ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fanfic knb by shiko

    ลำดับตอนที่ #120 : [AoFuri] Angel

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.45K
      23
      9 ต.ค. 58

    Title : Angel

    Fandom : Kuroko no Basket

    Paring : Aomine x Furihata

    Notes : s // มาเลี้ยวเข้าคลองจ้า อันดับ 10 ของการโหวดในครั้งนี้ได้แก่...อาโอมิเนะ ไดกิผู้หายไปกับความมืดได้ตลอดกาลจ้า!!! และในคราวนี้ในฟิคเต็มไปด้วยความมั่วเนื่องจากหมดมุขนะเออ!!!

    อาโอมิเนะ // ว่าใครฟะ! พูดดีๆ สักครั้งเถอะ!!! แล้วหมดมุขอีกแล้วเหรอ!?

    S // โอ๊ะ! นายพูดคล้ายๆ กับไฮซากิเลยแฮะ!

    อาโอมิเนะ // จะทำหน้าแปลกใจทำไมเล่า! ในเมื่อพูดจาแบบนี้ใครๆ ก็โวยทั้งนั้นแหละ

    S // ไม่รู้ไม่ชี้ (เสกเขาวนกตและถีบอาโอมิเนะเข้าไป) ยังไงก็พูดเหมือนไฮซากิแล้ว...งั้นหาทางเข้าฟิคเองเหมือนไฮซากิแล้วกันนะจ๊ะ โชคดีนะพวก! อ๋อ! ไม่ต้องกลัวว่าจะโดนหินกลิ้งทับแบบไฮซากินะเพราะเราใส่อย่างอื่นลงไปเพิ่มแทนหินยักษ์น่ะ

    อาโอมิเนะ // แว๊ก!!! ยัยชิโกะ!!!  ฉันขอหินยักษ์แทนเถอะ!!! (เดินหลงอยู่ในเขาวงกตที่เต็มไปด้วยกับดัก และตอนนี้วิ่งหนีผึ้งตัวเท่าแมวที่บินตามหลังตนอยู่ด้วยน้ำตานองหน้า)

    S // อื้อ ดูท่าแกล้งแรงไปแฮะ...งั้นเปลี่ยนเป็นส่งถึงฟิคเลยแล้วกัน (สะบับมือเสกหลุมที่ใต้เท้าอาโอมิเนะ และอาโอมิเนะก็ร่วงหายไปในหลุมนั้น)

    ................................................................

    Angel

     

    "ผมไปก่อนนะครับแม่!!!" เสียงตะโกนอันร่าเริงดังจากเด็กชายอายุราวๆ เจ็ดแปดขวบ ดวงหน้าน่ารักยิ้มกว้างให้แก่ผู้เป็นมารดาตน เส้นผมสีน้ำเงินตัดสั้นสะท้อนกับแสงอาทิตย์ดูราวกับท้องทะเลเข้ากับผิวกายที่ออกเข้มได้อย่างลงตัว

    "จ้าๆ จะเล่นอะไรก็ระวังตัวด้วยล่ะ" หญิงสาวคนหนึ่งส่งยิ้มให้ลูกชายตน

    "ครับ!" เด็กชายขานรับก่อนที่จะเริ่มวิ่งออกไปเล่นตามประสาเด็กซนๆ คนหนึ่ง เจ้าตัววิ่งไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงเขาลูกหนึ่ง

    อาโอมิเนะ ไดกิวัยแปดขวบมองผืนป่าเขียวขจีตาเป็นประกายพร้อมใช้มือน้อยๆ ของตนไล่จับแมลงทั้งหลาย...แต่ก็วืดทุกตัว

    ถึงกระนั้นเด็กน้อยก็ยังวิ่งไล่ตามแมลงอย่างสนุกสนานต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง....

    ป๊อก...โครม!!!

    ...ร่างเด็กน้อยก้าวพลาดตกลงไปในหลุมเข้าน่ะสิ!!!

    "อูย~ เจ็บ~" อาโอมิเนะลูบหัวที่กระแทกขอบหลุมด้วยน้ำตาเล็ดนิดๆ "ใครมาขุดหลุมไว้เนี่ย?"

    ...ถ้ารู้ล่ะก็จะเอาลูกบาสปาใส่ให้ดู!...

    "ไม่มีใครขุดหรอก...ตรงนี้ดินมันทรุดน่ะ..." เสียงหนึ่งตอบกลับมาทำให้เด็กน้อยผิวเข้มสะดุ้งโหยง "...รีบขึ้นไปเถอะ เดี๋ยวเกิดดินทรุดลงไปอีก...โดนฝังทั้งเป็นไม่รู้ด้วยนะ"

    "ใครน่ะ?" อาโอมิเนะเงยหน้ามองที่ปากหลุม แต่ก็ไม่เห็นเงาผู้ใดเลย

    ...เฮ้ยๆ คงไม่ใช่ผีหรอกนะ?...

    "มองไปไหนน่ะ?" เสียงเดิมถามอย่างงุนงง

    "มองหานายไง" อาโอมิเนะพยายามฝืนทำใจกล้าตอบกลับไป...

    ...ใจหนึ่งก็กลัวนะแต่ใจหนึ่งมันก็อยากรู้...หวังว่าคงไม่โผล่มาแบบเละๆ อย่างในหนังผีให้เขาหัวใจวายตายนะ...

    "ฉันก็อยู่ข้างๆ นายไง" เสียงนั้นตอบพร้อมมือเล็กๆ ข้างหนึ่งจับบ่าอาโอมิเนะไว้ ทำเอาเด็กชายสะดุ้งโหยงพร้อมหันไปมองยังมือที่จับบ่าตนอย่างช้าๆ ...

    สิ่งแรกที่อาโอมิเนะเห็นคือเรือนผมสีน้ำตาลดูยุ่งเหยิงเป็นตัวบ่งบอกว่าอีกฝ่ายเตี๊ยกว่าตนค่อนข้างมาก ก่อนที่จะไล่มองลงไปยังใบหน้าของเด็กชายที่อายุไล่ๆ กันคนหนึ่งที่มีดวงตาสีน้ำตาลใส เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็เป็นเสื้อยืดแขนกุดกับกางเกงผ้าขายาวธรรมดา...ดูแล้วเด็กชายคนนี้ดูปกติมากถึงมากที่สุด ถ้าไม่ติดว่า...

    ...เด็กคนนี้มีปีกนกสีขาวสวยปรากฏขึ้นที่กลางหลังเนี่ย!!!

    "นาย..." อาโอมิเนะมองภาพที่เห็นอย่างงุนงง "...เป็นนางฟ้าเหรอ?"

    "เทวดาต่างหาก! ฉันผู้ชายนะ!" เด็กชายผมน้ำตาลทำแก้มป่องอย่างงอนๆ จนอาโอมิเนอดไม่ได้ที่เอานิ้วจิ้มแก้มป่องๆ นั้น (อ้าว? ไม่ทะลุผ่านเหรอ? // s , เธอให้ฉันเป็นเทวดานะ ไม่ใช่ผีถึงแตะแล้วจะทะลุผ่านน่ะ // ฟุริฮาตะ)...

    ...อื้ม...นิ่มดีแฮะ แถมอุ่นด้วย...

    "ก็นายดูน่ารักดีเลยคิดว่าผู้หญิงสิ" อาโอมิเนะตอบกลับอย่างกวนประสาทอีกฝ่ายเล่น...ถ้ายัยซัทสึกิมารู้ว่าเขาแกล้งคนอื่นแบบนี้โดนโวยแหง

    "ง่ะ! ฉันเหมือนผู้หญิงตรงไหนกัน!?" เด็กชายผมน้ำตาลก้มมองตนเอง

    "ไม่รู้สิ" อาโอมิเนะยักไหล่ ขณะที่ดินเริ่มตกใส่หัวนิดๆ

    "...ดูท่าเราต้องรีบขึ้นจากหลุมก่อนแฮะ" เด็กชายผมน้ำตาลมองดินที่เริ่มร่วงหล่นลงมาก่อนที่จะจับมืออาโอมิเนะเอาไว้ "จับแน่นๆ นะ อย่าปล่อยจนกว่าจะถึงด้านบนล่ะ"

    "หว่า!" อาโอมิเนะหลุดร้องออกมาเมื่อขาตนเริ่มลอยขึ้นจากพื้น ขณะที่เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลกระพือปีกน้อยๆ ของตนพาร่างของพวกตนทั้งสองลอยขึ้นมาจากหลุม...จนสุดท้ายทั้งคู่ก็บนพื้นดินดั่งเดิมโดนสวัสดิภาพ

    "แฮ่กๆ เหนื่อยชะมัด! นี่นายหนักเท่าไหร่เนี่ย?" เด็กผมน้ำตาลนอนแผ่ลงกับพื้นอย่างเหนื่อยอ่อน

    "ไม่รู้ไม่ได้ชั่ง รู้แค่คงหนักกว่านายแน่ๆ ล่ะ" อาโอมิเนะตอบกลับอย่างกวนโอ๊ยยิ่งนัก แต่ถึงกระนั้นก็ยังใจดีเอาหมวกฟางที่เผลอเอาติดมือมาของตนพัดให้อีกฝ่าย "ยังไงก็ขอบคุณที่ช่วยนะ ไม่งั้นได้กลายเป็นผีเฝ้าภูเขาแหง

    "ไม่เป็นไรหรอก" เด็กชายผมสีน้ำตาลส่งยิ้มให้คนผมสีน้ำเงิน...เล่นซะอีกฝ่ายหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาเลย

    "เออ...จริงสิ นายชื่ออะไรอ่ะ?" อาโอมิเนะเอ่ยถามขึ้นอย่างนึกขึ้นได้ขณะทิ้งตัวลงนอนข้างเด็กผมสีน้ำตาล "ฉันชื่ออาโอมิเนะ ไดกิ! ยินดีที่ได้รู้จัก!"

    "ฉันฟุริฮาตะ โคกิ...ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน" ฟุริฮาตะเอ่ยแนะนำตัวเช่นเดียวกัน

    "โอเค ฟุรินะ..." อาโอมิ้นะเหล่มองคนข้างกาย "...นายเป็นเทวดาจริงดิ?"

    "จริงสิ" ฟุริฮาตะตอบ

    "ด้านบนมีสวรรค์จริงอ่ะเปล่า?" อาโอมิเนะถามต่อ

    "มีสิ" ฟุริฮาตะตอบคนขี้สงสัยอย่างใจเย็น

    "แล้วด้านบนนั้นอยู่สบายไหม? หรือโดนแดดย่างจนกลายเป็นนิโกร?" อาโอมิเนะเอ่ยถามแบบที่เล่นทีจริงซะฟุริฮาตะหลุดขำออกมาเล็กน้อย

    "สบายดีนั้นแหละ และบนนั้นมีต้นไม้คอยบังแดดอยู่ ไม่ต้องกลัวโดนย่างหรอก" ฟุริฮาตะขำจริงๆ กับความคิดของอาโอมิเนะเนี่ย

    "แล้ว..." อาโอมิเนะมองคนข้างกายอย่างสงสัย "...นายลงมานี่ทำไมอ่ะ? อยู่บนนั้นน่าจะดีอยู่แล้วนิ?"

    "อ๋อ...มีคนแกล้งเอาชื่อฉันใส่ในรายงานเทวดาที่ประสงค์จะเป็นเทวดาประจำตัวของมนุษย์น่ะ พอเริ่มประกาศรายชื่อปุ๊บก็โดนถีบลงมาปั๊บเลย" ฟุริฮาตะเอ่ยราวกับเป็นเรื่องปกติ

    "ห๊า!?" อาโอมิเนะทำตาโตเป็นไข่ห่าน เด้งตัวลุกขึ้นนั่งทันที "ถ้าโดนแกล้งทำไมยังให้ลงมาอีกล่ะ!? ไม่มีระบบคัดกรองหรืออะไรเลยหรือไง!?"

    "ของแบบนั้นไม่มีหรอก เพราะคนที่อยากเป็นเทวดาประจำตัวชาวบ้านน่ะมีน้อยจนถึงน้อยมากจนกลัวว่าถ้าไม่ถีบลงมาทันทีเจ้าตัวจะเปลี่ยนใจน่ะ...ถึงแม้เป็นคนที่ห่วยด้านการพลังต่างๆ มากอย่างฉันก็ยังถีบลงมาอย่างไม่ลังเลเลยล่ะ" ฟุริฮาตะที่ลุกขึ้นนั่งอีกตามส่ายหน้าเล็กน้อยเมื่อนึกถึงตอนถูกถีบลงมา...เล่นซะเขาแต๋วแตกเลย

    "ฟังแล้วน่าโมโหชอบกลแฮะ" อาโอมิ้นะเกาหัวตนที่มีดินร่วงกราวอย่างหงุดหงิดนิดๆ "แล้วไอ้เทวดาประจำตัวนี่คืออะไรเหรอ?"

    "เทวดาประจำตัวคือเทวดาที่จะค่อยปกป้องคุ้มครองของคนที่ถูกเลือกน่ะ จนกว่าจะถึงเวลา..." คำพูดของฟุริฮาตะขาดช่วงไปเนื่องจากมีเครื่องบินบินผ่านหัวของทั้งสองไปพอดี ทำให้อาโอมิเนะไม่สามารถได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายได้

    "ไอ้เครื่องบินบ้ามาได้จังหวะเหลือเกิน" อาโอมิ้นะบ่นอุบอิบ

    "หื้อ? เมื่อกี้ว่าไงนะ?" ฟุริฮาตะที่เหมือนได้ยินอะไรแว่วๆ

    "เปล่า...ไม่มีอะไร..." อาโอมิเนะที่ไม่อยากถามคำถามเดิมอีกรอบตอบปัดๆ ไป "...แล้วไอ้การเป็นเทวดาประจำตัวอะไรเนี่ยมันทำให้ทุกคนเห็นนายเหรอ? ฉันว่าการที่คนมีปีกมาร่อนไปร่อนมาเนี่ยอาจโดนเอาออกงานวัดนะ"

    "เปล่าหรอก...เห็นเฉพาะคนที่มีเทวดาประจำตัวน่ะ" ฟุริฮาตะยังคงตอบเด็กขี้สงสัยต่อไป

    "เอ๊ะ? แต่ฉันไม่มีนิ?" อาโอมิเนะทำหน้างงๆ

    "มีสิ..." ฟุริฮาจะชี้ที่ตนเอง "...ฉันไง"

    "เอ๊ะ? นายเป็นเทวดาประจำตัวฉันเหรอ?" อาโอมิเนะชี้ที่ตนเอง

    "ใช่น่ะสิ" ฟุริฮาตะตอบอย่างใจเย็น

    "...ตกลงใช้เกรณ์อะไรในการส่งมาเนี่ย!? ฉันมั่นใจว่าตัวเองไม่ใช่คนดีอะไรนักหนานะ!" อาโอมิเนะมั่นใจว่าตนไม่ใช่คนดีราวนักบุญในหนังอะไรนั้นแน่

    "แค่เลือกตามคนที่มีพลังวิญญาณสูงน่ะ" ฟุริฮาตะหัวเราะเบาๆ กับท่าทางเหมือนรับตัวเองไม่ได้ถ้าตนเป็นคนดีคนเด่นอย่างไรอย่างนั้น

    "พลังวิญญาณ?" อาโอมิเนะเอียงคอน้อยๆ อย่างไม่เข้าใจ

    "ก็หมายถึงพวกที่สามารถเห็นวิญญาณได้น่ะ...ถึงแม้สำหรับนายถือว่าไม่แกร่งมากถึงขนาดมองเห็นก็เถอะ แต่ก็ถือว่ามีพลังวิญญาณอยู่ดี" ฟุริฮาตะอธิบาย

    "อ๋อ~ เข้าใจล่ะ" อาโอมิเนะพยักหน้ารับ "แล้ว...ไอ้การที่นายมาเป็นเทวดาประจำตัวฉันเนี่ย หมายความว่านายต้องตามติดฉันปานผีอาฆาตสินะ?"

    "ก็ประมาณนั้น" ฟุริฮาตะยิ้มขำๆ กับคำเปรียบเปรยของอาโอมิเนะ

    "งั้นข้อถามข้อสุดท้ายนะ..." อาโอมิเนะมองฟุริฮาตะด้วยสายตาจริงจังขึ้นมานิดหน่อย "...นายพอทำให้คนอื่นเห็นนายได้อ่ะเปล่า? เอาแบบไม่มีปีกนะ"

    "เอ๊ะ? ไอ้ได้มันก็ได้น่ะนะ แต่แบบนั้นมันยุ่งยากเรื่องหาที่พัก แถมยังใช้เวทย์อะไรไม่ได้นอกจากเวทย์ที่ทำให้คืนร่างเป็นเทวดาเท่านั้นน่ะเลยไม่ค่อยมีใครทำกัน" ฟุริฮาตะตอบตามตรงอย่างไม่คิดปิดบัง

    "งั้นนายก็เล่นบาสกับฉันได้สิ!" อาโอมิเนะตาวาวของมาทันทีเมื่อได้ยินดั่งนี้

    "หื้อ? บาสเหรอ?" ฟุริฮาตะทวนอย่างงงๆ เพราะไม่รู้จัก

    "อื้อ! สนุกนะจะบอกให้!" อาโอมิเนะยืดอกอย่างภูมิใจมากจนน่าหมั่นไส้ ก่อนที่จะลุกขึ้นยืนและยื่นมือให้ฟุริฮาตะ "เราไปเล่นกันเถอะ! เดี๋ยวฉันสอนให้นายเอง!"

    "อ...อื้ม!" ฟุริฮาตะจับมืออีกฝ่ายก่อนที่จะโดนดึงให้ลุกขึ้น พร้อมกันนั้นเองฟุริฮาตะก็ใช่มนต์ของตนแปลงกายเป็นมนุษย์ปกติสามัญ

    "ฟุริตอนไม่มีปีกค่อยเหมือนผู้ชายหน่อยแฮะ" อาโอมิเนะเอ่ยพลางมองฟุริฮาตะตั้งแต่หัวจรดเท้า "แต่ก็ยังดูหญิงอยู่ดี"

    "ฉันเหมือนผู้หญิงตรงไหนกัน!?" ฟุริฮาตะเบ้หน้า...เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเขาเหมือนผู้หญิงตรงไหน!?

    "ไม่รู้สิ เพราะน่าดูตัวใกล้ๆ กับซัทสึกิมั้ง" อาโอมิ้นะตอบส่งๆ ไป...ที่จริงดูไปดูมา ดีไม่ดีซัทสึกิยังสูงกว่าอีก!

    ...บนสวรรค์ไม่มีนมกินหรือไงถึงสูงแค่นี้เนี่ย?...

    "..." ฟุริฮาตะทำหน้ามุ่ย "...ค่อยดูสักวันจะสูงกว่านายให้ดู"

    "ฮาๆ พยายามเข้าแล้วกัน" อาโอมิเนะที่ได้ยินที่ฟุริฮาตะบ่นหัวเราะร่าออกมา และจากนั้นทั้งสองก็พากันเดินลงจากภูเขาพลางคุยปนเถียงกันไปนั้นเอง

     

     

     

     

     

    "กลับมาแล้วคร้าบบบบ"

    "กลับมาล...ว้าย! ไหงเปื้อนดินไปทั้งตัวแบบนั้นล่ะลูก!?" หญิงสาวผมสีน้ำเงินแทบอยากเป็นลมเมื่อเห็นลูกชายตัวดีของตนเปื้อนดินไปตั้งแต่หัวจรดเท้าเลย โดยที่ข้างๆ มีเด็กผู้ชายที่ตัวเล็กกว่าคนหนึ่งยืนอยู่ "แล้วข้างๆ นั้นเพื่อนลูกเหรอนั้น?"

    "ครับ!" อาโอมิเนะยิ้มร่าจนเห็นฟันขาวๆ ราวกับพรีเซ็นเตอร์ยาสีฟัน "เดี๋ยวผมขอไปเอาลูกบาสก่อนนะครับ!"

    "ไม่ต้องเลยเจ้าตัวดี...ไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ก่อนเลย! แล้วค่อยออกไปเล่น!" หญิงสาวคว้าคอเสื้อลูกชายตนที่กำลังจะวิ่งแผล็วขึ้นห้องไป

    "โธ่! แม่ก็! แค่สกปรกนิดสกปรกหน่อยเอง!" อาโอมิเนะทำหน้ามุ่ย

    "ไม่ต้องมาบ่นเลย...ถ้ายังอยากไปเล่นล่ะก็รีบไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้!" หญิงสาวเอ่ยเสียงเข้ม

    "คร้าบบบบ" อาโอมิเนะลากเสียงยาวอย่างกวนโอ๊ยก่อนที่จะวิ่งไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ทันที

    "ให้ตายเถอะไอ้ลูกคนนี้..." หญิงสาวถอนหายใจอย่างอ่อนใจก่อนที่จะหันไปหาเด็กชายผมน้ำตาลที่ยืนเอ๋ออยู่ "...ระหว่างรอไดกิเชิญเข้ามาในบ้านก่อนเลยจ๊ะ หนู...เอ่อ..."

    "ฟ...ฟุริฮาตะ โคกิครับ" ฟุริฮาตะเอ่ยอย่างติดขัดเล็กน้อยเพราะไม่ชินกับการคุยกับคนแปลกหน้าเท่าไหร่...เฉพาะกับคนที่อายุมากกว่าอ่ะนะ

    "จ๊ะ โคกิเข้ามาข้างในก่อนเถอะ ข้างนอกมันร้อนนะ" หญิงสาวเอ่ยด้วยท่าทางใจดี

    "อ...อ่า ครับ ขออนุญาตนะครับ" ฟุริฮาตะโค้งศรีษะให้คนอายุมากกว่าเล็กน้อยก่อนที่จะเดินเข้าบ้านไปด้วยอาการเกร็งนิดๆ

    คุณนายอาโอมิเนะจัดการลากฟุริฮาตะเข้าไปในห้องรับแขก ก่อนที่จะคุยเล่นกับเด็กชายไปเรื่อยๆ จนเริ่มจะคุ้นชินกันและ...เริ่มนินทาลูกชายตนเองอย่างเมามันส์กับฟุริฮาตะ...

    ...ส่วนฟุริฮาตะก็ได้เพียงแค่ยิ้มแห้งๆ อย่างไม่รู้จะพูดอะไรดี...กว่าที่คุณนายอาโอมิเนะจะหยุดเมาส์ก็คือเมื่ออาโอมิเนะเดินมาพร้อมลูกบอลสีส้มนั้นเอง

    "อาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วครับ!!! ออกไปเล่นได้แล้วใช่เปล่าครับ!?" อาโอมิเนะทำท่าตะเบ็งอย่างน่าหมั่นไส้

    "จ้าๆ ออกไปเล่นได้จ้า" หญิงสาวส่ายหน้าอย่างขำๆ

    "เย้! งั้นไปกันเถอะ! ฟุริ!" อาโอมิเนะกระโดดโลนเต้นเล็กน้อยก่อนที่จะคว้ามือฟุริฮาตะลากออกจากบ้านตนเองอย่างรวดเร็ว...

    ...จนฟุริฮาตะที่ตามสถานการณ์ต่างๆ ไม่ทันมารู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ในสนามที่มีพื้นเป็นคอนกรีทแห่งหนึ่งเสียแล้ว

    "เอาล่ะ! ถึงแล้ว!" อาโอมิเนะเอ่ยพลางเอาลูกบาสหมุนบนนิ้วมือ

    "เออ...อาโอมิเนะ นายจะเล่นไอ้ลูกส้มๆ นั้นยังไงเหรอ?" ฟุริฮาตะถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจนัก

    "เดี๋ยวดูก็รู้..." อาโอมิเนะยิ้มเจ้าเล่ห์นิดๆ ก่อนที่จะเริ่มวาดลวดลายบนพื้นสนามอย่างชำนาญและเมื่อวิ่งมาถึงใต้แป้นก็โยนลูกขึ้นไปด้วยท่าแปลกๆ ที่มนุษย์ปกติไม่ค่อยทำกัน (ไม่ว่าฉันสักครั้งจะเป็นไรไหมเนี่ย? // อาโอมิเนะ , น่าๆ คิดซะว่านายโดนว่าเป็นเพื่อนฮานามิยะแล้วกัน // s , จะมาพาดพิงฉันทำไมเนี่ย? // ฮานามิยะ)

    ฮวบ!

    ลูกบาสสีส้มร่วงลงในห่วงอย่างสวยงาม แบบไม่แตะขอบห่วงแม้แต่น้อย

    "ว้าว! สุดยอดเลย!" ฟุริฮาตะมองตาเป็นประกาย "นายเก่งจังอาโอมิเนะ! โยนลงได้ไงอ่ะ!"

    "เพราะฉันเก่งไง!" อาโอมิเนะตอบกลับอย่างมั่นใจมากมาย

    "รู้ตัวหรือเปล่าเนี่ยว่าคำตอบมันน่าหมั่นไส้มากน่ะ" ฟุริฮาตะค้อนใส่อาโอมิเนะเล็กน้อย...ซึ่งแน่นอนในสายตาอาโอมิเนะไม่น่ากลัวเลยแม่แต่น้อย

    "ก็มีคนบอกบ่อยๆ เหมือนกันน้าาาา" อาโอมิเนะตอบกลับอย่างอารมณ์ดี และในขณะนั้นเอง...

    "เฮ้! เจ้าหนู! พวกฉันจะใช้สนาม! ไปเล่นที่อื่นไป๊!" ...ก็มีเด็กม.ต้นกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาในสนามด้วยมาดนักเลง จนทำเอาฟุริฮาตะอดสั่นด้วยความหวาดหวั่นไม่ได้

    "เรื่องสิ! ฉันกับฟุริมาก่อนนะ!" อาโอมิเนะเถียงกลับอย่างไม่เกรงกลัว แม้อีกฝ่ายจะตัวใหญ่กว่าและมีพวกมากกว่าตนก็ตาม

    "อย่าไปพูดแบบนั้นสิ! อาโอมิเนะ!" ฟุริฮาตะสะดุ้งโหยงเมื่อสายตาโหดๆ หลายคู่จ้องมาทางพวกตน

    "ทำไมจะพูดไม่ได้ล่ะ!? ก็มันจริงนิ!" อาโอมิเนะเอ่ย "นายก็อย่าไปเกรงใจคนแบบนี้สิ! ฟุริ!"

    "ปากดีชะมัด!" เด็กหนุ่มค้อนใส่อาโอมิเนะ "แต่ควรเชื่อเพื่อนดีกว่านะเจ้าหนู! พวกพี่ไม่ได้ใจดีสักเท่าไหร่หรอกนะ!"

    "ก็ไม่อยากให้มาโอ๋สักหน่อย" อาโอมิเนะสวนกลับทันที "เอางี้ไหม...มา 1 on 1 กัน ให้พวกพี่ส่งตัวแทนคนหนึ่งมาแข่งกับผม ถ้าผมชนะพวกพี่ต้องออกจากสนามไป แต่ถ้าพวกพี่ชนะเดี๋ยวผมกับฟุริไปเล่นที่อื่นเอง"

    "ไอ้เด็กอวดดีเอ๋ย! คิดจะชนะได้เหรอ?!" ชายหนุ่มทำท่าเหยียดหยาม "ได้สิ! แล้วจะเสียใจที่มาท้าฉัน! เจ้าหนู!"

    "ใครกันแน่ที่จะเสียใจ?" อาโอมิเนะยักคิ้วอย่างกวนโอ๊ยเหลือหลาย

    "อาโอมิเนะๆ" ฟุริฮาตะกระตุกชายเสื้ออาโอมิเนะถี่ยิบจนแทบจะหลุดติดมือตนมา "จะไม่เป็นไรแน่เหรอ? ถึงฉันจะเป็นเทวดาประจำนายแต่ฉันห่วยด้านต่อสู้มากถึงมากที่สุดเลยนะ ถ้าพวกพี่เขานึกจะทำร้ายเราล่ะก็..."

    "ไม่เป็นไรหรอกน่าฟุริ!" อาโอมิเนะยกมือลูบเรือนผมสีน้ำตาลนุ่มนิ่มของอีกฝ่าย "นายปกป้องฉันไม่ได้ก็ไม่เป็นไรหรอก! เพราะฉันนี่แหละจะปกป้องนายเอง! ไม่ต้องห่วง!"

    "ต...แต่ว่า..." ฟุริฮาตะทำท่าลำบากใจ...รู้สึกบทบาทมันสลับกับเปล่าเนี่ย?

    "เอาน่า! ค่อยดูเถอะ!" อาโอมิเนะเอ่ยพร้อมกับหันไปส่งสายตาท้าทายให้เหล่าเด็กหนุ่มม.ต้นทั้งหลาย "เอ้า! พวกพี่ตัดสินใจได้ยังว่าใครจะแข่งกับผม?"

    "เออ! ได้แล้ว!" เด็กหนุ่มดันเพื่อนร่างยักษ์ที่สุดในกลุ่มตนออกมาด้านหน้า "อย่าร้องไห้ไปฟ้องแม่ล่ะเจ้าหนู"

    "โอเค! แล้วจะได้รู้กันว่าใครแน่!" อาโอมิเนะเอ่ยอย่างท้าทาย...และเกมก็ได้เริ่มขึ้น...

    ...จนผ่านไปครึ่งชั่วโมงก็ได้ผลสรุปของแข่ง

    "แฮ่กๆ ไอ้เด็กนี่มันเป็นปีศาจหรือยังไงวะ?" เด็กหนุ่มนั่งหอบแฮ่กอยู่กับพื้นอย่างไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ประสบมากับเด็กชายผิวเข้มที่ยังคงเดาะลูกบาสในสนามด้วยท่าทางหน่ายๆ

                    "บ้าน่า...เป็นไปได้ไงกัน..." เด็กหนุ่มคนอื่นๆ มองผลของการแข่งด้วยอาการอึ้งกึ่มกี่ เมื่อผลที่ได้นั้นคือ...

    ...อาโอมิเนะชนะเด็กหนุ่มที่พวกตนส่งไปด้วยคะแนน 12 - 4 แต้ม!!!

    "สุดยอด..." ฟุริฮาตะมองการแข่งตลอดอุทานออกมาอย่างตื่นเต้น...อาโอมิเนะนี่เก่งจริงๆ!

    "แน่นอน คนมันเก่งซะอย่าง" อาโอมิเนะชูสองนิ้วอย่างร่าเริง "ว่าไงพี่ชาย...อย่าลืมทำตามสัญญาล่ะ?"

    "หน็อย..." เด็กหนุ่มกัดฟันกร็อดอย่างเจ็บใจ แต่ก็ไม่อาจเถียงอะไรเพราะตนเป็นคนนับคะแนนและพวกตนไม่ใช่พวกที่แพ้แล้วพาลด้วย "...ชิ! ไปเล่นที่อื่นก็ได้วะ...ไป๊! ไปเถอะพวกเรา!"

    "เออๆ!" เด็กหนุ่มคนอื่นๆ ก็ขานรับอย่างเซ็งๆ แต่ก็ยอมรับในผลที่ได้กันทุกคน เลยพากันเดินออกจากสนามไป

     

     

     

     

     

    หลังจากที่เหล่าเด็กหนุ่มทั้งหลายออกจากสนามบาสไปแล้ว อาโอมิเนะก็สอนวิธีเล่นบาสให้ฟุริฮาตะอย่างสนุกสนานด้วยความที่ไม่ค่อยมีคนรุ่นเดียวกันเล่นบาสกับอาโอมิเนะ เนื่องจากเจ้าตัวเก่งเกินไปนั้นเอง

    ทั้งสองพากันเล่นกันไปเรื่อยๆ จนกระทั่งท้องฟ้าเริ่มย้อมเป็นสีแดงชาดพร้อมกับ...

    "ไดจัง! คุณน้าเขาให้มาตามกลับแล้วนะ!!!" ...เด็กผู้หญิงผมสีชมพูคนหนึ่งเดินมาหาเด็กชายทั้งสองที่กำลังเล่นกันอยู่

    "หื้อ? ได้เวลาแล้วเหรอ?" อาโอมิเนะทำหน้ายุ่งเล็กน้อย "ยังไม่กลับได้เปล่าอ่ะ? ซัทสึกิ?"

    "ได้ที่ไหนกันล่ะยะ! รีบกลับบ้านเลยนะ! เดี๋ยวโดนคุณน้าดุหรอก!" เด็กหญิงดุเพื่อนตนเล็กน้อยก่อนที่ดวงตาสีชมพูใสจะมองคนผมน้ำตาลข้างๆ เพื่อนตน "นี่ใครเรอไดจัง? เพื่อนใหม่เหรอ?"

    "อา! ใช่แล้วล่ะ!" อาโอมิเนะขานรับขณะหมุนลูกบาสบนนิ้วเล่น

    "ฉันฟุริฮาตะ โคกินะ...ยินดีที่ได้รู้จัก" ฟุริฮาตะส่งยิ้มให้กับเด็กหญิงผมสีพูชมพูอย่างเป็นมิตร

    "จ้า ฉันโมโมอิ ซัทสึกิ! ยินดีที่ได้รู้จักนะ! ฟุริฮาตะคุง!" โมโมอิยิ้มตอบกลับไปก่อนที่จับมือฟุริฮาตะเขย่าไปมา

    "เฮ้ๆ ซัทสึกิ...อย่าแย่งฟุริสิ!" อาโอมิเนะแยกมือของทั้งสองออกจากกัน

    "อะไรกันเล่าไดจัง...ทำยังกับคนหึงแหน่ะ" โมโมอิหัวเราะคิกคัก

    "หนวกหูน่า..." อาโอมิเนะทำหน้ามุ่น ก่อนที่จะหันไปกระซิบฟุริฮาตะ "...ว่าแต่วันนี้นายจะเอาไงกับที่พักล่ะ?"

    "ก็ไปอยู่กับนายนั้นแหละ...ยังไงฉันก็ไม่มีที่พักที่อื่นอยู่แล้ว..." ฟุริฮาตะกระซิบตอบกลับไป "...และเพื่อไม่ให้ใครสงสัยเรื่องฉัน ฉันจะแกล้งทำเป็นว่ากลับบ้านตัวเองแล้วจะคืนร่างเดิมไปรอที่บ้านนายแล้วกันนะ"

    "โอเค" อาโอมิเนะพยักหน้ารับ

    "ซุบซิบอะไรกันน่ะ? ไดจัง ฟุริคุง?" โมโมอิที่โดนกันออกนอกวงเอ่ยถามขึ้น

    "ความลับ!" อาโอในะยิ้มกวนๆ ใส่เด็กหญิง

    "ไดจังก็!" โมโมอิทำแก้มป่องอย่างงอนๆ

    "เอาน่าๆ อย่าทะเลาะกันสิ..." ฟุริฮาตะเอ่ยห้ามขึ้นเมื่อเห็นว่าเด็กชายและหญิงกำลังจะทะเลาะกันแล้ว "...งั้นฉันกลับก่อนล่ะ...นายเองก็ควรรีบกลับก่อนโดนคุณน้าเขาดุด้วยนะอาโอมิเนะ"

    "ก็ด้ายยย" อาโอมิเนะลากเสียงยาวอย่างไม่คิดเถียงอะไรอย่างที่ปกติเป็น...ยังไงเสียกลับบ้านไปก็ได้เจอฟุริอยู่แล้วนิ

    "ทีฟุริคุงพูดเนี่ยยอมง่ายเชียว" โมโมอิค้อนใส่เพื่อนผิวเข้มของตนนิดๆ "เอาเถอด...งั้นแล้วไว้เจอกันใหม่นะจ๊ะ ฟุริคุง"

    "อื้อ! แล้วไว้เจอกันนะ!" ฟุริฮาตะขานรับเล็กน้อยก่อนที่จะวิ่งออกนอกสนามบาสไป

    "แหม~ ฟุริคุงดูน่ารักดีเนอะ...ต่างกับไอ้บ้าบาสแบบไดจังลิบลับเลย~~~" โมโมอิเอ่ยขึ้นพลางลากเพื่อนตนออกจากสนามบาส "ไปเจอกันได้ไงเนี่ย~~~?"

    "พอดีไปเจอที่ภูเขาน่ะ" อาโอมิเนะตอบง่ายๆ สั้นๆ

    "แล้วเกิดคุยกันถูกคอเลยลากมาเล่นบาสด้วยกันสินะ?" โมโมอิถามกลับอย่างรู้ทันในนิสัยเพื่อนตน

    "ประมาณนั้น" อาโอมิเนะตอบส่งๆ ไป...เพราะอย่างไรเขาคงบอกเรื่องฟุริเป็นเทวดาประจำตัวเขาไม่ได้หรอก ไม่งั้นมีแววโดนล้อว่ามีมุมน่ารักๆ กะเขาด้วยแหง

    ระหว่างทางที่เดินกลับบ้านอาโอมิเนะตอบส่งๆ เรื่อยๆ เปื่อยกับโมโมอิที่ถามเรื่องฟุริฮาตะไป...กว่าโมโมอิจะเลิกถามก็เมื่ออาโอมิเนะเดินมาถึงหน้าบ้านตนนั้นแหละ

    เด็กชายเอ่ยลาเพื่อนตนเล็กน้อยก่อนที่จะเข้าบ้านไปตามปกติ...มั้ง? เพราะวันนี้มีสิ่งที่ไม่เหมือนปกติอย่างหนึ่งคือ...

    "ยินดีต้อนรับกลับมานะ อาโอมิเนะ" ...เด็กชายผมสีน้ำตาลที่มีปีกนกสีขาวกลางหลังมารอต้อนรับนั้นเอง

    "ไง...ฟุริ..." อาโอมิเนะเอ่ยทักเล็กน้อยก่อนที่จะรีบถอดรองเท้าและลากฟุริฮาตะขึ้นห้องตนเองไปเพื่อกันคนมาเห็นและหาว่าตนบ้าเอา เมื่อมาถึงห้องอาโอมิเนะก็รีบปิดประตูล็อกทันทีแล้วเริ่มจับเข่าคุยกัน "...กลับมาเร็วดีนิฟุริ บินมาเหรอ?"

    "อื้ม...บินมาเอานั้นแหละ" ฟุริฮาตะยิ้มรับ

    "ดีจังนะ มีปีกเนี่ย..." อาโอมิเนะนึกภาพที่คนบินบนท้องฟ้า...มันต้องสุดยอดมมกแน่ๆ! "...ถ้างั้นแบบนี้นายก็ไม่เคยไปโรงเรียนสายเลยดิ?"

    "บนสวรรค์ไม่มีโรงเรียนหรอกนะ อาโอมิเนะ" ฟุริฮาตะหัวเราะเบาๆ "ข้างบนนั้นถ้าอยากเรียนต้องเก่งจริงเท่านั้นแหละ...พวกที่ห่วยหลายๆ ด้านแบบฉันไม่มีใครเขายอมสอนเรื่องต่างๆ ให้หรอก"

    "ฟังแล้วไอ้บนสวรรค์เนี่ยมีกฏเกรณ์น่าหงุดหงิดเยอะเลยแฮะ" อาโอมิเนะทำเสียงขึ้นจมูก

    "เอาน่าๆ ก็มันเป็นกฏที่มีมานานแล้วนิ" ฟุริฮาตะมองท่าทางหงุดหงิดของอีกฝ่ายอย่างจนใจนิดๆ ...ดูท่าอาโอใเนะเป็นพวกไม่ค่อยชอบอยู่ในกฏเกรณ์เท่าไหร่แฮะ

    "นายก็ใจเย็นไป..." อาโอมิเนะกรอดตาไปมา "...ช่างเถอะ ว่าแต่นายต้องหาอะไรกินไหมอ่ะ? หรือว่าเป็นพวกอิ่มทิพย์ได้แบบในหนังสือ?"

    "อื้ม...ก็ต้องกินอยู่หรอก แต่จะไม่กินก็ได้" ฟุริฮาตะตอบไปตามตรง

    "ต้องกินแต่ไม่ต้องกินก็ได้? หมายความว่าไงอ่ะ?" คิ้วสีน้ำเงินขมวดเป็นปม

    "ก็หมายความว่าฉันยังต้องกินแบบคนทั่วๆ ไป แต่ถ้าไม่อยากกินให้เสียเวลาก็ดูดพลังจากธรรมชาติมาใช้แทนก็ได้" ฟุริฮาตะอธิบาย

    "ดูดจากธรรมชาติ?" อาโอมิเนะทำท่างงงวย "เหมือนต้นไม้ดูดแสงมาใช้น่ะนะ?"

    "ก็ประมาณนั้น" ฟุริฮาตะยักไหล่นิดๆ

    "ฟังดูประหยัดค่าอาหารดีแฮะ...ดีจัง ถ้าฉันเป็นแบบนายคงประหยัดค่าอาหารไปซื้อรองเท้าบาสได้หลายรุ่นแน่" อาโอมิเนะเอ่ยพลางเกาหัวนิดๆ

    "นายเป็นไอ้บ้าบาสอย่างที่โมโมอิบอกจริงๆ" ฟุริฮาตะส่ายหน้าไปมา

    "อ้าว? ได้ยินด้วยเหรอ?" อาโอมิเนะทำหน้างง...รู้สึกว่าตอนนั้นฟุริไม่ได้อยู่กับพวกตนสักหน่อย แล้วรู้ได้ไงหว่า?

    "อื้อ พอดีบินผ่านหัวพอดีน่ะ...และนายกำลังทำหน้าเซ็งๆ อยู่เลยไม่ทันสังเกตฉันน่ะ" ฟุริฮาตะเอ่ย

    "งั้นเหรอ~~~" อาโอมิเนะทิ้งตัวลงบนเตียง "จะว่าไป...แล้วนายนอนในตู้ได้ไหมอ่ะ? จำได้ว่าในตู้มีฟูกเก็บไว้อยู่คงใช้นอนได้..."

    "ได้สิ" ฟุริฮาตะพยักหน้ารับ...ที่จริงตอนแรกเขากะนอนบนต้นไม้ด้วยซ้ำ

    "โอเคตามนี้!" อาโอมิเนะตัดสินใจไปตามนี้เลย "เออจริงสิ...ฟุริ..."

    "มีอะไรเหรอ?" ฟุริฮาตะมองอาโอมิเนะที่กลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงเป็นวงกลม จนสุดท้ายก็กลิ้งมาเอาหัวห้อยจากเตียงมองมาที่ตน

    "ที่นายบอกว่าห่วยหลายๆ ด้านนี่...หมายถึงด้านไหนเหรอ?" อาโอมิเนะถามตรงๆ อย่างไม่มีอ้อมค้อม

    "นายนี่ถามตรงชะมัด" ฟุริฮาตะบ่นนิดๆ "ที่ฉันบอกว่าห่วยหลายด้านเนี่ยเพราะถ้าฉันเทียบกับคนอื่นแล้วไม่มีอะไรเด่นเลยน่ะ"

    "ไม่มีอะไรเด่น?" อาโอมิเนะเริ่มไม่เข้าใจความคิดของสถานที่ที่ฟุริฮาตะจากมาแล้วสิ...นี่เขาวัดคนจากความเด่นเหรอฟะ?!

    "ใช่ สำหรับฉันเนี่ยได้ว่าไม่ต่างจากคนธรรมดาเท่านัก...คล้ายๆ ตัวประกอบที่มีทั่วไปล่ะมั้ง?" ฟุริฮาตะเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจนัก...ก็ใช่ว่าเขาโดนถามแบบนี้ครั้งแรกเสียเมื่อไหร่ล่ะ? "อย่างฉันเนี่ยเรียกว่าธรรมดามากจนไม่รู้จะธรรมดายังไงเลยล่ะ"

    "แต่ฉันว่านายมีส่วนเด่นอยู่นะ" อาโอมิเนะเอ่ย

    "ตรงไหนกันล่ะ?" ฟุริฮาตะถามกลับ

    "ตรงน่ารักไง! ดูน่ารักยังกับชิวาว่าแหน่ะ!" อาโอมิเนะยิ้มร่าอย่างมั่นใจมากมาย

    "น่ารักตรงไหนกัน!? และฉันก็ไม่เหมือนชิวาว่าด้วย!" ฟุริฮาตะเถียงกลับ...ทำไมทั้งเพื่อนเขาที่สวรรค์ทั้งอาโอมิเนะถึงชอบบอกว่าเขาน่ารักเหมือนชิวาว่าเนี่ย!? เขาเหมือนชิวาว่าตรงหน่ายยยยย!?!

    "ทุกตรงนั้นแหละ!" อาโอมิเนะตอบกลับทันทีโดยไม่ต้องคิดสักนิด "และนายก็เหมือนชิวาว่าอยู่น้าาาาา"

    "ตรงไหนกัน!?" ฟุริฮาตะอยากบ้าตาย...ทำไมไม่เทียบกับตัวเท่ๆ หน่อยเนี่ย!? ทำไมต้องชิวาว่า!?!

    "ก็ตอนที่พวกพี่ชายมาหาเรื่องที่สนามบาสไง...นายตัวสั่นยังกับชิวาว่าแหน่ะ" อาโอมิเนะเอ่ยพลางคิดย้อนไปถึงตอนนั้น...ตัวสั่นๆ น้ำตาคลอน้อยๆ แบบนั้นโคตรน่ารักเลย!

    "นี่ดูจากตอนฉันสั่นเนี่ยนะ!?" ฟุริฮาตะทำท่าหมดอาลัยตายอยาก...ตกลงไอ้นิสัยสั่นตอนกลัวของเขาเป็นที่มาของคำเรียกชิวาว่าเหรอ!?

    "ช่ายเลยยยย" อาโอมิเนะตอบกลับอย่างกวนโอ๊ยมาก "ทำใจเถอะฟุริ...เท่าที่ดูนายไม่มีทางหายจากการเป็นชิวาว่าได้ง่ายๆ หรอก"

    "เลิกพูดว่าฉันเป็นชิวาว่าทีเถอะ!"

    "ไม่สน! ชิวาว่าๆๆๆๆ"

    "อาโอมิเนะ!"

    "ฮาๆๆๆ หน้านายตอนโกธรตลกดีจริง!"

    "เพราะใครกันล่ะ! อาโฮ่มิเนะ!"

    "ฮาๆๆๆๆๆ นายนี่คิดคำด่าห่วยจัง"

    "ช่างฉันเถอะน่า!"

    "โอ๋ๆ อย่างอนสิ~~~"

    "ไม่ได้งอนสักหน่อย!"

    "อย่าปากแข็งเลยน้าาา"

    "ไม่ได้ปากแข็งนะ!!!"

    "อา...น่ารักจริงๆ~~~"

    "อาโอมิเนะ!!!"

    "ฮาๆๆๆๆๆ!!!"

     

     

     

     

     

    วันเวลาผ่านไปจากวันเป็นเดือนจากเดือนเป็นปีจนจากเด็กชายก็แปลงเปลี่ยนไปตามกาลเวลา แต่ที่ไม่ค่อยเปลี่ยนไปเท่าไหร่คงมีแต่ความสนิสนมของฟุริฮาตะกับอาโอมิเนะเท่านั้น

    นับตั้งแต่วันที่ฟุริฮาตะได้มาอยู่กับอาโอมิเนะ ทั้งคู่ต่างสนิกกันมากขึ้นจนแทบเรียกได้ว่าตัวติดกันเลย (ซึ่งแน่นอนคนไม่เห็นว่าฟุริฮาตะอยู่กับอาโอมิเนะมากนักเพราะส่วนใหญ่อยู่ในร่างเทวดา) และไอ้ความสนิกนั้นก็เผื่อแผ่ไปยังโมโมอิ ซัทสึกิที่เป็นเพื่อนกับอาโอมิเนะมาตั้งแต่เด็กด้วยจนทั้งสามกลายเป็นเพื่อนสนิกกันไปโดยไม่รู้ตัว

    "นี่แต่งตัวดีๆ หน่อยสิ! ไดจัง!" เสียงดุเบาๆ ดังออกมาจากปากเด็กสาวผมสีชมพูในชุดเครื่องแบบสีฟ้าขาวโดยที่มือไม้พยายามเนคไทมาผูกเพื่อนตนให้เรียบร้อย

    "อย่าบ่นมากน่าซัทสึกิ...แค่เนคไทไม่ผูกจะเป็นไรไป?" เด็กหนุ่มผิวเข้มในชุดเครื่องแบบเดียวกันเกาหัวอย่างเซ็งๆ ก่อนที่จะดันหัวเด็กสาวออกห่างตน

    "เอาน่าๆ อย่างน้อยวันแรกในการเข้าเรียนม.ต้นเนี่ยแต่งตัวให้เรียบร้อยหน่อยก็ดีนะ อาโอมิเนะ" เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลเอ่ยห้ามปรามเพื่อนทั้งสองของตนที่ดูท่าจะเริ่มเปิดศึกกันอีกแล้ว

    "ไม่เห็นเป็นไรเลยฟุริ...เขาคงไม่เข้มเรื่องแต่งตัวนักหรอกมั้ง?" อาโอมิเนะเอ่ยก่นที่จะแว่บไปหลบหลังคนผมน้ำตาล เมื่อเด็กสาวผมชมพูดึงเนคไทในมือปานจะเอามาฆ่ารัดคอตน

    "เข้มไม่เข้มก็ช่าง...แต่วันแรกก็ช่วยทำให้ถูกระเบียบเถอะย่ะ!!!" โมโมอิยิ้มเหี้ยมพร้อมดึงเนคไทในมือจนตึงปานจะฆ่ารัดคอเพื่อผิวเข้มของตนจริงๆ

    "ก...ก็ได้! แต่แค่จบพิธีปฐมนิเทศก็พอได้เปล่าอ่ะ!? ไอ้เนคไทบ้านี่มันชวนอึดอัดโคตรๆ เลย!!!" อาโอมิเนะที่ใช้ฟุริฮาตะเป็นโล่กำบังเอ่ย

    "...เฮ้อ...ก็ได้" โมโมอิถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายกับเพื่อนหัวดื้อของตน "จริงสิ...โรงเรียนของฟุริคุงยังไม่เปิดเหรอ?"

    "อ...อื้อ...พ...พอดีโรงเรียนฉันมีปัญหานิดหน่อย เลยเปิดช้ากว่าที่อื่นน่ะ" ดวงตาสีน้ำตาลกลิ้งกลอกหลบดวงตาสีชมพูใสที่จ้องมาที่ตน...ก็เขาจะมีที่เรียนได้ไงเล่า! ในเมื่อเขาเป็นเทวดาย่อมไม่มีรายชื่อตามทะเบียนบุคคลในประเทศอยู่แล้ว!!!

    "พอดีโรงเรียนฟุริไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านน่ะ" อาโอมิเนะที่เห็นว่าคนผมน้ำตาลกำลังโกหกไม่เนียนอีกตามเคยเอ่ยเบนความสนใจของเด็แสาวไป "เอ้าๆ เราไปกันได้แล้วซัทสึกิ ฉันมั่นใจว่าเธอไม่อยากสายตั้งแต่วันแรกแน่"

    "ว้าย! จะสายแล้วเหรอเนี่ย!? งั้นรีบไปกันเถอะไดจัง!" เด็กสาวผมชมพูจับแขนเพื่อนตนก่อนที่จะเริ่มลากออกวิ่ง "แล้วเจอกันเลิกเรียนนะ! ฟุริคุง!"

    "อื้อ! แล้วเจอกัน!" ฟุริฮาตะขานรับไปขณะที่เพื่อนทั้งสองของตนห่างออกไปเรื่อยๆ จนเมื่อมั่นใจว่าทั้งสองไม่สนใจตนแล้วก็เบี่ยงตัวหลบไปที่มุมเสาก่อนที่จะเปลี่ยนร่างตนเป็นเทวดาและบินตามอาโอมิเนะไปห่างๆ เพราะตอนอาโอมิเนไปโรงเรียนเขาทำได้เพียงเฝ้ามองห่างๆ เท่านั้นเพื้อไม่ให้เป็นการรบกวนการเรียนของอีกฝ่ายบวกกับกันไม่ให้อาโอมิ้นะเผลอตอบฟุริฮาตะที่ไม่มีใครมองเห็นจนโดนมองว่าเป็นคนบ้านี่นเอง...ถึงแม้บางครั้งจะโผล่ไปร่วมเรียนกับอาโอมิเนะก็เถอะ

    วันนี้ทั้งวันของอาโอมิเนะในการเรียนที่โรงเรียนมัธยมต้นเทย์โคววันแรกผ่านไปด้วยดี และรอดพ้นจากการโดนโมโมอิบ่นจนหูชามาได้...

    ...ส่วนเรื่องชมรมที่อาโอมิเนะเข้าก็ไม่พ้นชมรมบาสอีกตามเคย และอาโอมิเนก็เป็นหนึ่งในปีหนึ่งได้อยู่ทีมหนึ่งตั้งแต่การเทสต์ครั้งแรกอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนด้วย

    "ให้ตายสิ...พวกนี่ยอมแพ้ง่ายเกินไปเปล่าเนี่ย?" เด็กหนุ่มผิวเข้มเกาหัวสีน้ำเงินของตนเองอย่างหงุดหงิด ในมือถือโทรศัพท์มือถือไว้...ซึ่งนี่เป็นสัญญาที่รู้กันระหว่างอาโอมิเนะกับฟุริฮาตะว่ามันคือการบอกว่าอยากบ่นอยากคุยด้วยนั้นเอง

    "เอาน่าๆ อย่าเพิ่งอารมณ์เสียดิอาโอมิเนะ" ฟุริฮาตะที่บินลงจอด (?) ข้างๆ อาโอมิเนะเอ่ย

    "ก็มันจริงนี่น่า...ทั้งที่ฝีมือก็ดีอยู่ แต่กลับยอมแพ้ฉันง่ายๆ เลยอ่ะ!" อาโอมิเนะบ่นราวเด็กๆ ...ว่าตามจริงอาโอมิเนะจะทำตัวเหมือนเด็กหน่อยๆ เฉพาะกับฟุริฮาตะเท่านั้นแหละ "อุตสาห์คิดมาจะได้แข่งกันมันส์ๆ หน่อย...ทั้งที่เป็นรุ่นพี่แท้ๆ กลับไม่มีคงามพยายามเลย!"

    "เขาเหวออยู่มั้ง...ก็เห็นว่าพวกนายเป็นปีหนึ่งกลุ่มแรกที่ได้อยู่ทีมหนึ่งนิ?" ฟุริฮาตะเอ่ยปลอบ

    "คงงั้น" อาโอมิเนะเกาหัวตัวเองแกลกๆ ก่อนที่จะสะดุ้งโหยงเมื่อ...

    "อาโอมิเนะ! มั่วมาทำอะไรอยู่ห๊า!? มาซ้อมต่อได้แล้ว!!! อย่าคิดว่าได้อยู่ทีมหนึ่งจะโดนลดขั้นไม่ได้นะเฟ้ย!!!" ...เสียงตวาดแว๊ดดังออกจากรุ่นพี่ที่น่าเกรงกลัวและน่าเกรงใจอย่างนิจิมุระ ชูโชว

    "คร้าบบบบ! จะไปเดี๋ยวนี้แหละคร้าบบบบบ!!!" อาโอมิเนะขานรับเสียงดังฟังชัด "งั้นแค่นี้นะฟุริ แล้วเจอกันอีกทีเลิกเรียน"

    "อื้ม! แล้วเจอกัน!" ฟุริฮาตะยิ้มให้เล็กน้อยก่อนที่จะบินขึ้นฟ้าไป คาดว่าคงจะไปหาที่แปลงกายเป็นมนุษย์อีกตามเคย

    เมื่อฟุริฮาตะไปแล้ว อาโอมิ้นะก็เดินเข้าไปซ้อมในโรงยิมตามที่โดนสั่งและทันทีที่เข้ามาในโรงยิมก็มีร่างสูงๆ หัวม่วงๆ เดินลากขามาหา

    "นี่ๆ มิเนะจิน...เมื่อกี้รุ่นพี่นิจิมุระบอกว่ามิเนะจินคุยกับแฟนนี่จริงอ่ะ?" ร่างสูงหัวม่วงเอาคางวางแปะลงบนหัวเด็กหนุ่มผมสีน้ำเงิน

    "จริงอ่ะ!? มีแฟนเร็วไปไหมฟะแก!?" เด็กหนุ่มผมเทาท่าทางเกเรเดินทำให้ไม่อยากเชื่อให้อาโอมิเนะ "ใครน่ะ!? โมโมอิเหรอ!?"

    "ยังไม่มีเฟ้ย! อีกอย่างต่อให้ตายฉันก็ไม่เอายัยซัทสึกิมาเป็นแฟนหรอก! เอามามีหวังได้มีแม่เพิ่มอีกคนแน่" อาโอมิเนะเถียงกลับ "และมุราซากิบาระ...นายเอาหัวออกไปเลยนะ! หนักนะเฟ้ย!"

    "ก็ด้ายยยยย" มุราซากิบาระลากเสียงยาว ก่อนเอาคางออกจากหัวสีน้ำเงิน

                    "ถ้าไม่ใช่แฟนแล้วใครเล่า? เห็นท่าทางมีความสุขเหลือเกิน" เด็กหนุ่มผมเขียวที่ถือสมุดหน้าเหลืองไว้ในมือเดินเข้ามาหาอีกคน

    "ใช่...ดูมาความสุขสุดๆ" เด็กหนุ่มผมแดงยิ้มบางๆ ออกมา

    "เฮ้ยๆ พูดแบบนี้แสดงว่าเห็นตอนฉันคุยกับฟุริดิ?" อาโอมิเนะเบ้หน้านิดๆ

    "อื้ม เมื่อกี้ฉันกับอาคาชิเดินผ่านนายอยู่น่ะ แต่นายดูท่าจะไม่เห็นพวกฉันเขาคุยกันเพลินอยู่น่ะ" เด็กหนุ่มผมเขียวดันแว่นตาตนให้เข้าที่

    "คงงั้น..." อาโอมิเนะเกาหัวนิดๆ ...ก็นะ มิโดริมะมันสูงน้อยๆ เสียที่ไหนล่ะ ส่วนอาคาชิก็สูงกว่าฟุริหน่อยยังไงถ้าไม่เพลอคุยเพลินไปจริงๆ คงไม่มีทางมองข้ามไปได้หรอก แถมสีหัวพวกนี่ก็เด่นจะตายไป

    "เฮ้ๆ ฟุริคือแฟนนายเหรอ?" เด็กหนุ่มผมเทาถามด้วยท่าทางอยากรู้ "ได้กันยังวะ?"

    "ไม่ใช่โว้ย! อีกอย่างฟุริเป็นผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิง!" อาโอมิเนะแยกเขี้ยวใส่ "ในหัวแกมีแต่เรื่องแบบนี้หรือไงห๊า!? ไฮซากิ!"

    "เอ้า! ก็คิดว่ามีแฟนแล้วนิ! อีกอย่างเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องทั่วไปสำหรับผู้ชายนะเฟ้ย!" ไฮซากิตอบกลับ

    "ขอปฏิเสธ...เพราะฉันไม่คิดว่าถ้าฉันคบใครจะมีแต่เรื่องแบบนั้นในหัว" อาคาชิส่ายหน้าปฏิเสธคนแรก

    "ต่อให้ฉันลามกนิดหน่ย แต่ฉันก็ไม่ขนาดนั้นวะ" อาโอมิเนะยอมรับว่าตนออกลามกหน่อยๆ แต่ก็ไม่คิดขนาดคิดถามเรื่องใต้สะดื้อโต้งๆ แบบนี้!

    "ไอ้เรื่องสัปดงแบบนั้นเอาไปพูดที่อื่นเลยไป๊!" มิโดริมะดันแว่นตนด้วยใบหน้าแดงแจ๋

    "ง่ำๆ ไอ้ของแบบนั้นไม่น่าอร่อยนะ" มุราซากิบาระหยิบขนมจากไหนไม่รู้มากิน

    "อย่ากินขนมในโรงยิมสิ" มิโดริมะดุคนผมม่วงที่เอาขนมเข้ามากินในโรงยิมหน้ตาเฉย

    "เฮ้ย! ไม่เข้าข้างกันเลยเหรอ!?" ไฮซากิทำหน้ามุ่ยเมื่อไม่มีใครยอมเข้าข้างตนเลย

    "พูดเรื่องแบบนั้นใครมันจะเข้าข้างแกห๊า!?" เสียงดุๆ พร้อมกับหมัดหนักเขกลงมากลางกะหม่อนคนผมเทาเต็มๆ "แล้วนี่ก็ซ้อมกันได้แล้ว! อย่าอู้กันตั้งแต่วันแรกเซ่!!!"

    "โอ้ย! หัวคนนะไม่ใช่กลองที่คิดจะตีก็ตีนะ! นิจิมุระซัง!" ไฮซากิโวยใส่ผู้ที่ประทุษร้ายตน

    "ถ้ายังมั่วโอ้เอ้อยู่ไม่แค่มือแต่จะมีเท้าด้วยแน่..." นิจิมุระค้อนใส่ "...แล้วมั่วเฉยกันทำไม? รีบไปซ้อมสิ!!!"

    "ครับ!!!" ทุกคนรีบวิ่งไปซ้อมทางใครทางมันทันทีก่อนที่จะได้มะกรูดมะนาวบนหัวแบบเรียงตัวเลย

     

     

     

     

     

    "..." ดวงตาสีน้ำตาลใสกระพริบปริบๆ มองภาพที่ปรากฏตรงหน้าด้วยความงุนงวย "...นายสนิกกับคนในโรงเรียนเร็วดีเนอะ อาโอมิเนะ"

    "ก็ไม่ได้สนิกอะไรหรอก..." อาโอมิเนะทำหน้ามุ่ยพลางมองแต่ล่ะหน่อที่ตามหลังตนมาหน้าตาเฉย ทั้งที่ไล่แล้วไล่อีกยังไม่ไปเลย!

    "คืองี้จ้าฟุริคุง...พอดีนิจิมุระซังเห็นไดจังคุยโทรศัพท์กับฟุริคุงเลยเอาไปล้อว่าไดจังคุยกับแฟนน่ะ..." โมโมอิที่เห็นสีหน้าหงุดหงิดกับสีหน้าสีเอ๋อๆ ของเพื่อนตนทั้งสองก็ทำได้เพียงกลั้นขำเท่านั้น "...แล้วไดจังก็ปฏิเสธลูกเดียวและบอกว่าฟุริคุงไม่ใช่แฟนน่ะ แต่ไม่มีใครเชื่อเลยพากันมาพิสูจน์ว่าฟุริคุงเป็นผู้ชายจริงๆ 'อีกแล้ว' น่ะจ๊ะ"

    "...รู้สึกว่าชั่วชีวิตที่ผ่านมาเนี่ยโดนเข้าใจว่าเป็นผู้หญิงบ่อยจริง" ฟุริฮาตะกรอดตาไปมาอย่างปลงๆ เพราะตั้งแต่อยู่กับอาโอมิเนะเนี่ย...เขาโดนทักว่าเป็นผู้หญิงแทบทุกเดือน! ไม่ว่าจะเป็นคิดว่าเขาเป็นแฟนอาโอมิเนะเพราะสาเหตุแบบนี้ทั้งเห็นพวกเขาเดินด้วยกัน! ไอ้แบบวันนี้พอโอเค! แต่มันพาดนึกไปถึงตอนเข้าใจผิดเพราะเขาเดินกับอาโอมิเนะนี่สิ! ให้ตายเถอะ! หน้าเขาก็ไม่หญิงนะ! แล้วมองยังไงเห็นเขาเป็นหญิงได้เนี่ย!?

    "ช่วยไม่ได้ เตี๊ยเองนิ" อาโอมิเนะเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจนัก

    "ไม่ได้เตี๊ยสักหน่อย!" ฟุริฮาตะแยกเขี้ยวใส่คนผิวคล้ำ "นายสูงเกินไปต่างหาก!!!"

    "เหรอ~~~" อาโอมิเนะยักคิ้วอย่างกวนโอ๊ยเป็นที่สุด

    "เออสิ!" ฟุริฮาตะกดเสียงหนักๆ

    "แต่ฟุริจินก็ตัวเล็กจริงๆ นะ" มุราซากิบาระมองเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลที่กำลังแยกเขี้ยวใส่อาโอมิเนะ...ช่างให้ความรู้สึกเหมือน... "ตัวเล็กเหมือนชิวาว่าเลย~~~"

    "ไม่เหมือนสักหน่อย!" ฟุริฮาตะเถียงกลับอย่างลืมกลัว...ทำไม๊ทำไมถ้าไม่โดนคิดว่าเป็นผู้หญิงต้องเป็นชิวาว่าวะเนี่ย!?

    "วะฮ่าฮา! พูดได้เด็ดมากมุราซากิบาระ!" อาโอมิเนะตบบ่าฟุริฮาตะป๊าบ "ทำใจเถอะฟุริ...ยังไงความเป็นชิวาว่าของนายไม่มีทางหายตลอดกาลล่ะ!"

    "ไม่ต้องพูดเลย!" ฟุริฮาตะทำหน้ามุ่ย

    "ว่าแต่..." ไฮซากิเอานิ้วจิ้มๆ แก้มฟุริฮาตะ "...ถ้านายคิดจีบหมอนี่ฉันว่าฉันไม่แปลกใจวะ ถ้าฉันมีเพื่อนดูน่ารักน่าแกล้งแบบนี้เนี่ยคงประมาณเดียวกันแหละ"

    "ห๊า!?" ฟุริฮาตะมองไฮซากิอย่างเอ๋อๆ ...เหมือนเขาได้ยินคำพูดแปลกๆ แฮะ หรือว่าเขาคิดไปเอง?

    "เฮ้ยๆ อย่าเอาความคิดแปลกๆ มาใส่หัวฟุรินะ!" อาโอมิเนะเอามือปิดหูฟุริฮาตะพร้อมส่งเท้าถีบคนผมเทาออกห่าง

    "ก็มันจริงนี่หว่า" ไฮซากิที่หลบเท้าที่ถูกส่งมาอย่างทันทวนทีตอบกลับอย่างกวนโอ๊ยจนน่าไล่ตื้บมากในสายตาอาโอมิเนะ

    "อย่าไปแกล้งอาโอมิเนะสิ!" นิจิมุระเอามือสับกลางหัวสีเทาเต็มๆ "นายนี่ทำไมชอบแกล้งคนนักเนี่ย? ขนาดยังไม่คิดเข้าทีมแบบเต็มตัวนะเนี่ย..."

    ...ขนาดมันแค่เบื่อๆ แล้วมาป่วนในโรงยิมเฉยๆ ยังป่วนไปทั่วแล้ว...นี่ถ้าเข้าชมรมเลยเขาคงอดตื้บแบบหนักไม่ได้เลยมั้งเนี่ย?...

    "โอ๊ย! เจ็บนะ! นิจิมุระซังป่าเถื่อนชะมัด!" ไฮซากิกุ่มหัวตนอย่างเจ็บๆ

    "ถ้านายยังปากยังงี้ระวังจะไม่รอดยังตอนจบนะ ไฮซากิ" นิจิมุระค้อนวงเบ้อเร้อใส่รุ่นน้องตน

    "แล่บ! อย่ามาขู่ซะให้ยาก! ไม่กลัวหรอก!" ไฮซากิแล่บลิ้นใส่นิจิมุระ

    "ไอ้นี่...ดูท่าไม่อยากอายุยืนซะแล้ว" นิจิมุระหักมือกร็อบๆ ...ตอนแรกกะพยายามทนไม่อัดมันในวันนี้แล้วเชียว แต่เห็นหน้ากวนๆ ของมันแล้วอดไม่ได้เฟ้ย!

    "ใครกันแน่ที่จะอายุไม่ยืน? ฉันยังเอ๊ะๆ อยู่ ไม่ได้แก่ปานปู่แบบนิจิมุระซังสักหน่อย!" ไฮซากิเอ่ยแหย่ก่อนที่จะ...ใส่เกียร์หมาเผ่นดิ เพราะโดยสัญชาตญาญมันบอกว่าตนไม่สามารถชนะนิจิมุระได้แน่นั้นเอง

    "หึๆ..." นิจิมุระกระตุกยิ้มเหี้ยม "...กลับมานะเว้ยไอ้เด็กเวร! ถ้าวันนี้ฉันไม่ได้เขกหัวนายสักโป๊กอย่ามาเรียกฉันว่านิจิมุระเลยเถอะ!"

    "เฮ้ย! เดี๋ยว!..." มิโดริมะทำท่าจะเอ่ยห้ามแต่...ไม่ทัน นิจิมุระวิ่งตามไฮซากิไปซะแล้ว "...ให้ตายสิ วันแรกก็หาเรื่องใส่ตัวเลยแฮะ"

    "ง่ำๆ ไม่เป็นไรหรอกมั้ง...ซากิจินดูอึดอยู่นิ" มุราซากิบาระหยิบขนมมากินอย่างไม่สนว่าไฮซากิจะถูกตื้บจมดินไหมนัก

    "อย่ากินไปพูดไปสิ" อาคาชิเอ่ยอย่างอ่อนใจกับเด็กโข่งผมม่วง "ขนมมันตกใส่หัวฉันแล้วนะ"

    "อื้อ~~~ โทษที..." มุราซากิบาระลากเสียงยาวอย่างขี้เกียจ "...จะว่าไปมิเนะจินปล่อยฟุริจินได้แล้วมั้ง~~~ ดูท่าจะงงใหญ่แล้วนะนั้น~~~"

    "อ่ะ!" อาโอมิเนะที่เพิ่งรู้สึกตัวว่ายังไม่ปล่อยมือจากหูคนผมน้ำตาลรีบเอามือออกทันที "แฮะๆ โทษที ลืม"

    "ถ้านายไม่ลืมสิฉันจะแปลกใจ" ฟุริฮาตะกรอดตาไปมา...ทำไมรู้สึกอาโอมิเนะชอบเอาปิดหูเขาจังเนี่ย? แถมมักเป็นตอนที่เขากำลังเอ๋อกินด้วยอีกต่างหาก

    "นี่นาย..." มิโดริมะมองฟุริฮาตะสลับกับอาโอมิเนะ "...คิดยังไงมาคบกับคนเพี้ยนๆ อย่างหมอนี่ได้เนี่ย? ดูท่าไปคบที่เป็นผู้เป็นคนกว่านี้น่าจะดีกว่ามั้ง"

    ...ไอ้ท่าทางใสซื่อยังกับเด็กเนี่ยเห็นแล้วชักกลัวอาโอมิเนะพาเสียคนวุ้ย! อย่างวันนี้เนี่ยเขาดันบังเอิญเจอหนังสือโป๊ในกระเป๋ามันเลย! ไปเอามาจากไหนก็ไม่รู้!...

    "นั้นสินะ...อนาคตน่าจะดูดีกว่านี้" อาคาชิที่รู้เห็นเรื่องหนังสือลามกระดับสิบแปดบวกในกระเป๋าของอาโอมิเนะเอ่ยอย่างเห็นด้วย...น่ากลัวว่าจะโดนชักพาไปในทางลบชอบกล ถึงแม้เขารู้ว่าอาโอมิเนะจะไม่มีอะไรมากนอกจากเป็นไอ้บ้าบาสขนานแท้ก็เถอะ

    "เฮ้ย! ไหงพูดงั้นล่ะ!?" อาโอมิเนะขมวดคิ้ว...ไอ้อย่างเขากับฟุริเป็นเพื่อนกันนี่แปลกนักหรือไงฟะ!?

    "อื้อ~~~ ก็จริงอย่างที่มิโดจินว่าแฮะ..." มุราซากิบาระพยักหน้าอย่างเห็นด้วย "...ก็พอมิเนะจินอยู่กับฟุริจินแล้วเหมือนกับเสือที่จะค่อยขย้ำกระต่ายน้อยเลยอ่ะ~~~ แถมถ้าไปอยู่ในทีมมืดๆ แล้วทะเลาะกันล่ะก็มิเนะจินคงโดนเข้าใจว่าเป็นโจรที่กำลังปล้นฟุริจินก็ได้~~~"

    "ใช่เลยจ๊ะ~~~" โมโมอิยิ้มร่าอย่างเอออ้อด้วย "แถมมีครั้งหนึ่งฟุริคุงโดนไดจังวิ่งชนจนกลิ้งไปอยู่ในพุ่มไม้กันทั้ง แล้วคนที่เดินผ่านมาไปเจอเข้า...เกิดเข้าใจผิดว่าไดจังจะขืนใจฟุริคุงด้วยล่ะ"

    ...ตอนนั้นขำแทบตาย! ยังดีที่เธอยังมีสติพออธิบายกับคนที่เดินผ่านมานั้นให้เข้าใจ ไม่งั้นเรื่องถึงตำรวจแน่...

    "เฮ้ยๆ! พูดแบบนี้ฉันเสียหายนะเฟ้ย!" อาโอมิเนะแยกเขี้ยวใส่

    "ก็มันจริงนี่นา!!!!" เด็กหนุ่มสามกับเด็กสาวหนึ่งตอกกลับอย่างพร้อมเพรียง

    "น่าๆ ใจเย็นน่าอาโอมิเนะ" ฟุริฮาตะเอ่ยปลอบอาโอมิเนะที่ทำท่าจะไปเอ็นจอยในหลุมดำซะแล้ว

    "ไม่ต้องสนใจไดจังหรอกฟุริคุง..." โมโมอิยิ้มร่าพลางเกาะแขนฟุริฮาตะ "...ป่ะ! เราไปกินไอติมกันเถอะ!"

    "ขอซื้อเป็นถังได้ไหมอ่ะ!?" มุราซากิบาระเมื่อได้ยินคำว่าไอติมก็ตาวาวขึ้นมาทันที

    "ได้สิจ๊ะ ในเมื่อจ่ายใครจ่ายมันนิ! อ๋อ! แต่สำหรับฟุริคุงฉันเลี้ยงเอง!" โมโมอิเอ่ย

    "ไม่เป็นไรหรอกโมโมอิ..." ฟุริฮาตะส่ายหน้าปฏิเสธ "...ฉันว่าเงินส่วนที่เธอจะจ่ายให้ฉันเอาไปเก็บไว้ซื้อของที่เธออยากได้เองดีกว่า"

    "ไม่เป็นไรหรอกน่าาาาา" โมโมอิตบบ่าอีกฝ่าย "อย่าขี้เกรงใจนักเลย!"

    "นั้นสิ~~~~" มุราซากิบาระพยักหน้าอย่างเห็นด้วย...ถ้ามีเพื่อนเลี้ยงขนมให้เนี่ยเป็นเขารีบกระโจนใส่อย่างไม่รีรอเลย ยิ่งเป็นเพื่อนที่สนิกกันมากๆ แบบนี้ด้วย

    "ดูนิสัยดีจนดูไม่ออกเลยว่าจะสนิกกับอาโอมิเนะได้เนี่ย" มิโดริมะขยับแว่นนิดๆ

    "เอาล่ะ เรารีบไปกันเถอะ..." อาคาชิมองภาพต่างๆ ด้วยสายตาขบขำ "...เดี๋ยวไอติมหมดก่อนนะ"

    "เดี๋ยว! แล้วอาโอมิเนะล่ะ!?" ฟุริฮาตะเอ่ยถามพลางมองคนผิวคล้ำที่ยังหลบอยู่ในหลุมดำ

    "อย่าไปสนใจเลย ไปกันเถอะ" อาคาชิเอ่ยก่อนที่จะร่วมมือร่วมใจกับคนที่เหลือลากฟุริฮาตะออกห่าง

    "เฮ้ย! อย่าแย่งฟุริสิฟะ!" อาโอมิเนะโผล่พรวดจากหลุมดำทันทีที่ฟุริฮาตะถูกลากห่างจากตนประมาณสิบเมตร "รอด้วยเซ่!!!"

     

     

     

     

     

    หลังจากวันนั้นที่ฟุริฮาตะถูกพวกอาคาชิลากไปโดยที่อาโอมิเนะเกือบตามไม่ทัน อาโอมิเนะก็ดูติดฟุริฮาตะมากขึ้นเป็นเท่าตัว...แต่แค่ไม่มีใครเห็นเท่านั้นเนื่องจากอยู่ในร่างเทวดาตลอด เพราะฟุริฮาตะหลังจากวันนั้นประมาณสามวันก็อ้างว่าตนต้องไปเรียนที่โรงเรียนต่างจังหวัดเพื่อกันไม่ให้โมโมอิหรือใครสงสัยนั้นเอง

    และเมื่อวันเวลาผ่านไปนานพอสมควร อาโอมิเนะกับเหล่าปีหนึ่งที่ได้อยู่ทีมหนึ่งรวมทั้งไฮซากิที่เพิ่งมาสมัครชมรมอย่างเป็นตัวเป็นตนก็ได้เป็นตัวตั้งต้นของทีมบาสเทย์โควท่ามกลางสายตาไม่อยากเชื่อของเหล่าสมาชิกชมรมปีสองปีสามทั้งหลาย

    ในทุกๆ วันสมาชิกทีมหนึ่งของชมรมบาสต่างซ้อมกันอย่างหนักหนาสาหัสสากันสุดๆ ชนิดใครไม่อึดจริงคงอยู่ไม่ได้ รวมทั้งเด็กหนุ่มปีหนึ่งทั้งหลายก็ไม่มีการอ่อนข้อให้แม้แต่น้อย...

    ...และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่การซ่อมหนักยังคงดำเนินต่อไป

    "นี่! อาโอมิเนะ! นายจะไปไหนล่ะนั้น?" เสียงจากร่างมีปีกเอ่ยถามคนผมสีน้ำเงินที่ทำท่าจะเดินออกจากโรงยิม "วันนี้ไม่อยู่ซ้อมดึกแบบปกติเหรอ?"

    "เปล่า...แค่คนมันเยอะกว่าปกติยังไงไม่รู้เลยจะไปซ้อมที่อื่นน่ะ" อาโอมิเนะตอบเบาๆ

    "นั้นเหรอ?" ฟุริฮาตะเดินตามอาโอมิเนะออกจากโรงยิม...

    "อ้าว? อาโอมิเนะคุง!" ...และทันทีที่เดินออกมาเสียงหวานๆ อันคุ้นหูก็ดังขึ้นทำให้ทั้งสอง (ที่คนมองเห็นแค่หนึ่ง) หันไปทางต้นเสียงอย่างพร้อมเพรียง "วันนี้ไม่อยู่ซ้อมต่อเหรอ?"

    "อา ก็ตั้งใจว่างั้นอยู่หรอก...แต่ไม่รู้ทำไมเดี๋ยวนี้ถึงมีคนมาซ้อมที่นี่กันพรึบเลย" อาโอมิเนะเอานิ้วหัวแม้มือชี้เข้าไปในโรงยิมด้วยท่าทางเซ็งๆ "เห็นว่าโรงยิม 4 ที่ทีมสามใช้ยังว่างอยู่ เลยว่าจะไปซ้อมที่นั้นแทนน่ะ"

    "เอ๋!?" เมื่อได้ยินคำของเพื่อนสนิกตนก็แทบจะทำตะกร้าผ้าที่ตนต้องเอาไปเก็บหล่นจากมือเลยทีเดียว ดวงตาสีชมพูใสมองอาโอมิเนะตาแป๋ว

    "เป็นอะไรของเธอน่ะ?" อาโอมิเนะมองปฏิกิริยาของเพื่อนสาวตนอย่างงงๆ เช่นเดียวกับฟุริฮาตะที่เห็นสิ่งผิดปกติเลยลองเอามือทาบหน้าผากโมโมอิดู

    "อื้อ...ดูท่าจะไม่มีไข้..." ฟุริฮาตะค่อยๆ ถอยหลังกลับไปอยู่ข้างอาโอมิเนะ "...แต่ไหงทำท่าเหมือนกับกังวลอะไรอยู่แบบนั้นล่ะ"

    "..." อาโอมิเนะยักไหล่นิดๆ เป็นเชิงว่าตนไม่รู้

    "คือ..." โมโมอิมองซ้ายมองขวาเหมือนกลัวคนอื่นได้ยินเรื่องที่ตนกำลังจะพูด "...ช่วงนี้เขาว่าที่นั้นมีผีโผล่ออกมาน่ะ"

    "..." อาโอมิเนะสบตาฟุริฮาตะวูบหนึ่งก่อนที่จะทำท่าทีไม่สนใจสาวเจ้าผมชมพู

    "เรื่องจริงนะยะ!!!" โมโมอิทำท่ามีน้ำโหเล็กน้อยที่ถูกเมิน อาโอมิเนะจึงต้องจำใจหันไปหาโมโมอิก่อนที่จะเพื่อนสาวตนจะเอาอะไรมาฟาดหัวตนเข้า "เขาว่าตอนดึกๆ ทั้งที่ไม่มีคนกลับมีเสียงเอี๊ยดอ๊าดกับเสียงลูกบาสดังตลอด...ขนาดมิตจังที่เป็นผู้จดการด้วยกันยังเคยได้ยินเลย..."

    "ไร้สาระน่า!" อาโอมิเนะถอนหายใจยาวๆ "จะเป็นไปได้ไงเล่า!"

    "อาโอมิเนะ...อย่าลืมได้เปล่าว่าฉันก็จัดเป็นจำพวกผีน่ะ" ฟุริฮาตะยิ้มแห้งๆ กับอาโอมิเนะ...นี่ลืมไปแล้วใช่ไหมเนี่ยว่าเขาไม่ใช่คน!

    "นายน่ะฉันไม่นับว่าเป็นอย่างนั้นหรอก" อาโอมิเนะเอ่ยเบาๆ ขณะที่หมุนตัวกลับหลังเพื่อไปโรงยิม 4 บวกกับเพื่อกันไม่ให้โมโมอิเห็นว่าตนพูดกับอากาศด้วย

    "เดี๋ยวสิ!" โมโมอิวิ่งตามคล้ายจะห้ามปรามไม่ให้เพื่อนตนเอาตัวไปเสี่ยงจนจับไข้หัวโกร๋น

                    "เออ...จริงดิ..." อาโอมิเนะหยุดที่กำลังจะเดินไปชะงั้นกึกจนสาวเจ้าแทบจะชนหลัง "...ไหงเธอเรียกฉันว่าอาโอมิเนะคุงเนี่ย? ฟังแล้วขนลุกชะมัด"

    "ก็แหม..." โมโมอิทำแก้มป่องเมื่อโดนทักเรื่องนี้ "...ถ้าเรียกไดจังก็โดนล้อว่าเป็นแฟนไดจังตลอดนิ!"

    "เธอก็เรียกแล้วนี่ไง" อาโอมิเนะกรอดตาไปมา "เอาเถอะ...เธอกลับไปทำงานเถอะ รับรองเดี๋ยวฉันกลับมาครบสามสิบสองแน่ ไม่ต้องห่วงหรอกน่า"

    "เฮ้!" โมโมอิทำท่าจะโวยอีกรอบทำให้อาโอมิเนะรีบสาวเท้ายาวๆ เพื่อหนีเสียงบ่นจากเพื่อนตน

    "ให้ตายสิ ผีเผอที่ไหนจะเล่นบาสได้วะ..." อาโอมิเนะที่เดินหนีมาเอาลูกบาสหมุนบนนิ้วเล่น "...ถ้ามีจริงจะท้า 1 on 1 ให้รู้เรื่องไปเลย"

    "อาโอมิเนะ...ช่วยอย่าแสรงทำเหมือนว่าฉันไม่จัดเป็นพวกนั้นสักทีเถอะ..." ฟุริฮาตะที่บินตามมาเนี่ยจากเดินตามไม่ทันถอนหน้าใจน้อยๆ กับอาโอมิเนะที่ดูเหมือนจะไม่ยอมรับว่าตนจัดเป็นสิ่งจำพวกผีเหมือนกัน "...และขนาดฉันยังเล่นกับนายได้ ผีก็คงเล่นกับนายได้เหมือนแหละ"

    "อย่างนายจัดเป็นจำพวกนั้นไม่ได้หรอก...ต้องจัดเป็นชิวาว่าอย่างเดียวเท่านั้นแหละ" อาโอมิเนะเอ่ยแหย่ฟุริฮาตะด้วยประโยคที่ชอบที่สุด

    "บอกกี่ทีแล้วว่าฉันไม่ใช่ชิวาว่าน่ะ! อาโอมิเนะ!!!" ฟุริฮาตะเถียงกลับ...ถึงไม่เคยเถียงชนะก็เถอะ แต่ไอ้คำนี้มันอดไม่ได้จริงๆ! มันจิ๊ดอ่ะ!

    "จ้าๆ รู้แล้ว..." อาโอมิเนะขานรับด้วยประโยคเหมือนกำลังแหย่อีกฝ่ายเล่น ก่อนที่จะชะงั้นเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าไฟในโรงยิม 4 ที่ตนจะมาซ้อมนั้น...เปิดอยู่ "อา นั้นไง ไฟสว่างโร่เลย...คงยังมีคนซ้อมอยู่แหงๆ"

    "อาจจะ" ฟุริฮาตะถอนหายใจเบาๆ อย่างเหนื่อยหน่ายเพราะรู้ว่าเถียงอะไรต่อเขาก็ไม่เคยชนะอาโอมิเนะอยู่ดี

    "สวัสดี..." อาโอมิเนะที่เดินมาถึงยังประตูโรงยิมเลื่อนประตูในเปิดออกพร้อมเอ่ยทักคนที่น่าจะยังซ้อมอยู่ด้านใน แต่ว่า...

    ...ภายในโรงยิมกลับไม่มีแม้เงาของผู้ใดเลย

    "ชะอุ๋ย!" อาโอมิเนะก้าวเข้ามาดูในโรงยิมด้วยอาการเหงื่อแตกซิกๆ ใบหน้าคล้ำเริ่มซีดลงอย่างเห็นได้ชัด...

    ...เฮ้ย! จริงเด้!? ผีของจริง?! ไม่ๆๆๆๆ! คงมีคนอยู่ซ้อมแล้วไปพักพอดีมั้ง!? แต่ก่นเปิดประตูเหมือนกี้ยังได้ยินเสียงอยู่เลยนี่หว่า!?...

    "อาโอมิเนะ...ฉันว่าเราไปที่อื่นเถอะ ดูท่าไม่ดีชอบกล..." ฟุริฮาตะเอ่ยด้วบสีหน้าเครียดนิดๆ ...ถึงเขาเป็นเทวดาประจำตัวอาโอมิเนะ แต่ก็ใช่ว่าเขาสู้กับผีได้นะ!

    "เออ..." เสียงหนึ่งที่จู่ๆ ดังขึ้นมาในโรงยิมอันว่างเปล่าไร้ผู้คนทำให้...

    "แว๊ก!!!" ...ทั้งอาโอมิเนะทั้งฟุริฮาตะหลุดร้องออกมาพร้อมกัน โดยที่คนผมน้ำเงินรีบไปนั่งย่องตัวเอามือกุ้มหัวอย่างกลัวๆ ขณะที่คนผมสีน้ำตาลแม้จะสั่นแต่ก็ยืนกันตัวอีกฝ่ายแบบว่าไม่ว่าสิ่งที่โผล่มาเป็นอะไรถ้าจะทำร้ายเพื่อนตนต้องผ่านเจ้าตัวเสียก่อน

    "มีธุระอะไรเหรอครับ?" เสียงถามนิ่งๆ ดังขึ้นจากปากสิ่งที่ทำให้เด็กหนุ่มทั้งสองสองตกใจเมื่อครู่ ก่อนที่ดวงตาสีฟ้าใสจะมองอาโอมิเนะซึงขดตัวสั่นอยู่มุมโรงยิมอย่างงงๆ "อ๊ะ? อาโอมิเนะคุง?"

    "เอ๋?" ฟุริฮาตะที่ยืนกันอาโอมิเนะมองภาพตรงหน้าอย่างแปลกใจ...เมื่อสิ่งที่ทำให้พวกตนตกใจและถามเมื่อครู่นั้นไม่ใช่ผี แต่เป็นเพียงเด็กหนุ่มผมฟ้าที่เตี๊ยกว่าตนเล็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น "อาโอมิเนะๆ ไม่ใช่ผี...นี่มันคนต่างหากล่ะ"

    "ห๊า?" เมื่อได้ยินดังนี้อาโอมิเนะก็หันหลังกลับไปมองอย่างกล้าๆ กลัวๆ ก่อนที่จะเห็นว่านอกจากฟุริฮาตะแล้วยังมีเด็กหนุ่มผมฟ้าคนหนึ่งยืนอยู่ "ม...มาไงเนี่ย?"

    "ผมอยู่ซ้อมตั้งแต่ก่อนคุณมาแล้วครับ" เด็กหนุ่มผมฟ้าเอ่ยตอบหน้าตาย ก่อนที่จะนั่งลงข้างๆ อาโอมิเนะ

    "ไหงตอนเข้ามาไม่เห็นเลยฟะ!?" อาโอมิเนะมั่นใจว่าตนไม่เห็นใครในโรงยิมเลยนะ! ตอนที่เข้ามาในเนี่ย!

    "นั้นสิ...ขนาดฉันยังไม่เห็น" ฟุริฮาตะพยักหน้ารับ...เขาก็ไม่เห็นแม้แต่เงาคนผมฟ้าตอนที่เข้ามาเหมือนกัน! นี่ถ้าเขาแยกสิ่งที่มีชีวิตกับไม่มีชีวิตไม่ได้เนี่ยเขาคงคิดว่าคนคนนี้เป็นผีแน่!

    "พอดีผมจืดไปนิดน่ะครับ...คุณเลยมองข้ามผมไป..." ดวงตาสีฟ้ามองคนผิวคล้ำอย่างเฉยชา

    "งั้น...ที่นี่ก็ไม่มีผีใช่ไหม?" อาโอมิเนะลองถามย้ำเพื่อความแน่ใจ

    "ไม่มีหรอกครับ...มีแต่เขาเข้าใจว่าผมเป็นผีเท่านั้นแหละ" คนผมฟ้าเอ่ย

    "จริงดิ!?" อาโอมิเนะมองอีกฝ่ายอย่างแปลกใจพร้อมพยามกลั้นหัวเราะเต็มที่...แต่สุดท้ายก็ไม่ไหว "อะไรกันเนี่ย!? ที่แท้แค่จืดจางจนไม่มีใครสังเกตเห็นเหรอ!?"

    ...โอ๊ย! พอรู้ความจริงข้อนี่แล้วขำโว้ย!...

    "ชักสงสารนิดๆ แฮะ" ฟุริฮาตะกรอดตาไปมาขณะที่คนผิวเข้มหัวเราะอย่างอารมณ์ดีต่างจากที่กลัวหัวหดเมื่อครู่ลิบลับ

    "อาโอมิเนะคุง...ขำมากไปแล้วนะครับ..." เด็กหนุ่มผมฟ้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหมือนกำลังหงอยนิดๆ กับการโดนหัวเราะเรื่องความจืดจางของตน

    "เอ๊ะ? ฉันบอกชื่อไปแล้วเหรอ?" อาโอมิเนะหยุดขำชั่วขณะก่อนที่จะกาหัวตนเองนิดๆ

    "ก็ตัวจริงปีหนึ่งเนี่ยดังจะตายครับ" คนผมฟ้าเอ่ยหน้าตายเหมือนเดิม

    "เอ๋~~~" อาโอมิเนะลากเสียงยาว "แล้วนายชื่ออะไรอ่ะ?"

    "สนใจแล้วสินะ?" ฟุริฮาตะเอ่ยเหมือนแหย่อาโอมิเนะเล็กน้อย...เพราะอาโอมิเนะชอบไปชวนคนนู้นคนนี้เล่นบาสด้วยคำพูดคล้ายๆ แบบนี้เสมอ แต่...

    ...ไม่เคยมีใครยอมเล่นกับอาโอมิเนะได้ตลอดรอดฝั่งเลย...ถึงแม้เจ้าตัวดูจะไม่สนใจนักก็เถอะ แต่ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปมีหวังมีเรื่องน่าปวดหัวตามมาแน่

    ...เพราะมนุษย์นั้น...เป็นสิ่งที่อ่อนไหวที่สุดในบรรดาสิ่งมีชีวิตทั้งหมด

    "หื้อ? แต่ผมอยู่ทีมสามนะครับ" เด็กหนุ่มผมฟ้าเอ่ยเหมือนกลัวว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจผิดว่าตนอยู่ทีมหนึ่งเลยคิดมาเล่นด้วย

    ...โธ่...นายอยู่ทีมไหนอาโอมิเนะก็ไม่สนใจหรอก!...

    ฟุริฮาตะคิดในใจอย่างรู้นิสัยคนผิวคล้ำเป็นอย่างดีจากการที่ตัวติดกันปานเป็นเจ้ากรรมนายเวรของอาโอมิเนะนั้นเอง (?)

    "เจ้าบ้า...จะทีมไหนไม่เห็นเกี่ยวเลย..." อาโอมิเนะยิ้มร่า "...นายอยู่ซ้อมจนดึกทุกวันคงจะชอบบาสใช่ไหมล่ะ? คนที่ชอบบาสไม่มีคนไหนเป็นคนเลวหรอก! นี่คือความเชื่อของฉัน!"

    ...คำตอบสมเป็นไอ้บ้าบาสแบบนายดีจริงๆ...

    ฟุริฮาตะคิดพลางหัวเราะออกมาเบาๆ กับความเชื่อที่ดูจะไม่เคยเปลี่ยนเลยตั้งแต่รู้จักกันมาจนบัดนี้ เช่นเดียวกับคนผมฟ้าที่เผยรอยยิ้มออกมา

    "เป็นความเชื่อที่พิลึกดีนะครับ" เด็กหนุ่มผมฟ้าเอ่ยด้วยท่าทางมีความสุขขึ้นเล็กน้อย

    ...คงดีใจที่จะมีคนเล่นด้วยสินะ? ประมาณเดียวกับอาโอมิเนะเลย...

    ฟุริฮาตะเริ่มคิดแล้วว่าไม่ช้าหรือเร็วคงมีคนได้ฉายาว่าไอ้บ้าบาสคนที่สองโผล่ขึ้นมาแน่ๆ

    "ไหงว่างั้นอ่ะ!?" อาโอมิเนะโวยขึ้นมาเล็กน้อย

    "ผมคุโรโกะ เท็ตสึยะครับ...ฝากตัวด้วยครับ" คุโรโกะเอ่ยโดนเมินเสียงโวยวายของอาโอมิเนะไป

     

     

     

     

     

    นับแต่วันที่อาโอมิเนะได้รู้จักกับคุโรโกะ ทั้งสองก็ซ้อมบาสด้วยกันทุกคืนๆ จนทั้งสองเริ่มสนิกกัน โดยในการซ้อมบางครั้งก็จะมีฟุริฮาตะที่อาโอมิเนะนึกคึกอยากให้เล่นด้วยโผล่มาเป็นครั้งคราวทำให้คุโรโกะพลอยสนิกกับฟุริฮาตะไปด้วยอีกคน

    การซ้อมในยามดึกของอาโอมิเนะกับคุโรโกะดำเนินไปอย่างเรียบง่ายจนออกไปทางแข่งกันเล่นๆ มากกว่าซ้อมก็เถอะ...วันนี้ก็เช่นกัน...

    "ถ้าเท็ตสึกับนายได้แข่งในสนามเดียวกันกับฉันในการแข่งใหญ่ๆ คงดีสิน้าาาา" อาโอมิเนะบ่นขึ้นมาเบาๆ ขณะหมุนลูกบาสในมือ

    "สำหรับคุโรโกะอาจเป็นไปได้ แต่ฉันเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด...ช่วยอย่าลืมบ่อยนักได้ไหมเนี่ยว่าฉันไม่ใช่คนเนี่ย" ฟุริฮาตะถอนหายใจอย่างเหนื่อยๆ กับการเตือนอีกฝ่ายเรื่องนี้มันแทบทุกวัน

    "สำหรับฉันยังไงนายก็คือคนคนหนึ่งอยู่ดี" อาโอมิเนะเถียงกลับอย่างไม่ใส่ใจคำบ่นนั้นักอีกตามเคย "ว่าแต่ทำไมวันนี้เท็ตสึมาช้าจังหว่า?"

    "ไม่รู้สิ...อาจมีธุระก็ได้มั้ง?" ฟุริฮาตะลองคาดเดาดู...จะว่าก็แปลกจริงๆ แฮะ คุโรโกะไม่เคยมาช้าขนาดนี้นี่น่า?

    "อาจจะ" อาโอมิเนะเกาหัวนิดๆ ก่อนที่จะมีเสียงเปิดประตูดังขึ้นมาเบาๆ "โอ๊ะ! มาจังนะวันนี้...อ้าว? วันนี้จะกลับแล้วเหรอ?"

    "ฉันว่าวันนี้มันดูแปลกๆ นะ อาโอมินะ" ฟุริฮาตะขมวดคิ้วกับคุโรโกะที่ในวันนี้อยู่ในเครื่องแบบนักเรียนแทนที่จะเป็นชุดสำหรับซ้อมตามปกติ...ชักสังหรณ์ไม่ดีแล้วสิงานนี้

    "อาโอมิเนะคุง..." เด็กหนุ่มผมฟ้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงฟังดูเศร้าๆ "...ผมคิดว่าจะลาออกจากชมรมครับ"

    "ห๊า!? ไหงงั้นอ่ะ!?" อาโอมิเนะมองเพื่อนผมฟ้าของตนอย่างตะลึง

    "เอาแล้วไง!!!" ฟุริฮาตะอยากจะบ้าที่ลางสังหรณ์ของตนนั้นถูกเผงเลย! "เดี๋ยวไปเปลี่ยนร่างแล้วฉันมาช่วยกล่อมคุโรโกะนะ! อาโอมิเนะ!"

    "อื้อ" อาโอมิเนะขานรับเบาๆ ขณะที่ฟุริฮาตะแว่บออกจากโรงยิมไป

    "ฝีมืออย่างผมอย่าว่าแต่จะได้เล่นกับอาโอมิเนะคุงเลยครับ แค่จะเลื่อนขึ้นทีมสองยังเป็นไปไม่ได้เลย" คุโรโกะมองอาโอมิเระนิ่งๆ

    "..." ...จริงด้วย...วันนี้มีทดสอบเลื่อนระดับนี่หว่า!?...

    "อาโอมิเนะ!" เสียงแว่วจดังขึ้นจากร่างคนผมสีน้ำตาลที่เดินเข้ามาแบบตีหน้าซื่อสุดฤทธิ์ "ไงคุโรโกะ! อ้าว! วันนี้ไม่ซ้อมด้วยกันเหรอ!?"

    "คือผม...จะออกจากชมรมบาสครับ" คุโรโกะเอ่ยแก่ผู้มาใหม่ และด้วยท่าทางที่ดูเหมือนกำลังเครียดอยู่ทำให้ไม่ทันสังเกตสีหน้าโกหกไม่เนียนของฟุริฮาตะ "ถึงผมจะชอบบาส แต่ตั้งแต่เข้าชมรมมาครึ่งปี...การที่อะไรก็ไม่ถนัดแบบนี้คงไม่ไหวแล้วล่ะครับ ยิ่งสำหรับโรงเรียนเทย์โคแห่งนี้แล้วไม่อะไรที่ผมทำประโยชน์ให้ได้หรอก"

    "ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกน่า!" ฟุริฮาตะเอ่ยด้วยน้ำเสียงมั่นใจเหลือหลาย

    "ใช่...ไม่มีผู้เล่นคนไหนที่ไร้ค่าสำหรับทีมหรอกน่า..." ดวงตาสีน้ำเงินจ้องมองที่คนผมฟ้าด้วยสายตาจริงจัง "...ต่อให้ไม่ได้ลงแข่งเลยก็เถอะ แต่คนที่อยู่ซ้อมดึกๆ มากกว่าใครๆ น่ะ มันจะไปไร้ค่าได้ไงกันเล่า! อย่างน้อยฉันก็เห็นและนับถือนายที่เป็นอย่างนั้นจนคิดว่าตัวเองต้องพยายามมากขึ้นอีก! ฉันจะไม่พูดหรอกว่าความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั้น แต่ถ้านายตัดใจไปมันก็คือไม่เหลืออะไรสักอย่างเลยนะ!"

    "อย่างที่อาโอมิเนะพูดนั้นแหละ คิดดูให้ดีเถอะคุโรโกะ...ว่านายอยากตัดใจจากสิ่งนี้ไปจริงๆ หรือเปล่า?" ฟุริฮาตะตบบ่าอีกฝ่ายเบาๆ ขณะที่คุโรโกะเม้มปากแน่นเหมือนกำลังลังเล...

    ...ชักมีโอกาสห้ามคุโรโกะได้แฮะ...

    "อาโอมิเนะ..." ระหว่างอาโอมิเนะกับฟุริฮาตะจะหาทางหลอกล่อให้เพื่อนผมฟ้าของพวกตนตัดสินใจออกจากชมรมบาสไปนั้นก็มีเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา "...นึกอยู่ว่าหมู่นี้ไม่ค่อยเห็นหน้า มาอยู่ที่นี่เองเหรอ...อ้าว? มาไงเนี่ยฟุริฮาตะ?"

    "พอดีมีธุระแถวนี้ก็เลยมาเยี่ยมอาโอมิเนะด้วยเลยน่ะ" ฟุริฮาตะเอ่ยพร้อมส่งรอยยิ้มแห้งๆ ให้กับเด็กหนุ่มสามคนหัวสามสีที่เดินเข้ามา

    "งั้นเหรอ?" เด็กหนุ่มผมแดงมองด้วยท่าทางจับผิดนิดๆ

    "เรื่องนั้นช่างเถอะ...ว่าแต่ไหงนายมาซ้อมที่นี่ล่ะ?" เด็กหนุ่มผมเขียวซึ่งถือป๊อกกี้ฉีกน้ำ (?) ไว้ในมือเอ่ยถามขึ้นทำให้ความสนใจของแต่ล่ะคนไปอยู่ที่คนผมน้ำเงินแทบ ฟุริฮาตะเลยรอดจากสายตาจับผิดของคนหัวแดงไปได้

    "อ๋อ โรงยิมฝั่งนู้นคนมันแน่น่ะ เลยมานี่แทน" อาโอมิเนะตอบกลับ

    "เอาเถอะ จะซ้อมที่ไหนก็ไม่ว่ากันหรอกว่าแต่..." ดวงตาสีแดงสดเหลือบมองที่ร่างเด็กหนุ่มผมฟ้า "...นั้นใคร?"

    "อ๋อ คนที่ซ้อมด้วยกันเสมอน่ะ" อาโอมิเนะเอ่ย

    "เอ๋? มีคนแบบนี้อยู่ด้วยเหรอ?" ร่างสูงสองเมตรผมม่วงถามด้วยเสียงง่วงๆ

    "หมอนี่ไม่ใช่ทีมหนึ่งหรอก...นายจะไม่เคยก็ไม่แปลกหรอก..." ...ก็ขนาดทีมหนึ่งด้วยกันมันยังแทบจำกันไม่ได้เลย!

    "หื้อ? อะไรเหรอ?" มุราซากิบาระเหล่ตามองร่างที่เตี๊ยกว่าตนซึ่งกำลังมองคนผมฟ้าตาไม่กระพริบ "นี่ไปกันเถอะ~~~ ฉันง่วงอ่า~~~"

    "ไม่ล่ะ...ฉันสนใจในตัวเขานิดหน่อย..." อาคาชิเอ่ยด้วยมาดราชา (?) "...ดูน่าสนใจดีแฮะ...ไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อนเลย เผลอๆ เขาอาจจะมีพรสวรรค์คนละขั้วกับพวกเราอยู่ก็ได้"

    "พูดอะไรน่ะ? ไม่เห็นเข้าใจเลย..." มิโดริมะขมวดคิ้วเป็นปมพร้อมเอาป๊อกกี้มาฉีกน้ำใส่มุราซากิบาระ "...และนายก็อย่าหลับในเซ่!"

    "ก็ฉันง่วงอ่า~~~~" เด็กโข่งตัวเขื่อนลากเสียงยาว

    "...นี่ยังไม่สองทุ่มเลยนะ? ง่วงแล้วเหรอ?" ฟุริฮาตะถามเด็กโข่งผมม่วง

    "ช่ายเลย~~~" มุราซากิบาระลากร่างใหญ่ๆ ของตนมาด้านหลังฟุริฮาตะก่อนที่จะทิ้งหัวตนลงบนเรือนผมสีน้ำตาลของอีกฝ่าย "นี่ๆ~~~ ฟุริจินดูสิ~~~ มิโดจินใจร้ายเอาน้ำมาฉีกฉันล่ะ~~~ ดูสิเปียกไปหมดทั้งตัวเลย~~~"

    "เฮ้ยๆ! อย่าไปฟ้องฟุริฮาตะยังกับเด็กประถมฟ้องครูดิ! อีกอย่างป๊อกกี้ฉีกน้ำอันแค่นี้คงทำนายเปียกได้ทั้งตัวหรอก!" มิโดริมะโวยกลับ...จะบ่นอะไรดูขนาดตัวเองบ้างเถอะ!!!

    "น่าๆ อย่าทะเลาะกันสิ" ฟุริฮาตะปรามเด็กหนุ่มร่างสูงหัวต่างสีทั้งสองก่อนที่จะมีการวางมวยต่างไซส์เกิดขึ้น

    "พวกนายจะเถียงอะไรก็ช่างเถอะ...แต่ออกห่างๆ ฟุริกันเลยเฟ้ย!" อาโอมิเนะจับแยกคนผมน้ำตาลออกจากเด็กโข่ง

    "ว้าาาา มิเนะจินขี้ตื่ออ่ะ~~~~" มุราซากิบาระโวยเล็กน้อย

    "เอ้าๆ อย่าเพิ่งทะเลาะกันสิ..." คำพูดของอาคาชิทำให้แต่ล่ะคนที่กำลังจะตะลุมบอนกันชะงั่นกึก "...พวกนายช่วยกลับกันไปก่อนได้ไหม? พอดีฉันมีเรื่องคุยกับเขาคนนี้หน่อยน่ะ"

    "อ่าาา...ก็ได้..." อาโอมิเนะเกาหัวอย่างเซ็งๆ ...

    ...ชิ! เล่นส่งสายตาว่าถ้าไม่กลับดีๆ เจอดีแน่มาให้แบบนี้ใครจะกล้าล่ะ! ยิ่งมีวิธีปวดจิตบังคับให้คนทำตามอยู่!...

    "...งั้นพวกฉันไปก่อนนะเท็ตสึ! ถ้านายโดนอาคาชิแกล้งก็มาบอกล่ะ! เดี๋ยวเอาคืนให้!" อาโอมิเนะเอ่ยก่อนที่จะลากฟุริฮาตะออกจากโรงยิมไปยังห้องเปลี่ยนชุดอย่างรวดเร็ว "ให้ตายสิ...นับวันอาคาชิยิ่งน่ากลัววุ้ย!"

    "นี่ อาโอมิเนะ...คุโรโกะจะไม่เป็นไรแน่นะ?" ฟุริฮาตะที่ถูกลากมาเอ่ยถามขึ้นอย่างไม่แน่ใจ...จากที่เขาเห็นจากตามอาโอมิเนะปานวิญญาณอาฆาต (?) ทุกวันเนี่ย มันทำให้เขารู้ว่าอาคาชิจัดเป็นคนที่น่ากลัวคนหนึ่งเลย

    "คงไม่เป็นมั้ง..." อาโอมิเนะยักไหล่ "...แต่ถึงเป็นฉันก็มั่นใจว่าเท็ตสึแว่บหนีได้วะ"

    "หวังว่างั้นเถอะ" ฟุริฮาตะถอนหายใจยาวๆ ...ถึงรู้ว่าความจริงอาคาชิจะไม่คงเห็นตัวตนของคุโรโกะก็เถอะ ที่จริงเขารู้ด้วยซ้ำว่ามีหลายครั้งที่อาคาชิเดินผ่านคุโรโกะไปโดยไม่ทันสังเกต แต่มันก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดี

    "เอาน่า! อย่ากลุ้มนักดิ! บอกว่าไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไรเซ่!" อาโอมิเนะตบบ่าฟุริฮาตะป๊าบๆ

    "เจ็บนะ! เบาๆ หน่อยสิ!" ฟุริฮาตะทำหน้ามุ่ย "ว่าแต่นายจะให้ฉันคืนร่างตอนนี้เลยหรือไปคืนร่างตอนใกล้ๆ ถึงบ้านนายดีล่ะ?"

    "เอาเป็นตอนใกล้ถึงบ้านฉันดีกว่ามีที่แอบให้นายคืนร่างเยอะดี อีกอย่างถ้านายคืนร่างตอนนี้แล้วเกิดไปเจอมิโดริมะหริอมุราซากิบาระและถามหานายขึ้นมาฉันนึกข้อแก้ตัวไม่ออกนะ..." อาโอมิเนะเอ่ยขณะถอดเสื้อยืดของตนออก "...แถมถ้าอยู่ร่างนี้นายยังเล่นบาสกับฉันที่สตรีทบาสใกล้ๆ ได้ด้วยอีกต่างหาก!"

    "ประเด็นหลักคือนายอยากชวนฉันเล่นบาสด้วยมากกว่า" ฟุริฮาตะกรอดตาไปมา "เอาเถอะ ความคิดนี่ก็สมเป็นนายดี...งั้นเดี๋ยวฉันออกไปรอที่ป้ายโรงเรียนนะ รีบๆ แต่งตัวเข้าล่ะ"

    "นายรอในนี้ก็ได้นิ?" อาโอมิเนะถามกลับอย่างไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะไปรอนอกห้องทำไม

    "ใครมาเห็นเข้าเดี๋ยวเขาจะมองด้วยสายตาแปลกๆ เฟ้ย! อย่าลืมสิว่าฉันไม่ใช่คนในชมรมนี้แถมยังไม่ใช่คนในโรงเรียนด้วย!" ฟุริฮาตะแยกเขี้ยวใส่ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไปพร้อมปิดประตูลงอย่างเบามือ

    "คิดเล็กคิดน้อยเป็นผู้หญิงเลยวุ้ย!" อาโอมิเนะบ่นขึ้นมาเบาๆ ก่อนที่จะเริ่มลงมือเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อที่อีกฝ่ายจะได้ไม่ต้องรอตนนานนักนั้นเอง

     

     

     

     

     

    "ทำไมรู้สึกว่าวันนี้นายเปลี่ยนชุดนานจังน่ะ?" ฟุริฮาตะเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นคนผิวคล้ำเดินเข้ามาหาด้วยใบหน้าบูดบึงคล้ายอารมณ์เสียอะไรสักอย่าง "แล้วเป็นอะไรไปน่ะ? หน้าบูดเชียว?"

    "เปล่า...ไม่มีอะไร..." อาโอมิเนะเกาท้ายตนเองนิดๆ อย่างหัวเสียเมื่อนึกถึงสาเหตุที่ตนแต่งตัวช้ากว่าปกติ...

    ...ส่วนไอ้สาเหตุที่ว่าก็ไม่ใช่ใครที่ไหน...คนในทีมหนึ่งด้วยกันกับเขาทั้งนั้น! ไม่รู้ทำไมพอฟุริออกไปได้สักพักถึงเข้ามาหาเขาเป็นฝูงเลย! แถมยังยิงคำถามกันแบบไม่ยั้งอีก! ไม่ว่าจะถามว่าฟุริเป็นใคร เป็นอะไรกับเขา สูงเท่าไหร่ ชอบอะไร หรือแม้แต่ฟุริมีแฟนยัง! โว้ยยย!!! มันจะถามไปทำไมฟะ!? ที่สำคัญทำไมเขาต้องหงุดหงิดโคตรๆ แบบนี้ด้วยเนี่ย!?! ไม่เข้าใจตัวเองเลย!!!...

    "แน่ใจนะ?" ฟุริฮาตะเอียงคอน้อยๆ อย่างพอน่ารัก "มีปัญหาอะไรบอกฉันได้นะ อาโอมิเนะ"

    "..." เมื่อเจอถ้อยคำแสดงถึงความเป็นห่วงกับท่าทางน่ารักๆ ของอีกฝ่ายทำให้ความเดือดดาดในจิตใจลดลงอย่างฮวบฮาบทันที...

    ...บางทีก็สงสัยแฮะ...ว่าเทวดาทุกคนจะใสซื่อแบบนี้หมดเลยหรือเปล่า?...

    "แน่สิ..." อาโอมิเนะยกมือสีเข้มของตนลูบเรือนผมอีกฝ่าย "...เอาเป็นว่าเรื่องเมื่อกี้อย่าไปใส่ใจเลย...ตอนนี้เราไปเล่นที่สตรีทบาสกันเถอะ!"

    "เอางั้นก็ได้" ฟุริฮาตะถอนหายใจเบาๆ อย่างที่ไม่คิดจะถามอะไรต่อ เนื่องจากรู้ว่าถามไปก็ไม่ได้คำตอบหรอก

    เมื่อได้รับคำตอบดั่งนี้คนผมสีน้ำเงินเริ่มที่จะลากฟุริฮาตะเดินออกจากจุดเดิม...ซึ่งจุดหมายปลายทางก็ไม่พ้นสตรีทบาสที่เก่าที่เดิม และพอมาถึงยังจุดหมายอาโอมิเนะก็มุดเอาลูกบอลสีส้มที่ตนเอามักซ่อนไว้ในพุ่มไม้มาหมุนบนนิ้วเล่น

    "คราวนี้เอากี่ลูกดีล่ะ? ฟุริ?" อาโอมิเนะเอ่ยถาม

    "ใครถึงห้าลูกก่อนชนะเหมือนเดิมแล้วกัน...สังขารฉันเอามากกว่านั้นไม่ไหวหรอก" ฟุริฮาตะตอบกลับไป

    "อื้ม โอเค" อาโอมิเนะพยักหน้ารับ...

    ...ใช่...เขารู้ดีว่าสภาพร่างกายของฟุริไม่สามารถเล่นบาสนานๆ ได้ เพราะฟุรินั้นสภาพร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงนักด้วยโรคอะไรสักอย่างที่เขาจำไม่ได้ แถมฟุริยังเคยบอกว่าตัวเองเป็นเพียงเทวดาหนึ่งในไม่กี่คนเท่านั้นที่จะมีโรคภัยติดตัวมาตั้งแต่เกิดด้วย ทั้งๆ ที่ปกติเทวดาทุกคนที่เกิดมาจะมีสภาพแข็งแรงเต็มร้อยแท้ๆ ตรงข้ามกับฟุริที่นับวันอาการป่วยก็ยิ่งจะหนักขึ้นเรื่อยๆ...

    ...และพอฟังแบบนี้ก็อดหงุดหงิดไม่ได้...ทำไมรู้สึกที่ที่ฟุริจากมาเนี่ยมันลำเอียงกับฟุริคนเดียวแทบทุกเรื่องเลยเนี่ย?...

    "งั้นใครจะครองลูกก่อนดีล่ะ?" ฟุริฮาตะถามขึ้น

    "เอาเป็นนายแล้วกัน...สองครั้งก่อนฉันครองลูกเปิดเกมไปแล้ว" อาโอมิเนะโยนลูกบาสให้อีกฝ่าย

    เมื่อฟุริฮาตะรับลูกบาสมาเกมก็เริ่มขึ้นตามปกติ และเกมก็จบลงอย่างรวดเร็วด้วยชัยชนะของอาโอมิเนะอีกตามเคย

    "เฮ้...โอเคนะฟุริ?" อาโอมิเนะเอานิ้วจิ้มๆ ร่างของคนผมสีน้ำตาลที่นอนแผ่หลาอยู่กับพื้น

    "โอเค...มั้ง?" ฟุริฮาตะที่นอนหอบแฮ่กๆ ตอบกลับไป

    "ดูสภาพนายไม่ค่อยโอเท่าไหร่แฮะ" อาโอมิเนะหิ้วฟุริฮาตะไปนอนบนม้านั่งที่ข้างสนาม พลางเอาผ้าชุบน้ำมาแปะหน้าคนผมน้ำตาลไว้ "เดี๋ยวฉันไปซื้อโพคาริให้แล้วกันนะฟุริ...ถ้าใครมาช่วยไปไหนก็อย่าตามชาวบ้านไปง่ายๆ ล่ะ"

    "...ฉันไม่ใช่เด็กนะอาโอมิเนะ ที่จะมาเตือนด้วยประโยคปานเด็กอนุบาลเนี่ย" ฟุริฮาตะบ่นเล็กน้อย ขณะที่เอามือมาก่ายหน้าผากตนเอง

    "แค่เผื่อไว้ก่อน..." อาโอมิ้นะยักไหล่เล็กน้อย ก่อนที่จะดันตัวเองลุกขึ้นยืน "...เอาเป็นว่าเดี๋ยวมานะ ฟุริ"

    "อื้อ..." ฟุริฮาตะขานรับเบาๆ ทางอาโอมิเนะที่ได้ยินคำตอบรับดั่งนี้ก่อนเดินไปหาตู้กดน้ำใกล้ๆ ด้วยความหนักใจนิดๆ ...

    ...เมื่อก่อนไม่เคยเห็นเป็นหนักขนาดนี้เลย...

    ...อาการของฟุริ...นับวันยิ่งน่าห่วงขึ้นเรื่อยๆ แฮะ...

    ...ยิ่งอาการออกชัดเจนขึ้นมากเท่าไหร่...มันก็ยิ่งน่ากลัว...

    ...น่ากลัว...มันน่ากลัวมากเมื่อเขานึกถึงว่าในอนาคตนั้น...

    ...จะไม่มีฟุริฮาตะ โคกิอยู่ข้างๆ เขา...

    "เฮ้อ..." เด็กหนุ่มผิวคล้ำถอนหายใจยาวๆ ก่อนที่จะก้มลงหยิบขวดน้ำเกลือแร่ที่ร่วงลงมาตรงช่องรับของ "...นี่นาย...กำลังฝืนตัวเองหรือเปล่า? ฟุริ?"

    "ฝืนเรื่องอะไรเหรอ?" เสียงนิ่งๆ ของใครสักคนทำให้เด็กหนุ่มผมสีน้ำเงินสะดุ้งโหยง

    "อ่ะจ๊ากกกก!!!" อาโอมิเนะร้องเสียงหลงก่อนที่จะหันขวับไปมองยังต้นเสียง...และรู้ทันทีว่าใครเป็นคนเกือบทำให้ตนตกใจตายเมื่อเห็นเส้นผมสีเขียวกับป๊อกกี้ฉีกนำในมืออีกฝ่าย "อย่าโผล่มาไม่ให้ซุ่มให้เสียงดิ! มิโดริมะ!"

    "ฉันก็เดินมาแบบปกติ ไม่ได้ย่องมาเสียหน่อย..." มิโดริมะฉีกน้ำใส่หน้าอีกฝ่ายเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น (?) "...แล้วที่นายบอกว่าฟุริฮาตะกำลังฝืนตัวเองอยู่นั้นมันอะไรเหรอ?"

    "อย่าฉีกน้ำใส่ดิวะ! หน้าฉันไม่ใช่แปลงดอกไม้นะ! ว่าแต่...ได้ยินดิ?" อาโอมิเนะยกแขนเสื้อตนเช็ดหน้าตา

    "ถ้าไม่ได้ยินคงถามนายเนอะ" มิโดริมะกรอดตาไปมา "แล้วตกลงว่าไง? นายช่วยบอกหน่อยเถอะ...ดูอย่างฟุริฮาตะถ้าปิดเรื่องอะไรแล้วคงเรื่องใหญ่ชัวท์"

    "นายเจอฟุริก็ไม่บ่อยนะ แต่ดูเดานิสัยฟุริได้ดีจริง..." อาโอมิเนะบ่นขึ้นมาเบาๆ พลางเหล่มองคนผมเขียว...จะว่าไปบอกเรื่องนี้กับมิโดริมะก็ดีแฮะ หมอนี่พอรู้เรื่องพวกการเจ็บไข้ได้ป่วยอยู่ คงพอช่วยได้บ้างล่ะ "...ส่วนเรื่องที่ฉันสงสัยว่าฟุริกำลังฟืนตัวเองหรือเปล่าน่ะ คือเรื่องอาการป่วยของฟุริน่ะ"

    "ป่วย? ฟุริฮาตะป่วยเหรอ?" มิโดริมะขมวดคิ้วเป็นปม "อาการที่ว่านั้นหนักหรือเปล่า? แล้วได้มีการไปพบแพทย์บ้างหรือเปล่าเนี่ย?"

    "อาการของฟุริที่ฉันรู้มีแค่เหนื่อยง่ายกับหายใจถี่เท่านั้น ส่วนไอ้พบหมอเนี่ยฉันตอบได้อย่างมั่นใจเลยว่าฟุริไม่เคยไปหาหมอเลยสักครั้ง...รู้สึกเพราะมีปัญหาที่บ้านนิดหน่อยน่ะ" อาโอมิเนะตอบตามตรงปนกับแถเรื่องที่อีกฝ่ายไม่สามารถไปหาหมอได้นิดๆ

    "แล้วอาการที่ว่านั้นเป็นมานานหรือยัง?" มิโดริมะถามต่อ

    "เห็นบอกว่าเป็นมาตั้งแต่เกิดน่ะ แถมอาการนับวันดูท่าหนักขึ้นทุกทีด้วย" อาโอมิเนะตอบไปตามจริงในส่วนนี้...เท่าที่รู้น่ะนะ

    "งั้นฉันแนะนำว่านายควรลากฟุริฮาตะไปหาหมอเลย เพราะไอ้ที่นายบอกเนี่ยถ้าเป็นแป๊บๆ หายคงไม่เท่าไหร่ แต่เป็นมานานเท่าที่นายว่าเนี่ย...ควรไปหาหมอให้ตรงดูอาการมากกว่าที่จะปล่อยไว้เฉยๆ แบบนี้" มิโดริมะเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งเครียด "แล้วฟุริฮาตะล่ะ? หมอนั้นกลับบ้านไปแล้วเหรอ?"

    "เปล่า...พอดีก่อนหน้านี่พวกฉันเล่นบาสกันน่ะ..." อาโอมิเนะเอ่ยพลางเริ่มที่จะก้าวเดิน "...แต่ในคราวนี้อาการฟุริมันหนักจนต้องนอนพักน่ะ ฉันเลยมาซื้อน้ำให้"

    "รู้ทั้งรู้ว่าหมอนั้นป่วย ยังชวนเล่นบาสเนอะ" มิโดริมะค้อนเพื่อนตนเล็กน้อย

    "ก็เมื่อก่อนฟุริไม่เป็นมากขนาดนี้นิ" อาโอมิเนะถอนหายใจเบาๆ "และฉันไม่เคยคิดว่าฟุริจะอาการหนักมากถึงขนาดนี้ได้ด้วย...มันทำให้รู้สึกแย่ชะมัด"

    "ไม่มีใครรู้สึกดีกับอาการป่วยแบบไม่รู้ที่มาของเพื่อนตัวเองหรอก" มิโดริมะขยับแว่นตนเองอย่างเคยชิน

    "นั้นสิเนอะ..." อาโอมิเนะขานรับก่อนที่จะชะงั่นเมื่อมาถึงที่สตรีทบาส...ซึ่งในตอนนี้มีคนยืนอยู่ด้านในประมาณสามสี่คนและที่สำคัญคนพวกนั้นกำลังจับแขนฟุริที่กำลังนั่งสั่นกลัวอยู่บนม้านั่งน่ะสิ! "...เฮ้ย! ฟุริ?!"

    "ซวยแล้วไง" มิโดริมะบ่นเบาๆ ขณะที่รับขวดน้ำแร่ที่อาโอมิเนะโยนมาให้ ส่วนทางด้านฟุริฮาตะนั้น...

    "ป...ปล่อยผมเถอะครับ" ...กำลังสั่นปานชิวาว่าที่โดนเจ้าเข้า (?) เลยล่ะ

    ...ให้ตายเถอะ! แค่ห่างจากอาโอมิเนะนิดเดียวทำไมอยู่ๆ อาเฮียพวกนี่ถึงมารุมเขาได้เนี่ย! แถมพอจะลุกหนีก็โดนจับแขนกดลงให้นั่งต่ออีก! เท่านั้นไม่พอ! ยังพูดอะไรน่าขนลุกอย่าง 'มากับพี่สิน้อง เดี๋ยวพี่ให้หมื่นหนึ่ง' อีก! นี่เขาจะโชคร้ายไปไหนเนี่ย!?...

    "ไม่เอาน่าน้องชาย...มาอยู่กับพวกพี่ดีกว่าน่า รับรองอยู่สุขสบายแน่ แค่ต้องแลกกับอะไรเล็กๆ น้อยๆ เอง" ชายคนหนึ่งเอ่ยด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

    "โทษที...แต่คงไม่ได้หรอกลุง..." มือสีเข้มดึงมือที่จับแขนเพื่อนตนออก "...พอดีนี่เพื่อนฉัน...ขอคืนได้ไหม?"

    "คงไม่ได้หรอกไอ้น้อง...พอดีเพื่อนน้องถูกใจพี่น่ะ" ชายคนนั้นเอ่ยด้วยมาดนักเลงเต็มที่

    "แต่ดูเหมือนเพื่อนฉันไม่อยากไปกับลุงหรอกนะ" อาโอมิเนะเอ่ยอย่างไม่มีท่าทีจะยอมอีกฝ่าย

    "โธ่! พูดง่ายๆ หน่อยสิไอ้น้อง! ไม่งั้นพวกพี่ได้ลงไม้ลงมือแน่!" ชายอีกคนเอ่ยพลางหักไม้หักมือเตรียมที่จะวางมวย แต่ไม่ทันที่จะเริ่มวางมวยก็...

    "เฮ้! โตๆ กันแล้วยังคิดหาเรื่องเด็กม.ต้นเหรอ?!" ...มีมือคนคนหนึ่งวางลงบ่าชายคนนั้นพร้อมกับสียงเหี้ยมที่ลอยมา "อีกอย่างพรากผู้เยาว์ติดคุกหลายปีนะโว้ย!"

    "เฮ้ย! ใครว..." คนที่โดนจับบ่าหันขวับไปทำท่าจะเอาเรื่องคนที่พูดจาไม่ถูกหูตน ก่อนที่จะเริ่มหน้าซีอลงเมื่อเห็นคนที่จับบ่าตนชัดๆ "...ต...ตำรวจ!?"

    "เออ! เห็นเป็นยามเหรอ?" ชายหนุ่มผมสีน้ำเงินเอ่ยพร้อมยักคิ้วกวนๆ "ฉันจะให้โอกาส...รีบๆ ไปจากที่นี่แล้วกลับตัวไปทำมาหากินดีๆ ซะ แล้วฉันจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเรื่องนี้"

    "เอาไงดีลูกพี่?" ชายคนที่ยังโดนนายตำรวจจับบ่าไม่ปล่อยเอ่ยถามคนเป็นลูกพี่

    "ถามได้...จะอยู่ทำไมล่ะ? เผ่นดิ!" ชายหนุ่มที่ดูท่าจะเป็นหัวหน้ากลุ่มวิ่งสวนนายตำรวจออกจากสตรีทบาสทันที

    "เฮ้ย! รอด้วยดิ!!!" คนที่เหลือเมื่อเห็นลูกพี่ตนวิ่งไปก็ออกตัววิ่งตาม จนสุดท้ายก็เหลือเด็กหนุ่มสามกับชายหนุ่มอีกคนเท่านั้น

    "ให้ตายสิ...เกือบไปแล้วนะเฟ้ย!" ชายหนุ่มเขกหัวสีน้ำเงินของเด็กหนุ่มอย่างแรง "นี่ถ้ามิโดริมะไม่ไปเรียกฉันที่เดินผ่านมาพอดีเนี่ยมีแววโดนตื้บไปแล้ว! ทำอะไรหัดคิดบ้างสิ! อยากช่วยเพื่อนน่ะไม่ว่าแต่ถ้าเห็นว่าอีกฝ่ายมีพวกมากกว่าให้แบกฟุริฮาตะหนียังดีกว่าโดนรุมตื้บ! เข้าใจไหมฟะ!?"

    "คร้าบ~~~ อูย~~~ เขกมาได้..." อาโอมิเนะกุ่มหัวตัวเองที่ลูกมะนาวออกผลขึ้นมาแล้ว "...ว่าแต่วันนี้พ่อบอกว่าเลิกดึกไม่ใช่เหรอ? แล้วไหงมาเดินแถวนี้เนี่ย? หรือว่าหนีงาน?"

    โป๊ก!

    ส้นมือหนักๆ ถูกเขกลงกลางหัวสีน้ำเงินเป็นครั้งที่สองยังจุดเดิมจนได้เจดีย์สองขั้นบนหัว (?)

    "ช่วยเลิกพูดอะไรให้พ่อตัวเองเสียหายจะตายไหมห๊า!? ไดกิ!" นายตำรวจนามอาโอมิเนะ ไดสุเกะแยกเขี้ยวใส่ผู้เป็นลูกชายตน "วันนี้มีคนขอแลกเวรกับพ่อต่างหาก!"

    "เออ...อย่าเพิ่งทะเลาะกันเลย..." ฟุริฮาตะที่ดูท่าจะกลายเป็นต้นเหตุในการทะเลาะกันของสองพ่อลูกอาโอมิเนะเข้าเอ่ยห้าม "...ดีๆ กันไว้เถอะ"

    "ก่อนห้ามคนอื่นนายดูตัวเองเถอะ..." มิโดริมะเดินเข้ามาหาฟุริฮาตะ ก่อนที่จะคว้าข้อมืออีกฝ่ายมาจับจนคนผมน้ำตาลสะดุ้งเฮือก "...ทั้งเหงื่อแตกมากกว่าปกติ ทั้งชีพจรเต้นเร็ว อัตตราการหายใจก็ดูถี่กว่าปกติ แถมสีหน้านายยังดูไม่ดีด้วย...ฉันว่าสภาพนายตอนนี้น่าจะไปหาหมอสักทีนะ"

    "ฉันไม่เป็นไรหรอกมิโดริมะ ฉันก็เป็นอย่างนี้ทุกวันนั้นแหละ" ฟุริฮาตะส่งยิ้มให้คนผมเขียว

    "อย่างน้อยสภาพนายก็ควรไปหาหมออยู่ดี" มิโดริมะถอนหายใจพลางมองใบหน้าอีกฝ่ายที่ตอนนี้ซีดราวกระดาษ

    "ฉันไม่เป็นไรจริงๆ นะมิโดริมะ" ฟุริฮาตะเอ่ยปฏิเสธพลางกรอดตาไปมาเดื่อพยายามหาทางหนีจากการโดนจับไปหาหมอ...ก็เขาไม่ใช่มนุษย์นะ! ไปหาหมอแล้วผลที่ออกมาจะเป็นยังไงก็ไม่รู้! ไม่เคยมีประวัติที่เทวดาไปหาหมอเลยนะ! "อ่ะ! ดึกปานนี้แล้วเหรอ!? ฉันต้องรีบกลับก่อนนะ! แล้วไว้เจอกันใหม่ล่ะ! มิโดริมะ! อาโอมิเนะ! คุณลุง!"

    "เฮ้ย! เดี๋ยว!" มิโดริมะมองฟุริฮาตะที่วิ่งสวนออกจากสตรีทบาสไป "ให้ตายสิ! ทำไมถึงรีบร้อนขนาดนั้นเนี่ย!"

    "ไม่รู้สิ..." อาโอมิเนะละเว้นจากการเถียงกับพ่อมาตอบมิโดริมะอย่างไม่คิดอะไรนัก "...แต่นายก็เห็นฟุริวิ่งกลับแบบนี้บ่อยๆ นิ?"

    "เออ! เห็นบ่อย! และเพราะบ่อยนี่แหละฉันถึงสงสัยเนี่ย!" มิโดริมะแยกเขี้ยวใส่เพื่อนผิวคล้ำของตน "นายก็ไม่สงสัยบ้างหรือไง!?"

    "ไม่นิ...ถ้าฉันเดาก็คงเพราะที่บ้านฟุริห่วงว่าฟุริจะไปเป็นลมที่ไหนมั้งเลยไม่กล้าให้ฟุริไปที่ไหนคนเดียวนานๆ น่ะ" อาโอมิเนะแถไปตามที่สมองน้อยๆ ของตนจะคิดได้ (เฮ้ย! // อาโอมิเนะ)

    "เฮ้อ...คงงั้นมั้ง..." มิโดริมะถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจ...แต่เนื่องจากถามไปก็คงไม่รู้ความจริงขึ้นมา ทำให้เด็กหนุ่มปัดความสงสัยในใจทิ้งไป "...เอาเถอะ...ตอนนี้ฉันว่านายรีบกลับบ้านเถอะ ถ้ากลับดึกแล้วพรุ่งนี้ตื่นไปซ้อมไม่ทันฉันไม่ช่วยนะ"

    "ไหงงั้นอ่ะ!" อาโอมิเนะโวยเล็กน้อย

    "ก็ถือว่านายทำตัวเองไง" มิโดริมะกรอดตาไปมาก่อนที่จะหันไปโค้งให้ไดสึเกะ "ผมกลับก่อนล่ะครับ...และช่วยกรุณาลากอาโอมิเนะกลับบ้านแบบไม่โดนใครดักตีหัวด้วยนะครับ"

    "ได้เลย! ไม่มีปัญหา!" ไดสึเกะยิ้มแฉ่งให้เด็กหนุ่มผมเขียว "นายเองก็กลับบ้านดีๆ ล่ะ"

    "ครับ" มิโดริมะขานรับเล็กน้อยก่อนที่จะเดินจากไป

    "โอเค...มิโดริมะไปแล้วงั้นเรากลับกันบ้างเถอะ ไม่งั้นโดนแม่ตีหัวกันทั้งคู่แน่" ไดสึเกะเอ่ยก่อนที่จะ 'ลาก' ลูกชายตนกลับบ้านอย่างไม่ในใจเสียงโวยวายของเด็กหนุ่มผมสีน้ำเงินเลยม้แต่น้อย

    เมื่อมาถึงบ้านสิ่งที่อาโอมิเนะทำอย่างแรกคือ...แงะมือพ่อตัวเองที่จับคอเสื้อตนไม่ปล่อยออก แล้ววิ่งขึ้นห้องตัวเองเพื่อไปพบกับ...

    "ไง...กลับมาแล้วเหรออาโอมิเนะ?" ...ฟุริฮาตะที่มารอที่บ้านก่อนตามปกตินั้นเอง

    "อื้ม...กลับมาแล้ว..." อาโอมิเนะทิ้งตัวลงข้างๆ เด็กหนุ่มผมน้ำตาล "...เออ...วันนี้เกือบแย่เลยเนอะ? อยากรู้จริงว่าไหงไอ้พวกนั้นทำไมจู่ๆ ถึงมาหานายได้เนี่ย?"

    "ถ้าให้เดา...คงเพราะดวงซวยอีกตามเดิม" ฟุริฮาตะถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายเหลือแสน...ก็ทุกครั้งที่เขาอยู่ในสภาพมนุษย์แล้วออกจากอาโอมิเนะทีไรมักมีพวกคนแบบนี้มาประจำเลย!

    "อย่างนายเนี่ยล้างซวยกี่รอบก็ไม่หายเนอะ" อาโอมิเนะกรอดตาไปมา "แต่เอาเถอะ...ต่อให้ความซวยของนายตามติดขนาดไหน ฉันก็จะปกป้องนายเอง! ไม่ต้องห่วงหรอก!"

    "ก่อนคิดเรื่องฉัน ฉันว่านายคิดเรื่องผลการเรียนของตัวเองก่อนดีไหม? เล่นได้แบบคาบเส้นเลยนิ?" ฟุริฮาตะส่งยิ้มบางๆ ให้กับคนที่ดูเหมือนจะลืมเรื่องที่สำคัญกว่าเรื่องของตนไป

    "ก็ยังไม่ตกแล้วกัน" อาโอมิ้นะชูสองนิ้วอย่างมั่นใจว่าตนไม่ร่วงชัวท์

    "แต่ก็เกือบตกแล้วนะ..." ฟุริฮาตะหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมา "...เล่นได้แบบคาบเส้นแบบนี้ถ้าพลาดนิดเดียวคือตกเลยนะ"

    "เฮ้ย! เอามาจากไหนล่ะนั้น!?" อาโอมิเนะคว้ากระดาษในมือฟุริฮาตะมาดู...ซึ่งมันคือผลสอบวัดความรู้ของเขาเอง!

    "ตอนที่จะไปกล่อมคุโรโกะน่ะ เจอโมโมอิพอดี...โมโมอิเลยเอานี่ให้ดูแล้วบอกว่าอยากให้ช่วยกรอดหูนายหน่อย เผื่อสามัญสำนึกจะทำให้ขยันขึ้นมาบ้างน่ะ" ฟุริฮาตะอธิบายอย่างขำๆ กับสีหน้าราวกับเจอผึ้งทั้งรังของอาโอมิเนะ

    "หน็อย...ยัยซัทสึกิ!" อาโอมิเนะขย้ำกระดาษที่แสดงผลคะแนนของตนเด่นหราเป็นกองกลมๆ ก่อนที่จะโยนลงถังอย่างแม่นยำ "ค่อยดูเถอะ...ถ้าเธอทำคะแนนต่ำกว่าครึ่งวิชาไหนฉันจะเอามาให้ฟุริดูเลย! ค่อยดู!"

    "วิธีแก้แค้นของนายดูน่ารักดีเนอะ" ฟุริฮาตะมองอาโอมิเนะที่กำลังอาลวาดอย่างขบขัน...

    ...ถ้าอยู่อย่างสงบสุขแบบนี้ได้ตลอดไป...ก็ดีสินะ...

     

     

     

     

     

    ยามเมื่อวันเวลาผ่านพ้นไปนับปี ทุกๆ อย่างเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาไม่ว่าคุโรโกะที่ทำให้ตัวเองมาเป็นตัวจริงของชมรมบาสได้ด้วยความสามารถที่ราวกับหายตัวได้ในการแข่ง ทั้งเรื่องเด็กหนุ่มผมเหลืองผู้มีดีกรีเป็นนายแบบนามคิเสะ เรียวตะที่มีความสามรถใกล้ๆ กับอาโอมิเนะที่เพิ่งจะมาเข้าชมรมบาสตอนปีสองแทนที่จะเข้าตอนปีหนึ่งอย่างคนอื่นๆ หรือแม้กระทั่งเรื่องที่ไฮซากิลาออกจากชมรมจนคิเสะได้มาเป็นตัวจริงแทนเจ้าตัว ...แต่โดยรวมก็ถือว่าทุกอย่างยังดูสงบสุขดี...

    ...จนกระทั้งเมื่อมาถึงวันหนึ่ง...วันที่เป็นดั่งรอยร้าวเล็กๆ ขึ้นในความสัมพันธ์ระหว่างพวกตัวจริงทั้งหลาย ด้วยสิ่งที่เรียกว่าพรสวรรค์ที่ตื่นขึ้นมา

    ...ทีล่ะเล็กทีล่ะน้อย...ที่พรสวรรค์นั้นจะทำร้ายมิตรภาพภายในกลุ่มตัวจริงทีมบาสเทย์โคไปจนสิ้น ส่วนจะเกิดขึ้นช้าหรือเร็วนั้นก็ขึ้นอยู่กับเวลาที่เหล่าตัวจริงทั้งหลายเริ่มรู้สึกถึงความสามารถของตนเท่านั้น

    ...ซึ่งผู้ที่รู้สึกถึงสิ่งนั้นคนแรกคืออาโอมิเนะ ไดกิและคนที่พยายามชะลอการแตกหักนี่คือฟุริฮาตะ โคกินั้นเอง

    "เฮ้อ..." ฟุริฮาตะถอนหายใจพลางมองคนผมสีน้ำเงินที่กำลังฝึกซ้อมบาส...ด้วยท่าทางที่ไม่สดใสดั่งที่ตนเคยเห็นในอดีต

    "ล้อเล่นอยู่หรือไงฟะ!?" เสียงอันดังสนั่นที่คุ้นหูจากคนผมน้ำเงินทำให้ฟุริฮาตะที่นั่งเหม่อมองอีกฝ่ายถึงกับสะดุ้งโหยง "นายเล่นปล่อยให้ฉันผ่านไปได้ทุกครั้ง! แม้แต่นายก็ยังหยุดฉันไม่ได้เป็นแบ็คอัพไปก็ไร้ค่า!"

    "อาโอมิเนะ! พูดแรงไปแล้วนะ!" ฟุริฮาตะถึงกับเด้งลุกขึ้นยืนราวติดสปิงทันที

    "แต่ฉันพยายามแล้วนะ!" เด็กหนุ่มเถียงกลับด้วยใบหน้าที่เหมือนกำลังหวาดกลัวและ...หมดหวัง "นายน่ะแกร่งเกินไป! ไม่มีใครเขาหยุดนายได้หรอก!"

    "..." อาโอมิเนะที่ได้ยินคำตอบนี่กลับมาก็กัดฟันกร็อด ตัวสั่นราวกับอดกลั้นบางอย่างเอาไว้ "โธ่เว้ย! ฉันไม่สนมันแล้ว!"

    "เดี๋ยว! อาโอมิเนะ!" ฟุริฮาตะออกตัววิ่งตามอีกฝ่ายไป แต่...เจ้าตัวดันสะดุ้งขาตัวเองล้ม แถมเพราะอยู่ร่างเทวดาทำให้ไม่มีใครเห็นเลยโดนชาวบ้านเหยียบอีก (กรรม // s) ทำให้กว่าจะลุกขึ้นได้อาโอมิเนะก็หายไปไหนก็ไม่รู้แล้ว แถมยังมีคนหายไปอีกสองคือผู้ได้รับหน้าที่โค้ชกับคุโรโกะนั้นเอง

    เด็กหนุ่มที่ล้มลุกคลุกคลานออกมาจากโรงยิมได้ปัดฟุ่นตามตัวเล็กน้อยก่อนที่จะเริ่มออกวิ่งหาอาโอมิเนะเอา เพราะถ้าบินไปคาดว่าจะโดนฟ้าผ่าเอายิ่งฟ้ามืดๆ อยู่ (กลัวโดนฟ้าผ่าด้วยเหรอ? // s , ขนาดโดนเหยียบยังโดนได้ ถ้าจะโดนฟ้าผ่าอีกอย่างก็ไม่แปลกหรอก // ฟุริฮาตะ) ...โดยที่คืนร่างเป็นมนุษย์เสียก่อนเนื่องจากไม่อยากโดนเหยียบอีกบวกกับไม่อยากให้อาโอมินะโดนมองเป็นคนบ้าถ้าคุยกับตนในร่างเทวดานั้นเอง

    ฟุริฮาตะวิ่งตามหาอาโอมิเนะไปยังที่ที่คิดว่าอาโอมิเนะน่าจะไปยังจุดต่างๆ...จนสุดท้ายก็เจอเด็กหนุ่มผิวเข้มที่ยืนประจัษท์หน้ากับเด็กหนุ่มผมฟ้าขณะที่หยาดพิรุณร่วงหล่นลงมาจากฝากฟ้า

    "อาโอมิเนะ...คุโรโกะ..." ฟุริฮาตะมองดูทั้งสองที่อยู่ห่างออกไปพอสมควร สองขาเริ่มจะก้าวไปหาแต่ก็ชะงัลงเสียก่อนเมื่อ...

    "นายจะไปเข้าใจอะไรกัน!" ...เสียงอันแฝงไปด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวดังออกมาจากปากผู้เป็นเพื่อนของตน "บอกฉันสิ! คนอย่างนาย...คนที่ทำอะไรไม่ได้อย่างนายเข้าใจอะไรอยู่!? นายก็รู้นิว่าฉันอยากเกิดมาเป็นแบบนาย! เท็ตสึ! ฉันจะได้มีเป้าหมายในชีวิตมากกว่านี้!!!"

    "ผม...อิจฉาคุณกับทุกคนมากครับ ถ้าผมทำได้ผมก็อยากเป็นแบบพวกคุณ..." คุโรโกะเอ่ยด้วยท่าทางจริงจัง "...แต่ก็ใช่ว่าผมจะเสียใจกับสิ่งที่ผมทำไม่ได้สักหน่อย! ผมยังมีสิ่งที่ทำได้อยู่! อย่างการส่งของผม..."

    "ส่ง? ให้ใครล่ะ?" อาโอมิเนะถามกลับ "คิเสะ มิโดริมะ มุราซากิบาระหรือว่าอาคาชิล่ะ? สำหรับพวกนั้นมันจำเป็นเหรอ?"

    "นี่คุณ..." คุโรโกะมองอาโอมิเนะอย่างไม่อย่างเชื่อ

    "ฉันน่ะชนะได้ด้วยตัวคนเดียว...ไม่ว่าสู้งกับใครโดยที่ไม่ต้องมีการส่งของนาย..." อาโอมิเนะมองคุโรโกะด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าที่ดูเศร้าตรมอาบไปด้วยหยาดน้ำที่ไม่รู้ว่ามันเป็นเพียงสายฝนหรือน้ำตากันแน่ "...ฉันไม่ได้รับลูกส่งของนายตั้งแต่ตอนนั้น ถึงแม้จะไม่นานมากแต่สำหรับฉันมันรู้สึกว่านานมาก เพราะแบบนั้นฉันจึง...ลืมไปแล้วล่ะ วิธีการรับลูกส่งจากนาย"

    ...นี่นาย...กำลังพูดบ้าอะไรเนี่ย!?...

    ฟุริฮาตะที่ยืนฟังมาพักใหญ่ๆ แล้วแทบอยากแงะสมองคนผมสีน้ำเงินออกมาดูเสียจริงกับคำพูดที่ดูราวกับตัดขาดกับคุโรโกะเมื่อครู่ ดวงตาสีน้ำตาลใสมองคนผมฟ้าที่ดูจะซ็อกกับคำพูดของอาโอมิเนะและวิ่งหนีไปอย่างสงสารจับใจก่อนที่จะก้าวเท้ายาวๆ ไปหายังตัวต้นเหตุที่ทำให้ตนต้องมาตากฝนแบบนี้

    "อาโอมิเนะ...นี่นายทำอะไรลงไปห๊า!?" ฟุริฮาตะเอ่ยถามทันทีเมื่อเข้าถึงตัวเพื่อนตน

    "อยู่ด้วยเหรอ...ฟุริ?" อาโอมิเนะถามพลางส่งยิ้มเศร้าๆ ให้

    "แหงสิ..." ฟุริฮาตะถอนหายใจยาวๆ ...ถึงอยากแว๊ดใส่ที่ทำให้คุโรโกะเสียใจก็เถอะ แต่ตอนนี้ถ้าพูดอะไรไปตัวตนของอาโอมิเนะก็มีแต่จะ 'แตกสลาย' ไปเร็วเท่านั้น...

    ...ตอนนี้เขาทำได้เพียงพยายามยื้อเวลาไปเท่านั้น...

    "...รีบหลบฝนเถอะอาโอมิเนะ...เดี๋ยวเป็นหวัดหรอก" ฟุริฮาตะเอ่ยพร้อมจูงมืออาโอมิเนะหมายจะาไปหลบที่ใต้สะพานข้ามแม่น้ำ เสียแต่...อาโอมิเนะกลับยืนนิ่งไม่ขยับเลยสักนิด "อย่าดื้อสิอาโอมิเนะ...อยากเล่นน้ำฝนหรือไง?"

    "ฟุริ..." อาโอมิเนะมองฟุริฮาตะนิ่งๆ "...นี่ฉัน...ทำร้ายคนไปกี่คนแล้ว? กี่คนที่หมดหวังจากบาสไปเพราะฉันกัน?"

    "ไม่รู้สินะ..." ฟุริฮาตะส่ายหน้า "...แต่ที่ฉันรู้มีเพียง...ว่าสาเหตุนั้นไม่ได้มาจากหรอก อย่าคิดมากเลย"

    "นายนี่นะ...ใจดีเกินไปแล้ว..." อาโอมิเนะเริ่มยิ้มออกเล็กน้อยเมื่อคุยกับฟุริฮาตะ ก่อนที่จะหน้าเครียดขึ้นมาฉับพลัน "...ฟุริ...นายโอเคเปล่าเนี่ย?"

    "อ...โอเค...น่า..." ฟุริฮาตะส่งยิ้มให้ทั้งที่มือทั้งสองกุ่มหน้าอกไว้และสีหน้านั้นซีดเผือก "...อย่าคิดมาก...สิ"

    "แบบนี้ไม่เรียกคิดมากแต่อาการของนายตอนนี้ดูยังไงก็ไม่โอเคชัดๆ!" สีหน้าอาโอมิเนะในยามนี้แสดงถึงความตื่นตนกอย่างชัดเจน

    "ฉัน..." ฟุริฮาตะคล้ายจะเอ่ยอะไรสักอย่างออกมา แต่เสียงกลับขาดช่วงลงพร้อมกับร่างที่ทรุดลงไปในทันที

    "เฮ้ย!" อาโอมิเนะรีบรับร่างของคนผมน้ำไว้ก่อนที่ร่างนั้นจะกระทบพื้น "ฟุริ! เฮ้! ฟุริ!!!!"

    ดวงตาสีน้ำเงินจ้องมองดวงหน้าที่เริ่มไร้สีเลือด อาการหอบหายใจถี่ระรวน มือทั้งสองยังกำที่หน้าอกแน่นคล้ายกับว่ากำลังขาดอาการหายใจ

    "บ้าเอ้ย!!!" อาโอมิเนะสบลออกมาก่อนที่จะอุ้มร่างของเพื่อนตนสิ่งไปยังสถานที่เดียวที่ตนนึกออกในตอนนี...ที่โรงยิม

    "อาโอมิเนะคุง?" เสียงที่เต็มไปด้วยความงงงวยดังขึ้นขณะที่อาโอมิเนะวิ่งผ่านอะไรสักอย่างฟ้าๆ แต่นั้นก็ไม่ได้เรียกความสนใจของเจ้าตัวนัก...เพราะสิ่งที่อาโอมิเนะต้องการตอนนี้มีเพียงการหาทางช่วยคนในอ้อมแขนตนเท่านั้น "เกิดอะไรขึ้นครับ! นี่! รอผมด้วยสิ!!!"

    "ไว้ช่วยฟุริได้ค่อยพูดกัน!" อาโอมิเนะแม้ไม่รู้ว่าตนนั้นได้ตอบใครกลับไป แต่สองเท้าก็ยังวิ่งไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงยังจุดหมาย...และทำการถีบประตูทันทีอย่างรีบเร่ง "ช่วยด้วยโว้ย!!!"

    "เปิดประตูดีๆ สิวะ!" เด็กหนุ่มผมเขียวที่ยืนตรงหน้าประตูที่อาโอมิเนะถีบเข้ามาพอดีโวยขึ้นมาก่อนที่จะชะงั้นเมื่อเห็นว่าในอ้อมแขนอีกฝ่ายอุ้มอะไรมาด้วย "เกิดอะไรขึ้น!? ฟุริฮาตะเป็นอะไรไป!?"

    "ไม่รู้...ฉันไม่รู้..." อาโอมิเนะกัดฟันแน่น "...ขอล่ะ...ใครก็ได้ช่วยฟุริที!"

    "ไม่บอกก็ช่วยอยู่แล้ว!" มิโดริมะโวยกลับ ขณะเริ่มจับชีพจรของฟุริฮาตะ "ไหงชีพจรเต้นเร็วแบบนี้!? คงไม่ใช่นายบ้าชวนฟุริฮาตะเล่นบาสนะเฟ้ย!"

    "ไม่ใช่! พวกฉันแค่ยืนคุยกันเฉยๆ จู่ๆ ฟุริก็ล้มพับไปเลย!" อาโอมิเนะตอกกลับ

    "ตอนนี้จะอะไรก็ช่างเถอะ...ฉันว่าส่งโคกิไปโรงพยาบาลดีกว่า" เด็กหนุ่มผมแดงผู้มีดวงตา 'สองสี' เอ่ย "ฉันเรียกรถพยาบาลให้แล้ว...ไม่ต้องห่วง"

    "...แถมดูท่ารถพยาบาลจะมาเร็วด้วย" คิเสะที่เริ่มได้ยินเรียกรถพยาบาลใกล้เข้ามาเอ่ย

    "ก็ดีไหมล่ะ?" มิโดริมะมองบุรุษพยาบาลจำนวนหนึ่งเดินเข้ามาในโรงยิม...ช่างมารวดเร็วทันใจจริงๆ

           โดยที่ไม่มีใครพูดอะไรเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลก็พากันมารับตัวฟุริฮาตะไปอย่างรู้หน้าที่...คาดว่าอาคาชิคงบอกรายละเอียดไปด้วย พวกเจ้าหน้าที่ถึงได้พาคนป่วยไปถูกคนเนี่ย...

    ...และอาโอมิเนะก็ทำได้เพียงมองตามรถพยาบาลที่ขับเคลื่อนห่างออกไปด้วยสายตากังวลเท่านั้น

    ...หวังว่า...ฟุริจะปลอดภัยนะ...

     

     

     

     

     

    "อาโอ...อาโอ...มิ...อา...เนะ...อาโอมิเนะ..." เสียงแว่วมาทำให้เปลือกตาของเด็กหนุ่มผิวเข้มกระตุกนิดๆ "อาโอมิเนะโว้ย!!!"

    "หื้อ?" เจ้าของชื่อลืมตาขึ้นมองมา และสิ่งแรกที่เห็นคือท้องฟ้าสีฟ้าใส

    "ตื่นสักทีนะเจ้าบ้า!" เด็กหนุ่มผมสีเหลืองซีดโวยใส่เสียงดัง "นี่ตกลงหลับหรือตายเนี่ยห๊า!? โมโมอิเรียกแกตั้งหลายรอบก็ไม่ตื่นเนี่ยจนคิดว่านายไหลตายไปแล้ว!!!"

    "วากามัตสึซัง?" ดวงตาสีน้ำเงินเหลือบมองยังต้นเสียงที่แว๊กๆ ใส่ตนปานปืนกลและก็เห็นเด็กหนุ่มสาวคู่หนึ่งอยู่ใกล้ๆ ตน "...ที่นี่...ดาดฟ้า?"

    "เออสิ..." วากามัตสึเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ "...นี่นายป่วยเหรอ? ไหงพูดจาดูเหมือนเบลอๆ ชอบกล?"

    "อื้อ..." เด็กสาวผมสีชมพูยาวที่นั่งอยู่ข้างๆ อาโอมิเนะมาตั้งแต่แรกเอามือทาบหน้าผากคนผมน้ำเงิน "...ไข้ก็ไม่มีนะ...เป็นอะไรหรือเปล่าไดจัง?"

    "ไม่มีอะไรหรอก" อาโอมิเนะปัดมือสาวเจ้าออกและดันตัวลุกขึ้นนั่ง "แค่ฝันอะไรนิดหน่อยน่ะ"

    "ฝัน?" ดวงตาสีชมพูใสมองเพื่อนสมัยเด็กของตน "ฝันถึง...ฟุริคุงสินะ?"

    "อื้อ" อาโอมิเนะขานรับเบาๆ อย่างไม่คิดจะโต้เถียงอะไรทั้งนั้น...เพราะเขามีเรื่องให้ขบคิดมากกว่าการสนใจเรื่องเพื่อนสาวของตน...

    ...เรื่องที่ฟุริฮาตะ โคกิจากเขาไป

    อาโอมิเนะคิดว่ามันไม่มีเหตุผลเลยที่คนขี้ใจอ่อน อ่อนโยน ซื่อบวกบื้อแบบนั้นจะหนีจากเขาไปโดยไม่บอกไม่กล่าว...ที่จริงเขาไม่คิดว่าฟุริจะหนีไปไหนเองได้ด้วยซ้ำ! เล่นหลงทางง่ายซะ! แถมยังสภาพร่างกายที่ดูร่อแร่นั้นอีก!...

    ...เมื่อนึกย้อนกลับไปตอนนั้นที่เขาทะเลาะกับเท็ตสึแล้วจากนั้นฟุริก็มาปลอบเขา แต่ฟุริอยู่ๆ ก็ทรุดลงต่อหน้าเขาทีไรเขาก็อดเจ็บใจไม่ได้ที่...ทั้งๆ ที่เขาอยู่ด้วยกันกับฟุริแท้ๆ กลับช่วยอะไรไม่ได้เลย

    ...แถมหลังจากส่งฟุริไปโรงพยาบาลได้สามวันอยู่ๆ ฟุริก็หายตัวไปซะงั้น! แถมกล้องวงจรปิดต่างๆ ก็ไม่สามารถจับภาพได้ด้วยว่าฟุริออกไปตอนไหน...ราวกับอยู่ๆ ฟุริก็ระเหยเป็นไอไปเสียอย่างนั้น

    ...ซึ่งทำให้เรื่องนี้เป็นปริศนากับทุกคนในโรงพยาบาลที่รับผิดชอบดูแลฟุริเป็นอย่างมาก แต่สำหรับเขาที่รู้ว่าฟุริไม่ใช่คนนั้นถ้าฟุริคิดหนีไป...มันคงไม่แปลกที่จะไม่มีใครจับได้

    ...แต่สิ่งที่เขาสงสัยมีอย่างเดียว...ทำไมฟุริถึงทิ้งเขาไปล่ะ? ทำไมปล่อยให้เขาทนทุกข์กับการสูญเสียสิ่งที่เขารักนี่

    ...ทั้งบาสที่เคยสนุกสนาน ทั้งเพื่อนที่เคยสนิกกัน ทั้ง...ฟุริด้วย

    "ไดจัง..." โมโมอิมองเพื่อนตนที่ทำหน้าเศร้า "...ไม่ต้องห่วงนะ...สักวันต้องเจอตัวฟุริคุงแน่"

    "ฉันก็หวังว่างั้น" อาโอมิเนะตอบพลางถอนหายใจยาวๆ ...มันคงไม่ผิดใช่ไหมที่เขายังหวังให้ฟุริกลับมา? ขนาดความสนุกสนานในบาสที่เขาเคยหมดหวังไปแล้วนั้นยังกลับมาได้ แล้วฟุริล่ะ? ฟุริจะกลับมาได้หรือเปล่า?...

    ...วันเวลาที่ไม่มีฟุรินั้นช่างทรมาณเสียจริง...

    "เออ...โทษทีที่ขัดนะ..." วากามัตสึที่รู้สึกราวเป็นตัวเองเป็นส่วนเกินเอ่ยขึ้นมาก่อนที่จะถูกลืมเสียก่อน "...นี่กำลังพูดอยู่เนี่ยมันเรื่องอะไรกัน?"

    "คือว่า..."

    "เปล่า...ไม่มีอะไรหรอก แค่เรื่องสมัยก่อนน่ะ..." อาโอมิเนะเอ่ยแทรกคำพูดของโมโมอิเสียก่อนที่สาวเจ้าจะพูดจบ "...แล้วที่มาหากันนี่มีอะไรเหรอ? ปกติซัทสึกิมักโดนให้มาตามฉันคนเดียวนิ?"

    "พอดีอิมาโยชิให้มาชวนไปดูการแข่งรอบชิงในวันนี้น่ะ แต่ฉันขึ้นมาปลุกไดจังเท่าไหร่ก็ไม่ตื่นเสียที ฉันเลยไปตามวากามัตสึซังมาปลุกไดจังนี่แหละ" โมโมอิอธิบายพลางส่งซิกให้เด็กหนุ่มผมสีเหลืองอ่อนที่กำลังจะโวยให้เงียบลงก่อน "...ส่วนอิมาโยชิซังตอนนี้รอยู่ที่หน้าประตูโรงเรียนแหน่ะ"

    "งั้นเหรอ...ถ้าแบบนั้นก็ไปกันเถอะ เดี๋ยวอิมาโยชิซังจะรอนาน..." อาโอมิเนะดันตัวลุกขึ้นยืน ก่อนที่จะเดินจากไปอย่างเงียบๆ นิ่งๆ ผิดวิสัยที่มักทำให้เหล่ารุ่นพี่ทั้งหลายอยากเอาไม้ตีหัวสักที

    "..." วากามัตสึมองร่างที่เดินลงบันไดไปตาปริบๆ ก่อนที่จะหันไปมองสาวเจ้าผมชมพู "...ตกลงอาโอมิเนะเป็นไรไปเนี่ย? ดูแปลกไปนะนั้น"

    "พอดีไดจังดันฝันเรื่องเมื่อก่อนน่ะค่ะ" โมโมอิส่งยิ้มเศร้าๆ ให้...อา ตอนนั้นเธอน่าจะนั่งเฝ้ารายนั้นแล้วสลับเวรยามกับไดจังไปเรื่อยๆ จริงๆ

    "ถึงคนที่ชื่อฟุริอะไรนั้นล่ะนะ?" วากามัตสึถามขึ้นมาอย่างสนใจขึ้นมา

    "ค่ะ...ฟุริคุง ชื่อเต็มๆ ว่าฟุริฮาตะ โคกิเขาเป็นเพื่อนของฉันกับไดจังมาตั้งแต่เด็กน่ะค่ะ" โมโมอิเอ่ยพลางม้วนเส้นผมสีชมพูของตน "พวกเราสนิกกันมาก โดยเฉพาะกับไดจังจนโดนชาวบ้านมองว่าเป็นแฟนกับไดจังเลยล่ะค่ะ ฟุริคุงน่ะเป็นคนใจดี อ่อนโยน ซื่อจนออกไปทางซื่อบื้ออีกต่างหาก แถมยังเป็นคนเดียวที่มักกล่อมหรือค่อยปรามไดจังได้เสมอๆ ด้วยค่ะ"

    "ฟังดูเป็นคนที่น่าจะไม่เลวร้ายอะไร แต่ทำไมทั้งเธอทั้งอาโอมิเนะถึงทำหน้าเศร้าตอนพูดถึงฟุริฮาตะนั้นล่ะ?" วากามัตสึถามอย่างไม่เข้าใจ...ถึงเขาโดนหาว่าอารมณ์ร้อนและไม่ค่อยจะคาดเดาอารมณ์ชาวบ้านได้นักก็ยังรู้เลยว่ารุ่นน้องทั้งสองของตนดูเศร้าขนาดไหน...

    ...โดยเฉพาะกับอาโอมิเนะที่เขารู้สึกถึงความ 'โหยหา' แฝงอยู่ในน้ำเสียงด้วย

    "คือ...ฟุริคุงเขาป่วยน่ะค่ะ และฟุริคุงก็เกิดอาการทรุดหนักเมื่อราวๆ ปีก่อนจนเข้าโรงพยาบาลน่ะค่ะ แต่ว่า..." โมโมอิเม้มปากแน่น "...หลังจากเข้าโรงพยาบาลสามวัน ฟุริคุง...เขาหายตัวไปค่ะ หายไปอย่างไร้ร่องรอยและไม่มีใครพบตัวอีกเลยค่ะ"

    "หายตัวไป?" วากามัตสึเริ่มถึงบางอ้อในทันที...ถึงว่าทำไมถึงดูเศร้ากันนัก ก็เพื่อนสนิกเล่นหายสาปสูญไปทั้งคนเลยนี่หว่า! "ไม่มีร่องรอยอะไรเลยเหรอ? กล้องวงจรปิดหรืออะไรพวกนี่ก็ไม่มีอะไรบอกได้เลยเหรอ?"

    "ค่ะ...ไม่มีเลย แม้แต่อาคาชิคุงช่วยพลิกแผ่นดินหายังไม่เจอเลยค่ะ..." โมโมอิเอ่ย "...แถมฟุริคุงดูท่าจะเป็นประชากรตกสำรวจน่ะค่ะ ทางตำรวจก็เลยช่วยหาไม่ได้มาก...จนมาถึงตอนนี้แหละค่ะ"

    "..." วากามัตสึรู้สึกสงสารอาโอมิเนะก็งานนี้แหละ...ไม่ยักรู้มันเคยเจอเรื่องแบบนี้ด้วย! "...โมโมอิ...เธอพอบอกลักษณะของฟุริฮาตะให้ฉันได้ไหม? เผื่อฉันอาจเคยเห็น"

    "...ฉันว่าไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ...ฟุริคุงเขากลืนกับชาวบ้านชาวช่องมาก ชนิดว่าถ้าไม่เคยเจอฟุริคุงตัวเป็นๆ มาก่อนก็คงแยกเจ้าตัวกับคนอื่นๆ ไม่ออกเลยค่ะ" โมโมอิคว้าโทรศัพท์ออกมาพร้อมยื่นภาพหน้าจอที่เป็นรูปของเด็กหนุ่มสองเด็กสาวหนึ่งให้อีกฝ่ายดู

    "อื้อ...ดูธรรมดาจริงๆ แบบนี้ถึงคิดจะตามหาก็คงยากนะ" วากามัตสึเกาหัวนิดๆ

    "ใช่ไหมล่ะค่ะ..." โมโมอิเอ่ย "...เรื่องฟุริคุงอย่าบอกไดจังนะค่ะว่าฉันบอกวากามัตสึซัง เห็นแบบนั้นไดจังหวงเรื่องฟุริคุงมากเลยค่ะ...และตอนนี้ฉันว่าเราไปรวมตัวกับรุ่นพี่อิมาโยชิดีกว่าค่ะ ก่อนที่รุ่นพี่เขาจะมาตามเอง"

    "โอเค! งั้นไปเถอะ!" วากามัตสึที่เคยโดนผู้เป็นกัปตันทีมตนแกล้งสารพัดวิธีมาแล้วรีบอุ้มตัวโมโมอิขึ้นพาดบ่าและรีบไปรวตัวกับกัปตันทีมตนทันที

     

     

     

     

     

    ...ทำไมกันนะ...

    ...ทำไมกัน...

    ...ทำไมถึงสังหรณ์ว่า...

    ...ลางร้ายกำลังจะมาหว่า?...

    "นี่แกมาทำอะไรที่นี่วะ!?" เสียงตวาดแว๊ดดังออกมาจากปากเด็กหนุ่มผมสีเพลิงที่เปิดประตูออกมา...

    ...ให้ตายเถอะ! วันนี้โค้ชอุตสาห์ให้หยุดพักเป็นรางวัลที่เอาชนะทีมราคุซันได้เมื่อวานนี้ทั้งที กะว่าวันนี้จะไปเที่ยวสตรีทบาสกับคุโรโกะสักหน่อย (นี่นายเข้าใจคำว่าหยุดพักไหมเนี่ย? // s , เข้าใจสิ...เพราะการเล่นบาสนี่แหละคือการหยุดพักของฉัน! #ชูสองนิ้วอย่างมั่นใจ // คางามิ , สมชื่อไอ้บ้าบาสจริงๆ // s , เห็นด้วยครับ // คุโรโกะ , เฮ้ๆ! อย่าเห็นด้วยกับชิโกะดิ! // คางามิ) แต่ทำไมพอเปิดประตูมาถึงเจอไอ้ตัวเมี่ยมนี่มาอยู่หน้าห้องเขาได้เนี่ย!?!...

    "...ฉันก็อยากรู้เหมือน" อาโอมิเนะเอ่ยพลางเกาหัวอย่างงงๆ เหมือนกันที่ตนนึดคึกมาหาอีกฝ่ายที่บ้าน...ของคุโรโกะ

    ...นี่ถ้าไม่ติดว่าสงสัยบางอย่างล่ะก็เขาคงไม่นึกคึกมารบกวนเท็ตสึในวันหยุดโดยไม่บอกไม่กล่าวแบบนี้หรอก!!!...

    อาโอมิเนะโวยในใจขณะที่คิดว่าที่ตนเห็นเมื่อวานนั้น...ตนแค่ตาฝาดหรือว่าเป็นความจริงกันแน่ที่...

    ...เห็นคางามิมีปีกนกที่เหมือนกับฟุริโผล่มาที่กลางหลังพร้อมแบกเท็ตสึบินกลับบ้านไปด้วยน่ะ!

    "...วันนี้คุณดูตอบง่ายชอบกลนะครับอาโอมิเนะคุง? หัวไปกระแทกอะไรมาหรือเปล่าครับ?" เด็กหนุ่มผมฟ้าเอ่ยถามขึ้นพร้อมอุ้มลูกหมาสีขาวดำขึ้นมา

    "เปล่าสักหน่อย ฉันปกติดีน่า..." อาโอมิเนะกรอดตาไปมา "...พอดีมีเรื่องอยากถามไอ้บากะงามิมันหน่อยน่ะ"

    "...นี่นายปกติดีแน่นะ?" คางามิเบ้หน้า "น้ำเสียงนายไม่กวนโอ๊ยเท่าก่อนหน้านี่น่ะ แถมคำพูดคำยังน่าโมโหน้อยลงด้วย"

    "ปกติดีๆ ตอนนี้เรื่องฉันช่างมันก่อนเถอะ...เอาเป็นว่าฉันของถามนายตรงๆ เลยนะ..." อาโอมิเนะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะเตรียมใจโดนหาว่าบ้าถ้าเกิดตนนั้นแค่ตาฝาดไปจริงๆ "...นาย...เป็นเทวดาประจำของเท็ตสึสินะ?"

    "..." คางามิเบิกตากว้างเมื่อได้ยินคำถามนี้ เช่นเดียวกับคุโรโกะที่แทบทำเจ้าเบอร์สองตกพื้นเลยทีเดียว "นาย / คุณรู้ได้ไงฟะ / ครับ!!!"

    "อา...คือว่า..." อาโอมิเนะเผลอถอยหลังเล็กน้อยเมื่อเด็กหนุ่มผมสีเพลิงและผมฟ้าทำท่าอยากจะจับคอตนมาเขย่าอยู่ร่อมร่อ "...ฉันก็มีเทวดาประจำตัวเหมือนกัน...ไม่สิ ต้องบอกว่าเคยมีต่างหาก"

    ...เพราะตอนนี้ฟุริหายไปไหนไม่รู้แล้ว...

    ...หวังว่าถามคนที่มาจากที่เดียวกันจะได้เรื่องของฟุริบ้างนะ...

    "เคยมี?" คุโรโกะขมวดคิ้วเป็นปม "เทวดาประตัวคุณคือใครครับ...หวังว่าไม่ใช่..."

    "ถ้านายกำลังนึกถึงฟุริล่ะก็...ใช่" อาโอมิเนะตอบไปตรงๆ ก่อนที่นายจะหันไปหาคางามิ "คางามิ...นายเป็นเทวดาประจำตัวเหมือนฟุริคงรู้สินะว่าฟุริหายไปไหน?"

    "..." ดวงตาสีเพลิงมองอาโอมิเนะ "ฟุริ...ที่นายพูดถึงเนี่ยหมายถึงฟุริฮาตะ โคกิ? หรือว่าฟุริฮาตะ เคียวล่ะ?"

    "โคกิ...แล้วไอ้เคียวนี่มันใคร?" อาโอมิเนะถามกลับ

    "เคียวซังเป็นพี่ฟุริ...เฮ้ย! ไม่ใช่เวลามาสนใจเรื่องนี่นี้หว่า! นี่แกบอกว่าฟุริเป็นเทวดาประจำตัวแกเหรอ!? ไหงต้องเป็นไอ้บ้าแบบแกด้วยฟะ!? น่าสงสารฟุริชิบ!" คางามิยิงคำถามใส่คนผิวเข้มรั่วเป็นปืนกล

    "ใจเย็นก่อนสิครับ! คางามิคุง! และนั้นใช่เรื่องควรสงสัยไหมครับนั้น!?" คุโรโกะแทงที่สีข้างของคนผมเพลิงอย่างเต็มแรง จนคนโดนทรุดไปหน้าเขียวกับพื้น "อาโอมิเนะคุง...คุณไม่รู้เหรอครับว่าการที่เทวดาประจำไม่สามารถแยกจากกันนานๆ ได้? แล้วคุณรู้หรือเปล่าครับว่าการที่ฟุริฮาตะคุงหายไปเนี่ยหมายความว่าไง?"

    "ไม่รู้...รู้แค่ฟุริบอกว่าจะอยู่คุ้มครองจนกว่าจะถึงเวลาอะไรนี่แหละ ตอนนั้นไอ้เครื่องบินบ้ามันผ่านมาพอดีเลยไม่ได้ยิน" อาโอมิเนะมองสีหน้าจริงจังของอดีตผู้เป็นเงาของตน

    "งั้นเหรอครับ...คุณไม่รู้สินะครับ?" คุโรโกะส่งยิ้มเศร้าๆ ให้อีกฝ่ายเพราะว่ารู้ดีว่า...ฟุริฮาตะ โคกิสำคัญกับเพื่อนเขาคนนี้ขนาดไหน "อาโอมิเนะคุงทำใจดีๆ เข้าไว้นะครับ...เทวดาประจำตัวนั้นไม่สามารถออกห่างผู้ที่ตนต้องคุ้มครองได้เป็นเวลานานๆ หรอกครับ เพราะมันมีพันธะสัญญาผูกติดไว้ด้วยตั้งแต่ลงมาหาผู้ที่ตนต้องคุ้มครองครั้งแรกแบบเจอกันปุ๊บพันธะสัญญาที่ทางบนสวรรค์ร่ายไว้ตอนที่ถูกถีบ เอ้ย! ถูกส่งลงมา ดั่งนั้นต่อให้เกลียดกันแทบตายยังไงก็ไม่สามารถอยู่ห่างกันนานๆ ได้หรอกครับและการที่เทวดาประจำไม่อยู่คุ้มครองผู้ที่ตนต้องคุ้มครองนั้นมีสองกรณีครับ นั้นคือ..."

    "คือ?" อาโอมิเนะมองคุโรโกะด้วยความรู้สึกใจคอไม่ดีเท่าไหร่นัก...ลางสังหรณ์ของเขาคงไม่ใช่ว่าถูกหรอกนะ? ที่รู้สึกว่าลางร้ายกำลังมา...

    ...ยิ่งมันเกี่ยวกับฟุริ...ยิ่งไม่อยากให้มันถูกเลย!!!...

    "คือ..." คุโรโกะมองอดีตแสงของตนด้วยความกังวล...ว่าอีกฝ่ายจะรับเรื่องนี้ได้หรือเปล่า? "...ไม่คุณก็ฟุริฮาตะคุงต้องตายไปน่ะครับ"

    "!!!" เหมือนดั่งฟ้าผ่าลงที่กลางใจของอาโอมิเนะกับข่าวร้ายที่มาเยือนจริงๆ ใบหน้ารู้สึกชาวาบไปหมด มือเท้าเริ่มเย็น เรี่ยวแรงเหมือนถูกสูบออกไปจนหมด "โกหกน่า...ล้อเล่นใช่ไหมเท็ตสึ? นี่จะบอกว่าฟุริตายแล้วเหรอ? นี่นาย...กำลังอำฉันใช่ไหม? ขอล่ะ...บอกทีว่านายแค่พูดเล่น..."

    "ขอโทษนะครับอาโอมิเนะคุง..." คุโรโกะมองเพื่อนตนที่เริ่มกำมือแน่นจนเลือดเริ่มไหลนิดๆ "...ที่ผมพูด...เป็นความจริงครับอาโอมิเนะคุง"

    ตุ้บ!

    อาโอมิเนะยิ่งเมื่อได้ยินคำยืนยันจากเพื่อนตนถึงกับทรุดลงกับพื้นอย่างไร้แรง...

    ...โกหกน่า...ฟุริ...

    ...ตายแล้ว...งั้นเหรอ?...

    ...ตั้งแต่ตอนนั้น...

    "อาโอมิเนะคุง..." คุโรโกะมองคนตรงหน้าที่ซ็อกจนดูท่าจะไม่สนใจสิ่งใดแล้วด้วยแววตาเศร้าสร้อยและเห็นอีกฝ่ายเป็นอย่างมาก "...คางามิคุง...ช่วยพยุยอาโอมิเนะคุงเข้าบ้านทีครับ เดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้งอยู่หน้าบ้านนี่เสียก่อน"

    "รู้แล้วน่า..." คางามิลุกขึ้นและเดินไปพยุยอาโอมิเนะตามที่คนผมฟ้าบอก...ถึงเขาะไม่ชอบหน้าอาโอมิเนะ แต่พอเห็นทำหน้าราวกับโลกทั้งใบถล่มแบบนี้แล้วเขาคงทำใจทิ้งหมอนี่ให้ยืนตากแดดซ็อกอยู่ไม่ไหวล่ะ...

    ...เพราะว่ามันทำให้เขารู้ได้ในทันทีว่า...ฟุริเพื่อนของเขามีความสำคัญกับอาโอมิเนะมากขนาดไหน...

    เด็กหนุ่มผมสีเพลิงเริ่มแบกคนผิวเข้มที่ตอนนี้ราวกับตุ๊กตาที่จ้บวางตรงไหนก็อยู่ตรงนั้นไปนั่งอยู่ที่โซฟากลางบ้าน...โชคยังดีที่ครอบครัวคุโรโกะไม่อยู่กันในวันนี้ไม่งั้นคงตกใจเพราะคิดว่าเขาแบกศพมาแน่

    "อาโอมิเนะคุง...ดื่มน้ำก่อนเถอะครับ" คุโรโกะวางแก้วน้ำลงตรงหน้าอาโอมิเนะ ก่อนที่จะทิ้งตัวลงข้างๆ อีกฝ่าย

    "..." อาโอมิเนะเพียงมองแก้วน้ำนิ่งๆ อย่างไม่คิดจะขยับเขยื้อนเลยสักนิด "...นี่คางามิ"

    "มีอะไร?" คางามิขานรับด้วยอาการขนลุกนิดๆ ...มันที่กวนโอ๊ยยังดีกว่าท่าทางราววิญญาณออกจากร่างตั้งเยอะ! อย่ามาเฉาตายในบ้านนะเฟ้ย! ถึงเป็นเทวดาแต่ฉันก็กลัวผีนะโว้ย!!!

    "ปกติ...เทวดาตายเนี่ยจะไม่หลงเหลืออะไรเลยเหรอ?" อาโอมิเนะถาม...ในใจเขายังหวังว่าฟุริอาจแค่แอบตามเขาแบบไม่ให้เขาเห็นก็ได้

    "อา...ตอนตายส่วนใหญ่ก็จะสลายไปเลย และจะเหลือ 'ขนปีกเส้นสุดท้าย' ไว้เป็นตัวบ่งบอกว่าตายไปแล้วจริงๆ" คางามิบอกแบบไม่คิดปิดบังใดๆ ทั้งสิ้น

    "ขนปีกเส้นสุดท้าย?" อาโอมิเนะเอ่ยเป็นเชิงว่าตนไม่เข้าใจที่อีกฝ่ายพูด

    "มันลักษณะเป็นยังไงครับ?" คุโรโกะถามต่อ

    "อื้อ...มันจะมีลักษณะเป็นอัญมณีรูปขนนกน่ะ ส่วนจะเป็นอะไรนั้นแล้วแต่ลักษณะนิสัยของแต่ล่ะคน ส่วนขนาดก็เท่ากับขนปีกของคนที่ตายนั้นแหละ" คางามิอธิบาย

    "แต่ตอนนั้น...มันไม่มีอะไรเลยนิ?..." อาโอมิเนะคิ้วขมวดเป็นปม

    "...หรือว่ามันถูกขโมยไปก่อนที่พวกเราจะไปถึงครับ?" คุโรโกะลองตั้งข้อสันนิฐานขึ้นมา

    "ไม่มีทาง...ขนนกเส้นสุดท้ายนั้นนอกจากเทวดาด้วยกันแล้ว มีแต่คนที่มีเทวดาประจำตัวเท่านั้นแหละที่จะจับต้องได้..." คางามิส่ายหน้า "...แต่ถ้าเกิดคนที่ขโมยไปบังเอิญมีเทวดาประจำตัวนั้นก็อีกเรื่องนะ"

    "..." อาโอมิเนะเริ่มคิดว่าตนอาจถูกสวรรค์กลั่นแกล้งก็ได้...ทำไมอะไรที่เขาหวังอะไรที่เขารักมักจะถูกพรากไปเสียหมดเลยเนี่ย!?

    "ฉันตอบเท่าที่รู้ไปหมดแล้ว...ตานายตอบฉันบ้างนะ อาโอมิเนะ..." ดวงตาสีเพลิงมองคนผมสีน้ำเงิน...ถึงรู้ว่าไม่ควรถามตอนนี้ แต่เขาก็อยากรู้เรื่องหนึ่งอยู่ดี "...ทำไมฟุริ...ถึงตายล่ะ? เกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านั้นกัน?"

    "...เฮ้อ" อาโอมิเนะถอนหายใจออกมายาวๆ "ฟุริป่วย...อาการป่วยของฟุริกำเริบหนัก แล้วหลังจากนั้นฟุริก็หายตัวไป"

    "อาการป่วยกำเริบ?" คางามิทำหน้าเหมือนเริ่มเข้าใจบางอย่าง "เข้าใจล่ะ...งั้นขอถามอีกอย่างนะว่าฟุริหายตัวไปเมื่อไหร่?"

    "ราวๆ ปีก่อน..." อาโอมิเนะตอบไปอย่างเหม่อลอย...พูดถึงเรื่องนี่แล้วเขาอยากย้อนกลับไปเวลาที่ยังมีฟุริอยู่ข้างๆ จัง

    "ปีก่อน!?" ดวงตาสีเพลิงเบิกตากว้างมองอาโอมิเนะ

    "มีอะไรเหรอครับคางามิคุง?" คุโรโกะที่เห็นว่าคางามิดูแปลกใจกับคำตอบของคู่หูตน

    "นี่ฉันคิดว่าที่พวกนายบอกเนี่ยหมายถึงฟุริหายไปนานกว่านั้นซะอีก!" คางามิเอ่ย "ที่จริงอาการของฟุริตอนที่อยู่ข้างบนนั้นไม่มีใครคิดว่าจะรอดเกินสามปีด้วยซ้ำ! พอโดนส่งลงมานี่ฉันคิดว่าฟุริจะอาการทรุดหนักกว่าเดิมเสียอีก! นี่แข็งแรงขนาดอยู่ได้ถึงเจ็ดแปดปีเลยเหรอ!?"

    "เดี๋ยวนะ...นี่นายจะบอกว่าก่อนหน้านี่อาการฟุริแย่กว่านี้อีกเหรอ?" อาโอมิเนะถามอย่างแปลกใจ...นี่การที่มาอยู่กับเขาเนี่ยทำให้ฟุริแข็งแรงขึ้นเหรอ?

                    "สุดๆ! ขนาดลุกเดินไปไหนมาไหนเองยังไม่ได้เลย!" คางามิตอบ "ที่จริงตอนฉันรู้ว่ามีคนแอบเอาชื่อฟุริไปใส่คนที่ต้องการเป็นเทวดาประจำตัวเนี่ยฉันแทบถีบไอ้คนที่แอบเขียนเลย! พอจะตามมาก็โดนทัตสึยะห้ามอีก! จนฉันเพิ่งมาได้เอาปานนี่เนี่ยแหละ! ดีนะที่พ่อฉันที่เป็นเทวดาประจำตัวของใครนี่แหละหาทางทำเอกสารปลอมจนไม่มีใครสงสัยฉันว่าไม่ใช่คนได้เนี่ย!"

    "แสดงว่า...อาโอมิเนะคุงช่วยให้ฟุริฮาตะคุงอายุยืนขึ้นสินะครับ?" คุโรโกะที่ทำหน้าเอ๋ออย่างเห็นได้ยากยิ่งเอออ๋อตามคำพูดคางามิไป

    "แต่รู้เรื่องนั้นจะมีประโยชน์อะไรล่ะ? ในเมื่อฟุริจากฉันไปแล้ว..." ว่าตามจริงอาโอมิเนะก็ดีใจนะที่ทำให้ฟุริฮาตะอายุยืนขึ้น แต่เขาก็เสียใจที่ทำไม่ได้มากกว่านี่...ไม่สามารถช่วยฟุริให้อายุยืนยาวมากกว่านี้ได้

    "ใครบอกล่ะ! การที่นายบอกว่าฟุริหายไปหนึ่งปีกว่าๆ เนี่ยมันทำให้มีหวังขึ้นมากกว่า!" คางามิยิ้มร่า "ดีไม่ดีฟุริน่ะ...อาจยังมีชีวิตอยู่ก็ได้!"

    "ว่าไงนะ!?" อาโอมิเนะลุกพรวดไปตะคุบตัวคางามิทันที...นี่เขาไม่ได้หูฟาดใช่ไหม!? ที่ว่าฟุริยังมีชีวิตอยู่น่ะ!

    "จริง! ถ้ามันเป็นราวๆ ปีก่อนจริงๆ ล่ะนะ!" คางามิเอ่ยยืนยัน

    "มีโอกาสเจอฟุริสินะ!?" ดวงตาสีน้ำเงินเปล่งประกายแห่งความหวังขึ้นมา

    "งั้นคางามิคุงพอทราบไหมครับ? ว่าจะมีวิธีหาตัวฟุริฮาตะคุงยังไง?" คุโรโกะดูจดตื่นเต้นพอๆ กับอาโอมิเนะถามขึ้น

    "มีสิ! ถ้าการคาดเดาของฉันถูกต้องฟุริคงอยู่กับเคียวซังแน่!" คางามิเอ่ยอย่างมั่นใจ "แต่ถ้าเดาผิดได้ตายหมู่แน่ ดังนั้น...อาโอมิเนะช่วยมาทำพิธีกับฉันหน่อย"

    "พิธี?" อาโอมิเนะมองคนผมสีเพลิงที่เริ่มหยิบปากกามาเขียนอะไรสักอย่างบนกระดาษ

    "พิธีที่จะดึงคนที่มีพันธะสัญญาต่อกันมาหาน่ะ...แต่มีข้อเสียตรงที่ใครอยู่ด้วยกับรายนั้นจะโดนดึงมาหมดหรือไม่ก็ดึงมาเฉพาะคนที่อยู่ใกล้ๆ ก็เลยไม่ค่อยมีใครใช้เท่าไหร่..." คางามิยื่นกระดาษที่ตนเขียนเป็นลายเส้นรูปร่างแปลกตาให้คนผมน้ำเงิน "...เอ้า! นายหลับตาแล้วเรียกฟุริในใจที...เอาแบบชื่อเต็มๆ นะ แถมนึกภาพฟุริด้วยยิ่งดี"

    "เอาไงเอากัน" อาโอมิเนะรับกระดาษแผ่นนั้นมาพร้อมทำตามที่อีกฝ่ายบอก...ที่จริงไม่ต้องมาบอกในใจเขาก็มีแต่ชื่อและภาพฟุริลอยไปลอยมาในหัวเต็มไปหมดอยู่ ล้วล่ะ

    เด็กหนุ่มผมสีน้ำเงินหลับตาลงอย่างช้าๆ และไม่ถึงสามวิก็...

    วาบ!

    ...มีแสงสว่างจ้าปรากฏที่กระดาษในมืออาโอมิเนะ ก่อนที่อีกหนึ่งนาทีต่อมาก็มีร่างของชายหนุ่มสองคนร่วงตุ๊บลงมาตรงหน้าเด็กหนุ่มทั้งสาม

    "โอ๊ย! นี่นายไม่คิดไปหาดีๆ เลยเหรอ!? คางามิ!" เสียงบ่นแว๊กดังขึ้นมาจากชายหนุ่มผมสีน้ำตาล...ซึ่งมีปีกนกโผล่ออกมาจากกลางหลัง

    "นายจะบ่นอะไรก็เรื่องของนาย! แต่ตอนนี้นายลุกจากหลังฉันสักทีเถอะ!" เสียงหงุดหงิดดังออกจากปากชายหนุ่มผมดำคนหนึ่ง

    "เฮ้ย!?" อาโอมิเนะกับคุโรโกะมองชายหนุ่มผมดำอย่างไม่วางตา "นี่มันพี่ไฮซากินี่หว่า! / ไฮซากิซัง! มาไงครับเนี่ย!?"

    "บ่นอะไรฟะ! เรียกกันมาเองนะเว้ย!" ชายหนุ่มผมน้ำตาลถลึกตาใส่คนผมสีเพลิง "แล้วนายเรียกฉันมาอีกท่าไหนเนี่ยคางามิ! คงไม่ใช่จะเรียกฮิมุโระมาแล้วเรียกผิดมาเป็นฉันแทนนะโว้ย!"

    "เปล่าครับเคียวซัง! กรุณาอย่าเตรียมโยนรองเท้าใส่สิครับ!" คางามิรีบลี้ภัยไปหลบหลังคุโรโกะ

    "หลบหลังหมอนั่นเนี่ยดูแมนมาก...หลบหลังไอ้คนที่ดูขนาดใกล้ๆ นายยังดูดีกว่าอีก" เคียวชี้ไปที่เด็กหนุ่มผิวเข้มที่เอ๋อกินอยู่

    "ช่างผมเถอะครับ!" คางามิทำหน้ามุ่ย

    "เออ...ขอโทษครับ..." อาโอมิเนะที่ดึงสติกลับมาได้เอ่ยเรียกชายหนุ่มผมสีน้ำตาล "...คุณคือพี่ฟุริ?"

    ...ให้ตายสิ! ไหงดูต่างกับฟุริราวฟ้ากับเหวเลยวะ!?...

    "ใช่แล้วจะทำไม?" เคียวเอ่ยเสียงเย็นพลางรี่ตามองคนผิวเข้ม "นาย...คือคนที่โคกิต้องคุ้มครองสินะ?"

    "ครับ..." อาโอมิเนะพยักหน้ารับด้วยอาการเหงื่อตกนิดๆ "...คือผม...อยากรู้ว่าฟุริอยู่ไหนครับ? คุณกรุณาบอกผมได้ไหมครับ? คางามิบอกว่าพิธีที่ทำเมื่อครู่จะทำให้คนที่อยู่ใกล้ๆ ฟุริโผล่มาด้วย...ดังนั้นคุณต้องอยู่กับฟุริก่อนที่จะถูกเรียกมานี่สินะครับ?"

    "ใช่..." เคียวมองคนผมน้ำเงินนิ่งๆ "...แต่ฉันไม่บอกนายหรอก...ไม่มีทางบอกกับคนที่เกือบทำโคกิตายหรอกนะ"

    "ฟุริเกือบตาย...เพราะผม?" อาโอมิเนะเอ่ยทวนอย่างไม่เข้าใจ...นี่เขาไปทำอะไรให้ฟุริเกือบตายกัน?

    "หมายความว่าไงกันครับ? เคียวซัง? ไอ้งั่งนี่ไปทำอะไรจนฟุริเกือบตายกัน?" คางามิถามอย่างงุนงง...ดูยังไงอาโอมิเนะก็ไม่น่าจะทำอะไรร้ายแรงจนเกือบทำฟุริตายได้นี่น่า อ๋อ! เว้นแต่โดนกวนประสาทตายล่ะนะ! อันนั้นน่าจะเป็นไปได้!

    "ไม่บอก" เคียวเอ่ยหน้าตาย

    "เคียว..." ชายหนุ่มผมดำหรือไฮซากิ โชจิกดเสียงหนักๆ ใส่เทวดาหนุ่ม "...อยากโดนถีบไปหากินนอกบ้านใช่ไหม?"

    "ไม่อ่ะ นายทำอร่อยดี" เคียวส่ายหน้าวืด

    "งั้นนายก็ตอบอาโอมิเนะดีๆ เซ่...อาโอมิเนะทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แล้วนะนั้น" โชจิเอ่ย "ไม่งั้น...มีงดแน่คืนนี้"

    "ก็ได้ๆ ...เห็นว่าโชจิขอนะ..." เคียวทำหน้ามุ่ย "...นาย...อาโอมิเนะสินะ?"

    "อา...ครับ" อาโอมิเนะขานรับอย่างเอ๋อๆ เนื่องจากเมื่อกี้สติหลุดจากคำพูดชวนคิดลึกของโชจิ

    "รู้ไหมที่ฉันบอกว่านายเกือบทำโคกิตายเพราะอะไร..." เคียวถาม ส่วนอาโอมิเนะส่ายหน้าทันที "...เพราะโคกิมีชีวิตอยู่ได้เพราะ 'ความหวังในการมีชีวิต' ของนายไง"

    "เอ๋?" ทุกคนเผยสีหน้างุนงงออกมา

    "ไม่ต้องงงเลย ก็ตามที่บอกนั้นแหละ...โรคที่โคกิฉันแอบขโมย เอ้ย! แอบไปเห็นหนังสือโบราณในหอสมุดโบราณบนสวรรค์นั้นเข้าน่ะ แล้วมันเขียนเกี่ยวกับอาการป่วยของโคกิไว้ด้วย..." เคียวอธิบาย "...สาเหตุที่โคกิป่วยเป็นโรคนั้นตั้งแต่เกิดนั้นเพราะโคกิอยู่แบบเรียบง่ายหรือง่ายๆ คือไม่ค่อยคาดหวังอะไรในชีวิตตนเองเท่าไหร่นัก แต่คนอื่นนี่โคตรขยันห่วงเลยและเพราะเรียบง่ายจนแทบไม่ต่างอะไรกับคนปกตินี่แหละ ทำให้ร่างกายของโคกิอ่อนแรงเนื่องจากไม่มีแม้พลังมากพอที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไง"

    "เดี๋ยวๆๆๆ! ผมไม่เข้าใจว่าไอ้ความหวังในชีวิตนั้นมันเกี่ยวอะไรกับฟุริด้วย!?" อาโอมิเนะที่เริ่มตามไม่ทันเบลกเคียวไว้ก่อนที่จะเอ่ยยาวกว่านี้

    "เกี่ยวสิ เกี่ยวเต็มๆ เลย..." เคียวเอ่ย "...การคาดหวังทุกอย่างในชีวิตของเทวดานั้นคือพลังชีวิตไง ไม่ว่าเรื่องนั้นจะเล็กน้อยเท่าไรก็ตาม อย่างคางามิเนี่ยมีความหวังในชีวิตคือบาสเนี่ยแหละ...ที่จริงทุกชีวิตไม่ว่าเป็นอะไรก็มักจะมีความหวังในตนเองอยู่แล้ว แต่โคกิเนี่ยเป็นส่วนน้อยของน้อยในหมู่สิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่จะไม่คาดหวังอะไรกับตนเองเลยจนน่าจับไปบวชชอบกล"

    "ถ้าเป็นอย่างที่เคียวซังบอกล่ะก็...อย่าบอกนะว่า..." คางามิเหล่มองคนผิวเข้มที่ยังตั้งใจฟังคำพูดต่างๆ ของเคียวอยู่ "...คุณแอบเอามนต์ตราฟุริให้สามารถเอาความหวังในชีวิตของอาโอมิเนะมาเป็นพลังชีวิตของตนเองได้?"

    "ใช่" เคียวตอบก่อนปิดหูเตรียมรับ...

    "นั้นมันโคตรของโคตรผิดกฏเลยไม่ใช่เหรอครับ!?!" ...เสียงแว๊ดลั่นจากคนผมสีเพลิง "ไหนจะขโมยหนังสือไหนจะมนต์ต้องห้ามอีก! นี่อย่าบอกนะว่าที่ลงมาเป็นเทวดาประจำตัวคนอื่นเนี่ยเพราะหนีพวกด้านบนมาน่ะครับ!?"

    "เปล่า...ตอนนั้นมีไอ้บ้าคนไหนไม่รู้แอบเอาชื่อฉันไปใส่ไว้ในรายชื่อน่ะ..." เคียวยักไหล่นิดๆ "...ยังโชคดีที่ดันฟรุตมาได้อยู่กับโชจินี่แหละ แถมยังลงมาตอนโคกิกำลังแย่พอดีอีก ถือว่าโชคดีสองเด้งเลย...ฉันเลยยอมยกโทษไม่ตื้บไอ้บ้าที่ใส่ชื่อฉันลงไปน่ะ"

    "สรุปคือ...เพราะผมทำให้อาการฟุริทรุดลงสินะครับ?" อาโอมิเนะเอ่ย...ถ้าเป็นอย่างที่พูดจริงๆ เขาก็เข้าใจเรื่องทั้งหมดล่ะ...

    ...ว่าเขาเกือบทำให้ฟุริตายจริงๆ เพราะตอนที่ฟุรินั้นอาการทรุดนั้นคือตอนที่เขาหมดหวังในการมีชีวิตกับบาสไปเสียจนหมดสิ้น...

    "ถูกต้อง..." เคียวแสยะยิ้มใส่ "...ดังนั้นถ้ายังมีสมองอยู่ก็คิดเอาแล้วกันว่าทำไมฉันไม่ยอมให้นายเจอโคกิ"

    "ครับ...เข้าใจครับ..." ดวงตาสีน้ำเงินมองตรงที่คนผมน้ำตาล "...แต่...ผมไม่มีทางยอมเรื่องฟุริหรอกครับ ผมไม่สนว่าคุณจะเกลียดหน้าผมขนาดไหน ผมเพียงต้องการให้ฟุริกลับมา...และผมรับรองว่าในครั้งนี้ผมจะไม่มีทางให้ฟุริเป็นอะไรไปอีกเด็ดขาด!!!"

    ...อย่าคิดว่าเขาจะยอมเชียวนะ! เรื่องอะไรจะให้ขวางเขาไม่ให้เจอฟุริล่ะ!? ถึงแม้รู้ว่าสาเหตุมาจากเขาก็ตาม! แต่ไอ้ความหวังในชีวิตบ้าบออะไรนั้นตอนนี้เขารู้ตัวแล้วเฟ้ย! ว่ามันคืออะไรและมันสำคัญจนไม่มีอะไรมาแทนที่ได้...นั้นคือตัวตนของฟุริฮาตะ โคกิ! นั้นคือความหวังในชีวิตทั้งหมดของเขาที่ต่อให้เป็นอะไรเขาก็จะมอบให้ทั้งหมดเลย! ต่อให้สูญเสียบาสที่เขารักไปตลอดกาลเขาก็ไม่สน! ขอเพียงฟุริกลับมาก็พอแล้ว!!!...

    "หื้อ? งั้นเหรอ?" เคียวเอียงคอน้อยๆ ก่อนที่จะยื่นสิ่งหนึ่งที่รูปร่างคล้ายไข่ไก่ที่มีเปลือกสีน้ำตาลแวววาวสวยงามให้อาโอมิเนะ "งั้นลองพิสูจณ์สิ...ว่านายมีค่าพอที่ฉันจะยกโคกิให้ได้หรือเปล่า?"

    "จะให้ทำอะไรก็ว่ามาเลยครับ!" อาโอมิเนะตอนนี้จะบุกน้ำลุยไฟก็ยอม!

    "ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ถือไข่ใบนี้ไว้แล้วยืนเฉยๆ ...แต่ห้ามทำตกแตกนะเว้ย!" เคียวยัดไข่ใบน้อยใส่มืออาโอมิเนะ

    "ครับ?" อาโอมิเนะรับไขใบน้อยมาอย่างงงๆ และหลังสัมพัสไม่ถึงสามนาทีก็...

    เปรียะ!!!

    ...เสียงเปลือกไข่แตกออกเบาก่อนที่จะตามด้วยแสงสว่างจ้าที่ดูอ่อนโยนจนมองสบายตา แม้จะสว่างมาก็ตาม...แสงนั้นค่อยๆ คืบคลานออกจากไข่ใบน้อยและเริ่มขยายใหญ่ขึ้นจนอาโอมิเนะตนเอามืออีกข้างโอบไว้เพียงไม่ให้แสงที่ขยายใหญ่นั้นตกพื้น หลังผ่านไปสักพักแสงนั้นก็ค่อยๆ สลายไปและเผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ในอ้อมแขนอาโอมิเนะว่ามันคืออะไร

    "โอ้! สามารถทำให้พลังมากพอตีเปลือกไข่ออกมาเองได้แล้วแฮะ" เคียวหัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดีกับสีหน้ามุ่ยๆ ที่ไม่เห็นมานาน...ดูท่าหมอนี่จะมีค่าพอยกน้องให้แฮะ "แบบนี้สงสัยฉันต้องเตรียมรับน้อยเขยอ่ะสิ?"

    "โอ๊ย! พี่บ้าที่สุด! อยู่ๆ จับยัดเข้าไข่ได้! เห็นผมเป็นอะไรเนี่ย!?" ร่างที่เพิ่งออกจากแสงเมื่อครู่บ่นอุบ ดวงตาสีน้ำตาลใส่ค้อนใส่คนเป็นพี่ตน เรือนผมสีน้ำตาลดูเหยิงเหยิงทำให้ดูราวกับแมวที่เพิ่งไปมุดดงหญ้ามา

    "ไม่งั้นก็เอานายออกจากไอ้หัวน้ำเงินนี่นานๆ ไม่ได้นิ...วิธีเดียวที่จะเอานายออกมาแถมสภาพร่างกายเต็มร้อยก็มีแต่ยัดนายกลับเข้าไปให้อยู่ในสภาพก่อนเกิดนี่นา" เคียวยักคิ้วอย่างกวนโอ๊ยที่สุด

    "ฟ..." อาโอมิเนะไม่สนใจเสียงเถียงกันของทั้งสองเลยสักนิด ดวงตาสีน้ำเงินมองสิ่งตนกำลังอุ้มอย่างตกใจและ...ยินดี "ฟุริ!!!"

    "โอ๊ย! อาโอมิเนะ! อย่ากอดสิ! มันอึดอัดนะ!" เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลโวยขึ้นนิดๆ ก่อนที่จะสะดุ้งเมื่อหยาดน้ำตกกระทบร่างตน "อาโอมิเนะ? เป็นอะไรไปน่ะ? โอ้ๆ อย่าร้องสิ...โดนพี่ฉันแกล้งเหรอ?"

    "ฟุริ..." อาโอมิเนะกอดอีกฝ่ายแน่ขึ้นไปอีก "...ยินดีต้อนรับกลับมานะ"

    "อ...อื้อ..." ฟุริฮาตะตอบกลับอย่างงุนงง ก่อนที่จะตบหลังอีกฝ่ายเบาๆ "...ฉันกลับมาแล้ว อาโอมิเนะ"

    หลังจากที่อาโอมิเนะน้ำตาแตกอยู่พักใหญ่ๆ ฟุริฮาตะก็ปลอบอีกฝ่ายได้สำเร็จก่อนที่เริ่มคุยรำลึกความหลังกับแต่ล่ะคนเล็กน้อย และสุดท้ายทุกคนก็เริ่มพากันมานั่งจับเข่าคุยกัน

    "สรุป...พี่แกล้งอาโอมิเนะจริงๆ สินะ?" ฟุริฮาตะเอ่ยถามขึ้นมาขณะที่...นั่งบนตักอาโอมิเนะที่ไม่ยอมปล่อยตนเสียที

    "ก็เห็นหน้าแล้วหมั่นไส้นิ" เคียวเอ่ยขณะยกชาที่เจ้าของบ้านอย่างคุโรโกะเอามาให้ขึ้นดื่ม "แถมถือว่าแก้เผ็ดที่เกือบทำนายตายด้วย"

    "ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะว่าพี่เล่นแอบเอามนต์ตราผมกับอาโอมิเนะไว้เนี่ย" ฟุริฮาตะเอ่ยแก้ต่างให้คนผมน้ำเงิน

    "ไม่รู้ไม่ชี้" เคียวเอ่ยอย่างกวนโอ๊ยที่สุด "โอ๊ย! ตีฉันทำไมอ่ะ!? โชจิ!"

    "หมั่นไส้นาย..." โชจิตอบไปตรงๆ "...นายอย่าทำตัวให้น่าปวดหัวตามโชโงะมันสิฟะ! ไม่งั้นฉันได้ตีหัวนายตามโชโงะไปอีกคนแน่!"

    "จ๋าจ๊ะ เมียจ้า~~~" เคียวขานกลับอย่างน่าถีบเป็นที่สุด

    "ใครเมียแกฟะ!?" โชจิโยนหนังสือเล่มหนึ่งใส่

    "นายไง" เคียวหลบวืด

    "ไอ้บ้า!" โชจิแยกเขี้ยวใส่

    "อย่าพยายามพังบ้านผมกันสิครับ" คุโรโกะเอ่ยห้ามก่อนที่จะมีคนพังบ้านตนเสียก่อน "ว่าแต่ฟุริฮาตะคุง...คุณจะเอาไงต่อเหรอครับ? สนใจจะทำเอกสารปลอมแบบคางามิคุงเพื่อจะไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ กันดีไหมครับ?"

    "เอกสารปลอม?" ฟุริฮาตะมองคนผมฟ้าอย่างงงๆ

    "ทำไงอ่ะ?" เคียวถามอย่างไม่เข้าใจ...มันทำเอกสารปลอมได้ด้วยเหรอฟะ? บื้อๆ อย่างคางามิมันเนี่ยนะ?

    "ถ้าได้ก็ดี...หมอนี่จะได้มาช่วยกันทำมาหากินหน่อย" โชจิยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจนัก

    "ครับ...พอดีคนที่พ่อเขาไปเป็นเทวดาประจำตัวน่ะช่วยทำให้ครับ ไปขอน่าจะได้" เด็กหนุ่มผมสีเพลิงตอบเมื่อเห็นสายตาของเคียวมองมาที่ตน

    "พ่อนาย...อ๋อ โสระซังสินะ? ถ้าจำไม่ผิดคนที่โสระซังคุ้มครองอยู่ชื่อ..." เคียวทำหน้าครุ่นคิดนิดๆ "...อาคาชิ มาซาโอมิหรือเปล่าหว่า?"

    "ห๊า!?" ทุกคนหันขวับไปที่ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทันที

    "มีอะไรกันเหรอ?" เคียวถามเมื่อทุกสายตามองมาที่ตน

    "ขอโทษนะครับ เมื่อกี้บอกว่าคนที่พ่อคุ้มครองชื่ออะไรนะครับ?" คางามิเริ่มคิ้วกระตุก

    "อาคาชิ มาซาโอมิไง...หรือมาซาอะไรสักอย่างนี่แหละ" เคียวเอ่ยย้ำในความจริงที่ทุกคนไม่อยากเชื่อนัก

    "ให้ตายสิ..." คางามิถึงกับคุมขมับ "...ถึงว่าทำไมนามสกุลอาคาชิมันคุ้นๆ"

    "เอาน่าครับ...คิดแง่ดีอย่างน้อยนั้นก็คุณพ่ออาคาชิคุง ไม่ใช่ตัวอาคาชิคุงน่ะครับ คุณพ่ออาคาชิคุงกับคุณพ่อคุณน่าจะอายุพอๆ กันคงพอเข้ากันได้นะครับ" คุโรโกะเอ่ยปลอบ

    "ไหงมันใกล้ตัวแบบนี้เนี่ย?" ฟุริฮาตะไม่คิดว่ามันจะบังเอิญขนาดนี้

    "นั้นสิ" อาโอมิเนะเห็นด้วยอย่างยิ่ง

    "สักวันฉันจะไปล้างซวย..." โชจิกรอดตาไปมา

    "...นี่ฉันพูดอะไรผิดเนี่ย?" เคียวเกาหัวอย่างงงๆ กับท่าทางของแต่ล่ะคน เสียแต่ด้วยความซ็อกทำให้ไม่มีใครสนใจเคียวเลย

     

     

     

     

     

    "อาโอมิเนะ...แบบนี้จะดีเหรอ?" เสียงถามสั่นๆ ดังออกมาจากเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลที่เกาะแขนร่างสูงกว่าตนอยู่

    "ดีสิ...รับรองซัทสึกิก็คงดีใจจนร้องกริ๊ดแน่" คนผมน้ำเงินยักไหล่ขณะที่ก้าวขายาวๆ ไปที่โรงยิมเพื่อพบคนคนหนึ่ง "จะกลัวอะไรเล่า เอกสารปลอมที่พ่ออาคาชิทำรับรองไม่มีใครดูออกหรอก"

    ...ขนาดคนลูกยังเทพขนาดนั้น คนพ่อคงไม่มีทางทำในเรื่องที่แม้แต่อาคาชิเองก็ทำได้ไม่ได้หรอก...

    "ก็...มันเสี่ยวอ่ะ" ฟุริฮาตะทำเสียงอ้อมแอ้ม

    "ไม่เป็นไรหรอกน่า ทีคางามิกับมายุสุมิซังยังไม่มีใครสงสัยเลย" อาโอมิเนะเอ่ยปลอบพลางนึกย้อนไปถึงตอนที่ขอให้อาคาชิ มาซาโอมิช่วยทำเอกสารปลอมให้ฟุริฮาตะ โคกิและฟุริฮาตะ เคียว...

    ...ตอนนั้นพอไปถึงเด็กหนุ่มสี่กับชายหนุ่มสองก็แทบเงิบเมื่อเห็นคนผมเงินที่คุ้นตาอยู่ในสภาพมีปีกโผล่มากลางหลัง...ต่อให้บ้ายังไงก็ดูออกว่าคนผมเงินนั้นไม่ใช่มนุษย์ปกติธรรมดาสามัญแน่

    ...และก็เป็นดั่งคาดเมื่ออาคาชิ เซย์จูโร่ที่อาโอมิเนะกับคุโรโกะโทรมาขอให้ช่วยพวกตนหาทางได้พบผู้เป็นพ่ออีกฝ่ายเดินมามองคางามิกับฟุริฮาตะทั้งสองในสภาพเทวดาก่อนจะบอกว่านายมายุสุมิ จิฮิโระเป็นเทวดาประจำตัวตน...เล่นซะแทบสมองหยุดทำงานกันทีเดียว ก็ใครจะคิดว่านายจืดจางของราคุซันจะไม่ใช่คนล่ะ!

    ...หลังจากนั้นอาคาชิก็หาทางใดก็ไม่ทราบทำให้ผู้นำของตระกูลอาคาชิยอมออกมาพบพวกเขา...ซึ่งคาดว่าคางามิคงบอกให้พ่อตัวเองช่วยด้วยนั้นแหละ เลยทำให้รายนั้นยอมทำเอกสารปลอมให้สองพี่น้องฟุริฮาตะอย่างง่ายดาย

    "...ฉันโกหกไม่เนียนเท่าสองคนนั้นนะ" ฟุริฮาตะกรอดตาไปมา...รู้ทั้งรู้นะว่าเขาโกหกห่วยแตกขนาดไหน! เมื่อก่อนเคยมีถึงขั้นเด็กอนุบาลมองสีหน้าเขาออกเลย!

    "ก็ไม่ได้จะให้โกหก...แต่ให้พูดความจริงไม่หมดต่างหาก" อาโอมิเนะตอบกลับ...คิดว่าเขาจำไม่ได้เหรอว่าอีกฝ่ายโกหกห่วยขนาดไหน!?

    "...แน่ใจนะว่าจะได้?" ฟุริฮาตะเอ่ยอย่างไม่แน่ใจ

    "ไม่ลองไม่รู้" อาโอมิเนะเอ่ยพร้อมกันนั้นเองก็เดินมาถึงหน้าโรงยิมพอดี เด็กหนุ่มผิวเข้มก็รีบเปิดประตูโรงยิมทันทีขณะที่มืออีกข้างจับตัวฟุริฮาตะไว้เพื่อกันอีกฝ่ายเกิดกลัวและหนีไปเสียก่อน

    "อาโอมิเนะ!?" เด็กหนุ่มผมสีเหลืองซีดแทบทำลูกบาสในมือร่วงเมื่อเห็นคนที่ไม่น่าจะมา ณ ที่นี่เองได้มากที่สุดโผล่มาให้เห็น "ตาย...วันนี้ฝนตกแน่!"

    "ฝนบ้าอะไรตกในหน้าหนาวกัน!" อาโอมิเนะแยกเขี้ยวใส่คนที่พูดด้วยน้ำเสียงเหมือนว่าการมของตนจะทำให้โลกถล่มอย่างนั้นแหละ "ช่างเถอะ...แล้วโค้ชอยู่ไหนล่ะ? วากามัตสึซัง?"

    "ก็อยู่...หื้อ? นายพาใครมาเนี่ย? หน้าคุ้นๆ..." วากามัตสึมองคนผมสีน้ำตาลที่อาโอมิเนะจูงมาด้วยสีหน้าครุ่นคิด "...เฮ้ย! นี่มันเพื่อนนายที่โมโมอิบอกว่าหายตัวไปนี่หว่า!?"

    "นี่ซัทสึกิบอกนายเหรอเนี่ย!?" อาโอมิเนะทำหน้ามุ่ยเมื่อรู้ว่าเพื่อนสาวตนพูดเรื่องที่ควรเป็นความลับกับชาวบ้านไปเสียแล้ว "เอาเถอะ...รีบๆ บอกสักทีเถอะว่าโค้ชอยู่ไหน?"

    "อาโอมิเนะ...พูดดีๆ กับคนอายุมากกว่าหน่อยสิ" ฟุริฮาตะดุคนผิวเข้มเล็กน้อยอย่างเคยตัว

    "ไม่เห็นเป็นไรเลย..." อาโอมิเนะยักไหล่นิดๆ "...ว่าไง? วากามัตสึซัง? รู้หรือเปล่าว่าโค้ชอยู่ไหน?"

    "ด้านหลังนายไง..." วากามัตสึชี้ไปด้านหลังคนผิวเข้ม

    "ห๊า!?" เด็กหนุ่มทั้งสองที่ยืนหน้าประตูโรงยิมหันขวับไปมองด้านหลังตนเองทันที

    "มาเมื่อไหร่เนี่ยโค้ช!?" อาโอมิเนะถามอย่างฉงก...เขามั่นใจว่าไม่เห็นใครตามหลังพวกตนมานะ!

    "เมื่อกี้ตอนนายแว๊ดใส่วากามัตสึน่ะ" ฮาราซาวะ คัตสึโนริผู้เป็นโค้ชมองลูกศิษย์ตนพลางมองคนข้างกายอีกฝ่ายที่เริ่มตัวสั่นนิดๆ "แล้วนี่ใคร?"

    "เพื่อนผมครับ พอดีมีเรื่องนิดหน่อยเลยทำให้ไม่มีที่เรียนเลยจะมาถามว่าที่นี่พอมีการสอบแทรกชั้นหรือเปล่าครับ?" อาโอมิเนะถามอย่างง่ายๆ สั้นๆ ตามประสา

    "หื้อ? ไอ้มีน่ะมี แล้วไอ้เหตุจำเป็นของเพื่อนนายมันคืออะไรเหรอ? ถ้ามีเหตุผลดีฉันจะได้ไปขออนุญาตให้ผอ. รับเข้ามาเป็นกรณีพิเศษได้ แต่ถ้าเป็นแบบเกเรจนโดนไล่ออกจากโรงเรียนอื่นหรือมีคดีติดตัวทางนี่คงรับไม่ได้นะ" ฮาราซาวะเอ่ยดักไว้...ถึงแม้ดูแล้วคนผมน้ำตาลไม่น่าจะเป็นพวกก่อเรื่องอะไรก็เถอะ

    "คือว่าแบบนี้โค้ช..." วากามัตสึรีบเอ่ยเล่าเรื่องทั้งหมดที่รู้จากโมโมอิขึ้นมาก่อนที่อาโอมิเนะจะอธิบายแบบขอไปทีให้โค้ชตนฟังแทน "...เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละครับ"

    "สรุป...เพื่อนอาโอมิเนะคนนี้หายตัวไปเมื่อปีก่อนและไม่มีร่องรอยอะไรมาจนมาพบตัวเอาปานนี้สินะ?" ฮาราซาวะเอ่ยทวน

    "ครับ" วากามัตสึกับอาโอมิเนะขานรับขึ้นมาพร้อมกัน

    "ถ้าที่พูดเป็นความจริงคงพอจะขอผอ. ได้บ้างล่ะนะ..." ฮาราซาวะถอนหายจเบาๆ ก่อนที่จะจ้องมองที่คนผมน้ำตาล "...แล้วนายชื่ออะไรล่ะ?"

    "ฟ...ฟุริฮาตะ โคกิครับ" เด็กหนุ่มผมน้ำตาลเอ่ยตอบผู้อาวุโสกว่า

    "เรื่องที่วากามัตสึว่านี่จริงเหรอ?" ฮาราซาวะถามตรงๆ กับเจ้าตัวเลย

    "คือ..." ฟุริฮาตะที่เริ่มหลบตานิดๆ ด้วยความที่ไม่แน่ใจว่าการใช้วิธีพูดความจริงไม่หมดอย่างที่อาโอมิเนะบอกจะเนียนหรือเปล่า...

    "ทุกคน~~~ ข้อมูลคู่ซ้อมแข่งวันพรุ่งนี้มาแล้วจ้า~~~" ...ระหว่างที่ฟุริฮาตะกำลังจะเอ่ยนั้นเองเด็กสาวผมชมพูคนหนี่งก็เดินเข้ามาพร้อมกับเด็กหนุ่มหน้าตาเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง ก่อนที่จะชะงัเมื่อเห็นคนผมน้ำตาล "น...นี่มัน?"

    "เป็นอะไรไปเหรอ? โมโมอิ?" อิมาโยชิมองเด็กสาวรุ่นน้องของตนที่ถึงกับทำแผ่นชาร์ทที่ถืออยู่ตกพื้นเมื่อเห็นคนแปลกหน้าคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าโรงยิมกับโค้ชตน "นี่ใครครับเนี่ย? โค้ช?"

    "เพื่อนอาโอมิเนะน่ะ" ฮาราซาวะตอบสั้นๆ ก่อนที่จะหลบฉากระหว่างเด็กหนุ่มผมน้ำตาลกับสาวเจ้าผมชมพูด้วยความที่รู้ว่าอาจมีสิ่งใดเกิดขึ้นต่อจากนี้...เขายังไม่อยากโดนเด็กรุ่นราวคราวลูกมองข้ามหัวหรอกนะ

    "แล้วไหงโมโมอิทำท่ายังกับเจอยูเอฟโอล..." อิมาโยชิเอ่ยถาม แต่ไม่ทันทีจะพูอจบก็เห็นเส้นผมสีชมพูยาวลอยผ่านหน้าตนพร้อมกับร่างของสาวเจ้ากระโดดกอดเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลแน่น

    "ฟุริคุง!?" โมโมอิกอดเด็กหนุ่มแน่นราวกับกลัวว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงภาพลวงตา "ฮือ~~ หายไปไหนมาน่ะ! เป็นห่วงแทบตายเลยรู้ไหม!?"

    "แฮะๆ ขอโทษทีนะโมโมอิ" ฟุริฮาตะยกมือลูกเรือนผมของอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน "อย่าร้องสิ เดี๋ยวไม่น่ารักนะ อีกอย่างกอดกันแบบนี้ระวังมีคนเอาไปลือจนคุโรโกะเข้าใจผิดขึ้นมาหรอก"

    "จ้ะ..." โมโมอิค่อยๆ คลายมือออกพร้อมกับยกมือข้างหนึ่งปาดน้ำตาของตนออก "...นี่...แล้วฟุริคุงหายไปไหนมาอ่ะ? เล่นอยู่หายไปเฉยเลย เล่นซะทุกคนตามหาแทบตายแหน่ะ!"

    "พอดีมีเรื่องนิดหน่อยน่ะ" ฟุริฮาตะส่งยิ้มแห้งๆ ให้

    "แล้ว..." ดวงตาสีชมพูเบนไปหาคนผมน้ำเงิน "...คนที่เจอฟุริคุงคือไดจังสินะ? ไปเจอฟุริคุงที่ไหนเหรอ?"

    "พอดีไปเจอตอนพี่ฟุริไปบุกรังโจรเพื่อช่วยฟุริออกมาน่ะ" อาโอมิเนะเอ่ยโกหกออกไปตามที่เตี๊ยมกับสถานการณ์ที่อาคาชิสร้างให้เพื่อไม่ให้สงสัยเรื่องที่ฟุริหายไปมากนัก

    "รังโจร? โดนลักพาตัวเหรอ?" อิมาโยชิที่ฟังบทสนทนาต่างๆ อย่างงงๆ หันไปขอให้รุ่นน้องผู้ที่จะได้รับตำแหน่งกัปตันทีมต่อจากตนในโรงยิมให้ช่วยอธิบายเรื่องต่างๆ ให้ตนฟังที

    "ดูท่าที่วากามัตสึบอกจะเป็นเรื่องจริงแฮะ" ฮาราซาวะถอนหายใจพลางมองความวุ่นวายของคนที่ไม่ได้เจอกันนานสามคนที่กำลังคุยปนปลอบสาวผมชมพูกันไป "แต่...ไหงตาขวากระตุกยิบๆ หว่า?"

    "คงกำลังจะมีเรื่องมาล่ะมั้งครับ" อิมาโยชิที่ฟังคำอธิบายาวากามัตสึหมดแล้วเอ่ยขึ้น

    "ปากเสียนะนายเนี่ย" ฮาราซาวะเอ่ย

    "หมอนี่ก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่ครับ..." ร่างเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาร่วมวง และมองเพื่อนแว่น (?) ของตน "...แต่ไอ้โชคร้ายที่ว่าเนี่ย...หมายถึงนี่หรือเปล่า?"

    "หื้อ?" อิมาโยชิมองตามมือของซุสะไป...และแทบคุมขมับทันที "มาไงกันเนี่ย!?"

    ...ไหงพวกทีมปาติหาริย์มากันครบเลยเนี่ย!?...

    "มาตามที่อาคาชิคุงบอกครับ" คุโรโกะเอ่ยหน้าตายก่อนที่จะ...พุ่งไปหาเด็กหนุ่มผมน้ำตาลด้วยความเร็วแสงทั้งกลุ่มเลย...

    ...แผนของอาคาชิคุง...รอบคอบดีจังนะครับ เล่นบอกทุกคนเรื่องนี่เพื่อกันไม่ให้อาโอมิเนะคุงเล่าเรื่องมั่วสินะ? แถมยังให้ทั้งเขาทั้งตัวเองมาตีหน้าตายทำเป็นว่าเพิ่งรู้เรื่องนี่เหมือนกันด้วย...

    "เฮ้ย! มากันไงเนี่ย!?" อาโอมิเนะที่ตกใจจริงๆ แบบไม่เสแสร้งสักนิดเอ่ยถามและมองไปยังคนผมแดง

    "พอดีรู้ข่าวเรื่องที่ฟุริฮาตะกลับมาแล้วน่ะ" อาคาชิเอ่ยพร้อมส่งซิกให้ว่า 'แผนฉันเอง ไม่ต้องตกใจ' ให้กับคนผมน้ำเงินและน้ำตาล

    "ใช่ครับ..." คุโรโกะเอ่ยสนับสนุน "...และคุณคงลืมบอกทุกคนแน่ ถ้าอาคาชิคุงไม่รู้ข่าวแล้วเป็นคนบอกเนี่ย"

    "ช่ายเลยยย อาโอมิเนจจิใจร้ายมาก! ไม่คิดจะบอกกันเลยเหรอ?" คิเสะทำแก้มป่องใส่คนผิวเข้ม ก่อนหันมายิ้มแฉ่งให้คนผมน้ำตาล "ยังไงก็เถอะ...ยินดีที่กลับมานะ! ฟุริฮาตัจจิ!"

    "ดีใจจริงๆ ที่ได้พบกันอีก..." มุราซากิบาระยื่นขนมสุดหวงให้ "...อ่ะ! ให้!"

    "ครบสามสิบสองดีสินะ?" มิโดริมะถอนหายใจอย่างโล่งอก พร้อมวางผลึกสีน้ำเงินใส่มืออีกฝ่าย "นี่ลักกี้ไอเทมของนาย...หวังว่าคราวหน้าคราวหลังนายอย่าหายตัวไปอีกนะ"

    "อ...อื้อ ขอบใจนะทุกคน" ฟุริฮาตะส่งยิ้มให้แต่ล่ะคนที่ดูท่าจะห่วงตนจริงๆ

    "เพื่อนนายนี่ดูเป็นคนดีจังเนอะ...แต่ทำไมคนที่นายติดหนึบต้องเป็นไอ้หัวน้ำเงินนี่ด้วยนะ" เสียงบ่นอุบอิบดังขึ้นมาทำให้แต่ล่ะคนสะดุ้งพร้อมมองที่ต้นเสียง...ซึ่งคือชายหนุ่มผมน้ำตาลที่คุ้นหน้าอาโอมิเนะดี

    "แกจะบ่นมากทำไมวะ? ไอ้เคียว!" ชายหนุ่มผมดำตบหัวเพื่อนตนแทบทิ่ม

    "รุนแรงอ่ะ! ถ้าเกิดสมองฉันหลุดขึ้นมารับผิดชอบด้วยนะเฟ้ย! โชจิ!" เคียวทำหน้ามุ่ย

    "อย่างนายต่อให้เหยียบระเบิดก็คงไม่เป็นไรเลยมั้ง" โชจิกรอดตาไปมา

    "เดี๋ยวๆ หยุดทะเลาะกันก่อนครับ..." อาโอมิเนะที่เอ่อกินกับการปรากฏตัวของทั้งสองเอ่ยขึ้น "...มากันได้ไงครับเนี่ย? ไม่ไปทำงานเหรอ?"

    "ก็ไอ้เคียวน่ะสิดันไปกวาดนักเลงไปหมดทั้งร้านที่ฉันทำงานจนโดนพวกนักเลงบ้าบอที่ไหนไม่รู้ขอให้ไปเป็นหัวหน้ากลุ่มมันน่ะสิ!" โชจิชี้ที่ตัวต้นเหตุอย่างเจาะจง "เล่นซะฉันอยู่ไม่เป็นสุขเลย! มีแต่ไอ้บ้าหลายๆ ตัวมาขอให้ช่วยพูดกับไอ้เคียวให้ทั้งนั้น! เล่นซะไม่มีเวลาแม้กระทั่งจะซ้อมดนตรีที่จะแสดงเย็นนี่เลย!"

    "อย่าบ่นดิโชจิ...เดี๋ยวแก่เร็วหรอก" เคียวเอ่ยก่อนที่จะต้องหลบบาทาที่ถูกส่งมาอย่างรวดเร็ว

    "ไอ้ตัวต้นเหตุอย่างแกไม่ต้องมาพูดเลย!" โชจิแยกเขี้ยวใส่ "แล้วแกรีบไปสมัครเรียนให้น้องแกเลย! นี่ทั้งแกทั้งอาโอมิเนะลืมหรือไงห๊าว่าแกต้องมารับรองให้โคกิด้วยน่ะ!!!"

    "เออ! ลืมสนิก!" ทั้งเคียวทั้งอาโอมิเนะเอ่ยพร้อมกันอย่างน่าถีบมาก

    "..." โชจิคุมขมับอย่างเหนื่อยสุดใจ

    "น้ำไหมครับ? โชจิซัง?" คิเสะยื่นขวดน้ำให้

    "ขอบใจ" โชจิรับขวดน้ำมาดื่ม

    "...บางทีนายเนี่ยดูน่าสงสารพอดูแฮะ" ฮาราซาวะเอ่ยกับฟุริฮาตะ "เอ้า! งั้นมาเขียนใบสมัครเรียนก่อนแล้วกัน...ขอเชิญคุณรับรองว่าเป็นผู้ปกครองด้วยครับ"

    "ครับ" ฟุริฮาตะขานรับก่อนเดินตามฮาราซาวะไป โดยมีโชจิที่ลากเคียวตามไปไม่ห่าง

    "..." ทุกคนในทีมปาติหาริย์มองหน้ากันเงียบๆ

    "พี่ชายฟุริฮาตัจจินี่...ดูเฮฮาดีเนอะ" คิเสะเอ่ยทำลายความเงียบเป็นคนแรก

    "ดูแล้วให้ความรู้สึกเหนื่อยใจชอบกลแฮะ" มุราซากิบาระมองคนที่ถูกลากไปอย่าง...ปลงนิดๆ

    "เพราะแบบนี้ล่ะมั้ง...ฟุริฮาตะถึงสนิกกับอาโอมิเนะได้น่ะ" มิโดริมะขยับแว่นตนอย่างเคยชิน

    "ไหงว่างั้นอ่ะ!" อาโอมิเนะโวยนิดๆ

    "แต่ก็จริงนะไดจัง" โมโมอิเอ่ยอย่างเห็นด้วย

    "อย่าทำตัวเป็นคนไม่ยอมรับความจริงหน่อยเลยครับ อาโอมิเนะคุง" คุโรโกะกัดอดีตเงาของตนเล็กน้อย

    "อย่าสามัคคีกันว่าฉันได้เปล่าเนี่ย!?" อาโอมิเนะทำหน้ามุ่ยเมื่อเริ่มโดนรุม

    "เอาน่าอาโอมินะ...คิดแง่ดีอย่างน้อยตอนนี้นายก็ได้สิ่งที่ต้องการกลับมาแล้วนิ? แลกกับการโดนแซวนิดแซวหน่อยจะเป็นไรไป?" อาคาชิเอ่ยพลางส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้

    "เฮ้อ..." อาโอมิเนะเริ่มกระตุกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย "...นั้นสินะ"

    ...อย่างน้อย...แสงสว่างอันอ่อนโยนของเขาก็กลับมาแล้วนี่เนอะ?...

    ...ต่อจากนี่ไปฉันไม่ยอมเสียนายไปอีกเป็นครั้งที่สองแน่นอน...ฟุริ...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    End



    Cr. เราวาดเองจ้า ถึงดูบูดๆ เบี้ยวๆ ไปหน่อยก็อย่าว่ากันนะ เรามีฝีมือแค่นี้อ่ะ (พอดีลืมหารูปลง)

    ปล. ดูจากคอมเม้นตอนก่อนดูท่าเชียร์คู่เคียวกับโชจิเยอะพอดูนะ เอาไว้คิดมุขออกเมื่อไหร่แล้วลองเขียนคู่นนี้ดีไหมหว่า?



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×