ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พนักงานเลี้ยงเด็ก(โข่ง)

    ลำดับตอนที่ #3 : ในวันที่เร่งรีบ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.79K
      191
      12 พ.ย. 64

    -2-

    ในวันที่เร่งรีบ

     

          แสงแดดยามเช้าส่องกระทบผิวขาวของคนที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียง  แพขนตางามงอนขยับเล็กน้อย  เปลือกตาค่อย ๆ เปิดขึ้นจนเห็นดวงตากลมโตสีม่วงธรรมชาติ ก่อนที่เจ้าของร่างเล็กจะทอดสายตามองแสงที่ลอดผ่านผ้าม่านสีทึบเข้ามา  ขณะเดียวกันท้องก็ส่งเสียงร้องโครกครากจนชายหนุ่มต้องรีบเบนสายตาไปมองนาฬิกาสีขาวรูปการ์ตูนซึ่งติดอยู่บนฝาผนัง  ทันใดนั้นเองดวงตากลมโตก็เบิกขึ้นจนกว้าง เพราะตัวเลขที่มองเห็นมันบอกว่าเวลาในตอนนี้คือ เก้านาฬิกาห้าสิบหกนาที  โดยที่วันนี้ตัวเขาเองและเพื่อน ๆ นัดพบกันเวลาสิบเอ็ดนาฬิกาตรง 

    “โว้ย...!!” อคิราห์รีบดีดตัวลุกออกจากเตียง  ก้าวเท้ายาว ๆ ไปคว้าเอาผ้าขนหนูวิ่งเข้าห้องน้ำ เขาวางผ้าขนสีแดงแปร๊ดพาดราวเอาไว้แล้วรีบถอดเสื้อผ้าออกจากตัว  ก่อนจะหันไปเปิดฝักบัวพร้อมกับหยิบสบู่เหลวออกมาบีบใส่มือทั้งที่ตัวยังเปียกไม่ทั่ว ไม่ทันไตร่ตรองชายหนุ่มถูน้ำเหนียวสีขุ่นประกายระยิบระยับลงไปบนผิวขาวละเอียดอย่างลวก ๆ จนเกิดฟอง ขณะเดียวกันเหล่าฟองลูกเล็กลูกน้อยก็ถูกชำระออกโดยสายน้ำที่หยดลงมาไม่ขาด  ต่อมาเขายื่นมือข้างหนึ่งไปหยิบยาสีฟันขึ้นมาบีบลงบนแปรงก่อนจะยกขึ้นมาสีไปสีมาในโพรงปาก  พร้อมกันนั้นก็เอ่ยพูดกับตัวเองให้เร่งรีบ  เพราะทราบดีว่าสถานที่ที่ใช้ชีวิตอยู่มีรถที่แน่นขนัดขนาดไหน “ต้องรีบแล้ว ต้องรีบ” 

    “โอ๊ยอิม มึงจะไปทันพวกมันไหมเนี่ย ฮือ”

    ใช้เวลาไปสิบห้านาทีในที่สุดอคิราห์ก็เดินออกมาจากห้องน้ำเสียที  เขาเดินตรงไปที่ตู้เสื้อผ้าแล้วเปิดมันออก  มือข้างหนึ่งก็ถือผ้าเช็ดตัวเช็ดไปเช็ดมาที่ง่ามขาซึ่งโป๊เปลือยไร้สิ่งปกคลุม  นัยน์ตาสีหายากกวาดมองเสื้อผ้านับสิบที่แขวนเรียงรายแล้วหยิบเสื้อยืดกับกางเกงสามส่วนสีกากีออกมาเข้าคู่กัน หลังจากแต่งตัวเสร็จแล้วก็หันไปมองตัวเองในกระจก กลับพบว่าความหล่อเหลาที่คุณวันนาบรรจงปั้นมาให้นั้นแสนน้อยนิด  เห็นแบบนั้นชายหนุ่มจึงเดินกลับไปยังตู้อีกครั้งแล้วเปิดมันออก เพื่อหยิบเสื้อยีนส์สีอ่อนออกมาสวมทับเสื้อยืดที่ชายถูกยัดเข้าไปในกางเกง “ค่อยหล่อขึ้นมาหน่อย”

    ทว่าก็ไม่ได้มีเวลาให้ยืนชื่นชมด้วยความภาคภูมิใจนานนัก  เหตุจากที่หางตาเหลือบไปเห็นเข็มของนาฬิกาซึ่งเดินไปจนเกือบจะถึงเลขสิบเอ็ดอยู่รอมร่อ  เพียงเท่านั้นชายหนุ่มก็รีบตาลีตาเหลือกไปคว้ากระเป๋าคาดอกสีดำและกุญแจที่ห้อยไว้กับตะขอลายหมีพูห์มาถือไว้ ก่อนจะหันหลังเดินไปยังลิฟต์ไม่ลืมใช้กุญแจล็อกห้องไว้อย่างแน่นหนา  ก้าวเท้าไม่นานอคิราห์ก็เดินมาถึงหน้าลิฟต์  เขากดย้ำ ๆ แล้วยกแขนข้างหนึ่งที่สวมใส่นาฬิกาขึ้นมาดูเวลาอีกครั้ง รองเท้าสีขาวสะอาดโยกโย้เพราะเจ้าของร่างเล็กยืนไม่อยู่สุข 

    ติ๊ง!!

    เป็นเวลาเกือบหนึ่งนาทีกว่าลิฟต์จะเปิดออกตรงหน้า  เขาเดินเข้าไปยืนในลิฟต์ที่มีหญิงสาวหลายคนในชุดเที่ยวเล่นยืนคุยหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน แล้วยื่นมือออกไปกดเลขชั้นที่ตัวเองต้องการ  อดทนต่อสายตาที่มองมาให้ชวนเคอะเขินได้ไม่นาน ประตูลิฟต์ก็เปิดออกพร้อมกับร่างสูงสมส่วนของใครบางคนที่เดินเข้ามา  เรียกสายตาของหญิงสาวเหล่านั้นให้หันเหความสนใจจากเขาไปจนหมด  จากใจที่พองโตเมื่อครู่ค่อย ๆ กระบู้กระบี้จนเล็กลีบและไร้แรงสูบฉีดเหมือนเมื่อไม่กี่วินาทีไป ราวกับไม่เคยมีมาก่อน “รอให้หล่อก่อนเถอะ ชิ” 

     

    11:02 น.

    Suzuki Zwift GL Plus สีดำตัดลวดลายตกแต่งสีแดงเทาจอดลงที่ลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งใจกลางเมือง โดยที่ผู้ขับขี่ก็กวาดตามองซ้ายมองขวาเผื่อว่าจะเจอคนรู้จักหรือเพื่อนที่อาจจะมาในเวลาเดียวกัน  แต่มองแล้วมองเล่าก็ไร้วี่แวว  เห็นดังนั้นอคิราห์จึงเดินลงจากรถ เขาเดินเข้าไปที่ทางเข้าแล้วขึ้นตรงไปที่ชั้นสองของห้าง  ซึ่งชั้นนี้จะเป็นที่สำหรับนั่งเล่น มีคาเฟ่เล็ก ๆ  มีร้านไอศกรีมสกรีนชื่อร้านตัวโต ร้านของเล่นของเด็ก และร้านขายน้ำดื่มอีกมากมาย 

    ทันทีที่ถึงจุดมุ่งหมายชายหนุ่มไม่คิดรีรอสิ่งใดเลยสักอย่าง  เขาเปิดประตูไปด้วยความลนลาน สายตาว่อกแว่กกวาดมองไปจนทั่วร้านไอศกรีมที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ จนกระทั่งเห็นเป้าหมายที่ตัวเองต้องการเจอชายหนุ่มถึงได้รีบจ้ำอ้าวเข้าไปหา พร้อมกันนั้นก็ส่งเสียงทักทายพวกพ้องด้วยเสียงที่ติดจะหอบเล็กน้อย “ไง มากันนานรึยัง”

    “มาก่อนมึง 2 นาที” เป็นชายหนุ่มวัยไล่เลี่ยกันทว่าตัวสูงชะลูดอย่างเทมป์ที่เอ่ยตอบรับเป็นคนแรก

    ไม่กี่วินาทีต่อมาชายหนุ่มร่างเล็กที่รูปร่างอ้วนท้วมสมบูรณ์อย่างกายก็รีบแทรกบทสนทนาของเพื่อนตัวสูงขึ้น “ก่อนไอ้เทมป์ 5 นาที ” 

    “กูมาคนแรก ก่อนไอ้กาย 1 นาที” ตามด้วยไป๋ผู้ซึ่งมีความมั่นใจเกินร้อย  และวันนี้ก็เช่นกัน  เขาพกความมั่นใจมากับเสียงแหบแห้งทรงเสน่ห์ และเส้นผมสีแดงส้มเลียนแบบผลของมะเขือเทศสุกจัด  มิวายมีสีเขียวเข้มตรงด้านบนเลียนแบบขั้วให้ดูสมจริง

    “พวกมึงดูรีบนะ”

    “หรือมึงไม่รีบ” กายถาม

    “แน่นอน ระดับอิมเมจซะอย่าง” เจ้าของร่างเล็กยืดตัวตรงแล้วยกแขนขึ้นมากอดอก พูดมันออกไปด้วยความมั่นใจ  ยิ่งเห็นว่าเพื่อน ๆ ต่างหันมามองก็ยิ่งรีบสรรหาคำมาเสริมแต่งให้ดูดีขึ้นกว่าเก่า “รีบจนหางจุกตูด”

    หากแต่ท่าทีกับคำพูดที่หลุดออกมากลับทำให้เหล่าชายฉกรรจ์พวกนั้นหัวเราะเยาะเย้ยอย่างสนุกสนาน แตกต่างจากเจ้าของคำพูดที่ขมวดคิ้วเข้าหากันเรื่อย ๆ ตามระดับของเสียงหัวเราะ ขณะเดียวกันก็เหลือบตามองรอบข้างที่ผู้คนเริ่มให้ความสนใจกับพื้นที่ที่พวกเขาจับจองมากขึ้นเสียแล้ว

    “เฮ้ย!!” มาแล้วผู้โชคดีคนสุดท้าย  ทันเดอร์วิ่งกระหืดกระหอบมาทางพวกเขาดูเหน็ดเหนื่อย  นัยน์ตาสีน้ำตาลที่ซ่อนอยู่ใต้เปลือกตาตี่ ๆ นั่นกดลงมองพื้นสีขาวสะอาดที่พนักงานบรรจงเช็ดถูอย่างเอาใจ  และแน่นอนว่าไม่ว่าจะมีใครเพิ่มมา คำถามที่ถูกเอ่ยจากคนที่เข้ามาก็มักจะเป็นคำถามคำถามเดียวกันทั้งนั้น “พวกมึงรีบหรือไงวะ แฮ่ก ๆ ”

    “ไม่รีบ แค่ว่าง ๆ เลยมานั่งรอ” ไป๋บอกพร้อมกับยิ้มยียวนกวนประสาท  ขนาดอคิราห์ที่ไม่ใช่คนถามยังรู้สึกหมั่นไส้ในคำตอบที่ได้รับ แล้วนับประสาอะไรกับทันเดอร์ที่กำลังจ้องเขม็งไปที่คนตอบอย่างเอาเรื่อง ทว่าท่าทีเอาเรื่องของอีกฝ่ายมันกลับกลบความสุภาพที่แผ่ออกมาจากตัวไม่ได้ 

    “ตามข้อตกลง มึงมาคนสุดท้ายมึงเลี้ยง” เทมป์พูดบอก

    “ใช่” อคิราห์และกายเอ่ยบอกพร้อมกัน พลางพยักหน้าหงึก ๆ  เป็นตัวเสริมที่ไม่จำเป็นต้องพูดทั้งหมดก็สามารถแปลสารออกมาได้ว่า...มึงต้องเลี้ยงนะ

    “เฮ้อ! พวกมึงรีบไปสั่งเลย” ทุกคนต่างพยักหน้าเข้าอกเข้าใจ  บ้างก็ไหวไหล่ด้วยท่าทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “เอาให้เต็มที่เลยนะ เพราะกูสบายมาก”

    “จริงเหรอ” 

    “กูเคยโกหกเหรอ มึงก็รู้นิอิมว่าแค่นี้ขนหน้าแข้งกูไม่ร่วงหรอก”

    เบ้ปาก  อดไม่ได้เลยที่อคิราห์จะเบ้ปากออกมา พร้อมทั้งมองร่างสูงกำยำของเพื่อนสนิทที่แทรกตัวเข้ามานั่งข้างกัน  ทว่ามันก็เป็นความจริงที่ว่า แค่นี้ไม่สามารถทำให้ขนหน้าแข้งของทันเดอร์ร่วงได้ แต่จะร่วงได้อย่างไรในเมื่ออีกฝ่ายเป็นถึงลูกชายเจ้าของโรงงานผลิตน้ำผลไม้ชื่อดัง “ทันชอบอวด”

    “หึ ๆ ก็มีให้อวด”

    “แหวะ” 

    “หยุดจีบกันก่อนได้ไหมครับไอ้พวกนี้” คนถูกกล่าวหาว่าจีบกันหันขวับไปจ้องไป๋อย่างสงสัย ทำเอาคนแซวรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่นเพื่อกลบเกลื่อนแทบไม่ทัน 

    “แล้วใครจะไปสั่ง” 

    “เดี๋ยวกูไปเอง”

    “ไม่ต้อง เดี๋ยวกูไป” เป็นกายที่ลุกขึ้นอาสาจะไปสั่งของทานเล่นมาให้เพื่อน ๆ  ทว่าเทมป์ที่เอ่ยถามถึงคนที่จะไปสั่งกลับรีบแทรกขึ้นมาว่าจะไปเอง  ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็เหมือนจะไม่ไปอยู่แท้ ๆ 

    รอเพียงไม่นานของหวานหลากหลายรูปแบบก็ถูกเสิร์ฟโดยฝีมือของพนักงานที่ยิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลา  เธอค่อย ๆ หยิบถ้วยไอศกรีมออกมาทีละถ้วยจนครบถ้วน พร้อมกันนั้นก็เอ่ยบอกกับลูกค้าด้วยน้ำเสียงนุ่มละมุนชวนฟัง “ทานให้อร่อยนะคะ”

    “ขอบคุณครับ” ฝั่งลูกค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมทุกชนิดก็เอ่ยตอบอย่างพร้อมเพรียง เพื่อไม่ให้พี่พนักงานต้องพูดอยู่คนเดียว  เธอยกยิ้มแล้วค้อมหัวลงก่อนจากไปด้วยหัวใจของนักบริการ  ทำเอาอคิราห์ที่มองอยู่พูดชื่นชมเจ้าหล่อนอยู่หลายครั้งหลายคราในใจ

     

    12 : 30 น.

    “กูว่าเราไปดูหนังกันไหม นาน ๆ ทีจะได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาแบบนี้” หลังจากนั่งทานของหวานกันเกือบจะหมดแล้วทันเดอร์ก็เปิดบทชวนขึ้นแบบไม่ทันได้คิดอะไร  เขาพูดมันออกไปเพียงเพราะอยากใช้เวลากับเพื่อน ๆ อีกสักหน่อย เพราะนานแล้วที่ไม่ได้เจอหน้าค่าตากันแบบตัวต่อตัวเช่นนี้ 

    ได้ยินแบบนั้นอคิราห์ก็หันไปมองคนข้างตัวอย่างเห็นด้วย ทั้งที่ริมฝีปากมีคราบไอศกรีมรสวานิลลาสีอ่อนติดอยู่ เถียงไม่ได้เลยที่พวกเขาไม่ได้อยู่กันแบบพร้อมหน้าพร้อมตาแบบนี้มานาน  หากนับเวลาก็เกือบปีแล้วด้วยซ้ำไป  ส่วนเหตุผลน่ะเหรอ  มันง่ายมาก เพียงเพราะยามทำงานเขาค่อนข้างที่จะบ้างานพอสมควร  ทำมันเหมือนว่าตัวเองติดหนี้นอกระบบร้อยล้านพันล้าน ทั้งที่ในความเป็นจริงไม่มีหนี้นอกระบบแม้แต่บาทเดียว  จะมีก็แต่ความคิดที่ว่า ยิ่งทำก็ยิ่งเก็บเงินได้เยอะ ยิ่งวันไหนมีโอทีอคิราห์คนนี้ไม่เคยคิดจะปฏิเสธเลยสักหนเดียว  จะเรียกขยันหรืองกก็คงไม่แตกต่างกัน 

    “ไปดิกูว่าง” เพราะแบบนั้นเขาเลยไม่คิดจะปฏิเสธคำเชิญชวนของเพื่อน 

    “ดูเรื่องอะไรดี” เทมป์ถาม

    “ค่อยไปดูตัวอย่างหน้าโรงแล้วกัน” เป็นเจ้าหนุ่มผมมะเขือเทศที่เอ่ยตอบก่อนจะพากันลุกออกไปยังบันไดเลื่อน เพื่อขึ้นไปชั้นบนที่เป็นชั้นของโรงภาพยนตร์ 

    เมื่อมาถึงก็พากันล้อมวงดูตัวอย่างและรายชื่อของภาพยนตร์ที่เข้าฉายในเวลาเดียวกันกับที่พวกเขาสามารถอยู่ได้  “เรื่องนี้ไหม”

    “ไม่เอา เอาเรื่องนี้ดิ เหมือนมันจะสนุกอยู่นะ” 

    “สนุกอยู่แปลว่าไม่สนุกหรือเปล่ากาย”

    “สนุกก็คือสนุกดิวะไอ้จ๊าดง่าว”

    ยืนดูไป๋กับกายถกเถียงกันได้ไม่นานก็ได้ผลสรุปมาว่า พวกเขาจะดูหนังผี  ซึ่งหนังเรื่องนี้เป็นผลงานของผู้กำกับคนไทย หรือเรียกง่าย ๆ ว่ามีผลผลิตมาจากประเทศไทยนั่นแหละ โดยเนื้อหาในภาพยนตร์จะพูดถึงศาสนามากพอสมควร  แต่ก็นะ มันคือเรื่องของคนที่จะมาบวชเป็นพระ  เกี่ยวกับการบนบานศาลกล่าว  ความเชื่อ สิ่งลี้ลับที่มองไม่เห็น และมิตรภาพของเพื่อน ของผู้ชายหลาย ๆ คน 

    ทว่าภาคที่พวกเขาดูเป็นภาคสองต่อจากเรื่องราวในภาคแรกที่คนพวกนั้นเผชิญกับหลาย ๆ สิ่งจนสามารถบวชได้ และภาคนี้ก็คือภาคต่อที่ต้องสึก เรียกน้ำตาจากคนที่อ่อนไหวกับมิตรภาพอย่างตนไปได้มากโข  มากขนาดไหนน่ะหรือ ก็มากซะจนทันเดอร์ต้องยกมือมาปาดหยดน้ำรสเค็มปร่าออกให้พร้อมกับหัวเราะชอบใจไปด้วย “หึ ๆ ขี้แย” 

    “กูแค่เซนซิทีฟหรอก”

    “ก็เหมือนกันนั่นแหละ” เอ็นดู...เป็นความรู้สึกที่ทันเดอร์ไม่เคยปิดมันมิดเลย  ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเขาถึงได้มองอคิราห์เป็นเจ้าเด็กตัวเล็ก ที่ขี้แยเพียงแค่มีคนกำลังร้องไห้หรือแสดงความอ่อนแอในเชิงสัมพันธ์อยู่ตรงหน้า “หยี..นั่นขี้มูกหรือเปล่า มันน่าขยะแขยงแล้วเนี่ยอิมเมจ”

    “ไม่ใช่เหอะอย่ามั่ว”

    “หึ ๆ”

     

    พอดูเสร็จพวกเขาก็เดินเล่นกันอีกนิดหน่อย  และแวะไปหาอะไรทานที่ฟู้ดคอร์ทกันอีกรอบก่อนจะแยกย้ายกันกลับ  โดยรอบนี้ต่างคนก็ต่างจ่ายของตัวเอง  หลังจากทานเสร็จก็เดินทางกลับหอพักด้วยรถยนต์คันเก่งที่ยังผ่อนไม่หมดคันเดิม

    ระหว่างที่ขับเคลื่อนเจ้ายานพาหนะไปข้างหน้าอคิราห์ก็เปิดเพลงคลอไปด้วย ไม่ให้บรรยากาศภายในรถมันเงียบเหงาเกินไป ส่วนหนึ่งก็เพราะตนเพิ่งจะดูหนังผีมาหมาด ๆ เลยยังมีความคิดที่ว่า ผีอาจจะโผล่ออกมาในตอนที่ตัวเองกำลังขับรถให้ตกใจจนเกิดอุบัติเหตุได้ ประจวบกับตอนนี้ที่ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้มกับตัวบอกเวลาที่เกือบจะสองทุ่มแล้ว ยิ่งส่งความคิดแง่ลบแสนไร้สาระให้สุดโต่ง

    โชคดีที่ขากลับรถไม่ติดเท่าไหร่  แต่เขาก็ไม่กล้าขับเร็วมากนัก  เพราะต่อให้มีไฟลายทางมันก็มีบางช่วงที่ไฟขาดเหมือนกัน  ในส่วนนี้จะโทษใครไม่ได้เลยนอกจากหน่วยงานที่ไม่มารับผิดชอบหน้าที่ ณ ตรงนี้ ทั้งที่มีผู้อาศัยหลายคนแจ้งเรื่องไปแล้วไม่รู้จักกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง  

    คิดอะไรไปได้ไม่นานนักชายหนุ่มก็เดินทางมาถึงหอพักเสียที  โดยหอพักของเขาต้องเลี้ยวเข้ามาในซอย  ไม่ใช่ตึกรามใหญ่โต เป็นแค่หอพักขนาดกลาง ๆ ไม่ได้แพง ไม่ได้หรู แต่ก็สะดวกสบายดี  เมื่อเดินเข้าห้องมาได้ก็จัดการโยนทุกสิ่งทุกอย่างไว้บนเตียง  ส่วนเจ้าตัวก็เดินเข้าห้องน้ำไปชำระล้างร่างกาย  ทว่ารอบนี้เขาไม่ได้วิ่งผ่านน้ำเหมือนเมื่อเช้า แต่เป็นการอาบน้ำที่ใช้เวลาไปเกือบหนึ่งชั่วโมง  ด้วยกลัวว่าร่างกายขาวนวลที่ตนบรรจงดูแลให้ดูดีอยู่เสมอจะไม่สะอาด

    เสร็จแล้วก็เดินออกมาข้างนอกโดยไร้สิ่งพันธนาการ  มีแค่ร่างเล็กสมส่วนที่ไม่ได้ผอมเกินไป ไม่ได้อ้วนเกินไปปรากฏแก่สายตา เขาเดินฮัมเพลงมาหยุดที่ราวแขวนผ้าเช็ดตัว แล้วถกมันลงมาหนึ่งผืนเพื่อเช็ดไปตามตัว ก่อนจะเดินไปแต่งตัวด้วยชุดนอนสบาย ๆ ที่หน้าตู้เสื้อผ้า 

    แล้วเสร็จแล้วก็เดินลากขามาเก็บของที่ว่างระเกะระกะอยู่บนเตียงไปวางไว้บนโต๊ะทำงานที่ดูเรียบร้อยไม่ถึงสองวัน  ด้วยความที่เมื่อเช้ามันเป็นเหตุการณ์เร่งรีบจึงใช้อะไรเสร็จก็เหวี่ยง ๆ เอาไว้ไม่ได้มาสนใจดูแล 

    เมื่อไม่มีอะไรที่ต้องทำต่อแล้วอคิราห์จึงเดินไปหยิบโน๊ตบุ๊คมาเปิดแล้วเข้าเว็บหางานอีกครั้ง  คิดไปคิดมาก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองลืมทำอะไรไปสักอย่าง  แต่ก็นึกไม่ออกว่าลืมอะไร  เลื่อนดูงานไปเรื่อย ๆ พักใหญ่เลยถึงนึกออกว่า ลืมเช็กเมล  คิดได้ดังนั้นก็รีบเปิดเมลดู  กระทั่งพบกับแจ้งเตือนที่ยังไม่ได้อ่านจำนวนหนึ่ง  โดยผู้ส่งคือ Masterwe33 

    เพียงแค่เห็นชื่อผู้ส่งใจก็เต้นตึกตักจนสั่นไปหมด  พาลให้มือที่กำลังเลื่อนอยู่บนทัชสกรีนสั่นไปด้วย   มันเหมือนกับว่าหัวใจที่บีบตัวอย่างรุนแรงนั่นจะหลุดออกมา  มือเรียวค่อย ๆ เลื่อนเมาส์แล้วกดเข้าไปดูข้อความอย่างระทึกใจ

     

     Masterwe33

    “สวัสดีครับคุณอิมเมจ ผมขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการนะครับ  ผมชื่อ วิชัย หากไม่เป็นการรบกวนคุณนัก คุณสามารถเรียกผมว่าชัยเฉย ๆ  ก็ได้  จากอีเมลและเอกสารรูปถ่ายที่คุณแนบมาทางเราได้ตรวจสอบดูแล้ว เรายินดีที่จะรับคุณเข้าทำงานทันทีโดยไม่ต้องสัมภาษณ์งาน  และไม่ทราบว่าคุณสามารถเริ่มงานได้วันไหนครับ หรือถ้าคุณยังไม่พร้อมหรือมีข้อสงสัยทางเรายินดีที่จะนัดคุยรายละเอียดก่อน

    ส่วนคำถามของคุณที่ถามเข้ามาทางเราต้องขอแยกประเด็นเป็นข้อ ๆ ดังนี้ครับ 

    คำถามที่ 1 

    1.คุณต้องดูแล 2 คนครับ 

    2.ในการดูแลคุณจะต้องรับภาระหลาย ๆ อย่างเลยจำเป็นที่จะต้องคำนวณค่าจ้างที่สมเหตุสมผล

    3.เด็ก ๆ ของผมค่อนข้างเอาแต่ใจ เอาใจยาก และดื้อมาก เลยอาจเป็นปัญหากับคุณเล็กน้อยในช่วงแรก

    4.ผมต้องการพี่เลี้ยงที่สามารถปรนนิบัติดูแลพวกเขาตั้งแต่ตื่นนอนยันเข้านอนแบบไม่บกพร่อง นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ค่าแรงค่อนข้างเยอะ

     คำถามที่ 2  พวกเขาเป็นผู้ชายทั้งคู่ครับ  

    ผมรบกวนขอเบอร์สำหรับติดต่อด้วยนะครับถ้าคุณตกลงที่จะทำงานร่วมกัน กรุณาอ่านคำตอบของผมให้ถี่ถ้วนแล้วพิจารณาอย่างละเอียดอีกครั้งด้วยนะครับ 

    ขอบคุณครับ

                                                                                                                         วิชัย

     

    นัยน์ตาสีม่วงไล่ตามอักขระที่ปรากฏจนครบทุกตัวด้วยใจที่จดจ่อ  พลางคิดว่าแค่เด็กผู้ชายสองคนคงไม่เป็นปัญหาอะไรมากมาย เพราะอย่างไรเด็กก็คือเด็ก  เวลาดื้อถ้าพูดกันดี ๆ ก็คงเข้าใจได้  ไม่น่ายากอะไร  อีกอย่างตัวเขาเองสามารถไปเริ่มงานพรุ่งนี้เลยก็ได้  แต่ติดตรงที่ว่าพรุ่งนี้เป็นวันอาทิตย์ 

    และแผนทุกอย่างที่วางเอาไว้ก็คงต้องเปลี่ยนไปด้วย  จากทีแรกที่กะว่าจะไปหาแม่อาทิตย์หน้าก็คงต้องเปลี่ยนเป็นไปพรุ่งนี้แทน  แล้วก็เดินทางกลับมาเตรียมตัวเพื่อทำงานในตอนบ่ายของวันจันทร์

     

    ข้อความตอบกลับถึง...Masterwe33

    ผมสามารถเริ่มทำงานได้วันอังคารครับ  ส่วนนี่คือเบอร์ติดต่อ 098-xxx-xxxx

     

    TBC.

    Talk : มีอะไรเปลี่ยนไปบ้างนะ รู้กันไหมเอ่ย ?? แหะ ๆ ไรท์ก็งง ๆ อยู่นะ แก้ไปเอ๊ะไปด้วยตลอดเลย ฮือออ เป็นความรู้สึกที่แบบ ฉันเขียนอะไรไป พิมพ์มั่วไปหมด คำซ้ำ คำซ้อน คำย้ำ ๆ เยอะแยะ  แต่ไม่เป็นไรนะเพราะเขาว่า ยิ่งเยอะยิ่งเลอะประสบการณ์ แฮร่ ไม่ใช่ 55555 

    แล้วก็ไม่ต้องเอาชื่อเมลไปค้นกันนะคะ มันไม่มี 555 ขอดักไว้ก่อนเผื่อใครคิดอะไรแผลง ๆ จะได้รั้งทัน 

    วันนี้ก็ขอให้เป็นวันที่ดีของทุกคนนะคะ นอนหลับฝันดีกันนะ คร่อกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก !!!!!.....zzzz 

    อ่อ เผื่อใครนึกทรงผมของพ่อใจเกินร้อยไม่ออก ไรท์แนบมาให้ด้วยนะเออ 5555

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×