ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กระบี่รันทด

    ลำดับตอนที่ #1 : กระบี่รันทด......บทนำ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.94K
      15
      12 ส.ค. 53

    กระบี่รันทด1.....(บทนำ)



    +++++

              หมู่ตึกไร้รัก
              รักคือทุกข์
              มีรักมีทุกข์
              ไร้รักไร้ทุกข์
              ตัดรักตัดทุกข์

            ........

              โคลงกลอนดังกล่าวเขียนอยู่บนแผ่นป้ายขัดเงาลงรักจนแวววาว แขวนไว้บนเสาเบื้องหน้าประตูทางเข้าหมู่ตึกไร้รักอันโออ่าสง่างาม
              บุรุษหนุ่มผู้หนึ่งยืนเหม่อมองจนซึมเซาในตอนสายของวันซึ่งอ้างว้างเงียบเหงา
              หมู่ตึกไร้รัก ผู้คนอยู่ในหมู่ตึกสามารถไร้รักหรือไม่ ...
              คนไร้รักมีหัวใจหรือไม่...

              หมู่ตึกไร้หัวใจผู้คนสมควรไร้หัวใจ ไฉนจึงมีลำนำขับขานว่าหมู่ตึกไร้รัก ผู้คนแบบใดสมควรสามารถไร้รัก ยิ่งสามารถกระทั่งสามารถตัดรัก

              แต่ในความเป็นจริงผู้ใดสามารถไร้รัก?

            .....

              บุรุษหนุ่มผู้นั้นคล้ายยืนอยู่เนิ่นนาน คล้ายยืนอยู่หลายชั่วยาม คล้ายยืนอยู่ตั้งแต่เมื่อคืนอาจ...ทั้งบางทีอาจยืนอยู่ตั้งแต่คืนวาน จนคล้ายยืนมาตั้งแต่ชาติปางก่อน ใบหน้าท่าทางไม่ได้หล่อเหลาสะดุดตา และไม่ย่ำแย่จนสะดุดตาผู้คน คล้ายเป็นคนเรียบๆร้อยๆคนหนึ่งเท่านั้น

              กระบี่ของมันแขวนอยู่ระหว่างเอว ผ้าคาดเอวสีดำ เสื้อผ้าของมันสีดำ ราวเป็นส่วนที่ตกค้างหลงเหลือจากม่านแห่งรัตติกาล ดวงตาของมันควรสุกใสเจิดจ้าเยี่ยงจอมยุทธทั่วไปยามนี้กลับคล้ายมีหมอกบดบังเลือนรางเศร้าหมอง  ดูไปคล้ายพอคลอดออกมาบิดามารดาล้มหายตายจาก ญาติพี่น้องหายสาบสูญทรัพย์สินมลายหมดสิ้น จึงสามารถมีสีหน้าท่าทางรันทดหดหู่ปางตายจนป่านนั้น
            “
    หมู่ตึกไร้รักเป็นเพียงหมู่ตึกไฉนสามารถไร้รัก
              ในที่สุดมันรำพันออกมา เสียงของมันแฝงด้วยความเศร้าจนสุดบรรยายชนิดหนึ่งเสียดแทงกัดกร่อนจิตใจผู้คนจนฟุ้งซ่านแทบแหลกสลาย
            “
    เป็นคนจะต้องสามารถมีรัก มีรักเพื่อให้หัวใจมีทุกข์ หัวใจมีทุกข์เพื่อให้หัวใจไม่ต้องตายด้าน เช่นนั้นจึงสมควร

              ในคำรำพันสุดท้ายร่างของมันกระยานพุ่งขึ้นราวพลุไฟ ประกายกระบี่เจิดจ้าสายหนึ่งพวยพุ่งรวดเร็วซับซ้อน
              เพลงกระบี่ของมันรวดเร็วแต่ไม่สับสน รุนแรงแต่ไม่แข็งกระด้าง คมกระบี่ฝ่าอากาศฟังไปเหมือนเสียงคร่ำครวญหวนไห้มายากระบี่แฝงด้วยพลังไร้สภาพแสนเศร้าโศกาอาดูรถึงสิบแปดชนิดในเสี้ยวพริบตา

              พอเท้าลงแตะพื้น กระบี่สอดเข้าฝัก ประกายกระบี่สลายวับ

              ไม่เพียงประกายกระบี่สลายวับ
              ป้ายลงรักข้อความไร้รักก็แยกแยกสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยพร่างพรูลงบนพื้นเรียงรายกันเป็นประโยคบนพื้นอ่านรอบตัวมันได้ข้อความหลายประโยค
              มีรัก
              มากรัก
              หารัก
              จงรัก
              แต่ละข้อความล้วนตรงข้ามกับป้ายไร้รักทั้งสิ้น
              บุรุษหนุ่มผู้นี้ลงมือใส่ป้ายไร้รัก แต่ท่าทีของมันคล้ายกระบี่เมื่อครู่ฟันใส่หัวใจของมันมิปาน เศษเสี้ยวหัวใจของมันคล้ายแตกปริแหลกสลายเรียงรายอยู่บนพื้นตามไปด้วย

              หัวใจแหลกสลายสามารถมีน้ำตา
              ดังนั้นบุรุษหนุ่มผู้นี้พลันหลั่งน้ำตาปานสายฝน
              ลูกผู้ชายยินยอมหลั่งโลหิตมิยอมหลั่งน้ำตา ไฉนคนผู้นี้หลั่งน้ำตามิยอมหลั่งโลหิต
              เนื่องเพราะมันมีฉายา กระบี่รันทด
            +++++++
              ท้องฟ้าไร้เมฆ ฟ้าครามกว้างไกลสุดสายตา ฟ้าไร้ฝน ฟ้าไม่หลั่งหยาดฝน แต่คนหลั่งหยาดน้ำตา

              ดรุณีน้อยนางหนึ่งยืนอยู่ใต้ต้นสนโบราณไม่ไกลไปจากบริเวณนั้นสักเท่าไร นางไม่ได้หลั่งน้ำตา หากชมดูคนหลั่งน้ำตาอย่างปากอ้าตาค้าง
              ดรุณีน้อยเค้าหน้าท่าทางอย่างที่ดรุณีน้อยทั่วไปควรจะเป็น ไม่สวยงามเลิศเลอไม่สะดุดตาแต่สามารถสะดุดใจ
              ดรุณีทั่วไปย่อมมีบางประการสามารถสะดุดใจผู้คนตามวัยสดใสของพวกนางดังนั้นถึงไม่แต่งเติมเสริมส่วนก็งดงามเร้าใจตามธรรมชาติที่ควรจะเป็นอยู่แล้ว ความจริงความบริสุทธิ์ไร้การแต่มแต้มก็สามารถเป็นความงดงามอีกชนิดหนึ่ง

              นางรีๆ รอๆ อยู่ครู่หนึ่งค่อยเดินมาก้มๆ เงยๆ ดูเศษไม้ มองหน้ากระบี่รันทดสลับไปสลับมาอยู่เช่นนั้น

            “
    ท่านมีนามใด
             ในที่สุดนางพลันเงยหน้าหันมาเอ่ยถามขึ้น สายตาคมวาวตอกตรึงอยู่ใบหน้าอีกฝ่าย
            “
    เราไม่มีนามใดท่านเรียกเราว่ากระบี่รันทด
            “
    กระบี่รันทดท่านทำลายป้ายเชิดชูเกียรติของสำนักไร้รัก แสดงว่าท่านจะช้าจะเร็วต้องกลายเป็นคนไร้รักแล้วหรือไม่ก็กลายเป็นคนมากรักแต่ดูท่าทางท่านจะเป็นคนไร้รักมากกว่า
              วาจาของนางราบเรียบ ใช้สายตาราวมองคนตายจับจ้องอยู่ใบหน้าอีกฝ่าย
              กระบี่รันทดยังคงหลั่งน้ำตาไปอีกครู่ใหญ่จนสาแก่ใจจึงเอ่ยถามขึ้นลอยๆ
            “
    ไฉนเราจะกลายเป็นคนไร้รัก
            “
    มีคนประเภทหนึ่งที่สามารถไร้รักเด็ดขาด
            “
    คนประเภทใด
            “
    คนตาย
            …..
              กระบี่รันทดนิ่งอึ้ง สายตาของมันจับจ้องอยู่บนท้องฟ้าคล้ายไม่กล้า มองหน้าดรุณีน้อย
              มันไฉนเลยไม่กล้า  ไม่กล้าย่อมไม่ใช่กลัว เพียงมันกำลังตกอยู่ในห้วงรันทด กับสบตากับดรุณีน้อยอาจทำให้มันจิตใจเบิกบาน เช่นนั้นความเพียรพยายามของมันเกรงว่าสูญเปล่าแล้ว

              เนิ่นนาน ในที่สุดมันกล่าวว่า
            “
    ตอนนี้เรายังไม่เป็นคนตาย
              ดรุณีน้อยแค่นเสียงเย็นชาบอกว่า

            “
    ตอนนี้ท่านยังไม่เป็นคนตาย แต่ประกันว่าชิดใกล้สนิทสนมกับความตายห่างกันเพียงเส้นใยบางเบาเท่านั้น..ท่านสมควรทราบ จู่ ๆ ไปทำลายป้ายคนอื่น สุดท้ายเป็นเช่นไร
            “
    คนตายสามารถไร้รัก แต่คนตายไม่สามารถไร้การถูกรัก เช่นนั้นนับว่าตายไม่สูญเปล่า อย่าว่าแต่เหตุใดเราจึงจะตาย

    “      
    ท่านทำลายป้ายไร้รัก ท่านต้องตายเพราะไร้รัก..หรือไม่ก็มากรัก นี่เป็นอาถรรพ์ของหมู่ตึกไร้รัก

          
    กระบี่รันทดรับฟังจนขนลุกเกรียว  ตายเพราะมากรักฟังดูน่าสยดสยองประหวั่นพรั่นพรึงจนขนลุก ตายเพราะไร้รักฟังดูอ้างว้างเดียวดายกระไรปานนั้น

    ++++

              สายลมกรรโชก ชักนำใบสนหล่นร่วงโปรยปราย มีแต่ใบสนที่ตายจึงปลิดปลิว มีแต่คนตายจึงร่วงหล่น กระบี่รันทดยังมิได้ตาย มันมิใช่ไม่สามารถตาย.. แต่มิอาจตาย ใบสนโรยรายปรายโปรยแผ่วละมุน เสียงสนสะบัดใบเล่นลมเริงร่าพลิ้วแผ่วไล่ละลอกราวบทเพลงธรรมชาติขานขับกล่อม
              กระบี่รันทดเห็นอีกฝ่ายเงียบงันไปจึงหันไปมองอย่างไม่ตั้งใจ
              ไม่ตั้งใจบางครั้งร้ายกาจกว่าตั้งใจ
              เพราะไม่ตั้งใจท่านจึงไม่ทันตั้งตัว
              เพราะไม่ตั้งตัวร่างกายและจิตใจจึงเปิดช่องว่างน่ากลัวชนิดหนึ่ง
              ช่องว่างที่เปิดเข้าสู่ส่วนลึกและละเอียดอ่อนที่สุดของจิตใจ  สายตาของทั้งคู่ประสานกันกลางอากาศ ประกายไร้สภาพเจิดจ้าจนโลกทั้งสว่างไสว

              กระบี่รันทดพลันรู้สึกถึงพลานุภาพบางอย่างพุ่งทะลวงเข้ามาจากตาคู่สดใสจนสมองลั่นเปรี้ยะโลกทั้งโลกหยุดนิ่งเท้าทั้งคู่กลายเป็นตะปูตอกตรึงแนบแน่น

              สบตา

              คำสั้น ๆ บางครั้งกระทำไม่ยากเย็น บางครั้งกระทำได้ยากลำบากเหลือแสน ดังนั้นสบตาจึงมีมนตร์ขลังทุกยุคทุกสมัย บางครั้งสบตาอาจสามารถสร้างโอกาส ดลบันดาลให้เกิดมนต์ขลังพิเศษสุด
              ดวงตาของดรุณีน้อยในโอกาสพิเศษเช่นนี้ไม่ตั้งใจเปิดเผยปมเด่นความน่ารักความงดงามตามธรรมชาติของนางออกมาจนหมดสิ้นจนดูไปคล้ายไข่มุกขัดถูจนเปล่งปลั่งทอประกายจับตาจับใจผู้คน
            
    กระบี่รันทดพลันเซตึง ๆ ถอยหลังไปสามสี่ก้าว ลมปราณปั่นป่วนพลุ่งพล่านแทบปะทุออกแก้วตาของมันหดเล็กลงเป็นรูปหัวใจสีชมพูวูบวาบสั่นไหวไปมาครู่หนึ่งราวต้องมนตร์มายา
           
    ร่างของมันไม่ได้ทรุดลง แต่หัวใจของมันร่วงลงไปแล้ว ร่วงคล้ายใบสนต้องลม
    ร่วงลงไปในหุบเหวแห่งทะเลบุปผา ผีเสื้อแสนสวย หุบเขา แมกไม้ สายธารตระการตา
           “
    โอย………”
              กระบี่รันทดร้องออกมาคำหนึ่ง โอนเอนราวสนต้องลมแทบล้มได้ทุกขณะจิต พริบตานั้น ความในใจของทั้งคู่ต่างเปิดเผยออกมาจนหมดสิ้น
           
    ความรักบางครั้งรวดเร็วยิ่งกว่าเพลงกระบี่ของมือกระบี่อันดับหนึ่ง  บางคู่พบพานกับนานนับสิบปี ต้นรักไม่งอกเงยเติบโต บางคู่เพียงสบตาครั้งแรกช่อรักพลันเบ่งบานสว่างไหวสวยงามในพริบตา
              หรือความรักไม่จำเป็นต้องผ่านการบ่มด้วยกาลเวลา
              บางคนจึงสามารถมีแรกรัก และแรกพบ
              บางคนแรกรักเพียงได้ยินซื่อแซ่ยังไม่พบพานด้วยซ้ำ
            +++++
              ทันใดนั้นเองประตูบานใหญ่บริเวณกำแพงหมู่ตึกไร้รักเปิดออก
              กระบี่รันทดคาดว่าจะเป็นผู้คนร่ำร้องถาโถมเข้ามาพร้อมกับห่าประกายอาวุธนานาชนิด เสียงตวาดร่ำร้องกราดเกรี้ยวลงมือเข่นฆ่า
              แต่สภาพการณ์กลับผิดแผกสิ้นเชิง
              ที่ออกมากลับเป็นทารกทาริกาเจ็ดแปดคน เดินเรียงรายมาอย่างสำรวมเรียบร้อย ทั้งหมดพากันก้มลงเก็บเก็บเศษป้ายไร้รักอย่างทะนุถนอมจนหมดสิ้นก่อนค่อยๆ พากันเดินกลับเข้าไปในหมู่ตึกอีกครั้ง

              กระบี่รันทดตะลึงลานไปทันที

              เป็นมันถ้ามีคนมาทำลายป้ายหน้าบ้านมันต้องถาโถมชักกระบี่เข้าฟาดฟัน ต่อให้มือเท้าถูกมัดอย่างน้อยต้องก่นด่าไล่ลำดับบรรพบุรูษของคนผู้นั้นอย่างน้อยสามชั่วคน แต่คนของหมู่ตกไร้รักกลับกระทำเช่นนี้นับว่าสุดครุ่นคิดคาดคะเนได้ว่ามีเจตนาใดแอบแฝง

              ดรุณีน้อยยิ้มแย้มแล้ว

              ก่อนนางยิ้มแย้มบุปผานานาพันธ์บริเวณนั้นยังสดใสงดงาม กลิ่นหอมหลงเหลือเจือจาง พอนางยิ้มแย้มบุปผาทั้งมวลพลันอับเฉาเศร้าหมอง กระทั่งกลิ่นบุปผายังจางหายหมดสิ้น
              บุปผายิ้มแย้มหรือสามารถสู้ดรุณียิ้มแย้ม
              รอยยิ้มข่มบุปผา เช่นนี้หัวใจอ่อนไหวดวงใดสามารถทนทานรับมือได้

            “
    โอย...

              กระบี่รันทดร้องออกมาอีกคำหนึ่ง โลหิตประดังขึ้นมาแทบกระอักหากข่มใจกล้ำกลืนฝืนทนอย่างลำบากยากเย็น
              ความรักใช่ความทุกข์จริงหรือไม่ ตัดรักใช่ตัดทุกข์จริงหรือไม่
            …………
              ดรณีน้อยเดินประสานมือชดช้อยเข้ามาใกล้กระบี่รันทด ยิ้มแย้มจับจ้องอีกฝ่ายด้วยสายตาคมวาวอบอุ่นนุ่มนวล
              คนที่ถูกจ้องมองเช่นนี้ยังสามารถทนทานได้
              กระบี่รันทดตอนนี้คล้ายคนไปตายแล้ว
              ดรุณีน้อยเอื้อมมือจับแขนเสื้อมันเบา ๆ
              กระบี่รันทดแทบเป็นคนตายแล้ว ร่างของมันเซซวนลมปราณติดขัด
              ดรุณีน้อยคว้าแขนมันไว้อย่างไม่ตั้งใจ
              กระบี่รันทดราวเป็นคนตายจริงๆ?
              คนตายแน่ที่นิ่งไม่ไหวติง ความรู้สึกทั้งหลายทั้งมวลพลัดพรากจากลาร่วงหล่นลงไปในหุบเหวมืดดำ

            +++++

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×