ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [exo] 'NICE BODY' || CHANBAEK #แบคฮยอนอ้วน

    ลำดับตอนที่ #29 : NICE BODY : 25 part 2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.65K
      31
      18 มิ.ย. 58

    25

    Your True

    (ใครยังไม่ได้อ่าน part 1 ให้ไปอ่านก่อน)







     

    แบคฮยอนหายไปจากงานเลี้ยง โดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่าคนอ้วนกลมคนนั้นหายไปได้ยังไง ชานยอลร้อนใจยิ่งกว่าอะไรดีตอนที่โทรหาแล้วอีกฝ่ายยังไม่ยอมรับสาย คิดว่าอีกคนคงจะงอนที่เขาทิ้งไว้อยู่ในงานคนเดียวแล้วหนีหลับหอไปก่อนแล้ว

     

    เหมี๋ยว~

     

    นี่มันไม่ใช่แบบที่ชานยอลคิดเลยสักนิด เขาไม่ได้ต้องการที่จะกลับมาพบกับห้องนอนที่แสนว่างเปล่าและเจ้าขนปุยตัวจ้อยเพียงตัวเดียวในความมืด มันเดินมาคลอเคลียขาด้วยการถูไถหัวไปมากับขาของเขาคล้ายต้องการให้ชานยอลยื่นมือหนาเข้าไปสัมผัสกับหัวของมันเบาๆ

     

    ตอนที่กำลังยื่นมือลงไปนั้น เขาก็เริ่มรับรู้ถึงความเปลี่ยนไป โลหะสีเงินที่สะท้อนเงากับแสงเพียงน้อยนิดในห้องทำให้ชานยอลรู้ทันทีว่าเขาอาจจะต้องเสียใจถ้าหากช้าไปมากกว่านี้ ร่างสูงใหญ่รีบวิ่งมายังห้องข้างๆที่แสนคุ้นเคย

     

    ไม่มีทีท่าของความลังเลใจ มือหนานั้นหมุนบิดกลอนประตูเข้าไปทันที

     

    “แบค”

     

    “...”

     

    “แบคฮยอน!

     

    ว่างเปล่า

     

    ในห้องที่อบอวลไปด้วยมวลกลิ่นที่แสนสดใสนี้ไร้ซึ่งกายเจ้าของ ซึ่งเหมือนกับการที่ดอกทานตะวันแห้งตายทั้งทุ่ง มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าและแสนห่อเหี่ยวใจ เพราะไม่มีความสดใสใดเปรียบได้ดั่งดอกทานตะวันทุ่งนั้นได้อีกแล้ว ...แบคฮยอนก็เช่นกัน

     

    ไม่ว่าใครก็มาแทนความสดใสนี้ไม่ได้

     

    ร่างสูงใหญ่ของชานยอลล้มทั้งๆที่ยืนอยู่ หัวเข่าทั้งสองกระทบเข้ากับพื้นไม้เสียงดังคลายเกิดสิ่งแตกร้าว หากเป็นกระดูกที่แตกร้าวมันคงจะดีกว่านี้ เพราะตอนนี้ใจของว่าที่พ่อเลี้ยงของไร่ส้มมันร้าวรานไปทั้งใจ ยามที่มองเห็นห้องนอนที่แสนว่างเปล่าน้ำตามันก็เอ่อไหลออกมาอย่างไม่อายฟ้าดิน

     

    “แบค...”

     

    บอกซิว่าชานยอลทำผิดอะไร

     

    เหตุใดแบคฮยอนถึงได้บินหนีเขาไปเช่นนี้

     

     

     

     

     

     

     

     

    ที่โรงเรียนมัธยมแทโฮยังคงคลาคล่ำไปด้วยนักเรียนราวพันคน หากว่ามีคนหายไปสักคนหนึ่งก็คงไม่มีใครคลาแคลงใจใดๆ ผิดกับคนใกล้ตัวที่ตอนนี้ยังคงว้าวุ่นใจ เพราะไม่อาจจะตามตัวแบคฮยอนกลับมาได้ หนทางเทคโนโลยีที่มีเขาก็ใช้มันจนหมดแล้ว เพียงแต่มันไม่ได้รับการตอบกลับมา

     

    โอ้เจ้าดวงเดือนเกิดจัทรคราสเป็นเดือนๆได้ด้วยหรือ

    ใจของรังสิมันต์จะขาดออกจากกันเป็นเสี่ยงๆได้อยู่แล้ว

     

    “ไอ้ยอล มึงกินข้าวกันปลาบ้างเถอะ เดี๋ยวจะตายไปซะก่อน” เซฮุนตบไหล่กว้างของเพื่อนสนิทเบาๆ เพื่อเตือนว่าร่างกายนี้จะไม่ไหวอยู่แล้ว

     

    “ถ้าไม่กินก็หาแบคฮยอนไม่เจอหรอก”

     

    “...”

     

    “ก็ขนาดจะเดินยังอย่างกับจะล้มลงกองกับพื้น” จงอินพูดตามความจริง เขาไม่ได้แช่งให้เพื่อนหาไม่เจอ หรือกล่าวร้ายว่าชานยอลจะไม่มีทางได้เจอกับแบคฮยอนอีกต่อไป เขาก็แค่อยากให้เพื่อนได้คิดมากกว่านี้ นี่คือชีวิตสุดท้ายของตอนม.6 จะมามัวเล่น มัวเที่ยวแบบเดิมไม่ได้อีกแล้ว

     

    หากจะบอกว่าเรื่องแบคฮยอนนั้นสำคัญ ใช่..มันสำคัญในตัวของมันเอง ในขณะที่เรื่องอื่นนั้นก็สำคัญไม่แพ้กัน ไหนจะเรื่องที่เรียนต่อ เรื่องไร่ ชานยอลมีภารหน้าที่มากเกินกว่าที่จะปล่อยให้ตัวเองทรุดโทรม

     

    “แล้วจะให้กูทำยังไงวะ”

     

    “หาที่เรียนให้ได้ก่อน แล้วค่อยตามหาแบคฮยอน”

     

    “กินข้าวให้ตรงเวลาด้วย” เซฮุนเสริม

     

    “เห็นว่าที่ยอนเซมีโควตามาทางโรงเรียนเรานี่ เป็นคณะวิศวะ-เกษตร มึงเองก็เก่ง โปรไฟล์ก็ดี กูว่ามึงน่าจะไปลองดูก่อน ติดไม่ติดค่อยว่ากันอีกที” จงอินจัดแจงเรื่องพร้อมกับดันจานข้าวไปด้านหน้าของชานยอล “ว่ากันว่าถ้าผู้ชายหุ่นไม่เฟิร์มแล้วสาวจะไม่กรี้ด”

     

    “ตลก” จงอินยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ ส่วนชานยอลก็จับช้อนขึ้นมากินข้าวอย่างที่ควรจะทำมาตั้งนานแล้ว กลุ่มของพวกเขาไม่ค่อยพูดเรื่องแบบนี้กันเท่าไหร่นัก ถ้าหากว่าพวกมันสักคนพูดขึ้นมานั่นแสดงว่ามันเป็นเรื่องที่หนักมากๆ

     

    ชานยอลขอบคุณที่เพื่อนช่วยกันเตือนสติ ความคิดถึงที่มีต่อแบคฮยอนทั้งหมดเขาจะเปลี่ยนมันมาเป็นแรงผลักดันให้เข้าสอบเข้ามหาลัยจนติด แล้วหลังจากนั้น ต่อให้ต้องพลิกทั้งแผ่นดินเพื่อตามหาแบคฮยอน

     

    เขาก็จะทำ

     

     

     

     

     

     

    ด้วยความเฉลียวฉลาดและทางที่บ้านก็ทำงานด้านนี้มาอยู่แล้วมันเลยทำให้ชานยอลได้ที่เรียนได้ง่ายๆเพียงแค่ยื่นเกรดและโปรไฟล์ส่วนตัวไปให้กับทางมหาลัย แถมตอนไปวันสัมภาษณ์ยังได้เพื่อนใหม่ที่เรียนสาขาคอมพิวเตอร์ แถมมาเป็นโชคชั้นสอง

     

    คิม จงแดเป็นผู้ชายหน้าตาคมๆที่เวลายิ้มทีแล้วหน้าเหมือนหมาบีเกิลไม่มีผิด ซึ่งก็ต้องยอมรับความสามารถในเรื่องแฮกของมันนั่นแหละที่ไปช่วยรื้อทะเบียนนักเรียนของโรงเรียนให้ แต่ทว่าจะมาหาตอนนี้มันก็ช้าไปแล้ว ที่โรงเรียนนั้นได้ลบข้อมูลของแบคฮยอนออกไปจนหมด

     

    ความหวังในการตามหาแบคฮยอนนั้นแสนริบหรี่ แต่ก็ยังดีที่จงแดบอกว่ายังมีวิธี มันสามารถหาให้ได้ว่าบยอนแบคฮยอน อยู่ที่ไหนในคยองกีโด แต่ว่ามันอาจจะต้องเหนื่อยหน่อยเพราะคนที่ชื่อว่าบยอนแบคฮยอนมีเกือบพันคนในจังหวัดคยองกีโด พอตัดคนจากพื้นที่รอบนอกออกแล้วก็เหลือประมาณร้อยกว่าคน

     

    มันทั้งเหนื่อยทั้งท้อ แบคฮยอนคนที่เขาอยากหานั้นไม่เคยเจอ คยองกีโดเองเขาก็ไม่เคยมาสักครั้ง จะพูดให้ถูกก็คือ นอกจากโซลกับเซจูบ้านเกิดแล้วชานยอลก็ไม่เคยแบ็กแพ็คไปไหนเองเลย ครั้งนี้ครั้งแรกที่ดูไม่ค่อยเข้าท่านัก ชานยอลไม่มีประสบการณ์ในการเตรียมตัวอีกทั้งเหงื่อดันมาออกในขณะที่อากาศกำลังลงต่ำ เหงื่อมันทำให้เหนอะหนะไม่สบายตัว แต่ถึงอย่างนั้นชานยอลก็ยังคงพยายามหาตัวของแบคฮยอน

     

    จากบ้านหลังหนึ่ง สู่บ้านอีกหลังหนึ่ง

     

    ชานยอลก็ประสพพบแต่ความผิดหวัง เพราะมีคนเป็นแสนเป็นล้านคนที่ชื่อบยอนแบคฮยอน แต่มีเพียงหนเดียวเท่านั้นที่เขาอยากจะเจอตัว อยากจะถามสักคำว่าทำไมถึงได้หนีกันไปแบบนั้น

     

    ร่างสูงโปร่งโซซัดโซเซมาที่ประตูหน้าบ้านตามแผนที่ และคิดว่าหากว่าบ้านหลังนี้ไม่มีแบคฮยอนแล้ว เขาอาจจะไปหาโรงแรมจิ้งหรีดนอนแล้วพรุ่งนี้ค่อยออกตามหาอีกครั้ง เดินเข้ามาถึงหน้าประตู มือหนาก็เอื้อมไปกดกริ่งเพื่อรอให้มีคนมาเปิดประตู

     

    “สวัสดีครับ มาหาใครครับ”

     

    ในขณะที่กำลังก้มๆเงยๆจัดแจงเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทางอยู่นั้น เสียงที่ออกมาจากลำโพงของกริ่งโทรศัพท์ด้านหน้าก็ทำให้ชานยอลเงยหน้าขึ้นมาสบตาเข้ากับกล้องตัวเล็กตรงหน้า คนที่อยู่อีกฝากฝั่งก็คงจะมองเขาจากเจ้าเครื่องนี้

     

    “นี่ใช่บ้านของบยอนแบคฮยอนรึเปล่าครับ”

     

    “...” ไม่มีเสียงตอบรับใดๆจนชานยอลงงงวย อีกทั้งรู้สึกว่ามันนานมากๆจนน่าแปลกใจเลยกดกริ่งเรียกอีกครั้ง

     

     “อ่ะ สะ..สวัสดีครับ” ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นมาอย่างตกใจ เมื่อเห็นว่ามีคนเปิดประตูออกมา ร่างที่สูงใหญ่รีบก้มให้เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้านั้นเป็นหญิงสาวแถมยังดูมีอายุกว่าด้วย ลักษณะภูมิฐานเป็นผู้หญิงตัวเล็กที่สูงไม่ถึงไหล่เขา เธอยิ้มอย่างใจดีจนตาโค้งเว้าคล้ายประจัทร์เสี้ยว

     

    “จ่ะ แล้วนี่หนูมาหาใครจ้ะ”

     

    “ผมเอ่อ.. กำลังตามหาคนที่ชื่อแบคฮยอนน่ะครับ” ชานยอลรีบพูด ก่อนล้วงมือเข้าที่กระเป๋าตรงอกพร้อมกับยื่นรูปขนาดเล็กมาให้เธอ รูปนั้นเป็นรูปของแบคฮยอนที่เขาขอถ่ายเอาไว้เมื่อไม่นานมานี้ ในรูปนั้นแบคฮยอนยิ้มแฉ่งให้กล้องอย่างน่ารักพร้อมแฮมเบอร์เกอร์ชิ้นใหญ่ในมือ “เขานามสกุลบยอน แล้วบ้านนี้...”

     

     

    “ใช่จ่ะบ้านนี้เป็นบ้านของสกุลบยอน แต่ว่ามันเป็นนามสกุลน้าเอง ต้องขอโทษด้วยนะจ้ะ”

     

    “แต่ว่าเมื่อกี้คนที่ตอบรับนั้นเป็นเสียงผู้ชายนี่ครับ”

     

    “อ๋อออ นั่นน่ะลูกชายน้าเองแหละ” การที่โดนปฏิเสธครั้งนี้มันไม่แย่เท่ากับครั้งแรกเท่าไหร่ เขาได้แต่พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ

     

    “งั้นช่วยถามลูกคุณน้าให้หน่อยได้รึเปล่าครับ เผื่อว่าจะเคยรู้จักกับคนในรูป”

     

    “ได้จ่ะ แล้วน้าจะถามให้นะ”

     

    “งั้นเดี๋ยวผมเขียนเบอร์ทิ้งเอาไว้ให้นะครับ” ชานยอลขอรูปคืนเพื่อเขียนเบอร์ทิ้งเอาไว้ด้านหลังรูปอย่างกระตือรือร้น เขาทำแบบนี้กับทุกๆบ้านที่ไม่เจอแบคฮยอน อย่างน้อยๆขอเพียงแค่เบาะแสก็ยังดี ให้เขาได้อยู่ด้วยความหวังต่อไป

     

     

    พอชานยอลยื่นรูปคืนให้เธอเสร็จ ก็จัดการล้วงแผนที่ออกมาดูแล้วก็เดินออกไปทันที

     

    “เดี๋ยวสิพ่อหนุ่ม นั่นจะไปไหนต่อล่ะ!

     

    “ก็คงจะตามหาแบคฮยอนอีกนิดนึงน่ะครับ แล้วค่อยหาที่พักต่อ” ร่างสูงหันมาพูดกับเธออย่างสุภาพ พลางซ่อนความเหนื่อยล้าเอาไว้ในรอยยิ้มกว้าง ชานยอลกระชัดเป้บนหลังเพื่อไม่ให้มันหล่นลงไป

     

    “แถวนี้คงจะหาโรงแรมยากสักหน่อยนะ แต่จะว่ายังไงดีล่ะ”

     

    “...”

     

    “มาพักบ้านน้าก่อนก็ได้นะ”

     

    หะ... คนที่คยองกีโดเขาแปลกๆ หรือว่าบ้ากันแน่ การชวนคนแปลกหน้าเข้าบ้านนี่ไม่บ้าก็ต้องบ้ามากๆแน่ๆ แต่เอาเถอะนี่มันก็ค่ำเกินกว่าจะไปหาโรงแรมนอนแล้วจริงๆ อีกทั้งคุณน้าเองก็ไม่ได้เป็นคนที่มีท่าทางไม่น่าไว้ใจด้วย คำตอบของเขาตอนนี้เลยมีเพียงแค่ตกลง

     

    “แล้วนี่ลูกคุณน้าเค้าจะไม่ว่าหรอครับ”

     

    “ไม่หรอกจ่ะ เค้าชอบเล่นเกมส์อยู่ในห้องน่ะนานๆทีถึงจะลงมา” คุณน้าคนนั้นยิ้มอ่อนก่อนจะเปิดประตูบ้านให้กว้างขึ้นเพื่อที่เขาจะได้เข้าไป ชานยอลเดินเข้ามาก็พบกับตัวบ้านหลังพอดีที่แสนอบอุ่น ทางเข้าหน้าบ้านมีดอกเดซี่ปลูกเอาไว้ข้างรั้วที่มีรูปวาดน่ารักๆอยู่ข้างฝาผนัง เท่าที่เห็นเป็นรูปพ่อ แม่ แล้วก็ลูกชายตัวอ้วนกลม

     

    “ทำตัวตามสบายเลยนะจ้ะเดี๋ยวน้าไปเอาน้ำมาให้” ชานยอลที่เดินมาในห้องรับแขกอย่างงๆก็ยิ่งงงหนักเข้าไปใหญ่เมื่อเขาถูกแขนเล็กดึงให้นั่งลงกับโซฟา

     

    “มะ ไม่เป็นไรครับ แค่นี้ก็เกรงใจจะแย่”

     

    “เกรงใจอะไรกันคนกันเองทั้งนั้น แล้วไอ้เป้ที่สะพายอยู่น่ะถอดออกได้แล้วมั้ง” ชานยอลสะดุ้งเมื่อเห็นว่าตัวเองลืมถอดกระเป๋าออกก่อนนั่งลงบนโซฟา จึงเอี่ยวตัวดึงสายกระเป๋าที่รัดอยู่กับตัวออกเป็นพัลวัน ท่าทีของคนตัวโตที่ทำงกๆเงิ่นๆทำให้ซอนมีรู้สึกเอ็นดูเสียเต็มประดา ก่อนจะเดินออกมาเอาน้ำเอาท่าไปให้กับคนเดินทางไกลเสียงหน่อย

     

    “นี่จ่ะน้ำ”

     

    “อ่ะ ขอบคุณครับ” ยื่นมือใหญ่ออกไปรับน้ำเย็นๆมาถือไว้ในมือก่อนจะขยับตัวเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าคุณน้าใจดีกำลังนั่งลงใกล้ๆกับเขา

     

    “แล้วชื่ออะไรจ้ะเนี่ย ดูท่าว่าจะเดินทางมาไกลนะจ้ะ”

     

    “ชานยอลครับ ปาร์คชานยอล มาจากโซลนี้เองครับ”

     

    “ตายแล้ว ไกลนะนั่นน่ะ น้าชื่อซอนมีนะจ้ะ บยอนซอนมี ส่วนเจ้าลูกชายชื่อ คิม ฮันนึล”

     

    “อะ อ๋อครับ ผมก็นึกว่า...”

     

    “จะเป็นคนที่ตามหาใช่มั้ยล่ะ ว้าแย่จังเลย คนแถวนี้ก็ไม่ค่อยมีเด็กผู้ชายที่มีชื่อขึ้นต้นด้วยตัวแพกด้วยสิ ไว้พรุ่งนี้ค่อยออกไปหาหมู่บ้านอื่นนะ วันนี้ก็พักบ้านน้าให้หายเหนื่อยก่อน ดูซิเหงื่อออกเต็มเลย” ชานยอลยิ้มรับน้อยๆเมื่อคุณน้าซอนมือยื่นมือมาเช็ดเหงื่อที่ไรผมออกให้เบาๆ

     

    “นี่กินอะไรมารึยัง เดี๋ยวน้าทำให้ทานนะ”

     

    “คือผมไม่หิวทะ..”

     

    “แหนะๆ ไม่ปฏิเสธสิจ้ะชานยอล เอาเป็นว่ากินข้าวกันดีกว่าเนอะเดินทางมาเหนื่อยๆ”

     

    “งั้น เดี๋ยวผมช่วยทำนะครับ” ซอนมีพักหน้ารับก่อนจะเดินนำไปที่ห้องครัว

     

    ชานยอลทำตัวไม่ถูกเลยกับความรู้สึกที่เป็นกันเองมากเกินไปของคนตรงหน้านี้ ถ้ากับคนแปลกหน้าแล้วใครเขาก็คงใจดีหาข้าวหาน้ำให้อย่างกระตือรือร้นขนาดนี้ ไม่มีหรอกในยุคแบบนี้ มากสุดก็แค่ที่พัก นี่มันจะเป็นเหมือนในหนักฆาตกรรมที่เขาชอบดูบ่อยๆรึเปล่านะ ที่ว่าชวนคนแปลกหน้าเข้าบ้านแล้วหั่นกินตอนท้ายเรื่อง

     

    คงไม่หรอกมั้ง

     

    “นี่คุณน้าเล่นกล้ามด้วยหรอครับ”

     

    “หืม?” ซอนมีที่เอาวัตถุดิบออกมาจากตู้เย็นขมวดคิ้วหลังจากที่ชานยอลถาม ร่างสูงโปร่งมองไปยังขวดยามากมายบนโต๊ะก่อนจะชี้นิ้วให้ดู

     

    “ก็บ้านน้ามีแต่ขวดแอลคาเนทีน อย่างกับพวกเล่นกล้ามเลย”

    “อ๋อ นั่นของเจ้าลูกชายน่ะ บ้าเกมส์ไม่พอยังบ้ากล้าอีก” ชานยอลพยักหน้าอย่างเข้าใจ เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ชายแล้ว การมีกล้ามเนื้อคือสิ่งหนึ่งที่ในชีวิตต้องมีกับเขาสักครั้ง

     

    “มาเดี๋ยวผมช่วยเองครับ” พอเห็นว่าคนใจดีเตรียมจะหั่นผัก ตัวก็รีบเข้าไปช่วยทันที ชานยอลปลดกระดุมที่แขนเสื้อทั้งสองออกก่อนจะพับขึ้นสูงเพื่อล้างมือ แล้วรับมีดมาหั่นผักให้อย่างขะมักเขม้น

     

    “แหม ทำเป็นด้วยหรือจ้ะเนี่ย ผู้ชายสมัยนี้เขาไม่ค่อยเข้าครัวกันหรอก”

     

    “ทำเป็นไว้มันก็ดีไม่ใช่หรือครับ”

     

    “...”

     

    “เพื่อถ้าเกิดว่าแฟนทำกับข้าวไม่เป็น เราก็จะได้ทำแทนไงครับ”

     

    “อุ้ย น่ารักจังเลย”

     

    ชานยอลหมายความตามอย่างที่พูดจริงๆ เขาชอบทำอาหารมาตั้งแต่เด็กๆเพราะว่าติดแม่ ดังนั้นด้วยใจคนทำแล้วการที่ได้เห้นคนทานมีความสุขคนทำก็มีความสุขตามไปด้วย ดังนั้นชานยอลจึงชอบทำอาหารให้แบคฮยอนทาน เพราะเขาชอบสีหน้าที่แสนมีความสุขของแบคฮยอน

     

     “มาจ่ะ เดี๋ยวน้าเอาไปผัดเองนะ”

     

    “ครับ” ชานยอลพยักหน้ารับก่อนจะถอยออมาจากเคาน์เตอร์เพื่อให้น้าซอนมีเข้าไปจัดการกับอาหารต่อ “เอ่อ... ไม่ทราบว่าห้องน้ำไปทางไหนครับ”

     

    “ใกล้ๆกับห้องนั่งเล่นเลยจ่ะ ประตูสีฟ้านะ”

     

    “ขอบคุณครับ”

     

    เอ่ยขอบคุณก่อนจะหมุนตัวกลับ หวังว่าจะได้ล้างหน้าล้างตาให้สดชื่อเสียหน่อย ทว่าเขากลับเห็นร่างท้วมของผู้ชายคนนึงวิ่งแจ้นหายเข้าไปในห้องใต้บันไดอย่างกลัวว่าใครจะจับได้อย่างนั้นแหละ เขาไม่ได้สนใจอะไรมากคิดว่าลูกชายของคุณน้าคงจะโลกส่วนตัวสูงพอสมควร

     

    ชานยอลเดินเลยผ่านไปได้ไม่กี่ก้าวก็หมุนตัววกกลับมาอีกครั้ง เพียงเพราะคิดว่าอย่างน้อยๆแค่ลองถามเบาะแสจากคนๆนี้ดูเขาอาจจะเคยเจอแบคฮยอนก็ได้

     

    ร่างสูงหยุดลงตรงหน้าประตูห้องใต้บันได โดยที่มีเพียงช่องสอดซองจดหมายเล็กๆ เขาก้มตัวลงมาเพื่อมองลอดเข้าไปยังด้านใน ซึ่งนั่นทำให้ชานยอลสบตาเข้ากับคนด้านในอย่างบังเอิญ โดยที่ระยะห่างมีเพียงแค่ประตูกันเท่านั้น

     

    ดวงตารีเรียวของคนด้านในเลิกลักไปมาราวกับคนมีคดีติดตัว ซึ่งนั่นทำให้ชานยอลนึกไปถึงท่าทีของแบคฮยอนตอนที่กำลังจะโกหกอะไรบางอย่าง ซึ่งเขาอ่านแววตาคู่นั้นออกทุกระเบียบนิ้ว ทั้งความต้องการ หรือความรู้สึก ณ ขณะนั้น

     

    “เอ่อ ขอโทษนะ”

     

    “...” ชานยอลเม้มปากอยู่ที่นึงก่อนจะล้วงเอารูปแบคฮยอนออกมาจากกระเป๋าเสื้อตรงอกแล้วยื่นมาให้อีกคนผ่านช่องสอดจดหมาย

     

    “ฉันอยากจะถามหน่อยว่านายรู้จักคนในรูปบ้างมั้ย”

     

    “ไม่เลย ไม่รู้จัก”

     

    เสียงของอีกคนที่เปล่งออกมาทำให้ชานยอลชะงักไปชั่วขณะ ลักษณะการออกเสียงในแต่ละช่วงพยางค์นั้น มันเหมือนกับแบคฮยอนไม่มีผิดเพี้ยน จะว่าเขาบ้าไปแล้วก็ได้ที่คิดว่าคนตรงหน้าคือแบคฮยอนเพียงแค่ได้ยินเสียง

    เขาจำทุกสิ่งที่เป็นแบคฮยอนได้อยู่แล้ว แม้กระทั้งน้ำเสียง หรือแววตาที่เหมือนกำลังจะร้องไห้ในอีกฝากฝั่งของประตู บางที่แบคฮยอนก็ควรได้รู้เสียบ้างว่าชานยอลดีใจแทบบ้าอยู่แล้วในตอนนี้ ความเหนื่อยล้าทั้งหมดทั้งมวลที่สะสมมาตลอดทั้งวันมันได้สลายหายไปในพริบตา เพียงแค่คนตรงหน้าคือแบคฮยอน

     

    “งั้นหรอ”

     

    “แล้วนายจะตามหาเขาไปทำไม ผู้หญิงสวยๆมีอีกเยอะแยะ” แบคฮยอนส่งรูปคืนกลับมาก่อนจะเบือนหน้าหนีไม่ยอมสบตาด้วยอีก ชานยอลอยากจะรู้เหลือเกินว่าเขาทำอะไรผิด แบคฮยอนถึงได้หนีกันมาอย่างนี้

     

    อยากจะถาม...

     

    ว่าไม่รักกันแล้วหรือยังไง

     

    “ผู้หญิงสวยกับหัวใจมันคนละอย่างกัน”

     

    “...”

     

     

    “ฉันอยู่โดยไม่มีหัวใจไม่ได้หรอก”

     

     

     

     

     

     

    ชานยอลไม่ได้บอกไปว่าเขารู้แล้วว่าคนที่แอบอยู่ห้องใต้บรรใดนั้นคือแบคฮยอน เพราะเขารู้ว่าถึงจะพูดอะไรออกไป อีกคนก็คงจะไม่ยอมฟังทั้งนั้น


    แค่หน้ายังไม่ยอมให้ดูเลยนับประสาอะไรกันกับเปิดใจคุยกัน แบคฮยอนเป็นที่ดื้อ และจะยิ่งดื้อถ้าหากว่าได้ไปเห็นอะไรมา หรือโกรธอะไรเข้ามากๆ ชานยอลไม่รู้จะทำยังไงในขณะแม่ของแบคฮยอนก็ได้แต่เพียงแตะเบ่าของเขาเอาไว้เบาๆก่อนจะขอเวลาให้กับแบคฮยอน


    ช่วงชีวิตที่มันไม่มีแบคฮยอนเคียงข้างกาย เหมือนทุกๆสิ่งที่เคยสว่างสดใสค่อยๆแตกดับและแห้งเหี่ยวลงไปในพริบตา จากที่ไม่เคยหนาวก็กลายกลับว่าหนาวเสียจนติดลบ ไม่อาจจะเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ กับอะไรใหม่ได้เลย พึ่งจะเข้าใจว่าการขาดใครไปสักคนมันเป็นอย่างนี้นี่เอง


    โครม!

     

    เสียงอึกทึกครึกโครมภายในบ้านต้นไม้ของว่าที่พ่อเลี้ยงชานยอลนั้นดังสนั่น ทำเอาร่างสูงใหญ่ที่นอนเปลือยท่อนบนอยู่บนพื้นไม้แข็งๆต้องลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าของฤดูใบไม้ผลิ รอบๆกายกำยำนั้นเต็มไปด้วยขวดแก้วของสุราอีกทั้งก้นกรองบุหรี่นับสิบ

     

    เพล้ง!

     

    เสียงคราวนี้เกิดขึ้นใกล้ๆตัวทำเอาคนตื่นง่ายอย่างเขาตื่นขึ้นเต็มตา แม้จะยังคงเหลืออาการเมาค้างอยู่บ้าง ชานยอลกวาดสายตาไปรอบๆพื้นที่ตามสัญชาตญาญก่อนจะพบว่าคนที่กำลังก่อนกวนการหลับของเขาคือ คุณย่าสุดที่รัก

     

    มือเหี่ยวชรานั่นยกกระถางต้นกุหลาบหินขึ้นมาท่ามกลางความตื่นตกใจของชานยอล

     

    “ยะ ย่า!

     

    เพล้ง!

     

    ต้นไม้กระจิ๊ดริดนั้นกระจัดกระจายตามพื้นไม้ไปต่อหน้าต่อตา ไม่รวมกับบนพื้นที่เหมือนถูกถอนทำลายก่อนที่เขาจะตื่นขึ้นมาด้วย จิตใจคนปลูกมันแทบแตกออกจากกันตอนที่ย่าใช้มือที่ชรากาลของตนเองนั้นปัดกระถางบนชั้นวางจนหมดสิ้น

     

    “ย่า! ไม่เอา ไม่ทำต้นไม้ผม” คนเป็นเจ้าของวิ่งเข้ามารวบตัวของหญิงเฒ่ามากอดเอาไว้แน่น เพราะไม่อาจปล่อยให้ย่าทำแบบนั้นกับต้นไม้แสนรักของเขาได้อีกแล้ว ต้นไม้ที่เขาหวงแหนมานับสิบปีทำไมย่าถึงทำกันได้ลงคอ คนที่สอนให้เขารักทำไมถึงได้มาทำลายจนแตกหักแบบนี้

     

    “ปล่อย... ย่าจะโค่นต้นมันให้หมด”

     

    “ไม่เอาย่า มันเจ็บแล้ว ไม่เอานะย่า...”

     

    “ก็ทีเจ้านายมันไม่รักแล้วมันจะอยู่ไปทำไม”

     

    “ใครบอกย่า ผมรักของผมทุกวัน” ชานยอลค้านสิ่งที่ย่ากล่าวหาสุดฤทธิ์ ต่อให้ต้องบาดหมางใจ ชานยอลจะไม่มีทางยอมให้ใครมาแตะต้องต้นไม้แสนรักของเขาเด็ดขาด

     

    “เหอะ! น้ำหน้าอย่างนี้นะจะรักใครได้ ขนาดตัวของแกเองแกยังไม่รัก”

     

    “...”

     

    “ต่อให้ไม่มีเขา เราก็ต้องอยู่ให้ได้นะตาชาน” คำพูดของย่านั้นแทงเสียบลึกเข้ามาตรงกลางใจ เพราะสภาพของชานยอลตอนนี้มันไม่ต่างอะไรกับศพ ยิ่งคิดถึงแบคฮยอนมากเท่าไหร่ ชานยอลก็เอาแต่กินเหล้าสูบบุหรี่มากยิ่งขึ้น แถมยังขังตัวเองอยู่แต่ในบ้านต้นไม้

     

    พิษรักเกือบคร่าชีวิตว่าที่พ่อเลี้ยงตายเสียแล้ว

     

    “ผม.. ผมอยากให้เขากลับมาย่า.. ผมคิดถึงเขา”

     

    “ตาชาน.. ฟังย่านะ”

     

    “...”

     

    “ถ้าคนมันไม่รักแล้ว ต่อให้ทำยังไงเขาก็ไม่รักเรา มันจะมีแต่เราที่เป็นฝ่ายเจ็บนะลูก ความคิดถึงมันไม่ได้เป็นสิ่งที่ทำให้คนเราอ่อนแอ หากแต่มันจะคอยย้ำเตือนเรา ว่าครั้งหนึ่ง...หัวใจดวงนี้มันเป็นของใคร”

     


    ว่าที่พ่อเลี้ยงพยักหน้ารับคำทั้งน้ำตา


    ไม่รู้ว่าเหตุใดจิตใจถึงเจ็บปวดได้ถึงเพียงนี้

     










     

     

     



    กระเทยยุ่งๆ

     

    เย่~ บนนี้ยาวมาจนถึงกับต้องปาดเหงื่อ

    ยังไม่ได้อ่านคิดผิดนะคะ อาจจะมีเยอะบ้าง 555

    iรีบอัพเพราะรู้ว่าพวกเธอรอ

      


    ช่วงเพลงใหม่แกะกล่อง(หีบ)

    ช่วยเก็บ ผ้าเช็ดหน้า ของฉันหน่อยได้ไหม

    เพราะฉันทำมันตก

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×