คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #205 : [AkaAka] Shiyounin
Title : Shiyounin
Fandom : Kuroko no Basket
Paring : Akashi (Bokushi) x Akashi (Oreshi)
Notes : สั้นหน่อยนะ (มากต่างหาก) ลองเขียนแล้วมันยากอ่ะ บวกกับความขี้เกียจส่วนตัวด้วย555
.....................................................................................
Shiyounin
ณ อาณาจักรแห่งหนึ่งที่รุ่งเรืองที่แทบเรียกได้ว่าแทบไม่เคยมีปัญหาวุ่นวายเกิดขึ้น ได้มีผู้ปกครองอาณาจักรเป็นเพียงเด็กหนุ่มอายุสิบหกปีผู้มากความสามารถ มีความเด็ดขาดและมีอำนาจบารมีเสียจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้...หากแต่ในความจริงแล้วนั้นใครจะรู้ว่าความจริงไม่เหมือนสิ่งที่เห็นเสมอไป
“ตื่นได้แล้ว! เซย์!” เด็กหนุ่มผมสีแดงสดคนหนึ่งเอ่ยเสียงดุพลางพยายามดึงตัวคนที่นอนหลับม้วนผ้าห่มเป็นหนอนอยู่บนเตียงขนาดคิงไซส...หรือก็คือราชาของอาณาจักรนี้ที่ไม่ยอมตื่นนอนเสียที ดวงตาสีแดงเช่นเดียวกับเรือนผมจับจ้องยังคนบนเตียงอย่างไม่วางตา
“ขออีกห้านาทีพี่...” เด็กหนุ่มผมแดงที่...หน้าตาเหมือนคนปลุกราวกับแกะเอ่ยอย่างงัวเงีย
“บอกกี่ทีแล้วว่าเลิกเรียกแบบนั้นได้แล้ว!” คนผมแดงดึงผ้าห่มออกจากร่างอีกฝ่ายอย่สงรวดเร็ว “ถ้าเกิดมีคนจับได้ว่าเราเป็นพี่น้องกันจริงๆ ขึ้นมาจะทำไง!?”
...ช่วยอย่าลืมได้ไหมว่าถ้ามีคนรู้ว่ามีราชาสองคนมันจะวุ่นวายขนาดไหน!?...
“ช่างปะไร...ยังไงก็หน้าเหมือนกันขนาดนี้คงมีคนดูออกอยู่แล้วบ้างแหละ” ผู้ปกครองอาณาจักรลุกขึ้นนั่งอย่างงัวเงียพลางค่อยๆ ลืมตาขึ้นเผยให้เห็นด้วตาสองสีซึ่งข้างหนึ่งเป็นสีแดงส่วนอีกข้างเป็นสีอำพัน
“เซย์!” คนผมแดงทำเสียงดุ
“อย่าดุกันสิ” คนที่ถูกเรียกว่าเซย์หัวเราะออกมาเบาๆ กับพี่ชายตนที่เริ่มทำหน้างอ “บ่นมากแก่เร็วนะจะบอกให้”
“จะปวดหัวตายก่อนแก่น่ะสิ” คนผมแดง...หรืออีกชื่อหนึ่งหนึ่งคืออาคาชิ เซย์จูโร่ถอนหายใจออกมาเบาๆ กับเจ้านายพวงตำแหน่งน้องชายตนที่ชอบแกล้งอะไรเล็กๆ น้อยให้ตนปวดหัวเหลือหลาย
“ไม่หรอกน่า นายถึกพอๆ กับฉันนั้นแหละ” เซย์เอ่ยก่อนที่จะรีบแว่บหนีไปเข้าห้องน้ำก่อนที่จะโดนพี่ชายเทศนารับเช้าวันใหม่
“ให้ตายเถอะ...ไอ้น้องคนนี้...” อาคาชิถอนหายใจออกมาอีกระรอบพลางหยิบหน้ากากสีขาวมุกอันหนึ่งขึ้นมาสวมปกปิดใบหน้าส่วนบนเอาไว้ เพื่อซ่อนใบหน้าส่วนหนึ่งของตนเอาไว้...นี่ถ้าไม่ติดว่าพวกเขาเป็น ‘ฝาแฝด’ กันล่ะก็คงไม่วุ่นวายขนาดนี้ เพราะจะมีคนที่ได้เป็นราชาอย่างเด็ดขาดอยู่แล้ว ไม่มาก้ำกึ้งแบบนี้และ...
...เขาเองในตอนเด็กคงไม่ต้องถูกแยกจากกันน้องชาย แล้วน้องเขาคงไม่ต้องทนรับแรงกดดันจากราชาองค์ก่อน...พ่อของพวกเขาในการเรียนรู้เรื่องต่างๆ แบบนี้คนเดียวแน่
...ความจริงคนควรโดนให้ทำหน้าที่ราชาบ้าๆ นี่ควรเป็นเขา แต่แค่บังเอิญแม่หยิบตัวพวกเขาไปผิดและกว่าพอจะรู้ว่าคนที่แม่พาไปคือเขา เขากับแม่ก็ไปกันไกลแล้วคนรับความซวยเลยกลายเป็นน้องเขาไปแทน กว่าเขาจะหาทางกลับมาที่นี่ในฐานะพ่อบ้านได้น้องเขาก็โดนซะอ่วมจนตอนเจอกันแทบคิดว่ากลายเป็นตุ๊กตาไปแล้วด้วยซ้ำ...กว่าจะดึงกลับมาให้มีความเป็นคนได้เนี่ยแทบตาย
พอคิดถึงอดีตของตัวเองแล้วอาคาชิก็ได้เพียงแต่ปลงในโชคชะตาของตนพวกตน ในขณะเดียวกันนั้น...องค์ราชาที่จัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ออกมาจากห้องน้ำพอดี
“วันนี้มีงานอะไรบ้าง?” เซย์ถามพลางตีหน้าตายเมื่อถูกอาคาชิลากออกจากห้องนอนตัวเอง
“เอกสารกองเท่าภูเขาเหมือนเดิม” อาคาชิตอบพลางลากอีกฝ่ายเข้าห้องทำงานไปอย่างรวดเร็วราวกับกลัวรายนี่หนี
“ไม่มีออกพื้นที่บ้างสิ?” เซย์ถามเสียงแผ่ว
“มี แต่ไม่ให้ออก” อาคาชิตอบ
“ไหงงั้นล่ะ!?” เซย์ถามกลับ...เขาชอบออกพื้นที่มากกว่านั่งทำงานกับเอกสารแบบนี้นะ!
“เพราะนายออกไปแต่ล่ะทีเจอแต่พวกอาณาจักรอื่นพยายามลอบสังหารนายไง” อาคาชิกรอกตาไปมา
“แต่ก็ไม่เป็นไรสักครั้งนิ” เซย์ทำหน้ามุ่ย...ถึงเขาโดนลอบสังหารจริงแต่เขาก็จัดการพวกที่มาได้หมดนะ!
“จะรอให้เป็นก่อนหรือไง?” อาคาชิถอนหายใจออกมาเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ของวัน “วันนี้เอกสารสามกองต้องเสร็จ เข้าใจไหม?”
“ตายดิพี่” เซย์ร้องโอดครวญ
“ไม่ตายง่ายๆ หรอกน่า” อาคาชิมั่นใจว่าน้องตนไม่ตายง่ายๆ ชัวท์ “ไปล่ะ เดี๋ยวมา...ห้ามโดดงานนะเฮ้ย!”
“คร้าบบบบ” เซย์ที่รู้ว่าเถียงกับพี่ตัวเองไปก็ไม่ชนะเพราะรู้แก่วกันเองมากไปหน่อยเลยได้แต่ยอมรับไป ทางอาคาชิเมื่อน้องตนยอมทำงานแต่โดนดีแล้วจึงเดินออกจาห้องไป
“เป็นไงบ้างครับ?” และทันทีที่เดินออกมาคนผมแดงก็ถูกใครบางคนทักทันที
“ก็กวนเหมือนเดิมแหละคุโรโกะ...” อาคาชิถึงแม้ยังไม่เห็นตัวคนเรียก แต่ก็เดาได้ว่าคือใคร...จืดจางแบบนี้ทั้งโลกมีสักกี่คนกันเชียว “...ได้ข่าวว่าไงมาบ้าง?”
“พวกนั้นตอนนี้ยังไม่เริ่มเคลื่อนไหวครับ แต่ไม่เกินสัปดาห์นี้...” เสียงเดิมตอบพร้อมกับ...ร่างของเด็กหนุ่มผมฟ้าคนหนึ่งโผล่ออกมาจากความว่างเปล่า “...พวกมันต้องเริ่มลอบสังหารเซย์คุง...องค์ราชาแน่นอนครับ”
“เข้าใจล่ะ ขอบใจมากคุโรโกะ” อาคาชิพยักหน้ารับ
“เออ ว่าแต่อาคาชิคุง...” คุโรโกะ เท็ตสึยะผู้เป็นสายข่าวภายในให้รายนี้มองอีกฝ่ายตาแป๋ว “...ใจคอจะใส่หน้ากากแบบนั้นอีกนานไหมครับ? เห็นแล้วอึดอัดแทน”
“ก็ทำไงได้ล่ะ ฉันดันเล่นหน้าตาเหมือนเซย์ทุกระเบียบนิ้วนิ” อาคาชิเอ่ย
“ไปศัลยกรรมมั้งครับ” คุโรโกะตอบกลับไปแบบติดกวนนิดๆ
“ตลกล่ะ” อาคาชิไม่คิดจะไปทำแบบนั้นกับหน้าตัวเองให้เสียของหรอก (?) “ไม่ต้องห่วง...ไอ้ความหน้าตาเหมือนกันนี่เดี๋ยวได้ใช้ประโยชน์แน่”
“คุณนี้เข้าใจยากเหมือนเซย์คุงเลยนะครับ” คุโรโกะที่ไม่เข้าใจคำพูดที่อีกฝ่ายเอ่ยบ่นเล็กน้อย
“ก็พี่น้องกันนี่นะ” อาคาชิหัวเราะออกมาหึๆ ด้วยสีหน้าเหมือนคนมีแผนการบางอย่างที่ไม่สามารถบอกผู้ใดได้
...ทำไมวันนี้ผมรู้สึกว่าเสียงหัวเราะคุณดูชั่วร้ายชอบกลล่ะครับเนี่ย?...
คุโรโกะแอบคิดในใจโดยมิได้พูดออกไป
“ไง...ตายยัง?” อาคาชิที่จัดการอะไรหลายๆ อย่างจนเสร็จเรียบร้อยแล้วกลับมาดูน้องชายตนเองภายในห้องทำงาน
“ยัง...” คนภายในห้องที่...เอาหน้าฟุบโต๊ะราวคนใกล้ตายตอบ “...มาช่วยทำแทนไม่ได้จริงๆ ดิ?”
“ถ้าทำแทนนายก็หนีเที่ยวดิ เพราะงั้นไม่ได้” อาคาชิปฏิเสธทันควัน
“โหดจริง” เซย์ทำหน้ามุ่ย
“เหมือนนายไง” อาคาชิตอบกลับ
“เออ ยอมรับ” เซย์ไม่เถียงว่าตนก็ประมาณเดียวกันจริงๆ
“น่าๆ อย่าเพิ่งเฉาตาย...ฉันเอาเต้าหู้เย็นมาให้ กินไหม?” อาคาชิที่แอบไปจิ๊ดเต้าหู้เย็นมาจากในครัวถาม...ที่จริงเขาอยากเอาเต้าหู้ต้มมามากกว่า แต่ดันเกือบโดนคนในครัวจับได้เลยเอามาได้แค่นี้
“เอา” คนบ้าเต้าหู้ (?) ตอบรับทันที ทำให้อาคาชิต้องเอาเต้าหู้เสริฟ์ถึงที่ด้วยความที่กลัวว่าหากให้เดินมาเองจะเหยียบเอกสารลื่นล้มหัวฟาดพื้นตายเข้า “นี่พี่...คิดว่าเอกสารฉบับนี้แปลกๆ ไหม?”
“หื้อ?” อาคาชมองเอกสารที่อีกฝ่ายยื่นมาให้ดูพลางวางจานเต้าหู้ลงบนโต๊ะ “ใบแจ้งขอเป็นพันธมิตร? จากอาณาจักร...เอ๊ะ? ของอาโอมิเนะ?”
“คิดว่าอย่างหมอนั้นจะส่งเอกสารมาแทนมาเป็นตัวเป็นตนไหมล่ะ?” เซย์ถามพลางหยิบเต้าหู้มากิน...ปกติไอ้เพื่อนผู้ดำมืด (?) คนนี่เคยมาทางเอกสารที่ไหนล่ะ มีแต่มาเป็นตัวเป็นตนโดยไม่บอกใครเลยเท่านั้นแหละ
“ไม่ และนี่ของปลอมชัวท์ ลายเซ็นยืนยันอะไรก็ไม่มี” อาคาชิเมื่ออ่านเอกสารอย่างพิจรณาแล้วทำได้เพียงเอ่ยเช่นนี้
“ไอ้คนทำดูท่าไม่อยากตายดีแฮะ” เซย์หัวเราะหึๆ
“อย่าคิดทำอะไรเสี่ยงๆ เองเชียว” อาคาชิเอ่ยดักอย่างคนรู้ทัน
“แกล้งทำไม่รู้ทันก็ได้นะ” เซย์ทำหน้ามุ่ย...อุตสาห์คิดจะไปจับไอ้คนทำแก้เซ็งหน่อยแล้วเชียว
“เรื่องอะไรล่ะ?” อาคาชิยักคิดกวนๆ เป็นการตอบกลับ “เดี๋ยวฉันจะส่งจดหมายไปถามอาโอมิเนะก่อน...และคาดว่าไม่เกินพรุ่งนี้ได้มีประชุมด่วนกันแน่”
“คงงั้น” เซย์พยักหน้ารับก่อนที่จะหันออกไปมองนอกหน้าต่างเมื่อได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรมากระทบกระจกหน้าต่าง...แล้วแทบหลุดจำในเวลาต่อมาเมื่อเห็นภาพที่ปรากฏด้านนอก “พี่...ดูท่าเราไม่ต้องส่งจดหมายแล้วล่ะ”
“หื้อ? ทำไม?” อาคาชิถามกลับ
“นู้น...” เซย์บู้ใบ้ไปที่นอกหน้าต่าง “...มาเป็นตัวเป็นตนเลย”
“...บางทีก็สงสัยนะว่าใครเอามันมาปกครองอาณาจักรมันเนี่ย” อาคาชิเมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วพบเด็กหนุ่มผมน้ำเงินคนหนึ่งยืนยิ้มร่าพร้อมโบกมือให้อยู่ก็ถึงกับคุมขมับทันที “รีบลงไปหาก่อนที่หมอนั่นจะปีนขึ้นมาแทนเถอะ”
...ถึงห้องทำงานจะอยู่ชั้นสาม แต่เชื่อเถอะ...มันบ้าพอปีนขึ้นมาแน่...
“ฉันก็ว่างั้นแหละ” เซย์ไม่เถียงว่าจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ จึงออกจาห้องไปเพื่อลงไปหาคนผมน้ำเงินก่อนที่อีกฝ่ายจะปีนขึ้นมาจริงๆ อาคาชิมองแผ่นหลังของน้องชายตนที่วิ่งออกจากห้องไปจนลับตา
“คุโรโกะ...อยู่ไหม?” เมื่อมั่นใจว่าเซย์ไปแล้วและไม่ได้แอบฟังอยู่ อาคาชิก็เอ่ยขึ้นมา
“ครับ” เสียงขานรับพร้อมกับร่างของคนผมฟ้าที่ตามมาในห้องเมื่อไหร่ก็ไม่ทราบปรากฏขึ้นมา
“นี่เป็นฝีมือพวกนั้นสินะ?” อาคาชิไม่มัวอ้อมค้อมให้มากความ ถามใส่หน่วยข่าวผู้จืดจางของตน
“ครับ แต่ดูท่าจะไม่รอบคอบเท่าไหร่นะครับเนี่ย” คุโรโกะพยักหน้ารับ
“ถ้ารอบคอบคงอ้างชื่อคนอื่นมากกว่าไอ้นี่ไปแล้ว” อาคาชิเห็นด้วยเลยข้อนี้...เล่นอ้างใครไม่อ้าง อ้างเป็นอาโอมิเนะที่ไม่เคยทำตามกฏระเบียบกับชาวบ้านสักทีเนี่ย
“จะเอาต่อดีครับ?” คุโรโกะถาม
“แล้วคิดว่าพวกมันจะเผยตัวเมื่อไหร่ล่ะ?” อาคาชิไม่ตอบแต่ถามกลับไปแทน
“พอแผนนี้พังคาดว่า...ไม่คืนนี้ก็พรุ่งนี้คงเริ่มดำเนินการแล้วล่ะครับ” คุโรโกะตอบตามข่าวที่ตนสืบมาได้
“งั้นต้องจัดการให้เรียบร้อยก่อนที่จะมีอะไรสินะ” อาคาชิแสยะยิ้มออกมาน้อยๆ
“คุณคิดจะทำอะไรครับอาคาชิคุง? หวังว่ามันคงไม่อันตรายนะครับ” คโรโกะที่รู้สึกว่าในวันนี้รอยยิ้มของคนผมแดงดูไม่น่าไว้ใจเลยสักนิดเอ่ยขึ้น
“ไม่หรอก...มั้ง” อาคาชิตอบ
“จะดีมากถ้าไม่มีคำว่ามั้งนะครับ” คุโรโกะกรอกตาไปมา...โธ่ แบบนี้นี่ยิ่งทำให้เขากังวลนะครับ!
“เอาน่าๆ เอาเป็นว่าฉันมีวิธีของฉันแล้วกัน” อาคาชิตบบ่าคนผมฟ้าเบาๆ ...พลางนึกหาวิธีการจัดการพวกที่หมายลอบสังหารน้องชายตน...
...พวกศัตรูของเซย์...เขาไม่ปล่อยไว้หรอก...
“สุดท้ายก็โดนอาโอมิเนะป่วนจนไม่เป็นอันทำงานกันเลย...” คำบ่นเบาๆ คล้ายคนปวดจิตดังออกจากปากคนผมแดงนัยน์ตาสีแดงที่ยืนอยู่ข้างๆ เตียงคิงไซสขนาดใหญ่ที่ผู้เป็นนายตนนั่งอ่านหนังสือสบายใจเฉิบอยู่
“เอาน่าพี่ คิดแง่ดีอย่างน้อยคราวนี้ไดกิก็ไม่ได้ทำอะไรพังล่ะ” เซย์หัวเราะเบาๆ ขณะนึกถึงวีรกรรมแต่ล่ะอย่างของเพื่อนผู้ไหม้เกรียม (?) ...ซึงส่วนใหญ่มันก่อเรื่องเสียจนเขาต้องจับมาดักนิสัยทั้งสิ้น ดีแค่ไหนแล้วที่คราวนี้แค่ป่วนในระดับธรรมดาน่ะ
“นั้นคือแง่ดีแล้วใช่ไหม?” อาคาชิกรอกตาไปมา “แล้วนี่เลิกอ่านหนังสือเล่มนั้นแล้วนอนได้แล้ว ถ้าพรุ่งนี้ตื่นสายฉันเอาน้ำมาสาดนายแน่”
“ใจร้าย” เซย์ทำหน้ามุ่ยพร้อมปิดหนังสือลงทันทีด้วยความที่รู้ว่าพี่ชายตนพูดจริงทำจริงเหมือนตนขนาดไหนและเจ้าตัวไม่บ้าพออยากโดนน้ำสาดต้อนรับวันใหม่ด้วยจึงยอมเข้านอนแต่โดยดี ส่วนอาคาชิก็จ้องคนบนเตียงตาแป่วเพื่อให้มั่นใจว่าอีกฝ่ายจะไม่แอบลุกมาเล่นอะไรอีกตอนกลางดึกและเมื่อเวลาผ่านไปพักใหญ่ๆ จนมั่นใจว่าน้องตนหลับไปแล้ว...
“...เอาล่ะ เริ่มแผนได้” ...เจ้าตัวก็ทำการถอดหน้ากากบนหน้าตนออก “ต่อไปก็ไปอ่อยเหยื่อ”
เด็กหนุ่มผมแดงที่ปลอมตัวเป็นน้องชายตัวเอง (โดยการถอดหน้ากากออกเท่านั้น เพราะที่เหลือเหมือนกันหมด) ออกจากห้องนอนเดินไปตามทางเดิน เสียงเดินของเด็กหนุ่มดังขึ้นอย่างเป็นจังหวะดังก้องภายในทางเดินที่ไร้ผู้คน...จากนั้นเสียงเดินหนึ่งก็เพิ่มขึ้นเป็นสอง และเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ ราวในหนังผี เสียจนเด็กหนุ่มผมแดงต้องหยุดที่จะก้าวเดินต่อไป
“ไง...ยอมโผล่หางออกมาแล้วเหรอ?” อาคาชิหันไปมองยังต้นเสียงแล้ว...พบกับกลุ่มคนในชุดเตรียมรบกลุ่มใหญ่ยืนอยู่ “โอ๋? ยกทัพมาเลยหรือไง?”
“ท่านยอมอาณาจักรให้เราเถอะองค์ราชา งานนี้ไม่เหมาะกับเด็กอย่างท่าน!” ชายคนหนึ่งชี้ดาบมาทางอาคาชิอย่างไม่เกรงกลัว
“งั้นถามหน่อย...” อาคาชิแม้ถูกคมดาบชี้มาก็ยังรักษาอาการสงบนิ่งของตนไว้ได้จ้องมองอีกฝ่ายอย่างไม่มีเหลือบหนี “...การปกครองอาณาจักรนี่มันมีปัญหาอะไรหรือไง? ถึงคิดจะแย่งชิงไปบริหารจัดการเองเนี่ย?”
“ไม่มี...” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างไร้ข้อโต้แย้ง...ใช่ ตั้งแต่เด็กหนุ่มคนนี้มาบริหารบ้านเมืองมันช่างสงบสุขเสียจนหาข้อเสียแทบไม่ได้เลย “...แต่มันไม่คู่ควรกับเด็ก!”
“รออีกสักสี่ห้าปีก็ไม่เด็กแล้ว หัดทนซะบ้างสิพวกนาย” อาคาชิตอบกลับอย่างติดกวนประสาทอีกฝ่ายนิดๆ “ความจริงอยากเป็นใหญ่เองก็บอกมาเถอะน่า ไม่ต้องมัวมาลีลา”
“หน็อย...” เหล่าคนที่โดนตอกกลับเช่นนี้กัดฟันกรอดและในขณะนั้นเอง...
“เสร็จล่ะ!” ...เด็กหนุ่มผมน้ำเงินคนหนึ่งก็โผล่มาเอาดาบปัดคมดาบที่ชี้มาทางคนผมแดงออกอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะพุ่งไปตะลุมบอนกับกลุ่มที่หมายจะสังหารเพื่อนตนในทันที
“นี่คุณใจคอจะจัดการคนเดียวตามคาดจริงๆ! ถึงว่าวันนี้หัวเราะเจ้าเล่ห์ชอบกล!” เด็กหนุ่มผมฟ้าที่โผล่มาปานภูตผีแยกเขี้ยวใส่คนผมแดง
“อา...ว่าไงอาโอมิเนะ คุโรโกะ...” อาคาชิส่งยิ้มแห้งๆ ให้เพื่อนทั้งสองของตนที่โผล่มาได้ไงไม่รู้ด้วยอาการเหงื่อตกนิดๆ ...ก็พวกนี่ตอนโกธรเคยแก้แค้นแบบปกติเสียที่ไหนล่ะ
“ไม่ต้องว่าไงเลยครับ! ผมจะฟ้องเซย์คุง!” คุโรโกะเอ่ยอย่างโกธรๆ ...นี่ถ้าเขาไม่เอะในแล้วชวนอาโอมิเนะคุงมาแอบตามมาเนี่ยจะเป็นไงวะครับ!?
“แฮะๆ” อาคาชิทำได้เพียงหัวเราะแห้งๆ เท่านั้น...ถ้ารายนี้เอาไปฟ้องน้องเขา เขาได้โดนดุไม่ต่างจากตอนที่เขาดุรายนั้นเป็นแน่
“ไม่ต้องแฮะๆ เลย! พี่บ้า!” เสียงหนึ่งที่ดังขึ้นมาทำให้อาคาชิสะดุ้งโหยงแล้วหันไปมองยังต้นเสียงอย่างรวดเร็วเสียจนแทบคอเคล็ด
“เฮ้ย! นายไม่ได้หลับไปแล้วเหรอ!?” อาคาชิถึงกับแว๊ดเสียงหลงเมื่อเห็นน้องชายตัวดีที่สมควรจะหลับไปแล้ววิ่งออกมาร่วมวงสู้กับเขาด้วย
“ถ้าหลับจะโผล่มาให้เห็นเหรอ!?” เซย์เถียงกลับด้วยสีหน้าบูดบึ้ง “นี่ถ้าไม่เอ๊ะใจเรื่องที่ให้เข้านอนเร็วกว่าปกตินี่กะจะลุยเดี่ยวเลยใช่ไหมเนี่ย!?”
“ถูก!” อาคาชิตอบกลับหน้าตาเฉย เสียจนเซย์นึกอยากหาอะไรสักอย่างมาฟาดหน้าพี่ตัวเองจริงๆ งานนี้
“เฮ้ย! อ...องค์ราชามีสองคน!” เสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้นทำให้การเถียงกันระหว่างเด็กหนุ่มฝาแฝดทั้งสองหยุดชะงักลง
“เกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย!?” ชายอีกคนทำท่าหวาดกลัวกับการเห็นคนที่พวกตนหมายสังหารปรากฏตัวถึงสองคน
“จะเกิดอะไรขึ้นก็ช่าง...” เด็กหนุ่มผมแดงที่เห็นว่าเถียงกันไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์หันขวับมองเหล่ากลุ่มคนที่จะเล่นงานพวกตนเป็นตาเดียวกัน ทำให้คนถูกมองสะดุ้งโหยงกับความรู้สึกราวกับมีสิงโตจ้องตะคุบ “...เดี๋ยวเข้าซังเตกันเมื่อไหร่จะอธิบายเรียงตัวเลย หึๆ”
“เท็ตสึ...ฉันเหมือนเห็นปีศาจมาสิงร่างอาคาชิอ่ะ...” อาโอมิเนะที่กระดึบออกห่างวงต่อสู้เมื่อคนผมแดงทั้งสองไปตะลุมบอนกับพวกกบฏแทนตนเอ่ยด้วยอาการเหงื่อแตกซิกๆ
“งานนี้ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงล่ะครับ อาโอมิเนะคุง” คุโรโกะถอนหายใจพลางสวดให้เหล่าคนดวงซวยในใจ...
...ขอสวดส่งเลยนะครับ...ดันโดนพี่น้องคู่นี้เล่นงานเนี่ย...
เช้าวันถัดมาหลังจากที่จัดการพวกกบฏไปนอนในคุกและสะสางเรื่องต่างๆ ที่เค้นจากพวกที่จับได้มาเรียบร้อยแล้ว เด็กหนุ่มแต่ล่ะคนก็พากันแยกย้ายไปทำหน้าที่การงานต่างๆ ของตนตามปกติแม้จะแทบไม่ได้นอนกันเลยก็ตาม หากแต่...
“งาน...ทำไมมันเพิ่มขึ้นเนี่ย?” ...ดูท่าจะมีคนงานของตัวเองต่างจากปกติด้วยปริมาณเอกสารที่มากขึ้นจนแทบถล่มมาทับตายได้
“ไม่รู้สิ...เพราะดันความแตกเรื่องเราเป็นพี่น้องกันเหรอ?” อาคาชิเอ่ยด้วยสีหน้าปลงๆ ...นี่เขาต้องช่วยสะสางใช่ไหมเนี่ย?
“คง...งั้นมั้ง?” เซย์เอ่ยอย่างไม่แน่ใจ
“นรกถามหาแล้วไง...เมื่อวานไม่น่าลืมดูเลยว่ามีคนอื่นมาเห็นนอกจากพวกคุโรโกะเนี่ย” อาคาชิบ่นขึ้นมาเบาๆ ...เพราะเมื่อวานพวกเขามัวไล่ตื้บพวกนั้นเลยไม่ทันเห็นว่ามีเด็กรับใช้คนหนึ่งมาเห็นเข้าและรายนั้นก็เล่นเอาไปเป่าประกาศมันทั่ววังเลย กว่าที่พวกเขาจะรู้ว่าเรื่องนี้แพร่ออกไปก็ห้ามใครเอาไว้ไม่ทันล่ะ เพราะรู้ทั้งวังไปแล้ว
“แต่เอาเถอะ...คิดแง่ดีอย่างน้อยพี่ก็ไม่ต้องสวมหน้ากากบ้าๆ นั้นแล้วล่ะ” เซย์ที่พยายามทำใจกับงานของตนในวันนี้เอ่ย
“นั้นคือแง่ดีแล้วเหรอ?” อาคาชิถามกลับขึ้นมาลอยๆ ...สำหรับเขาสวมไม่สวมก็มีค่าพอกันนั้นแหละ
“ใช่สิ...จะได้เห็นหน้าพี่แบบชัดๆ ตลอดวันด้วย ผมชอบนะ ได้มองหน้าพี่แบบนี้เนี่ย” เซย์หัวเราะคิกคัก
“...เซย์ ไอ้คำเมื่อกี้ห้ามไปพูดกับคนอื่นนะ” อาคาชิที่นิ่งอึ้งกับคำพูดเมื่อครู่ไปวูบหนึ่งเอ่ย
“หื้อ? ทำไม?” เซย์ถามด้วยสีหน้าไ เข้าใจ
“เพราะคนอื่นเขาจะเข้าใจผิดง่ายๆ ไง” อาคาชิตอบน้องชายผู้ไม่ค่อยสนใจชาวบ้านอย่างอ่อนใจ
“เหรอ~~~” เซย์ลากเสียงยาวเหมือนไม่ใส่ใจนักขณะที่ในใจนั้น...กำลังมีความนัยน์บางอย่างที่ไม่อาจบอกให้ใครรู้ได้อยู่...
...ผมเองก็...ไม่คิดไปพูดกับคนอื่นแบบนี้หรอกนะ...
...มีแค่พี่คนเดียวแหละที่ผมจะพูดแบบนี้...
...กับพี่ชาย...ที่ผมรักยิ่งเพียงคนเดียวเท่านั้น...
...และผมไม่ได้บื้อขนาดไม่รู้ความหมายของสิ่งที่พูดด้วย...
...แต่ถ้ามันทำให้พี่อยู่กับผมนานๆ ไม่หนีไปหาใครนี่...
...มันก็คุ้มค่าที่จะแสร้งทำเป็นไม่รู้จริงไหม?...
...เนอะ...พี่...
End
ความคิดเห็น