ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fanfic knb by shiko

    ลำดับตอนที่ #204 : [MidoTaka] Regret Message

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.02K
      36
      6 ม.ค. 61

    Title :   Regret Message

    Fandom : Kuroko no Basket

    Paring : Midorima x Takao

    Notes : เนื่องจากสัปดาห์หน้าไม่ว่างเลยขอลงสั้นๆ ในวันนี้แทนน่อ J สั้นไปนิดคงไม่ว่ากันนะ555

    ปล. เรื่องนี้แปลงจากเพลงนี้จ้า Regret Message

    .....................................................................................

    Regret Message

     

     

    Machi hazure no chiisana minato

    Hitori tatazumu shoujo

     

    Kono umi ni mukashi kara aru

    Hisokana ii tsutae

     

    "Negai wo kaita youhishi wo"

    "Kobin ni irete"

    "Umi ni nagaseba itsu no hika"

    "Omoi wa minoru deshou"

     

    Nagarete iku   GARASU no kobin

    Negai wo kometa MESSEEJI

    Suiheisen no kanata ni

    Shizuka ni kieteku

     

    ณ ท่าเรือซึ่งอยู่นอกเมืองซึ่งถ้ามองจากภายในเมืองต้องมองออกไปจนเกือบลับตา ได้มีชายหนุ่มผมเขียวคนหนึ่งยืนลำพังอยู่ผู้เดียวท่ามกลางความเงียบไร้ผู้คนสัญจรผ่านไปมา ดวงตาเขียวเช่นเดียวกับเรือนผมจับจ้องไปยังผืนทะเลสีครามอย่างไม่วางตา

    ไม่ได้มาซะนานเลยสินะ...” คนผมเขียวเอ่ยขึ้นมากับตัวเองเบาๆ “...นึกถึงเรื่องเมื่อก่อนเลยเนอะ...ทาคาโอะ

    ...นายยังจำเรื่องเมื่อตอนนั้นได้หรือเปล่านะ?...

    มิโดริมะ ชินทาโร่คุณหมอผู้มากความสามารถในระแวกนี้ยืนรับลมเย็นพลางนึกถึงคนคนหนึ่ง...คนใกล้ชิดที่สุดสำคัญ คนที่เคยอยู่ข้างเคียงเขาจนถึงเมื่อไม่นานมานี่ คนที่เคยได้บอกเล่าเรื่องราวที่ทำเอาเขาอดมาที่นี่ทุกวันเสียไม่ได้มา เรื่องเล่านั้นที่พูดถึงท้องทะเล

    นี่ชินจัง...รู้เปล่า ว่าสิ่งใดที่ต้องการน่ะ จะได้ดังปรารถนาเพียงนำขวดมาแล้วเขียนข้อความใส่ขวดลอยไปให้ทะเลพาไปอีกฟากหนึ่ง แล้วมันจะรับคำอธิฐานของเราไว้ล่ะ

    ไร้สาระน่าทาคาโอะ...เรื่องแบบนี้ต้องทำด้วยตัวเองมากกว่ามาขออะไรแบบนี้นะ

    บู้! ชินจังไม่โรแมนติกเลย!’

    ถ้าไอ้เรื่องเล่านั้นเป็นจริงก็ขอล่ะ...ช่วยรับคำขอไปที...” มิโดริมะเมื่อนึกถึงถ้อยคำในอดีตที่ตนเคยพูดกับใครบางคนก็ทำได้เพียงยิ้มเศร้าๆ ออกมาพลางเอาขวดใบน้อยใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วปล่อยมันลงทะเลไป

    มิโดริมะคุง มาอยู่ที่นี่เองเหรอครับ?” เสียงทักเบาๆ ที่ดังขึ้นมาทำให้หมอผมเขียวสะดุ้งโหยง

    อา...ว่าไงคุโรโกะ...” มิโดริมะหันไปหาผู้มาทักตนมื่อครู่หรือก็คือคุโรโกะ เท็ตสึยะเพื่อนสมัยม.ต้นของตนนั้นเอง

    ไม่ต้องมาไงเลยครับ เป็นหมอแล้วมาโดดเที่ยวที่นี่เวลางานได้ไงครับ?” คนผมฟ้าทำเสียงดุใส่

    ก็นานๆ ทีมิโดริมะเบ้หน้าน้อยๆ ...โอเค เขาไม่เถียงว่าเขาผิดที่โดดมาในเวลางาน ว่าแต่นายเองเถอะโผล่มาในเวลานี้ได้ไงเนี่ย!?

    นานๆ ทีกับผีสิครับ ผมเห็นมามันทุกวันคุโรโกะเถียงกลับ

    กัดเจ็บขึ้นนะนายมิโดริมะบ่นนิดๆ

    ครับ ยอมรับครับ...” คุโรโกะเอ่ยหน้าตาย “...คุณรีบกลับเถอะครับ มีคนไข้รอคุณแถวยาวเหยียดแล้วมั้งปานนี้

    อื้ม...” มิโดริมะเหลือบมองทะเลเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะเดินออกจากท่าเรือแห่งนี้เพื่อกลับโรงพยาบาล (เพื่อไปทำงาน...เอาให้มันครบๆ หน่อยเซ่! มันฟังแปลกๆ นะเฮ้ย! // มิโดริมะ , ไม่สนหรอกตัวเธอ // s) ...แม้ว่าจะนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ที่ข้อความที่เขานั้นฝากจะไปยังทะเลอีกฟากหนึ่งเพื่อรับคำอธิฐานนั้น แต่เขาก็หวังจากใจ...

    ...ว่าขวดน้อยนั่นทีลอยไกลออกไปนั้น...จะทำให้ความหวังเขาเป็นจริง

     

     

     

     

    Kimi wa itsumo watashi no tame ni

    Nandemo shite kureta no ni

     

    Watashi wa itsumo wagamama bakari

    Kimi wo komarase teta

     

    Negai wo kanaete kureru kimi

    Mou inai kara

     

    ภายในโรงพยาบาล ชายหนุ่มผมเขียวในชุดกาวส์ของคุณหมอเดินตามอาคารด้วยใบหน้าเรียบเฉย ทำให้บางทีชาวบ้านก็กลัวใบหน้าเรียบเฉยนั้น...ดูนับวันยิ่งดูน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่คนที่มักสร้างสีสันให้ที่นี่ได้หายไป

    คุณหมอหนุ่มเดินเซไปเซมา (แบบที่คนปกติไม่มีทางดูออกว่าเจ้าตัวเดินเซ) เพียงลำพังแล้วทิ้งตัวลงบนเก้าอี้หลังจากทำการรักษาคนไข้มามากถึงห้าเคสใหญ่ๆ ติดๆ กันมา

    ...พอไม่มีนายแล้วมันเหนื่อยชะมัด...

    ...ตลอดมามีเพียงนายเท่านั้นที่อยู่ข้างกายเวลาเหนื่อยล้า...

    คุณหมอมิโดริมะ...มีเคสด่วนค่ะ...” หลังจากนั่งพักเพียงไม่กี่วิต่อมาก็มีพยาบาลคนหรึ่งวิ่งมาตาม

    จะไปเดี๋ยวนี้แหละมิโดริมะพยักหน้าแล้วลุกไปยังห้องผู้ป่วยต่อแม้ว่าจะเหนื่อยขนาดไหน โดยไม่มีปริปากบ่นอะไร

    ...นายคนเดียวที่คอยรับฟังปัญหาที่เขาบ่น...ไม่สิ เป็นคนง่าวปากให้เขาบ่นประจำมากกว่าเก็บเงียบ...

    คุณหมอ...มีปัญหาเรื่องญาติคนไข้ค่ะ ช่วยมาชี้แจงด้วยค่ะพยาบาลอีกคนมาเรียกมิโดริมะทันทีที่เจ้าตัวรกษาคนไข้เคสด่วนเสร็จ

    เข้าใจแล้ว จะไปเดี๋ยวนี้มิโดริมะพยักหน้ารับแม้ในใจเริ่มอยากอาละวาดนิดๆ ...หมอทั้งโรงพยาบาลทำไมมานัดกันลาหยุดวันนี้เกินครึ่งจนเขาต้องทำหน้าที่แทนเนี่ย!? คราวนี้ถึงเป็นเขาก็ไม่รู้จะแก้ไงดีจริงๆ ...

    ...เพราะปกติแล้วปัญหาเป็นอย่างไร นายก็มักค่อยช่วยเป็นกำลังใจและช่วยกันหาทางแก้ไขให้ทุกที...

    เฮ้อ...” หลังเสร็จเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้วในที่สุดมิโดริมะก็ได้พักเสียที

    เหนื่อยหน่อยนะคะ คุณหมอมิโดริมะนางพยาบาลคนหนึ่งที่รู้เห็นเองที่หมอหนุ่มวิ่งวุ่นมาตลอดทั้งวันนี้ส่งยิ้มแห้งๆ ให้

    รู้สึกว่าที่นี่วุ่นวายขึ้นตั้งแต่ทาคาโอะซัง...” พยาบาลอีกคนบ่นขึ้นมาบ้าง

    ฮานะ!” พยายาลคนแรกทำเสียงดุใส่เพื่อนร่วมอาชีพของตน

    อุ๊ย! ขอโทษค่ะ!” พยาบาลที่ถูกเรียกว่าฮานะรีบตะคุบปากตัวเองเมื่อรู้ว่าตนพูดในสิที่ไม่ควรพูดออกมา

    ช่างมันเถอะ...” มิโดริมะเอ่ยขึ้นเพื่อตัดความกังวลภายในใจพยาบาลสาวทิ้งไปแล้วถอนหายใจออกมาอีกระรอบ...มันเป็นจริงดั่งที่พยาบาลฮานะว่าตั้งแต่ไม่มีทาคาโอะอยู่มานี่ที่นี่ช่างวุ่นวายเสียเหลือเกิน ทั้งในที่ทำงานทั้งในใจเขาเอง...

    ...ถ้าเขารู้ตัวเร็วกว่านี้ มันคงไม่เป็นแบบนี้สินะ?...

    ...และเพราะใบหน้าที่มักแต้มด้วยรอยยิ้มนั้นทำให้เขาไม่รู้...

    ...ว่านายนั้นต้องกล้ำกลืน ต้องทนฝืนเก็บซ่อนอะไรไว้มากเท่าใด...

    ...แต่ถ้าเขาเอ๊ะใจสักนิดคง...

    ผมขอตัวก่อนล่ะมิโดริมะค่อยๆ ลุกขึ้นยืน...แม้จะหมดแรงกับการทำงานแล้วแต่เขาก็ยังอยากไปที่นั้นก่อนที่จะค่ำอยู่ดี

    เดินทางกลับบ้านดีๆ นะคะคุณหมอพยาบาลสาวทั้งสองเอ่ยลาหมอผมเขียว

    ครับมิโดริมะโค้งให้นิดๆ เป็นการลาแล้วเดินออกจากห้องไปอย่างโดดเดี่ยวต่างจากในอดีต...ที่เคยมีคนเดินเคียงข้างบวกแกล้งเขาตลอด ทำให้ความเหงาที่เจ้าตัวเคยคิดว่าไม่อาจทำอะไรตนได้เข้ามาเกาะกินจิตใจ...

    ...จนถึงตอนนี้ที่ไม่มีนายอีกแล้ว ไม่มี...คนที่ข้างกายเขาแล้ว...

    ...จะเป็นเช่นนี้ตลอดชีวิตที่เหลือของเขาหรือ?...

     

     

     

     

     

     

    Kono umi ni watashi no omoi

    Todokete morau no

     

    Nagarete iku   chiisana negai

    Namida to sukoshi no RIGURETTO

    Tsumi ni kizuku no wa itsumo

    Subete owatta ato

     

    Nagarete iku   GARASU no kobin

    Negai wo kometa MESSEEJI

     

    คลืน...คลืน...

    เสียงคลื่นที่ซัดซาเป็นจังหวะสม่ำเสมอ พื้นน้ำที่ถูกเปลี่ยนสีแดงฉานด้วยดวงอาทิตย์ที่ลงในทะเล กลิ่นเกลือลอยเข้ามากระทบจมูกชวนให้รู้สึกสดชื่น...หากแต่ไม่ใช่กับคนที่กำลังนั่งมองท้องทะเลด้วยสายตาเศร้าสร้อยอย่างคนผมเขียวในยามนี้ เข้าตัวไม่มีอารมณ์สุทรีย์กับบรรยากาศในตอนนี้ทำเพียงนำขวดใบน้อยมาลอยทะเลอีกครั้ง...

    ...สุดท้าย...ก็จึงหนีมาพึ่งพิง วอนขอที่ทะเลแห่งนี้อีกตามเคย...

    มิโดริมะถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อใจตนนั้นเรียกตนมาที่นี่มันตลอดไม่ว่าเวลาทำงานหรือเวลาใดราวกับกำลังรอ...รอให้คำภาวนาของตนได้นับการตอบรับเสียที

    ...ช่วยทีเถอะ ช่วยรับคำภาวนานี่ไปเสียที...

    นี่...กลับมาหาฉันเสียทีเถอะ...” มิโดริมะยิ้มเยาะกับตัวเองด้วยความหวังอันริบหรี่ในใจตน “...ทาคาโอะ

    ...เมื่อหวนนึกถึงอดีต...มันทำให้เขารู้ว่าตนเองโง่เสียเพียงใด...

    ...ที่ปล่อยให้สิ่งสำคัญหลุดมือไป...

    ...และสิ่งสำคัญนั้น...จะหวนกลับมาได้หรือเปล่าเขาก็ไม่รู้...

    ไอ้บ้าเอ้ย...” หยาดน้ำค่อยๆ ไหลออกจากนัยน์ตาสีมรกต “...ฉันคิดถึงนาย...ทาคาโอะ กลับมาอยู่กับฉันที

    ...เขารู้ว่าน้ำตาที่รินไหลนี่มันไร้ความหมาย...

    ...มันไม่อาจเทียบกับความเสียใจของเขาได้...

    ...และไม่อาจทำะไรให้ดีขึ้นได้...เพียงแต่...

    กลับมาเสียทีสิ เจ้าบ้าเอ๋ย...อีกสักครั้งก็ยังดีมิโดริมะบ่นพึมพำออกมาเบาๆ เพียงลำพัที่ท่าเรือที่แทบเรียกได้เต็มปากว่าร้างแห่งนี้...เพื่อรอคนบางคนให้กลับมาแม้รู้ว่าคนคนนั้นอาจจากไปไม่มีวันกลับไปแล้วก็ได้...

    ...แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็จะรอ...แค่ความคิดถึงนายเท่านั้น คิดถึงนายที่คอยอยู่ข้างกายกันตลอดนั้นก็มากพอทำให้เท่าทนมีชีวิตรอต่อไปได้

    ...สุดท้ายแล้ว เขาก็เป็นเพียงคนโง่คนหนึ่งเท่านั้น...ที่กว่าจะรู้ว่านายนั้นสำคัญแค่ไหนก็ตอนที่ตัวนายนั้นได้จากไป

    มิโดริมะคุง...” เสียงทักเบาๆ ทำให้คนผมเขียวสะดุ้งโหยงพลางรีบเช็ดน้ำตาของตนอย่างลวกๆ

    นายมาอีกแล้วเหรอคุโรโกะ?” ไม่ต้องหันไปมองมิโดริมะก็รู้ได้ทันทีว่าใครมา...คนที่มาแบบไม่ให้สุมให้เสียงหรือให้ได้ยินแม้แต่เสียงเดินมีแต่รายนี่แหละ

    พูดเหมือนเหม็นหน้าผมเลยนะครับคุโรโกะเอ่ยเสียงเรียบ

    ก็ไม่เชิง แล้วมาทำไม?” มิโดริมะถามกลับ...ทำไมรู้สึกรายนี้รู้เวลามาของเขาเหลือเกินนะ

    มาหาเรือออกทะเลเล่นมั้งครับคุโรโกะสวนกลับอย่างติดตลกนิดๆ แค่มาดูคุณว่ายังไม่โดดน้ำตายแค่นั้นแหละครับ

    สาบานว่านั้นปาก?” มิโดริมะคิ้วกระตุกนิดๆ ...รู้สึกเดี๋ยวนี้ปากคอร้ายเหลือเกินนะ ไปติดมาจากใครเนี่ย?

    ปากสิครับ เห็นเป็นอะไรล่ะ?” คุโรโกะถามกลับ

    นับวันนี่ยิ่งปากจัดจริงๆมิโดริมะเบ้หน้าเล็กน้อย

    ขอบคุณที่ชมครับคุโรโกะเอ่ย

    ชมที่ไหนล่ะคุณหมอผมเขียวกรอกตาไปมา ที่มานี่คงไม่ได้แค่มาดูว่าฉันยังไม่โดดน้ำตายจริงๆ ใช่ไหม?”

    เปล่าครับ ผมมีข่าวมาแจ้ง...” คุโรโกะตีสีหน้าจริงจังขึ้นมา “...เราพบแล้วครับ...เครื่องบินที่ทาคาโอะคุงนั่งไปตอนนั้น

    ว่าไงนะ!?” มิโดริมะอุทานเสียงดังลั่นเมื่อได้ทราบข่าวของคนที่ตนคำนึงถึง...ซึ่งรายนั้นก่อนหน้านี้ถูกทางครอบครัวบังคับให้เดินทางไปอยู่ต่างประเทศและแน่นอนว่ารายนั้นไม่อยากให้เขารู้สึกไม่ดีหรืออะไรเลยไปโดยไม่บอกเขา กว่าเขาจะทราบข่าวว่าคนคนนั้นต้องไปอยู่ที่ไกลแสนไกลก็รู้พร้อมกับข่าวที่ว่าเครื่องบินลำที่ทาคาโอะนั่งไปหายสาปสูญไปนั้นแหละ และนี่ก็กว่าสามเดือนแล้วที่หาไม่พบ แล้วเจอทาคาโอะไหม!?”

    จะว่าไงดีล่ะครับ...เราเจอเครื่องบินตกอยู่กลางทะเล ส่วนมีใครรอดใครตายบ้างยังไม่แน่ชัดครับคุโรโกะตอบ

    งั้นเหรอ...” มิโดริมะถอนหายใจเพื่อสงบสติอารมณ์ตนลง “...แต่ถึงงั้น...ฉันก็ยังไม่ทิ้งความหวังหรอกนะ

    ครับ...ผมเองก็เช่นกันคุโรโกะพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วยกับคำพูดนั้นพร้อมกับที่ลมทะเลพัดวูบเข้ามาราวกับมารับฟังบทสนทนาของทั้งสองด้วย

     

     

     

     

     

    Suiheisen no kanata ni

    Shizuka ni kieteku

     

    Nagarete iku   chiisana negai

    Namida to sukoshi no RIGURETTO

     

    เสียงสารพัดเสียงดังขึ้นภายในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง พนักงานภายในโรงพยาบาลทุกคนต่างวิ่งวุ่นหัวหมุนกับการที่คนเจ็บหลายคนที่ถูกลำเลียงเข้ามา...และแต่ล่ะคนล้วนเป็นผู้โดยสารจากเครื่องบินที่ตกแล้วหายสาปสูญไปเมื่อสามเดือนก่อนทั้งสิ้น...

    ...หากแต่โชคร้ายที่ภายในคนเหล่านี้ไม่มีคนที่มิโดริมะตามหาอยู่ด้วย

    เฮ้อ...” คณหมอหัวเขียวปานหญ้าชั้นดีที่โดนโทรเรียกกลับมาที่โรงพยาบาลอีกรอบถอนหายใจออกเบาๆ หลังจากที่วิ่งวุ่นรักษาผู้ป่วยหลายสิบกว่าเคสมาตลอดทั้งคืน

    เหนื่อยหน่อยนะครับ ที่ต้องรักษาคนเยอะขนาดนี้บุรุษพยาบาลคนหนึ่งยื่นกาแฟให้คุณหมอหนุ่ม

    ไม่หรอก คนเยอะนี่แหละดี...แบบนี้แสดงว่ามีคนรอดจากอุบัติเหตุนั้นเยอะพอดูมิโดริมะรับกาแฟมาดื่มพร้อมเอ่ยเช่นนี้...ถึงแม้ว่าคนที่ถูกส่งมานี่เมื่อเทียบกับผู้โดยสารทั้งหมดในรายงานข่าวจะไม่ถึงครึ่งก็เถอะ แต่มีคนรอดมาได้สามเดือนหลังเหตุการณ์แบบนั้นนับว่าปฏิหาริย์เลยล่ะ

    นั้นสินะครับบรุษพยาบาลหนุ่มพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย

    เฮ้! มิโดริมะ! มาเปลี่ยนเวรแล้ว!” ระหว่างที่คุยกันอยู่นั้นชายหนุ่มผมสีน้ำผึ้งในชุดหมอเช่นเดียวกับมิโดริมะก็ตะโกนขึ้นมา แถมโบกมือไล่เชิงบอกว่าให้กลับไปนอนที่บ้านได้แล้ว

    ครับ...งั้นผมขอตัวนะครับมิโดริมะเอ่ยอย่างไม่กล้าขัดใจคนมาไล่...ก็แหงล่ะ ใครใช้ให้คนมาไล่คือมิยาจิ คิโยชิรุ่นพี่จอมโหดของเขาล่ะและเขาไม่อยากเจอสับปะรดบินนะ

    มิโดริมะหลังจากเผ่นออกจากโรงพยาบาลที่ตนทำงานอยู่ก่อนโดนสับปะรดบินมาได้ เจ้าตัวก็ได้เดินไปตามทางเดินด้วยสีหน้านิ่งๆ เหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไรทั้งที่เพิ่งทำงานมาตลอดคืนและเพราะทำงานมาตลอดคืนรายนี้จึงควรเดินกลับที่พักไปพักผ่อนอย่างยิ่ง...หากแต่ที่เจ้าตัวเดินหากใช่ทางกลับที่พักตน แต่เป็นทางเดินไปยังท่าเรือ สุดท้ายก็กลับมาที่นี่อีกจนได้

    ...มายังทะเล...ที่เขาฝากคำภาวนาไป...

    นี่...ทำไมหนึ่งในคนไข้ของฉันไม่มีนายล่ะ?” มิโดริมะถามขึ้นมาเบาๆ กับท้องทะเลที่ทอประกายสวยงาม นี่นาย...ยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม? ทาคาโอะ

    ...ขอล่ะ...ตอบมาที...

    ทาคาโอะ...” มิโดริมะพึมพำเรียกชื่อของคนที่ตนอยากเจอที่สุดอย่างแผ่วเบาและ...

    ชินจัง!!!”

    เอ๊ะ?” ...ในเวลาเดียวกันนั้นเสียงเรียกอันคุ้นหูก็ดังขึ้นทำให้คุณหมอหัวเขียวสะดุ้งเล็กน้อย ทาคา...โอะ?”

    ชินจัง!!!”

    นายอยู่ไหนทาคาโอะ!?” เมื่อเสียงเดิมดังขึ้นเป็นการยืนยันว่าตนไม่ได้หูฝาดทำให้มิโดริมะพยายามหันซ้ายหัวขวาหาต้นเสียง...ถึงแม้เสียงที่ได้ยินนี่อาจเป็นผี แต่ใช่ว่าเขาจะกลัวรายนี้เสียหน่อย

    ทางนี้ชินจัง! ทางนี้!!!”

    ทาคาโอะ!!!” มิโดริมะตะโกนลั่นเมื่อสายตานั้นเห็นวัตถุคล้ายเรือขนาดเล็กที่ทำขึ้นลวกๆ อยู่กลางทะเล...และนั้นทำให้มิโดริมะโดดขึ้นเรือเล็กของใครไม่รู้ที่จอดทิ้งไว้ที่ท่าเรือออกไปหา...

    ...พอไปถึงยังจุดหมายดวงตาสีมรกตก็เห็นร่างของชายหนุ่มผมดำที่คุ้นตานั่งอยู่บนปีกเครื่องบินที่แตกหักส่วนหนึ่งทีเจ้าตัวใช้ต่างเรือโดยทั้งเนื้อทั้งตัวมีสัมภาระเพียงกระเป๋าสะพายข้างใบหนึ่งเท่านั้น ทาคาโอะ! นายยังปลอดภัยดีนะ!?”

    ครบสามสิบสองน่าทาคาโอะหัวเราะเบาๆ อย่างอารมณ์ดีแม้ว่ายามนี้ตนซูบผอมลงกว่าแต่ก่อนมากก็ตาม

    ขึ้นมานี่แล้วไปโรงพยาบาลกัน!” มิโดริมะฉุดคนที่ตอนนี้ตัวเบาอย่างน่าประหลาดขึ้นมาบนเรือแล้วเร่งเครื่องกลับฝั่ง จากนั้นก็อุ้มไปโรงพยาบาลทั้งอย่างนั้นเลย...โดยไม่สนใจคำโวยวายจากคนในอ้อมแขนแม้น้อย ช่วยเตรียมห้องตรวจให้หน่อย!”

    เอ๊ะ? คุณหมอมิโดริมะ?” พยาบาลคนหนึ่งที่ยืนใกล้ๆ กับจุดที่คนผมเขียวเข้ามาพอดีสะดุ้งโหยงเมื่อคนเป็นหมอที่น่าจะกลับไปพักผ่อนแล้วกลับมาอีกครั้ง แถมยัง...พาคนที่ไม่น่าจะหาตัวเจอง่ายๆ มาด้วย นั้นมัน...ทาคาโอะซัง!!?”

    ห๊า!? เจอตัวแล้วเหรอ!?” พอสิ้นเสียงพยาบาลสาว เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทั้งหลายก็เกิดความอลมาลขึ้นมาทันใด

    เตรียมห้องตรวจเร็ว!” บุรุษพยาบาลคนหนึ่งเอ่ยพร้อมกับรีบเตรียมห้อง

    ดูเหมือนฉันจะสร้างความวุ่นวายแล้วสิเนี่ยทาคาโอะได้เพียงยิ้มแห้งๆ กับภาพความวุ่นวายตรงหน้า

    คนป่วยเงียบแล้วนอนเฉยๆ ซะมิโดริมะเอ่ยพร้อมวางทาคาโอะลงบนเตียงผู้ป่วยที่พยาบาลคนไหนไม่รู้เข็นมาให้ถึงที่

    ชินจังเย็นชาอ่ะทาคาโอะทำเสียงงอแงใส่ตามปกติ...ช่างไม่เหมือนคนที่เพิ่งรอดตายมาหมาดๆ จริงๆ

    ทำตัวเองนะมิโดริมะมองคนที่ยังคงเหมือนเดิม ไม่มีเปลี่ยนไปจากเมื่อสามเดือนก่อนสักนิดทำให้เจ้าตัวเผยรอยยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว

    อ่ะ! ชินจังยิ้มด้วย!” ทาคาโอะเบิกตากว้างเหมือนเจอสิ่งมหัศจรรย์ของโลกมาอยู่ตรงหน้า ใครมีกล้องบ้าง? ขอถ่ายรูปหน่อยเถอะ

    ไม่ต้องเลยมิโดริมะดีดเหม่งอีกฝ่ายไปหนึ่งที

    ใช่ เพราะฉันถ่ายให้แล้วคุณหมอหัวสีน้ำผึ้งหรือมิยาจิเดินเข้ามาพร้อมโบกมือถือไปมาด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์...และแน่นอนว่าหลังจบเรื่องวุ่นวายนี้เมื่อไหร่มีแววที่รูปหมอผมเขียวยิ้มได้กระจายไปทั่วกลุ่มของเจ้าตัวแน่ในฐานะของหายาก (?)

    แจ่มมากครับมิยาจิซังทาคาโอะทำท่าเหมือนจะกระโจนกอดรุ่นพี่หัวสีน้ำผึ้งของตนเอง...และคงกระโจนไปแล้วจริงๆ ถ้าไม่ติดว่ามีมือของใครบางคนจับคอเสื้อไว้เสียก่อน

    ไม่ต้องเลยมิโดริมะรีบจับอีกฝ่ายกลับมานอนบนเตียงคนไข้ดีๆ ก่อนที่จะเข็นเข้าห้องตรวจไปก่อนที่จะไปเต้นแร้วเต้นกาโดยไม่คำนึงถึงสังขารที่ไหนอีก

     

     

     

     

     

    "Moshimo umare kawareru naraba....."

     

    ห๊า!? นี่นายลอยกลางทะเลตัวเปล่ามาสามเดือนเนี่ยนะ!?” เสียงตะโกนหลายเสียงดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกันภายในห้องพักผู้ป่วยห้องหนึ่งที่อัดไปด้วยเจ้าหน้าที่แทบทั้งโรงพยาบาลหลังจากฟังความจริงจากปากชายหนุ่มผมดำ

    ตามนั้นเลยล่ะทาคาโอะที่หลังโดนจับตรงสภาพร่างกายแล้วพามาให้น้ำเกลือที่ห้องนี้เล่าถึงเหตุการณ์ที่ตนเผชิญมาหลังเครื่องบินตก

    น้ำดื่มก็ไม่มี อาหารก็ไม่มี แถมที่นายนั่งมายังเป็นซากปีกเครื่องบิน...นายนี่ถึกดีเนอะมิยาจิยอมรับในความถึกของรายนี้จริงๆ

    จะว่าไงดีล่ะครับ อาหารผมตกปลาเอาส่วนน้ำ...ผมก็ใช้วิธีเปลี่ยนน้ำทะเลเป็นน้ำจืดตามที่ชินจังเคยสอนอ่ะครับทาคาโอะอธิบาย

    ไอ้ที่ฉันเคยบอกตอนนายถามเมื่อก่อนน่ะนะ?” มิโดริมะจำได้ลางๆ ว่าเมื่อตอนสมัยมัธยมปลายรายนี้เคยถามเล่นๆ ว่าจะกินน้ำทะเลแทนน้ำเปล่าได้ไหมเขาเลยตอบไปพร้อมสอนวิธีเปลี่ยนน้ำเค็มเป็นน้ำจืดด้วย

    อื้มทาคาโอะพยักหน้ารับ

    ไอ้ความรู้นั้นช่วยชีวิตนายจริงๆมิยาจิถอนหายใจออกมาเบาๆ

    ก็นะครับทาคาโอะยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจนัก แล้วนี่เจอคนที่นั่งเครื่องมาพร้อมกับผมหรือยังครับ?”

    เจอแล้วส่วนหนึ่ง...แต่ส่วนใหญ่รอดมาได้นี่คือว่ายไปเกาะร้างหรือเผลอไปติดเรือประมงเข้าแล้วดันเป็นเรือเดินข้ามทะเลกว่าจะมาถึงพื้นดินแล้วติดต่อเรื่องนี้ได้เลยปามาจนปานนี้ไงมิโดริมะที่นับว่าเป็นคนรู้ข่าวคนแรกๆ เอ่ย ไม่มีใครเขาตัวเพียวๆ กลางทะเลแบบนายหรอก

    ก็ตอนฉันรู้สึกตัวก็มาติดบนนั้นแล้วอ่ะ มองหาใครก็ไม่เจออีกต่างหาก...ก็เลยนั่งรอมันบนนั้นจนคลื่นซัดอีท่าไหนไม่รู้กลับมานี่เนี่ยทาคาโอะหัวเราะเบาๆ

    ยังดีที่ไม่เจอพายุ...” มิยาจิคิดว่ารายนี้โชคดีจริงที่ไม่เจอพายุกลางทะเลเข้า ไม่งั้นคงไม่ได้กลัยมายิ้มร่าแบบนี้หรอก

    นั้นสินะครับทาคาโอะไม่เถียงในความจริงข้อนี้

    แต่นายก็อึดดีเหลือหลายเนอะ ถ้าป็นคนอื่นคงเครียดจนเอาหัวโหม่งอะไรสักอย่างหรือโดดไปให้ฉลามกินไปแล้วมิยาจิมั่นใจเลยว่าคนส่วนใหญ่เจอแบบทาคาโอะคงทนได้อย่างมากก็ไม่เกินเดือนหรอก

    เพราะชินจังช่วยอีกนั้นแหละทาคาโอะเอ่ย

    เอ๊ะ?” มิยาจิหลุดร้องออกมาอย่างงงๆ เช่นเดียวกับหลายๆ คนภายในห้อง คนที่พูดถึงยิ่งไม่ต้องถามอะไรเลยเพราะหน้าเอ๋อนำหน้าแต่ล่ะคนภายในห้องไปเรียบร้อยแล้ว

    ก็แบบ...ขอโทษนะ ช่วยหยิบกระเป๋าที่ติดตัวฉันมาให้หน่อยทาคาโอะที่ไม่รู้จะอธิบายยังไงดีจึงเอ่ยขึ้นมาเช่นนี้

    อา...ได้ๆมิโดริมะพยักหน้ารับแล้วเดินไปหยิบกระเป๋าสะพายที่ติดตัวอีกฝ่ายกลับมาด้วยมาให้

    แต๊งกิ้ว ชินจังทาคาโอะยิ้มร่าพลางค่อยๆ เปิดกระเป๋าให้ทุกชีวิตภายในห้องเห็นว่ามีอะไรอยู่ นี่ไงของที่ช่วยให้รอดได้จนปานนี้น่ะ

    ขวดแก้ว? มีจดหมายด้านในด้วย...” มิยาจิมองขวดแก้วใบน้อยในกระเป๋าที่วางเรียงรายหลายสิบใบอย่างแปลกใจนิดๆ ว่าขวดแก้วเยอะขนาดนี้อีกฝ่ายเอามาจากไหน

    นี่มัน...” มิโดริมะเหงื่อตกนิดๆ เมื่อเห็นขวดแก้วนี่...นี่มันขวดทั้งหมดที่เขาลอยทะเลไปนี่หว่า!

    อย่างที่คิดแหละชินจัง...จดหมายของชินจังไง...” ทาคาโอะยังคงรอยยิ้มไว้บนดวงหน้าดังเดิม “...ชินจังคงจำเรื่องเล่าที่ฉันเคยบอกได้เลยเอาไปลอยทะเลใช่ไหมล่ะ? แล้วบังเอิญลอยมาฉันพอดีน่ะ

    ...พอดีบ้าอะไรล่ะ นี่มันเล่นทุกฉบับเลย!...

    มิโดริมะแอบโวยในใจขณะที่หน้าแดงฉานขึ้นมาเมื่อนึกถึงแต่ล่ะอย่างตนเขียนไปนั้น...มีทั้งคำบ่น ความในใจและทุกอยางที่เขารู้สึกกับทาคาโอะน่ะสิ!!! ตอนแรกเขาแค่เผื่อโชคชะตาจะเห็นใจเลยเขียนมันไปหมดเลย!

    ...ระหว่างเอาหน้ามุดดินกับเอาหัวโขกผนังแก้เขินเขาควรทำอย่างไหนก่อนดีเนี่ย?...

    ว่าแต่ที่เขียนในนี่จริงดิ?” ทาคาโอะถาม

    เออ...” มิโดริมะเกิดอาการพูดไม่ออกเสียดื้อๆ เมื่อโดนถามแบบนี้

    เอ้าๆ พวกเรา...ดูท่าสองคนนี้จะเริ่มจีบกันล่ะ อย่าอยู่เป็น กขค. เลยดีกว่าเนอะมิยาจิไล่ต้อนแต่ล่ะคนที่อยู่ภายในห้องออกไปด้านนอกเมื่อเจอบรรกาศที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีชมพูแล้ว

    มิยาจิซัง!” มิโดริมะโวยเล็กน้อยขณะที่คนทั้งห้องรีบเผ่นออกนอกห้องผู้ป่วยอย่างไวว่องด้วยความที่ไม่อยากกลายเป็น กขค.

    พยายามเข้า...เชียร์อยู่นะเว้ย!” มิยาจิที่บัดนี้อยู่นอกห้องแล้วไม่วายโผล่หน้ามาพูดก่อนที่จะปิดประตูดังปัง ทิ้งให้คนป่วยกับคุณหมออยู่กันสองคน

    อา...” มิโดริมะปิดหน้าอย่างเขินๆ พลางเหล่มองยังคนบนเตียงคนไข้ “...นี่นาย...อ่านหมดเลยเหรอ?”

    อื้ม ฉันเลยพยายามกลับมาหาชินจังไงทาคาโอะหัวเราะแห้งๆ พลางนึกถึงตอนตนอ่านจดหมายครั้งแรก...เจอทั้งคำด่าทั้งคำบ่นเลย แต่ข้อความด่าบวกบ่นนั้นก็มีความรักห่วงใยแฝงมาด้วยและนั้นทำให้เขามีกำลังใจขึ้นมากองเลย

    งั้นเหรอ...” มิโดริมะพยักหน้ารับพร้อมพยายามสงบสติของตนลง “...แสดงว่านายก็ตอบรับความรู้สึกฉันด้วยสินะ

    อื้ม แน่นอน...ขอโทษที่ทำอะไรไม่ปรึกษานะ...” ทาคาโอะที่รู้ว่าอีกฝ่ายโวยวายตนที่จะไปต่างประเทศไม่บอกไม่กล่าวผ่านทางจดหมายเอ่ย “...จากนี้ฉันจะไม่ไปไหนแล้วล่ะ ชินจัง

    อื้ม ฉันก็จะไม่ปล่อยให้นายหายไปอีกแล้วเหมือนกันมิโดริมะพุ่งเข้าไปสวมกอดคนผมดำ ความอบอุ่นที่ส่งผ่านผิวกายกันมาทำให้เจ้าตัวไม่อยากปล่อยให้มันหลุดมือไปเป็นครั้งที่สอง...

    ...ท้องทะเลดูท่าจะรับคำขอของเขาไปจริงๆ สินะ...

    ...ถึงส่งจดหมายที่เขาส่งไปกับทาคาโอะกลับมาหาเขา...

    ...ขอบคุณมากและเขาขอสัญญาว่า...

    ...เขาจะดูแลทาคาโอะให้สมกับโอกาสที่ได้รับมาอีกครั้ง...

    ...ตั้งแต่วันนี้...ตราบจนวันที่เขาสิ้นลมไป...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    End


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×