คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 |..ยินดีที่ได้รู้จัก..|
บทที่ 2
“ยินดีที่ได้รู้จัก”
ดวงตะวันที่เคยลาลับขอบฟ้าไปกำลังโผล่พ้นออกมาทอแสงบนพื้นโลกอีกครั้ง
ช่วงเวลาเช้าตรู่เช่นนี้เป็นอีกเวลาหนึ่งที่เหมาะสมกับการนอนหลับซุกตัวใต้ผ้าห่มอย่างมาก
หากแต่ว่าทุกคนก็มีหน้าที่และกิจวัตรประจำวันที่ต้องทำทุกๆวันจึงไม่สามารถทำเช่นนั้นได้
เด็กหนุ่มเดินออกมาจากห้องนอนของตัวเองอย่างสะลึมสะลือเล็กน้อย
เมื่อต้องฝืนตื่นขึ้นมาในเวลาที่อยากจะนอนต่อ
ปลายเท้าแตะลงบนพื้นไม้พาร่างของผู้เป็นเจ้าของเดินตรงไปที่ห้องครัวซึ่งอยู่ด้านล่าง
เสียงของบางอย่างถูกทอดในน้ำมันที่กำลังเดือดปุดๆบนกระทะส่งกลิ่นหอมโชยออกมาจากห้องครัว
ฟีนิกซ์ชะโงกหน้าเข้าไปมองชายหนุ่มที่กำลังทำกับข้าวอย่างอารมณ์ดีจากปกตินิดหน่อย
“อรุณสวัสดิ์ครับ”
เสียงเล็กๆเอ่ยทักพร้อมกับเดินเข้าไปในห้องครัว
คนอายุมากกว่าหันมามองบุคคลที่เดินเข้ามาใหม่ ก่อนตอบรับไป
“อรุณสวัสดิ์
วันนี้ตื่นเช้าจังนะ”
“วันนี้ไปโรงเรียนวันแรกนี่ครับ”
เมื่อบอกดังนั้นฟีนิกซ์ก็ได้ยินเสียงที่ว่า ‘อา..
นั่นสินะ วันนี้เธอจะได้ไปโรงเรียนวันแรกนี่นา’
ดังตอบกลับมาจากคนผมขาว เขาจึงเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายที่ดูเหมือนกำลังทอดอะไรบางอย่างอยู่
ใบหน้าเล็กชะโงกหน้ามองไปที่กระทะก็เห็นเจ้าปลาตัวยาวนอนทอดตัวยาวอยู่ด้านใน
และแน่นอนว่านั่นเป็นของที่คาคาชิชอบที่สุด
“คุณกินบ่อยเกินไปรึเปล่า?”
แต่สิ่งที่ตอบกลับมาของคำถามเมื่อครู่คือเสียงหัวเราะเบาๆจากอีกฝ่าย
ดวงตากลมโตสีน้ำเงินเข้มที่ถอดแบบมาจากผู้เป็นแม่เงยมองใบหน้าของคนตัวใหญ่กว่า
ถึงแม้ว่าจะตอนทำกับข้าว ตอนนอน
หรือตอนไหนๆเขาก็มักจะเห็นคาคาชิใส่หน้ากากปกปิดใบหน้านั่นเสมอ
และนั่นทำให้เขาสงสัยว่าทำไมอีกฝ่ายต้องปิดไว้ตลอดรวมถึงทำให้เขาอยากจะเห็นใบหน้านั่นด้วย
ดูท่าว่าเขาจะจ้องอีกฝ่ายมากไปหน่อย
ดวงตาสีเถ้าถ่านจึงเบือนมาสบตากับเขา
“มีอะไรงั้นเหรอ?”
ฟีนิกซ์เอียงคอเล็กน้อยพร้อมๆกับคิ้วเล็กที่ขมวดเข้าหากันอย่างสงสัยแต่สุดท้ายคนตัวเล็กกว่าก็ทำเพียงส่ายหน้าไปมาเบาๆเท่านั้น
คาคาชิได้แต่มองคนตรงหน้าที่เดินไปนั่งโต๊ะด้วยความงุนงง
หลังจากผ่านคืนวันที่ตระกูลคาซุกิถูกทำลายไปก็ผ่านมาได้
5 ปีกว่าๆ ฟีนิกซ์ก็อาศัยอยู่กับคาคาชิมาโดยตลอด
ทั้งการฝึกวิชาและทักษะการต่อสู้ก็จะมีคาคาชิเป็นคนสอนให้แต่ส่วนมากเด็กชายจะฝึกเองซะมากกว่า
และตอนนี้เขาก็อายุได้ 11 ปีแล้ว
และนั่นเป็นช่วงอายุที่เขาตอนเข้าเรียนที่โรงเรียนอาคาเดมี่ซึ่งเป็นโรงเรียนฝึกสอนนินจา
สาเหตุที่เขาได้เข้าเรียนเพียงแค่ปีเดียวเป็นเพราะว่าตระกูลคาซุกิเป็นตระกูลขีดจำกัดทางสายเลือดรวมทั้งเป็นตระกูลที่แกร่งที่สุดจึงมีการทำข้อตกลงกันว่าหากมีเด็กเกิดขึ้นในตระกูลนั้น
คนในตระกูลจะเป็นผู้ฝึกสอนให้แก่เด็กคนนั้นๆก่อน จนเมื่ออายุ 11 ปี ถึงจะให้เข้าเรียนกับนักเรียนคนอื่นๆตามปกติ
และนั่นเป็นสาเหตุที่ฟีนิกซ์พึ่งจะได้ไปโรงเรียนวันแรก
“กินข้าวเสร็จแล้วจะไปเลยรึเปล่า?”
คาคาชิเอ่ยถามคนตรงหน้าที่ดูจะตั้งใจกับการกินข้าวมากกว่าทำอย่างอื่น
ดวงตาสีน้ำเงินเข้มเหลือบมองเขาแวบนึงก่อนจะเบือนไปมองอาหารตรงหน้าต่อ
“อาจจะ”
คำตอบสั้นๆทำให้คาคาชิขบขันเล็กน้อย
“ยังไงก็เข้ากับเพื่อนให้ได้ล่ะ”
“เพื่อน?”
ฟีนิกซ์ทวนคำอีกฝ่ายเบาๆ นัยน์ตาสีเถ้าถ่านจึงหันไปสบกับคนตรงเล็กกว่า
“อือ
ทำไมงั้นเหรอ?”
“..เปล่าครับ”
เมื่อตอบเสร็จน้ำเปล่าในแก้วก็ถูกดื่มหมดภายในครั้งเดียว
เขาพร้อมที่จะไปโรงเรียนแล้วล่ะ!
...........................................................................................................
บางที..เขาก็รู้สึกราวกับตัวเองเป็นคุณแม่มือใหม่ที่กำลังยืนส่งลูกไปโรงเรียน..
นัยน์ตาสีเถ้าถ่านได้แต่มองคนอายุน้อยกว่าที่ดูกระตือรือร้นมากกว่าปกติเมื่อได้ยินคำว่า
‘เพื่อน’ จากเขา
เมื่อเก็บของเสร็จอีกฝ่ายก็วิ่งลิ่วออกไปจากบ้านอย่างรวดเร็วจนเขาวิ่งตามออกมาส่งแทบไม่ทัน..
นั่นแหละ ที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนเป็นคุณแม่หรือคุณพ่อมากขึ้นทุกวัน
“เฮ้อ
เด็กนี่นะ” เขาได้แต่เกาหัวแก๊กๆเมื่ออีกคนหายลับสายตาเขาไปแล้ว
คาคาชิเดินกลับเข้ามาในบ้าน
นาฬิกาที่แขวนไว้บนผนังบอกเวลาเพียงแค่เจ็ดโมงเศษๆเท่านั้น วันนี้เขามีภารกิจที่ต้องไปทำ
แต่เวลานัดรวมตัวนั้นอีกนานเขาจึงมีเวลาสองสามชั่วโมงก่อนที่จะไปยังสถานที่นัด
คิดได้ดังนั้นจึงเดินไปหยิบหนังสือเล่มโปรดมานั่งอ่านรอเวลา
นี่ก็ผ่านมา
5 ปีกว่าๆที่เขาได้ดูแลเด็กคนหนึ่งซึ่งเป็นลูกชายของคนที่มีพระคุณต่อเขา
มีบ้างบางครั้งคราวที่เขาได้สอนอีกฝ่ายในเรื่องต่างๆ
ในตอนที่อีกคนมาอยู่กับเขาก็เป็นเวลาเพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น
หลังจากนั้นฟีนิกซ์ก็แยกไปอยู่ห้องแถวที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเขาโดยให้เหตุผลว่าไม่อยากรบกวนเขามาก
แต่ก็มีบ้างที่อีกฝ่ายจะมานอนค้างที่บ้านของเขาอย่างเช่นเมื่อคืนก่อนหน้านี้
ช่วงหลังๆดูท่าภารกิจของเขาจะเยอะมากกว่าปกติเนื่องด้วยอีกแค่ปีเดียวเด็กๆในโรงเรียนอาคาเดมี่ก็จะจบการศึกษาและเขาถูกแต่งตั้งให้มาเป็นโจนินผู้ดูแลกลุ่ม
ภารกิจต่างๆจึงต้องรีบสะสางเพื่อที่จะได้มีเวลามากพอจะดูแลเด็กๆที่กำลังจะกลายมาเป็นคนในสังกัดของเขาเอง
ว่ากันตามตรงเด็กที่พึ่งจบในปีนี้เขาเองก็ได้รับหน้าที่ให้เป็นโจนินดูแลกลุ่มเหมือนกันเพียงแต่ว่า..
เด็กพวกนั้นไม่ผ่านการทดสอบจากเขาเท่านั้น
ตอนนี้จึงไม่มีเด็กคนไหนให้เขาเป็นผู้ดูแลแม้แต่คนเดียว
เมื่อพูดถึงเด็กเขาก็นึกถึงคนหนึ่งที่พึ่งจะวิ่งออกจากบ้านไป
จะว่าไปแล้วเขาเองก็ไม่ได้เห็นฝีมือการพัฒนาของอีกฝ่ายมาสองปีกว่าๆแล้ว
ไม่รู้เหมือนกันว่าจะพัฒนาไปมากแค่ไหน
แต่อีกฝ่ายนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นคนของตระกูลที่เก่งกาจของหมู่บ้านอยู่แล้วเพราะงั้นไม่มีอะไรให้ห่วงมากนัก
“เวลาป่านนี้แล้วเหรอ”
มัวแต่อ่านหนังสือนานจนเกินไปหน่อย หันมามองนาฬิกาอีกทีเวลาก็ล่วงเลยจากการนัดมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว
“สายอีกแล้วเหรอเนี่ย?”
...........................................................................................................
“...”
ฟีนิกซ์ยืนนิ่งมองภาพตรงหน้าอยู่หลายสิบนาที
ถึงแม้ว่าเขาจะมาถึงโรงเรียนได้เร็วมากแค่ไหนแต่เขาก็ลืมไปเลยว่าเขาไม่รู้ทางไปห้องเรียนเลยสักนิด..
ครั้นจะไปห้องของคุณครูก็ไม่รู้อีกอยู่ดีว่าอยู่ที่ไหน
ดวงตาสีน้ำเงินเข้มแสดงความเบื่อหน่ายออกมาอย่างปิดไม่มิด
“อ้าว
เธอเด็กใหม่งั้นเหรอ ไม่เคยเห็นหน้าเลย?”
เสียงทุ้มของคนที่แตกหนุ่มดังขึ้นจากด้านหลัง ฟีนิกซ์หันกลับไปมองอีกฝ่าย
รอยปานที่คาดผ่านตรงช่วงจมูกเด่นสะดุดตาจนเขาอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่ารอยแผลนั่นเกิดจากอะไร
แต่ลักษณะการแต่งตัวของอีกคนก็เดาได้ไม่ยากว่าคงเป็นครูของที่นี่แน่นอน
“ครับ”
“หือ?”
อุมิโนะ
อิรุกะ
ผู้ที่เป็นนินจาระดับจูนินและตอนนี้ทำหน้าที่เป็นคุณครูสอนนักเรียนในโรงเรียนอาคาเดมี่แห่งนี้กำลังมองเด็กตรงหน้าที่ตนพึ่งเอ่ยทักไปด้วยความสงสัย
ลักษณะการแต่งตัวและเรือนผมของอีกฝ่ายที่ไม่คุ้นตาทำให้เขาคิดว่าคนตรงหน้าอาจเป็นนักเรียนใหม่ที่โฮคาเงะรุ่นที่สามฝากฝังให้เขาดูแลต่อจนกว่าอีกคนจะเรียนจบในปีหน้า
และเด็กที่ได้รับอนุญาตพิเศษให้เข้าเรียนในอาคาเดมี่ได้เพียงแค่ปีเดียวก็คงไม่ใช่ใครอื่นใดนอกจากคนของตระกูลคาซุกิ
และเมื่ออีกฝ่ายหันมาสบตากับเขาก็เป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดีว่าเขาคิดถูก..
“เธอคงจะชื่อคาซุกิ
ฟีนิกซ์สินะ ครูชื่อ อุมิโนะ อิรุกะ จากนี้ก็จะเป็นครูของเธอที่โรงเรียนนี้”
เขาเอ่ยแนะนำตัวกับคนตัวเล็กกว่า
ใบหน้าที่ดูเหมือนสงสัยบางอย่างเหม่อมองเขาอยู่พักหนึ่งก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้
“แล้ว..เธอไม่เข้าไปข้างในเหรอ?”
เมื่อยังเห็นว่าเด็กหนุ่มยังยืนจ้องหน้าเขาอยู่ เขาจึงถามอีกฝ่าย
“ผมไม่รู้ว่าห้องเรียนไปทางไหนครับ”
“อะ..
ฮ่าๆ ๆ นั่นสินะ เธอเป็นเด็กใหม่นี่นา โทษทีๆงั้นตามครูมาล่ะกัน” ว่าจบอิรุกะก็เดินนำเด็กหนุ่มเข้ามาด้านในตัวอาคาร
ฟีนิกซ์ที่เดินอยู่ด้านหลังหันมองซ้ายมองขวาอย่างสนอกสนใจ
..น่าจะเป็นเด็กแนวๆเดียวกับอุจิฮะ
ซาสึเกะล่ะมั้ง..
อิรุกะที่เหลือบมามองคนตัวเล็กกว่าด้านหลังพลางนึกในใจเงียบๆ
“ฮ่าๆ
ๆ! อะไรของแกวะนารูโตะ!”
“ฮึ่ย! บอกแล้วไงว่าฉันเนี่ยแหละที่จะเป็นโฮคาเงะ!”
เสียงเจี๊ยวจ๊าวที่มักได้ยินประจำดังออกมาจากห้องเรียนด้านหน้า
จูนินหนุ่มถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนหันมามองฟีนิกซ์ที่มีแววประกายสนอกสนใจเสียงที่ดังออกมาจากในห้อง
“พอเข้าไปในห้องแล้วก็แนะนำตัวปกตินะไม่ต้องตื่นเต้น
เด็กๆในห้องก็มีแต่คนอายุเท่าเธอนั่นแหละ”
เขายิ้มให้คนอายุน้อยที่เงยหน้ามาสบตากับเขา
ใบหน้าที่เล็กกว่าพยักหน้าหงึกหงักเบาๆ
ครืน!
“เอ้า! นั่งที่ได้แล้ว!”
อิรุกะเปิดประตูเสียงดังจนเด็กในห้องสะดุดกันเป็นแถบๆ
เมื่อสิ้นเสียงตวาดเมื่อครู่ภายในห้องก็เงียบลงถนัดตาพร้อมๆกับที่ทุกคนในห้องประจำที่ตัวเองอย่างรวดเร็ว
“โอ้
ฟีนิกซ์คุง” อิรุกะที่เดินเข้าไปในห้องได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ต้องชะงักแล้วหันมามองยังต้นเสียงเมื่อได้ยินเสียงแก่ๆที่คุ้นเคยดังขึ้นถามเด็กคนใหม่ของห้องเขา
“ท่านโฮคาเงะ”
อิรุกะค้อมหลังลงทันทีเมื่อหันมาสบตากับซารุโทบิ ชายแก่ที่มีตำแหน่งเป็นถึงโฮคาเงะรุ่นที่สามหันมาส่งยิ้มให้ตามปกติก่อนจะพูดออกมา
“ฉันขอคุยกับฟีนิกซ์คุงแป๊ปนึงนะอิรุกะ”
“ครับ”
“ฟีนิกซ์?
ใครเหรอครับครู!”
“ใครๆ
ใครอ่ะครู!” เมื่อได้ยินประโยคที่คุยกันของผู้ใหญ่สองคนเด็กๆในห้องก็ลุกพรืดพยายามชะเง้อมองมาที่ประตูห้องอย่างสนอกสนใจทันทีจนเกิดเสียงดังเซ็งแซ่ไปทั่วห้องอีกครั้ง
“นี่! ไปนั่งที่ให้เรียบร้อยเลยไป!” ประตูไม้ถูกปิดลงเมื่อจูนินหนุ่มตอบรับคำของซารุโทบิก่อนที่จะหันมาสั่งให้คนในห้องกลับไปนั่งที่ตัวเอง
“วันนี้เป็นวันเปิดเรียนวันแรกของปีนี้และปีหน้าก็จะเป็นปีจบการศึกษาของพวกเธอ
เพราะงั้นก็ตั้งใจเรียนกันหน่อยนะ” อิรุกะเคาะสมุดเล่มใหญ่ในมือกับโต๊ะหน้าห้อง
นัยน์ตาสีดำไล่มองนักเรียนในห้องทีละคน ก่อนจะมาหยุดสายตาที่เด็กหนุ่มผมทองที่นั่งทำหน้าบูดบึ้งราวกับขัดใจอะไรบางอย่าง
“นารูโตะ
ปีหน้าจะเป็นการสอบที่ไม่มีการซ่อมถ้าหากตกก็จะต้องกลับไปเรียนใหม่แต่แรกและจะไม่ได้จบการศึกษากับเพื่อนๆเพราะงั้นก็ตั้งเรียนในปีนี้ด้วยเข้าใจมั้ย!” เขาเอ่ยบอกกับผู้เป็นที่โหล่ของห้องนี้ด้วยความหวังดีตามประสาครูที่ต้องดูแลนักเรียนผู้เป็นศิษย์
หากแต่เมื่อเด็กคนอื่นๆในห้องได้ยินที่เขาพูดเมื่อครู่กลับหัวเราะชอบใจกันยกใหญ่
“ฮ่าๆ
ๆ! ได้ยินมั้ยนารูโตะ ถ้าตกปีหน้านายจะไม่ได้จบนา ฮ่าๆ
ๆ”
“โธ่
เจ้าห่วยเอ๊ย พยายามเข้านะไอ้ที่โหล่ ฮ่าๆ ๆ!”
คำพูดที่ดูเหมือนเป็นรูปประโยคการปลอบใจกับถูกถ่ายทอดออกมาในอารมณ์หัวเราะเยาะและดูถูกดูแคลนอีกฝ่าย
อิรุกะได้แต่ถอนหายใจกับเรื่องตรงหน้า
“หน็อย! คอยดูนะ! ฉันนี่แหละที่จะเป็นโฮคาเงะ
เพราะงั้นเรื่องสอบน่ะสบายมาก!” อุซึมากิ นารูโตะ ยกกำปั้นขึ้นมาชกที่หน้าอกตัวเองอย่างแน่วแน่
“อย่างแกน่ะเหรอโฮคาเงะ?
ฮ่าๆ ๆ!!”
“นี่
พอได้แล้วน่า”
อิรุกะเอ่ยเสียงดุห้ามปรามและเป็นจังหวะเดียวกันที่ประตูห้องเรียนถูกเลื่อนออก
เมื่อเห็นดังนั้นจูนินหนุ่มจึงหันมาบอกกับนักเรียนภายในห้องอีกครั้งหนึ่ง
“เอ้า
แล้วก็..วันนี้จะมีเพื่อนใหม่มาเรียนด้วยนะ ยังไงก็ฝากดูแลเพื่อนด้วย เข้ามาเร็ว”
ในประโยคหลังอิรุกะหันไปบอกกับคนที่ยืนอยู่ตรงประตู
เรือนผมสีดำสนิทไหวไปมาตามจังหวะการเดิน
นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มที่ราวสีท้องทะเลลึกเหลือบมองคนอื่นๆในห้องเพียงแวบหนึ่งก่อนจะเดินไปหยุดยืนข้างอิรุกะ
ภายในห้องเงียบลงถนัดตาราวกับรอฟังว่าคนมาใหม่จะพูดอะไรออกมาหรือไม่
“คาซุกิ
ฟีนิกซ์ ฝากตัวด้วยนะ”
“กริ๊ด–––––––––––––!!!!”
เป็นประโยคสั้นๆของการแนะนำตัวแต่กลับเรียกเสียงกริ๊ดกร๊าดของเด็กสาวในห้องทั้งหมดได้เป็นอย่างดี
นักเรียนหญิงหลายๆคนส่งเสียงดังจ้าละหวั่นราวกับเป็นต้อนรับนักเรียนใหม่
อิรุกะได้แต่ยกมือเกาหัวแก๊กๆกับเหตุการณ์ตรงหน้า
..ว่าแล้วว่าต้องเป็นคนที่ฮิตเหมือนกับซาสึเกะ..
อิรุกะนึกในใจพลางหันมามองฟีนิกซ์
ดวงตาสีน้ำเงินเข้มเบิกขึ้นเล็กน้อย ถ้าในเดาจากท่าทางคงจะตกใจที่อยู่ๆก็มีคนกริ๊ดใส่แบบนี้
เขาจึงต้องหันมาสั่งให้เด็กสาวทั้งหลายเงียบลง
“ต๊าย
เด็กใหม่หล่อมากเลยนะเนี่ย” ยามานากะ ฮิโนะ เอ่ยออกมาพลางยกแขนทั้งสองขึ้นเท้ากับโต๊ะมองเพื่อนใหม่ด้านล่างก่อนจะเหล่ตามามองยังเด็กสาวผมสีชมพู
“ไงซากุระ
ชอบรึเปล่าล่ะ”
“อะไรของเธอ
ถึงเพื่อนใหม่จะหล่อแต่ยังไงฉันก็ชอบแค่คนเดียวนะยะ!” ฮารุโนะ ซากุระหันมาตอบกลับเสียงแข็ง
และเพียงไม่นานก็เกิดสายฟ้าแปล๊บๆไปมาระหว่างเด็กสาวสองคน
..ตระกูลคาซุกิเหรอ..
อุจิฮะ
ซาสึเกะ เท้าคางมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเรียบๆ
ดูท่าทางน่าจะเป็นคนที่เก่งพอตัวและถ้าเขาจำไม่ผิด ตระกูลคาซุกิคือตระกูลขีดจำกัดทางสายเลือดเหมือนกันกับเขา
และถ้าเป็นแบบนั้นจริงค่อยทำให้เขามีคู่แข่งที่สูสีขึ้นมาหน่อย
“เฮ้อ
งั้นเธอไปนั่งตรงนั้นละกัน”
อิรุกะหันไปพูดกับฟีนิกซ์พลางชี้นิ้วไปตรงพื้นที่ว่างข้างๆกันกับนารูโตะ
เด็กหนุ่มหันมาพยักหน้าเบาๆเป็นเชิงเข้าใจก่อนเดินไปยังที่นั่งของตน
“อืม.....”
เป็นเพราะที่นั่งของฟีนิกซ์อยู่ด้านในข้างๆกันกับเด็กหนุ่มผมทองจึงตอนเดินผ่านนารูโตะเข้าไป
แต่ทว่าฟีนิกซ์กับทำเพียงยืนมองจ้องเข้าไปในดวงตาสีฟ้าที่ราวกับท้องนภาในวันที่ปลอดโปร่ง
จนนารูโตะได้แต่สงสัยบวกกับประหม่าว่าทำไมอีกฝ่ายถึงมายืนจ้องหน้าเขาแบบนี้
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ
เธอชื่อนารูโตะงั้นเหรอ?” ฟีนิกซ์เป็นฝ่ายเอ่ยทำลายความเงียบ
นารูโตะที่ได้ยินดังนั้นจึงหรี่ตาลงเล็กน้อยอย่างไม่ไว้ใจ
แต่เพียงแค่ชั่วครู่ดวงตาสีฟ้าก็เป็นประกายขึ้นมาก่อนจะแนะนำตัวเองอย่างอลังการเกินความจำเป็นอีกครั้ง
“ใช่แล้ว! และฉันนี่แหละอุซึมากิ นารูโตะ
ผู้ที่จะเป็นว่าที่โฮคาเงะแหละ!”
“หน็อย
นารูโตะ! ให้มันน้อยๆหน่อยย่ะ!!” เสียงของเด็กสาวคนอื่นๆในห้องดังขึ้นอย่างหมั่นไส้
กับท่าทีของนารูโตะที่ทำกับเด็กหนุ่มคนใหม่หน้าตาดีของห้อง
“ฮะฮะ
งั้นเหรอ พยายามเข้านะ”
เสียงหัวเราะเบาๆดังออกมาจากปากได้รูปของฟีนิกซ์พร้อมกับคำพูดให้กำลังใจที่ไม่ใช่การเสแสร้งทำให้นารูโตะชะงักค้างกับท่าทีของคนตรงหน้า
..พึ่งจะมีครั้งแรกที่เขาไม่ได้รับการเยาะเย้ย
จากคำพูดที่อยากจะเป็นโฮคาเงะของเขา..
ความคิดเห็น