คะแนน 5/5
นักวิจารณ์ Silver-Sky
\r\n ชื่อเรื่อง หยุดตะวัน ซ่อน(รักษ์)
\r\n ผู้แต่ง เอเอสเอ็ม
\r\n การเปิดเรื่อง
\r\n เปิดเรื่องด้วยเสียงปืน นี่ไม่ใช่เรื่องแรก และไม่ใช่เรื่องสุดท้ายที่จะเปิดเรื่องด้วยเสียงปืน เพียงแต่เราจะทำอย่างไรดีให้แตกต่างจากคนอื่น อันนี้ก็คงต้องหาทางกันไป จริงๆอยากให้บอกไปเลยมากกว่าว่าคือเสียงปืน โดยไม่ต้องใช้คำแทนเสียงว่า ปัง ปัง ปัง จะดูคลาสสิกมากกว่า เพราะการเปิดเรื่องด้วยคำแทนเสียง กลายเป็นความน่าจำเจเสียแล้ว มีนิยายจำนวนเยอะมากที่เปิดเรื่องแบบนั้น ถ้านำไปส่งสำนักพิมพ์ บก.อาจจะแอบพูดในใจว่า “อีกละ เปิดเรื่องด้วยเสียงปังปังปังอีกละ” ถัดจากการเปิดเรื่อง ก็เป็นการหนีของครอบครัวหนึ่ง และกลุ่มชายฉกรรจ์ที่ไล่ตาม มีการใช้คำนี้ซ้ำหลายครั้ง ซึ่งสามารถแทนด้วยคำอื่นได้เช่น กลุ่มคน พวกมัน (ใช้ พวกมัน ได้ค่ะ ในกรณีที่เป็นคนร้าย ในสถานะของตัวละครที่ถูกไล่ล่า ไม่ต้องการให้เกียรติคนร้ายอยู่แล้ว) หรือใช้คำว่า พวกที่ไล่ตามมา ประมาณนี้ เพื่อเลี่ยง ไม่ใช้คำซ้ำ ที่ทำให้อ่านไปแล้วสะดุด ไม่ลื่นไหล
\r\n\r\n ไม่แน่ใจว่าผู้เขียนเคยอ่านงานของ “กิ่งฉัตร” ไหม? นักเขียนท่านนี้เลือกใช้คำได้เก๋ไก๋สไลเดอร์ตลอดค่ะ อย่างเช่นวิธีการบรรยายถึงตัวนางเอก จะไม่ใช่คำว่า หญิงสาว ซ้ำไปซ้ำมา อย่างในเรื่อง “ลำนำจันทร์” ที่นางเอกเป็นเจ้ามือในคาสิโนของลาสเวกัส จะใช้คำว่า เจ้ามือสาว ในเรื่องอื่นๆของนักเขียนท่านนี้ ก็จะเปลี่ยนคำเรียกไปตามตัวละครนั้นๆเลยค่ะ ซึ่งจะทำให้มีเอกลักษณ์เฉพาะของนิยาย ไม่ซ้ำใคร
\r\n\r\n ฉันจะค่อนข้างเน้นที่การเปิดเรื่อง เพราะว่า ห้าหน้าแรกของนิยายนี่นับว่าสำคัญมาก มันเป็นตัวตัดสินของผู้อ่านเลยว่าจะไปต่อหรือไม่ มาต่อกันที่เนื้อหาในบทเปิดเรื่องนะคะ ตรงส่วนที่บรรยยายความเป็นมาของตัวละครวิชาและสาเหตุที่ทำให้ถูกตามล่า จริงๆไม่ค่อยอยากให้ใส่เข้ามาทันทีค่ะ การที่เราทำอะไรให้มันกำกวมไปก่อนในบทเปิด เน้นหนักไปในส่วนตามล่า หนีตาย การปกป้องลูกสาว และจำใจต้องไปฝากไว้กับน้อง แค่นี้ก็น่าจะพอแล้ว เป็นการทิ้ง ปมปัญหา เอาไว้ให้คนอ่านอยากรู้ต่อว่า เอ เกิดอะไรขึ้นหนอ? ทำไมต้องถูกตามฆ่า? แล้วชะตากรรมของเด็กผู้หญิงจะเป็นยังไงต่อ? แทนที่จะบอกทุกอย่างไปเลย เหมือนแบไต๋ แบไพ่ในมือ ก็เก็บงำไว้ส่วนหนึ่ง เล่นเกมกับคนอ่านหน่อย แล้วค่อยๆไปเผยทีละนิดในช่วงการดำเนินเรื่องแต่ละตอนค่ะ
\r\n\r\n
\r\n\r\n การดำเนินเรื่อง
\r\n ดำเนินเรื่องได้เรียบง่าย ไปตามไทม์ไลน์ที่ไม่ซับซ้อน เหมือนกับนิยายรักทั่วไป ตัวฉันไม่ค่อยได้อ่านแนวนี้เท่าไหร่ค่ะ นานๆครั้งจะอ่านเสียที แต่ก็ยังรู้สึกว่า ไม่มีอะไรแปลกใหม่ สามารถเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ในส่วนของการดำเนินเรื่อง ตอนที่สอง การพบกันที่ (ไม่) น่าประทับใจ แบ่งเนื้อหาออกเป็นสามท่อนด้วยกัน ท่อนแรกเล่าเรื่องพระเอก บอกหมดเลยว่าเป็นใคร ทำอะไร มีพี่น้องเป็นอย่างไร จากบทก่อนที่จบลงด้วยเรื่องของชะตากรรมของวรรณ แล้วอยู่ๆมาบทนี้ เปิดด้วยพระเอกเลย มันทำให้ไม่ค่อยปะติดปะต่อเท่าไหร่ รู้สึกเหมือนกำลังดูละครช่องสามที่ตัดไปตัดมาอย่างไม่ค่อยมีนัยยะ พอมาท่อนที่สอง จึงจะเล่าเรื่องด้านชีวิตของวรรณ ทั้งที่มันควรจะอยู่เป็นอันแรก และท่อนสามจึงจะเป็นการพบกันของพระ-นาง อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆนะคะ ไม่ต้องจริงจังกับความเห็นของฉันก็ได้ (ฮ่าฮ่า) น่าจะเปิดตอนด้วยเรื่องของวรรณไปเลยค่ะ เล่าด้านเดียวไปจนถึงเจอกับคุณรักษ์ แต่ยังไม่ต้องบอก ไม่ต้องให้ข้อมูลอะไรเลยกับคนอ่านว่าเขาเป็นใคร รวยแค่ไหน นู่นนี่นั่น ให้เจอหน้า พูดคุยนิดหน่อย จบ แล้วก็ให้คนอ่านสงสัยต่อไป อุ๊ย พ่อรูปหล่อคนนั้นเป็นใคร จะเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวที่มาช่วยวรรณหรือเปล่า ฉันว่าแบบนี้ ดูมีเสน่ห์น่าค้นหากว่านะ
\r\n\r\n ตอนที่สาม คนเขียนจึงค่อยพาคนอ่านไปรู้จักกับ พ่อรูปหล่อ คนนั้น คราวนี้ก็จัดเต็มไปเลยค่ะ จะใส่ข้อมูลแค่ไหนก็ใส่ไป ถ้าดูละครทั่วไป จะสังเกตได้ว่า พวกพระเอกนางเอกไม่ค่อยทำงานทำการ เดินหล่อเดินสวย นั่งเซ็นเอกสารนิดหน่อย แล้วก็จบ เป็นการดำเนินเรื่องแห้งๆ ถ้าอยากให้ พระเอก ดูเท่ ดูหล่อ ดูเป็นคนจริงๆ และเป็นคนจริงจังกับงาน ก็เปิดตัวเขาด้วยการทำงานที่จริงจัง อีกนิดหนึ่งนะคะ ฉันรู้ว่าพระเอกหล่อมาก แต่ในชีวิตจริงๆ จะมีผู้หญิงยืนกรี๊ดผู้ชายหล่อๆจริงหรือเปล่า ถ้าเขาไม่ใช่นักร้องหรือนักแสดง (ฉันคิดถึงเพื่อนกระเทยที่โคตรแรด และกลุ่มเพื่อนสาวที่โคตรเสียงดังของฉันค่ะ พวกมันก็แค่สะกิด เฮ้ย เมิงๆ คนนั้นหล่อ อยากได้หว่ะ แค่นี้เองค่ะ แต่พอไปเจอนักร้องเกาหลีนั่นแหละ มันถึงกรี๊ดจนฉันหูดับ) อันนี้น่าคิดนะ ละครจำเป็นต้องทำอะไรให้เว่อร์ไว้ค่ะ เพราะหน้าจอโทรทัศน์สี่เหลี่ยมของเราพื้นที่น้อย แถมบางครั้ง ระหว่างนั่งดู เรายังเดินไปทำอย่างอื่น ละครที่ต้องการเรียกร้องความสนใจของเรา ย่อมพยายามที่จะเว่อร์วัง สาวๆยืนกรี๊ดวี๊ดว๊ายเรียกให้เราหันไปมอง อันนี้ก็ความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ ฉันไม่ค่อยชอบฉากแบบนั้นเท่าไหร่ ไว้มีผู้ชายมายืนกรี๊ดเวลาเห็นผู้หญิงสวยๆ ค่อยเรียกฉันไปดูละครเรื่องนั้นนะ
\r\n\r\n เราก็ต้องมาคิดค่ะ นิยาย เราจะเอาเว่อร์แบบละครหรืออยากได้ความสมจริง?
\r\n หลังจากนั้น บทอื่นๆ ไม่มีปัญหาอะไรแล้วค่ะ ส่วนใหญ่ฉันจะเน้นดูที่บทแรกๆช่วงแนะนำตัวละครนี่แหละค่ะ เพราะบทหลังจากนั้น ทั้งคนอ่านและคนเขียนคุ้นเคยกับตัวละคร เรื่องราว ก็อ่านลื่นไหลไปได้เอง แต่ จุดที่ต้องระวังคือคือความเรียบลื่นของมันค่ะ บางที สถานการณ์แค่หนึ่งอย่าง จำเป็นหรือเปล่าที่จะต้องบรรยายเสียนาน ยืดยาวไปจนถึงอีกบท เช่น ช่วงที่วรรณไปสมัครงาน ฉันเข้าใจว่าผู้เขียนต้องการใส่ตัวละครเพิ่มเข้ามา แต่เอาจริงๆนะคะ ฉันจำตัวละครที่เป็นเหล่าคนงานไม่ได้สักคนค่ะ เพราะไม่มีสถานการณ์ดึงดูดให้จดจำตัวละครเหล่านั้น เหมือนแค่เข้ามาประกอบฉาก มาเอ็นดูหนูวรรณ แล้วก็จากไป
\r\n\r\n จุดที่สงสัยอีกนิดก็คือ ผู้เขียนจะนำประเด็นจากบทเปิดเรื่อง มาเล่นต่อหรือเปล่าคะ? ในความรู้สึก มันยังค้างคาใจมากอยู่นะคะ คนกลุ่มนั้นที่มาตามฆ่า จะถูกจับได้ไหม หรืออย่างไร?
\r\n
\r\n การบรรยาย
\r\n ถือว่าบรรยายได้ดีค่ะ ฉันอ่านแล้วไม่สะดุด ไม่วกไปวนมา จุดที่ต้องระวัง มีแค่เรื่องการใช้คำซ้ำค่ะ อย่างที่เกริ่นๆบอกไปแล้ว เกี่ยวกับ คำเรียกแทนตัวละคร อย่างเช่น หญิงสาว ในบางตอน ใช้ค่อนข้างเยอะในย่อหน้าเดียวกัน สามารถเปลี่ยนเป็นคำว่า เธอ ใช้ชื่อของตัวละคร หรือหาคำอื่นมาแทนก็ได้ค่ะ นางเอกเป็นเลขาใช่ไหมคะ? ลองใช้คำว่า คุณเลขา ดีไหม? เวลาคุณรักษ์หมั่นเขี้ยวนางเอกขึ้นมา จะลองใช้คำนี้เรียกแทนตัวนางเอกก็ได้ ก็น่ารักไปอีกแบบ
\r\n\r\n อยากให้เพิ่ม การบรรยายเกี่ยวกับ ฉาก สถานที่ หรือความรู้สึก ในบริเวณที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นอีกนิดค่ะ ส่วนใหญ่ฉันจะเห็นแต่บทสนทนาติดๆกันไป ไม่รู้ว่าตัวละครคิดอย่างไร มีท่าทางอย่างไร บางครั้ง การบรรยายถึงท่าทางของตัวละคร บ่งบอกอุปนิสัย บอกความคิดในใจ ได้ดีกว่าคำพูดอีกนะคะ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องใส่เยอะเกินไป แค่ระดับพอดี (การเขียนนิยายนี่มันยากจริงๆเนอะ)
\r\n\r\n เรื่องสุดท้าย เกี่ยวกับ เกรซ ตอนที่เธอนอนโคม่าที่โรงพยาบาล และคงจะไม่ฟื้นแล้ว ฉันไม่อยากให้ใช้คำว่า “สภาพเป็นผัก” เลยค่ะ จริงๆเรื่องนี้มันน่าเศร้ามาก ตัวเกรซก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดที่จะให้คนมาพูดถึงเธอแบบนั้น ถ้าเธอไปฆ่าคนตาย เป็นคนเลวมาก สุดท้ายได้ผลกรรมอย่างที่สมควร จะเรียกเป็น “ผัก” หรือแย่กว่านั้นก็เรียกไปเถอะ แต่นี่เธอแค่เป็นตัวละครที่ออกมาวี๊ดว๊าย มาตบแย่งผู้ชายเฉยๆ และในฐานะคนอ่าน ฉันยังไม่รู้จักเกรซดีพอเลยด้วยซ้ำ ถ้าลองมองในมุมของพ่อแม่ของเกรซ คงไม่เลือกใช้คำนี้พูดถึงลูกสาวของตัวเองแน่ๆ หรือต่อให้เป็นคนอื่น ไม่ได้รู้จักกันเลย ฉันก็จะไม่ใช้คำนี้ค่ะ แต่จะพูดว่า เธอเป็นเจ้าหญิงนิทรา
\r\n
\r\n\r\n บทสนทนา
\r\n แอบขัดใจเล็กๆในบางจุด เกี่ยวกับคุณรักษ์ โดยเฉพาะช่วงกลาง ค่อนไปทางหลังๆ (ฉันจำไม่ได้ว่าบทไหน) ทำไมเอะอะๆก็จะข่มขืนท่าเดียวคะ ถึงจะไม่ได้ทำจริงๆก็เถอะ อันนี้ ผู้อ่านคนอื่นกรี๊ดกร๊าดกันหรือเปล่า ฉันไม่รู้ แต่สำหรับฉัน ฉันนั่งขมวดคิ้วตอนอ่านค่ะ (ฉันอาจจะเป็นพวกเฟมินิสต์เกินไปก็ได้)
\r\n แต่ชอบเวลาที่คุณรักษ์กับคุณกวินคุยกัน ฉันว่ามันดูเป็นธรรมชาติมากๆ คุณรักษ์มีความเป็นทั้งเพื่อน ทั้งเจ้านาย แถมกวินยังชอบแหย่ให้คุณรักษ์หลุดบ่อยๆ น่ารักมากเลยคู่นี้
\r\n\r\n ฉันชอบวิธีการพูดของวรรณ นางดูเป็นผู้ใหญ่ มีมารยาทดีมาก ไม่รู้ทำไม แต่ฉันคิดถึงกบ สุวนันท์ขึ้นมาเลย เข้าใจใช่ไหมคะ กบ สุวนันท์ เวลานางพูด นางจะดูเป็นผู้ใหญ่ เสียงจะเรียบๆ หวานนิดๆ มีคลาส อีกคนที่คล้ายคือ ใหม่ ดาวิกา ไม่รู้ทำไม แต่ฉันได้ยินเสียงของวรรณเป็นแบบนั้น และฉันชอบมากเลย ชอบนางเอกที่นิ่งๆ มีสติค่ะ
\r\n\r\n ฉันรำคาญนางร้าย อันนี้ขอพูดตรงๆแบบไม่ต้องอ้อมค้อมใดๆทั้งสิ้น เหมือนได้ยินเสียงแป๊ดๆ แว้ดๆอยู่ข้างหู ไม่เข้าใจว่าทำไมนางร้าย นางอิจฉา ต้องเป็นแบบนี้ ในชีวิตจริง มันมีหรือเปล่า? ฉันเห็นมีแต่เพื่อนสาวแตกของฉันทั้งหลายนี่แหละ เวลาพูดคุยเล่นหัวกัน จะทำเสียงแบบนั้น
\r\n
\r\n ตัวละคร
\r\n พูดถึง “พระเอก” ก่อนเลย จริงๆแล้วเขามีเสน่ห์นะ แต่ไม่สุด ฉันไม่รู้จะอธิบายออกมาอย่างไรดี พอเจอประโยคขู่ว่าจะข่มขืนนี่ กราฟความชอบในตัวคุณรักษ์มันลดฮวบลงทันที ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ฉันว่าเขาเป็นคนขี้เล่น ตลก มีมาด แต่มาดน่าจะหลุดประจำ อบอุ่น รวยแต่ติดดิน รักครอบครัว ทำไมเลิศเลอเพอร์เฟคจังเลยล่ะ? มีข้อเสียบ้างไหมเอ่ย? อ้อ ใช่ค่ะ แอบงี่เง่าเล็กน้อย ตอนที่ไล่วรรณไป ถึงจะมีเหตุผลก็เถอะ ทำไมไม่บอกหนูวรรณให้มันเร็วๆ แล้วก็มาทิ้งงานทิ้งการ ทำตัวดราม่าหลังจากหนูวรรณไป อืม อีกนิด เรื่องหล่อจนคนกรี๊ดนี่มันยังไงกันคะ? ฉันก็เป็นคนชอบวี๊ดว๊ายกระตู้ฮู้กับเพื่อนนะคะ แต่ในชีวิตจริงๆ ยังไม่เคยกรี๊ดผู้ชายสักครั้งเลยค่ะ ส่งสายตาน่ะเราทำ ยิ้มนิดๆเราทำ เขินน่ะเป็น แต่กรี๊ดนี่... ไม่นะ
\r\n ขออนุญาตยกตัวอย่าง “รอยอินทร์” ของ โรสลาเรน (หรือคุณทมยนตี) พระเอกนี่หล่อหยาดฟ้ามาดิน รูปดังองค์อินทร์ พระเอกลิเกชิดซ้าย ผรั่งหล่อๆชิดขวา วิธีการดำเนินเรื่อง เป็นแบบที่ฉันแนะนำไปตอนต้นค่ะ บทแรกของนิยาย คุณโรสลาเรนพาไปรู้จักนางเอกก่อน เจอกับพระเอกในงานเลี้ยง ไม่บอกข้อมูลอะไรมาก นางเอกก็เข้าใจว่าเป็น คุณชายเจ้าสำอาง เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ไม่ชอบหน้าและมีอคติสุดๆ หลังจากนั้นจึงเปิดตัว “รอยอินทร์” อย่างเป็นทางการค่ะว่า จริงๆแล้วเขาเป็นคนยังไง เขาเป็นเจ้าชายค่ะ เป็นคนอบอุ่น ตลกโปกฮา รักครอบครัว ขี้เล่น เวลาเมาแล้วน่ารักมาก ฟังดูน่ากรี๊ดใช่ไหมคะ? แต่เมืองเวียงสรองของเขากำลังมีสงคราม พวกเขาเป็นแค่ชนกลุ่มน้อยที่กำลังสู้กับทหาร พระเอกก็เป็นคนจริงจัง เป็นทหารแนวหน้า คือ นาง มีความเท่อ่ะ มีความน่าหลงใหล โดยที่ไม่ต้องมีใครมายืนกรี๊ด เวลาคุยกับนางเอกก็ขี้เล่น มันดูน่ารัก ดูทะนุถนอมนางเอก ให้เกียรตินางเอกมาก ให้เกียรติผู้หญิงทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ยอมแล้วทูนหัว ฉันอยากกลายเป็นมิรา(นางเอก) และ “รอยอินทร์” เป็นตัวละครชายที่ทำให้ฉันในวัยสิบห้าปี(สิบเอ็ดปีก่อนน่ะนะ)ร้องห่มร้องไห้เป็นอาทิตย์เลยค่ะ หลังจากอ่านจบ
\r\n\r\n สำหรับตัวละครในเรื่องนี้นะคะ เป็นตัวละครชนิด ตัวแบน กันหมดเลย (ไม่ใช่พยาธินะ!) ตัวแบนคือ มีด้านเดียว เลวก็เลวเลยจนไม่มีดี ดีก็ดีมาก ทั้งที่ชีวิตรันทด ก็ยังเป็นคนดีจริงๆ ขนาดว่าซินเดอเรลล่า เอาเวอร์ชันดั้งเดิมนะคะที่ไม่ใช่โลกสวยแบบดิสนีย์ ตอนจบนางยังสั่งเนรเทศแม่เลี้ยงลูกเลี้ยง ให้นกไล่จิกไปตลอดทางจนตาบอดเลย ทั้งที่ซินเดอเรลล่าก็เป็นคนดีมาตลอดทั้งเรื่องแท้ๆ แต่คนเราทุกคนมันมีด้านมืด ไม่มีขาวล้วน ดำล้วน เราต่างมีสีสันหลากหลายปะปนกันไป
\r\n\r\n
\r\n\r\n ธีมของเรื่อง
\r\n มีความรัก ความอบอุ่น ความห่วงใย สายใยความผูกพันตั้งแต่วัยเด็กที่ค่อนข้างชัด โดดเด่นออกมาค่ะ ฉันชอบการกระทำของตัวละคร โดยเฉพาะระหว่างคุณรักษ์กับหนูวรรณในช่วงหลังๆ เริ่มเข้ากับธีมของเรื่องแล้ว
\r\n\r\n
\r\n สรุป
\r\n เป็นนิยายที่อ่านสบายค่ะ น่ารัก เรื่องราวเรียบง่าย ตัวละครมีความมุ้งมิ้งน่ารักทุกตัวละครเลย ชอบความสัมพันธ์ของตัวละคร บทสนทนาระหว่างกันเป็นธรรมชาติ ถ้ากลับไปรีไรท์ เลือกใช้คำเสียใหม่ในบางจุด ก็คงจะสมบูรณ์ขึ้น ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของฉันนะคะ ในฐานะของนักอ่านคนหนึ่ง ไม่ว่าจะตัดสินใจอย่างไร ขึ้นอยู่กับผู้เขียนค่ะ คุณคือเจ้าของเรื่อง คุณคือผู้ขีดชะตาของตัวละคร คุณคือพระเจ้าในโลกของคุณ อย่าปล่อยให้ถ้อยคำวิจารณ์หรือแนะนำทำให้สิ่งที่คุณคิดไว้นั้นเป๋ไป คุณแค่ต้องพัฒนาไปเรื่อยๆ อย่าทอดทิ้งความฝัน เรื่องของคุณมีจำนวนคนเข้าอ่านแต่ละตอนเยอะนะคะ บางตอนมีถึงห้าร้อยกว่าๆ (หันไปมองนิยายตัวเอง ยังไม่ถึงสามสิบเลยค่ะ ของฉันเนี่ย อาศัยการสร้างฐานนักอ่านจากเรื่องเดิมๆ ก็เลยมีคอมเมนท์เยอะ แค่นั้นเอง คนอ่านใหม่ๆไม่ค่อยมี น่าเศร้าค่ะ ตัวฉันนะคะที่น่าเศร้า ฮ่าฮ่า) เพราะฉะนั้น เขียนต่อไปเถอะค่ะ ไม่ต้องกังวลว่าจะได้ตีพิมพ์ไหม เพราะนิยายที่ตีพิมพ์บางเรื่อง ถูกสำนักพิมพ์เอาไปลดราคาเหลือแค่เล่มละห้าสิบ สามสิบ ยี่สิบก็มี ฉันว่า เราสามารถภูมิใจกับการปล่อยอ่านฟรีของเราได้ เป็นอิสระ แค่ได้เขียนก็มีความสุขแล้วนี่น่า #จะเลิกเขียนต้องไปถ้ำกระบอก #สู้ต่อไปอย่ายอมแพ้