ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic BTS] Law of The Jungle (kookmin, namjin)

    ลำดับตอนที่ #2 : CHAPTER 1 l ยินดีต้อนรับสู่ป่า (รีไรท์)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.51K
      159
      15 ต.ค. 60




     

      CHAPTER 1

    'Devil besides you'



     

    สำหรับคุณ โรงเรียนคืออะไร?


    สถานที่ที่ได้เจอเพื่อน สถานที่ที่จำเป็นต้องไป หรือสถานที่เก็บเกี่ยวความรู้ สำหรับพัคจีมินแล้ว โรงเรียนคงเป็นอย่างหลังซะมากกว่า ชีวิตในโรงเรียนของไม่หวือหวา เป็นเพียงเด็กนักเรียนธรรมดาที่ไปโรงเรียนแต่เช้าเพื่อเรียนหนังสือ ตอนเย็นก็กลับบ้าน เพื่อนที่มีก็เป็นแค่เพื่อนในห้องเรียนเท่านั้น ไม่มีการนัดเจอหลังเลิกเรียนหรือวันหยุดสุดสัปดาห์


    ในชีวิตของเขา การเรียนคือสิ่งที่สำคัญที่สุด หลังจากได้ทุนของโรงเรียนมัธยมปลายทงอันซึ่งเป็นโรงเรียนอันดับต้นๆ ของโซล เขาไม่ลังเลเลยที่จะตอบตกลงและเข้ามาเรียนที่นี่ อาจจะเพราะชื่อเสียงของโรงเรียนในด้านต่างๆ อีกทั้งยังเป็นโรงเรียนที่มหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศหลายแห่งให้การยอมรับ ทำให้ไม่ว่าใครต่างก็อยากจะเข้ามาเรียนที่นี่กันทั้งนั้น ซึ่งจีมินเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน


    วันแรกที่ได้ทราบผลการชิงทุนจีมินคิดว่ามันคือโชคดีที่สุดในชีวิตของเขา แต่เขาไม่เคยรู้เลยว่าการเข้ามาเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้จะกลายเป็นฝันร้ายของเขา


    “จะไปแล้วเหรอลูก” คุณยายวัย 60 ปีถามหลานชายที่กำลังใส่รองเท้าผ้าใบคู่เก่าอยู่ที่หน้าประตู หญิงชรามองนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลาหกโมงเช้าเท่านั้น “ทำไมวันนี้ไปเร็วจังล่ะ”


    “เมื่อวานผมลืมหนังสือไว้ที่ห้องเรียน วันนี้เลยว่าจะรีบไปแต่เช้า จะได้ไปนั่งอ่านหนังสือที่ห้องครับ”


    “แล้วจะไม่กินข้าวเช้าก่อนเหรอ” ถามด้วยความเป็นห่วง ทำท่าจะเดินไปเตรียมข้าวเช้าให้หลานชายแต่ก็ถูกปฏิเสธไว้เสียก่อน


    “ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมหาอะไรกินที่โรงเรียนเอง ผมไปก่อนนะครับ”


    จีมินโบกมือลาแล้วเดินออกมาจากห้องเช่าเก่าที่เขาอาศัยอยู่กับยายมาเกือบสิบกว่าปี ถึงแม้ห้องเช่านี้จะเก่าแต่สภาพภายในมันก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่นัก เขาคิดว่าสามารถใช้ชีวิตที่นี่ไปตลอดชีวิตได้ด้วยซ้ำ นับตั้งแต่ที่พ่อกับแม่เสียไปตั้งแต่เขายังเด็ก ทำให้เขาต้องมาอยู่ที่นี่กับยายเพียงลำพังสองคน


    ชีวิตประจำวันของจีมินนั้นดำเนินไปอย่างเรียบง่าย ตื่นเช้า ไปโรงเรียน เลิกเรียนก็ไปทำงานพิเศษ แล้วก็กลับบ้าน วนเวียนอยู่แบบนี้เป็นประจำ ซึ่งเจ้าตัวเองก็รู้สึกพึงพอใจกับชีวิตแบบนี้ และไม่ได้คิดว่ามันยากลำบากอะไร


    ครืดดด…


    ห้องเรียนยามเช้านั้นโล่งและเงียบสงบ จีมินเดินไปยังโต๊ะของตัวเองที่ตั้งอยู่ติดหน้าต่าง หยิบหนังสือออกมาเปิดหน้าที่เปิดอ่านค้างไว้แล้วฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี แต่อ่านไปได้ไม่นานเขาก็รู้สึกง่วงขึ้นมา แสงแดดยามเช้าและสายลมอ่อนๆ พัดมากระทบทำให้คนที่กำลังกางหนังสืออ่านเริ่มตาปรือ คนตัวเล็กฟุบหน้าลงกับหนังสือของตนก่อนจะหลับไปด้วยอาการเพลียสะสมจากการทำงานหนัก


    “ฮ่าๆๆ”


    เสียงหัวเราะดังลั่นห้องปลุกจีมินให้ตื่นจากการงีบหลับ เขาบิดขี้เกียจเล็กน้อย ยกมือขึ้นมาขยี้ตาตัวเอง แล้วหันมองไปทางต้นเสียงเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น


    จากห้องเรียนที่เคยว่างเปล่า ตอนนี้เต็มไปด้วยเพื่อนร่วมห้องนั่งอยู่ประจำที่ของตน บ้างคุยเรื่องละครที่ได้ดูเมื่อคืน บ้างก็นั่งลอกการบ้านเพื่อน แต่สิ่งที่เรียกความสนใจของใครหลายๆ คนในห้องนี้กลับเป็นคนกลุ่มหนึ่งที่มุมหลังห้อง และเมื่อมองตามไป จีมินเห็นนักเรียนชายคนหนึ่งยืนหอบ เหงื่อไหลเปียกจนเสื้อนักเรียนแนบไปกับลำตัว ในอ้อมแขนมีกล่องนมและเครื่องดื่มหลายยี่ห้อ และตรงหน้าของเขามีเด็กหนุ่ม 3-4 คนนั่งอยู่


    “ช้าไป 3 นาที”


    “ข—ขอโทษครับ ที่ร้านค้าคนเยอะมาก ก็เลย…”


    “อย่ามาแก้ตัวดีกว่าน่า แกมัวแต่เอ้อระเหยอยู่ล่ะสิท่า”


    “ไม่ใช่แบบนั้นนะครับ” เอ่ยบอกเสียงอ่อย เมื่อห้านาทีก่อน เขาถูกสั่งให้ไปซื้อเครื่องดื่มตามคำสั่งของจอนจองกุก และต้องกลับมาให้ทันภายในห้านาที ซึ่งระยะทางระหว่างตึกเรียนกับโรงอาหารนั้นก็ไม่ได้ใกล้กันเลย


    “ฉันล่ะเกลียดคนขัดคำสั่ง” จองกุกเสียงนิ่ง เขาหันไปสบตาให้เพื่อนในกลุ่มอย่างรู้กัน


    “ขอโทษครับ”


    “ไปกันเหอะ น่ารำคาญ อ้อ พวกแกจะทำอะไรก็เชิญ” จองกุกบอกเสียงแข็งก่อนจะเดินนำออกไป ทิ้งให้เด็กหนุ่มที่ใส่แว่นยืนกอดกล่องนมและเครื่องดื่มอยู่ที่เดิม


    “จองกุกอนุญาตแล้ว แล้วเราจะทำยังไงกับ ‘เหยื่อ’ คนนี้ดี” นักเรียนคนหนึ่งในห้องพูดขึ้น เขาหันไปส่งซิกให้คนที่เหลือ


    ตอนนี้นักเรียนบางคนลุกเริ่มลุกจากที่นั่งของตัวเอง เดินมาหาเด็กหนุ่มผู้โชคร้าย หนึ่งในนั้นหยิบกล่องนมขึ้นมา ส่งยิ้มร้ายจนผู้ที่กำลังตกเป็นเป้าหมายหน้าซีดเผือด


    “นี่มินแจอ่า~ ดูท่าทางว่านายจะกินนมพวกนี้ไม่ทันหรอก ให้เราช่วยป้อนนะ” สิ้นคำ กล่องนมหลายกล่องถูกฉวยออกไป


    ไม่ทันได้ร้องห้าม น้ำนมหลากสีถูกเทใส่คนที่ถือมันก่อนหน้านี้จนหกกระจายเต็มพื้นห้อง บ้างก็โยนกล่องนมที่หมดแล้วใส่ พวกเขาทำเพียงยิ้มเยาะกับสารรูปดูไม่ได้ของคนตรงหน้า ส่วนคนอื่นๆ ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ดูก็ได้แต่พากันส่งเสียงซุบซิบนินทา ไม่มีใครที่จะกล้าเข้ามาช่วยสักคน


    จีมินมองภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความสงสารปนอึดอัดใจ เขาอยากจะเข้าไปช่วย แต่เพราะตัวเองก็ขี้ขลาดเกินไปทำได้เพียงแต่นั่งมองดูเพื่อนร่วมชั้นถูกรังแกอย่างทำอะไรไม่ได้เลย


    “นมหกหมดแล้ว ทำไมนายถึงกินเลอะเทอะแบบนี้เนี่ย ไม่ไหวๆ ทำความสะอาดด้วยก็แล้วกันนะ ฮ่าๆๆ”


    ‘เหยื่อ’ ของวันนี้ก้มเก็บกล่องนมที่พื้นด้วยมืออันสั่นเทา เสียงหัวเราะดังไปทั่วห้องเรียน มองดูมินแจราวกับเป็นตัวตลก เสียงที่ดังออกไปนอกห้องเรียกความสนใจจากเพื่อนต่างห้องให้มามุงดูแต่ก็ไม่มีใครเข้ามาช่วยเหลือสักคน จีมินมองภาพนั้นอยู่นานจนเริ่มรู้สึกทนไม่ไหว เขาลุกขึ้นเพื่อที่จะเดินไปช่วยมินแจ หากแต่ข้อมือเล็กก็ถูกรั้งเอาไว้โดยเพื่อนร่วมชั้นอีกคน


    “ไม่เอาน่าจีมิน นายอยากกลายเป็นเหยื่อไปด้วยหรือไง”


    เพียงเท่านั้นจีมินก็นั่งลงกับที่ เขาได้แต่โทษตัวเองที่ใจไม่กล้าพอ ทำได้เพียงส่งสายตาสงสารไปให้เท่านั้น เขาเกลียดกฎบ้าๆ ที่ทำให้ห้องเรียนปั่นป่วน


    กฎที่จอนจองกุกเป็นคนตั้งขึ้นมา และทำให้ห้องเรียนกลายเป็นนรก


    เมื่อปีก่อน อยู่ๆ จองกุกก็ย้ายเข้ามากลางเทอม ใครๆ ก็ลือว่าเขาเป็นลูกชายของผู้อำนวยการที่กลับมาจากต่างประเทศ จองกุกเปลี่ยนจากห้องเรียนที่เคยสงบสุขให้กลายเป็นนรกสำหรับคนอ่อนแอ สำหรับจองกุกแล้วคนอ่อนแอคือของเล่นที่ดีที่สุด เขาตั้งตนเป็นใหญ่ ใช้อำนาจของพ่อตัวเองในทางที่ผิด คอยกลั่นแกล้งคนไร้ทางสู้อยู่เสมอ


    เด็กนักเรียนคนแรกที่ถูกแกล้งเป็นเด็กห้องเดียวกัน เขาถูกแกล้งหนักข้อขึ้นทุกวันๆ จนทนไม่ไหวต้องย้ายโรงเรียนหนี มันสลับสับเปลี่ยนกันไปเรื่อยๆ ระยะเวลาของเหยื่อก็ขึ้นอยู่กับความพอใจของจองกุก และขีดจำกัดความอดทนของคนที่ถูกแกล้ง แน่นอนว่าตอนแรกเคยมีพวกพิทักษ์ความสงบ รักความยุติธรรมมาขัดขวางการกระทำโหดร้ายของจองกุก แต่สุดท้ายคนเหล่านั้นก็กลายเป็นเหยื่อซะเอง ทำให้หลังจากนั้นไม่มีใครกล้าที่ออกตัวช่วยเหลือ หรือขัดขวางอีก เมื่อมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ถ้าไม่เข้าร่วม พวกเขาก็จะทำแค่มองดูเท่านั้น


    พวกเขาเลือกที่จะเมินเฉย ดีกว่าที่จะต้องกลายเป็นเหยื่อเสียเอง


    จองกุกได้กลายเป็นกฎของทงอัน เขาจะค่อยๆ เลือกเหยื่อ ก่อนจะทรมานด้วยความสนุกสนาน และคนที่กลายเป็นเหยื่อจะต้องทนรับชะตากรรมของพวกเขาอย่างไม่มีเงื่อนไข


    “นี่จีมิน”


    “หือ” เสียงเรียกจากเพื่อนร่วมห้องทำให้คนตัวเล็กหลุดออกจากภวังค์ 


    “อีกไม่กี่อาทิตย์ก็จะสอบแล้ว นายอ่านหนังสือถึงไหนแล้วล่ะ” ได้ยินแค่นั้นจีมินก็รู้ทัทีว่าคนตรงหน้าต้องการจะสื่ออะไร


    “อ๋อ เกือบจบบทแล้วล่ะ จดเล็คเชอร์ไว้แล้วด้วย”


    “จริงเหรอ ถ้างั้นฉันขอยืมได้มั้ย” พูดพลางเอามือมาประกบกัน พร้อมทำหน้าอ้อนวอน


    จีมินหยิบสมุดออกมาจากกระเป๋า ยื่นให้อีกฝ่ายอย่างรู้งาน หลังจากนั้นเขาก็ไม่เป็นที่สนใจอีกต่อไปเมื่อเพื่อนคนนั้นได้สิ่งที่ต้องการ


    ในสายตาของคนอื่นๆ จีมินเป็นเด็กนักเรียนทุนที่มีความน่าสนใจเป็นศูนย์ แต่กลับดูโดดเด่นขึ้นมาเมื่อเข้าใกล้ช่วงสอบ ซึ่งจีมินเองก็ไม่ได้ว่าอะไร เขาไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้เท่าไหร่นัก สำหรับเขาแค่มีคนเข้ามาคุยด้วยก็ถือว่าเป็นเรื่องดีมากแล้ว


    ถ้าจะถามว่าเหงาไหม แน่นอนว่าเหงา เขาเองก็อยากจะมีเพื่อนสักคนให้พูดคุย หัวเราะ และเล่นสนุกกันเหมือนวัยรุ่นทั่วไป แต่ด้วยความที่เขาต้องมุ่งมั่นกับการอ่านหนังสือเพื่อรักษาระดับคะแนน พอเลิกเรียนก็ต้องตรงดิ่งไปทำงานพิเศษ ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาเที่ยวเล่นเหมือนเด็กคนอื่นๆ ตอนแรกก็เคยมีคนมาชวนเขาไปเที่ยวด้วย แต่พอปฏิเสธมากเข้าคนเหล่านั้นก็หายไปหมด


    เพื่อนในห้องก็เคยคุยกันบ้างเป็นครั้งคราว แต่คนน่าเบื่อแบบเขาจะมีใครมาสนใจกัน จะมีก็แค่ช่วงใกล้สอบเท่านั้นล่ะมั้งที่ดูจะฮ็อตขึ้นมานิดหน่อย





    เมื่อช่วงเวลาพักมาถึง หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว จีมินเลือกที่จะเข้าห้องสมุดเพื่อไปยืมหนังสือสักเล่มสองเล่ม จากนั้นก็เดินไปที่สนามหลังโรงเรียนเพื่อนั่งอ่านหนังสือ เพราะบริเวณนั้นเป็นมุมอับที่ไม่ค่อยมีใครผ่านไปมา จีมินจึงเลือกให้ที่นี่เป็นที่หลบซ่อนตัวจากความวุ่นวายมานั่งอ่านหนังสือเงียบๆ เพียงลำพัง


    ต้นไม้ใหญ่ที่ให้ร่มเงา บวกกับหญ้าสีเขียวที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีสร้างความสงบใจให้ทุกครั้งที่ได้มา จีมินนั่งลงตรงโคนต้นไม้เพื่อหลบแสงแดดที่สาดส่อง เปิดหนังสือที่ยืมมาก่อนจะกรีดนิ้วผ่านตัวอักษรเหล่านั้นราวกับจะซึมซับข้อความที่ปรากฏเข้าไป สำหรับจีมิน ไม่มีช่วงเวลาไหนที่จะดีไปกว่าการได้จมอยู่ในโลกของตัวอักษรอีกแล้ว


    “แปลกแฮะ ไม่คิดว่าจะมีคนอยู่ที่นี่ด้วย”


    เสียงของผู้มาใหม่ทำให้คนตัวเล็กเงยหน้ามองด้วยความตกใจ และยิ่งตกใจมากขึ้นไปอีกเมื่อเห็นว่าเป็นใครจนแทบทำหนังสือร่วงจากมือ


    “เอ่อ… เชิญตามสบายเลยนะ ฉันไปล่ะ” มือเล็กกระวีกระวาดเก็บหนังสือที่อยู่ข้างตัว หลุบสายตาต่ำด้วยความที่ไม่อยากจะมองหน้าอีกคน


    “จะรีบไปไหนล่ะ ฉันก็แค่มาเดินเล่นเฉยๆ นายนั่งต่อไปเหอะ”


    “อ้อ โอเค”


    “ไม่ต้องกลัวฉันขนาดนั้นก็ได้ เห็นฉันใจร้ายขนาดนั้นเลยหรือไง” ยิ้มน่ารักส่งให้เพื่อยืนยันคำพูดตน


    จีมินไม่ตอบอะไร เขาเผลอกำหนังสือในมือแน่น ไม่ว่ายังไงก็ไม่กล้ามองหน้าจองกุกอยู่ดี วีรกรรมของจองกุกที่ผ่านมามันทำให้เขาตัวแข็งไปหมด


    “งั้นฉันไปล่ะ” 


    จีมินมองจองกุกที่เดินจากไปจนลับสายตา เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก บรรยากาศน่าอึดอัดเมื่อครู่สลายไปราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน หัวใจดวงน้อยเต้นแรงด้วยความรู้สึกที่ปนเป จะว่ากลัวก็ใช่ ก็ดูพฤติกรรมที่ผ่านๆมาของจองกุกแล้วจะไม่ให้เขากลัวได้ยังไงกัน อีกอย่างนี่เป็นครั้งแรกเลยด้วยซ้ำที่ได้มาประจันหน้าคุยกันแบบนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะเอาแต่ก้มหน้ามองพื้นก็ตามที


    นั่งไปได้สักพักก็ต้องร้องออกมาอย่างตกใจเมื่ออีกไม่กี่นาทีก็จะหมดเวลาพัก จีมินเก็บหนังสือข้างตัวแล้วรีบเดินกลับห้องเรียน โดยไม่ได้ทันสังเกตใครที่กำลังยืนอยู่ออกมาไม่ไกลนัก


    “คนอ่อนแอมักจะน่าสนใจเสมอ ว่ามั้ยล่ะแทฮยอง”





    ------------------------------Law of The Jungle------------------------------





    เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก เพียงไม่กี่อาทิตย์ เทศกาลแห่งการสอบก็วนมาถึง เทศกาลที่เด็กๆ ทุกคนลงความเห็นว่ามันคือนรกบนดินดีๆ นี่เอง


    ไม่ว่าจะพื้นที่ไหนของโรงเรียนทุกคนต่างถือหนังสือและท่องมันอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ก็แค่เฉพาะเด็กเรียนเท่านั้น เจ้าพวกที่ทำตัวเกเรก็ยังคงเสมอต้นเสมอปลาย ไม่แตะหนังสือราวกับว่ามันมียาพิษเคลือบอยู่และอาจจะทำให้พวกเขาตายได้ถ้าแตะต้องมัน พวกเขายังคงวิ่งเล่นส่งเสียงดังไม่แพ้กับตอนที่ไม่ใช่ช่วงสอบ แน่นอนว่าเกรดที่ออกมาก็แล้วแต่สภาพสมองของแต่ละคนว่าจะช่วยเจ้าของมันขนาดไหน และคนที่สอบตกก็ต้องสอบซ่อมกันไปตามระเบียบ


    หากแต่จะยกเว้นกลุ่มของจองกุกไว้สักสองสามคน เพราะถึงแม้พวกเขาจะทำตัวเกเร คะแนนสอบเป็นศูนย์ยังไง เพียงแค่ยื่นเงิน หรือของกำนัลเล็กๆ น้อยๆ แต่ราคาไม่น้อยให้กับพวกคณะอาจารย์ พวกเขาก็สามารถทำตัวสบายๆ ได้เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น


    อย่างว่าล่ะ…อำนาจของเงินมักหอมกรุ่นเสมอ


    แต่กับเด็กที่ต้องพึ่งทุนอย่างจีมิน การสอบแต่ละครั้งเหมือนเป็นกำแพงสูงที่เขาต้องข้ามผ่านไปให้ได้ หากคะแนนตกเพียงแม้แต่นิด ทางโรงเรียนจะพิจารณาการให้ทุนแก่เขาใหม่ ซึ่งนั่นทำให้ทุกครั้งเขาต้องตั้งใจอ่านหนังสือให้ดี เพราะหากพลาดเพียงนิดเดียวนั่นหมายถึงเส้นทางชีวิตของเขากำลังสั่นคลอน แน่นอนว่าเขาไม่มีทางยอมให้มันเป็นแบบนั้นแน่ๆ


    หากแต่คราวนี้ต่างออกไป ช่วงก่อนหน้านี้จีมินเพิ่มชั่วโมงทำงานพิเศษ ทำให้เวลาอ่านหนังสือลดน้อยลง อีกทั้งอาทิตย์ก่อนสอบคนตัวเล็กแทบไม่ได้แตะหนังสือเลย เนื่องจากคุณยายป่วยต้องเข้าโรงพยาบาล เขาจึงต้องเอาเวลาอ่านหนังสือไปทำงานพิเศษเพิ่มเพื่อหาเงินมาจ่ายค่ารักษา


    จีมินมองตัวหนังสือตรงหน้าอย่างใจจดใจจ่อ พยายามบันทึกข้อความที่อยู่บนหน้ากระดาษเข้าสมองอย่างสุดความสามารถ ถ้าต้มหนังสือกินแล้วจำได้ เขาก็คงจะทำไปแล้ว วิชาอื่นนั้นยังไม่เท่าไหร่ แต่กับวิชาวิทยาศาสตร์ที่ว่ากันว่าข้อสอบโหดไม่เกรงใจใครนั้นทำให้เขาเครียดจนหวิดจะเป็นโรคกระเพาะ


    ไม่ใช่แค่เพราะว่าข้อสอบยาก แต่เขาไม่เก่งวิชานี้เอาซะเลย เขาเคยพลาดกับวิชานี้มาแล้วหนึ่งครั้ง ซึ่งผลลัพธ์ของมันทำเอาเขาเกือบแย่ ยังดีที่ได้คะแนนของวิชาอื่นมาช่วยกันบดบังเอาไว้ ทำให้จีมินยังคงได้ทุนมาจนถึงทุกวันนี้


    “จีมินนายทำข้อนี้ได้ป้ะ ช่วยดูให้หน่อยดิ” เสียงเพื่อนโต๊ะข้างหน้าทัก ทำให้คนตัวเล็กละจากการอ่านหนังสือมาช่วยดูให้ตามคำขอ


    เห็นไหม? จะมองเห็นกันขึ้นมาก็ต่อเมื่อต้องการใช้ประโยชน์แค่นั้นล่ะ


    จีมินใช้เวลาติวให้เพื่อนไม่นานนัก เมื่อเสร็จเขาก็กลับมาอ่านหนังสือของตนต่อ แต่ผ่านไปได้สักพักก็รู้สึกเหมือนหนังตามันกำลังทรยศหัวใจ ดวงตาเล็กปรือปรอยด้วยความง่วงที่พากันโถมทับ สาเหตุมาจากการทำงานพิเศษอย่างหนักหน่วงเมื่อวานส่งผลให้วันนี้เขาเพลียมากเป็นพิเศษ


    จะหลับไม่ได้นะ!


    ถึงจะบอกกับตัวเองแบบนั้น แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องยอมแพ้ให้กับข้าศึกที่มีชื่อเรียกว่าความง่วง ยอมให้มันทลายกำแพงมาครอบครองสมองของเขาในตอนนี้ และเมื่อทนความง่วงไม่ไหว จีมินจึงเลือกที่จะฟุบหน้าลงกับแขนของตน แล้วปิดเปลือกตาลง เขาบอกกับตัวเองในใจว่าขอแค่สิบนาทีเท่านั้น


    กริ๊งงงง!


    เสียงออดโรงเรียนทำให้คนตัวเล็กสะดุ้งตื่น จีมินมองนาฬิกาที่ผนังห้องก่อนจะต้องร้องอุทานออกมาเมื่อพบว่าถึงเวลาเข้าสอบแล้ว


    เพื่อนคนอื่นๆ ทยอยกันเดินออกจากห้องสมุดทีละคนสองคน มีเพียงจีมินที่นั่งเหงื่อตกอยู่กับที่ เขาไม่รู้ว่าตอนที่นอนอยู่ ความรู้มันมีขาเดินออกไปจากสมองหรืออย่างไร เพราะสูตรที่เขาท่องไว้ก่อนจะนอนนั้นหายไปหมด เหมือนไม่เคยท่องมาก่อน


    จีมินเปิดหนังสือเรียนอีกครั้ง เขาใช้ช่วงเวลาไม่กี่นาทีสุดท้าย พยายามท่องจำสูตรตรงหน้า แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผล เพราะยิ่งท่องก็เหมือนกับว่ามันจะยิ่งปนกันมั่วไปหมด ตอนนั้นเองที่เหลือบตาไปเห็นกระดาษแผ่นเล็กที่เต็มไปด้วยสูตรที่จดไว้เมื่อคืน กระดาษใบนี้เขาจำได้ว่าจดไว้เพื่อที่จะมาอ่านวันนี้ 


    พลันความคิดชั่วร้ายก็ผุดขึ้นมาในหัว จีมินมองมันอย่างชั่งใจ หยิบมันมามองดูอีกครั้งแล้วจึงพับเจ้ากระดาษนั้นให้เล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้


    ระหว่างทางเดินไปที่ห้องสอบ จีมินได้แต่ภาวนาในใจ ขอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น อย่าให้ถูกจับได้เลยเถอะ…


    “วิชานี้มีเวลาสอบสามชั่วโมง ถ้าอาจารย์จับได้ว่าใครลอกข้อสอบ หรือดูโพยจะถูกปรับตกทันที เอาล่ะ เริ่มสอบได้” สิ้นเสียงอาจารย์ประจำวิชา ทุกคนก็จรดปลายปากกาลงบนข้อสอบทันทีราวกับรอคำนี้มานาน


    บรรยากาศของห้องสอบเงียบสนิท จะมีบ้างบางทีที่มีเสียงซุบซิบกันแว่วมาแผ่วๆ พออาจารย์หน้าห้องกระแอมทีก็หายไปที เสียงเปิดกระดาษไปมาชวนกดดันให้ใครหลายๆ คนอยากหนีออกจากห้องที่เต็มไปด้วยบรรยากาศน่าอึดอัดนี้ให้พ้นๆ ไป


    ทางด้านของจีมิน เขานั่งมองข้อสอบด้วยอาการเครียดจัด หลายๆ ข้อที่ผ่านมาเขาพยายามใช้สมองของตัวเองเข็นสูตรที่เคยท่องไว้ออกมาจนสำเร็จ หากแต่ข้อที่อยู่ตรงหน้าทำเอาเขาเปิดไปหน้าต่อไปไม่ได้เลย และเขาเองก็จะเสียเวลากับมันไปมากกว่านี้ไม่ได้


    มือเล็กที่อยู่ใต้โต๊ะกำโพยไว้ในมือแน่น จิตด้านดีบอกกับเขาว่าให้ใช้ความสามารถของตัวเอง แต่จิตใจด้านชั่วร้ายกลับพูดซ้ำไปมาว่าให้เปิดดูโพยซะ


    และก็ดูเหมือนว่าจิตใจด้านชั่วร้ายจะชนะ


    มือเล็กค่อยๆ คลี่กระดาษที่ถูกพับเอาไว้อย่างช้าๆ เงยหน้ามองเห็นอาจารย์เดินออกไปคุยกับใครสักคนก็ใช้จังหวะนั้นก้มลงมองโพยในมือ แล้วจำไปจดไว้ในกระดาษทด ถึงจะเป็นเรื่องผิด แต่ในสถานการณ์แบบนี้จีมินคิดอะไรไม่ออกอีกแล้ว เขานึกออกเพียงแต่ว่าเขาจะต้องสอบผ่านให้ได้เท่านั้น


    เวลาสามชั่วโมงแต่กลับยาวนานนักสำหรับคนทำผิด เมื่อได้ยินเสียงออดบอกหมดเวลาจีมินก็รีบลุกออกจากที่นั่งในทันที เขาไม่อยากอยู่ในห้องนั้นต่อ มันเหมือนกับรอบตัวร้อนขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ จีมินรู้สึกได้ว่าห้องสอบนี้มันร้อนซะเหลือเกิน ทำเอาเหงื่อเม็ดใสพากันผุดขึ้นมาไม่หยุดหย่อน


    ขาเล็กรีบก้าวเดินออกจากห้อง แต่จังหวะที่จะเดินพ้นประตูก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่ออยู่ๆ ก็มีมือมาแตะเข้าที่ไหล่ เมื่อหันไปมองก็พบว่าเป็นจองกุกที่ส่งยิ้มมาให้


    “เมื่อกี้นี้น่ะ…”


    “…”


    “ฉันเห็นนะ”


     


    -----------------------------------------------------------------

    KATAEBUM TALK

    เห็นไรอ่ะแก เห็นว่าจีมินน่ารักมากช่ะ #ผิด

    ตอนแรกดูเอื่อยๆโนะ เอาน่า เพิ่งเปิดเรื่องเอง ใจเย็นๆเน้อ

    ถ้าคนอ่านอ่านแล้วรับรู้ความรู้สึกที่เราจะสื่อได้ก็ดีนะคะ TvT

    ไม่ใช่ไร กลัวไม่อินกัน 5555555555555555555

    เจอกันตอนต่อไปฮ้า #ฟิคป่า

    ปล.สั้นจัง คราวหน้าจะเอาให้ยาวกว่านี้นะ ;____;


     

     






     
    ✄THE ORA




     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×