คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 (รีไรท์)
บทที่ 1
“...ให้”
เหมือนนาฬิกาหยุดเดินไปชั่วขณะ เธอรับมาแล้วก้มมองสิ่งที่อยู่ในมือ แพรนาราชะงัก เมื่อเธอเห็นสิ่งของในมืออย่างเต็มตา
...ดอกคาร์เนชั่นสีชมพู
แพรนาราเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขาที่ยืนมองเธอนิ่งอยู่เช่นกัน นี่เขาจะรู้ความหมายของมันบ้างไหมนี่ ถึงยื่นมาให้หน้าตายแบบนี้!
“ชอบไหม...” แพรนาราแทบจะอ้าปากค้าง
ก็ไม่ใช่เพราะเขารู้หรอกเหรอ ว่าเธอชอบดอกคาร์เนชั่น แล้วยังมาถามว่าชอบไหมเนี่ยนะ?
“...ให้ทำไมคะ” แพรนาราเลี่ยงไม่ตอบคำถาม
ธาวินเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ย “ไว้ดูต่างหน้า เราคงไม่ได้เจอกันอีกนาน” แพรนาราชะงัก แล้วเหลือบมองของในมือด้วยความรู้สึกอธิบายไม่ถูก
โอ้ย...ไม่รู้ว่าจะทำหน้าอย่างไงดี ชอบทำให้เธอทำตัวไม่ถูกจริงๆเลย!
“งั้น...แพรไปนะ” เธอพึมพำ แล้วหันหลังเตรียมเดินกลับไปที่รถ ทว่าเสียงทุ้มข้างหลังกลับเอ่ยขึ้นเสียก่อน
“พี่จะไม่พูดว่าลาก่อนหรอกนะ...แพร”
ขาที่กำลังจะก้าวพลันชะงัก เมื่อเขาเอ่ยแทนตัวเองว่าพี่ แล้วเรียกเธอว่าแพร...ซึ่งนานๆทีจะได้ยิน ครั้นหันไปมอง ก็พบว่าเขาเดินจากไปแล้ว...แพรนาราก้มมองดอกไม้ในมืออีกครั้ง
“ฉันก็...จะไม่พูดคำนั้นเหมือนกัน”
ดอกคาร์เนชั่นสีชมพู...หัวใจที่มีรัก
เสียงจ้อกแจ้กรอบบริเวณที่เธอก้าวลงจากรถ ทำให้หญิงสาวกระชับแฟ้มในมือแน่น แล้วก้าวยาวๆไปยังจุดหมายพร้อมกับผู้ช่วยสาวที่เพิ่งก้าวลงมาจากรถเช่นกัน
เมื่อคืนเธอฝัน...ฝันเรื่องที่เคยเกิดขึ้นเมื่อสิบปีก่อน แม้จะผ่านมาสิบปีแต่แพรนาราก็ยังจำได้แม่นราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
และนั่นเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิด ส่วนอีกสาเหตุหนึ่งก็คือการที่เธอถูกเรียกตัวมาตั้งแต่เช้าตรู่ เพราะแทนที่เช้าวันอาทิตย์เธอจะได้นอนหลับอยู่บนเตียงนุ่มๆที่มีแสงแดดส่องเข้ามาเล็กน้อย เมื่อตื่นก็ชงกาแฟหอมกรุ่นจิบไปพลางๆพร้อมกับอ่านหนังสือเล่มโปรด พอตกบ่ายก็จัดบ้านและเข้าครัวทำอาหารในรอบหนึ่งเดือน
แต่ทั้งหมดนั่นก็เป็นได้แค่ในจินตนาการ เพราะเธอรู้ดีว่าถ้าถูกเรียกตัวมาแบบนี้แล้วล่ะก็...คงได้กลับอีกทีตอนตะวันลับขอบฟ้านู้น...
“คุณหมอคะ...” แพรนาราหันไปทางต้นเสียง แล้วพยักหน้าเมื่อเจ้าหล่อนเอื้อมมือมารับแฟ้มไป อันเป็นหน้าที่ของตน
ทั้งสองต้องเดินฝ่าเข้าไปท่ามกลางผู้คนมากมายในหมู่บ้านที่มามุงดูเหตุการณ์อาชญากรรมที่เกิดขึ้น
ใช่...เธอถูกเรียกตัวมาเพราะมีคนแจ้งเข้ามาว่ามีคนตายในหมู่บ้านแห่งนี้...นั่นคือหน้าที่ของแพทย์นิติเวชฯอย่างเธอ
“ขอโทษนะคะ ขอทางหน่อยค่ะ...คุณตำรวจคะ พวกเรามาจากนิติวิทยาศาสตร์ค่ะ” เสียงใสของผู้ช่วยสาวร้องเรียกคนในเครื่องแบบ เมื่อเห็นว่าพวกเขากำลังจะเดินเข้าไปในบ้าน
เมื่อเธอยื่นบัตรให้ดู คนที่แพรนาราคาดว่าเป็นผู้นำกลุ่มตำรวจ ก็เดินออกมาแล้วโค้งให้ เท่านั้น ผู้ช่วยสาวก็เริ่มทำหน้าที่ของตนทันที “นี่คือแพทย์หญิงแพรนารา คนที่นิติวิทยาศาสตร์ส่งมาค่ะ และฉัน...อนัญญา ผู้ช่วยของคุณหมอค่ะ” เสียงใสพูดอย่างฉะฉานเพราะถูกฝึกมาเป็นอย่างดี
เมื่อแพรนาราเรียนแพทย์ฯ จนจบ เธอก็บินไปเรียนต่อเฉพาะทางนิติวิทยาศาสตร์ที่ต่างประเทศอีกสามปี พอจบก็มาเข้าทำงานอยู่ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์แห่งนี้ สรุปคือเธอทำงานที่นี่มาหนึ่งปีแล้ว
อนัญญาหรืออัญ ผู้ช่วยสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม ตัวเล็กแต่คล่องแคล่ว นิสัยดีและห่วงคนอื่นก่อนตัวเองเสมอ เธอทำงานได้ดีราวกับเป็นเลขาส่วนตัวของแพรนารา ทั้งสองมักจะตัวติดกันเสมอเวลาออกนอกพื้นที่ เรียกได้ว่ามีแพรนาราที่ไหนก็มีอนัญญาที่นั่น เธอทำงานควบคู่กับเรียนปริญญาโท แต่ถึงอย่างนั้นการเรียนก็สำคัญเท่ากับเรื่องงาน เพราะเธอบริหารจัดการเวลาได้ดีมากจนแพรนาราอดชื่นชมไม่ได้
‘อัญนี่เก่งนะ ทำงานควบคู่กับเรียนแต่การเรียนไม่ตกเลย’ แพรนาราเอ่ยปากชมอย่างจริงใจ
อนัญญยิ้มเขิน แล้วโบกมือ ‘ไม่หรอกค่ะพี่แพร พี่แพรเก่งกว่าตั้งเยอะ จบปริญญาเอกตั้งแต่อายุไม่ถึงสามสิบด้วยซ้ำ’
แพรนาราเลิกคิ้ว แย้งอย่างไม่จริงจังนัก ‘พี่ยังไม่จบสักหน่อย’
‘แต่ก็ใกล้จบแล้วนี่คะ ต่อไปพี่แพรก็จะเป็น ด็อกเตอร์แพทย์หญิงแพรนารา ชาติรัตนโยธิน คุณหมอประจำสถาบันนิติวิทยาศาสตร์สาวแสนสวย แต่เอ...ทำไมป่านนี้ถึงยังไม่มีแฟนก็ไม่รู้ หรือว่าทำแต่งานจนลืมเรื่องหัวใจไปคะ’ อนัญญาแซวยิ้มๆ
แพรนาราชะงักเล็กน้อย แล้วคลี่ยิ้ม ‘สำหรับพี่ตอนนี้เรื่องงานสำคัญที่สุดจ้ะ ส่วนเรื่องอื่น...พี่ยังไม่ได้คิดหรอก’
ไม่ใช่ว่าอนัญญาคิดจับผิดคุณหมอคนสวยของตน แต่บางครั้งสีหน้าของคุณหมอสาวยามเห็นดอกคาร์เนชั่นที่เธอนำมาจัดแจกัน ทำให้เธออดรู้สึกแปลกใจไม่ได้
...เหมือนกำลังรอคอยใครสักคนอย่างนั้นแหละ
“ศพของผู้ตาย ทางตำรวจสันนิฐานว่าเสียชีวิตมาห้าชั่วโมงแล้วครับ” เสียงของบุคคลในเครื่องแบบ หยุดความคิดทั้งหมดของทั้งสองลง แพรนาราพยักหน้าเบาๆเมื่อเขาอาสาพาเข้าไปดูที่เกิดเหตุ
ภาพที่เห็นทำให้สองสาวแห่งนิติวิทยาศาสตร์ชะงักและพลอยรู้สึกหดหู่ไปด้วย...ถึงแม้ว่าจะเจออะไรแบบนี้ทุกวัน หรือจะทำใจให้ ‘ชิน’ แต่เนิบๆไว้แล้วก็ตาม แต่คงไม่มีใครอยากเห็นร่างไร้วิญญาณแบบนี้แทบทุกวันหรอกนะ!
เจ้าของร่างไร้วิญญาณตรงหน้าเป็นผู้หญิงรูปร่างได้สัดส่วน ผมสีดำยาวสลวยถูกเกล้าขึ้น ทว่าในตอนนี้กลับหลุดลุ่ยลงมาและยุ่งเหยิงพอสมควร บ่งบอกว่ามีร่องรอยผ่านการต่อสู้มาอย่างหนักหน่วง และสภาพเสื้อผ้าที่...ไม่ค่อยจะเรียบร้อยเท่าไรนัก
จะเรียกว่า ‘เกือบเปลือย’ เลยก็ได้
แพรนาราละสายตาจากศพตรงหน้า เมื่อตำรวจหนุ่มกล่าวขึ้น “จากข้อมูลที่ได้จากการสอบถามชาวบ้านแถวนี้...ผู้ตายได้เช่าบ้านอยู่ที่นี่เป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้ว และจะกลับมาพักที่นี่ในบางวันเท่านั้น...”
ตำรวจหนุ่มชะงัก แล้วเอ่ยต่อยิ้มๆ “เอ้อ ผมลืมแนะนำตัว ผม...ร้อยตำรวจโทยศวินครับ เรียกผมว่าหมวดยศก็ได้ครับ ”
แพรนารายิ้มรับ “ค่ะ”
“ถ้ายังไงแล้ว หากมีความคืบหน้าอะไรเพิ่มเติม เดี๋ยวผมจะแจ้งไปอีกทีนะครับ” แพรนาราพยักหน้ารับและกล่าวขอบคุณ ก่อนที่หางตาจะสังเกตเห็น ‘อะไร’ บางอย่างเข้าเสียก่อน
แพรนาราหันกลับไปทางผู้ช่วยสาวและกำลังจะถามว่าตนตาฝาดไปหรือเปล่า หากแต่หล่อนกำลังจดข้อมูลด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอยู่ข้างศพผู้ตาย แพรนาราจึงเลือกเดินออกมา
ถ้ามองไม่ผิด เธอคิดว่าเธอเห็นกองเลือดสีแดงสดอยู่บนหลังคาบ้านหลังตรงข้าม!
เอาน่า...เพื่อความแน่ใจ
แพรนาราหันซ้ายหันขวาเพื่อมองหาวิธี ‘ปีน’ ขึ้นไป แล้วก็เห็นบันไดพิงไว้อยู่ข้างรั้วบ้าน ปลายอีกด้านพาดอยู่บนหลังคาบ้าน เธอเอ่ยขออนุญาตเบาๆ แล้วจัดแจงปีนขึ้นไปอย่างเงียบเชียบ...
ต้องขอบคุณตำรวจที่กันผู้คนไม่ให้ออกนอกสถานที่ ทำให้ไม่มีคนหันมาสนใจเธอ และต้องโทษความช่างสังเกตและความอยากรู้อยากเห็นเกินเหตุ ที่ทำให้คุณหมอสาวจากนิติวิทยาศาสตร์เกิดอยากปีนขึ้นไปเล่นบนหลังคาชาวบ้านชาวช่องเขาขนาดนี้!
เมื่อปีนไปจนเกือบถึงขั้นสุดท้าย แพรนาราก็แทบจะกระโดดโลดเต้นเสีย ถ้าไม่ติดว่ายืนอยู่บันไดแล้วล่ะก็
เพราะว่าเธอเจอ ‘มัน’ เข้าจริงๆน่ะสิ!
“คุณกำลังทำอะไร”
แพรนาราสะดุ้งโหยง รีบเก็บอาการและปรับสีหน้าราบเรียบทันใด ค่อยๆปีนลงมาอย่างระมัดระวัง
“ฉันเห็นบางอย่างผิดสังเกตนิดหน่อยอยู่ข้างบนน่ะ...” คำว่า ‘ค่ะ’ กลืนหาเข้าไปในลำคอ เมื่อหันกลับมาเห็นชายหนุ่มข้างหลังอย่างเต็มตา ถึงแม้ว่าเขาจะสูงขึ้น ใบหน้าคมเข้มขึ้น และเป็นผู้ใหญ่ขึ้นแต่เธอกลับจำเขาได้ขึ้นใจ
“คุณ...”
ไม่ใช่แค่แพรนาราที่อึ้ง เขาเองก็มีสีหน้าไม่ต่างจากเธอนัก หากแต่ปรับสีหน้าได้อย่างรวดเร็ว เขายกยิ้มมุมปากแล้วเอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“ยินดีที่ได้รู้จัก คุณแพรนารา”
“พวกคุณคงรู้จักกันแล้ว ผมขอแนะนำอย่างเป็นทางการอีกรอบก็แล้วกัน นี่คือพันตำรวจตรีนายแพทย์ธาวิน แพทย์นิติเวชที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากอังกฤษหลังจากไปเรียนมาหลายปี” แล้วผู้อำนวยการสถาบันในวัยใกล้เกษียณอายุก็เอ่ยถึงเรื่องคดีต่อ แพรนาราลอบมองชายหนุ่มตรงหน้านิ่งๆ ในขณะที่ธาวินเองก็แอบมองเธออยู่เช่นกัน
ก็รู้หรอกนะว่าทฤษฎีโลกกลมมันมีอยู่จริง แต่ก็ไม่คิดว่าจะกลมได้ขนาดนี้!
ขณะนี้พวกเธออยู่ในห้องประชุมที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และนั่งฟังสิ่งที่ผู้อำนวยการสถาบันกล่าวด้วยความตั้งใจ ภาพบนจอปรากฏเป็นภาพบาดแผลที่พบบนใบหน้า ลำคอและแขนของหญิงสาว และของกลางที่เก็บได้ซึ่งเป็นมีดพับเก็บได้และเชือกเส้นยาวที่ตกอยู่ข้างตัวศพ
“ประเด็นสำคัญอยู่ที่ลักษณะการฆ่าของคนร้าย ที่อาจจะบังเอิญหรือเป็นคนเดียวกับ...ฆาตกรต่อเนื่องที่ทางตำรวจตามจับมานานหลายเดือนแล้ว” แพรนาราขนลุกเล็กน้อยแต่คงสีหน้าราบเรียบเหมือนเดิม
คดีการฆ่าหญิงสาวผู้นี้อาจจะเหมือนกับการฆ่าธรรมดา หากแต่บนต้นแขนของหล่อนกลับมีร่องรอยถูกมีดกรีดเป็นรูปกากบาท ซึ่งเป็นรอยเดียวกับศพอีกห้ารายที่พบก่อนหน้านี้
“การที่เราได้ร่วมมือกับกองพิสูจน์หลักฐานในการจับกุมคนร้ายในครั้งนี้ทำให้พวกเราทุกคนได้มานั่งรวมตัวกันที่นี่เพื่อหาตัวแทนในการทำภารกิจนี้” เขากล่าว
แพรนารารู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องขึ้นมาเสียเฉยๆ และตัวเย็นเฉียบทันทีที่บอสใหญ่ของตนเอ่ยต่อ
“ผมขอมอบหน้าที่ให้กับคุณหมอแพรนาราและคุณหมอธาวินในการปฏิบัติงานโดยตรงในภารกิจนี้...ผมเชื่อในฝีมือของพวกคุณ”
ความคิดเห็น