ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SF/OS] NCT Red Thread ❤ All Couple

    ลำดับตอนที่ #1 : SF : Jealousy (Jaemin x Haechan)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.63K
      82
      3 พ.ค. 61

    Title: Jealousy
    Pairing: Jaemin x Haechan
    Rate: PG-13
    Author: raining-sahara

    ---------------------------------------------------------------------------------------------------

    ดงฮยอกเคยคิดว่าตัวเองเป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ดี เป็นมิตรต่อคนรอบข้างและสิ่งแวดล้อม ถึงบางทีจะแกล้งกวนประสาทจนทำให้คนอื่นหัวเสีย แต่เขาก็ไม่ใช่ประเภทที่จะหัวร้อนอารมณ์เสียเพราะใครง่ายๆ


    แต่สงสัยตอนนี้จะต้องยกเว้นไว้คนนึง


    ผู้ชายในชุดนักศึกษาที่รีดเรียบลงแป้งแข็งเสียจนหารอยยับบนเสื้อแทบไม่เจอ ผมสีเข้มถูกแสกข้างแล้วหวีให้เรียบตามแฟชั่นยุคคุณพ่อ แว่นตาทรงกลมแบบกรอบครึ่งเดียวที่ยุคนี้ไม่มีใครเขาใส่กันอีกแล้ว


    คนที่มองกี่ครั้งก็ชวนให้รู้สึกหงุดหงิดใจอยู่เสมอ


    .. นาแจมิน


    อันที่จริงแล้วหมอนั่นไม่ควรจะควรจะมานั่งหน้าสลอนขวางหูขวางตาเขาแบบนี้ด้วยซ้ำ ในเมื่อนี่มันเป็นห้องเรียนของเอกฟิสิกส์ ดงฮยอกก็อยากจะตะโกนถามออกไปเหลือเกิน ว่าเด็กนิติศาสตร์มาทำอะไรในคลาสเรียนวิชาไฟฟ้าวะ !


    โอเค ที่จริงอาจารย์ประจำวิชาก็เคยแจ้งไว้ตั้งแต่ต้นเทอมแล้ว ว่าจะมีเพื่อนต่างคณะขอมาเรียนด้วยหนึ่งคน เพราะว่าหมอนั่นมีความสนใจในวิชาไฟฟ้ามากกกกกกกกก (ก ไก่ล้านตัว) เลยทำเรื่องขอลงเป็นวิชาเลือกเสรี อยากให้นักศึกษาทุกคนดูแลเพื่อนใหม่คนนี้ด้วย ซึ่งดงฮยอกไม่เข้าใจสักนิด ..


    .. ไม่เข้าใจว่าทำไมคะแนนสอบกลางภาคที่เพิ่งประกาศไปเมื่อครู่ ไอ้เด็กเนิร์ดนิตินี่มันถึงได้คะแนนสูงกว่าเขาที่เป็นหนึ่งในว่าที่เกียรตินิยมอันดับหนึ่งของเอกนี้ตั้ง 1 คะแนน !


    บอกเลยว่านี่มันหยามหน้ากันชัดๆ หนึ่งในตัวท็อปสาขาถูกเด็กคณะอื่นทำคะแนนแซงในวิชาเอกตัวเองเนี่ยนะ แถมยังเป็นเด็กจากคณะที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลยสักนิดอีก รู้ถึงไหนอายถึงนั่น .. ยังดีที่อีเจโน่ว่าที่อันดับหนึ่งสาขายังคงสอบได้คะแนนในระดับที่มนุษย์มนาทั่วไปไม่น่าทำได้และครองอันดับท็อปของวิชาได้เหมือนเคย เอกฟิสิกส์ของเราจึงยังไม่ขายหน้าไปมากกว่านี้ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังน่าหงุดหงิดอยู่ดี


    "ไอ้เด็กเนิร์ดนั่นหน้าตาโคตรน่าหมั่นไส้ ! นี่ถ้ากระทืบคนไม่มีความผิด กูจะให้ไปหยอดน้ำเกลือเล่นที่โรงบาลสักสองคืน ! ที่มันมาลงวิชานี่แม่งต้องตั้งใจมาหยามหน้าพวกเราแน่ๆอะมึงงงงงง" เสียงแว้ดๆที่ดังขึ้นคงจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากหวงเหรินจวิ้นเพื่อนสนิทตัวดีที่นั่งข้างๆเขาเอง


    โถ่ .. มึงอินกว่ากูอีกเพื่อน


    "อิหมวย ดูสารรูปตัวเองด้วย ตัวเท่าลูกหมามึงจะไปทำอะไรเขา มึงสิจะได้นอนหยอดน้ำเกลือ" ดงฮยอกส่ายหน้าตอบกลับไปอย่างเหนื่อยใจ ถึงเด็กเนิร์ดนั่นจะดูตัวบางๆท่าทางไม่สู้คนก็เถอะ แต่เขาก็ค่อนข้างมั่นใจว่ามันน่าจะทำได้มากกว่านังหมวยเพื่อนเขาแน่นอน


    "แง ก็กูไม่อยากให้เพื่อนเครียดอ่า .. เอางี้มั้ยมึง คืนนี้ไประบายอารมณ์กันหน่อย รับรองว่าเหล้าเข้าปากกรึ้บเดียวเท่านั้นแหละ มึงจะหายเครียดเป็นปลิดทิ้ง !"


    ดงฮยอกถอนหายใจเบาๆกับประโยคที่ได้ยิน นัยน์ตากลมโตเหม่อมองไปยังปึกข้อสอบที่ถูกเก็บกลับไปวางบนโต๊ะอาจารย์ด้วยแววตาเหม่อลอย


    "เอาจริงๆนะ กูเห็นคะแนนแล้วไม่มีอารมณ์เที่ยวเลยว่ะ แม่งนอยด์ไปหมด"


    "หรือมึงจะไม่ไป .. ?"


    เขาเงียบไปอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายก็ยอมตอบประโยคที่ทำให้เพื่อนสนิทแย้มรอยยิ้มกว้างจนตาแทบปิด


    "เปล่านี่ .. ยังไม่ได้บอกสักคำเลยว่าจะไม่ไป"


    ---------------------------------------------------------------------------------------------------


    เวลาเที่ยงคืนยี่สิบเจ็ดนาที ดงฮยอกก็พาร่างของตัวเองมาถึงร้านที่นัดเพื่อนสนิทตัวดีเอาไว้จนได้ แม้ว่าจะสายกว่าเวลาที่อีกฝ่ายนัดเกือบครึ่งชั่วโมงก็ตาม ที่จริงคือตอนแรกเขาตั้งใจจะนอนงีบสักพักหนึ่งค่อยออกมา แต่กลายเป็นตื่นอีกทีก็ตอนที่เหรินจวิ้นรัวข้อความหาเขาเกือบร้อยข้อความ โทรศัพท์อีกเกือบสิบมิสคอล จบลงตรงที่อีกฝ่ายตะโกนด่าใส่โทรศัพท์จนหูเขาแทบดับ


    พนันเลยว่าเข้าไปในร้านเมื่อไหร่ อิหมวยต้องกรี๊ดใส่หูเขาแน่ๆ


    .. เป็นเพื่อนหรือเมียวะแม่ง ดุจังโว้ย


    "กว่าจะมาได้นะมึง .. กูรอจนหมดไปหลายแก้วละ นี่จะแดกโต๊ะเข้าไปด้วยแล้ว ! .. เออ สั่งเผื่อมึงแล้วนะ" เสียงทักทายที่ดงฮยอกคุ้นเคยดีดังขึ้นมา ใบหน้าสวยคมของเพื่อนสนิทดูไม่มีแววหงุดหงิดอย่างที่ควรจะเป็น


    ปกติมันต้องวิ่งเข้ามาเขย่าคอเขาตั้งแต่ก้าวเข้ามาในร้าน ต่อด้วยประโยคตัดพ้อต่างๆนานาว่าทำไมเขาถึงมาสาย มิตรภาพระหว่างเรามันไม่เคยสำคัญเลยหรือยังไง คำว่าเพื่อนเขียนด้วยมือลบด้วยตีน และอะไรอีกมากมายที่ดงฮยอกขี้เกียจจะจำ ตบท้ายด้วยการสะบัดตูดงอนแต่ก็ไม่วายยังหันมาบอกว่ามื้อนี้มึงจ่าย ! .. ประมาณนี้


    .. แต่ความร่าเริงผิดปกติทั้งๆที่เขามาไม่ทันนัดมันนี่คืออะไรวะ


    "มึงแปลกๆนะวันนี้ .. ดูอารมณ์ดีอ่ะ" ดงฮยอกเลือกใช้น้ำเสียงเรียบๆเนิบๆเอ่ยถามหยั่งเชิง ค่อยๆทรุดตัวลงนั่งข้างเพื่อนสนิทด้วยความระมัดระวัง


    "เหย .. ดูออกขนาดนั้นเลยอ่อวะ จะพูดก็เขินอ่า แต่คืองี้ๆ ตะกี้กูเจอผู้ชายคนนึงอยู่โต๊ะฝั่งนู้น สูงๆหุ่นดี หน้าคมๆ หล่อมากเลยอ่ามึง .. กูก็เลยแบบ แวะไปชนแก้วมา โอ๊ย เขายิ้มให้กูด้วย แต่กูไม่ได้อยากให้จบแค่เขายิ้มให้กู คือกูก็อยากยิ้มเขาด้วย !" เหรินจวิ้นสาธยายเสียยืดยาวด้วยใบหน้าแบบสาวน้อยวัยแรกแย้มแม้เนื้อความจะส่อไปทางสิบแปดบวก บางทีดงฮยอกก็รู้สึกขนลุกกับเพื่อนคนนี้อยู่บ้างเหมือนกัน


    "มึงใจเย็นๆนะ ตอนนี้มึงดูใจร่านมาก อะไรมันจะขนาดนั้น หล่อสู้กูได้ป้ะเหอะ .."


    "โหดงฮยอกเพื่อนรัก มึงเทียบไม่ได้แม้แต่ปลายเล็บเขาอะ มือเขายังงานดีกว่าหน้ามึงอีก .. เออเนี่ย คือแบบคนอะไรแค่มือยังสวย นิ้วเรียวๆยาวๆ ดูนุ่มๆ พูดละกูก็อยากจับขึ้นมาเลย มึงว่าถ้ากูไปอ่อยเขาเขาจะเอากูป้ะวะ" เพื่อนสนิทตัวดียังไม่จบกับการชื่นชมหนุ่มในฝันของมัน ดงฮยอกได้แต่ส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจพลางยกเครื่องดื่มแก้วสวยของตัวเองขึ้นมาจิบบ้าง


    "ล่าสุดคือเพื่อนกูเป็นบ้าไปแล้ว กูเริ่มอยากเห็นแล้วสิว่าจะหล่ออะไรขนาดนั้น" เขาสัมผัสได้ถึงประกายวิบวับในตาของอีกฝ่าย เหรินจวิ้นดูตื่นเต้นมากๆหลังจากที่ได้ยินเขาเอ่ยปากว่าอยากเจอหนุ่มหล่อที่มันบ่นอยากได้นักหนา


    "รับรองเลย ถ้ามึงเห็นมึงจะต้องอึ้ง .. นั่นเขามาพอดีเลยมึง คนนั้นๆ" ยังพูดไม่ทันขาดคำ เพื่อนสนิทของเขาก็ยกนิ้วชี้ไปทางฝูงชนจำนวนมากที่เบียดเสียดกันอยู่


    ไม่รู้ว่านังหมวยนี่เอาสมองส่วนไหนไปคิดว่าเขาจะแยกแยะได้ว่านิ้วมันชี้ตรงไปที่คนไหนจากคนที่ยั้วเยี้ยเป็นหนอนแบบนี้


    "คนไหนของมึงวะ .." เขาเอ่ยถามออกไปตามตรง แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาจากคนฟังคือสายตาค้อนๆกับเสียงจิ๊ปากด้วยความหงุดหงิด


    "โอ๊ยคือมึงตาถั่วมาก ตรงนั้นก็มีหล่ออยู่คนเดียวมั้ยมึง .. เสื้อดำอะ คนที่ยิ้มสวยๆ"


    ไม่รู้เป็นโชคดีของเหรินจวิ้นหรือโชคร้ายของดงฮยอกกันแน่ คนที่กำลังถูกพูดถึงในบทสนทนาถึงได้ฝ่ากลุ่มคนออกมาให้เขาเห็นหน้าชัดๆ ดูเหมือนจะมองตรงมาทางโต๊ะที่เขานั่งอยู่เสียด้วย


    ที่เหรินจวิ้นบอกมาว่าเขาเห็นแล้วจะต้องอึ้ง เขาก็กำลังตกใจจนแก้วเกือบจะร่วงหล่นจากมือไปแล้วจริงๆ แต่ที่อีกฝ่ายบอกเมื่อตอนก่อนมาว่าเหล้าเข้าปากกรึ้บเดียวจะหายเครียดเป็นปลิดทิ้ง


    .. สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้คืออีดงฮยอกคนนี้กำลังเครียดหนักกว่าเดิม


    ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ใส่ชุดนักศึกษารีดเรียบชุดนั้น ไม่ได้หวีผมจนเรียบแปล้ รวมถึงไม่ได้ใส่แว่นตาทรงกลมเชยๆแบบที่เขานึกรำคาญนักหนา แม้สีหน้าท่าทางจะเปลี่ยนจากเด็กเนิร์ดจอมแหยที่มีที่นั่งประจำคือหน้ากระดานไปเป็นหนุ่มสุดฮอตที่ใครๆก็มองตามในผับ .. แต่ก็ไม่ใช่ว่าดงฮยอกจะจำดวงตาคู่สวยหลังกรอบแว่นนั่นไม่ได้


    นาแจมิน .. ไอ้เนิร์ดนั่นมาทำอะไรที่นี่วะ !!


    "ไงมึง อึ้งเลยดิ หล่อสมกับที่กูบอกมั้ยล่ะ กูบอกมึงแล้วว่าเขางานดีๆ มึงแม่งก็ไม่ตื่นเต้นไปกะกูเลย"


    "เออ อึ้ง .." เขาตอบกลับไปเพียงสั้นๆ ถึงแม้ว่าเขากับมันจะไม่ได้หมายความถึงเรื่องเดียวกันก็ตาม


    เขาตอบรับไปยังไม่ทันขาดคำ น้ำเสียงที่คุ้นเคยจากคนข้างๆก็ดังขึ้นอีกครั้ง แต่ดงฮยอกไม่มีสติรับรู้อะไรอีกต่อไปแล้ว


    ".. เออ แล้วตะกี้คือเขามองกูป้ะมึง สงสัยติดใจจากที่กูไปขอชนแก้ว เนี่ย กูว่าเขาชอบกูแน่ๆ มึงๆ หัวกูยุ่งมั้ย กูดูน่ารักยัง .. ดงฮยอกอ่า มึงฟังกูอยู่มั้ย แล้วมึงจะลุกไปไหนเนี่ย !"


    แม้เพื่อนสนิทจะตะโกนไล่หลังมา แต่ก็ไม่สามารถเรียกความสนใจจากดงฮยอกออกจากคนที่เขาจับจ้องอยู่เลยแม้แต่น้อย เขารู้สึกว่าสติการรับรู้ของตัวเองเริ่มขาดหาย แม้ว่าเหล้าจะเข้าปากไปเพียงแก้วกว่าๆก็ตาม


    .. รู้ตัวอีกที เขาก็พาตัวเองมาหยุดอยู่ตรงหน้าอีกฝ่ายเสียแล้ว


    เขายืนนิ่ง .. หมอนั่นก็ยืนนิ่ง ไม่มีใครปริปากพูดจาออกมาก่อน ดงฮยอกจ้องมองคนตรงหน้าด้วยสายตาเลื่อนลอย พอๆกับที่อีกฝ่ายมองกลับมาด้วยสายตางุนงง


    .. ระยะห่างเพียงสิบกว่าเซน ยิ่งทำให้เขามั่นใจว่าคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขาคือใคร


    มือเรียวบางออกแรงดึงร่างของอีกฝ่ายให้หลบเข้ามายังมุมหนึ่งของร้าน ไกลจากโต๊ะที่เขาเคยนั่งอยู่พอสมควร .. ใช่ เขากลัวว่าเหรินจวิ้นจะเห็น


    อย่างน้อยเขาก็ยังไม่อยากทำลายผู้ชายในมโนภาพของอิหมวยมัน ..


    "อ่า .. มาชนแก้วกับผมหรอครับคนสวย" แม้ว่าท่าทางจะยังดูงุนงง แต่หมอนั่นก็ยังเลือกพูดประโยคชวนเลี่ยนใส่เขา แถมด้วยการฉีกยิ้มหวานที่ใครๆก็คงจะต้องหลงเสน่ห์เข้าเต็มๆ


    .. แต่โทษทีเถอะ อีดงฮยอกคนนี้ไม่หวั่นไหวไปกับอะไรแบบนี้หรอก


    เขาเลือกที่จะพยักหน้าตอบรับอีกฝ่ายแทนที่จะพูดอะไรออกมา ขยับแก้วในมือไปกระทบกับแก้วอีกใบที่อีกฝ่ายถืออยู่ด้วยท่าทางขอไปที


    "ผมนานะครับ แล้วคุณ .. ?" คนตรงหน้าเอ่ยแนะนำตัวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ ริมฝีปากสวยยังคงประดับไว้ด้วยรอยยิ้มหวานแบบที่เขาเห็นเมื่อครู่ แต่เขาไม่ได้รู้สึกอยากเคลิ้มตามไปกับมันเลยสักนิดเดียว


    ได้ .. จะเอาแบบนี้ใช่มั้ยนาแจมิน


    "แฮชาน" ดงฮยอกเลือกที่จะตอบกลับไปด้วยชื่อปลอมๆที่เขาตั้งเป็นไอดีในเกม ในเมื่อหมอนั่นเลือกที่จะปิดบังตัวตนก่อน เขาเองก็ไม่เห็นจะต้องยอมรับว่าตัวเองเป็นใคร


    เขาคิดว่าตัวเองสัมผัสได้ถึงความสับสนในแววตาคนฟังเพียงแวบหนึ่ง แต่เพียงกระพริบตา เขาก็เห็นใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มกับแววตาหวานหยาดเยิ้มชวนให้ใจสั่นแบบเดิม .. บางทีเขาอาจจะตาฝาด


    "ยินดีที่ได้รู้จักนะคุณแฮชาน"


    "อืม"


    เขาไม่คิดว่าคนอย่างนาแจมินจะจำเด็กหลังห้องที่เรียนในคลาสเดียวกันอย่างเขาได้หรอก อันที่จริงคิดว่าหมอนั่นน่าจะจำใครในสาขาเขาไม่ได้เลย เข้ามาในห้องเรียนก็เอาแต่มองหน้ากระดาน เลิกเรียนก็เก็บของกลับออกไป ..


    บรรยากาศระหว่างเรากลับมาตึงอีกครั้งหลังจากตัวเขาเองเลือกที่จะถามคำตอบคำ ดงฮยอกไม่ได้อยากจะเป็นแบบนี้ แต่สมองของเขามันตีรวนไปหมดจนเรียบเรียงคำพูดออกมาไม่ได้


    ดูเหมือนว่าหมอนั่นจะกระอักกระอ่วนนิดหน่อยกับท่าทีของเขา ถึงได้ยอมเอ่ยปากชวนด้วยเสียงหวาน


    "ชอบเต้นหรือเปล่าครับ .. ถ้าไม่รังเกียจอะไร ผมอยากให้คุณแฮชานไปเต้นด้วยกันมากเลย"


    เพราะทนความอึดอัดระหว่างกันอีกต่อไปไม่ไหวแล้ว เขาถึงได้ตอบตกลงเดินตามอีกฝ่ายมาที่กลางฟลอร์ง่ายๆ ไม่ใช่เพราะนัยน์ตาหวานหยาดเยิ้มคู่นั้นหรอกนะ


    .. อ่า ยอมรับก็ได้ว่าตอนที่นาแจมินคนนั้นมองมาก็แอบเขวไปนิดนึง


    ท่ามกลางผู้คนที่เบียดเสียดจนแทบจะไม่มีช่องว่าง ร่างของดงฮยอกกับคนที่เพิ่งจะลงมาในฟลอร์เต้นด้วยกันก็บดเบียดเขาหากันอย่างไม่มีใครยอมใคร ความหงุดหงิดจากเรื่องคะแนนสอบถูกโยนทิ้งไปชั่วขณะ รวมถึงความจริงที่ว่าเราทั้งคู่เป็นใครนั่นก็ด้วย


    ในเมื่อนาแจมินเลือกที่จะโกหกกัน เขาก็จะแกล้งทำเป็นไม่รู้ ..


    มือเรียวสวยของอีกฝ่ายที่วางลงบนเอวของเขาค่อยๆเลื่อนไปด้านหลังราวกับต้องการโอบร่างของเขาเข้ามาแนบชิด แต่ดงฮยอกก็เลือกที่จะเบียดตัวเองเข้าไปหาเสียก่อน นัยน์ตากลมโตช้อนขึ้นมองคนตรงหน้า ใบหน้าของเราห่างกันแค่คืบ สายตาของเราสบกันพอดี


    เขารู้สึกเหมือนเวลาถูกหยุดลง แม้ดนตรีที่ชอบจะดังขึ้น แต่หูทั้งสองข้างของเขาก็ไม่ได้ยินอะไรอีกต่อไปแล้ว


    ริมฝีปากสีแดงอมส้มของคนตรงหน้าประกบลงมาแนบชิดกับริมฝีปากของดงฮยอก ลิ้นร้อนๆถูกส่งเข้ามาในโพรงปาก คนถูกรุกล้ำไม่ได้ยอมโดนเอาเปรียบอยู่ฝ่ายเดียว ลิ้นเรียวเกี่ยวกระหวัดกลับไปอย่างไม่ยอมกัน


    สัมผัสนุ่มละมุนราวกับขนมมาร์ชเมลโล่ รสชาติหวานๆของเชอร์รี่ปะปนไปกับรสชาติเปรี้ยวของมะนาวที่เขาชอบ กลิ่นแอลกอฮอล์ที่ลอยขึ้นมาจางๆขับไล่สติการรับรู้ของดงฮยอกไปเสียหมด


    .. ถึงไม่อยากจะยอมรับเท่าไหร่ แต่เขาก็รู้อยู่แก่ใจว่าจูบนี้มันดีเป็นบ้า


    แม้ดวงตาคู่หวานจะยังปิดอยู่ แม้สติจะเหลืออยู่เพียงเลือนลาง แต่ดงฮยอกก็รับรู้ว่าเขาไม่ได้อยู่กลางฟลอร์อีกต่อไปแล้ว มือเรียวสวยของคนตรงหน้าดันแผ่นหลังของเขาให้ติดกับกำแพงสักด้านของร้าน


    ริมฝีปากของเรายังไม่แยกออกจากกัน ดูเหมือนคนด้านบนจะยิ่งบดเบียดลงมาแนบชิดกว่าเดิมเสียอีก สัมผัสจากอีกฝ่ายเริ่มดุดันขึ้นทุกวินาที รสชาติหวานอมเปรี้ยวกลับแผดเผาให้รู้สึกร้อนราวกับไฟลน เขารู้สึกว่าลมหายใจเริ่มขาดเป็นห้วงๆ แต่สมองของดงฮยอกก็หนักเกินกว่าจะปฏิเสธอะไร


    .. ได้แต่รอจนคนตรงหน้าถอนจูบออกไปเอง เขาถึงกลับมาหายใจเป็นปกติอีกครั้ง


    "ทำไมคุณน่ารักขนาดนี้ .." เสียงทุ้มเอ่ยพึมพำอย่างแผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบ แต่กลับเรียกสติอันเลือนลางของดงฮยอกให้กลับเข้าสู่โลกความเป็นจริงได้อย่างง่ายดาย นึกขอบคุณที่อีกฝ่ายยังคงก้มหน้าอยู่ จะได้ไม่ต้องเห็นใบหน้าที่เริ่มขึ้นสีกับแววตาสับสนของเขา


    "อืม .."


    "ถ้าเกิดว่าผมอยากจะชวนคุณไปที่อื่นด้วยกันต่อ คุณจะไปกับผมได้หรือเปล่าครับ" เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มหวานๆที่ดูก็รู้ว่าเจ้าตัวจงใจใช้มันมาอ้อนเขา ดงฮยอกกลอกตาไปมาซ้ำๆกับประโยคที่เพิ่งได้ยิน


    ถ้าเหรินจวิ้นรู้ความคิดของเขาจะต้องตีเขาจนช้ำแน่ที่เขามัวมาลังเลว่าจะทิ้งเจ้าตัวไว้ที่นี่คนเดียวเพื่อไปต่อกับคนที่กำลังปิดบังตัวตนจริงๆจากกันแบบนี้


    ".. นะครับ"


    เมื่อเสียงออดอ้อนจากชายหนุ่มคนเดิมดังขึ้นเป็นครั้งที่สอง เขาคิดว่าเขาพลาดโดยสมบูรณ์แบบที่เลือกจะมาเล่นอะไรไร้สาระ


    "ไปบอกลาเพื่อนคุณก่อนก็ได้ แล้วไปกับผมนะ"


    .. แต่ดูเหมือนจะมีคนพลาดหนักกว่าเขาแล้วสิ


    "แต่ฉันไม่เห็นจำได้ว่าเคยพูดว่าวันนี้มากับเพื่อน แล้วนายรู้ได้ยังไงหรอ .. อืม นา-แจ-มิน ใช่ไหมนะ" ดงฮยอกเน้นชื่อของอีกฝ่ายอย่างจงใจ


    นัยน์ตาคู่สวยวูบไหว รอยยิ้มที่อีกฝ่ายบรรจงปั้นมาตลอดคืนก็หายไปจากใบหน้าคมนั่นด้วย เหมือนว่าคนฟังจะเพิ่งรู้ว่าตัวเองก้าวตกลงไปในหลุม  .. ที่จริงดงฮยอกเองก็นึกแปลกใจนิดหน่อยที่อีกฝ่ายจำเขากับเหรินจวิ้นได้ แต่มันไม่สำคัญอีกแล้ว


    "รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ .."


    ".. ก็แน่นอนว่าตั้งแต่แรก" ดงฮยอกยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ตอบกลับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ริมฝีปากกระตุกยิ้มขึ้นน้อยๆ


    "ฮะๆ พลาดจนได้สิเนี่ย .. เห็นว่าเหรินจวิ้นดูไม่ออก ก็เลยไม่ทันคิดว่าจะโดนนายรู้ทัน ดงฮยอกรู้ได้ยังไงกันเนี่ย .." แจมินหัวเราะแบบฝืนๆ แสร้งทำเป็นสดใสไปอย่างนั้น ที่จริงน่าจะเสียฟอร์มพอตัวเลยทีเดียว


    "คิดเอาเองสิว่าทำไม .."


    .. นาแจมินคนโง่ ใครๆเขาก็จำคนที่ชอบได้ทั้งนั้นแหละ


    END

    ---------------------------------------------------------------------------------------------------

    ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตอนนี้ นี่ไม่ใช่ฟิคเรื่องแรกในชีวิต แต่ก็เป็นฟิคเรื่องแรกของเอ็นซีทีเลย 

    ถ้าถามว่าชื่อเรื่องเกี่ยวกับเนื้อหาตรงไหน ผู้เขียนตั้งใจว่า Jealousy นี่แปลได้สองแบบค่ะ แบบแรกคือแปลว่าอิจฉา ซึ่งก็เห็นๆกันอยู่ว่าทำไม ส่วนแบบที่สองแปลว่าหึงหวง ประเด็นนี้ลองสมมติว่าตัวเองเป็นดงฮยอก แล้วหนุ่มเนิร์ดคนที่ตัวเองแอบมองเงียบๆ(แม้แต่เพื่อนก็ไม่ยอมบอก)มาตลอดเทอม อยู่ดีๆก็ไปโผล่ในผับกลายเป็นหนุ่มฮอตที่ใครๆก็อยากเข้าหา แบบนี้จะไม่หึงหวงก็จะใจแข็งเกินไปแล้วจริงมั้ยคะ

    ชอบไม่ชอบยังไงก็เม้นบอกกันเลย หรือจะไปสครีมกันที่ #ด้ายแดงอซท ก็ได้นะคะ

    S
    N
    A
    P
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×