ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลมาลย์

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ (รีไรท์)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 358
      2
      5 ต.ค. 57

    บทนำ

     

     

                มีคนเคยกล่าวไว้ว่า

    "...ความรักเป็นสิ่งที่เกิดจากใจไม่อาจบังคับกันได้ ความรักที่แท้จริงคือความปรารถนาดีต่อคนที่ตนรักความยินดีที่คนที่ตนรักมีความสุข การให้อภัยเมื่อคนที่ตนรักทำผิด และการเสียสละความสุขของตนเพื่อความสุขของคนที่ตนรัก

    หากปรารถนาจะยึดครองคนที่ตนรักเพื่อความสุขของตนเองเอง เมื่อไม่สมหวังก็ใช้วิธีผิดๆในการเอาชนะความรัก เป็นความผิดและการกระทำที่เห็นแก่ตัวของตนเองโดยฝ่ายเดียว มิได้คำนึงถึงจิตใจและความรู้สึกของอีกฝ่าย หาใช่ความรักไม่ ทั้งเป็นความเห็นผิดที่เป็นอันตรายต่อบุคคลรอบข้างและสังคมเป็นอย่างยิ่ง..."

                แม้ว่ามุมมองที่แตกต่างกันของความรักสามารถทำให้เข้าใจได้ด้วยการพิจารณาว่าสิ่งใดไม่ใช่ความรัก หากความรักเป็นการแสดงออกทั่วไปของความรู้สึกทางใจในแง่บวกที่รุนแรงกว่าความชอบ 

                แต่ถ้าหากถามถึงความรักในความคิดของ แพรนารา ชาติรัตนโยธินแล้วล่ะก็...

                ความรักสำหรับเธอคือ ความรู้สึกบางอย่างในชีวิตของคนๆหนึ่งที่ต้องการใครสักคนมาอยู่เคียงข้างกัน เป็นกำลังใจให้กัน ไว้ใจกัน และไม่ทอดทิ้งกันในยามที่อีกฝ่ายมีปัญหา พร้อมที่จะเผชิญกับปัญหาเหล่านั้นไปด้วยกัน

                ความรักนั้นสามารถทำให้คนเรามีได้ทั้งความสุข ความทุกข์ ความผิดหวัง ดีใจ เสียใจ หึงหวง ลุ่มหลง ชอบ เกลียด อยากครอบครอง ความปรารถนา เจ็บ เหงา เศร้า โดดเดี่ยวและอ้างว้าง

                ทว่าความรักนั้นยิ่งดิ้นร้น ไขว่คว้าสักเท่าใด กลับยิ่งหาไม่เจอ แต่กลับกัน ถ้าหากอยู่เฉยๆ ความรักจะเป็นฝ่ายเข้ามาหาเราเอง

                ถึงแม้ว่าการรอคอยจะทำให้ คิดถึง เขาคนนั้นสักแค่ไหนก็ตาม...

     

     

    พี่รัฐ!”

    เด็กหนุ่มที่เพิ่งขึ้นชั้นปีที่สองในโรงเรียนนายร้อยตำรวจมาหมาดๆ หันมามองตามต้นเสียงอย่างแปลกใจ เมื่อเห็นว่าเป็นใครก็เผยรอยยิ้มกว้าง แพรมาที่นี่ทำไมไม่โทรบอกพี่ล่ะ

    ตรงหน้าเขาคือเด็กสาวอายุสิบเจ็ดปี เจ้าของรอยยิ้มหวานที่โชว์เหล็กจัดฟันสีฟ้าสดใสอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว ลูกสาวของเพื่อนบิดาที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดีนี่เอง

    แหม...ก็พอมาถึงที่นี่ โทรศัพท์แพรก็แบตฯหมดพอดีนี่คะ แถมลืมเอาที่ชาร์ตมาด้วย เลยกะว่าจะมาซื้อของรอพ่อสักหน่อย แต่เจอพี่พอดีเลยมาทักเจ้าตัวเอ่ยขณะที่ชี้กระเป๋าเป้ใบใหญ่ที่สะพายไว้ข้างหลังเพื่อเป็นการยืนยันว่าเธอยังไม่ได้กลับที่พักจริงๆ

    ณัธรัฐพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะเอ่ยปากอย่างใจดี งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่ง ที่บ้านคุณลุงใช่ไหม

    แพรนาราครุ่นคิดอย่างลังเล ก่อนจะตอบตกลงเมื่อนึกขึ้นได้ว่า...

    ก็ดีค่ะ เพราะตอนนี้แพรเหลือเงินแค่สองร้อยเอง

     

    แพรนาราเดินตามพี่ชายต่างสายเลือดต้อยๆอย่างคนไม่มีทางเลือกอื่น หลังเขาบอกว่าต้องเอาของไปให้เพื่อนก่อน ซึ่งเด็กสาวก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะเธอก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรอยู่แล้ว

    ก็แหงสิ...ใครจะไปกล้าขัดใจคนขับรถกันเล่า

    เด็กสาวเล่าให้ฟังระหว่างทางว่า เธอกับเพื่อนอีกสามคนตัดสินใจเข้ากรุงเทพฯมาลองสอบตรงที่มหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ แต่เมื่อมาถึง บรรดาเพื่อนรัก(หักเหลี่ยมโหด) กลับขอตัวแยกย้ายกันไปค้างที่บ้านญาติ ทิ้งให้เธอเผชิญชะตากรรมอยู่คนเดียวท่ามกลางผู้คนพลุกพล่านในเมืองหลวง

    ยิ่งนึกถึงตอนที่ยายพวกตัวแสบพวกนั้นพูดว่า เราขอโทษจริงๆนะ คือเราบอกป้าแล้ว แต่ป้าไม่ยอมให้ค้างที่อื่น...’

    หันไปยังเพื่อนอีกคน เราก็ต้องไปนอนที่บ้านตาเหมือนกันอ่ะแพร...’

    กะพริบตาปริบๆใส่เพื่อนคนสุดท้ายก็... ‘เราก็เหมือนกัน แต่แพรไปนอนกับเราก็ได้นะ เดี๋ยวเราขอลุงให้

    แล้วใครจะกล้าไปนอนค้างบ้านญาติของเพื่อนให้ขัดบรรยากาศความสุขของครอบครัวเขากันเล่า ด้วยสายเลือดขี้เกรงใจคนอื่นในตัวสูง เลยพูดกลับด้วยสีหน้าไม่ทุกข์ร้อนว่า ไม่เป็นไร เราก็จะไปนอนค้างบ้านพ่อที่อยู่กรุงเทพฯเหมือนกัน ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ

    ...สุดท้ายก็จบลงด้วยการยืนรอพ่อมารับเป็นชั่วโมงอยู่ห้างฯนี่ไง

    เด็กสาวชะงักเมื่อเหลือบไปเห็นคนที่กำลังฟังเธอบ่นอย่างเงียบๆมาตลอดทาง เม้มปาก และมองเธอด้วยแววตาขบขัน

    นี่ไม่ใช่เรื่องตลกเลยนะคะคุณพี่ชาย!

    พี่รัฐ” ...น้ำเสียงเหี้ยมนิดหนึ่ง

    อะ...เปล่าๆ พี่ไม่ได้ขำนะ พี่แค่...ไม่เคยเห็นเราบ่นเยอะขนาดนี้มาก่อน รู้ตัวหรือเปล่าว่าแพรพูดตั้งแต่ชั้นหนึ่งจนตอนนี้เราอยู่ชั้นสี่แล้ว

    แพรนาราอ้าปากค้าง พลางคิดตาม

    ...บ่นเยอะจริงๆด้วยสิ

    แต่กระนั้นก็ลอยหน้าลอยตาบอก แพรเปล่าบ่นนะ แค่ระบายเฉยๆ...เป็นหลักการทางจิตวิทยาอย่างหนึ่งนะคะ ที่พูดระบายออกไปแล้วจะสบายใจขึ้น

    ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ก็สบายใจแล้วสิ

    ยังค่ะ จนกว่าพี่รัฐจะพาแพรไปที่ร้านหนังสือและร้านไอศกรีม

    ณัธรัฐหัวเราะ ข้อดีของแพรนาราคือเป็นคนที่ไม่คิดมาก หากไม่สบายใจก็แค่เล่า แล้วก็ลืม ต่างจากผู้หญิงคนอื่นที่มักจะฝังใจและใช้เวลาลืมยากพอสมควร ทำให้ทุกคนที่อยู่รอบข้างรู้สึกผ่อนคลายเพราะความที่เป็นคนไม่คิดอะไรเลยนั่นเอง

    จะว่าไป...ถ้าน้องสาวเขาเกิดเป็นผู้ชาย คงจะเป็นคู่หูเขาได้ไม่ยาก แต่เพราะเธอเกิดเป็นผู้หญิง เขาจึงมีหน้าที่ปกป้องดูแลราวกับน้องสาวในไส้ ถึงแม้ว่าเด็กสาวจะแสดงออกชัดเจนว่าเข้มแข็งพอที่จะดูแลตัวเองได้ก็ตาม เขาก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดี

    แต่บางครั้ง...ก็ทำให้คนอื่นเข้าใจผิดได้ง่ายๆเช่นกัน

    ณัธรัฐหยุดเดินอยู่ที่หน้าร้านขายเสื้อผ้า เด็กสาวก็หยุดเช่นกัน

    ตกลง งั้นเดี๋ยวพี่โทรหาเพื่อนแป๊บหนึ่งแพรนารามองตามเด็กหนุ่มที่เดินแยกไปคุยโทรศัพท์ แล้วหันกลับมามองรอบตัวด้วยความเคยชิน

    แม้คนอื่นจะชอบว่าเธอ อยู่ไม่นิ่งหรือ สมาธิสั้นที่ชอบเหลียวมองนู้นนี่นั่นอยู่เสมอ แต่เธอมักเถียงกลับว่า ช่างสังเกตต่างหากล่ะ ที่เธอกำลังเป็นอยู่

    โอเค...จะเรียกว่าสมาธิสั้นก็ได้ แต่มันเป็นมาตั้งเกิดนี่นา

    นั่น ร้านหนังสือนี่...  แพรนาราหยุดสายตาที่ร้านหนังสือชื่อดังที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ แล้วนึก

    ...ได้เอาบัตรสมาชิกมารึเปล่านะ ถ้าใช้บัตรก็ได้ส่วนลดตั้งสิบเปอร์เซ็นต์ แถมวันนี้ก็เป็นวันเสาร์เสียด้วย ได้ส่วนลดเพิ่มอีกห้าเปอร์เซ็นต์ รวมๆก็ได้ส่วนลดประมาณสิบห้าเปอร์เซ็นต์...

    เด็กสาวรีบคว้ากระเป๋าสะพายมาค้น... ทีเวลาหาของนี่หายากจริงนะ โทรศัพท์ หูฟัง ไอพอด แว่นสายตา หวี สมุดเล่มเล็ก แล้วกระเป๋าตังค์อยู่ไหนกัน!

    เพราะมัวแต่สนใจอยู่กับการหาของในกระเป๋า จึงไม่ได้สนใจกลุ่มเด็กอนุบาลที่วิ่งเล่นอยู่รอบๆ ทว่าเด็กคนหนึ่งวิ่งไปชนกับหุ่นเสื้อผ้าอย่างแรง จนหุ่นโอนเอนและทำท่าว่าจะล้มลงมาทางแพรนาราที่ยืนค้นกระเป๋าอยู่ข้างหุ่น!

    วินาทีที่ณัธรัฐที่ยืนห่างออกไปประมาณสี่ห้าเมตรหันหน้ามาและเห็นเหตุการณ์พอดิบพอดี เป็นเวลาเดียวกับที่ใครคนหนึ่งพุ่งเข้ามารวบตัวเด็กสาวออกจากบริเวณนั้นได้ทัน และหุ่นตัวนั่นก็ล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรง!

    แพรนารานิ่งอึ้ง ข้าวของในกระเป๋าตกกระจัดกระจายทั่วพื้น ขณะที่กำลังหากระเป๋าตังค์อย่างเอาเป็นเอาตาย จู่ๆก็มีคนคว้าแขนและกระชากตัวเธออย่างรวดเร็ว และเพิ่งบางอ้อก็ตอนที่เห็นหุ่นที่เคยตั้งอยู่ข้างๆ บัดนี้กลับลงไปนอนแผ่กับพื้น ทิ้งให้ผู้คนบริเวณนั้นใจหายใจคว่ำกับเสียงกระแทกเมื่อครู่

    เธอกลืนน้ำลาย คำนวณน้ำหนักของหุ่นตัวนั้นในใจ ถ้าหากว่าไม่มีคนมาช่วยไว้ทันเวลาล่ะก็... คงได้น่วมกันแน่งานนี้

    ว่าแล้วก็เพิ่งได้สติ เมื่อรับรู้ถึงลมหายใจที่รดอยู่ข้างใบหู แพรนาราก้มมองมือใหญ่ที่จับข้อมือเธอแน่น ขณะที่หลังเธอพิงอยู่กับอกกว้างของผู้มีบุญคุณอย่างแรง ซึ่งเหมือนโอบกอดกันอยู่ และนั่นทำให้เธอรู้ว่า...เป็นผู้ชาย

    แพรนารารีบผละออกอย่างรวดเร็ว และอีกฝ่ายก็เหมือนจะรู้และหายตกใจแล้วเช่นเดียวกัน จึงปล่อยข้อมือเธอเป็นอิสระ และเปิดโอกาสให้เธอได้เก็บของที่หล่นอยู่บนพื้น ระหว่างนั้นเธอก็ลอบมองผู้ชายคนนั้นไปด้วย

    รองเท้าผ้าใบสีขาวน้ำเงิน กางเกงยีนส์สีเข้ม เสื้อยืดสีขาวสวมทับด้วยเสื้อเชิ้ตยีนส์ ...ยี่ห้อเสียด้วย คราวนี้เธอเงยหน้ามองอย่างโจ่งแจ้งด้วยความอยากรู้อยากเห็นใบหน้าคมคายนั่นดูดีจนน่ากลัว ทว่ายังให้ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด แต่ที่น่ากลัวกว่าคงเป็นสายตาที่มองมาอย่างรู้ทันมากกว่า!

    แพรนารารีบหลบสายตาพลัน พลางคว้าสมุดแล้วรีบหย่อนลงกระเป๋าอย่างรวดเร็ว

    เจ็บตรงไหนกันหรือเปล่า

    เสียงของณัธรัฐทำให้แพรนาราเงยหน้าขึ้นมองอีกครั้ง เธอขมวดคิ้วเมื่อสังเกตเห็นว่าสายตาของเขาไม่ได้มองที่เธอคนเดียว แต่มองเลยไปที่ผู้ชายที่ช่วยเธอไว้ด้วย

    หรือว่า...

    แกมาช้า

    ...ชัดเจน

    ฉันหาที่จอดรถนานนิดหน่อย แกก็รู้ว่าวันนี้ต้นเดือน

    แพรนาราได้แต่มองทั้งสองหนุ่มคุยกันตาปริบๆ พวกเขาคงลืมไปแล้วว่าเธอยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้

    นี่แพร น้องสาวฉัน ส่วนนี่ธัน เพื่อนที่พี่เคยเล่าให้ฟังบ่อยๆไง ตอนนี้เรียนแพทย์ปีสอง มหาวิทยาลัยที่เราจะไปสอบนั่นแหละ”  ถึงว่าสิ...รู้สึกคุ้นๆหน้าชอบกล รู้จักกันผ่านการบอกเล่าของณัธรัฐนั่นเอง...

    เออ ฉันขอบใจแกมากนะ ที่ช่วยยายแพรดวงตาคมเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ อือ

    ใช่ว่าเธอจะไม่รู้ว่าเขาต้องการจะสื่ออะไร จึงเอ่ยเสียงอ่อยที่ลืมกล่าวขอบคุณ “...ขอบคุณค่ะ ที่ช่วย

    เขาพยักหน้า เด็กสาวจึงละความสนใจไปที่หุ่นนั้นอีกครั้ง เลยเห็นตัวต้นเหตุยืนก้มหน้าอยู่ข้างๆ ผู้หญิงที่คาดว่าเป็นมารดาของเด็ก หล่อนเงยหน้าประสานสายตากับเธอพอดี แล้วรีบก้าวเข้ามา

    ขอโทษจริงๆนะคะ ลูกของฉันซนไม่เข้าท่า  ขอโทษพี่เขาเดี๋ยวนี้นะเสียงผู้เป็นแม่เข้มขึ้นทันใด เมื่อหันไปบอกลูก เด็กน้อยก้มหน้านิ่ง ปากเริ่มเบะออก น้ำตาเริ่มคลอ สาเหตุคงมาจากที่ถูกมารดาดุ ผะ...ผมขอโทษค้าบ คราวหน้าผมจะระวังค้าบ

    ...ตามบทที่แม่ให้พูดเป๊ะเลยสินะ

    ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ยังดีที่ไม่มีคนบาดเจ็บ เอ่อ อย่าร้องนะครับ พี่ไม่เป็นอะไรเลยเห็นไหม อย่าร้องนะคนเก่งท้ายประโยคเธอหันไปพูดกับเด็กชายเมื่อเห็นว่าเริ่มมีน้ำตาหยดลงมาจากดวงตาคู่เล็ก

    แพรนาราก้มนั่งยองๆ แล้วเอามือปาดน้ำตาให้แผ่วเบา โอ๋ๆ เป็นผู้ชายต้องไม่ร้องไห้นะครับ หนูต้องเข้มแข็ง ไม่อย่างนั้นจะปกป้องผู้หญิงได้ยังไง

    คราวนี้เธอทำให้เขาหยุดร้องได้สำเร็จ เด็กชายเริ่มคล้อยตาม

    จริงเหรอครับ ถ้าผมไม่ร้องไห้ แล้วผมจะปกป้องไข่หวานได้ใช่ไหมครับดวงตาคู่นั้นจ้องแป๋วไปยังเด็กสาวอย่างคาดหวัง เธอหลุดยิ้ม

    ...ไข่หวานนี่คงเป็นหนึ่งในกิ๊กของเด็กตรงหน้าเธอล่ะสิ

    แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเอ่ยอย่างมีเลศนัย พี่ก็ยังยืนยันไม่ได้หรอกนะ ตราบใดที่เรายังร้องไห้อยู่แบบนี้ เอางี้สิ เลิกร้อง แล้วตั้งใจเรียนนะครับ พี่รับรองว่าน้องไข่หวานต้องชอบหนูแน่เลย

    ในขณะที่เด็กสาวคุยอยู่กับเด็กชายตัวน้อย ผู้เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุเล็กๆนี้ขึ้น จึงไม่ทันสังเกตดวงตาคู่หนึ่งซึ่งลอบมองเธอมาตั้งแต่ต้น

    ความจริงเขาก็เคยได้ยินเรื่องราวของเด็กสาวที่ชื่อ น้องแพรมามากมาย จากเพื่อนสนิทตัวดีที่เหมือนจงใจเล่า(กรอกหู)ให้ฟังเกือบทุกสัปดาห์ และไหนจะยังรูปถ่ายที่ขยันส่งมาให้ดูเป็นประจำจนเขาเริ่มเบื่อ เช่นเมื่อวาน...

    ไอ้ธัน!’

    ธาวินซึ่งอยู่ในเครื่องแบบนักศึกษา เงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือเล่มหนาที่นั่งอ่านคนเดียวในร้านกาแฟเจ้าประจำในมหาวิทยาลัย ก่อนถามอย่างงุนงง แกมาที่นี่ทำไมวะ

    ฉันมีอะไรจะให้แกช่วยหน่อย...’

    เขาดักคอ ถ้าเป็นเรื่องยายน้องแพรนั่น ฉันไม่รับปาก เป็นดังคาด เมื่อเพื่อนรักทำหน้ายุ่ง แล้วขมวดคิ้ว ทำไมวะ

    ชายหนุ่มถอนหายใจ ก็ทุกครั้งที่แกขึ้นต้นประโยคมาแบบนี้ ก็ไม่พ้นเรื่องน้องแพรนี่ทุกทีน่ะสิ ถามจริงเถอะ แกชอบเขารึเปล่า

    ทันทีที่พูดจบประโยค ณัธรัฐก็รีบปฏิเสธเสียงดัง เฮ้ย จะบ้าเหรอวะ ยายแพรเป็นน้องสาวที่สนิทที่สุดของฉัน เล่นหัวกระโดดน้ำคลองด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ฉันไม่มีทางคิดแบบนั้นกับน้องตัวเองแน่ดวงตาของเขาฉายแววมั่นอกมั่นใจ

    แล้วทำไมเวลาวันเกิด วันครบรอบ วันปีใหม่ สารพัดโอกาสสำคัญ แกต้องมีเรื่องมาให้ฉันช่วยเลือกของขวัญส่งไปให้ทุกครั้งเลยวะ แกคิดอะไรอยู่กันแน่คราวนี้ธาวินจ้องหน้าอย่างจับผิด ถ้าไม่คิดอะไรเกินเลยก็แสดงว่าต้องมีอะไรสักอย่างที่เขาไม่รู้อยู่แน่ๆ ยิ่งเห็นณัธรัฐหลบตาก็ยิ่งเพิ่มความมั่นใจในความคิดนี้

    เอาน่า...’ หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็เอ่ยต่อ ฉันรู้แต่ว่ามันเป็นผลดีต่อทุกฝ่ายว่ะ โดยเฉพาะพวกแกสองคน

    ยังไงยิ่งพูดก็ยิ่งงงเข้าไปใหญ่

    เอาเป็นว่าพรุ่งนี้เดี๋ยวฉันจะเอาของไปให้แก ที่เดิมนะ เวลาเดี๋ยวบอกอีกที

    พูดจบ ณัธรัฐก็ลุกเดินหนีออกไปเฉยๆ ทิ้งให้ชายหนุ่มได้คิดตาม

     

    ทว่าพอได้มาเจอตัวเป็นๆ ก็ให้ความรู้สึกคุ้นเคยกันอย่างประหลาดเหมือนกัน คงเป็นเพราะนิสัยใจคอและอะไรหลายๆอย่างที่รู้จักผ่านทางณัธรัฐ และแม้จะรู้ว่าเป็นผู้หญิงที่น่าตาดีพอสมควร(เท่าที่เห็นมาจากในรูป) แต่พอมาเจอตัวจริงก็...เอ่อ ก็ดูดีกว่าในรูปหน่อยหนึ่ง

    โอเค...ก็น่ารักกว่าในรูปนิดหนึ่ง โดยเฉพาะรอยยิ้มซื่อๆ และดวงตาคู่นั้นที่ฉายชัดออกมาถึงความเป็นมิตร

    ย้อนกลับไปเมื่อสิบห้านาทีที่แล้ว ขณะที่เขากำลังคุยโทรศัพท์กับณัธรัฐอยู่ หางตาก็เหลือบไปเห็นเด็กวิ่งเล่นอยู่พอดี เมื่อไม่มีอะไรผิดสังเกตก็กำลังจะหันหลังไปอีกทาง หากใครคนหนึ่งที่ง่วนอยู่กับกระเป๋าก็เรียกสายตาเขาไปเสียก่อน

    ...หน้าตาคุ้นๆ

    แต่ยังไม่ทันได้คิดอะไร ก็เห็นว่าเด็กนั่นวิ่งชนหุ่นเสียก่อน และหุ่นตัวใหญ่ที่คาดว่าน้ำหนักราวๆเกือบห้าสิบกิโลฯกำลังเอนลงมาโดยที่เจ้าตัวยังคงไม่รับรู้ คงเป็นสัญชาตญาณของผู้ชายกระมั้ง ที่ทำให้สองขาก้าวเข้าไปและกระชากเธอออกจากตรงนั้นทันที!

     

    หลังจากที่เคลียร์และแยกย้ายกับเด็กชายแล้ว แพรนาราก็หันกลับมาทางชายหนุ่มทั้งสองคน ณัธรัฐเอ่ย แพรรอพี่แป๊บหนึ่งนะ เดี๋ยวพี่ไปห้องน้ำก่อน ส่วนแก รอก่อน เดี๋ยวเอาของมาให้เด็กสาวพยักหน้ารับรู้ ก่อนยืนนิ่งอยู่ข้างๆเพื่อนของพี่ชายต่างสายเลือด ก่อนจะเห็นจากหางตาว่าเขาก็ยืนนิ่งก็เช่นกัน

    ...นิ่งจัง เธอยิ่งเข้าหาคนไม่เก่งเสียด้วยสิ

    หลังจากที่ตกอยู่ในความเงียบครู่หนึ่ง เธอก็เริ่มอึดอัด พลางลอบมองร้านหนังสือที่เล็งไว้ตั้งแต่ต้นเป็นระยะๆ แต่กิริยานั้นไม่อาจเล็ดลอดสายตาของธาวินไปได้

    อยากไปเหรอ

    คะ?” แพรนาราสะดุ้งในใจ เมื่อจู่ๆเขาก็พูดขึ้นมาแบบไม่ให้สุ่มให้เสียง

    ร้านหนังสือนั่น...อยากไปเหรอเขาหันมาสบตาเธอ แม้จะเป็นเหมือนคำถามลอยๆ แต่เธอก็สัมผัสได้ว่าเขาอยากรู้จริงๆ

    ก็...ค่ะ

    ก็ไปสิเขาเอ่ยอย่างง่ายดาย ในขณะที่เธอหลุดเอ่ยปากไปอย่างไม่ทันคิด แล้วพี่ล่ะคะ

    กว่าแพรนาราจะรู้สึกตัวก็ตอนที่ชายหนุ่มเลิกคิ้ว ทำไม

    ก็...ถ้าแพรไปร้านหนังสือ แล้วพี่ธันจะทำอะไรล่ะคะเขาพยักหน้า ...ที่แท้ก็กลัวเขายืนเก้ออยู่คนเดียวนี่เอง

    ใบหน้าจิ้มลิ้มนั่นมองเขาอย่างรอคอยคำตอบ และผลักดันให้เขาพูดออกไปอย่างนึกสนุกว่า...

    คงให้เรายืมเงินไม่ก็บัตรสมาชิกมั้ง

    ธาวินหลุดยิ้มเมื่อเห็นปากเล็กๆนั่นอ้าค้าง โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว

    “...พี่รู้เหรอคะเด็กสาวยังไม่ยอมหุบปากเข้า ...รู้ได้ยังไงเนี่ย!

    อือ ก็...เดาเอา เห็นยืนค้นกระเป๋าอยู่แถวๆร้านหนังสือ แถมยังลอบมองขนาดนั้น ก็คงเพราะไม่มีเงินไม่ก็ไม่มีบัตรสมาชิกมั้ง ไม่อย่างนั้นคงเดินเข้าไปตั้งนานแล้ว เห็นรัฐชอบพูดให้ฟังอยู่ว่าเรางก

    เรียกว่ารู้จักใช้เงินอย่างประหยัดต่างหากเล่า! อย่าให้ถึงทีแพรนะพี่รัฐ ขายกันอย่างนี้เลยเหรอ ฮึ้ย!

    แล้วดูคนที่กล่าวหาว่าเธองกสิ ทำหน้านิ่งๆแต่พูดจาทำร้ายกันแบบนี้ น่าหมั่นไส้เสียจริงๆ... เมื่อคิดแบบนั้นก็พาลไม่รู้ตัว หน้าบูดบึ้งขึ้นมาทันที งั้นแพรไปก่อนนะคะ

    ...อยู่นานๆเดี๋ยวเผลอเถียงกับคนขี้เก๊ก เก๊กหน้านิ่งอยู่ได้ คิดว่าหล่อนักเรอะ! เอ่อ ก็หล่ออยู่นั่นแหละ แต่เพราะอย่างนั้นไม่ใช่เหรอ เธอถึงหมั่นไส้นิดๆ

    แต่เขาก็กล่าวทิ้งท้ายให้เธอได้เข่นเคี้ยวในใจรอบสอง

    ถ้ายังอยากยืมก็เรียกได้นะ รออยู่ตรงนี้แหละ

    ...หวังดีประสงค์ร้ายชัดๆ!

     

    แพรล่ะธาวินหันกลับมาหาเพื่อนแล้วตอบ ร้านหนังสือณัธรัฐพยักหน้า ก่อนจะยื่นกล่องสีครีมขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือเล็กน้อยมาให้

    เขารับมา ก่อนจะเปิดดู ดอกคาร์เนชั่น?”

    ในมือของธาวินคือดอกคาร์เนชั่นสีชมพูหนึ่งดอก และการ์ดเล็กๆอีกสองสามใบ เมื่อเปิดดูก็พบว่าเป็นลายมือยึกยือเขียนไว้ว่า

    จะปีใหม่แล้ว ขอให้ทุกคนมีความสุขมากๆด้วยเถอะ สาธุ

                                                       แพรนารา

    ในการ์ดอื่นๆก็เป็นรูปวาดเหมือนจริง ทั้งรูปต้นไม้ ดอกไม้ ท้องฟ้า และรูปสถานที่ต่างๆที่เด็กสาวจดจำและบันทึกความทรงจำเล่านั้นลงผ่านดินสอสีและกระดาษแผ่นเล็ก ธาวินอึ้ง ก่อนจะเงยหน้าถาม

    แกเอามาให้ฉันทำไม

    ณัธรัฐเพียงแค่ยิ้ม ก่อนจะตบบ่าเพื่อนเบาๆ ฉันฝากด้วยนะเว้ย เดี๋ยวสักวันแกก็จะรู้เองเขาพูดแค่นั้น และเดินเข้าไปในร้านหนังสือโดยที่ไม่ฟังเสียงเรียกของธาวินอีก

    ฝาก...ฝากอะไรวะชายหนุ่มพึมพำ ขณะที่สายตาก็จับจ้องดอกไม้สีหวานในมืออย่างครุ่นคิด

     




     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×