คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #150 : [??] เรื่องวุ่นวายของ s กับคนจากต่างมิติ (ุ6)
Title : เรื่องวุ่นวายของ s กับคนจากต่างมิติ (6)
Fandom : Kuroko no Basket
Paring : All + shiko
Notes : ยังคงความมั่วคือเดิม
................................................................
เรื่องวุ่นวายของ s กับคนจากต่างมิติ (6)
“แว๊ดดดด! สายแล้ว!!!”
“เฮ้ยๆ! กระเป๋าอยู่ไหน!?”
“ใครเอาแว่นฉันไปเนี่ย!?”
“แว่นนายหล่นอยู่นี่เฟ้ย! อิมาโยชิ!”
“ลักกี้ไอเทมฉันอยู่ไหน!?”
“อยู่นี่ชินจัง!”
“แว๊ด!!! อย่าเพิ่งมาพันแข้งพันขากันตอนนี้สิไอ้แมวบ้า!”
“โวยไปแมวมันคงฟังออกเนอะ!”
“อาโอมิเนจจิ! นั้นมันเนคไทฉัน! ของอาโอมิเนจจิอยู่นี่!”
“ฯลฯ”
เสียงโวยวายชนิดดังไปสามบ้านแปดบ้านดังออกมาจากบ้านหลังหนึ่งที่ตั้งเด่นอยู่หลังเดียวที่กลางทุ่ง พร้อมกับเสียงฝีเท้าหนักๆ วิ่งกันให้ว่องภายในบ้านจนน่ากลัวว่าพื้นบ้านจะพังชอบกล...ส่วนสาเหตุที่ทำเอาคนทั้งบ้านวิ่งวุ่นกันแบบนี้ก็ไม่ใช่อะไรมาก นอกจากหญิงสาวที่มักตื่นเช้าและปลุกทุกคนทุกวันดันตื่นสายน่ะสิ! ส่วนไอ้คนที่ตื่นเช้าอยู่แล้วแต่ล่ะคนก็ไม่คิดปลุกคนอื่นเลยสักนิด!...
...จนสุดท้าย...ก็กลายเป็นเช่นนี่แล
“ให้ตายเถอะ! ทำไมพวกนายไม่ปลุกกันเลยเนี่ย!?” หญิงสาวบ่นเป็นหมีกินผึ้ง...นี่ถ้าเพื่อนมันไม่โทรมาบอกว่าให้ใส่ที่จะใช้แสดงชุดเตรียมซ้อมใหญ่เลยในเช้าวันนี้ ต่อให้สิบโมงดีไม่ดีก็ยังไม่ตื่นนะเนี่ย! ไอ้มือถือที่ใช้เป็นนาฬิกาปลุกวันนี้ก็ดันเจ๊งเครื่องดับเองอีก! ใช้มาแค่สี่ห้าปีพังง่ายแท้!
“ก็ห้องเธอล็อกนิ จะให้ปลุกยังไงล่ะ?” เด็กหนุ่มผมแดงที่ตื่นเช้ากว่าชาวบ้านนั่งดื่มกาแฟอย่างใจเย็นระหว่างรอพวกที่เหลือตาลีตาเหลือกแต่งตัวกัน
“อย่างน้อยก็ตะโกนเรียกหน่อยเซ่! หรือไม่ก็ปลุกคนอื่นก่อน! ไม่ใช่รอเราตื่นแล้วให้ไปปลุกแต่ล่ะหน่อที่เหลือแบบนี้!” ชิโกะโวยลั่น
“ก็พวกนั้นปลุกไม่ตื่นนิ แถมพอฉันจะไปปลุกคนอื่นๆ ก็พากันห้ามหมดเลย” อาคาชิบู๊ใบ้ไปยังคนอื่นที่ตนว่า
“ก็นายเล่นจะเอากรรไกรไปเฉาะหัวคนอื่นใครมันจะะกล้าปล่อยไปห๊า!?” คนผมเงินค้อนใส่คนที่กล่าวหาตน
“ถ้าปล่อยไปมีหวังมีเหตุนองเลือดแน่” เด็กหนุ่มผมสีทองถอนหายใจออกมาเบาๆ
“เอ้าๆ อย่าบ่น รีบแต่งตัวเถอะชิโกะจัง...” เด็กหนุ่มหน้าสวยรีบห้ามก่อนที่จะมีเหตุให้ต้องปวดหัวกว่าเดิม “...ว้าย! ชิโกะจัง! เนคไทที่ไหนเขาผูกเงื่อนตายกัน!?”
“ก็มันผูกไม่เป็นนี่นา!” ชิโกะเถียงกลับพร้อมแกะเนคไทที่ตนมัดมัวๆ ออก
“ทำไม่เป็นก็บอกสิ! โธ่!” มิบุจิรีบคว้าเนคไทจากมือหญิงสาวมาก่อนที่อีกฝ่ายจะมัดมั่วจนรัดคอตัวเองตาย “และผมน่ะชิโกะจังไม่ต้องผูกหรอกวันนี้! ปล่อยผมเถอะเหมาะกว่า ส่วนเกิดรำคาญผมด้านหน้าก็เอากิ๊บเหน็บแบบปกติก็ได้”
“แล้วจะไม่โดนโวยเหรอ? ปล่อยผมแบบนี่เนี่ย?” ชิโกะถามขณะที่มิบุจิดึงหนังยางออกจากผมตนเสียดื้อๆ
“ก็บอกไปว่าเป็นทรงผมที่ทำตอนอยู่ทางนู้นแล้วกัน” มิบุจิเอ่ยพร้อมผูกเนคไทให้อีกฝ่าย
“...ดูวุ่นวายดีเนอะ” อาคาชิที่มองรองกัปตันทีมตนจัดการแต่งตัวให้หญิงสาวราวคุณแม่ (?) เอ่ยพลางอ้อนคนผมน้ำตาลที่นั่งข้างๆ ตน
“นั้นสิเนอะ...และคงวุ่นวายกว่านี่แน่ถ้าชิโกะไม่เลือกเอาชุดของช่วงฤดูร้อนมาให้เนี่ย” ฟุริฮาตะที่ถูกอาคาชิปลุกแต่เช้าเลยไม่วุ่นวายไปกับคนอื่นยิ้มแห้งๆ พลางมองความวุ่นวายเบื้องหน้า...ที่ดูท่าคงไม่จบลงง่ายๆ แน่
“แฮ่กๆ ในที่สุดก็...ทัน...” เสียงเบาๆ ปนหอบด้วยออกมาจากปากหญิงสาว ดวงตาหลังเลนท์แว่นมองไปยังผู้คนที่จัดเตรียมสถานที่อยู่
“แต่ก็เกือบไม่ทันนะ...” ชายหนุ่มหนึ่งเดินมาในชุดที่...ดูยังไงก็หางเครื่องในวงหมอลำชัดๆ “...ครูกำลังพูดพอดีเลยว่าใครยังไม่มาให้โทรตามน่ะ”
“และไม่ทันโทรเราก็มาพอดีสินะ?” ชิโกะกรอกตาไปมา
“ถูกต้อง...” ชายหนุ่มพยักหน้ารับพลางมองหนุ่มๆ ที่ยืนอยู่ด้านหลังเพื่อนสาวของตน “...เค้าว่านิชพาหนุ่มๆ ไปหาครูก่อนเถอะ ครูจะได้บอกลำดับการแสดงจริงๆ ไปเลย”
“โอเค” ชิโกะพยักหน้ารับก่อนที่จะพาเด็กหนุ่มทั้งหลายไปหาอาจารย์ที่คุมงานกิจกรรมเพื่อฟังรายละเอียดทั้งหมดของงานในครั้ง ซึ่งพออธิบายทั้งหมดจริงๆ อย่างถี่ถ้วนแล้วเล่นปาไปเกือบชั่วโมงครึ่งก่อนที่จะได้เริ่มซ้อมการแสดงกันจริงๆ ...
...โดยลำดับการแสดงนั้นเรียงง่ายๆ ตามระดับชั้น เริ่มจากปวช.3/3 ที่เลือกแสดงละครเวทีกันก่อนแล้วตามด้วย ปวช.3/2 ทีเลือกแสดงตลก ปวช.3/1 เลือกแสดงรำวงเป็นการปิดท้ายการแสดงในระดับปวช.
...ต่อจากนั้นก็จะเป็นการแสดง ปวส.2 ซึ่งทุกห้องขอจัดการแสดงแบบรวมกันทุกห้องไปเลยจะได้ไม่เสียงเวลา...ที่จริงในตอนแรกมีแค่เดินโชว์ตัวโชว์ชุด (ที่ส่วนใหญ่ขออาจารย์แต่งองค์ทรงเครื่องมาเต็มที่ และอาจารย์ที่เห็นว่ายังไงก็ปีสุดท้ายแล้วดันอนุญาติอีก) แต่ตอนนี้มีการแสดงของเด็กหนุ่มทั้งหลายมาเพิ่มอีก
...กำหนดการเลยเปลี่ยนเป็นเริ่มการแสดงระดับปวส.2 ด้วยการร้องเพลง ตามด้วยการเดินโชว์ตัวราวแฟชั่นโชวของเหล่านักศึกษา ปวส.2 (ที่โดยคัดหน้าตามาแล้ว) และปิดท้ายด้วยการเดินโชว์ของเหล่าเด็กหนุ่มบวกหญิงสาวอีกหนึ่ง
...หลังจากนั้นก็ถือจบหน้าที่ของพวกรุ่นพี่...ที่เหลือก็จะเป็นประกวดดาวเดือนของพวกปีหนึ่ง หรือง่ายๆ คือพวกรุ่นพี่เสร็จงานนี้จะไปไหนก็ไปได้เลย
“...ดูท่าตายอย่างเขียงแน่เรา” หญิงสาวเมื่อฟังกำหนดการทั้งหมดแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ไม่ตายหรอกน่า...” เด็กหนุ่มผมดำเอ่ยทั้งๆ ที่ดวงตาสีครามไม่ละจากแผ่นกระดาษแม้แต่น้อย “...ว่าแต่...เธอจะร้องสามเพลงรวดไหวเหรอ? ถึงฉันรู้ว่าเธอแอบเขียนอัพสกิลตัวเองมาก็เถอะ”
“แถมเธอร้องคนเดียวอิสึกิก็ว่างงานอ่ะดิ” เด็กหนุ่มหน้าจิ้งจอกเอ่ยต่อจากคนรักตน
“ก็จริงแฮะ...” ชิโกะเกาหัวนิดๆ อย่างคนเพิ่งนึกออก “...งั้นเอางี้...ร้องคู่มันทุกเพลงเลยแล้วกัน ส่วนจะแบ่งท่องร้องหรือร้องประสานกันกันไปเลยแบบเพลงแรกก็แล้วแต่อิสึกิแล้วกัน”
“แล้วแต่ฉันเหรอ?” อิสึกิที่โดนโยนหน้าที่มาให้เสียดื้อชี้ที่ตนเองอย่างงงๆ
“ก็ใช่น่ะสิ จะมีใครล่ะ?” ชิโกะถามกลับด้วยน้ำเสียงกวนนิดๆ
“ไม่ต้องกวนก็ได้นะชิโกะ...” อิสึกิบ่นเล็กน้อยก่อนที่จะทำหน้าครุ่นคิด “...ให้ฉันเลือกงั้น...เพลงแรกกับเพลงสุดท้ายร้องประสาน ส่วนเพลง Akaito ร้องแบบแบ่งท่อนเอา คนดูจะได้ไม่เบื่อ”
“โอเค ตามนั้น...เดี๋ยวแบ่งท่อนให้” ชิโกะหยิบมือถือออกมา
“...ชิโกะเวลาเอาการเอางานดูเป็นผู้เป็นคนดีเนอะ” เด็กหนุ่มผมดำเหลือบเขียวเอ่ยพลางมองหญิงสาวที่ก้มหน้าก้มตาทำงานของตนเอง
“ก็ต้องมีบ้างล่ะครับ...ไม่งั้นชิโกะไม่เรียนรอดมาจนปานนี้หรอก” อิสึกิถอนหายใจออกมาเบาๆ
“จะนินทาอะไรเอาเบาๆ หน่อยได้เปล่าเนี่ย? แหม...นินทากันต่อหน้าเลยนะพวกนาย...” ชิโกะเงยหน้าจะโทรศัพท์ขึ้นมาค้อนใส่เด็กหนุ่มทั้งสอง “...เดี๋ยวแม่แอบเขียนเติมเพิ่มให้ซวยทั้งคู่ซะนิ”
“อย่าเชียวนะ!” อิสึกิกับโมริยามะรีบห้ามก่อนที่หญิงสาวจะคิดเล่นอะไรแผลงๆ ...ซึ่งแน่นอนว่าการเล่นแผลงๆ ของรายนี่ย่อมปวดจิตสุดแสนชัวท์!
“ฉันว่าเธออย่าแกล้งสองคนนี่เลย...แค่ปกติเป็นพวกหล่อเสียของก็น่าสงสารอยู่แล้ว อย่าเพิ่มเรื่องให้สองคนนี่เลย” อิมาโยชิเอ่ยขึ้นมาเหมือนจะช่วย...แต่ฟังรวมๆ แล้วก็ดูแปลกๆ อยู่ดี
“เฮ้ๆ ที่พูดเนี่ยมันโดนฉันด้วยนะเฟ้ย!” มิยาจิแยกเขี้ยวใส่คนที่กำลังยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่
“แล้วไหงว่ากันงั้นอ่ะ!?” โมริยามะทำแก้มป่อง
“ผมแค่ชอบเล่นมุข ไม่ได้หล่อเสียของสักหน่อยนะครับ!” อิสึกิโวย
“แต่มันก็จริงตามที่อิมาโยชิพูดอ่ะน่ะ” ชิโกะหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนที่จะก้มหน้าก้มตาแยกเนื้อเพลงที่ตนกับอิสึกต้องร้องต่อ โดยปล่อยให้อิมาโยชิโดนพวกสามหน่อหล่อเสียของโวยไปแบบไม่คิดที่จะช่วยเลยแม้แต่น้อย...หลังจากนั้นเพียงไม่นานทุกคนก็โดนเรียกให้ไปประจำจุดเพื่อซ้อมใหญ่ ทำให้การเถียงกันเล็กๆ น้อยๆ นั่นยุติลงและพากันไปประจำที่ของตนเองตามที่โดนสั่ง...
...โดยที่เหล่าหนุ่มๆ โดนให้ไปอยู่ตรงระเบียงด้านข้างห้องประชุม ส่วนทางชิโกะ อิมาโยชิ คาซามัตสึ โมริยามะ อิสึกิ คิเสะและอาคาชิได้ไปอยู่ที่หลังเวทีเพื่อเตรียมการแสดง...ซึ่งพอมาถึงหลังเวทีชิโกะก็ยื่นกระดาษเนื้อเพลงที่แบ่งแล้วซึ่งเสกมาจากไหนไม่รู้ให้อิสึกิ
...ทางอิสึกิเองก็รับมาอ่านทวนเพื่อจดจำว่าตนต้องร้องส่วนไหนบ้างระหว่างที่รอให้ถึงคิวพวกตน และเมื่อผ่านไปราวๆ เกือบชั่วโมงครึ่งผู้ที่ทำหน้าที่เป็นโฆษกก็ประกาศให้พวกชิโกะขึ้นไปแสดง...ซึ่งพวกชิโกะเองก็เดินขึ้นเวทีกันหน้าตาเฉยพร้อมพยายามแสดงให้ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด จนการแสดงนั้นจบลงด้วยดีโดยที่ไม่มีใครหนี (?) ไประหว่างการแสดงเสียก่อน
...จากนั้นเมื่อแสดงดนตรีเสร็จพวกชิโกะก็ลงจากเวที โดยที่ด้านล่างพวกนักศึกษาที่แต่งตัวมาซะยังกับจะไปเดินแฟชั่นโชว์ก็ออกมาโชว์ตัวกันตามลำดับที่ถูกจัดไว้...และพอเสร็จจากตรงนี้ก็จะเว้นช่วงไว้หน่อยหนึ่งให้โฆษกแหย่ผู้ชมเล่นก่อนแล้วเหล่าเด็กหนุ่มทั้งหลายรวมทั้งพวกชิโกะที่ไปแสดงบนเวทีก่อนหน้านี่จะเดินออกมาโชว์ตัวตามลำดับที่จัดเอาไว้
...หลังจากที่เดินโชว์ตัวกันเสร็จก็เป็นอันเสร็จสิ้นการซ้อมใหญ่ในวันนี้และปล่อยให้แต่ล่ะหน่อไปหาข้าวหาปลากิน...ก่อนที่จะมาเริ่มการแสดงของจริงในช่วงบ่าย
“ชิโกะ...วันนี้กินอะไรกันดีอ่ะ? วันนี้ตื่นสายเลยไม่มีใครทำข้าวกล่องมาให้เนี่ย?” เด็กหนุ่มผมสีคาราเมลเอ่ยถามพร้อมตีหลังหญิงสาวดังป๊าบ
“เจ็บนะย่ะ! นี่ตบมามือหรือเท้าเนี่ย?!” ชิโกะหันไปแยกเขี้ยวใส่อีกฝ่ายพร้อมยกขาถีบคนผมสีคาราเมลอย่างแรง “ส่วนข้าวเที่ยง...เดี๋ยวเราไปเหมาขนมปังจากร้านใกล้ๆ นี่มาแล้วกัน ส่วนพวกนายรออยู่แหละ เราไม่อยากโดนพวกสาวโสดส่งสายตาอาฆาตมาให้”
“โอเค ตามนั้น” ฮายามะลูบหลังตนที่โดนถีบอย่างเจ็บนิดๆ
“งั้นไปล่ะ พวกนายนั่งรอมันในห้องประชุมหรือไม่ก็ด้านหลังเวทีแล้วกันนะ” ชิโกะเอ่ยก่อนที่จะ...โดดลงจากระเบียงชั้นสองลงไป!
“อ้าวเฮ้ย!?” เด็กหนุ่มทั้งหลายสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นหญิงสาวโดดลงไปด้านล่างเสียดื้อๆ พร้อมวิ่งไปเกาะราวระเบียงดูอีกฝ่ายและพบว่า...รายนั้นตอนนี้ยืนชิวๆ อยู่ที่ด้านล่างในสภาพที่ครบสามสิบสองดี “อย่าโดดลงไปดื้อๆ แบบนั้นดิ! หัวใจเกือบวายตาย!”
“พวกนายขี้ตื่นไปหน่อยมั้ง! รู้ก็รู้นิว่าเราไม่ยอมตายง่ายๆ น่ะ!” ชิโกะตะโกนตอบกลับ
“รู้! แต่มันอดตกใจไม่ได้เฟ้ย!” มิยาจิโวยลั่น
“แล้วนี่โดดลงไปแบบไม่กลัวกระโปรงเปิดเลยเนอะ!” มิบุจิคุมขมับกับหญิงสาวที่ทำตัวไม่ต่างจากเด็กๆ ที่ไม่สนใจอะไรนัก
“เออ...ไม่อยากขัดหรอกนะ แต่เมื่อกี้ตอนชิโกะโดดลงไปฉันเห็นชิโกะใส่ขาสั้นไว้ด้านในน่ะ แถมเป็นขาสั้นแบบยาวเกือบถึงเข่าอีก” อิสึกิเอ่ย
“ถึงนั้นมันก็ไม่ควรอยู่ดีนั้นแหละ!” มิบุจิถอนหายใจออกมาเบาๆ
“เอาน่าๆ! อย่าบ่นเป็นคนแก่ไปเลย!” ชิโกะตอบกลับพร้อมรีบเผ่นไปด้วยความเร็วแสงก่อนที่จะโดนใครบางคนเอาของปาหัวแตกเสียก่อย
“...หนีไปซะแล้ว” มายุสุมิมองตามร่างหญิงสาวที่หนีไปอย่างรวดเร็ว...ดูท่าจะอัพสกิลความเร็วของตัวเองมาด้วยสินะ?
“ก็ปกตินิ...ถ้ายัยนี่ไม่หนีก่อนโดนบ่นก็มักจะป่วนเสียจนปวดตับทุกทีนิ?” มิโดริมะขยับแว่นตาของตนอย่างเคยชิน
“นั้นสิเนอะ” เด็กหนุ่มทั้งหลายขานรับอย่างเห็นด้วยก่อนที่จะถอนหายในออกมาด้วยความเหนื่อยใจอย่างพร้อมเพรียง
“...ถ้าคำนวณตามระยะการแสดงทุกอัน ของเราเริ่มตอนบ่ายสองครึ่งสินะ?” เสียงถามเบาๆ ถามออกมาจากเด็กหนุ่มผมดำที่กำลังกัดขนมปังกินอยู่ ดวงตาสีครามมองไปที่หญิงสาวที่ยัดขนมปังเข้าปากแบบไม่มีความเป็นผู้หญิงเอาเสียเลย
“อ้าไอ่อีอะไอออาเอื่ออ็อาออั่อแอะ” หญิงสาวตอบทั้งๆ ที่ขนมปังยังเต็มปากอยู่
“กลืนก่อนแล้วค่อยตอบก็ได้” คาซามัตสึกรอกตาไปมาด้วยความปลง
“อื้อ...” หญิงสาวพยักหน้ารับพลางกลือนขนมปังลงคอก่อนที่จะคว้าน้ำมาดื่มทันที “...ถ้าไม่มีอะไรคลาดเคลื่อนก็ตามที่นายเดานั้นแหละ”
“ง้นเราถือว่ามีเวลาเตรียมการมากหน่อยสินะ?” คาซามัตสึถามต่อ
“ก็ประมาณนั้นแหละ” ชิโกะหยิบขนมปังอีกชิ้นขึ้นมากิน
“แต่...ถึงมีเวลาเตรียมการมากก็ยังมีเกร็งบ้างอยู่ดีนั้นแหละ” อิสึกิเดาได้เลยว่าระหว่างงานจริงที่มีคนมาดูกันเยอะเนี่ยต้องมีใครสักคนเกร็งจนพลาดแหงๆ
“ข้อนั้นไม่เถียง...เพราะเรานี่แหละที่จะเกิดอาการคนแรกเลย” ชิโกะรู้ตัวได้ในทันทีว่าตัวเองนั้น...ตื่นเวทีชัวท์
“สำหรับเธอเนี่ยฉันว่าเขียนสกิลหน้าด้านให้ตัวเองเพิ่มก็พอมั้ง?” อิมาโยชิเสนอความเห็นขึ้นมา
“ก็อาจจะ” ชิโกะพยักหน้ารับ
“...เรียกสกิลการแสดงดีกว่าไหมครับอิมาโยชิซัง? ไอ้สกิลหน้าด้านเนี่ยพอใช้กับการแสดงแบบนี่เหมือนกระทบถึงผมยังไงไม่รู้” คิเสะไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่รู้สึกเหมือนโดนว่าทางอ้อมชอบกล
“อ่ะๆ ก็ได้ๆ” อิมาโยชิที่ขี้เกียจเถียงหรืออะไรไม่ทราบตอบรับไปอย่างง่ายดาย
“จะอะไรก็ช่างมันก่อนเถอะ ตอนนี้ฉันว่าเรารีบๆ กินแล้วไปซ่อนตัวกันก่อนดีกว่า...คนเริ่มมาแล้วนะ...” โมริยามะบู้ใบ้ไปที่เด็กสาวสองคนที่เริ่มเดินเข้ามาภายในห้อง “...ถ้าเกิดมาเยอะกว่านี่มีแววโดนรุมทึ้งชอบกล...ถึงสองวันนี้จะไม่โดนอะไรเพราะกินข้าวที่ห้องบวกกับต่างติดเรียนกันก็เถอะ แต่วันนี้ว่างๆ กันหมดเลยเนี่ยมีแววนะ”
“ไม่ใช่ว่ามีแววล่ะ แต่ใช่เลยต่างหาก...แถมอาจโดนรุมมากพอๆ กับดาราหรือนักร้องอะไรพวกนี่เลยด้วยซ้ำ” ชิโกะเอ่ยพร้อมขย่ำๆ ซองขนมปังที่กินหมดแล้วลงถุงที่ตนใช้เป็นถุงขยะไป
“งั้นรีบๆ กินเถอะ...ฉันไม่อยากได้ความรู้สึกโดนรุมแบบที่คิเสะมันเคยโดนเท่าไหร่หรอกนะ” คาซามัตสึว่าพลางรีบกินขนมปังให้หมด เช่นเดียวกับเด็กหนุ่มคนอื่นๆ ที่ก็รีบกินเหมือนกัน...จากนั้นเพียงห้านาทีขนมปังจำนวนมากก็หมดลงอย่างง่ายดาย (ซึ่งส่วนใหญ่ลงท้องคางามิกับเนบุยะหมด)...
...หลังจากกินเสร็จและเก็บซากซองขนมปังแล้วหญิงสาวก็ไล่เด็กหนุ่มทั้งหลายไปที่ระเบียงข้างห้องประชุม โดยที่ตัวเองอาสาเอาขยะไปทิ้ง...จากนั้นเพียงไม่นานชิโกะก็กลับมารวมกลุ่มพร้อมกับลากเด็กหนุ่มทั้งหลายไปหาที่ซ่อนก่อนที่จะเกิดจารจลในห้องประชุมขึ้น
...ทุกคนก็เลยเลือกที่จะซ่อนอยู่แถวๆ หลังเวทีกันจนกว่าจะถึงการแสดงของตนเองกันทั้งหมู่นั่นแหละ...และหลังจากมาซ่อนอยู่จุดนี่ได้สักครึ่งชั่วโมงเสียงพูดคุยเจื้ยวจ้าวก็ดังขึ้นเรื่อยๆ เป็นดั่งตัวบ่งบอกว่าใกล้ถึงเวลาขึ้นทุกขณะ
...จากนั้นเพียงไม่นานเสียงของอาจารย์ที่เป็นผู้ควบคุมการแสดงกับพวกว่างงาน (คนที่ไม่โดนจับไปแสดงอะไรเลย) ก็ดังขึ้นเพื่อจัดระเบียบภายในห้องและเมื่อการจัดการคนในห้องกันเสร็จแล้วพิธีเปิดก็เริ่มขึ้น...ก่อนที่จะตามด้วยการแสดงชุดแรกที่เป็นการแสดงละครเกี่ยวกับปัญหาการตั้งครรท์ในวัยเรียน ชุดที่สองเป็นการแสดงตลกที่ขำกว่ามุขของอิสึกิเยอะ (เฮ้ยๆ! // อิสึกิ) ชุดที่สามเป็นการรำวงของภาคเหนือที่ตัวชิโกะเองก็จำไม่ได้ว่ามันเรียกว่าอะไร
...แต่ที่ชิโกะรู้แน่ๆ มีเพียง...เมื่อชุดการแสดงนี่จบจะเป็นตาของพวกตน
“นี่ๆ พวกนาย...” ชิโกะดึงแขนคาซามัตสึเบาๆ “...ไปที่หลังเวทีได้แล้ว ใกล้ที่จะจบเพลงแล้ว”
“โอเคๆ” คาซามัตสึพยักหน้ารับ “เฮ้...อิมาโยชิ โมริยามะ คิเสะ อิสึกิ อาคาชิไปกันได้แล้ว”
“ถึงเวลาแล้วสินะ?” อิสึกิบ่นขึ้นมาเบาๆ เหมือนกับว่ายังเตรียมใจไม่เสร็จ
“ใช่น่ะสิ...รีบไปได้แล้ว” ชิโกะเอ่ยย้ำพร้อมเดินนำไปที่หลังเวทีโดยมีพวกคนที่ต้องขึ้นแสดงของการแสดงชุดนี่ตามหลังมา...พร้อมเดินขึ้นหลังเวทีเพื่อเตรียมตัวที่จะขึ้นบนเวทีทันทีที่นางรำทุกคนกลับเข้ามาที่หลังเวที...
...พอพวกชิโกะเดินขึ้นมาที่หลังเวทีได้เพียงไม่ถึงนาทีเหล่านางรำก็กลับเข้ามาที่พอดี...ทุกคนรอให้นางรำทั้งหลายทะยอยเข้ามาและออกไปทางด้านหลังจนหมดแล้วสักพัก เด็กหนุ่มหกกับหญิงสาวหนึ่งก็ค่อยๆ ก้าวเดินขึ้นไปบนเวทีด้วยท่าทางที่คิดว่าเป็นธรรมชาติมากที่สุดแม้จะมีสั่นๆ กันบ้างเมื่อทุกสายตาจับจ้องมาที่ตนก็ตาม
“อะแฮ่ม...เทคๆ หนึ่ง สอง สาม...” เมื่อเดินขึ้นมาประจำที่กันหมดแล้วชิโกะผู้ที่เป็นคนที่ศึกษาที่นี่นานที่สุดในหมู่ตอนนี้ก็ยกมือไหว้ครูบาอาจารย์ที่นั่งชมอยู่ด้านข้าง ก่อนที่จะเริ่มเอ่ยทักทายคนที่อยู่ด้านล่างเวทีก่อนที่จะเริ่มการแสดง “...สวัสดีท่านผู้อำนวยกาน คณะคนาจารย์ทุกท่าน และสวัสดีรุ่นน้องทุกคนที่อาจมีไม่ถึงสิบที่จำเราได้เพราะโดดมันทุกกิจกรรม...ในคราวนี้เราจะมาแสดงการร้องเพลงภาษาญี่ปุ่น ถึงแม้รู้ว่าส่วนใหญ่คงชอบเพลงแบบอื่นมากกว่าแต่ก็ช่วยทนๆ ฟังสามเพลงที่เราจะร้องด้วยแล้วกันน่อ”
“ชิโกะๆ ...เริ่มเลยเถอะ ฉันเริ่มสั่นแล้วอ่ะ” โมริยามะเอ่ยขึ้นมาเบาๆ ขณะมองผู้ชมทั้งหลายที่ขำกับคำพูดของชิโกะจนหัวเราะก๊ากออกมา
“โอเค...” ชิโกะพยักหน้ารับก่อนที่จะหันไปพูดกับผู้ชมต่อ “...งั้นเราจะเริ่มเพลงแรกล่ะนะ...เพลงแรกเพลง Tip-Off!! เริ่มได้!!!”
“อื้อ!” เด็กหนุ่มทั้งหลายขานรับพร้อมเริ่มบรรเลงทวนทำนองออกมาตามหน้าที่ของตน โดยที่อิสึกิกับชิโกะรอจังหวะที่จะเป็นเนื้อร้อง...และเมื่อดนตรีบรรเลงมาถึงท่อนที่เป็นเนื้อร้องทั้งคู่ก็ทำการขับขานบทเพลงออกมาทันที...
... (ตรงนี่จะเป็นเนื้อร้องน่อ ถ้าใครขี้เกียจอ่านกดฟังจากคลิปได้ที่รูปหัวใจ♡)
basukettobooru bu ninen
Izuki Shun / sebangou 5
Pojishon PG (pointo gaado)
Dajare ga umai dake ja nai ze!
TIP-OFF!!
Kyou mo pawaa zenkai de / kachi ni ikou ka
Atsuku nan na tte hou ga muri
Enjoy playing!!
Dare hitori yuzuru ki wa nai
Mezase NO. 1 / YES!! / seishun no MVP
Dou ka na / ii guai ni iigu(ru)ai
Ii ne! / kyou mo nakanaka saeteru na
Shun (shun!) ji ni (ji ni!) shiten wo kaetara
Naisu katto (naisu katto!)
Katto sukatto semeyou ka
Saa pureibakku
“Iruka wa iru ka? / iruka wa iru ka?
Iruka ga iru kara iru ka? kita kore!”
Mou ikkai
“Netto de nettou? / netto de nattou?
Setto de settouhan goyou de goyoujin! kita kore!”
Shikai no shikai mo
Shikai no shikai mo ryoukou da
Ore no shikai mo ryoukou!
TIP-OFF!!
Kyou mo pawaa zenkai de / kachi ni kita n da
Ippon! daiji ni iku zo
Buzzer Beater!!
Dare no me mo akirametenai
Ubae NO. 1 / YES!!
Oretachi de tsukamu n da
(CR. https://grimmfeather.wordpress.com/2014/07/13/translation-kuroko-no-basuke-2nd-season-vol-5「セイシュンtip-offmvp伊月ver-」/)
“เฮ้อ...” เมื่อจบเพลงชิโกะก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ พร้อมส่งยิ้มให้ผู้ชมทั้งหลายที่เริ่มส่งเสียงวี้ว้ายบ่งบอกถึงความชอบใจ...ที่ดูน่าจะชอบพวกหนุ่มๆ มากกว่าเพลงก็เถอะ “...เอ้า! ชอบกันไหมเอย? แต่ถึงไม่ชอบเราก็จะร้องต่อ...เพลงต่อไปเพลง Akaito นะ! เอ้า! เริ่ม!”
“...ฉันว่าเธอบอกว่าเริ่มเฉยๆ ดีกว่าไปกวนชาวบ้านเขาเล่นนะ” อิสึกิบ่นขึ้นมาเบาๆ ขณะที่คนอื่นๆ ที่ทำหน้าที่เป็นนักดนตรีชั่วคราวเริ่มบรรเลงทำนองของเพลงต่อไป
“เอาน่าๆ แทนที่จะบ่นเราไปเตรียมตัวร้องเพลงดีกว่า...เพลงนี่นายเริ่มร้องก่อนนะ” ชิโกะเอ่ยขึ้นมาเบาๆ
“รู้แล้วน่า...” อิสึกิตอบรับเบาๆ ก่อนที่จะเริ่มขับขานบทเพลงเมื่อมาถึงท่อนที่ตนต้องร้อง...
...(เหมือนเดิม...ตรงนี่จะเป็นเนื้อร้อง ถ้าใครขี้เกียจอ่านกดฟังจากคลิปได้ที่รูปหัวใจ ♡ ปล.ตัวหนังสือสีฟ้าคืออิสึกิ สีแดงคือชิโกะ สีม่วงคือร้องพร้อมกันน่อ)
Arekara ittai dore kurai, kimi to no kyori wa, hiraiteshimatta no
Machijuu ni ima nagareteru, aa kono utagoe wo, boku wa shitteiru
Kimi wo meguru “jijou” ni kuruu mainichi
Mukiau koto datte, dekinakunatteta
Iku ate no nai tegami wa shi ni kirenaiyo tte
Moji ni nari sokoneta mama, kimi wo sagashiteta
Nando kimi ni koishite, nando kimi wo urande
Kataku musunda ito, boku wo yasashiku shibaru
Dakara ienakute, imasara kimi ni furetakute, kurushikute
Nando mo iikaketa, sayonara
Zenbu jama ni naru ki ga shita, kono tegami mo sou, nayamu koto sae
Kawaranai mono wa nai, nara, aa bokura kono mama kawatteyuku no?
Kimi kara no otosata wa, zutto nai mama
Kuuhaku no toki ni omoi wo haseta
Sorezore ni miteita, atarashii tobira
Sono te de guytto oshiaketa, kimi ga mabushikatta
Marude kodomo mitai ni, tsunaida te wo hiite
Hashiridashisou ni naru, kimi no massugu na hitomi
Dakara ienakute, imasara kimi ni aitakute, kurushii yo
Kaite wa keshita raburetta ga, omoide to tomo ni kasanatta
“Kimi wo mamoru” to honki de sou omotteta, saisho no hito nanda
Nando kimi ni koishite, nando kimi wo urande
Kataku musunda ito, boku wo yasashiku shibaru
Dakara iwanakucha, sore demo kimi ga suki dayo tte
Nee hitori de sabishii tte, isso shinitai yo tte
Sunao ni naru koto de kimi wo komaraseta yoru
Mou daijoubu, tatoe donna mirai ga matteite mo
Kesshite kirase wa shinai, akai ito
(Cr. http://altamugs.tumblr.com/post/110154448807/akaito-mikitop-ft-rib)
“เอ้า! ต่อไป! เพลงสุดท้าย! เพลง justitia of life เริ่มได้!” ชิโกะเอ่ยทันทีที่บรรเลงทำนองเพลงเมื่อครู่จบลง เนื่องจากดูจากสีหน้าของคาซามัตสึแล้วคงทนสายตาของผู้คน (ซึ่งร้อยละ 98 เป็นผู้หญิง) ไม่ไหวแล้วจึงตัดสินใจรีบๆ แสดงให้จบไปเลย “ห้ามลมจับไปก่อนล่ะพ่อเคะน้อยคาซามัตสึ!”
“แค่นี่ไม่ทำให้ฉันลมจับหรอกน่า!” คาซามัตสึที่ได้ยินคำสุดแสนกวนโอ๊ยจากหญิงสาวและเริ่มบรรเลงทำนองของเพลงที่สาม เช่นเดียวกับชิโกะและอิสึกิที่เพียงได้ยินเริ่มดีดสายของเครื่องดนตรีในมือเส้นแรกก็เริ่มจับขานออกมาเลย...
...(เหมือนเดิม...ตรงนี่จะเป็นเนื้อร้อง ถ้าใครขี้เกียจอ่านกดฟังจากคลิปได้ที่รูปหัวใจ ♡)
Justice is still in my heart
Kimi ni todoke YUUSUTITIA
Kurayami ga tachikometa you na misuterareta machi de
Hitori kodoku wo utau kimi wo mita
Yomigaeru kioku ni kodama shite kimi no ude wo tsukamu
Koko ga yakusoku no chi da to shinjite
Tashikana kotae wa doko ni mo nai keredo
Kago no naka no kotori wa mezameta
Hane sae nai mama kodou wa kasoku shite
Bokura kono hi wo kono toki wo machi tsudzuketeta n da
Kanawanu inori ni sukui no ryoute wo
Umare kaware inochi no YUUSUTITIA
Donna kaze fuite ita tte
Kono koe wa kese yashinai
Ashita no bokura ni nokoseru mono wa nani?
Sora wo terase ichiru no YUUSUTITIA
Ichibyou datte kuruwasenai
Ubawareta sekai wo saa torimodose
Kasanari atte itsu no hi datte
Bokura wa tomo ni iru
Sabitsuita tobira ni te kazashite futatabi egaku ima
Kimi no kimi dake no uta ga hajimaru
Nakushita kotoba to kotoba no imi wo tsumugi awasete
Tsuyoku dare yori chikaradzuyoku sakihokoru sono ne wo
Douka tayasanaide
Boku ga boku rashiku aru koto kimi ga kimi rashiku aru koto
Sore ga hateshinai bokura no YUUSUTITIA
Kanawanu inori ni sukui no ryoute wo
Umare kaware inochi no YUUSUTITIA
Donna kaze fuite ita tte
Kono koe wa kese yashinai
Ashita no bokura ni nokoseru mono wa nani?
Sora wo terase ichiru no YUUSUTITIA
Ichibyou datte kuruwasenai
Ubawareta sekai wo saa torimodose
Itsuwari atte damasareta tte
Sore demo sotto hikari wa futte
Itsuka wa kitto kanarazu kitto
Boku ga kimi no kokoro tomosu kara
(Cr.http://voca-lyrics.blogspot.com/2013/10/kagamine-len-justitia-of-life-inochi-no.html?m=1)
“เฮ้อ...” เมื่อร้องจบเพลงสุดท้ายชิโกะก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ พร้อมเอ่ยกล่าวกับผู้ชมทั้งหลายก่อนที่จะลงจากเวที “...เอา! การแสดงของเราก็จบลงแล้ว! ขอขอบคุณที่ทนฟังเราแหกปากมาสามเพลงรวด! ต่อไปขอเชิญไปยลโฉมของเหล่า ปวส.2 ที่แต่งองค์ทรงเครื่องซะจนบางคนแทบจำหน้าเดิมกันเลยจ้า!!!”
“...พูดจาให้มันปกติทั้งประโยคบ้างไม่หรือไงเนี่ย?” อิสึกิบ่นขึ้นมาเบาๆ พร้อมมองหญิงสาวที่ยกมือไหว้พวกอาจารย์ก่อนเดินไปหลังเวที พวกอิสึกเองเมื่อเห็นหญิงสาวทำเช่นนั้นก็โค้งให้ผู้ชมทั้งหลายเล็กน้อยก่อนเดินลงหลังเวทีตามคนที่ชิ่งไปก่อน และพอพวกอิสึกิเดินออกมาจากหลังเวทีก็ชะงักเมื่อ...หญิงสาวที่เมื่อกี้ดูเป็นผู้เป็นคนดี (?) กำลังจะโดดหนีลงจากชั้นสอง
“เกิดอะไร...ขึ้นเนี่ย?” โมริยามะเอ่ยถามออกมาเป็นคนแรกเมื่อเห็นภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้า
“ก็ชิโกะเกิดเพิ่งนึกอายที่ตนทำบนเวทีขึ้นมาได้เลยรู้สึกอยากหนีไปซ่อนขึ้นมาน่ะ” ฟุคุอิอธิบายสั้นๆ ทั้งๆ ที่เกาะหลังคนที่ว่าอยู่
“เลยทั้งจับทั้งเกาะชิโกะไม่ให้แว่บไปไหนสินะ?” คาซามัตสึมองภาพตรงหน้าที่หญิงสาวถูกคนผมทองเกาะหลังโดยมีไอ้โย่งชาวจีนล็อกแขนต่ออีกที
“ถูกแล้วน่อ” หลิวพยักหน้ารับ
“ยัยนี่...บ้าไม่มีลิมิตจริงๆ” อิมาโยชินวดขมับตนเอง...นี่เป็นผลกรรมจากที่เขาเคยทำให้คนอื่นรู้สึกหลอนหรือเปล่าเนี่ย?
“อย่างยัยนี่สมควรปลงให้ได้เร็วมากที่สุดจริงๆ ...” คาซามัตสึถอนหายใจออกมาเบาๆ “...เอาเป็นว่าตอนนี้ช่วยกันหาทางไม่ให้ชิโกะโดดตึกหนีก่อนแล้วกัน”
“แล้วจะทำได้ดีล่ะฮะรุ่นพี่?” คิเสะถามขึ้นมาพลางเหล่มองชิโกะที่ใกล้จะสลัดสองตัวจริงแห่งทีมโยเซ็นหลุดอยู่แล้ว
“ไม่รู้สิ” คาซามัตสึเองก็ไม่รู้จะทำยังไงดีเหมือนกัน
“ง้นลองเอาของที่ชิโกะชอบมาล่อไหมครับ?” อาคาชิถามขึ้น “รับรอง...ได้ผลชัวท์”
“เอาของที่ชอบมาล่อ? ความคิดดีนิ...งั้น...” อิมาโยชิแสยะยิ้มออกมาทำให้คาซามัตสึขนลุกขึ้นมาเสียดื้อๆ “...เฮ้! ชิโกะ! ถ้าหยุดคิดที่จะหนีฉันจะถ่ายวิดีโอตอนฉัน×××คาซามัตสึไว้ให้เธอดูเล่นนะ!”
“จริงดิ!?” ชิโกะหยุดดิ้นทันทีพร้อมมองอิมาโยชิตาวาว ต่างกับคาซามัตสึที่ตัวแข็งทื่อไม่ต่างจากก้อนหินไปแล้ว
“จริง!” อิมาโยชิพยักหน้ารับ
“ขอคู่อิสึกิกับโมริยามะแถมด้วยได้เปล่าอ่ะ?” ชิโกะถามต่อ
“ฉันเกี่ยวอะไรด...” โมริยามะเมื่อได้ยินคำถามของหญิงสาวก็โวยออกมาทันที แต่ไม่ทันที่จะพูดจบประโยคก็โดนคนรักของตนปิดปากเอาไว้เสียก่อน
“ได้แน่นอนชิโกะ...จัดให้เลยล่ะ” อิสึกิยิ้มร่าเป็นการบ่งบอกว่า...อยากทำอยู่แล้ว ติดแต่เกรงใจเพราะว่าเป็นบ้านคนอื่นเท่านั้นแหละ
“แจ่มเลยงานนี้! งั้นไม่หนีล่ะ!” ชิโกะเอ่ยอย่างร่าเริงพร้อมกับ...สลัดฟุคุอิกับหลิวออกด้วยความเร็วแสง
“เฮ้ย! ไหงมุดออกไปเร็วแท้!” ฟุคุอิที่ยามนี่กลายเป็นว่าโดนหลิวอุ้มอยู่โวยลั่น “ตกลงนี่ถ้าจะหนีก็หนีได้ตั้งนานแล้วเหรอ!?”
“ก็ใช่น่ะสิ! แต่ที่เมื่อกี้ไม่หนีเพราะลังเลอยู่ว่าจะทิ้งพวกนายไว้นี่เลยดีหรือเปล่าน่ะ!” ชิโกะตอบพร้อมจับคิเสะมาเป็นโล่
“อย่าเอาฉันมาเป็นโล่สิ! ชิโกจจิ!” คิเสะสะดุ้งโหยงเมื่อสองตัวจริงจ้องมาทางตนด้วยสายตาอาฆาต
“ไม่รู้ไม่ชี้ไม่สน!” ชิโกะเอ่ยพร้อมโดดหลบฟุคุอิที่พุ่งเข้ามาหมายเขกหัวตนสักที “ไม่ได้แอ้มเราหรอก!”
“อย่าหนีนะเว้ยยัยบ้า! ก่อเรื่องให้ปวดหัวได้ตลอดสิน่า! ขอเขกหัวเธอสักทีเถอะ! สมงสมองจะได้เข้าที่เข้าทางบ้าง!” ฟุคุอิแว๊ดลั่นพร้อมไล่ล่า (?) หญิงสาวต่อ
“แล้วเรื่องอะไรเราจะอยู่เฉยๆ ให้โดนล่ะ!?” ชิโกะโดดข้ามหัวฟุคุอิหน้าตาเฉย
“เอ้าๆ หยุดเล่นกันก่อนเถอะ...” อาคาชิที่เห็นว่าความวุ่นวายมีแววจะขยายวงกว้างขึ้นเพราะหญิงสาวยามนี่ดันโดดไปเกาะต้นไม้เสียแล้วเอ่ยขึ้นมา “...ตอนนี้ฟุคุอิซังกับโมริยามะซังไปประจำตำแหน่งฝั่งนู้นก่อนดีกว่าครับ เกิดด้านในแสดงเสร็จเร็วขึ้นมาแล้วเตรียมตัวไม่ทันจะซวยเอานะครับ และชิโกะ...กลับมาประจำตำแหน่งได้แล้ว ช่วยทำตัวเป็นผู้เป็นคนอีกสักนิดเถอะ”
“เราก็เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้วนะตัวเธอ...” ชิโกะโดดกลับเข้ามายังระเบียงของห้องประชุม
“ถ้าอย่างนี่เรียกว่าเป็นผู้เป็นคนแล้วก็ไม่รู้จะว่ายังไงล่ะ” อาคาชิส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจ
“เอาน่าตัวเธอ อย่าทำหน้าเหนื่อยใจดิ” ชิโกะหัวเราะออกมาเบาๆ
“ฉันว่าคงไม่มีใครไม่เหนื่อยใจกับเธอหรอกนะชิโกะ...” ฟุคุอิกรอกตาไปมา “...เฮ้อ...ช่างเถอะ พูดไปเธอก็ไม่ฟังอยู่ดีสินะ?”
...แถมพอคิดๆ ดูแล้ว...ดีไม่ดีตื้บไปจะเพี้ยนกว่าเดิมอีกต่างหาก...
“ถูกต้องจ้า!” ชิโกะเอ่ยอย่างร่าเริง “ดังนั่นไม่ต้องหาทางกล่อมหาทางตื้บเราให้เหนื่อยเลย...เราจะป่วนจะกวนพวกนายอีกนานแน่นอน!”
“ไอ้คำพูดแบบนี่ไม่อยากได้ยินเฟ้ย!” ฟุคุอิคุมขมับ “เออๆ ช่างเถอะ...ไป โมริยามะ ไปประจำตำแหน่งพวกเราก่อนที่จะปวดจิตกว่านี้เถอะ”
“อื้อ!” โมริยามะพยักหน้ารับพร้อมสะกิดมือคนที่ปิดปากตนอยู่ให้ปล่อยได้แล้ว
“อุ๊ย! ขอโทษครับ ลืม...” อิสึกิที่เพิ่งนึกได้ว่าตนยังไม่ได้ปล่อยมือจากคนรักตนเองเลยยิ้มแห้งๆ ก่อนที่จะเอามือออกจากปากอีกฝ่าย
“ยังอุตสาห์ลืมกันได้นะอิสึกิคุง” โมริยามะทำแก้มป่องอย่างงอนๆ
“พอดีมัวปวดจิตกับชิโกะอยู่น่ะครับ” อิสึกิออกมาเสียงแห้ง
“เอ้าๆ อย่ามางอนมาง้อกันตอนนี้เลย...ไปประจำที่ได้แล้วจ้า!” ชิโกะที่เกิดอยากแกล้งคนหรืออะไรไม่ทราบเอ่ย “และไอ้ที่พูดก่อนหน้านี่อย่าลืมกันล่ะ! อิมาโยชิ! อิสึกิ! ไม่งั้นเราวางยาปลุกใส่พวกนายแล้วเอากล้องไปแอบถ่ายไว้เองจริงๆ ด้วย!”
“ไม่ลืมหรอกน่า! / ยังไม่ลืมไปอีกเหรอ!? / เคโอ โอเคเลย! / พรุ่งนี้ลุกไม่ขึ้นแน่ฉัน!” เด็กหนุ่มทั้งสี่เอ่ยพร้อมกันโดยอิมาโยชิยิ้มบางๆ คาซามัตสึคุมขมับด้วยสีหน้ากลัดกลุ้ม อิสึกิยกนิ้วให้ชิโกะและโมริยามะเริ่มหน้าซีดเมื่อนึกถึงอนาคตอันใกล้ที่อาจเกิดขึ้น
“จะอะไรเอาไว้ทีหลังเถอะ...นายมานี่ได้แล้วโมริยามะ” ฟุคุอิส่ายหน้าไปมาด้วยความปลงก่อนที่จะลากตัวโมริยามะไปประจำตำแหน่งที่ระเบียงอีกฝั่ง เนื่องจากมีแววว่าถ้าเกิดช้าหญิงสาวอาจทำให้ตนโดนกดเป็นรายที่สามของวันนี้ก็ได้
“เอาล่ะท่านผู้ชมทั้งหลาย! การเดินโชว์ของเหล่ารุ่นพี่ปวส. ก็ได้จบลงไปแล้ว! รายการต่อไป...คือรายการที่ทุกคนรอคอย...” ชายหนุ่มผู้ที่ทำหน้าที่โฆษกเอ่ยอย่างโชว์ลีลาในการพูดเต็มที่เสียจนผู้ฟังทั้งหลายเผลอคล้อยตามอย่างง่ายดาย “...นั้นคือ...การโชว์ตัวของเหล่าหนุ่มๆ นักเรียนแลกเปลี่ยนนั่นเองครับ! และแถมรุ่นพี่ปวส. คนหนึ่งที่ไปเรียนร่วมกับเหล่าหนุ่มๆ เมื่อไหร่ไม่รู้ด้วยอีกหนึ่ง! และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเชิญรับชมความน่ากิน เอ้ย! ความหล่อความน่ารักของเหล่าหนุ่มๆ ได้แล้วครับ!!!”
“กริ้ด!!!” เหล่าผู้ชมทั้งหลายกรีดร้องออกมาด้วยความชอบใจทันทีเมื่อประตูข้างห้องประชุมทั้งสองบานเปิดออกและเด็กหนุ่มสองเดินเข้ามา...
...คนแรกเดินออกมาจากประตูทางฝั่งขวาเป็นเด็กหนุ่มผู้มีผมและดวงตาสีฟ้าใส หน้าตาแลดูน่ารักเสียแต่สีหน้ากลับเย็นชา...ถึงอย่างนั้นก็เรียกเสียงจากชาวบ้านได้พอสมควร เจ้าตัวสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนสั้น ซึ่งตรงแขนเสื้อทังสองข้างมีเส้นสีฟ้าอยู่ สวมกางเกงขายาวสีดำรองเท้าหนังสีดำ ในมือถือป้ายที่น่าจะทำจากไม้ที่เขียนว่า ‘Seirin’
...คนที่สองที่ออกมาจากประตูฝั่งซ้ายเป็นเด็กหนุ่มผู้มีผมและตาสีเพลิง มีคิ้วสองแฉกซึ่งดูเป็นเอกลักษณ์มาก ดวงหน้าออกดุนิดๆ แต่ว่าพอรายนี่แจกยิ้มให้ชาวบ้านก็ทำเอาหลายๆ คนละลายไปกับความเทนชิ (?) ของเจ้าตัว เสื้อผ้าที่สวมใส่เหมือนกับรายแรก
...พอเด็กหนุ่มทั้งสองเดินมาถึงตรงกลาง คู่ที่สองก็ออกมาเหมือนดั่งที่ซัดซ้อมกันก่อนหน้านี่...เด็กหนุ่มสองคนนี่ต่างสวมเครื่องแบบเดียวกับคนที่ออกมาคู่แรก
...คู่นี่คนหนึ่งเป็นเด็กหนุ่มผมดำ ที่ดูเป็นมิตร หน้าตาออกหวานนิดๆ ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลที่ตัวสั่นตั้งแต่เดินเข้ามาภายในห้องประชุมราวกับ...ชิวาว่าตัวน้อย เรียกสายตาเอ็นดูจากคนดูได้มากพอดู
...และหลังจากนั้นคู่ที่สามก็ตามมา...คนที่ออกมาคนแรกเป็นเด็กหนุ่มผมเหลืองที่หน้าตาดี ยิ่งมีต่างหูสีน้ำเงินที่สวมไว้ที่หูข้างหนึ่งยิ่งเพิ่มความคูลให้เจ้าตัวไปอีก แถมมีออร่าดาราแผ่ออกมาอย่างชัดเจนจนเรียกกริ้ดได้มากกว่าเดิมสองเท่า เจ้าตัวสวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว ผูกเนคไทสีดำ และสวมกางเกงสีเทา ในมือถือป้ายที่เขียนไว้ว่า ‘Kaijou’
...ส่วนคนที่ออกมาเป็นคนที่สองนั้นเป็นเด็กหนุ่มผมสีดำเหลือบเขียว หน้าตาค่อนข้างหล่อ...หล่อชนิดที่ว่ายิ้มนิดเดียวเรียกเสียงฮือฮาได้มาก ก่อนที่เจ้าตัวจะสะดุ้งโหยงเมื่อเด็กหนุ่มผมดำที่ออกมาก่อนหน้าตนหันมาส่งยิ้มเหี้ยมๆ ให้
...คู่ที่สี่นั่น...คนแรกที่ออกมาเป็นเด็กหนุ่มผมดำ ตาสีคราม ซึ่งสวมชุดเหมือนสองคนก่อนหน้า หากแต่ท่าทางต่างกันลิบลับเพราะเจ้าตัวดูหน้าซีดๆ ไม่ได้ดี้ด้าแบบอีกสองคนที่สวมเครื่องแบบเดียวกัน
...และคนที่ออกมาคนที่สองของคู่ที่สี่นั่นเป็นเด็กหนุ่มผมดำ ตาสีฟ้าอมเทาผู้ที่ส่งยิ้มร่าไปทั่ว เจ้าตัวนั้นแต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตขาวและกางเกงสีดำเหมือนเครื่องแบบของที่นี่ต่างแค่เสื้อเป็นแขนสั้นแทนแขนยาว ในมือถือป้ายที่เขียนว่า ‘shutoku’
...คู่ที่ห้าเป็นเด็กหนุ่มที่สวมชุดเดียวกับคนที่ถือป้ายเมื่อครู่...คนหนึ่งเป็นเด็กหนุ่มผมและตาสีเขียว สวมแว่นตา ขนตายาวชนิดผู้หญิงหลายๆ คนยังอิจฉา หน้าตาหล่อ แต่ทั้งหมดนั้นยังไม่ดึงดูดความสนใจเท่าตุ๊กตาหมูสีชมพูในมือเจ้าตัว (เพราะก่อนหน้านี่ของที่เอามาไม่ค่อยเด่นเลยไม่ทันมีใครสักเกต) ส่วนอีกคนเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาออกสวย มีผมและดวงตาสีน้ำผึ้ง กำลังชักสีหน้าใส่คนที่ถือตุ๊กตามาด้วยเสียหน้าตาเฉย
...คู่ที่หกคนที่ออกมาคนแรกเป็นเด็กหนุ่มผมสีน้ำผึ้งที่มีหน้าตาละม้ายคล้ายกับคนผมสีน้ำผึ้งที่เพิ่งเดินออกมาก่อนหน้านี่ เพียงแต่รายนี่ดูจะแมนกว่า (?) และผมสั้นกว่า...คนที่สองเป็นเด็กหนุ่มผิวคล้ำคนหนึ่งที่หน้าตาหล่อแต่เหมือนโจร (เฮ้ยๆ! // อาโอมิเนะ) ผมและตาสีน้ำเงิน สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว ผูกเนคไทมีลายเฉียงๆ สีแดงสลับดำ สวมกางเกงขายาวสีน้ำเงิน ในมือถือป้ายเขียนว่า ‘Touou’
...คู่ที่เจ็ด คนแรกเป็นเด็กหนุ่มผมดำหน้าตาดูเจ้าเล่ห์ราวจิ้งจอก ยิ่งแว่นที่เจ้าตัวใส่ยิ่งทำให้ดูเจ้าเล่ห์ขึ้นไปอีก สวมเครื่องแบบเหมือนคนผมน้ำเงิน ส่วนอีกคนเป็นเด็กหนุ่มผมสีทองหม่นดูฟูๆ ...จนดูเหมือนพวกสัตว์จำพวกหนูหรือเม่น เจ้าตัวสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว ผูกเนคไทสีแดง สวมกางเกงลายสก็อกสีน้ำตาลออกเทา ในมือถือป้ายที่เขียนว่า ‘Yousen’
...คู่ที่แปดคนแรกที่ออกมาเรียกสายตาจากชาวบ้าน (ที่ไม่ค่อยมาเข้าแถว) พอดูกับความสูงสองเมตรกว่า ผมสีน้ำตาลของเจ้าตัวกระดกขึ้นเล็กน้อยคาดว่าตอนเข้ามาหัวคงชนกับขอบประตูเข้าให้ ดวงตาเรียวแบบคนจีนจ้องไปยังคนผมทองไม่วางตา คนที่สองเป็นเด็กหนุ่มผมดำที่มีใบหน้าหวานเสียจนผู้หญิงหลายๆ คนยอมแพ้ไปเลย แถมมีไฝที่ใต้ตาข้างหนึ่งเพิ่มเสน่ห์ให้เจ้าตัวอีก ท่าทางดูใจดีชวนให้ผู้คนอยากเข้าหา ยิ่งเมื่อเจ้าตัวส่งยิ้มหวานให้ผู้คนโดยรอบอย่างเป็นมิตรยิงทำให้เหล่าสาวๆ อยากตะคุบไว้เลย
...คู่ที่เก้า...แค่คนที่ออกมาคนแรกก็ทำเอาชาวบ้านอ้าปากค้างไปเลยกับความสูงที่มากกว่าเด็กหนุ่มชาวจีนที่ว่าสูงแล้วเสียอีก แต่เจ้าตัวก็หาได้ใส่ใจอะไรนักกับสายตาที่มองมา มือใหญ่ข้างหนึ่งถือถุงขนมเอาไว้ ส่วนอีกข้างนั่นเสยผมสีม่วงเช่นเดียวกับดวงตาของตนขึ้นเล็กน้อย เผยให้ทุกคนภายในห้องเห็นดวงหน้าที่ดูง่วงๆ ของเด็กหนุ่มได้อย่างชัดเจน
...ส่วนคนที่สองของคู่ที่เก้าเป็นเด็กหนุ่มผู้มีดวงตาและผมสีเงินสวย ดวงหน้าดูหล่อนิ่งสนิกแลดูลึกลับน่าค้นหา เจ้าตัวสวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีเทา กางเกงสีเทาอ่อน ผูกเนคไทสีดำ ในมือถือป้ายที่เขียนว่า ‘Rakuzan’
...คู่ที่สิบ...เป็นคู่ทีเรียกเสียงฮือฮาได้มากที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะทันทีที่ก้าวออกมาทุกคนกริ้ดกันลั่นห้องประชุมไม่เว้นแม้แต่ครูอาจารย์บางท่านด้วย
...คนแรกนั้นเป็นเด็กหนุ่มผมแดงผู้มีใบหน้าหล่อเหลาเกินคน ดวงตาสองสีดูทรงอำนาจกวาดมองไปรอบๆ พร้อมส่งยิ้มให้...แค่นั้นก็แทบทำให้ทั้งห้องเข้าสู่นิพานเลยทีเดียว ส่วนคนที่สองก็ไม่น้อยหน้า แม้เจ้าตัวจะมีผมสีดำไม่ได้โดดเด่นอะไร แต่ดวงตาสีฟ้าอมเขียงคู่สวยกับดวงหน้าที่สวยราวผู้หญิง พร้อมรอยยิ้มหวานนั้นก็มัดใจใครหลายๆ คนได้เหมือนกัน
...คู่ที่สิบเอ็ด คนแรกที่ออกมาเป็นเด็กหนุ่มผมสีคาราเมลท่าทางซุกซนราวเด็กๆ ดวงตากลมโตสีเขียวเข้มกวาดมองไปรอบๆ อย่างกระตือรือร้น ส่วนอีกคนเป็นเป็นเด็กหนุ่มผิวคล้ำกล้ามโต (?) หัวเหมือนลูกสนุ๊กซึ่ง...ถูกรัศมีของคู่ก่อนหน้าตนกลบตัวตนแทบมิดเลย
...คู่ที่สิบสอง...คู่สุดท้ายคนที่ออกมาคนแรกเป็นหญิงสาวผมสีออกน้ำตาล สวมแว่นสีม่วงเข้มที่คุ้นหน้าของคณะอาจารย์เป็นอย่างดี ที่ในวันนี้สวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีเทากระโปรงจีบรอบสีเทาเข้ม ผูกเนคไทสีดำ สวมถูกเทาข้อสั้นสีเทาเข้ม รองเท้าหนังสีดำ ผมที่ปกติถูกมัดเรียบร้อยปล่อยสยาย บนหัวมีกิ๊บรูปดอกไม้สีม่วงติดอยู่หนึ่งอัน
...และอีกคนที่เดินออกมาเป็นคนสุดท้ายนั้นเป็นเด็กหนุ่มผมดำดูท่าทางเป็นผู้ดี มีดวงตาสีน้ำตาลอมเทา มีคิ้วดกดำราวลูกอ๊อช สวมเสื้อสีขาวกางเกงสีดำ ผูกเนคไทสีม่วง ในมือถือป้ายที่เขียนว่า ‘Kirisaki Daichi’
...จากนั่นเหล่าเด็กหนุ่มบวกหญิงสาวอีกหนึ่งก็พากันเดินตามเส้นทางที่ถูกกำหนดไว้และเดินออกทางประตูหน้าเป็นอันจบการโชว์ในครั้งนี้...ถ้ามันเป็นไปตามกำหนดการล่ะนะ
...เพราะทันทีที่ออกมาจากห้องประชุมกันหมดและโฆษกบอกรายการแสดงต่อไปเหล่านักเรียนนักศึกษาในห้องกลับโวยขึ้นมาน่ะสิ! ว่าอยากทำความรู้จักหนุ่มๆ มากกว่านี่!
“...ความซวยถามหาอีกแล้วไง” ชิโกะคุมขมับเมื่อได้ยินเสียงที่แว่วมา
“เอาไงดีล่ะชิโกะ? ดูท่าทางด้านในตอนนี้วุ่นน่าดู” อิสึกิถามขึ้น
“จะให้ทำไงได้ล่ะนอกจาก...เข้าไปในห้องประชุมอีกรอบให้พวกนั่นน่ะ” ชิโกะถอนหายใจออกมาเบาๆ “และถ้าไม่เข้าไปเองมีแววจะโดนลากไปแทนแหง”
“ฉันก็ว่างั้น” อิสึกิพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย
“งั้นเข้าไปด้านในแล้วเตรียมรับมือกับดงซอมบี้ (?) กันเถอะ...” ชิโกะหัวเราออกมาด้วยสีหน้าเหมือนปวดจิตแล้วเดินเข้าไปในห้องประชุมที่กำลังวุ่นวายเต็มขั้นพร้อมกับเหล่าเด็กหนุ่มทั้งหลาย และตะโกนขึ้นมาแก้ต่างให้กับโฆษกที่กำลังทำอะไรไม่ถูกอยู่ “...เอ้าทุกคน! เนื่องจากเห็นว่าได้เสียงตอบรับดี...เรามีอีเว้นพิเศษให้! นั่นคือการได้พูดคุย ถ่ายรูป หรืออะไรก็ตามแต่ที่ไม่ใช่ดักตีหัวลากเข้าห้อง (?) ได้เป็นเวลาครึ่งชั่วโมง! ห้ามต่อเวลาด้วย! เพราะไม่งั้นกว่ากิจกรรมจริงๆ จะเสร็จคงปานไปค่ำแล้วแหง! สงสารคนที่ต้องกลับบ้านเร็วกับบ้านอยู่ไกลกันบ้าง! โอเคตามนี่นะ!?”
“โอเคค่ะ! / ครับ!” เหล่าผู้ชมทั้งหลายทั้งวัยรุ่น ผู้ใหญ่และคนแก่ (?) ขานรับพร้อมวิ่งกรูเข้ามาหาเด็กหนุ่มทั้งหลายซึ่งชิโกะลากเข้ามาภายในห้องอีกครั้งด้วยความเร็วแสง
“ฟู่...รอดแล้วเรา...” ชายหนุ่มที่รับหน้าที่เป็นโฆษกถอนหายใจออกมาเบาๆ พร้อมเดินเข้าไปหาหญิงสาวที่มาช่วยตนไว้ “...ขอบใจที่ช่วยนะนิช...เกือบแย่แหน่ะ เล่นท้วงกันทั้งหมู่เป็นเสียงเดียวกันแบบนี่เนี่ย”
“ไม่ต้องขอบคุณเราหรอก เปลี่ยนเป็นไปขอโทษไอ้พวกนั่นที่ต้องโดนรุมดีกว่า...” ชิโกะถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนที่จะสะดุ้งโหยงเมื่อ...มีคนวิ่งมาจับตนมาเป็นโล่กันคน “อะอ้าว? อาการกลัวหญิงกำเริบเหรอคาซามัตสึ?”
“ไม่ต้องมาพูดเลยยัยบ้า! ทำอะไรไม่ปรึษากันเลยนะ!” คาซามัตสึแยกเขี้ยวใส่หญิงสาว
“ก็มันไม่มีเวลานิ และถ้ามัวบอกพวกนายมีหวังหมอนั่นโดนเละแน่” ชิโกะบู้ใบ้ไปที่ชายหนุ่มผู้ทำหน้าที่เป็นโฆษก
“เอ้อ! ไม่เถียง! แต่ส่งซิกสักนิดให้ฉันหนีหน่อยก็ไม่ได้เนอะ!” คาซามัตสึโวยก่อนที่จะสะดุ้งเฮือกเมื่อ...เหล่าสาวๆ ที่ตนหนีเมื่อครู่ตามมาแล้ว “เอาเป็นว่าตอนนี้ช่วยฉันก่อนแล้วกันชิโกะ! โดนรุมแบบนี่ไม่ไหวนะ!”
“โอเคๆ ช่วยก็ช่วย...อย่าเพิ่งสติแตกดิ...” ชิโกะที่รับรู้ถึงแรงสั่นจากคาซามัตสึได้อย่างชัดเจนเอ่ย ก่อนที่จะหันไปเผชิญกับคนที่เข้ามาใกล้ “....หยุด! หยุดกันก่อนจ้า! ถ้าอยากคุยหรือถ่ายรูปกับคาซามัตสึขอให้มาทีล่ะคนเถอะจ้า! หมอนี่มัน...เออ ขี้อายกับผู้หญิง! มากันเยอะๆ แบบนี้หมอนี่เลยทำอะไรไม่ถูกน่ะ!”
“...แก้ปัญหาได้เด็ดมาก” คาซามัตสึเอ่ยขึ้นมาเบาๆ เมื่อเห็นว่าเด็กสาวหลายคนมีท่าทีที่จะเลิกรุมทึ้งตนแล้ว
“เรานับว่านั้นเป็นคนชมแล้วกันนะ” ชิโกะหัวเราะออกมาเบาๆ พลางเอ่ยกับเหล่าเด็กสาวที่มองคาซามัตสึตาเป็นมันต่อ “เอาล่ะ...งั้นเชิญต่อแถวเลยจ้า นับว่าตรงที่เรายืนนี่เป็นหัวแถวแล้วกันนะ”
“ค่า!” เหล่าสาวๆ เมื่อได้ยินดังนั่นก็พากันพยายามเพื่อเป็นหัวแถวอย่างสุดความสามารถ...ถึงดูวุ่นวายสักนิด แต่สุดท้ายก็จัดเรียงแถวกันได้สำเร็จโดยไม่มีใครบาดเจ็บ
“ดูท่าจะเรียบร้อยแล้ว...ที่เหลือจัดการเองนะคาซามัตสึ” ชิโกะเบี่ยงตัวหลบให้เด็กสาวคนแถวหน้าสุดได้เดินเข้าไปหาคาซามัตสึ
“...ก็ได้” คาซามัตสึพยักหน้ารับ และในขณะเดียวกันนั่น...
“เจอตัวแล้ว!” ...ก็มีชายหญิงจำนวนวิ่งเข้าหาชิโกะอย่างรวดเร็ว! “ขอถ่ายรูปด้วยหน่อยค่ะ / ครับ!”
“เอ๊ะ? เราเหรอ?” ชิโกะชี้ที่ตนเองอย่างงงๆ ...จะถ่ายรูปเราไปทำอะไรฟะ?
“อื้อ!” เหล่าหนุ่มสาวพยักหน้า
“เออ...ได้สิได้” ชิโกะขานรับไปอย่างเอ๋อๆ จากนั้น...สาวเจ้าก็โดนรุมทึ้งเป็นรายต่อไป โดยสาเหตุที่โดนรุมนั่นก็เนื่องมาจากเห็นว่าเป็นของแปลก (?) ที่นานๆ ทีจะโผล่มาร่วมกิจกรรมแบบนี้ อีกทั้งยังเรื่องที่เจ้าตัวทำในวันนี้สร้างความประทับใจให้หลายๆ คน (ที่ไม่รู้ความบ้าของเจ้าตัว) ก็เลยพากันมาถ่ายภาพคู่เป็นที่ระลึกนั้นเอง
“วันนี้...เหนื่อยกว่าโดนสั่งให้วิ่งรอบโรงเรียนสิบรอบอีก...” เสียงบ่นเบาๆ ดังออกมาจากปากเด็กหนุ่มผมดำอย่างไม่ขาดสาย “...เล่นซะหัวผมคิดมุขอะไรไม่ออกแล้วเนี่ย”
“ไอ้ตลกฝืนนั่นอย่าเพิ่งมาเล่นตอนนี้เลยเถอะ” เด็กหนุ่มผมสีน้ำผึ้งถอนหายใจออกมาเบาๆ พลางกินสับปะรดกระป๋องไป
“จะว่า...ไม่คิดเลยว่าจะเจอศึกหนักแบบนี่เนี่ย” เด็กหนุ่มหน้าตาเจ้าเล่ห์เอาคางวางลงบนโต๊ะ
“ฉันเพิ่งมารู้สึกว่าผู้หญิงน่ากลัวก็คราวนี้แหละ” เด็กหนุ่มผมสีดำเหลือบเบ้หน้าเล็กน้อย
“แต่คิดแง่ดี...อย่างน้อยเราก็โดนน้อยกว่าคนอื่นล่ะ...” เด็กหนุ่มผมดำตาสีครามเอ่ยพลางนึกถึงคนในกลุ่มแต่ล่ะหน่อที่ตอนนี้...สลบกันไปหมดแล้ว “...และถ้ายัยชิโกะไม่ช่วยฉันคงได้ไปนอนสลบอีกคนไปแล้วแหง”
“นั้นสิเนอะ...ถ้าชิโกะไม่ช่วยดีไม่ดีนายสลบมันตั้งแต่ในห้องประชุมนั้นแหละ” อิมาโยชิเดาได้เลยว่าถ้ารายนั่นไม่ช่วยเนี่ย...คนรักที่แสนขี้อายของตนคงระเบิดตัวเองตัดขาดกับโลกภายนอกไปนานแล้ว...
...ก็ขนาดคนที่โดนรุมทึ้งบ่อยๆ อย่างคิเสะยังไม่ไหว แล้วอย่างคาซามัตสึจะเหลือเหรอ?...
“แต่ว่าไมคิดเลยนะครับ...ว่ารับมือพวกผู้หญิงจะเหนื่อยขนาดนี่” อิสึกิเอ่ย
“เรื่องคราวนี้เล่นซะรู้สึกโชคดีเลยที่ถูกเรียกหล่อเสียของเนี่ย” โมริยามะถอนหายใจออกมาเบาๆ
“เห็นด้วยเลย” มิยาจิพยักหน้ารับ พลางนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี่...ที่พวกเขาทุกคนโดนรุมกันปานอยู่กลางดงซอมบี้ โดยคนที่โดนหนักสุดเห็นจะเป็นอาคาชิ รองลงมาก็มิบุจิ คิเสะและฮิมุโระ...
...ถ้าให้พูดกันจริงคือ...โดนหนักกันทุกคนนั้นแหละ ขนาดเนบุยะที่ดูไม่น่าจะมีหญิงเข้าหา (?) ยังอุตสาห์มีคนรุมเลยนิ
...ส่วนที่พวกเขาไม่สลบตามคนอื่นไปก็เพราะเขาดันไปไล่เชือด (?) เนบุยะกับฮานามิยะที่แอบเนียนลวมลามน้องเขา จนส่วนหนึ่งกลัวเขาจนไม่กล้าเข้าใกล้ อิสึกิกับโมริยามะรอดเพราะดันไปเล่นมุขแปลกๆ แล้วสาวหนีตามปกติ อิมาโยชิไม่รู้ไปมุดแอบมุมไหนถึงรอดได้ ส่วนคาซามัตสึนั้นรอดเพราะชิโกะช่วย
...ที่จริงนอกจากพวกเขาแล้วยังมีคนที่รอดอยู่อีกหน่อหนึ่ง ซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากอาคาชิ...แต่ที่ไม่มาร่วมวงบ่นกับพวกเขาเพราะเอาเวลาไปลักหลับ (?) แฟนตัวเองแค่นั้นแหละ
“นั่นคือคิดแง่ดีของพวกนายสินะ?” คาซามัตสึถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ก็นะ...” มิยาจิยักไหล่เล็กน้อย
“แล้วขนาดวันนี้ยังหมดก๊อกขนาดนี้...พรุ่งนี้จะไปเรียนไหวไหมนั้น?” โมริยามะเมื่อนึกภาพของแต่ล่ะคนที่กลับมาในวันนี้...เรียกได้ว่าแทบไม่มีแรงกลับบ้านเลยด้วยซ้ำ ขนาดชิโกะยังให้อาคาชิขับกลับให้แทนเลย
“ตามความคิดฉัน...ไม่น่า” อิมาโยชิกล้าพูดเลยว่าดีไม่ดีพรุ่งนี้เที่ยงจะตื่นหรือเปล่ายังไม่รู้เลย
“แต่ผมว่าน่าจะไหวนะครับ แต่ล่ะคนฟื้นสภาพตัวเองเร็วจะตาย” อิสึกิเอ่ยแย้ง
“นั้นสิ และนิสัยอย่างชิโกะเท่าที่ดูตอนเรียน...ไม่น่ายอมขาดเรียนง่ายๆ หรอก” คาซามัตสึเองก็คิดเช่นเดียวกัน
“ก็จริงอ่ะนะ” อิมาโยชิทีไม่คิดเถียงนี้เช่นกันพยักหน้ารับก่อนที่จะ...ทิ้งตัวไปนอนบนตักคาซามัตสึ “แต่มันเหนื่อยนี่นา...ขอชิโกะไม่ไปเรียนได้ไหมเนี่ย?”
“ไม่รู้เฟ้ย! แล้วมานอนอะไรตรงนี้เนี่ย!? ลุกไปซ้าาาาาาา!!!” คาซามัตสึพยายามดันอีกฝ่ายออก
“ไม่สนหรอกกกกก” อิมาโยชิลากเสียงยาวพร้อมเอื้อมมือไปกอดเอวคาซามัตสึไว้
“ไอ้บ้า!” คาซามัตสึแว๊ดลั่นพร้อมเขกหัวอิมาโยชิไปหนึ่งที
“อย่าส่งเสียงดังสิ เดี๋ยวมิบุจิเกิดความดันต่ำแล้วลุกขึ้นมาตื้บจะทำไง...” มิยาจิส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจกับสองคนที่เริ่มเถียงกันตามปกติ “...จริงสิ จะว่าไป...พวกนายต้องทำตามที่สัญญากับชิโกะไว้ก่อนหน้านี่ไหมเนี่ย?”
“...” เมื่อมิยาจิถามเช่นนี้คนที่เหลือก็เงียบลงทันทีจากนั้นอิสึกิกับอิมาโยชิก็เริ่มแสยะยิ้มออกมา ในขณะที่สองตัวจริงแห่งทีมไคโจวเริ่มที่จะหน้าซีด
“ถ้าอะไรแปลกๆ นะครับมิยาจิซัง...ในเมื่อมีโอกาสดีๆ มาอยู่ตรงหน้า...” อิสึกิยิ้มบางๆ พร้อมล็อกคอโมริยามะที่กำลังจะหนีไว้
“...ไม่มีใครไม่คว้าไว้หรอกนะ...ถึงมีสิ่งแลกเปลี่ยนเล็กๆ น้อยๆ ด้วยก็เถอะ” อิมาโยชิเอ่ยต่อพลางอุ้มตัวคาซามัตสึขึ้น
“เพราะงั้น...” เด็กหนุ่มสองคนที่เริ่มกลายร่างเป็นหมาป่ายิ้มร่า “...ฉัน / ผมย่อมทำมันแน่นอน! / ครับ!”
“อ...ไอ้บ้ามิยาจิ! ไปเตือนความจำพวกนี่ทำมายยยยยย!!!?” เด็กหนุ่มที่กำลังจะโดนกิน (?) ทั้งสองแว๊ดลั่นขณะที่โดนลากออกจากบ้าน...คาดว่าคงจะกลับเข้าเต้นท์ตัวเองเพื่อ ××× กันได้สะดวกๆ
“...” มิยาจิที่ตอนนี้เหลือนั่งอยู่คนเดียวมองคนที่โดนลากตัวไปพลางยิ้มแห้งๆ ออกมา “...อโหสิให้ด้วยนะโมริยามะ คาซามัตสึ...ลืมคิดไปน่ะ”
...หวังว่าเขาคงไม่โดนสองคนนั้นจะไม่มาเอาคืนเขาทีหลังนะ...
TBC.
Cr. 海月くろば
http://www.pixiv.net/
ตอบเม้นตอนที่ 149
pinwaris ซัง = ความซวยแจกจ่ายให้ชมแน่นอนจ้า! ไม่ต้องห่วง!!!
กุหลาบสีดำ นิรนามทมิฬ ซัง = ถูกจ้า! เพราะตอนนี้กริ้ดกระหึมดีมาก...
จบการตอบเม้น
ความคิดเห็น