คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : ราชาแห่งรัตติกาล Demon King บทที่16 เอ็กโซซิสต์
บทที่16
เอ็กโซซิสต์
เมื่อหลายร้อยปีมาแล้ว แผ่นดินได้ถูกปีศาจยึดครองมากเกินไปกว่าครึ่ง…ปีศาจทุกตัวใช้มนุษย์ดั่งทาสและเป็นอาหาร มนุษย์ที่ไร้พลังต่างพากันหวาดกลัวต่อปีศาจและใช้ชีวิตเสมือนแมลงที่รอเวลาถูกบี้ไปวันๆ
แต่แล้ว…ได้มีกลุ่มคนกลุ่มๆหนึ่ง กลุ่มคนที่จะต่อต้านความโหดร้ายและลุกขึ้นต่อกรกับปีศาจ กลุ่มคนที่พวกเขาได้เรียกตัวเองว่า ‘เอ็กโซซิสต์’
เอ็กโซซิสต์ เป็นกลุ่มคนที่มีพลังเวทย์และการกำจัดสูง และผู้นำของกลุ่มนั้นก็คือ ‘เวลเซน ทอร์เรีย’
พวกเขาได้ต่อกรกับปีศาจมากมายและขับไล่พวกมันจนนับไม่ถ้วน จากปริมาณคนที่เข้าร่วมน้อยนิดได้เริ่มขยายใหญ่ออกไปเรื่อยๆจนมากกว่าหลายพันคน
และในที่สุด…
พวกเขาก็ได้ขับไล่ปีศาจที่มายึดครองแผ่นดินให้หายไปเกือบครึ่ง
เมื่อผ่านไปหลายปี…แผ่นดินที่ถูกปีศาจยึดครองก็กลับมาสงบสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พื้นที่หลายแห่งแทบไม่มีปีศาจรุกรานอีกเลย
เพื่อให้เป็นเกียรติแก่ตนเองและครอบครัว หลายคนได้ใฝ่ฝันว่าตนจะเป็น เอ็กโซซิสต์ ที่เปรียบเป็นดั่งวีรบุรุษของทุกคน แต่ว่า…การเป็นเอ็กโซซิสต์นั้นก็ไม่ได้เป็นกันง่ายๆ
การเป็นเอ็กโซซิสต์นั้นต้องอาศัยพรสวรรค์และพลังเวทย์ จึงทำให้ผู้ที่จะเข้ารวมนั้นมีน้อยคนนักที่จะได้เป็นเอ็กโซซิสต์ เพราะงั้น…เพื่อเปิดโอกาสผู้ที่ไม่มีพรสวรรค์ ‘เวลเซน ทอร์เรีย’ จึงได้เป็นโรงเรียน ‘เซนต์ทอร์เรีย’ ขึ้นมา เพื่อให้เป็นที่ฝึกฝนแก่ผู้คนที่อยากจะเป็นเอ็กโซซิสต์ ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยไปเรียนที่นั้นแต่ก็มีหลายคนที่ไปเรียนที่นั้นโดยไม่เป็นเอ็กโซซิสต์ บางคนเรียนเพื่อต้องการเป็นเกียรติ บางคนเรียนเพื่อต้องการวิชาปราบเพื่อเอาไว้ป้องกันตัว และบางคนก็เรียนเพื่อที่จะเป็นความต้องการของครอบครัว
‘ทอร์เรีย’ตระกูลที่ถูกกล่าวขานให้เป็นหนึ่งในวีรบุรุษมากที่สุดและเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงในการปราบปีศาจมากที่สุด ผู้นำตระกูลตอนนี้คือผู้อำนวยการโรงเรียนเซ็นต์ทอร์เรียและเป็นเสนาธิการ 1ใน7 ของเอ็กโซซิสต์
‘วิลเลี่ยม ทอร์เรีย’ ชายที่มีพรสวรรค์มากที่สุดในตระกูลทอร์เรีย และเป็นชายผู้อาวุโสที่สุดในเหล่าเสนาธิการทั้ง 7
และกฎของตระกูลที่มีเพียงข้อเดียวที่ทุกคนในตระกูลทอร์เรียต้องทำตามก็คือ ‘ไม่ว่าผู้ใด…ที่ได้ใช้นามสกุลของตระกูลทอร์เทีย…ทุกคนจะต้องเป็น…เอ็กโซซิสต์ทุกคน! เพื่อเป็นเกียรติแก่ตระกูลต่อไป…’
“ท่านพ่อ…ท่านแม่…จะออกไปอีกแล้วเหรอครับ” เด็กชายผมดำ วัย11ปี ถามผู้เป็นพ่อและแม่อย่างสงสัย ในมือของเด็กน้อยนั้นมีกระดาษอยู่…กระดาษที่เขารีบวิ่งไปหาทันทีหลังจากพ่อและแม่ของเขาเพิ่งกลับมา
ผู้เป็นพ่อและแม่ชะงักหลังจากได้ยินเสียงลูกชาย โดยที่ตนกำลังก้าวออกประตูหลังจากเข้าไปเหยียบในคฤหาสน์ของตนโดยไม่ถึงนาที
“ใช่แล้วลูก…สำนักงานใหญ่เพิ่งแจ้งมาเมื่อกี้นี้ว่าพบปีศาจแถวป่าแถบคอสเซ็นหลังจากส่งทีมสำรวจเข้าไป…ลูกคงเข้าใจพ่อใช่ไหม?” ผู้เป็นพ่อพูดพลางเดินมาลูบหัวเด็กชายอย่างอ่อนโยน
แต่ทว่า…เด็กชายได้เบือนหน้าหนี ก่อนที่จะหันมาตอบพร้อมกับน้ำตาซึมนิดๆ
“อย่าไปเลยนะครับ! ท่านพ่อ ท่านแม่ สัญญากับผมแล้วไม่ใช่เหรอ! ว่าจะอยู่กับผมในช่วงปิดเทอม!”
เด็กชายพูดพลางกำมือแน่นโดยไม่สนใจกระดาษที่อยู่ในมือ ก่อนที่แม่ที่ยืนดูก็ได้เข้ามาปลอบโดยการโผเข้ากอดเด็กชายไว้แน่น
“แม่ขอโทษนะลูกรัก ลูกก็รู้ว่างานของพวกเรามันสำคัญแค่ไหน ลูกเข้าใจพวกเราใช่ไหม ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่อยากอยู่กับลูกแต่พวกเราอยากจะอยู่ใจจะขาด แต่ว่างานนั้นมันสำคัญสำหรับพ่อและแม่มาก ถ้าแม่ไม่ไปอาจจะมีใครสักคนได้รับบาดเจ็บ”
เมื่อผู้จบเด็กชายก็ได้นิ่งสักพัก…ก่อนจะพูดว่า
“ก็ได้ครับ ว่าแต่ท่านพ่อกับท่านแม่จะเดินทางตอนไหนครับ…เดี๋ยวผมจะไปส่ง”
ผู้เป็นพ่อและแม่ต่างสบตากันหลังจากได้ยินคำตอบของลูกชายด้วยท่าทีงุนงง นี่เป็นครั้งแรกสำหรับพวกเขาที่ลูกชายของตนยอมง่ายๆ
แต่ทั้งสองก็ไม่ได้เอะใจอะไร โล่งใจซะอีกที่ลูกชายได้เริ่มเป็นผู้ใหญ่
“พวกเราจะออกจากที่นี้วันนี้ตอนค่ำจ่ะ หวังว่าแม่จะเห็นลูกนะ” ทั้งสามคนยิ้มให้กันอย่างมีความสุข ก่อนที่พ่อและแม่ของเด็กชายจะเดินออกไป
หลังจากประตูบานใหญ่ปิดลงใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเด็กชายกลับกลายเป็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดทันที ในมือของเด็กชายยังกำกระดาษไว้แน่นแล้วเมื่อเอากระดาษออกมาดูก็พบกับ กระดาษประกาศผลสอบสีครีมและตัวหนังสือสีทองของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในนั้นมีชื่อของเด็กชายพร้อมกับตัวเลขสามหลักตรงหัวมุมของกระดาษว่า ‘100 คะแนนเต็มทุกวิชา’
ตัวเลขในกระดาษที่ตนเองพยามที่จะได้มันมาเพื่อให้พ่อและแม่ของตนดู แต่ตอนนี้พวกเขาไม่มีแม้แต่เวลาที่จะเดินเข้ามาในบ้านด้วยซ้ำไป
เด็กชายเดินหน้าเศร้าเข้าไปในห้องของตนเองก่อนที่ประตูห้องจะปิดลง ใบหน้าที่เศร้าหมองได้กลายเป็นการแสยะยิ้มที่มุมปากราวกับว่ามีแผนอะไรไว้…
เมื่อถึงค่ำคืนการเดินทางและจวนเวลาจะออกจากเมืองนี้ ทั้งสองสามีภรรยาต่างพากันรอผู้เป็นลูกอย่างใจจดใจจ่อ
แต่ทว่า…กับไม่เห็นแม้แต่เงาของลูกชายของตน เมื่อทั้งสองใช้เวลารอนานเกินควร พวกเขาจึงตัดสินใจสั่งคนขับให้ออกรถม้าพร้อมกับรถม้าขนเสบียง
“คุณคะ ทำไมลูกเรายังไม่มาส่งพวกเรา…หรือว่าลูกจะโกรธพวกเราอยู่” ผู้เป็นภรรยากล่าวอย่างสงสัยด้วยใบหน้ารู้สึกผิดในรถม้าที่กำลังขยับด้วยความเร็ว
“เหลวไหลน่า! ‘ไอริส’ เธอก็น่าจะรู้ว่าลูกเราไม่เคยมาส่งเราเลย…ถึงลูกเราจะโกรธ แค่เราซื้อของฝากกลับไปก็หายแล้ว เพราะงั้น…เลิกคิดมากได้แล้ว”
“ฉันรู้ค่ะ…แต่ว่า…ถ้าเกิดลูกเราเป็นอะไรจนมาส่งเราไม่ได้ล่ะ ชั้นอดคิดไม่ได้จริงๆ”
สิ่งที่ไอริสพูดนั้นทำให้ทั้งคู่เงียบไปสักครู่…ก่อนที่ผู้เป็นสามีจะขยับปากพูด
“ถ้ามันเป็นอย่างงั้นจริงๆ…พวกคนใช้คงมาบอกแล้วล่ะ เพราะงั้น…เธอเลิกกังวลซะที”
ไอริสพยักหน้าหลังจากได้ยิน แต่สีหน้าของเธอไม่เป็นตามด้วย…เธอคิดในใจว่าจะมีบางอย่างเกิดกับลูกของตนแต่ก็ยังไม่แน่ใจนัก…
ก่อนออกรถม้า 10นาที…
‘นี่พวกแกเตรียมพร้อมหรือยัง! อีก10นาทีจะเดินทางแล้วนะ!’ ชายอายุราวๆ40ถามชายสองคนที่ยืนคุยกันอยู่
ทันใดนั้น ทั้งสองต่างพากันรีบยืนตรงก่อนจะตะโกนเสียงดังว่า
‘พร้อมแล้วครับ!’
เมื่อได้ยินอย่างนั้นเขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะหันไปถามคนข้างๆ
‘ดี! แล้วรถเสบียงล่ะ’
‘เตรียมพร้อมแล้วครับ!’
เมื่อได้ยินอย่างนั้น เขาก็พยักหน้าเล็กน้อยแล้วเดินจากไป ทำให้ชายทั้งสองถอนหายใจออกมา…
แต่ทว่า…พวกเขารู้ไม่ว่า…ในรถเสบียงนั้นมีเด็กชายวัย11ปี แอบขึ้นในรถม้าอยู่!!!!
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จบแล้วค่ะ ตอนแรกหลังจากได้คอมเครื่องใหม่ ตามการดำเนินตอนนี้คาดว่าจะเป็นตอนที่ทั้งสองพบกันค่ะ ยังไงก็ฝากติดตามเช่นเคยนะคะ ขอบคุณทุกท่านอีกครั้งที่ยังอ่านนิยายเรื่องนี้อยู่
ความคิดเห็น