ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลมาลย์

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 (รีไรท์)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 242
      1
      18 พ.ค. 58

    บทที่ 1

     

    “...ให้

    เหมือนนาฬิกาหยุดเดินไปชั่วขณะ เธอรับมาแล้วก้มมองสิ่งที่อยู่ในมือ แพรนาราชะงัก เมื่อเธอเห็นสิ่งของในมืออย่างเต็มตา

              ...ดอกคาร์เนชั่นสีชมพู

              แพรนาราเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขาที่ยืนมองเธอนิ่งอยู่เช่นกัน นี่เขาจะรู้ความหมายของมันบ้างไหมนี่ ถึงยื่นมาให้หน้าตายแบบนี้!

              ชอบไหม...” แพรนาราแทบจะอ้าปากค้าง

              ก็ไม่ใช่เพราะเขารู้หรอกเหรอ ว่าเธอชอบดอกคาร์เนชั่น แล้วยังมาถามว่าชอบไหมเนี่ยนะ?

              “...ให้ทำไมคะแพรนาราเลี่ยงไม่ตอบคำถาม

              ธาวินเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ย ไว้ดูต่างหน้า เราคงไม่ได้เจอกันอีกนานแพรนาราชะงัก แล้วเหลือบมองของในมือด้วยความรู้สึกอธิบายไม่ถูก

              โอ้ย...ไม่รู้ว่าจะทำหน้าอย่างไงดี ชอบทำให้เธอทำตัวไม่ถูกจริงๆเลย!

              งั้น...แพรไปนะเธอพึมพำ แล้วหันหลังเตรียมเดินกลับไปที่รถ ทว่าเสียงทุ้มข้างหลังกลับเอ่ยขึ้นเสียก่อน

              พี่จะไม่พูดว่าลาก่อนหรอกนะ...แพร

              ขาที่กำลังจะก้าวพลันชะงัก เมื่อเขาเอ่ยแทนตัวเองว่าพี่ แล้วเรียกเธอว่าแพร...ซึ่งนานๆทีจะได้ยิน ครั้นหันไปมอง ก็พบว่าเขาเดินจากไปแล้ว...แพรนาราก้มมองดอกไม้ในมืออีกครั้ง

              ฉันก็...จะไม่พูดคำนั้นเหมือนกัน

              ดอกคาร์เนชั่นสีชมพู...หัวใจที่มีรัก

     

     

              เสียงจ้อกแจ้กรอบบริเวณที่เธอก้าวลงจากรถ ทำให้หญิงสาวกระชับแฟ้มในมือแน่น แล้วก้าวยาวๆไปยังจุดหมายพร้อมกับผู้ช่วยสาวที่เพิ่งก้าวลงมาจากรถเช่นกัน

              เมื่อคืนเธอฝัน...ฝันเรื่องที่เคยเกิดขึ้นเมื่อสิบปีก่อน แม้จะผ่านมาสิบปีแต่แพรนาราก็ยังจำได้แม่นราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน

              และนั่นเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิด ส่วนอีกสาเหตุหนึ่งก็คือการที่เธอถูกเรียกตัวมาตั้งแต่เช้าตรู่ เพราะแทนที่เช้าวันอาทิตย์เธอจะได้นอนหลับอยู่บนเตียงนุ่มๆที่มีแสงแดดส่องเข้ามาเล็กน้อย เมื่อตื่นก็ชงกาแฟหอมกรุ่นจิบไปพลางๆพร้อมกับอ่านหนังสือเล่มโปรด พอตกบ่ายก็จัดบ้านและเข้าครัวทำอาหารในรอบหนึ่งเดือน

              แต่ทั้งหมดนั่นก็เป็นได้แค่ในจินตนาการ เพราะเธอรู้ดีว่าถ้าถูกเรียกตัวมาแบบนี้แล้วล่ะก็...คงได้กลับอีกทีตอนตะวันลับขอบฟ้านู้น...

              คุณหมอคะ...” แพรนาราหันไปทางต้นเสียง แล้วพยักหน้าเมื่อเจ้าหล่อนเอื้อมมือมารับแฟ้มไป อันเป็นหน้าที่ของตน

    ทั้งสองต้องเดินฝ่าเข้าไปท่ามกลางผู้คนมากมายในหมู่บ้านที่มามุงดูเหตุการณ์อาชญากรรมที่เกิดขึ้น

    ใช่...เธอถูกเรียกตัวมาเพราะมีคนแจ้งเข้ามาว่ามีคนตายในหมู่บ้านแห่งนี้...นั่นคือหน้าที่ของแพทย์นิติเวชฯอย่างเธอ

    ขอโทษนะคะ ขอทางหน่อยค่ะ...คุณตำรวจคะ พวกเรามาจากนิติวิทยาศาสตร์ค่ะเสียงใสของผู้ช่วยสาวร้องเรียกคนในเครื่องแบบ เมื่อเห็นว่าพวกเขากำลังจะเดินเข้าไปในบ้าน

    เมื่อเธอยื่นบัตรให้ดู คนที่แพรนาราคาดว่าเป็นผู้นำกลุ่มตำรวจ ก็เดินออกมาแล้วโค้งให้ เท่านั้น ผู้ช่วยสาวก็เริ่มทำหน้าที่ของตนทันที นี่คือแพทย์หญิงแพรนารา คนที่นิติวิทยาศาสตร์ส่งมาค่ะ และฉัน...อนัญญา ผู้ช่วยของคุณหมอค่ะเสียงใสพูดอย่างฉะฉานเพราะถูกฝึกมาเป็นอย่างดี

    เมื่อแพรนาราเรียนแพทย์ฯ จนจบ เธอก็บินไปเรียนต่อเฉพาะทางนิติวิทยาศาสตร์ที่ต่างประเทศอีกสามปี พอจบก็มาเข้าทำงานอยู่ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์แห่งนี้ สรุปคือเธอทำงานที่นี่มาหนึ่งปีแล้ว

    อนัญญาหรืออัญ ผู้ช่วยสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม ตัวเล็กแต่คล่องแคล่ว นิสัยดีและห่วงคนอื่นก่อนตัวเองเสมอ เธอทำงานได้ดีราวกับเป็นเลขาส่วนตัวของแพรนารา ทั้งสองมักจะตัวติดกันเสมอเวลาออกนอกพื้นที่ เรียกได้ว่ามีแพรนาราที่ไหนก็มีอนัญญาที่นั่น เธอทำงานควบคู่กับเรียนปริญญาโท แต่ถึงอย่างนั้นการเรียนก็สำคัญเท่ากับเรื่องงาน เพราะเธอบริหารจัดการเวลาได้ดีมากจนแพรนาราอดชื่นชมไม่ได้

    อัญนี่เก่งนะ ทำงานควบคู่กับเรียนแต่การเรียนไม่ตกเลยแพรนาราเอ่ยปากชมอย่างจริงใจ

    อนัญญยิ้มเขิน แล้วโบกมือ ไม่หรอกค่ะพี่แพร พี่แพรเก่งกว่าตั้งเยอะ จบปริญญาเอกตั้งแต่อายุไม่ถึงสามสิบด้วยซ้ำ

    แพรนาราเลิกคิ้ว แย้งอย่างไม่จริงจังนัก พี่ยังไม่จบสักหน่อย

    แต่ก็ใกล้จบแล้วนี่คะ ต่อไปพี่แพรก็จะเป็น ด็อกเตอร์แพทย์หญิงแพรนารา ชาติรัตนโยธิน คุณหมอประจำสถาบันนิติวิทยาศาสตร์สาวแสนสวย แต่เอ...ทำไมป่านนี้ถึงยังไม่มีแฟนก็ไม่รู้ หรือว่าทำแต่งานจนลืมเรื่องหัวใจไปคะอนัญญาแซวยิ้มๆ

    แพรนาราชะงักเล็กน้อย แล้วคลี่ยิ้ม สำหรับพี่ตอนนี้เรื่องงานสำคัญที่สุดจ้ะ ส่วนเรื่องอื่น...พี่ยังไม่ได้คิดหรอก

    ไม่ใช่ว่าอนัญญาคิดจับผิดคุณหมอคนสวยของตน แต่บางครั้งสีหน้าของคุณหมอสาวยามเห็นดอกคาร์เนชั่นที่เธอนำมาจัดแจกัน ทำให้เธออดรู้สึกแปลกใจไม่ได้

    ...เหมือนกำลังรอคอยใครสักคนอย่างนั้นแหละ

     

    ศพของผู้ตาย ทางตำรวจสันนิฐานว่าเสียชีวิตมาห้าชั่วโมงแล้วครับเสียงของบุคคลในเครื่องแบบ หยุดความคิดทั้งหมดของทั้งสองลง แพรนาราพยักหน้าเบาๆเมื่อเขาอาสาพาเข้าไปดูที่เกิดเหตุ

    ภาพที่เห็นทำให้สองสาวแห่งนิติวิทยาศาสตร์ชะงักและพลอยรู้สึกหดหู่ไปด้วย...ถึงแม้ว่าจะเจออะไรแบบนี้ทุกวัน หรือจะทำใจให้ ชินแต่เนิบๆไว้แล้วก็ตาม แต่คงไม่มีใครอยากเห็นร่างไร้วิญญาณแบบนี้แทบทุกวันหรอกนะ!

    เจ้าของร่างไร้วิญญาณตรงหน้าเป็นผู้หญิงรูปร่างได้สัดส่วน ผมสีดำยาวสลวยถูกเกล้าขึ้น ทว่าในตอนนี้กลับหลุดลุ่ยลงมาและยุ่งเหยิงพอสมควร บ่งบอกว่ามีร่องรอยผ่านการต่อสู้มาอย่างหนักหน่วง และสภาพเสื้อผ้าที่...ไม่ค่อยจะเรียบร้อยเท่าไรนัก

    จะเรียกว่า เกือบเปลือยเลยก็ได้

    แพรนาราละสายตาจากศพตรงหน้า เมื่อตำรวจหนุ่มกล่าวขึ้น จากข้อมูลที่ได้จากการสอบถามชาวบ้านแถวนี้...ผู้ตายได้เช่าบ้านอยู่ที่นี่เป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้ว และจะกลับมาพักที่นี่ในบางวันเท่านั้น...”

    ตำรวจหนุ่มชะงัก แล้วเอ่ยต่อยิ้มๆ เอ้อ ผมลืมแนะนำตัว ผม...ร้อยตำรวจโทยศวินครับ เรียกผมว่าหมวดยศก็ได้ครับ

    แพรนารายิ้มรับ ค่ะ

    ถ้ายังไงแล้ว หากมีความคืบหน้าอะไรเพิ่มเติม เดี๋ยวผมจะแจ้งไปอีกทีนะครับแพรนาราพยักหน้ารับและกล่าวขอบคุณ ก่อนที่หางตาจะสังเกตเห็น อะไรบางอย่างเข้าเสียก่อน

    แพรนาราหันกลับไปทางผู้ช่วยสาวและกำลังจะถามว่าตนตาฝาดไปหรือเปล่า หากแต่หล่อนกำลังจดข้อมูลด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอยู่ข้างศพผู้ตาย แพรนาราจึงเลือกเดินออกมา

    ถ้ามองไม่ผิด เธอคิดว่าเธอเห็นกองเลือดสีแดงสดอยู่บนหลังคาบ้านหลังตรงข้าม!

    เอาน่า...เพื่อความแน่ใจ

    แพรนาราหันซ้ายหันขวาเพื่อมองหาวิธี ปีนขึ้นไป แล้วก็เห็นบันไดพิงไว้อยู่ข้างรั้วบ้าน ปลายอีกด้านพาดอยู่บนหลังคาบ้าน เธอเอ่ยขออนุญาตเบาๆ แล้วจัดแจงปีนขึ้นไปอย่างเงียบเชียบ...

    ต้องขอบคุณตำรวจที่กันผู้คนไม่ให้ออกนอกสถานที่ ทำให้ไม่มีคนหันมาสนใจเธอ และต้องโทษความช่างสังเกตและความอยากรู้อยากเห็นเกินเหตุ ที่ทำให้คุณหมอสาวจากนิติวิทยาศาสตร์เกิดอยากปีนขึ้นไปเล่นบนหลังคาชาวบ้านชาวช่องเขาขนาดนี้!

    เมื่อปีนไปจนเกือบถึงขั้นสุดท้าย แพรนาราก็แทบจะกระโดดโลดเต้นเสีย ถ้าไม่ติดว่ายืนอยู่บันไดแล้วล่ะก็

    เพราะว่าเธอเจอ มันเข้าจริงๆน่ะสิ!

    คุณกำลังทำอะไร

    แพรนาราสะดุ้งโหยง รีบเก็บอาการและปรับสีหน้าราบเรียบทันใด ค่อยๆปีนลงมาอย่างระมัดระวัง

    ฉันเห็นบางอย่างผิดสังเกตนิดหน่อยอยู่ข้างบนน่ะ...” คำว่า ค่ะกลืนหาเข้าไปในลำคอ เมื่อหันกลับมาเห็นชายหนุ่มข้างหลังอย่างเต็มตา ถึงแม้ว่าเขาจะสูงขึ้น ใบหน้าคมเข้มขึ้น และเป็นผู้ใหญ่ขึ้นแต่เธอกลับจำเขาได้ขึ้นใจ

    คุณ...”

    ไม่ใช่แค่แพรนาราที่อึ้ง เขาเองก็มีสีหน้าไม่ต่างจากเธอนัก หากแต่ปรับสีหน้าได้อย่างรวดเร็ว เขายกยิ้มมุมปากแล้วเอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำ

    ยินดีที่ได้รู้จัก คุณแพรนารา

     

    พวกคุณคงรู้จักกันแล้ว ผมขอแนะนำอย่างเป็นทางการอีกรอบก็แล้วกัน นี่คือพันตำรวจตรีนายแพทย์ธาวิน แพทย์นิติเวชที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากอังกฤษหลังจากไปเรียนมาหลายปีแล้วผู้อำนวยการสถาบันในวัยใกล้เกษียณอายุก็เอ่ยถึงเรื่องคดีต่อ แพรนาราลอบมองชายหนุ่มตรงหน้านิ่งๆ ในขณะที่ธาวินเองก็แอบมองเธออยู่เช่นกัน

    ก็รู้หรอกนะว่าทฤษฎีโลกกลมมันมีอยู่จริง แต่ก็ไม่คิดว่าจะกลมได้ขนาดนี้!

    ขณะนี้พวกเธออยู่ในห้องประชุมที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และนั่งฟังสิ่งที่ผู้อำนวยการสถาบันกล่าวด้วยความตั้งใจ ภาพบนจอปรากฏเป็นภาพบาดแผลที่พบบนใบหน้า ลำคอและแขนของหญิงสาว และของกลางที่เก็บได้ซึ่งเป็นมีดพับเก็บได้และเชือกเส้นยาวที่ตกอยู่ข้างตัวศพ

    ประเด็นสำคัญอยู่ที่ลักษณะการฆ่าของคนร้าย ที่อาจจะบังเอิญหรือเป็นคนเดียวกับ...ฆาตกรต่อเนื่องที่ทางตำรวจตามจับมานานหลายเดือนแล้วแพรนาราขนลุกเล็กน้อยแต่คงสีหน้าราบเรียบเหมือนเดิม

    คดีการฆ่าหญิงสาวผู้นี้อาจจะเหมือนกับการฆ่าธรรมดา หากแต่บนต้นแขนของหล่อนกลับมีร่องรอยถูกมีดกรีดเป็นรูปกากบาท ซึ่งเป็นรอยเดียวกับศพอีกห้ารายที่พบก่อนหน้านี้

    การที่เราได้ร่วมมือกับกองพิสูจน์หลักฐานในการจับกุมคนร้ายในครั้งนี้ทำให้พวกเราทุกคนได้มานั่งรวมตัวกันที่นี่เพื่อหาตัวแทนในการทำภารกิจนี้เขากล่าว

    แพรนารารู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องขึ้นมาเสียเฉยๆ และตัวเย็นเฉียบทันทีที่บอสใหญ่ของตนเอ่ยต่อ

    ผมขอมอบหน้าที่ให้กับคุณหมอแพรนาราและคุณหมอธาวินในการปฏิบัติงานโดยตรงในภารกิจนี้...ผมเชื่อในฝีมือของพวกคุณ




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×