ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] ✰ หัวไม้ ' {chanbaek}

    ลำดับตอนที่ #9 : หัวไม้ : 07 {100%}

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.81K
      10
      22 เม.ย. 58


     



    CR.SHL



              วันแรกของสัปดาห์กลับมาเป็นเหมือนเดิมเพราะทีมพลอยไม่ได้มาเฝ้าเหมือนอาทิตย์ที่ผ่านมา รวมถึงคยองซูเองก็กลับมาเรียนตามปกติ

     

              เจ้าตัวเอาแต่สนใจอยู่กับการบ้านที่ต้องปั่นให้ทันในคาบถัดไป แบคฮยอนเลยทำได้แค่เหล่สายตามองเท่านั้น เขามีคำถามมากมายที่อยากถามแต่ก็กลัวว่าคำตอบจะทำให้ตัวเองเงิบแดก

     

              "ฮู่ว~ เสร็จสักที"

     

              เพื่อนข้างๆสะบัดข้อมือไล่ความเมื่อยล้าโดยที่แบคฮยอนนอนฟุบกับโต๊ะแล้วหันไปมองหน้า ใจจริงอยากจะพูดเหน็บแนมว่าเป็นเพราะอะไรล่ะที่มึงต้องมาเร่งทำการบ้านเอาตอนวินาทีสุดท้ายให้เชือดเฉือนจิตใจเล่น แต่คิดอีกทีกูนอนเฉยๆดีกว่า

     

              แบคฮยอนพ่นลมหายใจออกทางจมูกเหมือนที่ชอบทำเมื่อคยองซูวางศีรษะลงบนโต๊ะแล้วหันมาจ้องหน้าเขากลับ "จ้องอะไรนักหนาวะ"

     

              "เฮ้อ~" แบคฮยอนเบือนหน้าหนีไปอีกทาง แต่ไม่วายยังโดนจิ้มไหล่จึ้กๆ

     

              "เป็นอะไร หิวข้าวหรือไง"

     

              "เฮ้อ~"

     

              "ถอนหายใจจนเตียนหมดแล้วมั้งห่า หันมาคุยกับกูดีๆ"

     

              แบคฮยอนชั่งใจสักพักก็หันกลับไป "ทำไมเมื่อวานกูถึงเจอมึงอยู่กับไอ้จงอินวะ?"

     

              "กูว่าแล้วว่ามึงต้องถามกูแบบนี้" ดวงตาโตคู่นั้นไม่มีแววสั่นไหว แม้แต่น้ำเสียงเองก็ไม่สะท้าน "มันแค่บังเอิญต่อแถวจ่ายเงินด้านหลังกู ก็แค่นั้น"

     

              ถ้าเป็นคนอื่นป่านนี้คยองซูอาจจะโดนเสยหน้าไปแล้วก็ได้ข้อหาตอแหล แต่นี่ดันเป็นแบคฮยอนจึงทำให้คำพูดโกหกทั้งหมดนั้นถูกเชื่อไปอย่างง่ายดาย

     

              "อืม นึกว่ามึงไปแอบสนิทสนมกับมันนอกรอบซะอีก"

     

              "นอกร้งนอกรอบอะไรมึงบ้าละ กูจะไปทำอย่างนั้นทำไมวะ มึงนี่ก็"

     

              "นั่นสิ มึงจะไปทำอย่างนั้นทำไมกันล่ะเนอะ"

     

              แล้วช่วงเวลาแสนอึดอัดสำหรับแบคฮยอนคนเดียวก็ผ่านไป เพราะเมื่อถึงเวลาพักเที่ยงโอเซฮุนก็มาช่วยอึดอัดเป็นเพื่อนเขาในโรงอาหารด้วยคน ความฝืดทุกก้อนคำของอาหารแบคฮยอนไม่ได้เผชิญอยู่คนเดียว

     

              นึกอยากจะทุบโต๊ะแล้วพูดโพล่งว่า 'กูเห็นมึงอยู่ที่บ้านไอ้จงอินวันที่กูโทรหาแล้วมึงบอกไม่สบาย กูไม่ได้คิดไปเองเพราะไอ้เซฮุนก็เห็น ไม่เชื่อถามมันดูดิ' แต่ก็ต้องกลืนคำพูดนั้นลงคอไป

     

     

    ChanHyun
    12:30 P.M. วันนี้ให้เพื่อนไปส่งได้ป่ะ ติดงานจริงๆว่ะ

     

    BaekYeol
    12:45 P.M. สบายมาก ไม่ต้องห่วง

     

    ChanHyun

    12:46 P.M.   ส่งให้ถึงหน้าบ้านนะเว้ย

     

    BaekYeol

    12:46 P.M.   จ้า

     

    ChanHyun

    12:47 P.M.   ห้ามไปเถลไถลที่ไหนเข้าใจ?

     

    BaekYeol

    12:47 P.M.   คับผม

     

    ChanHyun

    12:48 P.M.   ดูแลตัวเองดีๆด้วย

     

     

              ร่างเล็กเก็บมือถือลงกระเป๋าเสื้อแล้วนั่งกินข้าวต่อ

     

              "วันนี้ใครว่างไปส่งกูได้บ้าง?"

     

              "กูว่างนะ" เซฮุนพยักหน้าให้ แต่แบคฮยอนเองก็ยังแอบเหล่สายตาไปหาคยองซู

     

              "เห้ย! กูว่าโอกาสดีๆที่ชานยอลเปิดให้แบบนี้หายากว่ะ เราไปหาอะไรสนุกๆทำกันดีกว่า"

     

              "ทำอะไรมึงวะ?" คยองซูเงยหน้าขึ้นจากจานข้าวมาถามหาคำตอบ

     

              "ไปหาเรื่องไอ้จงอินกันดีกว่า ช่วงนี้คันมือคันตีนบอกไม่ถูก ยิ่งเมื่อวานเห็นหน้าอึนๆมันแล้วยิ่งทำให้กูขึ้น"

     

              เซฮุนเห็นด้วยยกใหญ่ เพราะเขาก็คิดถึงการออกกำลังกายด้วยวิธีนั้นอยู่เหมือนกัน เมื่อถึงเวลาแยกกันเข้าตึกตอนช่วงบ่ายเจ้าตัวก็นัดคนรู้จักให้ไปเจอกันหน้าโรงรถหลังเลิกเรียน

     

     

     

              เสียงท่อรถมอเตอร์ไซด์ดังกระหึ่มแข่งกันเกือบสิบคัน แบคฮยอนซ้อนท้ายคยองซูส่วนเซฮุนก็พ่วงรุ่นน้องคนสนิทในแผนกของตัวเองมาด้วย

     

              เอาจริงคือโรงเรียนเขากับโรงเรียนช่างกลฮออยู่ตรงข้ามกันเยื้องไปแค่นิดเดียว แต่ที่ต้องขับมอเตอร์ไซด์มาเพราะกลัวว่าถ้าสู้ไม่ได้แล้วจะวิ่งหนีไม่ทันมากกว่า

     

              "เฮ้~"

     

              เมื่อเลี้ยวเข้าเขตรั้วแบคฮยอนก็เปิดโรงให้ลูกทีมคนอื่นผสม พวกเขายกพวกกันมาประมาณยี่สิบคนพร้อมอาวุธครบมือ

     

              "คิมจงอิน! คิมจงอิน! คิมจงอิน!" เสียงตะโกนร้องราวกับมีการประท้วงดังก้องทั้งโรงเรียน ถ้าเจ้าของชื่อไม่ได้ยินก็ควรจะไปซ่อมหูได้แล้ว

     

              "อะไรกันวะ" มนุษย์ผิวเข้มโผล่หน้าออกมาจากหน้าต่างตึกเรียน เมื่อเขาเห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้นคิ้วก็ขมวดเข้าหากันอย่างสงสัย "มาทำเหี้ยอะไรกันที่นี่"

     

              "ขนาดนี้แล้วยังจะถามอีกหรอ" แบคฮยอนตอบกลับอย่างกวนบาทา วางท่าเป็นจิ๊กโก๋ไถตังค์หน้าปากซอย

     

              "เดี๋ยวกูลงไป"

     

              ไม่ถึงหนึ่งนาทีคิมจงอินก็เดินลงมาจากตึกเพื่อเผชิญหน้ากับแก๊งคู่อริตัวคนเดียว ถ้าถามว่ากลัวไหมตอบเลยว่ากลัวมาก แต่เขาเชื่อว่าลูกน้องที่กำลังสังเกตการณ์อยู่ในห้องด้านล่างก็คงจะพร้อมแล้วเหมือนกัน

     

              "ตู้หูว~ ไม่เจอกันตั้งนานหล่อขึ้นนะเนี่ย" เซฮุนเอ่ยแซวเมื่อเห็นว่าไม่มีใครพูดอะไร

     

              เขา แบคฮยอนและคยองซูยืนอยู่ด้านหน้าสุด และแน่นอนว่าหลังจบคำแซวนั้นสีหน้าจงอินก็ไม่ได้เปลี่ยนไป เขาไม่ใช่คนบ้ายอ

     

              "แล้วยังไง มากันทำไมเยอะแยะ"

     

              "ถามได้ว่ามากันทำไมเยอะแยะ เวลาจะมีเรื่องกันทีนึงถ้าน้อยคนก็ไม่สนุกดิ"

     

              แบคฮยอนแค่สงสัยว่าถึงขนาดนี้แล้วทำไมคยองซูยังไม่ยอมพูดห้ามอะไร หรือแม้แต่จงอินเองก็ไม่มีท่าทีพิรุธหรือตะกุกตะกักเวลาหันไปมองหน้าเพื่อนเขาเลย

     

              "งั้นหรอ ก็ดี" จงอินยกมือขึ้นระดับศีรษะแล้วกวักนิ้วมือเล็กน้อย ลูกสมุนราวสามสิบคนของเขาก็เดินถือท่อนเหล็กกับไม้หน้าสามออกมายืนหนุนด้านหลัง "คราวนี้พร้อมจะสนุกหรือยัง?"

     

              อีกฝ่ายร้องในใจเบาๆว่าชิบหายแต่ก็ไม่แสดงความสะทกสะท้าน และไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงให้มากความเพราะทั้งหมดนี้เตรียมพร้อมมาแล้วอย่างดี ต่อให้ฝ่ายแบคฮยอนน้อยกว่าเรื่องจำนวนคน แต่เรื่องอาวุธพวกเขาขอสู้ตาย

     

     

     

              ร่างเล็กถุยเลือดออกจากปากแล้วหันไปถีบหน้าอกไอ้หัวล้านที่ซัดหมัดใส่เขาโดยไม่ทันตั้งตัว มือบางกำไม้เบสบอลไว้แน่นเพื่อฟาดลงกลางกระบาลอีกคนที่กำลังจะใช้ท่อนเหล็กฟาดแผ่นหลังเซฮุน

     

              คราวนี้แบคฮยอนเสียหลักล้มก้นกระแทกพื้นเมื่อโดนถีบกลางหน้าท้อง ร่างบางหมุนตัวหลบฝ่าเท้าที่เล็งใบหน้าเขาไว้ได้ทันก่อนจะเหวี่ยงไม้ออกไปให้โดนเป้ากางเกง จนร่างถึกของคนตรงหน้าอ่อนยวบลงเมื่อโดนจุดสำคัญ

     

              เลื่อนโฟกัสกลับไปหาเพื่อนสนิทตัวเล็กที่กำลังกระชากคอเสื้ออีกฝั่งเข้ามาตีเข่าจนตัวลอย เขาปล่อยเด็กหนุ่มคนนั้นลงพื้นแล้วหยิบรองเท้าที่หลุดขว้างไปโดนข้อมือของอีกคนที่กำลังจะเอื้อมหยิบก้อนหินแถวนั้น

     

              เด็กหนุ่มผิวเข้มกระโดดถีบแบคฮยอนจากด้านหลังจนล้มหน้าคะมำ เขาเข้ามาขึ้นคร่อมแล้วกระแทกหมัดใส่โหนกแก้ม เมื่อคยองซูเห็นเข้าจึงเข้ามาช่วยเพื่อนตัวเองโดยการถีบหัวไหล่ให้จงอินกลิ้งออกจากร่าง

     

              คยองซูดึงแบคฮยอนขึ้นพร้อมเสียงนกหวีดจากยามหน้าโรงเรียนที่กำลังวิ่งเข้ามา พวกที่มาหาเรื่องเจ้าถิ่นถึงที่รีบขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซด์บิดออกจากโรงเรียนอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจว่าจะซ้อนท้ายรถคันเดิมหรือเปล่า

     

              พวกเขาถูกรวบตัวไปโรงพักเพราะมีตำรวจรู้ทันคอยดักอยู่กลางถนน รวมถึงพวกจงอินเองก็โดนฝากขังด้วยเหมือนกัน

     

     

     

              "สนุกจังเลย สนุกจังเลย" คยองซูประชดเพื่อนในขณะที่นั่งกำซี่กรงเหล็กในมือแน่น "วันนี้แม่กูเข้าเวรด้วย สนุกจังเลย"

     

              "พ่อกูก็ไปดูงานต่างประเทศ" เซฮุนพิงหลังเข้ากับกำแพง

     

              "ชานยอลต้องกระทืบกูซ้ำแหง ตายหยังเขียด" เป็นเพราะพี่ชายเขาโทรเข้ามาเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วเพื่อถามว่าอยู่ไหน กลับบ้านหรือยัง ทำให้แบคฮยอนต้องบอกความจริงไปว่าเขามาหาข้าวฟรีกินที่สถานีตำรวจ ไอ้สัส กูชอบของฟรีไง

     

              แต่ที่ทำให้แบคฮยอนต้องตบหน้าผากฉาดใหญ่ตอนวางสายนั่นก็คือน้ำเสียงของชานยอลตอนบอกว่า 'เดี๋ยวเจอกัน' มันเยือกเย็นราวกับจะฆ่าทุกคนบนโลกใบนี้ให้ตายด้วยน้ำแข็งเพียงก้อนเดียว

     

              ตายแน่แบคฮยอน…

     

     

     

     

     




     

              คนตัวเล็กรู้สึกขนตูดลุกซู่ซ่าเมื่อเห็นสีหน้าพี่ชายผ่านซี่กรง

     

              ชานยอลกวักมือเรียกให้แบคฮยอนเดินเข้าไปหาหลังจากทำเรื่องประกันตัวเสร็จเรียบร้อย ส่วนตัวเขาเองก็ก้าวถอยหลังไปเรื่อยๆเพื่อนั่งบนเก้าอี้ตรงทางออก ร่างเล็กหย่อนก้นลงช้าๆเพราะไม่อยากให้พี่ชายรู้สึกขุ่นเคืองใจไปมากกว่านี้

     

              "รับปากอะไรไว้?"

     

              แบคฮยอนสะดุ้งวาบนั่งหลังตรง วางมือเรียบไปบนหน้าตักเหมือนโดนผู้ปกครองจับได้ว่าโดดเรียน "แหะแหะ"

     

              "ขำหรอแบคฮยอน?" คิ้วเรียวดกขมวดเข้าหากันอย่างหงุดหงิด น้องชายเขาก้มหน้ายอมรับความผิดแต่โดยดี "ทำไมทำแบบนี้วะ? ตำรวจบอกว่าพวกมึงไปหาเรื่องเขาก่อนด้วย"

     

              "ขอโทษ"

     

              "มึงเหยียบย่ำความรู้สึกกูแบบนี้ได้ไง?" มือหนากำเข้าหากันแน่น ชานยอลสาบานเลยว่าถ้าคนตรงหน้าไม่ใช่น้องชายเขาจะต่อยให้หน้าแหลกเป็นผุยผงซะเดี๋ยวนี้

     

              "แค่ขำๆน่าชานยอล อย่าโกรธเลยนะ"

     

              "กูขำกับมึงไหม? กูเป็นห่วงมึงจะตายห่าอยู่แล้วรู้ตัวบ้างสิแบคฮยอน?"

     

              "รู้แล้ว..." ตาเรียวเหล่มองพี่ชายที่จ้องเขม็ง "แต่แบคฮยอนไม่ได้เป็นอะไรนะ"

     

              "ไม่เป็นอะไรหรอ? ดูสภาพซิ เลือดเกรอะกรัง ปากก็แตก คิ้วก็แตก"

     

              "โอ้ยเจ็บ" แบคฮยอนหลับตาปี๋สูดปากด้วยความเจ็บแสบเมื่อนิ้วยาวของพี่ชายจิ้มแผลบนใบหน้า

     

              "แล้วดูชุดนักเรียน...รอยตีนชัดเจนขนาดนี้ยังบอกว่าไม่เป็นอะไรอีกหรอ?!"

     

              "โดนถีบนิดหน่อย อย่าโมโหไปเลยหน่า นะนะ"

     

              ชานยอลเสยผมขึ้นราวกับว่ากำลังสะกดอารมณ์คุกรุ่นอยู่ข้างใน แบคฮยอนกระพริบตาปริบขอความเห็นใจแต่ก็สูญเปล่าเมื่อพี่ชายเขาลุกขึ้นเดินออกไปด้านนอกสถานี

     

              แบคฮยอนก้าวสั้นๆเดินตามออกไปหาร่างสูงที่ยืนพ่นควันบุหรี่สีเทาอยู่ข้างรถคันใหญ่ อีกมือหนึ่งล้วงกระเป๋ากางเกง

     

              "กลับบ้านกันนะ" ชานยอลเพียงชูมวนบุหรี่ในมือเพื่อขอเวลาให้เขาได้ยืนดับอารมณ์อีกแปป แต่น้องชายตัวดีก็เอาแต่ทำหน้าง้ำงอเหมือนจะร้องไห้ก็ไม่ปาน "ให้ตีสิบทีเลย แต่ทิ้งบุหรี่เหอะ นะ"

     

              ร่างเล็กก้าวยาวเข้าไปใกล้หนึ่งก้าว พยักหน้าให้คนที่กำลังอัดสารก่อมะเร็งเห็นด้วย

     

              ชานยอลเบือนหน้าหนีแต่ก็ยอมทิ้งมวนบุหรี่ในมือที่เหลือกว่าครึ่งลงพื้นแล้วใช้ปลายเท้าขยี้โดยดี ก่อนจะวาดขายาวขึ้นคร่อมคนเป็นพี่ยังไม่วายหันไปถอนหายใจทิ้งใส่หน้าแบคฮยอนที่กำลังยิ้มร่า

     

     

     

     

     







     

     

              ทันทีที่มาถึงบ้านชานยอลก็ชิงเข้าห้องน้ำโดยไม่ยอมพูดยอมจา ปล่อยให้แบคฮยอนเดินกระวนกระวายอยู่หลายนาที และเมื่อเสียงน้ำหยุดลงร่างเล็กก็วิ่งเข้าไปหลบในห้องครัว

     

              เขาทำตัวไม่ถูกเข้าไปใหญ่เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูห้องน้ำแล้วชานยอลก็เดินเข้าไปในห้องนอน แบคฮยอนหยิบลูกแอปเปิ้ลที่ปอกแล้วเพื่อเขียนคำว่า 'ขอโทษ' เป็นภาษาจีนลงในกระดาษแผ่นใหม่ปักลง และไปยืนรอพี่ชายหน้าประตู

     

              ชานยอลถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าระหว่างแต่งตัว เพราะเขาไม่อยากออกไปเผชิญหน้ากับน้องชายตัวเล็กที่กำลังขุดสารพัดวิธีมาขอโทษในเรื่องที่ตัวเองทำผิด จนเขาต้องยอมใจอ่อนอีกตามเคย

     

         แกร๊ก!

     

              เมื่อร่างสูงตัดสินใจจะออกไปจากห้องเขาก็ปีนขึ้นไปหยิบไม้เรียวบนหลังตู้มาถือไว้ในมือ ชานยอลจำได้ว่าตอนประถมม๊าชอบใช้ไม้ก้านนี้ฟาดก้นเขาบ่อยๆเวลากลับมาพร้อมรอยแผลบนร่างกาย

     

              "เอ่อะ" แบคฮยอนเปลี่ยนสีหน้าเป็นตกใจในขณะที่แขนทั้งสองข้างที่ยื่นผลแอปเปิ้ลค่อยๆหดเข้าหาลำตัว

     

              "รู้ใช่ไหมว่าทำผิด?" เสียงขรึมของพี่ชายทำให้เขารู้สึกจุกหน้าอกแปลกๆ

     

              "..." แบคฮยอนก้มหน้ามองไม้เรียวในมือแล้วพยักหน้าเบาๆ

     

              "แล้วคนทำผิดต้องโดนลงโทษใช่ไหม?"

     

              "..." ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองพี่ชายแล้วพยักหน้าอีกครั้ง

     

              ชานยอลจับแขนให้แบคฮยอนยืนหันข้างก่อนจะออกแรงหวดไม้ลงบนก้น ถึงเขาจะออมแรงไปเยอะแต่กางเกงที่แบคฮยอนใส่นั้นผิวผ้ามันบางจนเจ้าตัวสะดุ้ง

     

              "จ เจ็บ"

     

              "ก็ตีให้เจ็บไง บอกแล้วใช่ไหมว่าให้กลับบ้าน" ชานยอลสวมบทเป็นผู้ปกครองสุดโหด ยกไม้ขึ้นหวดซ้ำจนมือเล็กเผลอปล่อยผลไม้กลิ้งหลุนไปชนกับโซฟา

     

              "พอ พอแล้ว" เสียงเล็กสั่นรัวและพยายามจะหนีแต่ชานยอลยังคงจับแขนเขาเอาไว้

     

              แบคฮยอนปล่อยโฮเกาะแขนพี่ชายอย่างน่าสงสารเมื่อโดนไม้ฟาดมามากกว่าสิบครั้ง แต่ร่างสูงยังคงไม่มองหน้าน้องชายและปล่อยให้อารมณ์ควบคุมการกระทำ



     

              เขาสงสารที่แบคฮยอนต้องเจ็บอยู่ตอนนี้ แต่เมื่อคิดย้อนกลับไปแล้ว แบคฮยอนก็น่าจะสงสารเขาบ้างที่ตั้งใจโทรไปหาเพื่อจะฟังว่าน้องชายกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยแล้ว แต่ก็ต้องรีบทิ้งงานที่ทำค้างอยู่เพื่อบิดมอไซด์ไปสถานีตำรวจหลังจากคำตอบไม่ใช่อย่างที่เขาคิดเอาไว้



     

              ความรู้สึกเป็นห่วงของคนๆหนึ่งที่ถูกคนๆหนึ่งมองข้าม ...มันก็เจ็บปวดราวกับโดนไม้หวดไม่ต่างกันนักหรอก





     

              แบคฮยอนทรุดกายลงกอดขายาวของพี่ชายไว้แน่น "พอแล้ว ฮึก แป๊กเจ็บ"

     

              เสียงขอร้องปนเสียงสะอื้นทำให้ชานยอลยอมปล่อยไม้ในมือลงกับพื้น ผ่านไปหลายนาทีคนที่นั่งตัวสั่นก็พยุงตัวขึ้นมาพร้อมผลแอปเปิ้ล

     

              "ขอโทษ ฮึก นะ" ชานยอลเห็นดวงตาปูดโปนและใบหน้าที่เปื้อนคราบน้ำตาเขาก็เข้าใจแล้วว่า ทำไมคนเป็นพ่อเป็นแม่ถึงใจอ่อนกับลูกตัวเองนักหลังจากสั่งสอนจนร้องไห้โฮ

     

              แบคฮยอนสวมกอดพี่ชายไว้แน่นแต่ร่างสูงก็พยายามดันออก "ไม่เอา ฮึก หายโกรธน้องได้แล้วซี่" เสียงอู้อี้ดังพร้อมกับศีรษะกลมที่ส่ายดุ๊กดิ๊กอยู่ระหว่างอก

     

              "ปล่อยก่อน"

     

              "ไม่เอาหรอก เดี๋ยวชานยอลตีน้องอีก" เด็กหนุ่มออกแรงกอดพี่ชายแน่นเข้าไปใหญ่

     

              "ไม่ปล่อยแล้วจะทายาให้ยังไงล่ะ ปากแตกคิ้วแตกอยู่นะ ลืมไปแล้วหรอ?"

     

              "ไม่เป็นไร ผมไม่เจ็บตรงนั้น"

     

              "งั้นทายาที่ก้นไหม?"

     

              "ไม่เอาหรอก..." ดวงหน้าหวานเงยขึ้นสบตากับคนตัวสูงกว่า "พี่ชานยอลหายโกรธแบคฮยอนแล้วใช่ไหม?"

     

              "อืม" ร่างเล็กซบหน้าลงอีกครั้งหลังจากเห็นรอยยิ้มมุมปากจากคนตรงหน้า แบคฮยอนไม่อยากให้ชานยอลโกรธนานๆเพราะไม่มีใครใจดีกับเขาได้เท่าชานยอลอีกแล้ว



     

     



     

              "เอ้า นั่งลงสิ จะทำแผลให้"

     

              "นั่งไม่ได้" ร่างเล็กยืนส่ายหน้าข้างโซฟาแล้วค่อยๆยกมือขึ้นสัมผัสบั้นท้ายผ่านผิวผ้า "เจ็บ"

     

              "งั้นทำไงล่ะ?"

     

              "ทำงี้ก็ได้" คนน้องยืนส่ายหน้าอยู่สักพักก็คุกเข่าลงตรงระหว่างขายาวทั้งสองข้าง เล่นเอาชานยอลกระตุกวูบผงะด้วยความตกใจ

     

              "เห้ย! น่าเกลียดไปป่ะ?"

     

              "น่าเกลียดตรงไหน ก็ยืนทำมันไม่ถนัดนี่"

     

              "เออๆ" ชานยอลหายใจแรงมองมือเล็กบนหน้าขาตัวเองแล้วอยากกรีดร้องให้เสียงดังลั่นโลก ไม่มีใครเขาคิดอะไรวิปริตกันหรอกยกเว้นคนวิปริตเหมือนเขา แบคฮยอนจิกนิ้วมือลงบนขาอ่อนเมื่อถูกสำลีแต้มยาสีแดงแตะบนแผล "ซ่าดีนัก เป็นไงล่ะ"

     

              "งื้อ~" เท้าทั้งสองข้างตีกับพื้นบ้านจนเกิดเสียงน่ารำคาญ

     

              "วันหลังอย่าไปหาเรื่องใครก่อนอีกเข้าใจไหม?"

     

              "เข้าใจแล้วครับ ซี้ด" เปลือกตาทั้งสองข้างปิดสนิทจนใบหน้าน้องชายเหยเกน่าจัดจระเข้ฟาดหางใส่ให้สลบไปสักท่า

     

              เมื่อทำแผลให้เรียบร้อยชานยอลก็ตรวจร่างกายภายใต้เสื้อตัวบางและพบว่าตรงสีข้างของแบคฮยอนมีรอยช้ำเล็กๆอยู่ เจ้าตัวเผลอมือลั่นตบบ้องหูและโวยวายใส่พี่ชายเป็นการใหญ่เมื่อนิ้วยาวสัมผัสแรงจนสะดุ้ง

     

              "เอ้า อยากโดนตีอีกใช่ไหม?"

     

              "ก็กดมาทำไมเล่า"

     

              "ก็เผื่อมันเป็นปานไง"

     

              "กู ไม่ มี ปาน ...โอ้ย! ชานยอล!!" หน้าแบคฮยอนขึ้นริ้วสีแดงเมื่อมือหนาเอาคืนด้วยการปล่อยหมัดลงบนก้นเขาจนตัวบิดเกลียวเป็นขนมโปเต้

     

              ชานยอลหัวเราะกระแทกหลังกับพนักโซฟาอย่างสะใจ โดยที่น้องชายเขายังคงยืนทำสีหน้าไม่พอใจอยู่ใกล้ๆ แบคฮยอนเท้าเอวอย่างหาเรื่องก่อนจะยกเท้าขึ้นมาเหยียบกล่องดวงใจใต้หว่างขาคนพี่จนเสียงหัวเราะหยุดชะงัก

     

              ตอนนี้กลายเป็นร่างบางที่ระเบิดเสียงแห่งความมีชัยออกมาซะแทน โน้มตัวลงไปโยกตัวพี่ชายที่งองุ้มเข้าหาหน้าขาเหมือนเป็นตุ๊กตาล้มลุก "สมหน้า ไอ้ช้อน!"

     

              แล้วแบคฮยอนก็เดินหายเข้าไปในห้องนอนทิ้งให้ชานยอลนอนจุกเสียดอยู่อย่างเดียวดายบนโซฟา





     

              คืนนั้นกลายเป็นว่าคนตัวเล็กต้องนอนคว่ำเพราะเจ็บก้นมากกว่าเจ็บแผลบนใบหน้า ยังดีที่ชานยอลออมแรงให้เขาเยอะ ไม่อย่างนั้นบยอนแบคฮยอนคงต้องตาคามือพี่ชายแน่นอน

     

              "แบคฮยอน พี่ขอโทษนะ" ร่างสูงแง้มประตูเข้ามาพูดเบาๆในความมืดเมื่อรู้ว่าคนตัวเล็กเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว



     

              ปาร์คชานยอลรู้ข้อเสียของตัวเองดีว่ามีอะไรบ้าง เพราะข้อเสียเหล่านั้นมันกลายเป็นข้อดีต่อแบคฮยอนไปซะหมด

     

              บางทีเขาก็คิดน้อยใจตัวเองที่ยอมอ่อนข้อให้น้องชายมาโดยตลอดอย่างไม่มีข้อแม้ เพียงเพราะคำพูดเมื่อตอนเด็กของแบคฮยอนหลังจากกลับมาจากโรงเรียนด้วยสภาพเนื้อตัวมอมแมมว่า...

     

              'เพราะแบคฮยอนไม่น่ารักเพื่อนๆเลยชอบแกล้งใช่ไหมฮะ? ทำไมทุกคนไม่ใจดีกับแบคฮยอนเหมือนที่พี่ชานยอลทำเลยนะ ถ้าพี่ชานยอลใจร้ายกับแบคฮยอนไปด้วยอีกคน โลกนี้คงต้องมีแต่สับประหลาดแน่ๆเลย พี่ชานยอลจะใจดีกับแบคฮยอนใช่ไหม? แบคฮยอนกลัวจัง'



     

              "เฮ้อ~" ชานยอลกลับเข้ามานอนลืมตาอยู่บนเตียง ใจจริงเขาอยากเดินตามแบคฮยอนไปทุกฝีก้าว เดินตามไปทุกที่ เพราะกลัวแบคฮยอนจะออกนอกลู่นอกทางที่เขาขีดเอาไว้ แต่ชานยอลคงทำไม่ได้เพราะน้องชายเขาก็ต้องมีชีวิตของตัวเอง แบคฮยอนต้องดูแลตัวเองให้ได้แล้ว

     

     

     

     














     

              เช้านี้ชานยอลตื่นสายอีกตามเคย เพราะฉะนั้นมื้อเช้าก็มีแค่แซนวิชโง่ๆคนละชิ้นไว้กินระหว่างเดินทางไปโรงเรียน ตอนแรกแบคฮยอนยืนยันคำเดิมว่าจะขอเดินไปโรงเรียนเองแต่ก็โดนพี่ชายดุจนต้องยอมเอาบั้นท้ายระบมไปสัมผัสกับเบาะนั่งเบาๆ

     

              เมื่อถึงหน้าประตูทั้งคู่ก็ร่ำลากันแบบปกติไม่ให้เป็นเป้าสายตาเหมือนครั้งที่ผ่านมา แต่ถึงอย่างนั้นชานยอลก็จอดรอให้น้องชายเดินเข้าเขตรั้วก่อนถึงจะยอมขับรถออกไป

     

              ความเจ็บยิ่งแผ่ซ่านเข้าไปใหญ่เมื่อแบคฮยอนต้องนั่งลงบนเก้าอี้ในห้องเรียน เขานึกอยากจะเขียนใบลาป่วยแล้วกลับไปนอนคว่ำสบายๆบนเตียงที่บ้านซะจริง

     

     

    ChanHyun
    08:02 A.M. เย็นนี้ไม่ให้ไปกับใครหน้าไหนทั้งนั้น

     

    BaekYeol
    08:03 A.M.   รู้แล้วน่า ??

     

    ChanHyun

    08:03 A.M.   ยังเจ็บอยู่ไหม?

     

    BaekYeol

    08:04 A.M.   เจ็บสิ ถามมาได้

     

    ChanHyun

    08:04 A.M.   เจ็บแล้วก็จำด้วย

     

    BaekYeol

    08:05 A.M.   เออ

     

    ChanHyun

    08:05 A.M.   ตั้งใจเรียนนะ

     

     

               แบคฮยอนฟุบหน้าลงกับโต๊ะมองไปยังที่ว่างข้างตัวแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานตอนออกมาจากสถานีตำรวจ เขาทิ้งคยองซูกับเซฮุนไว้ที่นั่น

     

               "ชิบหาย" คนตัวเล็กลองต่อสายหาเพื่อนสนิททั้งสองแต่ก็ติดต่อไม่ได้เขาเลยตัดสินใจโทรหาสถานีตำรวจ "ขอสายเด็กนักเรียนที่ถูกคุมตัวอยู่หน่อยครับ"

     

                [เอาคนไหนล่ะ?]

     

               "คยองซูครับ โดคยองซู" แบคฮยอนถือสายรอสักพักก็มีเสียงกุกกักดังขึ้นก่อนจะได้ยินเสียงเพื่อนเขาดังมาตามสาย

     

                [แบคฮยอนหรอ?] ปลายเสียงฟังดูตื่นเต้น

     

               "เออกูเองเซฮุน แล้วไอ้คยองซูล่ะ"

     

                [มีคนมาประกันตัวมันไปแล้ว ห่า]

     

               "ใครวะ?"

     

                [กูขอเดาว่าเป็นไอ้จงอิน เพราะกูตื่นมาแม่งก็หายไปแล้ว]

     

               "แล้วนี่มึงยังไม่ได้โทรบอกแม่หรอ"

     

                [แม่กูกำลังมามึงไม่ต้องห่วง ว่าแต่มึงเถอะ โดนพี่ชายลงโทษเป็นไงบ้าง]

     

               "ไม่เป็นไร แค่ก้นระบม สัส" พูดถึงเรื่องนี้ก็เผลอที่จะเลื่อนมือไปลูบก้นตัวเองไม่ได้ เมื่อเช้าก่อนออกจากบ้านเขาลองส่องกระจกแล้วเห็นเส้นสีแดงบวมพาดตัดกันไปมายิ่งกว่าสายไฟตามเสาไฟฟ้าซะอีก

     

                [ก้นระบมคือไรวะ? มึงโดนอะไร?]

     

               "ช่างแม่งเหอะ พูดไปก็กระดากปาก ยังไงก็โทรหากูด้วยแล้วกัน แค่นี้นะ"

     

               เด็กหนุ่มรีบวางสายเพราะอาจารย์ประจำชั้นกำลังเดินเข้าห้องมา เพื่อนคนอื่นต่างแยกย้ายไปประจำตามที่นั่งของตัวเองอย่างรวดเร็ว แบคฮยอนเห็นไม้เรียวในมือเหี่ยวนั่นก็แทบจะร้องไห้โฮ รู้สึกอยากเข้าไปกระชากแล้วทำลายมันให้สิ้นซาก ถ้ารู้ว่าใครเป็นคนคิดค้นสิ่งประดิษฐ์อานุภาพร้ายแรงขนาดนี้เขาจะสับฆาตกรคนนั้นเป็นชิ้นๆแล้วกรอกปาก

     

               อาจารย์ชเวเข้ามาพูดคุยเกี่ยวกับงานวันเกิดโรงเรียนที่จะถึงนี้ โดยมอบหมายงานให้แผนกช่างไฟฟ้าไปตกแต่งไฟบนเวทีที่จะใช้แสดงและตกแต่งน้ำพุรวมถึงสวนหย่อม

     

               "ปีแก่ๆอย่างพวกเธออย่ากินแรงน้องนะ เข้าใจไหมแบคฮยอน?"

     

               "ห้ะ? ครับ!" เจ้าของชื่อดีดหลังตรง

     

               "ช่างไฟฟ้าอย่างพวกเราต้องรักและสามัคคีกันให้มากๆ อย่าให้ใครมาดูถูกว่าเด็กช่างอย่างพวกเราใช้แต่กำลัง ครูอยู่ที่นี่มาหลายปีดีดักและก็รักพวกเราทุกคนเหมือนลูกเหมือนหลาน...บลาๆๆๆ"

     

               เด็กนักเรียนหลายคนในห้องหยิบหูฟังขึ้นมายัดหูแล้วเปิดเพลงเสียงดังกลบเสียงบ่นของอาจารย์ชเวคนขี้โม้ แม้แต่แบคฮยอนเองก็ต้องหันหลังไปขอหูฟังจากเพื่อนมาข้างหนึ่ง



     

     

     

               ระหว่างพักเที่ยงของวันแบคฮยอนลงไปกินข้าวกับเพื่อนในห้องและตามด้วยเข้าประชุมประธานช่าง เนื่องจากการเรียนการสอนของช่วงบ่ายถูกยกเลิกเพื่อให้เด็กทั้งโรงเรียนใช้เวลาทำกิจกรรมพิเศษนอกเวลา นั่นคือการช่วยคิดคอนเซปต์ของการจัดงานสถาปนาโรงเรียนในปีนี้

     

               แบคฮยอนใช้วิธีประชาธิปไตยง่ายๆโดยให้นักเรียนช่างไฟฟ้าในปกครองทั้งหมดโหวตว่าปีนี้โรงเรียนของเราจะเน้นสีอะไรเป็นพิเศษ นอกจากสีเขียวที่เป็นสีประจำโรงเรียน

     

               "สรุปว่าสีแดงนะ ปีหนึ่งพวกมึงไปทำเรื่องขอเบิกอุปกรณ์มา ส่วนปีสองก็ไปเช็คขนาดสถานที่ วัดมาให้เหลือๆหน่อย ส่วนไอ้พวกปีสามที่ก็แบ่งไปช่วยน้องอย่าอู้ ช่วยกันทำจะได้เสร็จเร็วๆ"

     

               แบคฮยอนยุ่งอยู่กับงานจนเสียงออดเลิกเรียนดังไปนานแล้วแต่เขาก็ยังคงติดลมอยู่ ถ้าไม่ได้รุ่นน้องในแผนกเดินเข้ามาบอกว่าเห็นพี่ชายเขามาด้อมๆมองๆอยู่หน้าตัวตึกคนตัวเล็กก็คงจะไม่ละสายตาออกจากงานตรงหน้า

     

               ก่อนจะเก็บของเด็กหนุ่มก็รีบโผล่หน้าออกมาให้ชานยอลเห็นว่าเขายังมีชีวิตอยู่ พี่ชายคนเก่งเดินเข้ามาช่วยขนสัมภาระไปไว้บนชั้นวางให้เรียบร้อย แบคฮยอนไม่คิดมาก่อนเลยว่าร่างสูงจะมีน้ำใจจนถึงขั้นหยิบไม้กวาดมาทำความ สะอาดห้องที่เขาใช้ทำงานบ่อยๆขนาดนี้

     

               "รกสมกับเป็นบยอนแบคฮยอนจริงๆ" ถึงปากจะบ่นไปอย่างนั้นแต่เชื่อเถอะว่าพี่ชายเขาเต็มใจที่จะทำให้

     

               แบคฮยอนทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้โดยลืมความเจ็บปวดบนร่างกายไปซะหมด 'ขอบคุณจริงๆนะ เฮ้อ~'

     

               ชานยอลลอบยิ้มมุมปากขณะที่ก้มลงหยิบรองเท้าไปวางด้านหน้าเจ้าเด็กแสบ เพราะน้องชายเขาไม่ได้เปล่งเสียงพูดแต่ใช้เสียงความคิดแทน ให้เดาว่าตัวเล็กของเขาคงเหนื่อยมากพอตัว

     

               "ใส่รองเท้าแล้วไปกินข้าวกัน..." มือหนาวางลงบนกลุ่มผมนุ่มอย่างเอ็นดู "เร็วไอ้เตี้ย"

     

     

     

               ชานยอลขับรถกินลมไปเรื่อยและจอดลงหน้าร้านอาหารแถวบ้าน เพราะวันนี้เขาขี้เกียจทำมื้อเย็นนั่นเอง

     

               แบคฮยอนนั่งเท้าคางมองออกไปด้านนอกเหมือนเช่นเคย เขาคิดหนักเรื่องคยองซูมากขึ้นทุกวัน ถึงแม้สิ่งที่ทำไปเมื่อวานมันจะไม่เห็นผลชัดนัก แต่ถ้าสังเกตดีๆ เมื่อสองสายตาได้ประสานกันมันก็พอจะอธิบายความสัมพันธ์อะไรได้มากพอ

     

               คยองซูไม่ใช่คนที่จะยอมพูดอะไรง่ายๆนั่นคือข้อดี เพราะเวลามีเรื่องไม่สบายใจอะไรเขาสามารถพูดคุยกับเพื่อนคนนี้ได้เสมอ แต่ข้อเสียก็คือเวลาเพื่อนเขามีเรื่องไม่สบายใจเจ้าตัวก็จะไม่ยอมปริปากพูดมันออกมาแม้แต่นิด

     

               "คิดมากเรื่องไอ้เพื่อนตาหลุนคนนั้นอีกแล้วหรอ"

     

               "อย่าว่าเพื่อนกูสิ"

     

               "แตะต้องไม่ได้เลยว่างั้น?" ชานยอลขึ้นเสียงสูงไม่พอใจ

     

               "ให้กูด่าเพื่อนมึงบ้างไหมล่ะ"

     

               "เอาดิ เลือกมาเลยว่าอยากด่าคนไหน จะด่าเรียงตัวเลยก็ได้นะ"

     

               "หึ่ย!" ร่างเล็กย่นจมูกใส่ โชคดีที่บริกรมาเสิร์ฟอาหารก่อนที่ทั้งสองจะวางมวยกันกลางร้าน

     

               จนถึงตอนนี้ชานยอลเองก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจะต้องสงสารไอ้ลูกหมาน้อยคนนี้ด้วย มันก็ดีแล้วไม่ใช่หรอที่เพื่อนสนิทคนนั้นของแบคฮยอนจะมีแฟน ปาร์คชานยอลคนนี้จะได้กลับมาเป็นที่หนึ่งของน้องชายตัวเองอีกครั้งเสียที

     

               แล้วทำไมเขาต้องรู้สึกแย่ที่เห็นสีหน้าและแววตาเศร้าสร้อยของแบคฮยอนด้วยนะ

     

               "อาทิตย์นี้กลับไปหายายที่บ้านกันไหม?"

     

               "ไม่น่าจะว่างอ่ะ ต้องทำงาน"

     

               "งั้นอาทิตย์หน้าเป็นไง จะสอบปลายภาคแล้ว กลับไปสูดอากาศสดชื่นกันดีกว่า"

     

               ตาเรียวของอีกคนกลอกไปมาอย่างใช้ความคิด เขาคิดถึงคุณยายและบรรยากาศท้องทุ่งไร่นาเหลือเกิน ชานยอลยักคิ้วข้างเดียวโชว์สกิลเทพที่น้องชายทำไม่ได้ระหว่างรอคำตอบ

     

               "ไปดิ ไปเย็นวันศุกร์เลยนะ"

     

              "พูดแล้วนะ"

     

              "ก็พูดแล้วไง"

     

              "ห้ามผิดนัด เข้าใจไหม? " ชานยอลชี้หน้าน้องชายได้แค่สองวินาทีคนตัวเล็กก็ปัดออก

     

              "เข้าใจแล้ว เดี๋ยวปั๊ด"

     

     

     


     

               ชานยอลรีบบิดมอเตอร์ไซด์กลับบ้านเพราะรู้สึกได้ว่าลมเย็นๆพัดมาเหมือนฝนกำลังจะตก เขาวิ่งไปรวบผ้าจากราวที่ตากเอาไว้นอกบ้านไปแขวนไว้ในบ้านแทน

     

               "กูไปทำงานก่อนนะ" เพราะมัวแต่พยายามทำให้น้องชายอารมณ์ดีเลยทำให้ชานยอลต้องขอเลื่อนนัดเพื่อนเพื่อยืดเวลา

     

               "อ้าว ฝนจะตกนะ"

     

               "เออ บิดไปแปปเดียวน่าจะทันมั้ง"

     

               "โชคดีละกัน เพราะกูว่ายังไงมึงก็ไม่น่าทัน บาย"

     

               "กูไม่ได้กลัวฝนแบบมึง เสียใจด้วย"

     

               "โอ้โห ตะเตือนไต"

     

               "ไปและ เฝ้าบ้านดีๆ" ร่างสูงถูฝ่ามือลงบนศีรษะน้องชายจนยุ่งเหยิง

     

               "รีบกลับมานะ"

     

               เมื่อพี่ชายออกไปแล้วคนตัวเล็กก็ได้แต่นอนดูรายการในทีวีอย่างแห้งเหี่ยว ฝนโปรยลงมาตอนที่ชานยอลออกจากเขตรั้วบ้านไปได้ไม่ถึงสามนาทีด้วยซ้ำ งานนี้คงชุ่มฉ่ำกันน่าดู

     

               แบคฮยอนเอาเวลาที่ใช้ไปกับการหายใจทิ้งและนั่งทำการบ้านที่อาจารย์สั่งมาอาทิตย์ที่แล้ว มันดูทุลักทุเลไปสักหน่อยที่เขาต้องมาเลื่อยแผ่นไม้เองโดยที่ไม่ถนัด แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ผ่านไปด้วยดี

     

               ในใจของแบคฮยอนหวังแค่เพียงว่าพี่ชายเขาจะรีบกลับมา แต่อีกใจหนึ่งก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ เพราะขณะนี้ทั้งลมทั้งฝนแย่งกันทำหน้าที่อย่างขยันขันแข็ง ...บางทีธรรมชาติอาจจะกำลังลงโทษคนทำผิดอยู่ก็ได้


     






















     

    TBC.
    #หัวไม้ชานแบค

    ไม่มีทอร์ค ไม่มีอารมณ์

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×