ทรัพย์สินทางปัญญา เป็นสิทธิทางกฎหมายที่มีอยู่เหนือสิ่งที่เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ทางปัญญาของมนุษย์
ทางปัญญาของมนุษย์ “ ผลงานอันเกิดจากการคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์”
ทรัพย์สินทางปัญญา แบ่งได้ 2 ประเภท ดังนี้
1. ทรัพย์สินทางอุตสาหกรรม (Industrial property)
2. ลิขสิทธิ์ (Copyright)





ทรัพย์สินทางอุตสาหกรรม สามารถแบ่งประเภทออกได้ดังนี้
1.1 สิทธิบัตร (Patent)
1.2 เครื่องหมายการค้า (Trademark)
1.3 ความลับทางการค้า (Trade Secrets)
1.4 ชื่อทางการค้า (Trade Name)
1.5 สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์(Geographical Indication)

การประดิษฐ์ คือ การคิดค้นหรือคิดทําขึ้นเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ หรือกรรมวิธีใหม่ ที่แตกต่างไปจากเดิม เช่น การประดิษฐ์คิดค้นเกี่ยวกับกลไก โครงสร้าง หรือส่วนประกอบของอุปกรณ์ สิ่งของ หรือเครื่องใช้ต่างๆ หรือเป็นการประดิษฐ์เกี่ยวกับกรรมวิธีกระบวนการ หรือวิธีการใหม่ๆ ในการผลิต การเก็บรักษา ให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพที่ดีขึ้น
การประดิษฐ์ที่ขอรับสิทธิบัตรได้


> หนังสือที่สําคัญที่รัฐออกให้เพื่อคุ้มครองการประดิษฐ์คิดคิน (Invention) การออกแบบผลิตภัณฑ์ (Product Design) หรือผลิตภัณฑ์อรรถประโยชน์ (Utility Model) บัญญัติให้เจ้าของสิทธิบัตร มีสิทธิ์เด็ดขาด หรือสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการแสวงหาประโยชน์จากการประดิษฐ์สิทธิที่ว่านี้จะมีอยู่เพียงชJวงระยะเวลาที่จํากัดช่วงหนึ่งเท่านั้น
อาจแยกคํานิยามของ “สิทธิบัตร” ได้เป็น 2 ความหมาย ดังนี้
• สิทธิบัตร หมายถึง หนังสือสําคัญที่รัฐออกให้เพื่อคุ้มครองการประดิษฐ์คิดค้นหรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะตามที่กฎหมายกําหนด
• สิทธิบัตร หมายถึง สิทธิพิเศษที่กฎหมายบัญญัติให้เจ้าของสิทธิบัตรมีสิทธิเด็ดขาดหรือ สิทธิแต่เพียงผู้เดียว ในการแสวงหาประโยชน์จากการประดิษฐ์หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ได้รับสิทธิบัตรนั้น เช่น การผลิตและจําหน่ายเป็นต้น และสิทธิที่ว่านี้จะมีอยู่เพียงช่วงระยะเวลาที่จํากัดช่วงหนึ่งเท่านั้น
การประดิษฐ์ (Invention)
การประดิษฐ์ คือ การคิดค้นหรือคิดทําขึ้นเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ หรือกรรมวิธีใหม่ ที่แตกต่างไปจากเดิม เช่น การประดิษฐ์คิดค้นเกี่ยวกับกลไก โครงสร้าง หรือส่วนประกอบของอุปกรณ์ สิ่งของ หรือเครื่องใช้ต่างๆ หรือเป็นการประดิษฐ์เกี่ยวกับกรรมวิธีกระบวนการ หรือวิธีการใหม่ๆ ในการผลิต การเก็บรักษา ให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพที่ดีขึ้น
การประดิษฐ์ที่ขอรับสิทธิบัตรได้
– ต้องเป็นการประดิษฐ์ขึ้นใหม่ คือ เป็นการประดิษฐ์ที่แตกต่างไปจากเดิม ยังไม่เคยมีใช้หรือแพร่หลายมาก่อนในประเทศ
– สิทธิบัตรการประดิษฐ์มีอายุ 20 ปี นับจากวันยื่นคําขอรับสิทธิบัตร
การออกแบบผลิตภัณฑ์ (Product Design)
การออกแบบผลิตภัณฑ์ หมายถึง ความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับรูปร่าง ลักษณะภายนอกของผลิตภัณฑ์ ที่แตกต่างไปจากเดิม การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ขอรับสิทธิบัตรได้
– ต้องเป็นการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่ออุตสาหกรรมหรือ หัตถกรรม คือเป็นการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ยังไม่มีใช้แพร่หลายในประเทศหรือยังไม่ได้เปิดเผยสาระสําคัญหรือรายละเอียดในเอกสาร
– สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ มีอายุ 10 ปq นับจากวันยื่นคําขอรับสิทธิบัตร
– ต้องเป็นการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่ออุตสาหกรรมหรือ หัตถกรรม คือเป็นการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ยังไม่มีใช้แพร่หลายในประเทศหรือยังไม่ได้เปิดเผยสาระสําคัญหรือรายละเอียดในเอกสาร
– สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ มีอายุ 10 ปq นับจากวันยื่นคําขอรับสิทธิบัตร
ผลิตภัณฑ์อรรถประโยชน์ (Utility Model)
ผลิตภัณฑ์อรรถประโยชน์ หรือเรียกอีกอย่างว่า อนุสิทธิบัตร (Petty Patent) จะมีลักษณะคล้ายกันกับการประดิษฐ์แต่เป็นความคิดสร้างสรรค์ที่มีระดับการพัฒนาเทคโนโลยีไม่สูงมาก หรือเป็นการประดิษฐ์คิดค้นเพียงเล็กน้อย เป็นการให้ความคุ้มครองสิ่งประดิษฐ์คิดค้น เช่นเดียวกับสิทธิบัตรการประดิษฐ์ แต่แตกต่างกันตรงที่การประดิษฐ์ที่จะขอรับอนุสิทธิบัตร เป็นการประดิษฐ์ที่มีเป็นการปรับปรุงเพียงเล็กน้อย และมีประโยชน์ใช้สอยมากขึ้น
การออกแบบผลิตภัณฑ์อรรถประโยชน์ที่ขอรับอนุสิทธิบัตรได้
– เป็นสิ่งประดิษฐ์ใหม่ คือ ยังไม่เคยมีจําหน่ายหรือขายมาก่อน หรือยังไม่เคยเปิดเผยรายละเอียดของสิ่งประดิษฐ์ในเอกสารสิ่งพิมพ์ใดๆ ในทีวี หรือวิทยุ มาก่อน
– สามารถนําไปใช้ประโยชน์ในการผลิตทางอุตสาหกรรม หัตถกรรม เกษตรกรรม และ พาณิชยกรรมได้
– อนุสิทธิบัตรการประดิษฐ์ มีอายุ 6 ปี นับจากวันยื่นคําขอรับอนุสิทธิบัตร สามารถต่ออายุได้ 2 ครั้ง ครั้งละ 2 ปี รวมเป็น 10 ปี
เครื่่องหมายหรือสัญลักษณ์หรือตราที่ใช้กับสินค้าหรือบริการ อาจเป็นภาพถ่าย ภาพวาด ภาพประดิษฐ์ ตรา ชื่อ คํา ข้อความ ตัวหนังสือ ตัวเลข ลายมือชื่อ หรือสิ่งเหล่านั้นอย่างใดอย่างหนึ่งรวมกันก็ได้ ใช้เพื่อแสดงว่าสินค้าที่ใช้เครื่องหมายนั้นแตกต่างกับสินค้าที่ใช้เครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นอาจกล่าวได้ว่า คือ ตราสินค้า หรือ ยี่ห้อสินค้า
– เครื่องหมายสําหรับสินค้า (Goods Marks) คือตราสินค้าที่ติดอยู่กับตัวสินค้าเพื่อให้จดจําง่ายนั้นเอง ซึ่งเราได้พบเห็นกันอยู่ทั่วไป เช่น ตราของโค้ก , หลุยส์วิคตอง ที่มีรูปลักษณ์เฉพาะตัว
-เครื่องหมายบริการ (Service Mark) เครื่องหมายที่ใชhในธุรกิจบริการ เช่น การบินไทย, FedEx
– เครื่องหมายรับรอง (Certification Mark) เปbนเครื่องหมายที่รับรองคุณภาพของสินค้า
– เครื่องหมายร่วม (Collective Mark) เป็นเครื่องหมายที่ใช้ร่วมกับบริษัทในเครือ เช่น บริษัทปูนซิเมนต์ไทย
ข้อมูลการค้าซึ่งยังไม่รู้จักกันโดยทั่วไปหรือยังเข้าถึงไม่ได้ในหมู่บุคคล ซึ่งโดยปกติแล้วต้องเกี่ยวข้องกับข้อมูลดังกล่าว โดยเป็นข้อมูลที่นําไปใช้ประโยชน์ทางการค้าเนื่องจากการเป็นความลับ และเป็นข้อมูลที่เจ้าของหรือผู้มีหน้าที่ควบคุมความลับทางการค้าได้ใช้ มาตรการที่เหมาะสมรักษาไว้เป็นความลับ
• ซึ่งผู้อื่นที่มิใช้เจ้าของความลับจะทราบคร่าวๆ เท่านั้นวJ่าส่วนผสมหลักคืออะไรแต่ไม่ทราบรายละเอียดจริง
“ข้อมูลทางธุรกิจที่ยังไม่เปิดเผย”
• ในกรณีที่ธุรกิจอาจมีความลับทางส่วนผสมทางการผลิต ก็อาจจดทะเบียนความลับทางการค้าก็ได้ โดยที่ธุรกิจจะไม่ยอมเปิดเผยสูตรให้ผู้ใด เช่น
- ความลับในการผลิตเครื่องดื่มยี่ห้อหนึ่ง
- ความลับในการผลิตน้ําพริก
• ซึ่งผู้อื่นที่มิใช้เจ้าของความลับจะทราบคร่าวๆ เท่านั้นวJ่าส่วนผสมหลักคืออะไรแต่ไม่ทราบรายละเอียดจริง
ชื่อที่ใช้ในการประกอบกิจการ
• เช่น ไทยประกันชีวิต ขนมบ้านอัยการ โกดัก ฟูจิ เป็นต้น

สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หมายถึง ชื่อ สัญลักษณ์ หรือสิ่งอื่นใดที่ใช้เรียกหรือใช้แทน แทนแหล่งภูมิศาสตร์
นั้นเป็นสินค้าที่มี คุณภาพ ชื่อเสียง หรือคุณลักษณะเฉพาะของแหล่งภูมิศาสตร์ สามารถบ่งบอกว่าสินค้าที่เกิดจากแหล่งภูมิศาสตร์นั้น เช่น มีดอรัญญิก ส้มบางมด ผ้าไหมไทย แชมเปญ เป็นต้น





ลิขสิทธิ์ เป็นผลงานที่เกิดจากการใช้สติปัญญา ความรู้ความสามารถ และความวิริยะอุตสาหะในการสร้างสรรค์งานให้เกิดขึ้น ซึ่งถือว่าเป็น "ทรัพย์สินทางปัญญา" ประเภทหนึ่งที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ ลิขสิทธิ์เป็นทรัพย์สินประเภทที่สามารถซื้อขาย หรือโอนสิทธิกันได้ทั้งทางมรดก หรือ โดยวิธีอื่นๆ การโอนลิขสิทธิ์ควรที่จะทําเป็นลายลักษณ์อักษรหรือทําเป็นสัญญาให้ชัดเจน จะโอนสิทธิทั้งหมดหรือเพียงบางส่วนก็ได้
งานสร้างสรรค์ที่มีลิขสิทธิ์
• งานวรรณกรรม เช่น หนังสือ จุลสาร สิ่งเขียน สิ่งพิมพ์ โปรแกรมคอมพิวเตอร์
• งานนาฏกรรม เช่น งานเกี่ยวกับการรํา การเต้น การทําท่า หรือ การแสดงที่ประกอบขึ้นเป็น เรื่องราว การแสดงโดยวิธีใบ้
• งานศิลปกรรม เช่น งานทางด้านจิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ์สถาปัตยกรรม ภาพถ่าย ภาพ ประกอบแผนที่ โครงสร้าง ศิลปประยุกต์และรวมทั้งภาพถ่าย และแผนผังของงานดังกล่าวด้วย
• งานดนตรีกรรม เช่น เนื้อร้อง ทํานอง และรวมถึงโน๊ตเพลงที่ได้แยกและเรียบเรียงเสียงประสาน
สิ่งที่ไม่ถือว่าเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์
สิ่งที่ไม่ถือว่าเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์
• ข่าวประจําวัน และข้อเท็จจริงต่างๆ ที่มีลักษณะเป็นเพียงข่าวสาร
• รัฐธรรมนูญ และกฎหมาย
• ประกาศ คําสั่ง ระเบียบ คําชี้แจง ของหน่วยงานรัฐหรือท้องถิ่น
• คําพิพากษา คําสั่ง คําวินิจฉัย และรายงานของทางราชการ
• คําแปล และการรวบรวมสิ่งต่างๆ ข้างต้น ที่หน่วยงานของรัฐหรือท้องถิ่นจัดทําขึ้น
การได้มาซึ่งลิขสิทธิ์
สิทธิในลิขสิทธิ์จะเกิดขึ้นโดยทันทีนับตั้งแต่ผู้สร้างสรรค์ได้สร้างผลงานโดยไม่ต้องจดทะเบียน ซึ่งมีลักษณะการได้มา ดังนี้
– คุ้มครองทันทีที่ได้มีการสร้างสรรค์งานนั้น
– กรณีที่ยังไม่ได้มีการโฆษณางาน ผู้สร้างสรรค์ต้องเป็นผูมีสัญชาติไทยหรือมีสัญชาติ
– คุ้มครองทันทีที่ได้มีการสร้างสรรค์งานนั้น
– กรณีที่ยังไม่ได้มีการโฆษณางาน ผู้สร้างสรรค์ต้องเป็นผูมีสัญชาติไทยหรือมีสัญชาติ
ในประเทศที่เป็ภาคีแห่งอนุสัญญาภาคีอยู่ด้วย
– กรณีที่มีการโฆษณางานแล้ว ต้องเป็นการโฆษณาครั้งแรกได้ทําขึ้นในราชอาณาจักรหรือในประเทศที่เป็นภาคีฯ
– กรณีที่ผู้สร้างสรรค์เป็นนิติบุคคล ต้องเป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย
สิทธิของเจ้าของลิขสิทธิ์
– กรณีที่มีการโฆษณางานแล้ว ต้องเป็นการโฆษณาครั้งแรกได้ทําขึ้นในราชอาณาจักรหรือในประเทศที่เป็นภาคีฯ
– กรณีที่ผู้สร้างสรรค์เป็นนิติบุคคล ต้องเป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย
สิทธิของเจ้าของลิขสิทธิ์
เจ้าของลิขสิทธิ์ย่อมมีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวที่จะกระทําการใดๆ ต่องานอันมีลิขสิทธิ์ของตน ดังต่อไปนี้
– มีสิทธิ์ในการทําซ้ํา ดัดแปลง จําหน่าย ให้เช่า คัดลอก เลียนแบบทําสําเนา
– การทําให้ปรากฏต้อสาธารณชนหรืออนุญาตให้ผู้อื่นใช้สิทธิของตน โดยมีหรือไม่มีค่าตอบแทนก็ได้
อายุการคุ้มครองลิขสิทธิ์
• งานทั่วๆ ไป ลิขสิทธิ์จะมีตลอดอายุผู้สรางสรรค์และจะมีต่อไปอีก 50 ปี นับแต่ผู้สร้างสรรค์ถึงแก่ความตาย กรณีเป็นนิติบุคคล ลิขสิทธิ์จะมีอยู่ 50 ปี นับแต่ได้สร้างสรรค์งานนั้นขึ้น
– มีสิทธิ์ในการทําซ้ํา ดัดแปลง จําหน่าย ให้เช่า คัดลอก เลียนแบบทําสําเนา
– การทําให้ปรากฏต้อสาธารณชนหรืออนุญาตให้ผู้อื่นใช้สิทธิของตน โดยมีหรือไม่มีค่าตอบแทนก็ได้
อายุการคุ้มครองลิขสิทธิ์
• งานทั่วๆ ไป ลิขสิทธิ์จะมีตลอดอายุผู้สรางสรรค์และจะมีต่อไปอีก 50 ปี นับแต่ผู้สร้างสรรค์ถึงแก่ความตาย กรณีเป็นนิติบุคคล ลิขสิทธิ์จะมีอยู่ 50 ปี นับแต่ได้สร้างสรรค์งานนั้นขึ้น
• งานภาพถ่าย โสตทัศนวัสดุ ภาพยนต์ หรืองานแพร่เสียง แพร่ภาพ ลิขสิทธิ์มีอยู่ 50 ปี นับแต่ได้สร้างสรรค์งานนั้นขึ้น
• กรณีได้มีการโฆษณางานเหล่านั้น ในระหว่างระยะเวลาดังกล่าวให้ลิขสิทธิ์มีอยู่ต่อไปอีก 50 ปี นับแต่โฆษณาครั้งแรก ยกเว้นในกรณีศิลปประยุกต์ให้มีลิขสิทธิ์อยู่ต่อไปอีก 25 ปี นับแต่โฆษณาครั้งแรก
• ผลภายหลังลิขสิทธิ์หมดอายุ งานนั้นตกเป็นสมบัติของสาธารณะ บุคคลใดๆ สามารถใช้งานนั้นๆ ได้โดยไม่เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์
รูปแบบการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา
• การปลอมแปลง เป็นการผลิตที่มีการใช้วัสดุ รูปลักษณ์ ตราสินค้าที่เหมือนกับของเจ้าของทุกประการโดยที่ผู้ซื้ออาจแยกไม่ออกว่าเป็นของจริงหรือไม่ ดังที่เราพบเห็นกันในท้องตลาด เช่น การปลอมนาฬิกาโรเล็กซ์ เสื้อโปโล กระเป๋าหลุยส์ วิตตอง, สินค้าของ Dior เป็นต้น
• การลอกเลียนแบบ โดยที่ตัวสินค้ามีรูปร่างหน้าตาเหมือนสินค้าของเจ้าของผู้ผลิตแต่มีการปรับเครื่องหมายการค้าเล็กน้อย เช่น PRADA เป็น PRADO , Sony เป็น Somy เป็นต้น
• การลักลอบผลิต คือ การลักลอบผลิต เทปผี ซีดีเถื่อน ซึ่งเราได้พบเห็นข่าวการลักลอบผลิตอยู่เป็นประจํา เช่น ซีดีภาพยนตร์เรื่องต้มยํากุ้งที่เคยเป็นข่าวมาแล้ว
• สําหรับการละเมิดลิขสิทธิ์โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ทางด้านซอฟตแวร์ (Software Piracy)





จัดทำโดย
นางสาว เฉลิมศรี ไกรนรา
รหัส 5512317017
มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช
รหัส 5512317017
มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช
ความคิดเห็น