชินีมานาน แต่ที่พวกมันไม่สามารถทำได้ เพราะหมู่บ้านอยู่ใน ป่าต้องห้าม ที่มีปิศาจอาคมทั้งหลายรวมทั้งผู้เฒ่าของหมู่บ้านนี้สร้างขึ้นมา ถ้าไม่อนุญาตรึคนในหมู่บ้านถึงจะเข้าได้ แต่ถ้าพวกปิศาจนั้นโจมตีพร้อมกันก็อาจไม่แน่ เพราะงั้นต้องระวังไว้ก่อนตอนนี้จึงต้องถ่วงเวลาให้นานที่สุดจนกว่าพวกเด็กจะเดินทางเข้าถ้ำ ทางด้านพวกนานามิมาประการทุคนต่างพากันเก็บของมีค่าลาเด็ก สตรีมีครรณ์ และคนแก่หลบไปที่ปลอดภัย ส่วนพวกที่เหือต้องคอยดูแลกันไม่ให้เกิดเรื่องกับหมู่บ้านที่เป็นแหล่งบ้านเกิด กลุ่มสุดท้ายที่เดินทางมาถึงปากทางเข้าของถ้ำที่สำคัญ เป็นประตูเปิดสู่โลกมนุษย์และโลกปิศาจ หญิงสาวรีบส่งกระเป๋าให้เหล่าเด็กๆ ที่เป็นความหวังที่ส่องสว่างของพวกเค้า แต่สำหรับพวกเด็กๆ แล้วที่นี้เป็นสถาที่เกิดและเติบโตมีบุคคลที่รักอยู่ "แม่ฮะ...ผมจะรีบกลับนะฮะ...อย่าตายนะ" บุตรชายรับกระเป๋าพร้อมกอดผู้เป็นแม่อย่างอาลัย ทางด้านคนอื่นก็เช่นกัน ยกเว้นเพียงคามุยที่ยื่นมองพวกเค้าอย่างอาลัยนึกถึงครอบครัว ที่ไม่มีทางจะอยู่ด้วยกันอีกแล้ว เพียงแค่คิดถึงแว่นกรอบเทา ก็มิอาจบดบังในตาสีอเมทิสต์ที่เศล้าสร้อยนั้นได้ แต่บรรากาศนั้นก็ถูกทำลายด้วยกลุ่มชายชุดดำเดินออกมาจากพุ่มไม้ "มารินี้เจ้า!!" ผู้เฒ่าว่าพลางกัดฟันกรอบที่พวกนั้นมันรู้เรื่อง เพราะในหมู่บ้านมีหนอนบอนใส้อยู่ แถมยังนำปิศาจเข้ามาอีก ทุกคนต่างพากันตั้งท่าสู้ พริบตาเดียวปิศาจมืดล้อมพวกเค้าเอาไว้หมด "ขอโทษทีนะทางนั้นเค้าให้เงินดี แค่ส่งเด็กลูกครึ่งนี้ให้ก้อจบ" พลางเดินเข้ามาจับคางเรียวงามเชิดขึ้น แต่สายตาของร่างบางที่มองกลับไปนั้นเหมือนกับปิศาจสวะ ยิ่งบันดาดโทสะให้กับปิศาจสวะตรงหน้าจนเผลอตบไป ทำให้แว่นตากรอบเทาตกพื้น โลหิตไหลลงจรดปลายคางงามและร่วงลงพื้นตามแรงโน้มถ่วงโลก ทำให้สบตาสีอเมทิสต์แข็งกร่าว ทำให้สะดุ้งเล็กน้อยก่อนพยายามกลับเก๊กท่าวางกล้ามของผู้ที่ไพ่เหนือกว่า "ว่าไงถ้าไม่อยากให้พวกนี้ตายก้อตามมาดีๆจะดีกว่า" มาริเริ่มต่อลองความปลอดภัยของพวกเค้า ถึงพวกเค้าจะเก่งแค่ไหน แต่ถ้าทำอะไรไม่ระวังก็เหมือนเอาศึกเข้าบ้านได้ตอนนี้คงต้องทำตามไปก่อน พอเริ่มก้าวเท้าไปหาทางนั้นถึงทุกคนจะพยายามห้าม แต่ก็ไร้ผลตอนนี้พวกเค้าเป็นเหมือนคนสำคัญมาก และที่นี้ก็เป็นสถาที่เค้าเติบโตมาดังนั้น ก็อยากรักษาไว้ รอยยิ้มเจ้าเล่เริ่มฉายแววขึ้นบนใบหน้าที่ยูยี้ของปิศาจผู้ทรยศ /*/ตูม!!~ผั่วะ!!/*/ ระเบิดควันปาลงยังระหว่างปิศาจทรยศกับเด็กหนุ่มควันทำให้มองไม่เห็นอะไร แต่ตอนนั้นร่างบางเห็นร่างคนจางๆ ซัดกับปิศาจนั้นจนได้รับชัยชนะพอควันเริ่มจางก็เผยให้เห็นเหล่าบุคลที่มาช่วยไว้ "โทรุ..." บุคลที่ไม่หน้าเชื่อ เดินองอาจเข้ายิ้มเล็กน้อย พลางก้มหยิบแว่นส่งให้ ยิ่งทำให้เจ้าของงงเล็กน้อยกับการกระทำของเค้า เพราะถึงจะเลวยังไงเค้าก็รักหมู่บ้านนี้ เจ้านี้ก็ดีกว่าที่คิดแฮะ พอคิดแบบนั้นมือเรียวงามคว้าแว่นอย่างเกร็งนิดหน่อย แต่แล้วความคิดนั้นต้องรีบทิ้งไปเมื่อรับแว่นแล้ว มือแกร่งดึงร่างบางเค้ามาจุมพิษแบบเม้า~ทู~เม้า ต่อหน้าต่อตาเคอิจิที่บังเอิญหันมาเห็นพอดี ด้วยความตกใจและรังเกียจจึงต่อยเข้าให้ลงไปนอนเจ้าตัวรีบเอามือมากุมแก้มที่ต่อยร้องอวดครวนไปมา แต่ก็คุ้มที่ลองได้เพสรคิศของคามุยมาแบบนี้ เจ้าตัวที่ไม่เคยจริงจังกับใคร แต่กับร่างบางเท่านั้นที่เค้ารักจริง และอยากปกป้อง พอควันจางจนเห็นทุกอย่างคือปิศาจมืดถูกกำจัดหมดแล้วด้วยฝีมือของกลุ่มที่ใครว่าเป็นแค่อัตพาล แต่เหตุการณ์นี้ได้พิสูจถึงตัวพวกเค้าได้เป็นอย่างดี "พวกเจ้า..." ท่านผู้เฒ่ามองหลานของตนอย่างภาคภูมิ ถึงบางเรื่องจะทำแต่เรื่องมาให้ก็ตาม "อย่าพึ่งซึ่งเลยรีบเดินทางเถอะ" โทรุลุกขึ้นว่าพลางยกไหล่เดินเข้ามาในกลุ่มที่เคอิจิยื่นกำมัดแน่นมองอาฆาตอยู่ "คามุยนะข้าจะไม่ยกให้ใคร" เคอิจิว่าอย่างมาดหมั้นอย่างเต็มที่มองแต่ร่างบางที่กำลังงวนอยู่กับการเช็ดปากให้พ้นจากรสจูบบ้านั้น "ข้าจะรอดู ไปที่นู้นนะปกป้องให้ได้ส่วนทางข้าดูแลเอง" คำกล่าวที่ดังขึ้นพลางตบไหล่สูงก่อนเดินจากมายังผู้เฒ่าที่กำลังมองอย่างหนักใจเล็กน้อย "ไม่ต้องสั่งข้าก็ทำอยู่แล้ว" ร่างสูงว่าอย่างงุบงิบ แล้วก็ปล่อยให้เด็กๆ ลำลาคนสำคัญอีกครั้งก่อนพากันเดินเข้าไปในถ้ำที่นำโดยคามุย พลางหันมามองท่านผู้เฒ่าพลางโค้งเล็กน้อย แล้วที่เหลือก็เดินตามเข้าไปในถ้ำมืดมิด เหล่าผู้ปกครองต่างยื่นมองอย่างอาลัย แม่ของเคอิจิถึงกลับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ร้องโห่ออกมา "พวกเราต้องทำได้และกลับมาแน่นอนครับ" เสียงบอกที่ดังขึ้นทำให้เหล่าผู้ปกครองยิ้มได้ทั้งน้ำตาถึงจะเสียใจที่ต้องส่งพวกเค้าไป แต่ก็เชื่อว่าพวกเค้าต้องทำได้แน่นอน แต่ตอนนี้พวกเค้าต้องรีบหยุดกองทัพที่จะทำลายหมู่บ้านก่อน "พวกเราไปกันเถอะ" คามุยกล่าวอย่างมาดมั่น และเดินตรงไปปลายที่พวกเค้าต้องเจอข้างหน้า ไม่ว่าอะไรจะเกิดเค้าต้องทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ เพราะตอนนี้พวกเค้ากำลังแบกรับชะตากรรมของโลกปิศาจไว้บนบ่าทั้งสองข้างโดยเฉพาะ...คามุย...ทางข้างหน้านั้นมีทุกสิ่งรอสำหรับเค้า... /*/โปรดติดตามตอนต่อไป/*/
ความคิดเห็น