คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : ตอนที่ 4/3
ด้านหญิงสาวที่อยู่ภายในห้องหอเพียงลำพังหลังจากที่คุณจันทร์นภาและสาวใช้ที่เข้ามาช่วยจัดของออกไปเรียบร้อยแล้วก็ทิ้งตัวนั่งลงที่ปลายเตียง
เธอนั่งมองเตียงนอนขนาดใหญ่ ผ้าปูเตียงสีสวยลวดลายอ่อนช้อย แล้วแลสายตาไปทั่วห้องใหญ่
ห้องหอที่ถูกตกแต่งใหม่แทบทั้งหมด เธอมองไปที่ผ้าม่านสีฟ้าอ่อนซึ่งเป็นสีที่เธอชอบที่โบกสะบัดน้อยๆเพราะแรงลม
ลวดลายลูกไม้ที่ถูกตัดมาอย่างประณีต
โต๊ะเครื่องแป้งที่มีของของเธอและวายุวางอยู่คู่กัน
“ถ้าคุณกับฉันเราแต่งงานกันด้วยความรักก็คงดี
ฉันคงมีความสุข ไม่ต้องมาคอยระแวงแบบนี้”หญิงสาวล้มตัวลงนอนอีกครั้งเพราะรู้สึกเพลียเหลือเกิน
แต่ก็นอนได้ไม่นานเท่าไหร่ก็ต้องตื่นขึ้นมาเพราะเสียงโทรศัพท์ที่ดังอยู่ในกระเป๋าถือที่วางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง
เมื่อเห็นเบอร์ที่โชว์อยู่หน้าจอก็ยิ้มขึ้นทันที
“ฮัลโล”
หญิงสาวกรอกเสียงไปตามสาย
“แหม่
กว่าจะรับสายได้นะยะ ทำอะไรอยู่สายป่านนี้แล้ว”
“นอนหลับยะ
มีอะไรหรือเปล่าห๊ะยัยขวัญถึงโทรมาหาเนี่ย” ขวัญ หรือขวัญหทัยเพื่อนรักของหญิงสาว
ที่สนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็กและเรียนด้วยกันมาตลอดจะมีแยกห่างกันก็ตอนที่ทั้งสองไปเรียนต่อที่ต่างประเทศเท่านั้นแม้จะเรียนกันคนละเมืองแต่ทั้งสองก็ยังคงไปมาหาสู่กันแม้จะไม่บ่อยนักก็ตาม
เมื่อกลับมาสลินลดาก็ชวนขวัญหทัยมาทำงานเป็นเลขาทันที
“ก็แค่เห็นว่าวันนี้แกไม่มาทำงานนะฉันก็เลยโทรหา
แต่ฉันลืมไปว่าแกเพิ่งแต่งงานคงจะเหนื่อยเลยมาทำงานไม่ไหว” ขวัญหทัยบอกเสียงล้อเลียนมาตามสาย
“มันไม่ใช่อย่างที่แกคิดนะยัยขวัญ”
หญิงสาวรีบแก้ตัวกับเพื่อนรักทันที
“ฉันก็ยังไม่ได้ว่าอะไรแกสักหน่อย
รีบแก้ตัวเชียวนะ”
“อืม
แกมีอะไรอีกรึเปล่า ฉันรู้สึกเพลียๆนะ อยากนอนมากเลย”
“ฉันแค่จะโทรมาบอกแกว่าอาทิตย์หน้า
นิคจะมาเมืองไทยนะ เห็นเขาบอกว่าติดต่อแกไม่ได้ เลยโทรเข้ามาที่ออฟฟิศนะ
แต่ฉันให้เบอร์แกไปแล้วเดี๋ยวก็คงโทรหาแกเองแหละ”
“อืมขอบใจมากเพื่อนที่โทรมาบอก
งั้นแค่นี้ก่อนนะฉันอยากนอนนะ” หลังจากวางสายของเพื่อนรักแล้วสลินลดาก็ตื่นขึ้นมาเกือบเที่ยงวัน
เมื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็ลงมาด้านล่างทันที
หลังจากลงมาแล้วหญิงสาวก็เดินเข้าไปในครัวทันที ภายในห้องครัวบรรดาแม่ครัวกำลังจัดเตรียมอาหารกันอย่างขะมักเขม้น
จึงเข้าไปช่วยจัดเตรียมอาหาร เมื่อเสร็จก็ยกออกมาจัดโต๊ะที่ห้องอาหาร
เป็นเวลาเดียวกับที่คุณวาธินและคุณจันทร์นภาเดินเข้ามาพอดี
“อ้าวหนูลดา
แม่นึกว่าหนูพักผ่อนอยู่บนห้องซะอีก แม่กำลังจะให้คนไปตามพอดีเลย”
“เออ...
ลดาก็เพิ่งลงมาเองค่ะ”
“มากินข้าวกันดีกว่านะ
พ่อหิวแล้วล่ะ”
“เออ
นั่นสิคะ มาลูก ลดามานั่งตรงนี้ลูก” คุณจันทร์นภาจัดแจงพาหญิงสาวไปนั่งที่แล้วลงมือรับประทานอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย
หลังจบมื้ออาหารทั้งสามก็ออกมาเดินเล่นที่สวนกุหลาบ ก่อนจะแยกย้ายกันไปจนถึงมื้อเย็นที่วันนี้ไม่เงียบเหงาเพราะมีธนงค์ที่ออกเวรจากโรงพยาบาลมาร่วมโต๊ะด้วย
หญิงสาวอาศัยอยู่ในบ้านเศวษภัคดีมาได้เกือบอาทิตย์
ตั้งแต่เธอเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ วายุก็ไม่เคยกลับมานอนที่บ้านอีกเลย ก่อนที่เขาจะออกไปเขาบอกกับเธอว่าต่างคนต่างอยู่
เขาไม่สามารถทนใช้ชีวิตร่วมกับผู้หญิงอย่างเธอได้
ดังนั้นนี้จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดในการใช้ชีวิตคู่ของทั้งเขาและเธอ แต่ก็ไม่ลืมกำชับกับเธอให้ทำตัวให้เหมาะสมกับการเป็นภรรยาของเขา
ด้านวายุเองเมื่อออกมาอยู่ที่คอนโดก็แทบไม่ได้กลับไปที่บ้านอีกเลย
เขายังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับเธอดี เขาไม่รู้ว่าควรจะเริ่มทำอะไร
เขาไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำยังไงเพื่อให้เธอออกไปจากชีวิตของตัวเอง เขารู้สึกสับสนกับตัวเองจึงไม่อยากเผชิญหน้ากับเธอ
หนึ่งอาทิตย์กว่าๆที่หญิงสาวอาศัยอยู่ภายใต้ร่มเงาของคฤหาสน์หลังใหญ่โต
เธอไม่ได้รู้สึกเหงาแม้แต่น้อยเพราะทั้งคุณวาธิน
และคุณจันทร์นภาต่างก็ให้ความรักและเอ็นดูเธอเป็นอย่างมาก รวมทั้งธนงค์น้องชายที่แสนดีของผู้เป็นสามีก็ค่อยอยู่คุยเล่นกับเธอเวลาที่ออกเวรแล้วมาทานข้าวที่บ้าน
หลังจากที่วายุไม่ได้กลับบ้านมาอาทิตย์กว่าๆวันนี้เขากลับมาที่บ้านของตนเป็นครั้งแรกหลังจากแต่งงาน
ภาพที่เขาเห็นเมื่อก้าวเท้าเข้ามาภายในบ้านคือ ภาพรอยยิ้มแสนหวานที่หญิงสาวรูปร่างอรชรส่งให้กับน้องชายของเขา
รอยยิ้มของเธอยามนี้ดูสดใสเป็นอย่างมาก เขาจึงเดินเข้าไปหยุดอยู่ข้างหญิงสาว
ทำให้การสนทนาของหนุ่มสาวทั้งสองหยุดลง
“คุยอะไรกันหึ
ได้ยินเสียงหัวเราะไปถึงหน้าบ้านโน้นแนะ”
“ไม่มีอะไรหรอกครับพี่
ผมก็แค่เล่าเรื่องตลกของคนไข้ที่โรงพยาบาลให้น้องลดาฟังเท่านั้นเองครับ”
ธนงค์ตอบพี่ชายที่ยืนทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ข้างหญิงสาวหนึ่งเดียวในห้อง
“คงจะสนุกมากสินะ
หัวเราะกันเสียงดังขนาดนี้”
“ค่ะ
สนุกมากค่ะ” สลินลดาตอบสามีด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งไม่ปรากฏรอยยิ้มอีก
“ถ้าไงลดาขอตัวก่อนนะคะพี่ธนงค์”
“จ๊ะ
แล้วเจอกันตอนมื้อเย็นนะ พี่มีเรื่องคนไข้มาเล่าให้ฟังอีกเยอะเลย”
“ค่ะ
ขอตัวนะคะ” พูดจบก็หันหลังเดินขึ้นชั้นบนไปทันที
ทิ้งให้สองพี่น้องคุยกันต่อตามลำพัง
หญิงสาวใช้เวลาอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่นานก็เตรียมที่จะลงไปช่วยแม่ครัวเตรียมอาหาร
แต่เมื่อเปิดประตูออกมาก็เจอวายุยืนหน้าทะมึนทึงอยู่หน้าห้อง วายุดันร่างของหญิงสาวเขาไปภายในห้องเพื่อป้องกันไม่ให้เธอหนีไปไหนและล๊อกห้องทันที
“ดูถ้าเธอจะสนิทกับน้องชายของฉันมากเลยนะ”
เมื่อเข้ามาในห้องแล้ววายุก็ออกปากว่าเธอทันที
“ค่ะ ทำไมคะ”
“เธออย่าลืมสิว่าเธอมีสามีแล้ว
แล้วนั่นก็น้องสามีของเธอ” วายุตะคอกใส่หน้าหญิงสาวทันทีที่เธอย้อนถามกลับมา
“ฉันไม่ได้คิดอะไรสกปรกอย่างคุณหรอกนะคะคุณวายุ
ฉันกับพี่ธนงค์เป็นแค่พี่น้องกันเท่านั้น คุณนี่มันทุเรศที่สุด ความคิดสกปรกมาก
นั่นน้องของคุณนะ คิดแบบนี้ได้ยังไง ทุเรศ
ถ้าคุณจะพูดอะไรทุเรศๆแบบนี้ฉันก็ขอตัวก่อนแล้วกันนะคะ จะไปเตรียมอาหารเย็นค่ะ
ฉันเสียเวลามานานแล้ว ขอตัวก่อนนะคะ”
หญิงสาวต่อว่าเขาชุดใหญ่ก่อนหันหลังแล้วเดินจากไปปล่อยให้วายุยืนเป็นบ้าอยู่ในห้องเพียงลำพัง
วายุไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงต้องไม่พอใจเวลาที่เห็นเธอคุยกับผู้ชายคนอื่น
แม้แต่กับน้องชายของเขาเอง
เมื่อถึงเวลาอาหารเย็นทุกคนต่างมารวมตัวที่โต๊ะอาหาร
หญิงสาวถูกจัดให้นั่งข้างวายุแม้จะไม่เต็มใจแต่ก็ไม่อาจทำตามที่ใจต้องการได้
จึงต้องจำใจนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆวายุนั่นเอง
“ตายุตักอาหารให้น้องหน่อยสิ
ผัดผักนะ” คุณจันทร์นภาสั่งลูกชายเสียงแข็ง
“ไม่เป็นไรค่ะคุณแม่
ลดาตักเองได้ค่ะ” สลินลดารีบปฏิเสธทันที ด้วยไม่อยากให้วายุต้องรำคาญใจและฝืนใจ
“ไม่เป็นไร
อยากกินอะไรล่ะ บอกมาสิ” เขาบอกเธอพร้อมหันมายิ้มให้
“เออ...
เออ..” เมื่อได้ยินวายุบอกเช่นนั้นก็ทำให้เธอถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว
“เอาอะไรล่ะ
หึ”
“เออ...
อะไรก็ได้ค่ะ คุณวายุ” จากนั้นวายุก็คอยตักอาหารให้กับหญิงสาวตลอดมื้อค่ำ
จึงมีแต่รอยยิ้ม หลังจากที่ทานข้าวเสร็จแล้วทุกคนก็ย้ายมารวมตัวกันที่ห้องนั่งเล่น
“พรุ่งนี้ลดาขอตัวไม่ร่วมโต๊ะอาหารเย็นนะคะ”
“มีอะไรหรือเปล่าลูก”
คุณวาธินถามลูกสะใภ้
“พอดีพรุ่งนี้เพื่อนของลดาจะมาจากต่างประเทศนะคะ
ลดากับขวัญนัดกันว่าจะไปรับนิคที่สนามบินค่ะ”
“อืม
ก็ได้ลูกจะไปรับเพื่อนก็ไปเถอะ แล้วเครื่องลงกี่โมงละลูก”
คุณจันทร์นภาเป็นผู้ถามบ้าง
“หกโมงเย็นค่ะ
แล้วลดากับขวัญว่าจะพานิคไปทานอาหารเย็นด้วยนะคะ
ว่าจะพาไปกินอาหารไทยเป็นมื้อแรกของการมาเมืองไทยเป็นครั้งแรกนะคะ” หญิงสาวบอกกับคุณพ่อคุณแม่ของสามีเพื่อเป็นการเรียนให้ทราบและขออนุญาตไปในตัวด้วย
“ก็ดีลูก
อาหารไทยนะอร่อยที่สุดแล้วลูก”
“ค่ะคุณแม่
ยังไงพรุ่งนี้ลดาอาจจะกลับดึกหน่อยนะคะ”
“จ๊ะ
ไม่เป็นลูก แต่ก็อย่าดึกมากนะแม่เป็นห่วง”
“ค่ะ คุณแม่”
หลังจากนั้นทุกคนก็คุยกันไปต่างๆนานา
ส่วนใหญ่จะเป็นธนงค์เสียมากกว่าที่นำเรื่องของคนไข้ที่โรงพยาบาลมาเล่าให้ฟัง
ก่อนจะแยกย้ายกันไปนอน แต่น่าแปลกที่คืนนี้วายุกลับบอกกับทุกคนว่าเขาจะนอนที่บ้านไม่กลับไปนอนที่คอนโด
เมื่อเขามาในห้องนอนทั้งวายุและสลินลดาต่างคนต่างเงียบไม่ยอมพูดจาอะไรกัน
ห้องทั้งห้องตกอยู่ในภาวะเย็นยะเยือก เหมือนอยู่ใน ขั้วโลกเหนือที่มีแต่หิมะ
“คุณนอนบนเตียงแล้วกัน
ฉันจะไปนอนที่โซฟา ฉันไปนอนก่อนแล้วกันนะคะ” พูดจบเธอก็เดินไปเตรียมชุดเครื่องนอนที่อยู่ภายในตู้เสื้อผ้า
แล้วล้มตัวลงนอนหันหลังให้วายุทันที
วายุที่เห็นหญิงสาวที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยานอนหันหลังให้ก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ
ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องรู้สึกแบบนี้ เขาตัดสินใจเข้าไปช้อนร่างอรชรขึ้นสู่อ้อมกอดแล้วตรงไปยังเตียงนอนทันที
“นี่ คุณวายุ
คุณจะทำอะไร ปล่อยฉันนะ”
“อย่าดิ้นถ้าไม่อยากตกลงไป”
เมื่อไปถึงเตียงเขาก็บรรจงวางเธอลงแล้วล้มตัวลงนอนข้างเธอ
“ถ้ายังอยากนอนก็อยู่เฉยๆวันนี้ฉันเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”
เมื่อเขาพูดจบก็หลับตาลงทันที หญิงสาวใช้เวลาอยู่บนเตียงเป็นเวลานานกว่าจะข่มตาหลับลงได้
ส่วนวายุเขาหลับตาลงเพื่อให้หญิงสาวเพื่อนร่วมเตียงในคืนนี้คลายความกังวลลงจนในที่สุดเธอก็หลับไป
แต่เขากลับเป็นคนที่นอนไม่หลับเสียเอง
เขาไม่อาจข่มตาหลับลงได้เพราะกลิ่นของแป้งเด็กที่หอมอ่อนๆลอยมากระทบจมูก กลิ่นแป้งเด็กที่เขารู้ว่ามันหอมแค่ไหนเวลาอยู่บนผิวของเธอ
กว่าเขาจะข่มตาหลับได้เขาก็ใช้เวลาไปเกือบค่อนคืน
|
|
|
|
|
ความคิดเห็น