ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fanfic knb by shiko

    ลำดับตอนที่ #155 : [AkaMayu] Stage

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.59K
      29
      3 มิ.ย. 59

    Title :  Stage

    Fandom : Kuroko no Basket

    Paring : Akashi x Mayuzumi

    Notes : s // มาแล้วกับผู้ได้ที่หนึ่งจากผลการโหวตจ้า! ...ได้แก่นายอาคาชิเจ้าเก่ารายเดิมที่เราอยากให้ทุกคนโหวตตกอันดับให้กลุ้มใจเล่นนั้นเอง!

    อาคาชิ // ...ไม่กวนสักครั้งจะเป็นอะไรมากหรือเปล่าเนี่ย?

    S // ก๋ไม่หนุกเราไงตัวเธอ

    อาคาชิ // ...

    S // หวาๆ อย่าเงียบสิ! ตอบกลับอะไรหน่อยสิ!

    อาคาชิ // ...

    S // ว้า แบบนี้ก็แกล้งไม่มันส์ดิ...งั้นรีบลงฟิคไปเลยก่อนเราอารมณ์เสียแล้วถีบนายให้หายเงียบเลย #เสกประตูให้

    อาคาชิ // ฉันคงอยู่ให้โดนหรอก และที่เงียบเนี่ย...เพราะเธอจะได้ไม่นึกคึกแกล้งฉันต่างหาก #หนีเข้าไปในประตู

    S // เฮ้ย! พูดงี้หมายความว่าไงอ่ะ!? กลับมานี่เลยนะ! กลับมาให้เราแกล้งซะดีๆ! อาคาชิ!!! ค่อยดูเถอะ! แต่งโปรเจคอะไรคราวหน้าจะแกล้งนายก่อนส่งลงฟิคให้ได้! ค่อยดู!!!

    .....................................................................................

    Stage

     

    "...พวกนาย...เอาจริงดิ?" เสียงแผ่วที่ดังผ่านลำคอของเด็กหนุ่มผมเงินออกมาอย่างยากลำบาก หน้าใสๆ ของเด็กหนุ่มกระตุกยิกๆ ดวงตาสีเงินจับจ้องไปยังกลุ่มคนตรงหน้า

    "ก็จริงน่ะสิ..." เด็กหนุ่มผมดำหน้าสวยที่เห็นว่าอีกฝ่ายทำหน้าราวกับกำลังจะสติหลุดเอ่ยยืนยัน "...การแสดงงานโรงเรียนของแต่ล่ะชมรมในปีนี้ ชมรมเราจับได้การแสดงละครน่ะ ส่วนเรื่องและบทของแต่ล่ะคนโค้ชก็ใช้วิธีจับฉลากเลือกให้แล้วด้วย...และเพราะใช้วิธีจับฉลากเอา คงไปโวยอะไรกับโค้ชไม่ได้หรอกงานนี้เพราะนี่ถือว่ายุติธรรมที่สุดแล้ว"

    "แล้ว...ไหงฉันซวยแบบนี้เนี่ย!?!" มายุสุมิ จิฮิโระในตอนนี้แทบอยากกัดลิ้นตัวเองตายเมื่อเดินเข้ามาภายในโรงยิมแล้วได้รับข่าวร้ายสุดแสนว่างานโรงเรียนปีนี้เขาได้แสดงละครและโค้ชให้พวกเขาแสดงเรื่องเจ้าหญิงนิทรา แต่ทั้งหมดนั้นยังไม่แย่เท่า...เขาได้แสดงเป็นเจ้าหญิงนิทราเนี่ย!

    ...ให้ตกท่อตายสิ! ทั้งชมรมก็ใช่ว่าคนน้อยๆ นะ! ไหงมาซวยโดนที่เขาได้เนี่ย!?...

    "ไม่รู้สิ...คงกำลังดวงตกมั้ง?" เด็กหนุ่มผมสีคาราเมลเอ่ยพร้อมกับโดดไปเกาะหลังคนผมเงิน

    "ไม่แค่ดวงตกล่ะ...นี่มันซวยบัดซบชัดๆ! ไม่รู้ล่ะ! ยังไงฉันก็ไม่แสดงมันเด็ดขาด!!!" มายุสุมิเอ่ยและทำท่าจะเดินหนีออกจากโรงยิมแต่...ดันโดนเด็กหนุ่มทั้งหลายตะคุบตัวไว้เสียก่อน

    "ได้ที่ไหนกันเล่า! ถ้านายไม่ยอมแสดงก็ตายหมู่ดิ!" เด็กหนุ่มร่างยักษ์จับคอเสื้อมายุสุมิไว้ "ยิ่งงานนี้อาคาชิเป็นคนคิดด้วย! งานนี้ถ้าเบี้ยวมีกรรไกรบินลอยมาปักหัวทุกคนแน่!"

    "...ไอ้จูนิเบียวตาสองสีนั้นเป็นคนคิดเหรอ!?" มายุสุมิโวยลั่นเมื่อรู้ว่าใครคือต้นเหตุของความซวยทั้งหมด

    "ใช่! ดังนั้นห้ามหนีเด็ดขาด!" เนบุยะ เอย์คิจิตอบกลับไห

    "งานนี้อยากหนีก็หนีไม่ได้หรอก! อาคาชิต้องหาทางลากฉันกลับมาแหง!" มายุสุมิรู้ดีเลยว่ารุ่นน้องผมแดงของตนย่อมไม่ทางปล่อยให้ตนหลุดรอดไปได้ง่ายๆ แน่

    "เฮ้อ...เข้าใจก็ดี..." มิบุจิ เรโอะถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูท่าจะยอมเข้าใจว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องช่วยไม่ได้แล้ว "...งั้นมายุซัง...ช่วยมาทางนี้หน่อย จะได้คุยกันเรื่องการแสดงเสียที เซย์จังเขาให้ซ้อมการแสดงมันกันตอนนี้เลย"

    "...ตอนนี้?" มายุสุมิเบ้หน้านิดๆ

    "ตอนนี้น่ะสิ...ป่ะ ไปกันได้แล้ว" มิบุจิเอ่ยก่อนที่จะจัดการลากอีกฝ่ายไปยังจุดที่กัปตันหัวแดงของตนนัดเอาไว้ และเมื่อเปิดประตูเข้าไปภายในห้องก็...

    "หื้อ? จับตัวจิฮิโระทันด้วยเหรอเนี่ย?" ...ถูกทักจากคนผมแดงตาสองสีทันที

    "ทันจ้า" มิบุจิส่งยิ้มให้อีกฝ่าย

    "มีอะไรก็รีบพูดมาเลยเถอะ จะได้รีบๆ ไปเสียที" มายุสุมิค้อนใส่คนผมแดงอย่างอาฆาต

    "อย่าใจร้อนสิจิฮิโระ..." อาคาชิ เซย์จูโร่กัปตันของทีมบาสราคุซันคนปัจจุบันเอ่ยด้วยรอยยิ้ม "...อยากแสดงเร็วๆ หรือไง?"

    "ถ้าเอาตามใจจริง...ฉันไม่อยากแสดงบทบ้าๆ นั้นเลย!" มายุสุมิตอกกลับไป "ถามจริงเถอะ...นายคิดว่าฉันขึ้นเวทีแล้วชาวบ้านจะเห็นฉันหรือไงห๊า!? และอีกอย่างนายคิดบ้าอะไรถึงให้โค้ชใช้วิธีจับฉลากเนี่ย!?"

    "ก็ไม่ได้คิดอะไร แค่นึกถึงตอนอัตสึชิโดนจับแต่งหญิงน่ะ..." อาคาชิเมินท่าทางราวกับจะขบหัวตนของมายุสุมิไป "...ส่วนเรื่องความจืดจางของนาย...เอาเป็นว่าฉันมีทางให้มีคนพอเห็นแล้วกัน"

    "เอ้าๆ อย่าเพิ่งทะเลาะกันสิทั้งสองคน...เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่านะ" มิบุจิที่เห็นว่าการปะทะประจำวัน (?) ของรุ่นพี่ผมเงินและรุ่นน้องผมแดงจะเริ่มขึ้นอีกแล้วรีบห้ามทัพก่อนที่เรื่องจะยืดยาวกว่านี้

    "โอเค...งั้นเริ่มจาก..." อาคาชิยกยิ้มขึ้นพร้อมเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้คนผมเงินแทบจะกลายเป็นรูปปั้นในทันทีเลย

     

     

     

     

     

    "ไม่เอา! ยังไงก็ไม่เอาเด็ดขาด!!!" เสียงเอะอะโวยวายดังสนั่นไปทั่วจากร่างของเด็กหนุ่มผมเงินที่ยามนี้ถูกคนร่างใหญ่นามเนบุยะล็อกแขนไว้อยู่

    "น่าๆ ลองหน่อยน่ามายุซัง" มิบุจิส่งยิ้มแห้งให้อีกฝ่ายที่ดูใกล้คลั่งเต็มที

    "ไม่!" มายุสุมิปฏิเสธทันทีแบบไม่ต้องผ่านสมองเลยสักนิด "อาคาชิมันคิดบ้าอะไรให้หาชุดที่จะใส่ก่อนแล้วค่อยซ้อมการแสดงบ๊องนั้นฟะเนี่ย!?"

    "คงเพื่อความสมจริง...มั้ง?" เนบุบะเอ่ยอย่างไม่แน่ใจนัก

    "จะอะไรก็ช่างเถอะ! ฉันไม่มีวันแต่งตัวแบบนี้เด็ดขาด!" มายุสุมิดิ้นพล่านๆ

    "ได้ที่ไหนล่ะ! อีกอย่างแค่นี้ยอมๆ ไปเถอะมายุซัง!" มิบุจิถอนหายใจออกมา พร้อมชี้ไปที่คนผมสีคาราเมลที่กำลังถ่ายรูปตัวเองอยู่ "ขนาดโคทาโร่จังได้แสดงเป็นราชินียังไม่บ่นเลย!"

    "เคยเห็นมันเครียดอะไรกับเขานอกจากเรื่องมิยาจิมันมีคนมาจีบที่ไหนกันล่ะ! ว่าแต่อาคาชิมันหาชุดมาจากไหนวะเนี่ย!?" มายุสุมิไม่เข้าใจจริงๆ ว่าหาชุดมาได้ไหนได้ในเวลาสั้นๆ เนี่ย!?

    "เห็นว่าเมื่อรู้ว่าใครแสดงเป็นอะไรก็โทรสั่งให้คนหาชุดมาเลยน่ะ" มิบุจิตอบไป "และเลิกหาทางบ่ายเบี่ยงไม่ยอมแต่วตัวเลยนะมายุซัง ไม่งั้นจะตามเซย์จังให้มาเปลี่ยนชุดให้แทนนะ"

    "..." มายุสุมิเบ้หน้าเมื่อนึกภาพรุ่นน้องผมแดงของตนมาจับตนเปลี่ยนเสื้อผ้า...คงเป็นอะไรที่น่าขนลุกที่สุดในโลกาเลย! "มา! เปลี่ยนก็ได้ฟะ!"

    "เฮ้อ..." มิบุจิมองคนที่หยิบชุดที่ตนต้องแต่งไปเปลี่ยนที่ห้องชมรมเนื่องจากไม่อยากให้ใครเห็นสภาพทุลังทุเลในการใส่ชุดผู้หญิงครั้งแรกของตน "...ถ้ารู้ว่าวิธีนี้ได้ผลทำไปนานแล้ว"

    "นั้นสินะ" เนบุยะถอนหายใจออกมาอีกคน

    "แต่เอาเถอะ...ตอนนี้เราไปเปลี่ยนชุดบ้างเถอะ" มิบุจิเอ่ยก่อนที่จะลากเพื่อนตัวเองไปเปลี่ยนชุด

    และในสิบนาทีต่อมาเหล่าคนที่ต้องแสดงละครทั้งหลายก็มารวมตัวอยู่ในโรงยิมที่ที่จะใช้เป็นสถานที่แสดงในวันจริงนั้น...แบบว่ากะจะซ้อมให้เหมือนจริงตั้งแต่แรก เพื่อเมื่อถึงเวลาจริงจะได้ไม่เกร็งหรือตื่นเวทีกันมากนักนั้นเอง

    "มากันครับแล้วใช่ไหม?" ดวงตาสองสีกวาดมองไปรอบๆ ในยามนี้คนผมแดงนั้นอยู่ในชุดสีขาวสะอาดตา ที่ดูราวอัศวินในเทพนิยายสักเรื่อง มีผ้าคลุมสีฟ้าที่กลางหลัง บนศีรษะมีมงกุฏจิ้วสีทองอยู่ "แล้วจิฮิโระล่ะ? คงไม่ได้หนีไปแล้วนะ?"

    "ไม่ได้หนีหรอกเซย์จัง...ห่อตัวเป็นมัมมี่อยู่หลังเอย์จังน่ะ" มิบุจิที่อยู่ในชุดคลุมยาวสีดำสนิกชี้ไม้เท้าที่ตนถืออยู่ไปยังกองผ้าขาวๆ ที่อยู่ด้านหลังคนในชุดหรูหราสีน้ำเงิน สวมผ้าคลุมสีแดงสด บนหัวมีมงกุฏอยู่เหมือนอาคาชิเพียงแต่ขนาดใหญ่กว่ามากเท่านั้น

    "ไหนไปหลบแบบนั้นล่ะจิฮิโระ?" อาคาชิเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ

    "คุณคิ้วบางคงอายมั้ง?" เด็กหนุ่มผมสีคาราเมลที่อยู่ในชุดกระโปรงยาวสีน้ำเงิน สวมผ้าคลุมและมงกุฏเหมือนเนบุยะเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางไม่จริงจังนัก

    "ก็ใครจะหน้าหนาเท่านายที่นอกจากไม่อายแล้วยังส่งรูปให้มิยาจิมันได้อีกล่ะฟะ!" หัวเงินๆ ของเด็กหนุ่มโผล่ออกมากองผ้าที่เจ้าตัวใช้พันตัวเองอยู่

    "อย่าเพิ่งชวนโคทาโร่ทะเลาะสิจิฮิโระ..." อาคาชิเอ่ยขึ้นมาพลางเดินไปหาคนผมเงิน "...อีกอย่าง...ยังไงก็ต้องแสดงในชุดนี้แล้ว ควรทำตัวให้ชินๆ เข้าไว้นะจิฮิโระ"

    "ชินได้ก็บ้าล่ะ!" มายุสุมิแยกเขี้ยวใส่

    "ไม่ต้องมาเถียงเลย...มา! ออกมาจากผ้าคลุมได้แล้ว! จะได้เริ่มซ้อมกันสักที!" อาคาชิเอ่ยพร้อมกับดึงผ้าที่มายุสุมิใช้คลุมตัวตนเองออกอย่างไม่ทันให้อีกฝ่ายรู้ตัว เผยให้เห็นว่ามายุสุมิในตอนนี้...อยู่ในชุดกระโปรงสีฟ้าใสยาวระพื้นซ้อนเป็นชั้นๆ ที่ดูธรรมดาไปนิดแต่เมื่อมาอยู่บนร่างของมายุสุมิ จิฮิโระแล้วทุกคนในโรงยิมก็อดยอมรับไม่ได้ว่าในตอนนี้อีกฝ่ายนั้น...

    ...โคตรสวยเลย!

    "เฮ้ย! ไอ้บ้าอาคาชิ!" มายุสุมิแว๊ดลั้นรีบไปหลบหลังเนบุยะด้วยความเร็วเสียง ชุดกระโปรงยาวคล่อมพื้นพริ้วไหวราวกับเกรียวคลื่นเคลื่อนไปตามการเคลื่อนไหวของคนผมเงิน ดวงหน้าที่ขึ้นสีแดงจากความอายยิ่งเพิ่มความน่ามองของคนผมเงินขึ้นไปอีก

    "..." ทุกคนในยามนี้ถึงกับอึ้งเมื่อเห็นว่าคนผมเงินแทบไม่ต่างอะไรกับสาวน้อยผู้แสนซึน (?) เลยสักนิด...ถ้าตัดความสูงไปอ่ะนะ

    "เออ...เรามาซ้อมกันเถอะ..." อาคาชิที่ดึงสติกลับมาได้คนแรกรีบตีหน้าตายตามปกติก่อนที่จะเอ่ยขึ้นมา เป็นการดึงสติคนอื่นๆ กลับเข้าร่างด้วย "...ส่วนจิฮิโระ...ไม่ต้องอายหรอก อย่างน้อยนายก็ดูดีกว่านี้ล่ะ"

    "อะไร?" มายุสุมิที่กำลังใช้เนบุยะเป็นโล่กำบังสายตาคนอื่นนั้นมองมือถือเครื่องน้อยที่ถูกยื่นมาตรงหน้าและ...ถึงกับซ็อกในเวลาต่อมาทันที "เฮ้ย! น...นี่มัน...อาโอมิเนะ ไดกิไม่ใช่เหรอฟะ!? ไหงอยู่ในสภาพนี่เนี่ย!?"

    "ตอนอยู่เทย์โควมีครั้งหนึ่งไดกิโดนจับแต่งแบบนี้น่ะ" อาคาชิหัวเราะหึๆ เมื่อนึกถึงอดีตในคราวนั้น...ตอนนั้นจำได้ว่ารายนั้นบ่นว่าตนอยากแต่งตัวสลับกับเรียวตะเลยล่ะ เพราะมันน่าจะเข้ากันกว่าเยอะ "เห็นแบบนี้คิดว่ายังโชคดีไหมครับที่ไม่โดนจัดเต็มแบบนี้ หรือว่าจะเอารูปอัตสึชิด้วยล่ะครับ?"

    "ไม่ต้องๆ นายกำลังจะทำให้ฉันฝันร้ายอยู่แล้ว!" มายุสุมิแยกเขี้ยวใส่คนผมแดงที่ดูสนุกกับการแหย่ตนเสียเต็มประดา "เริ่มซ้อมไอ้การแสดงบ้านั้นได้แล้ว! จะได้รีบกลับเสียที!"

    "โอเค...งั้นมาเริ่มกันเถอะ" อาคาชิยิ้มร่าก่อนเริ่มแจกบทให้แต่ล่ะคน

     

     

     

     

     

    "คุณคิ้วบาง...ตายยังอ่ะ?" เด็กหนุ่มผมสีคาราเมลเอานิ้วจิ้มๆ คนที่เดินข้างๆ ตนอย่างเหม่อลอย

    "ยัง..." เสียงอันแผ่วเบาดังออกจากปากเด็กหนุ่มผมเงิน "...แต่คงใกล้ตายจริงๆ ถ้ายังซ้อมการแสดงบ้านั้นจนถึงวันจริงเนี่ย!"

    "น่าๆ  คงไม่ถึงตายหรอก...มั้ง?" เด็กหนุ่มหน้าสวยยิ้มแห้งๆ ให้กับคนผมเงิน

    "นั้นสิ...ไม่ตายหรอก แต่ถ้าไม่ทำตามที่อาคาชิพูดนี่สิตายของจริง" เด็กหนุ่มร่างใหญ่เอ่ยพลางหาวหวอดๆ

    "ไอ้เรื่องนั้นน่ะไม่เถียง" มายุสุมิกรอกตาไปมา

    "เอาเถอะน่ามายุซัง...อีกวันเดียวเอง เดี๋ยวแสดงจริงเสร็จก็ไม่ต้องแต่งชุดนั้นแล้วล่ะ" มิบุจิพยายามปลอบคนที่ใกล้จะสลายไปกับอากาศขึ้นทุกที (?)

    "นั้นคือแง่ดีแล้วใช่ไหม?" มายุสุมิถามกลับเสียงแผ่ว

    "ก็นะ" มิบุจิยิ้มแห้งๆ อย่างไม่รู้จะปลอบอีกฝ่ายยังไงดี ในเมื่อตลอดการซ้อมที่ผ่านมาเนี่ย...คนผมเงินเรียกได้ว่าซวยตลอด! ไม่ว่าจะเป็นวันไหนที่ซ้อมการแสดงต้องมีเรื่องอะไรสักอย่างเกิดขึ้นอย่างน้อยหนึ่งอย่าง! อย่างกับว่ามีอะไรบางอย่างไม่อยากให้มายุสุมิ จิฮิโระคนนี้แสดงบทนี้อย่างนั้นแหละ!

    "แต่ถ้าจะให้ดีกว่านี้...เราคงต้องจับคนที่แกล้งจิฮิโระให้ได้ล่ะนะ" เด็กหนุ่มผมแดงที่เงียบมาตลอดบทสนาเอ่ยขึ้นมา

    "แกล้ง?" เหล่าตัวจริงทีมบาสราคุซังทั้งสี่หันไปมองยังผู้เป็นหัปตันทีมอย่างพร้อมเพรียง "นั้นมัน...ไม่ใช่อุบัติเหตุเหรอ?"

    "มีอุบัติเหตุโลกไหนเกิดขึ้นติดกันหลายๆ วันแบบนี้ล่ะ?" อาคาชิถามกลับด้วยหน้าตายสนิก

    "...สรุปมีคนแกล้งฉันเหรอ?" มายุสุมิถามกลับอย่างงุนงง...ตอนแรกเขาคิดว่าเขาแค่ซวยแค่นั้นเอง

    "ครับ...มีคนแกล้ง ส่วนสาเหตุที่แกล้งกันแบบนี้นั้นฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน..

    " อาคาชิเอ่ย "...แต่เดี๋ยวคงรู้กันเองแหละ เพราะเดี๋ยวกะจะจับตัวรายนั้นให้ได้ในวันนี้เลย"

    "...ถ้าจับได้จริงๆ ก็ดีสิ" มิบุจิถอนหายใจออกมาเบาๆ ...ไม่คิดเลยว่าตลอดมาที่รุ่นพี่ผมเงินของตนซวยเนี่ยมาจากการแกล้งของใครบางคนเนี่ย

    "นั้นสินะ..." อาคาชิพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วยขณะนี่เดินมายังโรงยิมที่ใช้เป็นที่ซ้อมการแสดงแล้ว มือหนาเคลื่อนบานประตูให้เปิดออกก่อนที่จะกวาดสายตาไปรอบๆ โรงยิมที่บัดนี้...เหล่าคนในชมรมทั้งหลายต่างเตรียมตัวซ้อมการแสดงครั้งใหญ่ก่อนวันจริงเรียบร้อยแล้ว "...ดูท่าทุกคนจะเตรียมพร้อมแล้วนะ...งั้นเรารีบๆ ไปเปลี่ยนชุดแล้วรีบๆ ซ้อมการแสดงนี่เถอะ จะได้ไม่ต้องกลับบ้านดึกกันนัก"

    "โอเค!" เด็กหนุ่มสี่คนขานรับก่อนที่จะแยกย้ายกันไปเปลี่ยนชุดเพื่อที่จะได้ซ้อมการแสดงกันเสียที แต่แล้ว...

    "อาคาชิ...ชุดฉันหาย" ...คนผมเงินก็เอ่ยขึ้นมาเช่นนี้

    "...ชุดหาย? ทั้งๆ ที่ห้องที่เก็บชุดไม่น่ามีใครเข้าไปได้นอกจากคนในชมรมนี่นะ?" มิบุจิขมวดคิ้วเป็นปม

    "ดูท่าคุณคิ้วบางจะโดนแกล้งจริงๆ เสียแล้วงานนี้" ฮายามะเอ่ยพลางลองรื้อๆ ห้องหาชุดที่ใช่ในการแสดงของคนผมเงิน เผื่อว่าแค่ตกๆ อยู่กะพื้นเท่านั้น

    "พวกนายไม่เชื่อฉันหรือไงที่บอกว่าจิฮิโระโดนแกล้งน่ะ" อาคนชิถอนหายใจออกมาเบาๆ

    "ก็ไม่ใช่ไม่เชื่อนะ แค่ไม่แน่ใจ" เนบุยะเอ่ย "ว่าแต่...แล้วแบบนี้จะเอาไงต่อดีล่ะ? หรือว่าให้มายุสุมิแสดงทั้งชุดนักเรียนไปเลย?"

    "ไม่ต้องห่วง...งานนี้ฉันกะไว้แล้วเลยเตรียมชุดสำรองไว้ให้จิฮิโระน่ะ" อาคาชิเอ่ยพร้อมกับ...ลากคนผมเงินออกจากโรงยิมไป "เดี๋ยวมานะ"

    "อ...อื้ม แล้วมาเร็วๆ นะ" เนบุยะโบกมือลาให้กับคนที่ทำหน้าเหมือนจะถูกจับไปเชือด

    "นี่พี่เรโอะ...คิดว่าคุณคิ้วบางคราวนี้จะโดนจับแต่งแบบไหนเนี่ย?" ฮายามะที่เห็นว่าคนผมแดงกับเงินเดินออกจากโรงยิมไปแล้วเอ่ยถาม

    "ไม่รู้สิ...รู้แค่มายุซังคงโวยลั่นอีกตามเคยแหละ" มิบุจิเดาได้เลยว่างานนี้รุ่นพี่ผมเงินของตนต้องโวยแน่

    "ถ้าไม่โวยสงสัยคงจะกินยาลืมเขย่าขวดแน่" เนบุยะเองก็มั่นใจว่ามายุสุมิต้องโวยออกมาแน่นอน ล้านเปอร์เซ็นเลย

    "งั้นเรามาเตรียมอุดหูรับเสียงแว๊ดเถอะเนอะ" ฮายามะยิ้มร่าก่อนเอามือปิดหูไว้ ราวกับว่าจะรู้สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ เช่นเดียวกับทุกคนในโรงยิมที่เตรียมอุดหูไว้เหมือนกันและ...

    "ชุดบ้านี่มันอะไรกันฟะ!?! อาคาชิ!!! จงใจแกล้งฉันหรืองายยยยยยย!?!" ...ไม่ถึงสามนาทีต่อมาเสียงแว๊ดลั่นก็ลอยเข้ามาภายในโรงยิม เสียงโวยวายนั้นดังขึ้นมาสักพักก่อนที่จะค่อยๆ เงียบลงไป...และตามด้วยการกลับมาของคนผมแดงกับคนผมเงินที่อยู่ในชุด...

    ...ตุ๊กตาชัดๆ! แถมเป็นชุดตุ๊กตาแบบสั้นจู๊ดอีกต่างหาก!

    "มองบ้าอะไรเล่า!?" มายุสุมิในภาพที่สวมชุดตุ๊กตาแบบฟูฟ่องสีดำสนิก แถมมีออฟชั่นเสริมเป็นวิกผมสีเงินยวนยาวระพื้น แว๊ดใส่คนที่จ้องมาที่ตนอย่างไม่วางตา ดวงหน้าแดงขึ้นมาจากความอาย มือทั้งสองพยายามดึงกระโปรงสั้นๆ ของตนปกปิดต้นขาให้ได้มากที่สุด

    "เออ...เปล่า ไม่มีอะไรหรอก" ทุกคนในโรงยิมเอ่ยเป็นเสียงเดียวกันด้วยท่าทางเขินอายนิดๆ ถึงเพื่อนร่วมชมรมตนที่ตอนนี้...ดูไม่ต่างจากผู้หญิงสักนิดเลย!

    "ไม่มีอะไรแล้วจ้องทำไมห๊า!? แล้วฮายามะอย่าถ่ายรูปเซ่!" มายุสุมิโวยก่อนที่จะหันไปแว๊ดใส่คนผมสีคาราเมลที่กำลังเอามือถือมาถ่ายรูปตนอยู่

    "ทำไมล่ะฮ้าฟ? ดูดีออก!" ฮายามะยิ้มร่าให้อีกฝ่าย "มิยาจิซังเห็นต้องชอบรูปนี่แน่!"

    "ฮาแตกล่ะสิไม่ว่า! ห้ามส่งให้มิยาจิมันนะเว้ย! ไม่งั้นมันล้อฉันอีกหลายปีแหง!" มายุสุมิพุ่งเข้าไปหารุ่นน้องจอมร้นของตน หมายจะคว้าโทรศัพท์มือถือของอีกฝ่ายมา เสียแต่วืดเนื่องจากฮายามะรู้ทันนั้นเอง "ห้ามส่งนะเว้ย! ไม่งั้นฉัน...ฉัน...ฉันจะฟ้องมิยาจิที่คราวก่อนนายไปโดนผู้หญิงที่ไหนไม่รู้ขโมยจูบนายตอนหลับนะโว้ย!!!"

    "หว่า! คุณคิ้วบางรู้ได้งายยยยย!?" ฮายามะสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเรื่องที่สมควรเป็นความลับของตนออกจากปากอีกฝ่าย

    "รู้ดิ! ก็ตอนนั้นฉันยืนหัวโด่อยู่ด้วยนี่หว่า!" มายุสุมิเอ่ย

    "จริงดิ!? ไม่ยักเห็น!" ฮายามะกล้าพูดเลยว่า...ตอนนั้นเมื่อตื่นมาและโวยคนที่ขโมยจูบเขานั้นไม่เห็นหัวเงินๆ ของใครเลยสักนิด!

    "เลิกเถียงกันได้แล้วจิฮิโระ โคทาโร่" อาคาชิที่เห็นว่าการเถียงกันทั้งนี้ของทั้งสองท่าจะยาวเลยรีบเอ่ยแทรกขึ้นมาก่อน "เรามารีบๆ ซ้อมการแสดงได้แล้ว คนอื่นเขารอนานแล้ว"

    "คร้าบบบบ" ฮายามะขานรับอย่างคนกลัวโดนกรรไกรบิน (?)

    "ชิ! ก็ได้ฟะ!" มายุสุมิขานรับไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไหร่นัก...

    ...และแล้วหลังจากนั้นการซ้อมการแสดงครั้งใหญ่ก็ได้เริ่มต้นขึ้น...ซึ่งมันก็ดูดำเนินไปด้วยดีทุกอย่าง จนกระทั้งมาถึงฉากที่เป็นฉากไคแมทก์นั้นเอง

    "เจ้าชายนั้นได้ฝ่าฟันอุปสรรต่างๆ นาๆ มาได้ เดินตามบันไดที่วกวนไปยังจุดสูงสุดของหอคอย..." เสียงบรรยายจากผู้ที่ทำหน้าที่นี้เอ่ยออกมาอย่างไม่ติดขัดใดๆ ทั้งสิ้น "...เมื่อไปถึงยังยอดหอคอยเจ้าชายก็ได้พบกับเจ้าหญิงผู้เลิสโฉม"

    "..." ผู้ที่ได้รับบทเป็นเจ้าชายหรือก็คืออาคาชิเดินขึ้นไปบนเวทีด้วยสีหน้าเรียบเฉยมาอยู่ตรงหน้าร่างที่นอนบนเตียงผู้เป็นคนรับบทเจ้าหญิงนิทราหรือก็คือมายุสุมินั้นเอง พร้อมกับเอามือลูบดวงหน้าของคนผมเงินตามบท...แต่แล้วอาคาชิก็สังเกตถึงความผิดปกติบางอย่างเมื่อเห็นว่าแสงไฟนั้นมันดูไหวๆ ชอบกลในบริเวณที่คนผมเงินนอนอยู่จึงเงยหน้าขึ้นไปดูด้านบนและถึงกับเบิกตากว้างขึ้นมาทันที "อันตราย!"

    "เหวอ!" มายุสุมิหลุดร้องออกมาลั่นเมื่อถูกอีกฝ่ายผลักตกจากเตียงที่ใช้ประกอบการแสดงอย่างไม่ทันตั้งตัว ก่อนที่จะมีบางอย่างเฉี่ยวใบหน้าของตนไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น

           โครม!!!

    เสียงกระแทกดังขึ้นไปทั่วทั้งบริเวณผสานกับเสียงกรีดร้องและเสียงเอ๊ะอ๊ะโวยวายของคนในรอบเมื่อบริเวณเตียงที่มายุสุมินอนอยู่เมื่อครู่นั้นมีสปอท์ไลท์อันใหญ่ตกลงมาทำให้ตัวเตียงนั้นหักครึ่ง...ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่าถ้ามายุสุมิไม่ถูกอาคาชิผลักตกเตียงเมื่อครู่ล่ะก็ได้ไปจิบชาในปรโลกไปแล้ว

    "เฮ้ย! มีใครเป็นอะไรไปหรือเปล่า!?" มิบุจิที่ถึงกับมาดอาเฮียออก (?) โดดขึ้นไปบนเวทีทันที

    "ฉันโอเคดี..." อาคาชิตอบด้วยสีหน้าตายสนิก "...แล้วจิฮิโระล่ะ?"

    "ยังอยู่ดี" มายุสุมิค่อยๆ ลุกขึ้นมาจากพื้นพร้อมลูบเอวตนไปอย่างเจ็บๆ

    "ให้ตายเถอะ...ถ้านี่คือการแกล้งกันอย่างที่นายบอกมันก็เกินไปแล้วนะอาคาชิ!" เนบุยะที่ปีนขึ้นมาบนเวทีอีกคนโวยขึ้น...นี่ถ้าอาคาชิผลักหลบไม่ทันได้มีคนตายไปแล้วแหง!

    "นั้นสิๆ!" ฮายามะเห็นด้วยเลยกับเรื่องนี้

    "ฉันก็ว่างั้น...ถ้าแกล้งกันแบบนี้มันก็เกินไป..." อาคาชิเอ่ยพร้อมกับก้มดูบริเวณที่เกิดเหตุ (?) "...แต่มันดันไม่ใช่อุบัติเหตุหรือจิฮิโระดวงซวยด้วยสิ...สายไฟเล่นมีรอยตัดซะชัดแบบนี้บอกได้คำเดียวว่ามีคนจงใจทำให้เกิดขึ้นแน่"

    "รอยตัด?" มายุสุมิที่เดินมาหามองตามสายตาอาคาชิไปและเกิดอาการไมเกรนขึ้นทันที "ให้ตายสิ...รอยตัดจริงๆ แถมเป็นรอยตัดแบบไม่ลังเลที่จะตัดอีกต่างหาก! บ้าจริง! ฉันจำได้ว่าไม่เคยไปหาเรื่องใครให้โดนอาฆาตนะเว้ย!"

    "เดี๋ยวๆ ...เมื่อกี้บอกว่ามีคนจงใจ? แสดงว่า..." เด็กหนุ่มผมดำคนหนึ่งเหล่มองไปที่คนผมเงินที่ขยี้หัวอย่างหงุดหงิดอยู่ "...มีคนคิดทำร้ายมายุสุมิ?"

    "เออดิ!" มายุสุมิขานรับอย่างหัวเสีย

    "...แบบนี้แจ้งโค้ชดีกว่าเนอะเซย์จัง...อันตรายเกินไปแล้วแบบนี้น่ะ" มิบุจิเสนอขึ้นมา

    "ฉันแจ้งโค้ชไปตั้งแต่จิฮิโระดูซวยแปลกๆ ได้สามวันแล้วล่ะ...ทางโค้ชเองก็คงพยายามหาทางจับตัวคนทำเหมือนกัน" อาคาชิเอ่ย

    "แต่ก็ยังจับตัวไม่ได้จนมันมาทำเรื่องบ้าๆ แบบนี้สินะ?" มายุสุมิถอนหายใจ "แล้วจะเอาไงต่อเนี่ยงานนี้? จะยกเลิกการแสดงก็ไม่ได้เพราะถือเป็นงานส่วนรวม จะแจ้งตำรวจก็คงวุ่นวายไปด้วยสิ"

    "ก็คงทำได้อย่างเดียว...คือ..." อาคาชิยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ "...วางแผนจับคนร้ายที่ว่านั้นไงล่ะ"

    "จะจับกันเอง?" มิบุจิขมวดคิ้วเป็นปม...แบบนั้นมันอันตรายไปหรือเปล่า?

    "เปล่า แค่จะขอให้ว่าที่พี่สะใภ้เท็ตสึยะช่วยน่ะ" อาคาชิเอ่ย

    "ว่าที่พี่สะใภ้คุโรโกะคุง? หมายถึงพี่ชายโคจังน่ะนะ?" มิบุจิเริ่มส่งสีหน้าปุเลียนๆ ออกมา เนื่องจากรู้ดีว่าคนที่กล่าวถึงนั้น...

    "ใช่" อาคาชิตอบพลางหัวเราะเบาๆ กับสีหน้ารองกัปตันทีมตน "และไม่ต้องห่วง...รับรองต่อให้คนร้ายนั้นมาไม้ไหนพอเจอรายนั้นล่ะก็เหวอกินแน่"

    "เปลี่ยนจากเหวอเป็นซ็อกตายน่าจะเหมาะกว่านะ" มิบุจิคุมขมับ

    "เออ...เรโอะ อาคาชิ..." เนบุยะมองสีหน้าของเพื่อนตนอย่างงุนงง "...นี่พูดอะไรกันอยู่เนี่ย? แล้วพี่ชายของชิวาว่านั้นทำไมเหรอ?"

    "นั้นสิ...ทำหน้าเหมือนไมเกรนขึ้นแน่ะ"  มายุสุมิก็เกิดอาการงุนงงไม่แพ้กัน

    "ใช่ๆ! พี่เรโอะทำหน้เหมือนไม่อยากเจอพี่ชายของชิวาว่าคุงเลย!" ฮายามะเอ่ยขึ้นมาอีกคน

    "...ก็ไม่ใช่ว่าไม่อยากเจอหรือไม่ชอบหน้ากันหรอก แต่แค่รายนั้นเป็นคนที่ต่อให้ตายยังไงก็ไม่ทีทางไปมีเรื่องกับพี่แกเด็ดขาดน่ะ" มิบุจิเอ่ย "ส่วนที่เหลือนั้น...ไว้พรุ่งนี้เดี๋ยวรู้กันเองนั้นแหละ"

    "ไหงงั้นอ่ะ! บอกหน่อยดิ! ว่าแผนที่ว่ากับพี่ชายชิวาว่าคุงเกี่ยวอะไรกันด้วยล่ะ!?" ฮายามะเริ่มงอแงเมื่อไม่ได้ดั่งใจ

    "เงียบน่าโคทาโร่..." อาคาชิที่รำคาญหรืออย่างไรไม่ทราบค้อนใส่คนผมคาราเมลที่กำลังจะไปชักดิ้นชักงอ (?) กับพื้น

    "จ...จ้า" ฮายามะที่เห็นว่าไม่ควรทำตัวให้ตนเองโดนเชือดรีบหยุดการกระทำเมื่อครู่ทันที

    "เอาล่ะ...วันนี้เลิกซ้อมแค่นี้ อุปกรณ์ที่พังเดี๋ยวฉันเอากลับไปซ้อมเอง..." อาคาชิเอ่ยสั่งแต่ล่ะคนในโรงยิม "...ส่วนจิฮิโระ...วันนี้ไปค้างบ้านเอย์คิจิซะ เพื่อความปลอดภัยและจะให้เรโอะกับโคทาโร่ก็ไปค้างบ้านเอย์คิจิด้วย"

    "เออ...เดี๋ยวนะ ทำไมต้องบ้านฉันอ่ะ?" เนบุยะถามขึ้น

    "เพราะบ้านนายถ้ามีอะไรขึ้นมาก็น่าจะพอช่วยๆ กันได้ไง อย่างไรเสียพี่ชายคนที่สองของนายก็เป็นนักคาราเต้นิ แถมพี่ชายคนโตนายยังเคยได้ตำแหน่งรองชนะเลิสการแข่งยิงปืนด้วย" อาคาชิเอ่ยอย่างมีเหตุผล

    "...นายรู้ได้ไงฟะ!?" เนบุยะคิ้วกระตุก...เขาไม่เคยบอกใครนอกจากเรโอะกับโคทาโร่มันเลยนะ! แล้วอาคาชิรู้ได้ไง!? เขามั่นใจว่าเพื่อนสองหน่อของเขาไม่ได้เป็นคนบอกแน่!

    "ว่าที่พี่สะใภ้เท็ตสึยะเคยแข่งกับพี่ชายคนโตของนาย ส่วนโชจิซัง...พี่ชายไฮซากิก็เคยแข่งกับพี่คนรองของนายด้วย แถมพี่คนที่สามของนายตอนนี้เป็นหุ้นส่วนกับบริษัทที่ฉันบริหารอยู่อีก..." อาคาชิร่ายยาวแบบไม่สนใจแต่ล่ะคนที่เริ่มอ้าปากค้างเลยสักนิด "...คำตอบแค่นี้ชัดเจนไหม?"

    "ชัด...ชัดมาก ชัดจนฉันชักอยากร้องไห้เลย!" เนบุยะถ้าเป็นไปได้ในตอนนี้อยากลงไปกระซิกกับพื้นจริงๆ ...อะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้ฟะ!?

    "เอาน่าๆ ...หมอนี่ก็เหมือนปีศาจแบบนี้แหละ" มายุสุมิตบบ่ารุ่นน้องร่างโตของตนอย่างเห็นใจ ขณะที่เด็กหนุ่มผมแดงเริ่มส่ายหน้าอย่างอ่อนใจกับลูกทีมตน

    "เอาเป็นว่า...วันนี้ทุกคนกลับมันทังชุดนี้หรือไม่ก็เก็บติดมือกลับบ้านไปด้วยแล้วกัน กันเหตุการณ์ชุดหายแบบจิฮิโระเมื่อกี้ด้วย" อาคาชิเอ่ยพร้อมหยิบบโทรศัพท์ออกมาโทรหาใครบางคน "รีบๆ กลับกันไปเลยนะ ฉันจะได้จัดการที่เหลือต่อ"

    "โอเค" เด็กหนุ่มทั้งหลายขานรับก่อนที่จะรีบแยกย้ายกันไปด้วยความเร็วแสง เนื่องจากการอยู่นานๆ ให้ขัดใจอาคาชิ เซย์จูโร่นั้นไม่ใช่ความคิดที่ดีสักเท่าไหร่เลย

     

     

     

     

     

    ในเช้าอันสดใสที่เหล่านักเรียนในชุดเครื่องแบบสีเทาดำต่างพากันเดินมาขวักไขว่ไปมาพร้อมนำพู่สีต่างๆ มาประดับบริเวณรอบๆ โรงเรียนอย่างร่าเริงและตื่นเต้นกับงานโรงเรียนครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ที่กำลังจะเริ่มต้นในไม่ช้านี่...

    ...แตกต่างจากบรรกาศที่แผ่ออกมาจากเด็กหนุ่มทั้งหลายในโรงยิมลิบลับ

    "เฮ้อ...ให้ตายเถอะ..." ผู้จัดการของทีมนามฮิงุจิ (ส่วนชื่ออะไรนั้นเราจำไม่ได้แล้วล่ะ // s , ไหงงั้นเล่า! // ฮิงุจิ) ถอนหายใจออกมาอย่างกลุมอกกลุ้มใจ "...ฉันว่าเราเปลี่ยนคนแสดงแทนมายุสุมิเถอะ...ฉันว่ายังไงมันก็อันตรายไปนะ ให้มายุสุมิมาเสี่ยงแบบนี้เนี่ย"

    "แต่ถ้าฉันไม่แสดงใครมันจะยอมแสดงห๊า? แค่เรื่องเมื่อวานก็เล่นซะขวัญหนีดีฟ่อกันหมดแล้ว นี่ถ้าไม่ติดว่าสยองอาคาชิกันมากกว่าคงไม่มีใครยอมมาแสดงในวันนี้กันแล้ว!" เด็กหนุ่มผมเงินในชุดตุ๊กตาสีดำเอ่ยอย่างเหนื่อยใจ...เหนื่อยใจกับชุดที่เขาใส่นะไม่ใช่เรื่องที่เขาโดนเล่นงาน ก็อาคาชิบอกว่าจะหาทางจับคนร้ายให้ได้นี่นาและเขาก็เชื่อว่าอาคาชิทำได้ตามที่ปากว่าด้วย

    "ก็จริง แต่ฉันว่ายังไงควรหาคนมาแทนนายอยู่ดี อย่างน้อยๆ นายอยู่เฉยๆ ก็คงโดนไอ้บ้านั้นมองข้ามไปก็ได้" ฮิงุจิเอ่ย

    "ก็จริงอยู่ว่าฉันอยู่เฉยๆ อาจถูกมองข้าม แต่มันก็ไม่รับประกันว่าฉันจะไม่โดนเล่นงานทีเผลอนี่หว่า" มายุสุมิยักไหล่น้อยๆ "แทนที่จะมากลุ้มเรื่องนี้สู้ไปซ้อมๆ ให้เสร็จก่อนแสดงจริงภาคบ่ายเถอะ...ไม่งั้นอาคาชิได้เอากรรไกรบินมาประดับหัวพวกเราแน่"

    "...นายช่วยกลุ้มให้เหมือนคนถูกเล่นงานบ้างเถอะ ไม่งั้นฉันเริ่มคิดจริงๆ แล้วว่านายติดเชื้อลั้นลาจากฮายามะมาเนี่ย" ที่จริงตอนแรกๆ ที่มายุสุมิเข้าทีมตัวจริงก็เคยคิดอยู่ว่าจะติดความเพี้ยน (?) จากพวกนั้นมาหรือเปล่าและในตอนนี้ฮิงุจิเริ่มที่จะคิดว่าอาจเป็นดั่งที่ตนเคยคิดเล่นๆ เมื่อก่อนจริงๆ ก็ได้

    "ระวังฮายามะมันมาโวยวายพร้อมเกาะหลังนายล่ะ" มายุสุมิเอ่ยด้วยความหวังดีที่คนซึนๆ อย่างนี่จะพูดออกมาสักครั้ง "ไม่ต้องห่วง ฉันไม่เพี้ยน อึด ถึกตามฮายามะมันหรอก...แค่ฉันเชื่อว่าอาคาชิจัดการทุกอย่างได้เลยไม่ค่อยกังวลเท่านั้นแหละ"

    "ถึงอย่างนั้น...ยังไงอาคาชิก็เป็นเด็กม.ปลายเหมือนพวกเรานะ ถึงจะเก่งยังไงก็เถอะแต่ฉันว่าคงจัดการด้วยตัวคนเดียวไม่ได้หรอก" ฮิงุจิเอ่ยแย้ง

    "คนเดียวที่ไหนล่ะ? นายลืมคนที่อาคาชิบอกว่าจะขอให้มาช่วยแล้วเหรอ? ฉันว่าถ้าไม่สามารถทำอะไรได้จริงอาคาชิไม่ไปขอหรอกน่า...ยิ่งหยิ่งๆ จนน่าถีบอยู่" มายุสุมิเอ่ยขณะที่มีคนคนหนึ่งตะโกนเรียกให้เด็กหนุ่มทั้งสองไปซ้อมการแสดง "อ๊ะ โดนเรียกแล้ว...รีบไปก่อนได้กรรไกรประดับหัวจริงๆ เถอะ"

    "อื้อ..." เมื่อเห็นว่าเถียงไปก็ป่วยการเปล่าๆ ฮิงุจิจึงพยักหน้ารับก่อนที่จะพากันเดินไปรวมกลุ่มก่อนที่จะเริ่มการซ้อมตามปกติที่ทำในหลายสัปดาห์ที่ผ่านมานี่...การซ้อมละครดำเนินไปตามปกติดีจนกระทั้งมาถึงฉากสุดท้ายนั่นเอง...

    ปึกๆ! โครม!

    ...ก็มีเสียงอะไรสักอย่างอยู่ใต้พื้นเวทีก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงเหมือนอะไรสักอย่างล้ม

    "เสียงอะไรฟะ!? ว่าแต่...มีอะไรใต้เวทีเนี่ย!?" มายุสุมิถามอย่างงุนงงพร้อมเขยิบไปใกล้ๆ อาคาชิ

    "ไม่มีอะไรหรอกจิฮิโระ...แค่ดูท่าเราจับคนร้ายได้แล้วแค่นั้นเอง" อาคาชิยิ้มบางๆ ก่อนที่พื้นเวทีตรงที่ใช้เป็นประตูกลที่ปิดอยู่ถูกเปิดออกจากด้านล่างพร้อมกับมีชายหนุ่มผมสีน้ำตาลคนหนึ่งปีนขึ้นมาพร้อม 'หิ้ว' เด็กสาวคนหนึ่งขึ้นมาด้วย "ไงครับ...คราวนี้ทำอะไรพังหรือเปล่าครับเคียวซัง?"

    "เปล่า ไม่ได้ออกแรงอะไรหรอก...พอดีเห็นเป็นผู้หญิงเลยแกล้งทำเป็นผีแทนน่ะ" คนที่ถูกเรียกว่าเคียวเอ่ยด้วยรอยยิ้มพร้อมวางตัวเด็กสาวลงบนพื้นเวที "แต่ผู้หญิงสมัยนี่อันตรายเหมือนกันนะ เล่นคิดจะเผาคนอื่นกันเลยเนี่ย"

    "เผา?" มายุสุมิทวนอย่างไม่เข้าใจนัก...เผาอะไรฟะ?!

    "อื้อ ใช่...เด็กคนนี้กะจะแอบเอาที่ยิงไฟมาจุดใส่นายและที่จริงตรงที่นายยืนอยู่ก่อนหน้านี่นางหนูนี้แอบวางกับดักให้เมื่อถึงเวลาจะมีน้ำมันราดลงมาบนตัวนายด้วยล่ะ แต่พอดีฉันไปเอาออกแล้วนายเลยไม่ได้อาบน้ำมันเล่นน่ะ..." เคียวเอ่ยอย่างชิวท์ๆ ต่างจนคนฟังที่พากันกลืนน้ำลายอย่างฝืนคอ "...และโชคดีที่อาคาชิเตรียมการไว้นะเนี่ย ไม่งั้นนายโดนย่างสดแหง"

    "ถึงเตรียมการมาดีแต่ถ้าไม่ได้คนเกินคนแบบคุณช่วยทุกอย่างคงไม่สำเร็จหรอกครับ" อาคาชิเอ่ย

    "...มันจะฟังดูดีมากนะถ้านายตัดคำว่าคนเกินคนออกเนี่ย" เคียวยิ้มแห้งๆ

    "ก็คุณเป็นแบบนั้นจริงๆ นี่ครับ...ว่าแต่คราวนี้บอกว่าแกล้งทำเป็นผี? ทำอีกท่าไหนล่ะครับ?" อาคาชิเบี่ยงประเด็นไปเรื่องอื่นเนื่องจากขี้เกียจเถียงบวกกับไม่อยากโดนโวย

    "ใส่หน้ากากเอา" เคียวเอ่ยพร้อมโชว์หน้ากากที่ทำให้...

    "แว๊ก!!!" ...ทุกคนในโรงยิมพร้อมใจกันหาที่กำบังทันที!

    "..." อาคาชิอึ้งเล็กน้อยพลางยกมือนวดขมับ "...นี่ไม่ใช่ผีแล้วครับเคียวซัง...นี่มันสัตว์ประหลาดชัดๆ"

    "ผีนั้นแหละถูกแล้ว นี่หน้ากากพรายน้ำน่ะเลยดูแปลกๆ ไปหน่อย" เคียวยักไหล่

    "แปลกไม่เท่าไหร่แต่มันสยองมาก!!!" ทุกคนที่ได้ยินคำพูดของเคียวเถียงกลับไปเป็นเสียงเดียวกัน

    "ฉันอุตสาห์เลือกอันที่น่ากลัวน้อยที่สุดมาแล้วนะ" เคียวทำเสียงอ๋อยๆ

    "ถามจริง!?" ...แค่นี้ก็น่ากลัวแทบลมจับแล้ว!

    "อาคาชิ...นี่คือพี่ชายของฟุริฮาตะจริงดิ?" มายุสุมิที่ใช้อาคาชิแทนหลุมหลบภัย (?) ถามขึ้น

    "จริงครับ..." อาคาชิตอบกลับไป

    "ต...แต่...ไหงดูไม่เหมือนชิวาว่าคุงเลยล่ะ?" ฮายามะที่หลบหลังเสาโผล่หน้าออกมา

    "ชิวาว่าคุง? ใครน่ะ?" เคียวทวนอย่างงงๆ กับคำพูดของฮายามะ

    "หมายถึงโคกิน้องชายคุณไงครับ" อาคาชิเอ่ย

    "อ๋อ หมายถึงโคกิเหรอ?" เคียวพยักหน้าอย่างเข้าใจ

    "อ...เออ คือ...เรื่องที่โคทาโร่จังพูดเมื่อกี้ช่างมันเถอะครับ ว่าแต่เคียวซังคิดว่าเราควรทำไงกับคนที่คุณจับได้นี่ดีครับ?" มิบุจิทำใจกล้าเอ่ยถามชายหนุ่มผมน้ำตาลที่ยิ้มแป้นแล่นอยู่...ถึงจะรู้ว่าอีกฝ่ายนิสัยเป็นไง แต่ก็อดสยองไม่ได้ทุกทีสิน้า

           "ก็ไม่มีอะไรมากแค่จับส่งพวกอาจารย์เท่านั้น ส่วนเรื่องหลักฐานไม่ต้องห่วง...ฉันเตรียมการไว้แล้ว" เคียวเอ่ยอย่างเริงร่า

    "...แน่ใจนะว่าหลักฐานที่ว่าจะใช้ได้น่ะครับ?" เนบุยะที่แอบอยู่ข้างผ้าม่านรู้สึกไม่แน่ใจว่าเจ๊คนร้ายที่นอนสลบเมือดอยู่นั้นจะถูกพวกอาจารย์จัดการหรือเปล่า และถ้าไม่...มีแววว่าคงจะจ้องทำร้ายมายุสุมิอีกแหง ถึงเขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายทำร้ายมายุสุมิทำไมก็เถอะ

    "ได้แน่นอน ต่อให้แจ้งตำรวจจับหลักฐานก็มากพอที่จะจับด้วย" เคียวยิ้มร่า

    "รับประกันได้เลย...ว่าได้ชัวท์" อาคาชิยืนยัน

    "ดูมั่นใจจังนะอาคาชิ...ไม่คิดว่าจะแป่วบ้างหรือไง?" มายุสุมิที่เห็นว่ารุ่นน้องตนมั่นใจเหลือหลายเกินไปเอ่ยถาม

    "ไม่หรอกครับ เคียวซังเขารู้ดีว่าหลักฐานแบบไหนใช้ได้ไม่ได้..." อาคาชิเริ่มทำหน้าเหมือนปวด "...และถ้าให้เดา...เคียวซังคงแอบไปที่ห้องที่ควบคุมกล้องวงจรปิดในโรงเรียนมาสินะครับ? แถมแอบปรับมุมให้เห็นการกระทำทุกอย่างในที่นี่หมดเลยไม่เว้นแม้แต่ใต้เวทีที่คุณคงต่อพวงกล้องเสริมมาอีกตัวสินะครับ?"

    "ถูก...คาดเดาเก่งสมเป็นนายจริงๆ" เคียวตบบ่าอาคาชิป้าบๆ อย่างถูกใจ ก่อนที่จะจัดการแบกตัวเด็กสาวขึ้นบ่า "เอาล่ะ พวกนายไปซ้อมการแสดงของพวกนายต่อเถอะ เดี๋ยวฉันเอายัยหนูไปส่งโค้ชนายก่อนแล้วกัน...งั้นขอให้การแสดงในวันนี้ผ่านไปด้วยดีนะ!"

    "ครับ ขอบคุณครับ" อาคนชิเอ่ยพลางมองเคียวที่...เพียงเสี้ยววิก็ไปอยู่ที่หน้าประตูโรงยิมแล้วด้วยสายนิ่งๆ

    ครืน...

    เคียวเปิดประตูเดินออกไปพร้อมปิดประตูโรงให้อย่างเรียบร้อย...และเมื่อเคียวจากไปทุกคนในโรงยิมก็รีบมาหาอาคาชิทันที

    "อาคาชิ...พี่ชายของไอ้ชิวาว่านั้นคนแน่เหรอฟะ!? ไปที่หน้าโรงยิมได้ภายในเสี้ยววิเนี่ย!" เนบุยะที่มาถึงตัวอาคาชิก่อนที่อื่น (ไม่นับมายุสุมิที่หลบหลังอาคาชิมาตั้งแต่แรกแล้ว)

    "คนสิ คนแน่นอน...แต่แค่ออกไปทาง..." อาคาชิทำท่าครุ่นคิดเหมือนไม่รู้จะอธิบายเช่นไร "...เพี้ยนบวกเกินคนไปหน่อยน่ะ"

    "ไม่หน่อยแล้วเฟ้ย!" ทุกคนในโรงยิมเอ่ยออกมาเป็นเสียงเดียวกัน

    "โอเค เรื่องไม่เถียง..." อาคาชิยอมรับว่าฟุริฮาตะ เคียวเนี่ยเกินคนไปไกลแล้วล่ะ "...แต่ฉันไม่รู้จะอธิบายลักษณะของเคียวซังยังไงดี แบบว่า...ถามเรโอะแทนเถอะ"

    "โยนงานให้ฉันเฉยเลยนะเซย์จัง" มิบุจิบ่นขึ้นมาเบาๆ เมื่อสายตาทุกคู่เริ่มเบนมาที่ตนแทน "เฮ้อ...ถ้าอยากรู้กันล่ะก็ อธิบายง่ายๆ เลยคือเคียวซังเป็นคนที่อึดชนิดว่าโคทาโร่จัดรวมร่างกันสิบคนก็ไม่เท่า แรงช้างสารแบบว่าต่อให้มีเอย์จังสักร้อยคนก็สู้ไม่ไหว ฉลาดพอๆ กับเซย์จังหรืออาจจะมากกว่าด้วย มีเฟอร์เฟ็กก็อบปี้ที่เหนือชั้นกว่าคิเสะแล้วก็..."

    "พอ! พอก่อน!" เนบุยะรีบเอ่ยห้ามก่อนที่เพื่อนหน้าสวยของตนจะพูดไปมากกว่านี้ "ตกลงที่พูดเนี่ยคนเหรอฟะ!? พูดเล่นหรือเปล่าเนี่ย!?"

    "ก็คนนั้นแหละและที่พูดเนี่ยจริงทุกอย่างแน่ ไม่เชื่อโทรไปถามโคจังก็ได้" มิบุจิยักไหล่แบบไม่แปลกใจท่าทีของเพื่อนตนนัก...ก็ขนาดเขาเคยเห็นกับตายังแทบทำใจเชื่อไม่ลงเลย!

    "...เชื่อก็ได้" เนบุยะทำปากยื่น...ก็ขนาดกล้าให้โทรถามคนที่โกหกใครไม่ยักเป็นอย่างรายนั้นก็รับรองได้เลยว่าเรื่องที่ว่ามาทั้งหมดนั้นคือเรื่องจริง!

    "ให้ตายสิ...ไมเกรนจะขึ้นแฮะ" มายุสุมินวดขมับตนเองเบาๆ

    "ส่วนใหญ่ใครรู้จักเคียวซังก็เป็นงี้แหละ" อาคาชิเอ่ยปลอบคนผมเงิน

    "เอาเถอะ เรื่องพี่ชายชิวาว่าคุงอย่าพูดให้สยองต่อเลยดีกว่าเนอะ..." ฮายามะโดดเกาะอาคาชิ "...แต่ตอนนี้ฉันอยากรู้เรื่องที่ว่าผู้หญิงคนเมื่อกี้ทำร้ายคุณคิ้วบางทำไมมากกว่าอ่ะ อาคาชิพอรู้หรือเปล่า?"

    "เออ จริงแฮะ" คำถามของฮายามะทำเอาทั้งโรงยิมหันไปสนใจเรื่องนี้แทนเรื่องคนที่เกินคนไปไกลจนน่ากลัวนั้น

    "อยากรู้เหรอ?" อาคาชิเลิกคิ้วเล็กน้อย...ไม่คิดว่าจะเลิกสนใจเรื่องเคียวซังได้ง่ายขนาดนี้หรือว่าไม่อยากพูดเรื่องเคียวซังต่อไมเกรนขึ้นกันนะ?

    "ก็อยากสิฟะ! ถ้ารู้ก็บอกกันหน่อยเถอะ!" มายุสุมิเอ่ย...

    ...หึ! อยากรู้จะตายแล้วว่าเขาไปทำอะไรให้ถึงอาฆาตเขาเนี่ย!? เขามั่นใจว่าไม่เคยไปสร้างเรื่องแค้นเคือนกับผู้หญิงที่ไหนนะ!...

    "โอเค งั้นเอาง่ายๆ สั้นๆ เลยนะครับ...ที่ผู้หญิงคนนั้นทำแบบนี้เพราะแค่อิจฉาที่จิฮิโระได้แสดงคู่ฉันแค่นั้นแหละ" อาคาชิเอ่ยด้วยสีหน้า...เหนื่อยใจสุดแสน

    "ห๊า!? แค่นี้!?" มายุสุมิถึงกับหลุดเหวอเลยงานนี้...นี่เล่นซะเขาเกือบตายเพราะเรื่องแค่นี้เนี่ยนะ!?

    "ครับ แค่นี้แหละ" อาคาชิถอนหายใจออกมา "พวกนายอาจจำไม่ได้แต่ผู้หญิงคนนั้นคือคนที่บอกรักฉันเมื่อเดือนก่อนแล้วฉันก็ปฏิเสธไป...ว่าตามจริงก็ไม่คิดหรอกนะว่านอกจากจะไม่ตัดใจจากฉันแล้วยังก่อเรื่องใหญ่ซะขนาดนี้อีก"

    "คนที่มาบอกรักเซย์จังเมื่อเดือนก่อน? อ๋อ...ใช่คนที่ประกาศว่าจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาดนั้นหรือเปล่า?" มิบุจิถาม

    "ใช่...คนนั้นแหละ" อาคาชิพยักหน้ารับ

    "งั้นก็ไม่แปลกหรอกที่มายุซังจะโดนเล่นงานน่ะ..." มิบุจิยกมือคุมขมับ "...ก็รายนั้นขึ้นชื่อว่า หึง โหด แรง ในหมู่ผู้หญิงเลยล่ะ...ได้ยินว่าถ้าคนนั้นหมายตาใครแล้วก็จะหาทางเอามาเป็นของตัวเองให้ได้และถ้ามีผู้หญิงหรือใครเข้าใกล้คนที่รายนั้นหมายตาไว้ก็จะโดนแกล้งหนักๆ จนถอยห่างออกมาเองน่ะ ส่วนเมื่อได้คนที่หมายตามาครอบครองจนเกิดเบื่อแล้วทิ้งคนที่ว่านั้นเมื่อไหร่ก็ถือว่าหมดเคราะห์ของคนโดนไปอ่ะนะ"

    "สรุปง่ายๆ คือ...อาคาชิซวยที่ถูกผู้หญิงพิลึกๆ นั้นหมายตาไว้ ส่วนฉันซวยที่ดันเข้าใกล้อาคาชิเกินไปสินะ?" มายุสุมิกรอกตาไปมา

    "ทำใจเถอะมายุสุมิ..." ฮิงุจิตบบ่าคนผมเงินเบาๆ อย่างเห็นใจ "...เดี๋ยวรายนั้นคงโดนจัดการไปเองมั้ง? เนอะ? อาคาชิ?"

    "ครับ...รับรองเคียวซังจัดการจนเอี้ยมแถมอาจได้ปวดจิตจนผมร่วงเป็นของแถมด้วยครับ" อาคาชิเอ่ยอย่างมั่นใจเต็มร้อยว่าคนที่พูดถึงเนี่ยจัดการเรื่องต่างๆ ให้ได้แน่นอน

    "ใช่เลย~~ วางใจได้~~~" มิบุจิช่วยยืนยัน

    "เฮ้อ...จะพยายามทำใจกับความซวยของตัวเองแล้วกัน" มายุสุมิเอ่ยอย่างเหนื่อยหน่ายใจ

    "พยายามทำใจเร็วๆ หน่อยแล้วกัน...เพราะเราคงต้องรีบซ้อมแบบรวบรัดแล้วล่ะ ไม่งั้นไม่มีเวลาเตรียมตัวแน่" อาคาชิเอาพลางมองนาฬิกา "ทุกคนไปประจำที่ได้! เราจะเริ่มซ้อมใหญ่เป็นครั้งสุดท้าย! ใครจำบทไม่ได้ก็พยายามหาโพยติดอะไรสักอย่างไปแล้วกัน! พยายามให้ดีที่สุดเข้าใจไหม!?"

    "ครับ!" ทุกคนในโรงยิมขานรับพร้อมพากันไปทำหน้าที่ของตนทันที

     

     

     

     

     

    เวลายามเช้าค่อยๆ ล่วงเลยเข้าสู้ช่วงบ่ายที่เป็นเวลาที่เหล่าสมาชิกทีมบาสราคุซังต้องแสดงละครตามที่ถูกมอบหมายงานมาอย่างช้า ผู้คนเริ่มพากันเดินเข้ามาภายในโรงยิมที่ถูกจัดให้เป็นสถานที่ในการแสดงละครในวันนี้ บรรยากาศต่างเต็มไปด้วยความรื่นเริง...ต่างจากทางด้านหลังเวทีลิบลับ เพราะในขณะนี้นั้นเหล่านักแสดงทั้งหลายก็พากันพยายามท่องบทหรือไม่ก็พยายามทำใจให้สงบจะได้ไม่ตื่นเวทีกันอยู่

    "อูย...ตื่นเต้นอ่ะเอย์จัง" เด็กหนุ่มผมสีคาราเมลในชุดกระโปรงหรูหราสีน้ำเงินเกาะแขนคนร่างใหญ่ในชุดสีเดียวกันข้างๆ

    "เออ ตื่นเต้นเหมือนกันวะ...ทีตอนแข่งคนก็เยอะกว่านี้ยังไม่ตื่นเต้นแบบนี้เลย" เนบุยะเอ่ยพลางแอบเหลือบมองออกไปด้านหน้าเวที

    "...ฉันชักอยากจางหายไปซะเดี๋ยวนี้จริงๆ ให้ตายเถอะ" เด็กหนุ่มผมเงินในชุดตุ๊กตาสีดำเอ่ยด้วยใบหน้าเหมือนคนกำลังจะเป็นลม

    "เอาน่ามายุซัง...มาถึงขนาดนี้แล้วอย่าเพิ่งคิดหนีเซ่" เด็กหนุ่มหน้าสวยในชุดคลุมสีดำเอ่ยด้วยท่าทางดูปกติสุขดี

    "ถ้าคิดหนีกันเจอกรรไกรเฉาะหัวเรียงตัวแน่" เด็กหนุ่มผมแดงในชุดเจ้าชายสีขาว (ขี้เกียจอธิบายแล้วเหรอ? // อาคาชิ , ก็ใช่น่ะสิ // s) เอากรรไกรจากไหนไม่รู้มาตัดอากาศดังฉับๆๆๆๆ

    "พูดเฉยๆ ก็ได้เฟ้ย! ไม่ต้องเตรียมตัวอย่างมาเลย!" มายุสุมิแยกเขี้ยวใส่คนผมแดง

    "อย่าทะเลาะกันสิทั้งสองคน..." มิบุจิเอ่ยห้ามก่อนที่จะมีศึกระหว่างคนผมต่างสีเกิดขึ้น "...การแสดงจะเริ่มแล้วน้า เราไปเตรียมตัวกันเถอะ...ส่วนมายุซังมาแต่งหน้าเลย คงไม่คิดเอาหน้าสดไปแสดงใช่ไหม?"

    "...กำลังคิดอยู่เลย" มายุสุมิเบ้หน้า...เขาไม่อยากโดนจับแต่งหน้านะ! มันสะพรึงตัวเอง!

    "ไม่ต้องเลย...มา! มาแต่งหน้าซะดีๆ! อย่างน้อยก็แค่ทาแป้งทาลิปหน่อยเถอะ!" มิบุจิล็อกคอคนผมเงินอละลากไปที่มุมห้องเพื่อจะขอให้เหล่าผู้จัดการทีม (ที่เป็นผู้หญิง) ช่วยแต่งหน้าแต่งตาให้คนผมเงิน

    "...โคทาโร่...คิดว่ามายุสุมิจะโดนจับแค่ทาแป้งจริงๆ ไหม?" เมื่อคนผมเงินจากไป (?) เนบุยะก็เอ่ยถามขึ้นมา

    "ถ้าเอาตามตรง...ไม่" ฮายามะตอบกลับไปอย่างมั่นใจเต็มร้อย

    "ฉันก็ว่างั้น" อาคาชิพยักหน้ารับพร้อมยื่นหน้าออกไปดูหน้าเวที "แต่ถึงจิฮิโระโดนจับแต่งองค์ทรงเครื่องยังไงก็ช่างเถอะ แค่เสร็จทันตอนขึ้นแสดงพอ"

    "นั้นสิเนอะ" เด็กหนุ่มผมสีคาราเมลพยักหน้ารับพลางมองเด็กหนุ่มผมดำคนหนึ่งที่เริ่มขึ้นไปบนเวที

    "สวัสดีครับ ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน..." เด็กหนุ่มผมดำเอ่ยด้วยรอยยิ้ม "...ในวันนี้ทางชมรมของเรามีละครเรื่องเจ้าหญิงนิทรามาให้ทุกท่านชมกันครับ ส่วนกระผมฮิงุจิจะทำหน้าที่เป็นผู้บรรยายนะครับ...และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เชิญชมกันได้เลยครับ!"

    พรึบ!

    ทันทีที่ฮิงุจิกล่าวจบไฟทั้งโรงยิมก็ดับลงเหลือที่บนเวทีเท่านั้นที่ยังมีแสงไฟพร้อมกับม่านบนเวทีค่อยๆ เปิดออกอย่างช้าๆ เผยให้เห็นฉากที่ถูกจัดทำให้เหมือนห้องโถงที่หรูหร่า

    "กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ที่เมืองใหญ่อันเป็นมหาราชอาณาจักรแห่งหนึ่งมีพระราชาและพระราชินี ที่ปกครองบ้านเมืองของพระองค์อย่างเป็นธรรม..." ฮิงุจิเอ่ยบรรยายไปขณะที่เนบุยะกับฮายามะขึ้นมาบนเวทีพร้อมกับนักแสดงตัวประกอบคนอื่นๆ "...ณ ภายในปราสาทที่สุดจะยิ่งใหญ่ในวันนี้ได้มีงานเลี้ยงต้อนรับการประสูติพระธิดาองค์แรกของพระราชาและพระราชินี ซึ่งมีนามว่าเจ้าหญิงออโรร่า ในงานนี้มีทังประชาชนและแขกบ้านแขกเมือง และยังเชิญนางฟ้าที่ทุกคนเชื่อว่าค่อยปกปักรักษาเมืองนี้มาตลอดให้เข้ามาร่วมอวยพรให้กับเจ้าหญิงองค์น้อยด้วย ซึ่งมีจำนวนทั้งหมด 6 นาง...นางฟ้าแต่ละนางที่ถูกเชิญมาก็ต่างอวยพรพระธิดาองค์น้อย"

    "ขอให้เจ้าจงมีหน้าตาที่งดงามมากกว่าผู้ใดในโลกา" คนที่แสดงเป็นนางฟ้า (ทั้งที่หน้าไม่ให้) เอ่ยตามบทของตนไป ก่อนจะเริ่มตามมาด้วยคนที่แสดงเป็นนางฟ้าคนอื่นๆ

    "ขอให้พระธิดาของหม่อมฉันจงมีน้ำเสียงที่ไพเราะ ดุจระฆังแก้ว"

    "ขอให้เจ้าจงมีสุขภาพ ที่แข็งแรงปราศจากโรคภัยไข้เจ็บทั้งปวง"

    "ขอให้เจ้าจงเป็นผู้ที่สามารถเต้นรำได้เก่ง ที่สุดหาผู้ใดเสมอเหมือนมิได้"

    "ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดนตรีชนิดไหน ขอให้เจ้าจงเล่นมันได้อย่างคร่องจนไม่มีใครสามารถที่จะเทียบเทียมได้"

    "ขอให้เจ้าจงมีจิตใจที่ดีงาม ดั่งแก้วที่ใสและงดงาม"

    "ขอให้..."

    "เจ้า...กล้าดียังไง!" ระหว่างที่คนแสดงเป็นนางฟ้าคนที่หกกำลังจะเอ่ย เด็กหนุ่มในชุดคลุมสีดำหรือมิบุจิได้เดินออกมาจากข้างเวทีพร้อมตะโกนอย่างโกธรเกรี้ยวแบบสมบทบาทมากจนน่าจับไปเป็นนักแสดงมากกว่านักกีฬาเสียจริง "พวกเจ้าจะต้องได้ผลจากการกระทำของพวกเจ้า ที่ไม่ยอมเชิญข้าให้เข้ามาร่วมในงานนี้ด้วย!"

    "นางฟ้าคนที่เจ็ดซึ่งโผล่มานั้นถลึงตาใส่พระราชา ส่วนทางด้านพระราชาเองก็ทรงเหงื่อแตกเนื่องจากว่าไม่คิดว่านางฟ้าองค์นี้จะทราบข่าวเร็วขนาดนี้..." ฮิงุจิบรรยายต่อไปเมื่อมาถึงหน้าที่ตน "...ในความจริงแล้วนั้นพระองค์ใช่ว่าอยากที่จะมองข้ามนางฟ้าองค์ใดองค์หนึ่งไป ด้วยความที่ว่านางฟ้าองค์ที่เจ็ดนี้มีชื่อเสียมากมายจนพูดทั้งวันก็ไม่มีท่าทีจะหมดจึงทำให้พระองค์ตัดสินใจไม่เชิญนางฟ้าองค์นี้มาร่วมงาน แต่ทว่านางกลับมายืนต่อหน้าพระองค์แล้วในขณะนี้ทำให้พระองค์ต้องหาทางเอ่ยข้อแก้ตัวให้ได้อย่างเร่งด้วย...ถึงอย่างนั้นก็ตามนางฟ้าองค์ที่เจ็ดก็หาไม่ฟังคำแก้ตัวขององค์ราชาแม้แต่น้อยพร้องเอ่ยคำสาปแช่งเจ้างหญิงองค์น้อย"

    "เมื่อเด็กคนนี้อายุได้ 15 ปี นางจะต้องตายด้วยเข็มปั่นด้าย จำเอาไว้ให้ดี ฮ่า ๆๆๆๆ" มิบุจิที่เล่นเป็นตัวร้ายเต็มขึ้นเอ่ยก่อนที่จะใช้ระเบิดควัน (?) พลางตัวและวิ่งกลับเข้าไปด้านหลังเวที

    "โอ๋! ไม่นะ! ลูกแม่!" ฮายามะเอ่ยท่าทางสั่นๆ ...จากการกลั้นขำกับบทที่ตนเองพูดเมื่อครู่นั้นเอง

    "ที่นี่เราจะเอายังไงดีเนี่ย?" เนบุยะตบบ่าฮายามะเบาๆ เป็นเชิงว่า 'อย่าหลุดก๊ากออกมาเชียว! ไม่งั้นโดนอาคาชิเชือดเรียงตัวแน่!'

    "น...นั้นสิ" ฮายามะเอ่ยพร้อมส่งสายกลับไปว่า 'จะพยายาม'

    "ไม่ต้องห่วงเพคะฝ่าบาท ถึงแม้เวทย์มนต์คาถาของนางฟ้าคนนั้นจะขลังมากจนไม่มีใครที่จะล้างหรือลบมันได้ แต่ว่าเราจะเป็นผู้ทำให้มันบรรเทาเบาบางลงได้ ไม่ต้องให้พระธิดาถึงกับต้องตายลงไปเสียอย่างน่าเสียดายไปทั้งอย่างนั้น " เด็กสาวที่แสดงเป็นนางฟ้าองค์ที่หกเอ่ยด้วยท่าทางใจดี พร้อมทำท่าโบกไม้เท้าไปมาเหมือนกำลังร่ายมนตรา "เจ้าจะยังไม่ตายตอนอายุ 15 ปีแต่จะแค่หลับไปเท่านั้นและเมื่อครบร้อยปีมาถึง เจ้าจะฟื้นขึ้นมาได้ โดยจะมีเจ้าชายองค์หนึ่งจากเมืองไกลมาช่วยล้างเวทย์มนต์ให้กับเจ้า จากนั้นเจ้าจะมีชีวิตที่มีแต่ความสุขตลอดไป..."

    " จะต้องหลับไหลไปจนถึงร้อยปีเลยทีเดียวหรือนี่...ลูกน้อยของพ่อ โธ่ ช่างน่าสงสารเสียเหลือเกิน" เนบุยะเอ่ยพร้อมแอบเนียนตีหลังฮายามะที่กำลังจะหลุดหัวเราะออกมาอยู่ร่อมร่อแล้ว "ถ้าเป็นงั้น...เนื่องมีคำสาปนี่ติดอยู่กับธิดาของข้า ดั่งนั้นข้าจึงขอออกคำสั่งให้ทำลายเครื่องปั่นด้ายทุกอันที่มีอยู่ในเมืองไปให้หมด! ถ้าใครฝ่าฝืนมีโทษถึงประหารชีวิต!"

    "ขอรับ! / เพคะ! ฝ่าบาท!" เหล่าตัวปลากรอบทั้งหลายเอ่ยขึ้นก่อนที่ไฟเวทีจะเริ่งมืดลงเพื่อที่จะเปลี่ยนฉากเป็นฉากต่อไป

    "หลังจากที่พระราชาทรงได้ออกทำสั่งนี้ไป ประชากรทุกคนต่างก็ทำร้ายเครื่งปั่นด้ายทิ้งไปจนหมด ทำให้เมืองทั้งเมืองที่เป็นคนรุ่รหลังจึงแทบไม่มีใครรู้จักวิธีปั่นด้าย จนดูราวกับว่าวิชานี้จะสูญสิ้นไป...โดยหารู้ไม่ว่าพระองค์ทรงให้คนที่ทำการงานหน้าที่นี่ไปแอบปั่นด้ายในถ้ำลับแห่งหนึ่ง..." ฮิงุจิเอ่ยบรรยายต่อเพื่อไม่ให้คนดูเกิดง่วงระหว่างที่กำลังเปลี่ยนฉาก ก่อนที่แสงไฟจะสว่างขึ้นอีกครั้งพร้อมฉากบนเวทีที่เปลี่ยนไป "...วันเวลาผ่านไปเจ้าหญิงองค์น้อย เจริญเติบโตขึ้นและเป็นไปตามคำอวยพรของเหล่านางฟ้าทุกประการ พระองค์ทรงเป็นเจ้าหญิงที่งดงาม อ่อนหวาน พระสุรเสียงกังวานไพเราะ ใครได้เห็นเป็นต้องเคลิบเคริ้ม ทรงมีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงงามสง่า และอื่น ๆ ตามที่เหล่านางฟ้าทั้งหลายอำนวยพร"

    "..." เมื่อมาถึงฉากนี้เด็กหนุ่มผมเงินก็เดินขึ้นบนเวทีตามบทซึ่ง...เจ้าตัวไม่ค่อยแน่ใจว่าจะมีคนทันสังเกตเห็นตนหรือเปล่าเลย

    "อ๋อ! ท่านผู้ชมทุกท่านครับ...ขอบอกก่อนนะครับว่าเจ้าหญิงของเราขึ้นเวทีแล้ว กรุณาสังเกตดีๆ ด้วยครับ" ฮิงุจิที่รู้ถึงความจืดจางของเพื่อนร่วมชั้นปีของตนดีเอ่ยขึ้นมา

    "จริงดิ!?" เหล่าผู้ชมทั้งหลายพยายามจ้องที่เวทีตาเขม็งจนคนโดนจ้องชักอยากโดดหนีลงเวทีชอบกล "เฮ้ย! จริงด้วย! มาเมื่อไหร่กัน!?"

    "เมื่อไหร่ก็ช่าง! แต่สวยวะ!"

    "จริงด้วย! เมือกี้มองข้ามไปได้ไงเนี่ย!?"

    "นี่ๆ แก...คิดว่านั้นผู้หญิงหรือผู้ชายน่ะ!? ถึงสวยแต่สูงซะ!"

    "หญิงหรือชายก็ช่างเถอะ! รู้แค่ดูสวย!"

    "วู้! ขาขาวเนียนด้วยเว้ย!"

    "ที่จริงกระโปรงน่าจะสั้นกว่านี้อีกนิดแฮะ"

    "เฮ้! น้องเมื่อจบการแสดงแล้วไปเที่ยวกับพี่ไหม!?

    "ฯลฯ" เสียงวิพารธ์วิจารที่ดังก้องไปทั้งโรงยิมทำให้มายุสุมิเริ่มเหงื่อแตกพล่านๆ แต่สีหน้าก็พยายามตียิ้มบางๆ ไว้เพื่อให้เข้ากับบทที่ตนแสดงอยู่...

    ...หน่อย...ไอ้บ้าอาคาชิ! เพราะนายแท้ๆ ฉันถึงต้องใส่ชุดน่าอายแบบนี้!!! จำไว้เลยนะ! สักวันฉันจะหาทางเอาคืนนายให้ได้!...

    มายุสุมิแอบอาฆาตรุ่นน้องหัวแดงของตนในใจ ขณะเดียวกันฮิงุจิก็เริ่มที่จะบรรยายบทต่อเพราะรับรู้ได้ว่าคนผมเงินใกล้สติแตก (?) แล้ว

    "เอ้าๆ ต่อนะครับ..." ฮิงุจิเอ่ยเรียกให้คนดูสงบลงเล็กน้อย "...และพอมาถึงวันที่เจ้าหญิงออโรร่าได้มีอายุ 15 ปี บังเอิญว่าพระราชาและพระราชินีต้องเสด็จไปเยี่ยมพระมารดาของพระราชินีซึ่งประชวรหนักยังต่างเมือง ปล่อยให้เจ้าหญิงอยู่ตามลำพังในปราสาท เจ้าหญิงจึงถือโอกาสนี้เดิน เล่นไปรอบ ๆ ปราสาทและเมื่อเดินจนเหนื่อยแล้วองค์หญิงก็ตัดสินใจจะกลับไปพักที่ห้องตนเอง แต่แล้ว...ระหว่างที่เดินผ่านจุดๆ หนึ่งพระองค์ก็ได้ยินเสียงแว่วๆ ของอะไรบางอย่างที่พระองค์ไม่เคยได้ยินมาก่อนดังขึ้นมา"

    "เอ๋? นั่นมันเสียงอะไรนะ ดังอยู่ที่ใกล้ ๆ กับตรงนี้นี่เอง..." มายุสุมิเอ่ยตามบทด้วยที่เริ่มหน้าตายสนิก ด้วยความที่ว่า...

    "เฮ้ย! ผู้ชายเว้ยเฮ้ย!"

    "มันแต่งยังไงวะ!? สวยขนาดนี้!"

    "ผู้ชายก็ช่าง! มาเป็นแฟนกะผมเถอะคร้าบบบบ"

    "เฮ้! น้องชาย! จบการแสดงแล้วไปเที่ยวกับพี่เถอะ!"

    "ฯลฯ" ...พวกหน้ามึน (ในสายตามายุสุมิ) ทั้งหลายดันตะโกนออกมาแบบนี้นี่สิ!

    "อะแฮ่ม! กรุณาอยู่ในคสามสงบกันหน่อยครับ!" ฮิงุจิที่เห็นว่าคนผมเงินบนเวทีกำลังจะโดดร่มจริงๆ แล้วเอ่ยออกมา ทำให้ภายในโรงยิมเริ่มสงบอีกครั้ง "เอาๆ ต่อเลยนะครับ...เมื่อเจ้าหญิงได้ยินเสียงนั้นจึงได้ตามเสียงนั้นไปด้วยความที่อยากรู้อยากเห็น สักพักพระองค์ก็ได้พบกับถ้ำเล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่หลังปราสาทเข้า ซึ่งพระองค์ไม่เคยทราบมาก่อนว่าที่นี่มีถ้ำแบบนี้อยู่ด้วย เจ้าหญิงจึงเดินเข้าไปและพระองค์ก็ต้องแปลกใจเป็นอย่างมาก เมื่อทรงเห็นหญิงชรานางหนึ่งกำลังนั่งทำการปั่นด้ายอยู่"

    "..." ฉากส่วนหนึ่งที่ก่อนหน้านี่ถูกม่านบังไว้ค่อยๆ เปิดออก เผยให้เห็นมิบุจิที่สวมวิกสีขาวไว้บนหัวกำลังทำท่าเหมือนปั่นด้ายอยู่

    "ท่านกำลังทำอะไรอยู่หรือ? ท่านยาย?" มายุสุมิเอ่ยตามบทด้วยท่าทางที่พยายามทำเหมือนสงสัยเต็มแก่

    "กำลังปั่นด้ายอยู่เพคะ องค์หญิง" มิบุจิตอบกลับขณะที่เริ่มหยุดปั่นด้สยและเงยหน้ามองคนผมเงิน "อยากลองหน่อยไหมเพคะ?"

    "อยากสิ..." มายุสุมิเอ่ยแบบ...ตัดบทพูดตัวเองไปหน่อยนึงพร้อมเอื้อมมือไปแตะที่เข็มปั่นด้ายปลอมๆ นั้น "...โอ๊ย! เจ็บ!"

    "หึๆๆๆๆ" มิบุจิมองมายุสุมิที่ทำทีเป็นล้มลงกับพื้นหัวเราะได้อย่างชั่วร้ายตามบทพร้อมดึงวิกผมสีขาวออกยากหัวตนเองเพื่อให้คนดูเห็นว่าตนที่แสดงเป็นตัวร้ายแกล้งปลอมเป็นหญิงชรา ก่อนที่แสงไฟบนเวทีจะมืดลง

    "หลังจากเจ้าหญิงได้นิทราไป นางฟ้าองค์ที่เจ็ดก็ได้นำร่างของเจ้าหญิงไปไว้บนหอคอยสูงหรือก็คือห้องของตัวองค์หญิงเองพร้อมร่ายคำสาปให้ทุกอย่างหยุดนิ่งไปตามการหลับใหลของเจ้าหญิง แถมมีกับดักต่างๆ เกิดขึ้นรอบๆ ปราสาท เนื่องจากนางรู้ถึงรู้ถึงคำอวยพรของนางฟ้าองค์ที่หกและคำอวยพรนั้นนางฟ้าองค์อื่นๆ ที่ได้แอบเสริมคำอวยพรไม่ให้นางสามารถทำร้ายเจ้าหญิงได้ไว้ด้วย นางจึงต้องหาทางหยุดยั้งไม่ให้มีใครมาแก้คำสาปของตนให้เจ้าหญิงได้แทน..." ฮิงุจิเอ่ยร่ายไปพร้อมกับที่เวทีเริ่มสว่างขึ้นมาอีกครั้ง "...และเมื่อพระราชากับพระราชีนีได้กลับมายังปราสาทแล้วพบว่าปราสาทของตนนั้นได้เป็นปราสาทผีสิง (?) ไปเสียแล้ว ทำให้พอคาดเดาสถานการณ์ได้ว่าธิดาของพระองค์ได้ถูกคำสาปเล่นงานแล้ว พระองค์จึงได้ประกาศออกไปยังเมืองต่างๆ ว่าถ้าผู้ใดสามารถบุกเข้าไปในปราสาทและถอนคำสาปให้เจ้าหญิงได้จับได้อภิเศษกับธิดาของตน ทำให้เจ้าชายและผู้คนมากหน้าหลายตาพากันมาเยือนที่ปราสาทนี้เพื่อช่วยเจ้าหญิงออกมา แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีผู้ใดฝ่าเข้าไปได้เลย จนเริ่มไม่มีใครคิดที่จะฝ่าเข้าไปอีก ทำให้วันเวลาผ่านไปเรื่อยๆ จนมาถึงร้อยปี...ก็มีเจ้าชายองค์หนึ่งที่ทราบถึงข่าวของเจ้าหญิงที่ถูกสาปให้หลับไหลไปเมื่อร้อยปีก่อนเข้า จึงทำการเดินทางและไปที่ปราสาทที่เจ้าหญิงออโรร่าหลับไหลอยู่"

    "..." เด็กหนุ่มผมแดงเดินขึ้นมาบนเวทีด้วยท่าทางสง่างามราวเจ้าชายจริงๆ ทำให้เสียงของผู้คนในโรงยิมฮือฮาขึ้นจนฟังไม่ได้ศัพท์...หนักกว่าตอนที่มายุสุมิขึ้นเวทีเสียอีก

    "เจ้าชายได้ฝ่าฟันอุปสรรต่างๆ ไปได้อย่างง่ายดายเพราะได้คำอวยพรของนางฟ้าองค์ที่หกช่วยไว้หรือง่ายๆ คือเจ้าชายดันดวงเฮงมาในรอบร้อยปีตามคำอวยพรพอดี..." ฮิงุจิที่ขี้เกียจเรียกความสนใจจากผู้ชมแล้วทำหน้าที่อ่านบทต่อไป "...จึงทำให้นางฟ้าองค์ที่เจ็ดเห็นท่าไม่ดีเลยออกมาจัดการด้วยตัวเอง"

    "โฮะๆๆๆ เจ้ากล้าดีจังนะที่มาคำสาปของข้ามา!" มิบุจิโผล่ออกมาบนเวที "แต่เสียใจด้วย...ถ้าเจ้าอยากไปต่อต้องผ่านข้าซะก่อน!"

    "..." อาคาชิเพียงมองมิบุจินิ่งๆ ตามบทเจ้าชายมาดนิ่งเป๊ะ พร้อมกับ...

    "กริ๊ดดดดดดดด!!!" ...เอากรรไกรปาดหน้ามิบุจิไปทันที! "เดี๋ยววววว! มันต้องดาบไม่ใช่เหรอ!? ไหงเป็นกรรไกรล่ะ!?"

    "พอดีทำดาบที่ต้องใช้หักไปเมื่อกี้น่ะ เลยเอาไอ้นี่มาใช้แทน..." อาคาชิเอ่ยหน้าตาย "...เห็นว่ามันใช้ได้เหมือนกันน่ะ หยวนๆ เอาแล้วกัน"

    "ได้ที่ไหนล่ะ! นี่มันของจริงนะ!" มิบุจิก้มหลบกรรไกรที่ถูกตวัดเข้าใส่ตามบท "โดนจริงตายจริงนะเออ!"

    "ไม่ตายหรอก รับรองได้" อาคาชิทำท่าเหมือนจะจ้วงท้องอีกฝ่าย "แต่แกล้งทำเป็นล้มให้ทันแล้วกัน...ถ้าเกิดไม่ทันเดี๋ยวเรียกเคียวซังให้พาไปโรง'บาลให้"

    "แว๊ดดดดดดด!!!" มิบุจิหลุดร้องออกมาแบบบังเอิญตรงกับบทพอดี พร้อมล้มลงกับพื้นแกล้งตาย...เออ ที่จริงคือเป็นลมไปในทันที

    "อ...เออ เจ้าชายนั้นเมื่อปราบนางฟ้าองค์ที่เจ็ดได้สำเร็จก็ได้เดินทางขึ้นตามบันได้วกวนไปยังที่ยอดหอคอย..." ฮิงุจิที่เงิบกับการที่กัปตันทีมหัวแดงเอากรรไกรมากระซวกชาวบ้านพยายามเรียกสติสตางค์เข้าร่างพลางมองมิบุจิที่ถูกลากไปเก็บ "...จนในที่สุดเมื่อมาถึงยังยอดหอคอยเจ้าชายก็พบกับเจ้าหญิงผู้เลิสโฉม เจ้าชายได้เดินเข้าไปหาเจ้าหญิงอย่างช้าๆ"

    "..." อาคาชิยกมือลูบดวงหน้าของมายุสุมิเบาๆ ก่อนที่จะโน้มตัวทำเหมือนว่าจูบตามบท แต่...

    ...อาคาชิดันจูบจริงน่ะสิ!

    "อื้อ!?" มายุสุมิลืมตาโพรงพร้อมกับดันอาคาชิออกมาด้วยเร็วแสงพร้อมดวงหน้าที่แดงขึ้นมาด้วยความอาย "อ...ไอ้บ้า! ทำอะไรเนี่ย!?"

    "จูบไงครับ" อาคาชิตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้มที่ละลายหัวใจชาวบ้านได้ง่าย

    "อ...ไอ้!" มายุสุมิอ้าปากพะงาบๆ แบบนึกคำด่าไม่ออก ก่อนที่จะรีบหนีลงจากเวทียทันที

    "รอด้วยสิครับองค์หญิง!" อาคาชิเอ่ยเหมือนกำลังแซวและวิ่งตามคนผมเงินไป

    "...เออ...พอคำสาปคลายแล้วเจ้าหญิงที่ตื่นจากนิทราพบกับเจ้าชายที่จุมพิศตนก็เกิดอาการซึนแตกแล้ววิ่งหนีไป จนทำให้เจ้าชายต้องไปตามง้อ...อย่างไรก็แล้วแต่สุดท้ายเจ้าหญิงกับเจ้าชายจากนั้นก็ได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข จบ!" ฮิงุจิที่เห็นว่าแต่ล่ะคนนอกบทกันไปไกลแล้วเอ่ยสรุปแบบให้รีบๆ จบๆ ไปซะก่อนที่จะมีใครคิดพิเรนท์เล่นออกนอกลู่นอกทางอีก...

    ...ว่าแต่...นี่นายคิดทำอะไรกันแน่อาคาชิ? ถึงเล่นทำแบบนั้นกลางเวทีเนี่ย?...

    "นี่ๆ คุณมืดมน..." เด็กหนุ่มผมสีคาราเมลดึงแขนเสื้อฮิงุจิเบาๆ "...อาคาชิเล่นจูบคุณคิ้วบางแบบนั้น คุณคิ้วบางจะไม่ซึนแตกตายเหรอ?"

    "อา...ไม่รู้แฮะ" ฮิงุจิเกาหัวตัวเองเบาๆ "แต่ที่รู้ตอนนี้คือ...เราคงได้แต่ปล่อยเลยตามเลยและหาทางปลุกมิบุจิก่อนล่ะนะ...เกือบโดนกรรไกรจ้วงเนี่ยทำให้ซ็อกตายไปแล้วหรือเปล่าก็ไม่รู้"

    "นั้นสิเนอะ" ฮายามะพยักหน้ารับก่อนที่จะเริ่มเดินไปหาทางปลุกเพื่อนหน้าสวยของตน

     

     

     

     

     

    "อย่าตามมานะเว้ย!"

    "ไม่สนครับ จะตามมีอะไรหรือเปล่า?"

    "มีเซ่! ไอ้หน้าด้าน!"

    "มีก็หยุดคุยกันดีๆ สิครับ"

    "ใครมันจะหยุดให้ไอ้โรคจิตอย่างนายทำอะไรบ้าๆ แบบเมื่อกี้วะ!?"

    "ถึงคุณไม่หยุด ฉันก็มีวิธีหยุดเหมือนกันนะ"

    "แล้วคงอยู่ให้โดนหรอก!"

    "เลิกซึนแตกได้แล้วมั้งครับ"

    "ไม่ซึนโว้ย!"

    เสียงถกเถียงกันดังขึ้นระหว่างเด็กหนุ่มสองคนที่เดินตามกันเป็นพ่อง้อแม่งอนกันอยู่ โดยไม่สนใจคนรอบข้างที่หันมามองกันเท่าไหร่นักเลย

    "เลิกตามสัก! จะไปไหนก็ไปเลยโว้ย!" มายุสุมิที่ยังอยู่ในมาดหญิงจ้าแว๊ดใส่เด็กหนุ่มผมแดงที่เดินตามหลังตนมา

    "ไม่ครับ มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน..." อาคาชิจับแขนอีกฝ่ายไว้ "...หรืออยากถูกจูบต่อหน้าผู้คนอีกล่ะครับ?"

    "อ...ไอ้บ้าเอ้ย!" มายุสุมิพยายามชักแขนตนกลับ...เสียแต่กลับไม่สามารถหลุดออกจากมืออีกฝ่ายได้ "โธ่เว้ย! มีอะไรจะพูดก็พูดมา!"

    ...ให้ตายสิ...ไม่เคยชนะมันสิน้า!...

    "...ก่อนพูดกรุณาตามมานี่ก่อนครับ" อาคาชิเอ่ยพร้อมลากคนผมเงินไปยังห้องห้องหนึ่ง...ซึ่งนั้นคือห้องของชมรมบาสนั้นเอง

    "ชิ! จะลากมาทำไมเนี่ย!?" มายุสุมิเดาะลิ้นอย่างหัวเสีย...ไหนจะโดนทำร้ายไหนจะเสียจูบแรกไหนจะโดนตามแล้วนี่ยังโดนลากมานี่อีก! "มีอะไรจะพูดก็พูดมา! ฉันจะได้รีบๆ ไปเสียที!"

    "อย่าใจร้อนสิจิฮิโระ..." อาคาชิส่งยิ้มบางๆ ให้พร้อมกดล็อกประตูห้อง "...ฉันแค่อยากจะบอกนายว่า...นายเป็นของฉัน อย่าเผลอทำท่าน่ารักต่อหน้าชาวบ้านอีกล่ะ ฉันหึง"

    "ห...ห๊า?" มายุสุมิที่ตอนแรกโวยวายถึงกับอึ้งกินเมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย "ด...ดูท่าฉันหูไม่ดีแฮะ พูดใหม่ดิ?"

    "ฉันบอกว่านายเป็นของฉัน..." อาคาชิดันตัวคนผมเงินเข้ากับล็อกเกอร์และกั้นตัวคนผมเงินไว้ในอ้อมแขน "...ฉันชอบนาย และฉันไม่มีวันยกนายให้คนอื่นแน่"

    "...เอาจริงดิ?" มายุสุมิส่งเสียงผ่านลำคอออกมาอย่างยากลำบาก

    "จริงแน่นอน และคนอย่างฉันไม่เคยล้อเล่น..." ดวงตาสองสีคู่สวยจ้องมองที่มายุสุมิอย่างตรงไปตรงมา "...แล้วคำตอบของนายล่ะ? จิฮิโระ?"

    "..." มายุสุมิไม่ตอบอะไรออกมาคาดว่าสมองคงหยุดทำงานไปแล้วแหง "...ไม่ตอบ...ได้ไหมอ่ะ?"

    "ไม่ได้" อาคาชิสวนกลับไปทันที

    "..." ...ไอ้เผด็จการเอ้ย!

    "ว่าไงจิฮิโระ...ฉันให้โอกาสนายตอบฉันอีกครั้ง..." อาคาชิเริ่มรังสีชวนอึดอัดออกมา "...ตอบมาซะ ว่าจะยอมคบกับฉันหรือเปล่า?"

    "...ขอถามก่อนได้หรือเปล่าว่าถ้าฉันปฏิเสธจะโดนกรรไกรแทงดับไหม?" มายุสุมิที่เริ่มสติตนกลับเข้าร่างได้เอ่ยถาม

    "ไม่หรอก แต่แค่หลังจากนั้นฉันจะตามจีบนายแทนเท่านั้นเอง" อาคาชิเอ่ยพลางหัวเราะเบาๆ ...นี่คิดว่าเขาบ้าขนาดจะเอากรรไกรไปแทงเลยเหรอ?

    "...สรุป...ต่อให้ฉันตอบรับหรือปฏิเสธนายก็จะตามจีบอยู่ดี?" มายุสุมิคุมขมับ

    "ตามนั้นแหละครับ" อาคาชิพยักหน้ารับ

    "ถ้างั้น..." มายุสุมิมองเรือนผมสีแดงของรุ่นน้องตนพลางคิดถึงเรื่องต่างๆ ในอดีตเพื่อพิจารณาว่าสมควรรับรักไหม (?) ...จะว่าไปตอนอาคาชิโดนผู้หญิงตามจีบเขาก็หงุดหงิดแบบไม่รู้สาเหตุนี่หว่า? นั้นจะแปลว่าเขารักอาคาชิด้วยหรือเปล่าเนี่ย? หรือแค่อิจฉา? โอ๊ย! ไม่รู้โว้ย! ตกลงฉันชอบอาคาชิมันหรือเปล่าเนี่ย!? "...แค่ลองคบได้ไหม? ฉันไม่มั่นใจตัวเองเลย"

    "ต้องได้แน่นอนครับ" อาคาชิยิ้มแฉ่งจนทำให้นึกถึงแมวที่กำลังอารมณ์ดีอยู่ "รับรอง...ฉันไม่ทำให้นายผิดหวังที่มาคบกับฉันแน่นอน"

    "อย่าพูดเหมือนกำลังขอแต่งงานดิฟะ!" มายุสุมิดีดหน้าผากอาคาชิเบาๆ พลางถอนหายใจออกมา "แล้วหวังว่า...นายคงไม่ได้แค่คิดจะหลอกใช้ฉันก็พอ"

    "ไม่แน่นอนครับ..." อาคาชิเอ่ย "...ฉันรักนายจริงๆ และถ้าไม่รักจริงฉันไม่หน้าด้านจูบนายมันกลางเวทีหรอก"

    "เออ เมื่อพูดถึงเรื่องแล้วขอโวยหน่อยเถอะ...ไหงนายถึงไปจูบฉันกลางเวทีฟะ!?" มายุสุมิถามอย่างค้องใจ

    "ง่ายๆ สั้นๆ คือ...หึงครับ มีคนจ้องนายเยอะเกินแถมมีแซวอีก..." อาคาชิเบ้หน้าเล็กหน่อย "...จนเผลอกำดาบปลอมนั้นพังจนต้องเอากรรไกรขึ้นแสดงแทนอย่างที่เห็นนั้นแหละ"

    "..." มายุสุมิรู้สึกสงสารรุ่นน้องผมดำของตนที่กลายเป็นคนซวยได้ผลพวงจากอาการหึงของอาคาชิไปขึ้นมานิดๆ ...ปานนี้ฟื้นหรือยังก็ไม่รู้ "...เอาเถอะ...ตอนนี้เรากลับไปรวมกลุ่มดีกว่า ไม่งั้นฮิงุจิมันเข้าใจว่าเราไล่ล่าสุดขอบโลก (?) กันไปแล้วแหงๆ"

    "ครับ ไปกันเถอะ..." อาคาชิเริ่มปล่อยมายุสุมิออกจากอ้อมแล้ว แล้วพากันเดินไปที่ประตูเพื่อที่จะออกไปรวมตัวกับสมาชิกในชมรมคนอื่นๆ แต่...

    โครม!!!

    ...ทันทีที่เปิดประตูกลับมีร่างอันคุ้นตาสามร่างร่วงเข้ามาน่ะสิ!

    "เฮ้ย! พ...พวกนาย!" ดวงตาสีเงินเบิกกว้างเมื่อเห็นคนที่กลิ่งเข้ามาภายในห้องทั้งสาม "แอบฟังกันเหรอ!?"

    "ไม่ได้แอบสักหน่อย! แค่คุณมืดมนให้มาตามเอง!" เด็กหนุ่มผมสีคาราเมลตอบกลับไป

    "ที่จริงฮิงุจิซังกลัวนายโดนอาคาชิฆ่าหมกท่อเลยให้มาตามน่ะ" เด็กหนุ่มหัวลูกสนุ๊กเกอร์ (?) เอ่ยเสริม

    "แต่โหดร้ายจังนะเซย์จัง...ดันเอาฉันเป็นตัวระบายอารมณ์เนี่ยนะ? ถ้าเกิดหลบไม่ทัน (และสลบไปก่อน) ได้ไปโรงพยาบาลแล้วแหง" เด็กหนุ่มหน้าสวยบ่นอุบ

    "โทษทีแล้วกัน พอดีตอนนั้นอารมณ์เสียไปหน่อยน่ะ" อาคาชิยิ้มบางๆ ให้คนที่กำลังบ่นตน "แต่...เมื่อกี้มาได้ยินที่พูดถึงตอนไหนล่ะ?"

    "ตอนที่เซย์จังบอกรักมายุซังนั้นแหละ" มิบุจิตอบ

    "...อยากจะบ้า" มายุสุมิคุมขมับ...ทั้งๆ ที่ไม่อยากให้ใครรู้แท้ๆ!

    "น่าๆ คิดแง่ดีสิ...อย่างน้อยก็สามารถทำอะไรได้อย่างเปิดเผยหน่อยล่ะ" อาคาชิปลอบ

    "ดีสำหรับนายคนเดียวน่ะสิ" มายุสุมิกรอกตาไปมา "เฮ้อ...เอาเถอะ ตอนนี้เรากลับไปรวมกลุ่มดีกว่าเดี๋ยวฮิงุจิมันจิตตกขึ้นมาจะแย่เอา"

    ...คิดมากไปก็เท่านั้น ยังไงก็ย้อนเวลาไปลบความจำไอ้พวกนี่ไม่ได้อยู่แล้ว...

    "โอเคครับ" อาคาชิพยักหน้ารับว่าที่ภรรยาในอนาคต (?) ของตนก่อนที่จะพากันกลับไปรวมกลุ่มพร้อมรอยยิ้มบางๆ บนใบหน้า ขณะที่ในใจได้ให้คำมั่นกับตัวเองเอาไว้...

    ...ไม่ว่ากี่ปีฉันก็จะทำให้นายมั่นใจว่ารักฉันได้แน่นอน...

    ...เตรียมตัวเตรียมใจไว้ได้เลย...จิฮิโระ...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    End



    Cr. Kuroko no Basket 3rd Season 23


    ปล. สัปดาห์หน้าติดงานอาจไม่ได้มาลงนะจ๊ะ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×