คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #29 : NICE BODY : 25 part 2
25
Your True
(ใครยังไม่ได้อ่าน part 1 ให้ไปอ่านก่อน)
แบคฮยอนหายไปจากงานเลี้ยง
โดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่าคนอ้วนกลมคนนั้นหายไปได้ยังไง
ชานยอลร้อนใจยิ่งกว่าอะไรดีตอนที่โทรหาแล้วอีกฝ่ายยังไม่ยอมรับสาย
คิดว่าอีกคนคงจะงอนที่เขาทิ้งไว้อยู่ในงานคนเดียวแล้วหนีหลับหอไปก่อนแล้ว
เหมี๋ยว~
นี่มันไม่ใช่แบบที่ชานยอลคิดเลยสักนิด
เขาไม่ได้ต้องการที่จะกลับมาพบกับห้องนอนที่แสนว่างเปล่าและเจ้าขนปุยตัวจ้อยเพียงตัวเดียวในความมืด
มันเดินมาคลอเคลียขาด้วยการถูไถหัวไปมากับขาของเขาคล้ายต้องการให้ชานยอลยื่นมือหนาเข้าไปสัมผัสกับหัวของมันเบาๆ
ตอนที่กำลังยื่นมือลงไปนั้น
เขาก็เริ่มรับรู้ถึงความเปลี่ยนไป
โลหะสีเงินที่สะท้อนเงากับแสงเพียงน้อยนิดในห้องทำให้ชานยอลรู้ทันทีว่าเขาอาจจะต้องเสียใจถ้าหากช้าไปมากกว่านี้
ร่างสูงใหญ่รีบวิ่งมายังห้องข้างๆที่แสนคุ้นเคย
ไม่มีทีท่าของความลังเลใจ
มือหนานั้นหมุนบิดกลอนประตูเข้าไปทันที
“แบค”
“...”
“แบคฮยอน!”
ว่างเปล่า
ในห้องที่อบอวลไปด้วยมวลกลิ่นที่แสนสดใสนี้ไร้ซึ่งกายเจ้าของ
ซึ่งเหมือนกับการที่ดอกทานตะวันแห้งตายทั้งทุ่ง
มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าและแสนห่อเหี่ยวใจ
เพราะไม่มีความสดใสใดเปรียบได้ดั่งดอกทานตะวันทุ่งนั้นได้อีกแล้ว
...แบคฮยอนก็เช่นกัน
ไม่ว่าใครก็มาแทนความสดใสนี้ไม่ได้
ร่างสูงใหญ่ของชานยอลล้มทั้งๆที่ยืนอยู่
หัวเข่าทั้งสองกระทบเข้ากับพื้นไม้เสียงดังคลายเกิดสิ่งแตกร้าว
หากเป็นกระดูกที่แตกร้าวมันคงจะดีกว่านี้
เพราะตอนนี้ใจของว่าที่พ่อเลี้ยงของไร่ส้มมันร้าวรานไปทั้งใจ
ยามที่มองเห็นห้องนอนที่แสนว่างเปล่าน้ำตามันก็เอ่อไหลออกมาอย่างไม่อายฟ้าดิน
“แบค...”
บอกซิว่าชานยอลทำผิดอะไร
เหตุใดแบคฮยอนถึงได้บินหนีเขาไปเช่นนี้
ที่โรงเรียนมัธยมแทโฮยังคงคลาคล่ำไปด้วยนักเรียนราวพันคน
หากว่ามีคนหายไปสักคนหนึ่งก็คงไม่มีใครคลาแคลงใจใดๆ ผิดกับคนใกล้ตัวที่ตอนนี้ยังคงว้าวุ่นใจ
เพราะไม่อาจจะตามตัวแบคฮยอนกลับมาได้ หนทางเทคโนโลยีที่มีเขาก็ใช้มันจนหมดแล้ว
เพียงแต่มันไม่ได้รับการตอบกลับมา
โอ้เจ้าดวงเดือนเกิดจัทรคราสเป็นเดือนๆได้ด้วยหรือ
ใจของรังสิมันต์จะขาดออกจากกันเป็นเสี่ยงๆได้อยู่แล้ว
“ไอ้ยอล มึงกินข้าวกันปลาบ้างเถอะ
เดี๋ยวจะตายไปซะก่อน” เซฮุนตบไหล่กว้างของเพื่อนสนิทเบาๆ
เพื่อเตือนว่าร่างกายนี้จะไม่ไหวอยู่แล้ว
“ถ้าไม่กินก็หาแบคฮยอนไม่เจอหรอก”
“...”
“ก็ขนาดจะเดินยังอย่างกับจะล้มลงกองกับพื้น”
จงอินพูดตามความจริง เขาไม่ได้แช่งให้เพื่อนหาไม่เจอ หรือกล่าวร้ายว่าชานยอลจะไม่มีทางได้เจอกับแบคฮยอนอีกต่อไป
เขาก็แค่อยากให้เพื่อนได้คิดมากกว่านี้ นี่คือชีวิตสุดท้ายของตอนม.6
จะมามัวเล่น มัวเที่ยวแบบเดิมไม่ได้อีกแล้ว
หากจะบอกว่าเรื่องแบคฮยอนนั้นสำคัญ
ใช่..มันสำคัญในตัวของมันเอง ในขณะที่เรื่องอื่นนั้นก็สำคัญไม่แพ้กัน
ไหนจะเรื่องที่เรียนต่อ เรื่องไร่
ชานยอลมีภารหน้าที่มากเกินกว่าที่จะปล่อยให้ตัวเองทรุดโทรม
“แล้วจะให้กูทำยังไงวะ”
“หาที่เรียนให้ได้ก่อน แล้วค่อยตามหาแบคฮยอน”
“กินข้าวให้ตรงเวลาด้วย” เซฮุนเสริม
“เห็นว่าที่ยอนเซมีโควตามาทางโรงเรียนเรานี่
เป็นคณะวิศวะ-เกษตร มึงเองก็เก่ง โปรไฟล์ก็ดี
กูว่ามึงน่าจะไปลองดูก่อน ติดไม่ติดค่อยว่ากันอีกที”
จงอินจัดแจงเรื่องพร้อมกับดันจานข้าวไปด้านหน้าของชานยอล
“ว่ากันว่าถ้าผู้ชายหุ่นไม่เฟิร์มแล้วสาวจะไม่กรี้ด”
“ตลก” จงอินยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ
ส่วนชานยอลก็จับช้อนขึ้นมากินข้าวอย่างที่ควรจะทำมาตั้งนานแล้ว
กลุ่มของพวกเขาไม่ค่อยพูดเรื่องแบบนี้กันเท่าไหร่นัก
ถ้าหากว่าพวกมันสักคนพูดขึ้นมานั่นแสดงว่ามันเป็นเรื่องที่หนักมากๆ
ชานยอลขอบคุณที่เพื่อนช่วยกันเตือนสติ
ความคิดถึงที่มีต่อแบคฮยอนทั้งหมดเขาจะเปลี่ยนมันมาเป็นแรงผลักดันให้เข้าสอบเข้ามหาลัยจนติด
แล้วหลังจากนั้น ต่อให้ต้องพลิกทั้งแผ่นดินเพื่อตามหาแบคฮยอน
เขาก็จะทำ
ด้วยความเฉลียวฉลาดและทางที่บ้านก็ทำงานด้านนี้มาอยู่แล้วมันเลยทำให้ชานยอลได้ที่เรียนได้ง่ายๆเพียงแค่ยื่นเกรดและโปรไฟล์ส่วนตัวไปให้กับทางมหาลัย
แถมตอนไปวันสัมภาษณ์ยังได้เพื่อนใหม่ที่เรียนสาขาคอมพิวเตอร์
แถมมาเป็นโชคชั้นสอง
‘คิม จงแด’ เป็นผู้ชายหน้าตาคมๆที่เวลายิ้มทีแล้วหน้าเหมือนหมาบีเกิลไม่มีผิด
ซึ่งก็ต้องยอมรับความสามารถในเรื่องแฮกของมันนั่นแหละที่ไปช่วยรื้อทะเบียนนักเรียนของโรงเรียนให้
แต่ทว่าจะมาหาตอนนี้มันก็ช้าไปแล้ว ที่โรงเรียนนั้นได้ลบข้อมูลของแบคฮยอนออกไปจนหมด
ความหวังในการตามหาแบคฮยอนนั้นแสนริบหรี่
แต่ก็ยังดีที่จงแดบอกว่ายังมีวิธี มันสามารถหาให้ได้ว่าบยอนแบคฮยอน
อยู่ที่ไหนในคยองกีโด แต่ว่ามันอาจจะต้องเหนื่อยหน่อยเพราะคนที่ชื่อว่าบยอนแบคฮยอนมีเกือบพันคนในจังหวัดคยองกีโด
พอตัดคนจากพื้นที่รอบนอกออกแล้วก็เหลือประมาณร้อยกว่าคน
มันทั้งเหนื่อยทั้งท้อ
แบคฮยอนคนที่เขาอยากหานั้นไม่เคยเจอ คยองกีโดเองเขาก็ไม่เคยมาสักครั้ง
จะพูดให้ถูกก็คือ นอกจากโซลกับเซจูบ้านเกิดแล้วชานยอลก็ไม่เคยแบ็กแพ็คไปไหนเองเลย
ครั้งนี้ครั้งแรกที่ดูไม่ค่อยเข้าท่านัก ชานยอลไม่มีประสบการณ์ในการเตรียมตัวอีกทั้งเหงื่อดันมาออกในขณะที่อากาศกำลังลงต่ำ
เหงื่อมันทำให้เหนอะหนะไม่สบายตัว
แต่ถึงอย่างนั้นชานยอลก็ยังคงพยายามหาตัวของแบคฮยอน
จากบ้านหลังหนึ่ง สู่บ้านอีกหลังหนึ่ง
ชานยอลก็ประสพพบแต่ความผิดหวัง
เพราะมีคนเป็นแสนเป็นล้านคนที่ชื่อบยอนแบคฮยอน แต่มีเพียงหนเดียวเท่านั้นที่เขาอยากจะเจอตัว
อยากจะถามสักคำว่าทำไมถึงได้หนีกันไปแบบนั้น
ร่างสูงโปร่งโซซัดโซเซมาที่ประตูหน้าบ้านตามแผนที่
และคิดว่าหากว่าบ้านหลังนี้ไม่มีแบคฮยอนแล้ว
เขาอาจจะไปหาโรงแรมจิ้งหรีดนอนแล้วพรุ่งนี้ค่อยออกตามหาอีกครั้ง เดินเข้ามาถึงหน้าประตู
มือหนาก็เอื้อมไปกดกริ่งเพื่อรอให้มีคนมาเปิดประตู
“สวัสดีครับ มาหาใครครับ”
ในขณะที่กำลังก้มๆเงยๆจัดแจงเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทางอยู่นั้น
เสียงที่ออกมาจากลำโพงของกริ่งโทรศัพท์ด้านหน้าก็ทำให้ชานยอลเงยหน้าขึ้นมาสบตาเข้ากับกล้องตัวเล็กตรงหน้า
คนที่อยู่อีกฝากฝั่งก็คงจะมองเขาจากเจ้าเครื่องนี้
“นี่ใช่บ้านของบยอนแบคฮยอนรึเปล่าครับ”
“...” ไม่มีเสียงตอบรับใดๆจนชานยอลงงงวย
อีกทั้งรู้สึกว่ามันนานมากๆจนน่าแปลกใจเลยกดกริ่งเรียกอีกครั้ง
“อ่ะ
สะ..สวัสดีครับ” ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นมาอย่างตกใจ เมื่อเห็นว่ามีคนเปิดประตูออกมา
ร่างที่สูงใหญ่รีบก้มให้เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้านั้นเป็นหญิงสาวแถมยังดูมีอายุกว่าด้วย
ลักษณะภูมิฐานเป็นผู้หญิงตัวเล็กที่สูงไม่ถึงไหล่เขา
เธอยิ้มอย่างใจดีจนตาโค้งเว้าคล้ายประจัทร์เสี้ยว
“จ่ะ แล้วนี่หนูมาหาใครจ้ะ”
“ผมเอ่อ.. กำลังตามหาคนที่ชื่อแบคฮยอนน่ะครับ”
ชานยอลรีบพูด ก่อนล้วงมือเข้าที่กระเป๋าตรงอกพร้อมกับยื่นรูปขนาดเล็กมาให้เธอ
รูปนั้นเป็นรูปของแบคฮยอนที่เขาขอถ่ายเอาไว้เมื่อไม่นานมานี้
ในรูปนั้นแบคฮยอนยิ้มแฉ่งให้กล้องอย่างน่ารักพร้อมแฮมเบอร์เกอร์ชิ้นใหญ่ในมือ
“เขานามสกุลบยอน แล้วบ้านนี้...”
“ใช่จ่ะบ้านนี้เป็นบ้านของสกุลบยอน
แต่ว่ามันเป็นนามสกุลน้าเอง ต้องขอโทษด้วยนะจ้ะ”
“แต่ว่าเมื่อกี้คนที่ตอบรับนั้นเป็นเสียงผู้ชายนี่ครับ”
“อ๋อออ นั่นน่ะลูกชายน้าเองแหละ” การที่โดนปฏิเสธครั้งนี้มันไม่แย่เท่ากับครั้งแรกเท่าไหร่
เขาได้แต่พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
“งั้นช่วยถามลูกคุณน้าให้หน่อยได้รึเปล่าครับ
เผื่อว่าจะเคยรู้จักกับคนในรูป”
“ได้จ่ะ แล้วน้าจะถามให้นะ”
“งั้นเดี๋ยวผมเขียนเบอร์ทิ้งเอาไว้ให้นะครับ”
ชานยอลขอรูปคืนเพื่อเขียนเบอร์ทิ้งเอาไว้ด้านหลังรูปอย่างกระตือรือร้น
เขาทำแบบนี้กับทุกๆบ้านที่ไม่เจอแบคฮยอน อย่างน้อยๆขอเพียงแค่เบาะแสก็ยังดี
ให้เขาได้อยู่ด้วยความหวังต่อไป
พอชานยอลยื่นรูปคืนให้เธอเสร็จ
ก็จัดการล้วงแผนที่ออกมาดูแล้วก็เดินออกไปทันที
“เดี๋ยวสิพ่อหนุ่ม นั่นจะไปไหนต่อล่ะ!”
“ก็คงจะตามหาแบคฮยอนอีกนิดนึงน่ะครับ
แล้วค่อยหาที่พักต่อ” ร่างสูงหันมาพูดกับเธออย่างสุภาพ พลางซ่อนความเหนื่อยล้าเอาไว้ในรอยยิ้มกว้าง
ชานยอลกระชัดเป้บนหลังเพื่อไม่ให้มันหล่นลงไป
“แถวนี้คงจะหาโรงแรมยากสักหน่อยนะ
แต่จะว่ายังไงดีล่ะ”
“...”
“มาพักบ้านน้าก่อนก็ได้นะ”
หะ... คนที่คยองกีโดเขาแปลกๆ หรือว่าบ้ากันแน่
การชวนคนแปลกหน้าเข้าบ้านนี่ไม่บ้าก็ต้องบ้ามากๆแน่ๆ
แต่เอาเถอะนี่มันก็ค่ำเกินกว่าจะไปหาโรงแรมนอนแล้วจริงๆ
อีกทั้งคุณน้าเองก็ไม่ได้เป็นคนที่มีท่าทางไม่น่าไว้ใจด้วย
คำตอบของเขาตอนนี้เลยมีเพียงแค่ตกลง
“แล้วนี่ลูกคุณน้าเค้าจะไม่ว่าหรอครับ”
“ไม่หรอกจ่ะ
เค้าชอบเล่นเกมส์อยู่ในห้องน่ะนานๆทีถึงจะลงมา” คุณน้าคนนั้นยิ้มอ่อนก่อนจะเปิดประตูบ้านให้กว้างขึ้นเพื่อที่เขาจะได้เข้าไป
ชานยอลเดินเข้ามาก็พบกับตัวบ้านหลังพอดีที่แสนอบอุ่น
ทางเข้าหน้าบ้านมีดอกเดซี่ปลูกเอาไว้ข้างรั้วที่มีรูปวาดน่ารักๆอยู่ข้างฝาผนัง
เท่าที่เห็นเป็นรูปพ่อ แม่ แล้วก็ลูกชายตัวอ้วนกลม
“ทำตัวตามสบายเลยนะจ้ะเดี๋ยวน้าไปเอาน้ำมาให้”
ชานยอลที่เดินมาในห้องรับแขกอย่างงๆก็ยิ่งงงหนักเข้าไปใหญ่เมื่อเขาถูกแขนเล็กดึงให้นั่งลงกับโซฟา
“มะ ไม่เป็นไรครับ แค่นี้ก็เกรงใจจะแย่”
“เกรงใจอะไรกันคนกันเองทั้งนั้น
แล้วไอ้เป้ที่สะพายอยู่น่ะถอดออกได้แล้วมั้ง” ชานยอลสะดุ้งเมื่อเห็นว่าตัวเองลืมถอดกระเป๋าออกก่อนนั่งลงบนโซฟา
จึงเอี่ยวตัวดึงสายกระเป๋าที่รัดอยู่กับตัวออกเป็นพัลวัน
ท่าทีของคนตัวโตที่ทำงกๆเงิ่นๆทำให้ซอนมีรู้สึกเอ็นดูเสียเต็มประดา
ก่อนจะเดินออกมาเอาน้ำเอาท่าไปให้กับคนเดินทางไกลเสียงหน่อย
“นี่จ่ะน้ำ”
“อ่ะ ขอบคุณครับ” ยื่นมือใหญ่ออกไปรับน้ำเย็นๆมาถือไว้ในมือก่อนจะขยับตัวเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าคุณน้าใจดีกำลังนั่งลงใกล้ๆกับเขา
“แล้วชื่ออะไรจ้ะเนี่ย
ดูท่าว่าจะเดินทางมาไกลนะจ้ะ”
“ชานยอลครับ ปาร์คชานยอล มาจากโซลนี้เองครับ”
“ตายแล้ว ไกลนะนั่นน่ะ น้าชื่อซอนมีนะจ้ะ บยอนซอนมี
ส่วนเจ้าลูกชายชื่อ คิม ฮันนึล”
“อะ อ๋อครับ ผมก็นึกว่า...”
“จะเป็นคนที่ตามหาใช่มั้ยล่ะ ว้าแย่จังเลย
คนแถวนี้ก็ไม่ค่อยมีเด็กผู้ชายที่มีชื่อขึ้นต้นด้วยตัวแพกด้วยสิ
ไว้พรุ่งนี้ค่อยออกไปหาหมู่บ้านอื่นนะ วันนี้ก็พักบ้านน้าให้หายเหนื่อยก่อน
ดูซิเหงื่อออกเต็มเลย”
ชานยอลยิ้มรับน้อยๆเมื่อคุณน้าซอนมือยื่นมือมาเช็ดเหงื่อที่ไรผมออกให้เบาๆ
“นี่กินอะไรมารึยัง เดี๋ยวน้าทำให้ทานนะ”
“คือผมไม่หิวทะ..”
“แหนะๆ ไม่ปฏิเสธสิจ้ะชานยอล
เอาเป็นว่ากินข้าวกันดีกว่าเนอะเดินทางมาเหนื่อยๆ”
“งั้น เดี๋ยวผมช่วยทำนะครับ” ซอนมีพักหน้ารับก่อนจะเดินนำไปที่ห้องครัว
ชานยอลทำตัวไม่ถูกเลยกับความรู้สึกที่เป็นกันเองมากเกินไปของคนตรงหน้านี้
ถ้ากับคนแปลกหน้าแล้วใครเขาก็คงใจดีหาข้าวหาน้ำให้อย่างกระตือรือร้นขนาดนี้
ไม่มีหรอกในยุคแบบนี้ มากสุดก็แค่ที่พัก
นี่มันจะเป็นเหมือนในหนักฆาตกรรมที่เขาชอบดูบ่อยๆรึเปล่านะ
ที่ว่าชวนคนแปลกหน้าเข้าบ้านแล้วหั่นกินตอนท้ายเรื่อง
คงไม่หรอกมั้ง
“นี่คุณน้าเล่นกล้ามด้วยหรอครับ”
“หืม?” ซอนมีที่เอาวัตถุดิบออกมาจากตู้เย็นขมวดคิ้วหลังจากที่ชานยอลถาม
ร่างสูงโปร่งมองไปยังขวดยามากมายบนโต๊ะก่อนจะชี้นิ้วให้ดู
“ก็บ้านน้ามีแต่ขวดแอลคาเนทีน
อย่างกับพวกเล่นกล้ามเลย”
“อ๋อ นั่นของเจ้าลูกชายน่ะ
บ้าเกมส์ไม่พอยังบ้ากล้าอีก” ชานยอลพยักหน้าอย่างเข้าใจ
เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ชายแล้ว
การมีกล้ามเนื้อคือสิ่งหนึ่งที่ในชีวิตต้องมีกับเขาสักครั้ง
“มาเดี๋ยวผมช่วยเองครับ”
พอเห็นว่าคนใจดีเตรียมจะหั่นผัก ตัวก็รีบเข้าไปช่วยทันที
ชานยอลปลดกระดุมที่แขนเสื้อทั้งสองออกก่อนจะพับขึ้นสูงเพื่อล้างมือ
แล้วรับมีดมาหั่นผักให้อย่างขะมักเขม้น
“แหม ทำเป็นด้วยหรือจ้ะเนี่ย
ผู้ชายสมัยนี้เขาไม่ค่อยเข้าครัวกันหรอก”
“ทำเป็นไว้มันก็ดีไม่ใช่หรือครับ”
“...”
“เพื่อถ้าเกิดว่าแฟนทำกับข้าวไม่เป็น
เราก็จะได้ทำแทนไงครับ”
“อุ้ย น่ารักจังเลย”
ชานยอลหมายความตามอย่างที่พูดจริงๆ
เขาชอบทำอาหารมาตั้งแต่เด็กๆเพราะว่าติดแม่
ดังนั้นด้วยใจคนทำแล้วการที่ได้เห้นคนทานมีความสุขคนทำก็มีความสุขตามไปด้วย
ดังนั้นชานยอลจึงชอบทำอาหารให้แบคฮยอนทาน เพราะเขาชอบสีหน้าที่แสนมีความสุขของแบคฮยอน
“มาจ่ะ
เดี๋ยวน้าเอาไปผัดเองนะ”
“ครับ”
ชานยอลพยักหน้ารับก่อนจะถอยออมาจากเคาน์เตอร์เพื่อให้น้าซอนมีเข้าไปจัดการกับอาหารต่อ
“เอ่อ... ไม่ทราบว่าห้องน้ำไปทางไหนครับ”
“ใกล้ๆกับห้องนั่งเล่นเลยจ่ะ ประตูสีฟ้านะ”
“ขอบคุณครับ”
เอ่ยขอบคุณก่อนจะหมุนตัวกลับ
หวังว่าจะได้ล้างหน้าล้างตาให้สดชื่อเสียหน่อย
ทว่าเขากลับเห็นร่างท้วมของผู้ชายคนนึงวิ่งแจ้นหายเข้าไปในห้องใต้บันไดอย่างกลัวว่าใครจะจับได้อย่างนั้นแหละ
เขาไม่ได้สนใจอะไรมากคิดว่าลูกชายของคุณน้าคงจะโลกส่วนตัวสูงพอสมควร
ชานยอลเดินเลยผ่านไปได้ไม่กี่ก้าวก็หมุนตัววกกลับมาอีกครั้ง
เพียงเพราะคิดว่าอย่างน้อยๆแค่ลองถามเบาะแสจากคนๆนี้ดูเขาอาจจะเคยเจอแบคฮยอนก็ได้
ร่างสูงหยุดลงตรงหน้าประตูห้องใต้บันได
โดยที่มีเพียงช่องสอดซองจดหมายเล็กๆ เขาก้มตัวลงมาเพื่อมองลอดเข้าไปยังด้านใน
ซึ่งนั่นทำให้ชานยอลสบตาเข้ากับคนด้านในอย่างบังเอิญ
โดยที่ระยะห่างมีเพียงแค่ประตูกันเท่านั้น
ดวงตารีเรียวของคนด้านในเลิกลักไปมาราวกับคนมีคดีติดตัว
ซึ่งนั่นทำให้ชานยอลนึกไปถึงท่าทีของแบคฮยอนตอนที่กำลังจะโกหกอะไรบางอย่าง
ซึ่งเขาอ่านแววตาคู่นั้นออกทุกระเบียบนิ้ว ทั้งความต้องการ หรือความรู้สึก ณ
ขณะนั้น
“เอ่อ ขอโทษนะ”
“...”
ชานยอลเม้มปากอยู่ที่นึงก่อนจะล้วงเอารูปแบคฮยอนออกมาจากกระเป๋าเสื้อตรงอกแล้วยื่นมาให้อีกคนผ่านช่องสอดจดหมาย
“ฉันอยากจะถามหน่อยว่านายรู้จักคนในรูปบ้างมั้ย”
“ไม่เลย ไม่รู้จัก”
เสียงของอีกคนที่เปล่งออกมาทำให้ชานยอลชะงักไปชั่วขณะ
ลักษณะการออกเสียงในแต่ละช่วงพยางค์นั้น มันเหมือนกับแบคฮยอนไม่มีผิดเพี้ยน
จะว่าเขาบ้าไปแล้วก็ได้ที่คิดว่าคนตรงหน้าคือแบคฮยอนเพียงแค่ได้ยินเสียง
เขาจำทุกสิ่งที่เป็นแบคฮยอนได้อยู่แล้ว
แม้กระทั้งน้ำเสียง หรือแววตาที่เหมือนกำลังจะร้องไห้ในอีกฝากฝั่งของประตู
บางที่แบคฮยอนก็ควรได้รู้เสียบ้างว่าชานยอลดีใจแทบบ้าอยู่แล้วในตอนนี้
ความเหนื่อยล้าทั้งหมดทั้งมวลที่สะสมมาตลอดทั้งวันมันได้สลายหายไปในพริบตา เพียงแค่คนตรงหน้าคือแบคฮยอน
“งั้นหรอ”
“แล้วนายจะตามหาเขาไปทำไม
ผู้หญิงสวยๆมีอีกเยอะแยะ” แบคฮยอนส่งรูปคืนกลับมาก่อนจะเบือนหน้าหนีไม่ยอมสบตาด้วยอีก
ชานยอลอยากจะรู้เหลือเกินว่าเขาทำอะไรผิด แบคฮยอนถึงได้หนีกันมาอย่างนี้
อยากจะถาม...
ว่าไม่รักกันแล้วหรือยังไง
“ผู้หญิงสวยกับหัวใจมันคนละอย่างกัน”
“...”
“ฉันอยู่โดยไม่มีหัวใจไม่ได้หรอก”
ชานยอลไม่ได้บอกไปว่าเขารู้แล้วว่าคนที่แอบอยู่ห้องใต้บรรใดนั้นคือแบคฮยอน เพราะเขารู้ว่าถึงจะพูดอะไรออกไป อีกคนก็คงจะไม่ยอมฟังทั้งนั้น
แค่หน้ายังไม่ยอมให้ดูเลยนับประสาอะไรกันกับเปิดใจคุยกัน แบคฮยอนเป็นที่ดื้อ และจะยิ่งดื้อถ้าหากว่าได้ไปเห็นอะไรมา หรือโกรธอะไรเข้ามากๆ ชานยอลไม่รู้จะทำยังไงในขณะแม่ของแบคฮยอนก็ได้แต่เพียงแตะเบ่าของเขาเอาไว้เบาๆก่อนจะขอเวลาให้กับแบคฮยอน
ช่วงชีวิตที่มันไม่มีแบคฮยอนเคียงข้างกาย เหมือนทุกๆสิ่งที่เคยสว่างสดใสค่อยๆแตกดับและแห้งเหี่ยวลงไปในพริบตา จากที่ไม่เคยหนาวก็กลายกลับว่าหนาวเสียจนติดลบ ไม่อาจจะเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ กับอะไรใหม่ได้เลย พึ่งจะเข้าใจว่าการขาดใครไปสักคนมันเป็นอย่างนี้นี่เอง
โครม!
เสียงอึกทึกครึกโครมภายในบ้านต้นไม้ของว่าที่พ่อเลี้ยงชานยอลนั้นดังสนั่น ทำเอาร่างสูงใหญ่ที่นอนเปลือยท่อนบนอยู่บนพื้นไม้แข็งๆต้องลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าของฤดูใบไม้ผลิ รอบๆกายกำยำนั้นเต็มไปด้วยขวดแก้วของสุราอีกทั้งก้นกรองบุหรี่นับสิบ
เพล้ง!
เสียงคราวนี้เกิดขึ้นใกล้ๆตัวทำเอาคนตื่นง่ายอย่างเขาตื่นขึ้นเต็มตา
แม้จะยังคงเหลืออาการเมาค้างอยู่บ้าง ชานยอลกวาดสายตาไปรอบๆพื้นที่ตามสัญชาตญาญก่อนจะพบว่าคนที่กำลังก่อนกวนการหลับของเขาคือ
คุณย่าสุดที่รัก
มือเหี่ยวชรานั่นยกกระถางต้นกุหลาบหินขึ้นมาท่ามกลางความตื่นตกใจของชานยอล
“ยะ ย่า!”
เพล้ง!
ต้นไม้กระจิ๊ดริดนั้นกระจัดกระจายตามพื้นไม้ไปต่อหน้าต่อตา
ไม่รวมกับบนพื้นที่เหมือนถูกถอนทำลายก่อนที่เขาจะตื่นขึ้นมาด้วย
จิตใจคนปลูกมันแทบแตกออกจากกันตอนที่ย่าใช้มือที่ชรากาลของตนเองนั้นปัดกระถางบนชั้นวางจนหมดสิ้น
“ย่า! ไม่เอา
ไม่ทำต้นไม้ผม” คนเป็นเจ้าของวิ่งเข้ามารวบตัวของหญิงเฒ่ามากอดเอาไว้แน่น
เพราะไม่อาจปล่อยให้ย่าทำแบบนั้นกับต้นไม้แสนรักของเขาได้อีกแล้ว ต้นไม้ที่เขาหวงแหนมานับสิบปีทำไมย่าถึงทำกันได้ลงคอ คนที่สอนให้เขารักทำไมถึงได้มาทำลายจนแตกหักแบบนี้
“ปล่อย... ย่าจะโค่นต้นมันให้หมด”
“ไม่เอาย่า มันเจ็บแล้ว ไม่เอานะย่า...”
“ก็ทีเจ้านายมันไม่รักแล้วมันจะอยู่ไปทำไม”
“ใครบอกย่า ผมรักของผมทุกวัน”
ชานยอลค้านสิ่งที่ย่ากล่าวหาสุดฤทธิ์ ต่อให้ต้องบาดหมางใจ
ชานยอลจะไม่มีทางยอมให้ใครมาแตะต้องต้นไม้แสนรักของเขาเด็ดขาด
“เหอะ! น้ำหน้าอย่างนี้นะจะรักใครได้
ขนาดตัวของแกเองแกยังไม่รัก”
“...”
“ต่อให้ไม่มีเขา เราก็ต้องอยู่ให้ได้นะตาชาน”
คำพูดของย่านั้นแทงเสียบลึกเข้ามาตรงกลางใจ เพราะสภาพของชานยอลตอนนี้มันไม่ต่างอะไรกับศพ ยิ่งคิดถึงแบคฮยอนมากเท่าไหร่
ชานยอลก็เอาแต่กินเหล้าสูบบุหรี่มากยิ่งขึ้น แถมยังขังตัวเองอยู่แต่ในบ้านต้นไม้
พิษรักเกือบคร่าชีวิตว่าที่พ่อเลี้ยงตายเสียแล้ว
“ผม.. ผมอยากให้เขากลับมาย่า.. ผมคิดถึงเขา”
“ตาชาน.. ฟังย่านะ”
“...”
“ถ้าคนมันไม่รักแล้ว ต่อให้ทำยังไงเขาก็ไม่รักเรา
มันจะมีแต่เราที่เป็นฝ่ายเจ็บนะลูก
ความคิดถึงมันไม่ได้เป็นสิ่งที่ทำให้คนเราอ่อนแอ หากแต่มันจะคอยย้ำเตือนเรา
ว่าครั้งหนึ่ง...หัวใจดวงนี้มันเป็นของใคร”
ว่าที่พ่อเลี้ยงพยักหน้ารับคำทั้งน้ำตา
ไม่รู้ว่าเหตุใดจิตใจถึงเจ็บปวดได้ถึงเพียงนี้
กระเทยยุ่งๆ
เย่~ บนนี้ยาวมาจนถึงกับต้องปาดเหงื่อ
ยังไม่ได้อ่านคิดผิดนะคะ อาจจะมีเยอะบ้าง 555
iรีบอัพเพราะรู้ว่าพวกเธอรอ
ช่วงเพลงใหม่แกะกล่อง(หีบ)
ช่วยเก็บ ผ้าเช็ดหน้า ของฉันหน่อยได้ไหม
เพราะฉันทำมันตก
ความคิดเห็น