ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    return to love (Fic. hp)

    ลำดับตอนที่ #2 : ปฏิบัติการ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 616
      6
      3 มิ.ย. 48

    หลังจากแยกจากมัลฟอยมาแล้ว  หญิงสาวก็ไม่ได้สนใจชายหนุ่มอีกเลย  ว่าเค้าจะเป็นยังไง  เพราะเธอมีเรื่องที่จะต้องทำในตอนนี้  คือส่งของขวัญให้กับคนสำคัญ  โรงนกฮูกในเวลานี้ไม่มีใครอยู่เลย  ก็แน่ล่ะ  ป่านนี้ทุกคนคงต้องการอยู่ในปราสาทที่อบอุ่นมากกว่ามาหนาวเหน็บอยู่ข้างนอกแบบนี้  หญิงสาวเรียกนกฮูกที่ยอมออกไปฝ่าลมหนาวข้างนอกมาได้ 2 ตัว  ตัวแรกเป็นนกฮูกหิมะสีขาวปนเทาเล็กน้อย  เฮอร์ไมโอนี่จัดแจงผูกของขวัญที่เตรียมให้กับพ่อ แม่ไว้ที่ขาของมัน  พร้อมกำชับว่า



    “ส่งให้ถึงนะ  มันสำคัญกับชั้นมาก”  แล้วตบขนคอของมันเพื่อแสดงความรักและไว้ใจ  เสร็จเรียบร้อยนกฮูกตัวนั้นก็ออกบินไปทันที



    “ทีนี้ก็เหลือเจ้าแล้ว  มาให้ชั้นผูกของซะดี ๆ”  นกฮูกตัวนี้เป็นนกฮูกรัสเซีย  สีเทาปนน้ำตาล  มันทำลีลาเล็กน้อย เพื่อให้เห็นว่ามันสำคัญ  ก่อนจะยอมให้ผูกขาแต่โดยดี  “ส่งให้ถึงมือแฮรี่  กับรอนนะ  ขอบใจมาก”  แล้วนกฮูกตัวนั้นก็บินตามนกฮูกตัวแรกไป



    เฮอร์ไมโอนี่มองตามนกฮูกตัวที่สองไป  พร้อมกับถอนหายใจออกมาเบา ๆ  ‘ป่านนี้รอน กะ แฮรี่กำลังทำอะไรอยู่น้า’



    “นี่  คิดอะไรอยู่”  เสียงกระซิบแผ่วเบายานคางดังอยู่ข้างหู  ทำเอาเธอขนลุกซู่  พร้อมกับที่รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างกำลังคืบคลานอยู่ที่เอวของเธอ  เฮอร์ไมโอนี่ก้มลงไปมองที่เอว  มือของมัลฟอยกำลังกอดเอวเธออยู่  พร้อมกระชับวงแขนให้แน่นเข้าเพื่อให้แผ่นหลังของเธอ  แนบสนิทกับอกกำยำของเขา  นอกจากนั้น  มัลฟอยยังเอาคางมาเกยอยู่ที่หัวไหล่ข้างซ้ายของเธอ  ทุกครั้งที่เขาหายใจ  ลมหายใจของเขาจะเป่ารดอยู่ใบหูของเธอ  เฮอร์ไมโอนี่ไม่รู้สักนิดว่าเขาตามเธอมาด้วย  จึงไม่ทันได้ระวังตัว



    “ว่าไง  คิดอะไรอยู่”  เวลาพูด  ชายหนุ่มจงใจให้ริมฝีปากสัมผัสใบหูของหญิงสาว  ทำเอาเฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดเจน  ถึงแม้ว่าหญิงสาวจะไม่ได้คิดอะไรกับเขา  นอกจากเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันเท่านั้น  แต่มันก็ช่วยไม่ได้ที่จะอดหวั่นไหวไปกับสัมผัสของเขา  หญิงสาวทำอะไรไม่ถูก  เพราะไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน  จึงเป็นโอกาสของมัลฟอยที่จะ’แต๊ะอั๋ง’เธอได้เต็มที่  ริมฝีปากของเขาเริ่มไล่ลงมาจากใบหู  ไปที่แก้มขาวเนียนหอมฟุ้ง  มัลฟอยสูดหายใจดัง ๆ  “หอมจัง”



    นั่นแหละถึงทำให้เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกตัว  หญิงสาวพยายามดิ้นรนเพื่อให้หลุดจากอ้อมแขนของชายหนุ่ม  ยิ่งดิ้น  อ้อมแขนก็ยิ่งรัดแน่นเข้า ๆ  “ปล่อยนะ  มัลฟอย”



    ชายหนุ่มไม่พูดอะไรเลย  นอกจากหัวเราะ หึหึ  แล้วฝังจมูกลงไปที่ซอกคอของหญิงสาว  ทำเอาเฮอร์ไมโอนี่สะดุ้ง  หน้าแดงหนักกว่าเก่า  และดิ้นรนมากขึ้นกว่าเดิม



    “นายทำบ้าอะไรของนายน่ะ  ปล่อยชั้นนะ”  หญิงสาวร้องตะโกนเสียงสั่น ๆ



    “ก้อแค่....”  ชายหนุ่มหอมแก้มเธออีกครั้ง  และจงใจเว้นคำตอบเอาไว้  



    “แค่อะไรมัลฟอย”  



    “แค่จะบอกเธอว่า  มะกี้เค้าไม่เรียกว่าแต๊ะอั๋งหรอก”  ย้ายมาหอมแก้มอีกข้าง  “มันต้องแบบนี้ต่างหาก”



    หญิงสาวตะลึง  ‘นี่เค้าแกล้งชั้นหรอเนี่ย’  ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่กำลังคิดอยู่นั่น  มัลฟอยก็หอมแก้มเธออีกครั้ง  พร้อมกับกล่าวว่า  “มันไม่จบแค่นี้แน่  เกรนเจอร์  เจอกันที่โต๊ะอาหาร”  แล้วชายหนุ่มก็ปล่อยเธอเป็นอิสระ  แล้วเดินออกจากโรงนกฮูกไป  



    *-*-*-*-*-*-*-*-*



    เฮอร์ไมโอนี่เดินออกมาจากโรงนกฮูกด้วยภาวะจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว    เธอเอาแต่คิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่  พร้อมกับยกมือประคองใบหน้าบริเวณที่โดนมัลฟอยขโมยหอมแก้มเธอ  หญิงสาวหน้าแดงเมื่อนึกถึงรสสัมผัสของเขา  นี่เธอควรจะโกรธสิ  ควรจะรังเกียจสัมผัสนั้น  เค้าเป็นศัตรูของเธอนะ  แต่นี่นอกจากเธอไม่โกรธแล้ว  เธอยังรู้สึกดีอีกด้วย  และอยากจะได้รับสัมผัสนั้นอีก  



    “ไม่นะ  เธอต้องโกรธสิ  เธอต้องรังเกียจสิเฮอร์ไมโอนี่”  หญิงสาวรู้สึกสับสนกับความรู้สึกของตนเอง  จนกระทั่งไม่รู้ตัวว่าเดินมาถึงห้องโถงรวมได้ยังไง  เฮอร์ไมโอนี่ผลักประตูเข้าไป  ภายในห้องโถงรวมมีเพียงโต๊ะตั้งอยู่กลางห้องเพียงแค่ตัวเดียวเท่านั้น  เนื่องจากนักเรียนที่อยู่ที่โรงเรียนในวันคริสมาสต์มีแค่ประมาณ  30  คนเท่านั้น  ศ.ดัมเบอร์ดอร์จึงจัดการให้นักเรียนทั้งหมดมานั่งรวมกันจะได้ไม่เงียบเหงา  



    หญิงสาวกวาดตามองไปยังนักเรียนแต่ละคน  จนกระทั่งมาสะดุดกับสายตาเปล่งประกายของใครคนหนึ่ง  มัลฟอยมองมาที่หญิงสาวตั้งแต่เธอเปิดประตูเข้ามาแล้ว  เมื่อเห็นว่าหญิงสาวก็มองเขาอยู่  เขาจึงขยิบตาและทำปากห่อ ๆ คล้าย ๆ กับกำลังส่งจูบมาให้เธอ  ทำเอาหญิงสาวหน้าแดง  รีบหันหน้าหนี  แล้วเดินไปนั่งกับนักเรียนกริฟฟินดอร์แถว  ๆ  ปลายโต๊ะห่างจากมัลฟอยหลายเมตร  แล้วก้มหน้าก้มตากินอาหารอย่างตั้งใจเกินเหตุ  จนมัลฟอยอดขำไม่ได้กับท่าทีของเธอ  ‘ยัยเลือดสีโคลนเอ๊ย’   รอยยิ้มเยาะ ๆ ปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากชายหนุ่ม  แต่แค่แวบเดียวก็หายไป



    หลังจากที่ตั้งหน้าตั้งตากินทั้ง ๆ ที่ไม่รู้รสชาติของอาหารเลยสักนิด  เฮอร์ไมโอนี่รวบช้อนส้อม  แล้วดื่มน้ำอย่างรวดเร็ว  ก่อนจะรีบลุกขึ้น  เธอไม่อยากอยู่ในนี้  โดยมีมัลฟอยอยู่ด้วย  เธอรู้สึกทำตัวไม่ถูกตั้งแต่เหตุการณ์เมื่อเช้า  หญิงสาวรีบออกจากห้องโถงไปอย่างรวดเร็ว  โดยไม่รู้ว่านั่นเป็นการตัดสินใจที่ส่งผลต่อชีวิตเธอในอนาคต



    เฮอร์ไมโอนี่เดินออกมานอกปราสาทจนถึงบริเวณทะเลสาบที่เงียบสงบ  (ทำไมต้องทะเลสาบ  กี่เรื่อง ๆ ก็ทะเลสาบ)  ซึ่งบัดนี้ปราศจากผู้คน  เพราะส่วนใหญ่จะหาความอบอุ่นจากในปราสาทมากกว่าอยากออกมาสัมผัสอากาศหนาวเย็นแบบนี้  แต่ไม่ใช่เฮอร์ไมโอนี่  เมื่อหญิงสาวพบมุมสงบของเธอเรียบร้อยแล้วจึงจัดแจงนั่งลง  และเริ่มต้นเปิดหนังสืออ่าน  แต่ถ้าเธอสังเกตสักนิด  เธอจะรู้ว่ามีใครบางคนแอบตามเธอมาอย่างเงียบ ๆ โดยที่เธอไม่รู้ตัว



    “ขยันจริงนะ  ยัยหนอนหนังสือ  ขนาดวันหยุดแท้ ๆ เธอยังมาอ่านหนังสืออยู่ได้”  เฮอร์ไมโอนี่หันขวับไปตามเสียงทันที  แล้วก็พบว่ามัลฟอยกำลังยืนพิงต้นไม้ต้นข้าง ๆ  ไม่ไกลจากเธอนัก  พร้อมกับกอดอกและปรายตามองมาทางเธอ  แล้วจึงเบือนสายตามองไปที่ทะเลสาบที่กว้างใหญ่  



    หญิงสาวไม่ตอบอะไร  เพราะกำลังรู้สึกระแวงว่าเขาจะมาไม้ไหนอีก  จึงจับตาดูเขาพร้อมกับล้วงไปกำไม้กายสิทธิ์เอาไว้แน่น  แต่มัลฟอยก็ไม่ได้เดินเข้ามาหาเธออย่างที่เธอนึกกลัว  เขาแค่นั่งลงเอาหลังพิงต้นไม้แล้วหลับตาลงด้วยท่าทางที่ผ่อนคลาย  ทำเอาเฮอร์ไมโอนี่งงงันกับท่าทีของชายหนุ่ม  เมื่อสังเกตดูแล้วว่าเค้าไม่มีทีท่าคุกคาม  หญิงสาวจึงเปิดหนังสือและเริ่มต้นอ่านอีกครั้ง



    เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่มีใครรู้  เฮอร์ไมโอนี่ก็อ่านหนังสือจนจบเล่ม  แล้วปิดหนังสือลงพร้อมกับบิดขี้เกียจเล็กน้อย  ตัวสั่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ก็ข้างนอกแบบนี้  ท่ามกลางหิมะมันหนาวน้อยซะที่ไหน  หญิงสาวเตรียมจะลุกขึ้นเพื่อจะเข้าไปในปราสาท  สายตาพลันเหลือบไปเห็นมัลฟอยนั่งพิงต้นไม้หลับอยู่  หญิงสาวเกือบลืมไปแล้วว่าเขาก็นั่งอยู่ด้วย  



    เฮอร์ไมโอนี่ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะปล่อยให้มัลฟอยนอนหลับต่อไป  หรือปลุกเขาให้เข้าปราสาทไปพร้อมกับเธอ  แต่ในที่สุด  เฮอร์ไมโอนี่ก็ตัดสินใจที่จะปลุกเขา  เพราะถึงแม้ว่าเธอและเขาจะเป็นศัตรูกัน  แต่เธอไม่ใจร้ายพอที่จะปล่อยให้เขานั่งตากหิมะอยู่แน่ ๆ



    “มัลฟอย ๆ ตื่นเถอะ”  เฮอร์ไมโอนี่ตะโกนเรียกชายหนุ่มจากที่ที่เธอนั่งอยู่  แต่ชายหนุ่มไม่มีทีท่าจะรับรู้หรือขยับตัวสักนิด  ทำให้หญิงสาวเขยิบเข้าไปใกล้เขามากขึ้น  เพื่อให้เขาได้ยินชัดขึ้น



    “มัลฟอย  ตื่นได้แล้ว ไม่งั้นชั้นทิ้งนายไว้ที่นี่นะ”  ไม่มีปฏิกิริยาใด  ๆ  จากชายหนุ่ม



    “มัลฟอย  ตื่น”  ทีนี้เฮอร์ไมโอนี่เข้าไปนั่งคุกเข่าลงข้าง ๆ ชายหนุ่ม  พร้อมกับเขย่าตัวเค้าแรง  ๆ  เพื่อหวังให้เขาตื่นสักที  แต่นั่นเป็นการตัดสินใจที่ผิด



    “อ๊ะ.......”  หญิงสาวร้องออกมาได้แค่นั้น  เพราะเธอโดนมัลฟอยรวบตัวไปไว้ในอ้อมแขน  พร้อม ๆ กับที่ประทับริมฝีปากลงมาแผ่วเบา  เหมือนเป็นการหยั่งเชิงว่าหญิงสาวจะขัดขืนหรือไม่



    แต่เฮอร์ไมโอนี่กลับนิ่งเงียบ  ตัวแข็งทื่อ  เพราะความตกใจจนทำอะไรไม่ถูก  ทำให้มัลฟอยเข้าใจว่า  เธอยินยอมให้เค้าจูบ  จึงค่อย ๆ กดริมฝีปากให้หนักหน่วงและเร่าร้อนขึ้น  แต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยนที่ชายหนุ่มเองไม่เคยรู้มาก่อนว่าตัวเองมี  ความอบอุ่นที่ส่งมาจากมัลฟอยส่งผลให้เฮอร์ไมโอนี่เคลิบเคลิ้มไปชั่วขณะ  และเผลอตอบรับสัมผัสที่เขามอบให้  นั้นยิ่งทำให้ชายหนุ่มได้ใจ  เขาใช้ริมฝีปากตัวเองบังคับให้หญิงสาวเผยอริมฝีปากออก  เพื่อเขาจะได้สอดลิ้นเข้าไปลิ้มรสความหอมหวานจากปากของเธอ  และมือที่โอบรอบตัวหญิงสาวก็เริ่มลูบไล้ไปทั่วทั้งแผ่นหลัง  และต่ำลง ๆ จนลงไปหยุดที่สะโพกกลมมน



    แต่ก่อนที่จะเลยเถิดไปมากกว่านี้  เฮอร์ไมโอนี่ก็รู้สึกตัว  และทั้งผลักทั้งดันตัวเองให้พ้นจากวงแขนแข็งแรงของเขา  แต่ก็ทำได้เพียงแค่หลุดพ้นจากจูบอันเร่าร้อนเท่านั้น และเธอก็ยังอยู่ในอ้อมแขนเค้าเหมือนเดิม  



    “นี่นายทำบ้าอะไรของนายน่ะ  มัลฟอย”  เฮอร์ไมโอนี่สูดเอาอากาศเข้าไปให้เต็มปอด  หลังจากผ่านการแลกอากาศกับเขามาหยก ๆ ก่อนจะตะโกนถามชายหนุ่มเสียงดังลั่น  ทำเอานกที่ทำรังอยู่แถวนั้นแตกกระเจิงคนละทิศคนละทาง  ใบหน้าของเธอเป็นสีแดงกล้ำ  บอกไม่ถูกว่าระหว่างอายกับโกรธสุดขีดมันเป็นอย่างไหน



    “ชั้นทำอะไรเธอไม่รู้หรอ  งั้นเดี๋ยวทำให้ดูอีกทีล่ะกัน”  มัลฟอยพูดยานคางตามแบบของเค้า  ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่ฟังแล้วรู้สึกว่ามันช่างกวน(อวัยวะเบื้องล่าง) เป็นที่สุด  พร้อม ๆ กับยื่นหน้าเข้ามาใกล้อีกครั้ง  ทำเอาเฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงและผลักไสชายหนุ่มเป็นพัลวัน



    “ชั้นหมายถึง.....นายทำแบบนี้ทำไมต่างหาก”  คราวนี้หญิงสาวไม่ได้ตะโกนแล้ว  แต่มองชายหนุ่มด้วยแววตาของคนที่กำลังค้นหาความจริง



    “ชั้น.....ชอบเธอ  และชั้นทำในสิ่งที่ชั้นอยากจะทำ  ก็แค่นั้น”  



    “อะไรนะ”  คำตอบของเค้าทำเอาเฮอร์ไมโอนี่ตะลึง  ทำอะไรไม่ถูก  เพราะไม่คิดว่าคำตอบจะเป็นแบบนี้  ในที่สุดก็พูดออกมาจนได้



    “นายชอบชั้นหรอ  เป็นไปไม่ได้ ...นายล้อชั้นเล่นใช่มั้ย  เราเป็นศัตรูกันมาตลอด  นายจะมาชอบชั้นได้ไง.....ใช้แล้ว  นายต้องแกล้งชั้นแน่ ๆ   จริง ๆ ด้วย  นายจะมาชะ.........”



    “หยุด”  เฮอร์ไมโอนี่คงจะบ่นไม่หยุดแน่ ๆ ถ้าไม่มีเสียงมัลฟอยมาหยุดไว้  “ถ้าเธอไม่หยุดชั้นจะหยุดให้เอง…”  ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ พร้อมหน้าตาเจ้าเล่ห์พิกล  “.....ด้วยปากของชั้นนี่แหละ”  ได้ผลเฮอร์ไมโอนี่หยุดพูดทันทีแถมยังเอามือมาปิดปากเอาไว้  ทำเอามัลฟอยหัวเราะก๊ากออกมา



    “ฮ่ะ...ฮ่ะ..ทะ..เธอนี่ตลกจริง ๆ เลย”  มัลฝอยคงจะหัวเราะต่อไปถ้าไม่มีสายตาขุ่นเขียวของสาวน้อยในอ้อมกอดมองเขม็งมา  “โอเค ๆ ไม่หัวเราะแล้ว”  พร้อมกับยกมือขึ้นทำท่ายอมแพ้  เป็นโอกาสให้เฮอร์ไมโอนี่หลุดพ้นจากอ้อมแขนของเขา  หญิงสาวรีบลุกขึ้นทันที  พร้อมกับกระโดดไปยืนอยู่ไกล ๆ  จากชายหนุ่ม  



    “นายต้องการอะไรก็ว่ามา  ชั้นไม่มีเวลามาเล่นกะนายหรอกนะ”  พูดเสร็จก็เอามือปิดปากไว้เหมือนเดิม



    “เป็นแฟนชั้น”  คำพูดเรียบ ๆ แต่ส่งผลมากมายต่อคนฟัง  ‘มัลฟอยขอชั้นเป็นแฟน  นี่มันเกิดอะไรขึ้น  โลกจะแตกแล้วรึไงนะ  คนอย่างเค้าเนี่ยนะมาขอชั้นเป็นแฟน’  ท่าทางความคิดของเฮอร์ไมโอนี่คงจะส่งผ่านไปยังใบหน้า  ทำให้มัลฟอยพูดขึ้นมาทันที



    “เธอได้ยินถูกแล้ว  เกรนเจอร์  แล้วโลกก็ไม่ได้แตกแน่นอน  (แหม  อย่างกับเข้ามาอยู่ในความคิดเลยนะ)  ทำไมเป็นแฟนชั้นมันน่ารังเกียจนักรึไง”



    “ปะ..ป่าว  แค่....”  เฮอร์ไมโอนี่พูดไม่ออกว่าแค่อะไร  จึงปล่อยให้มันเป็นอากาศไปซะ  แล้วต่างคนต่างก็เงียบไปทั้งคู่  จนในที่สุดมัลฟอยก็ทำลายความเงียบแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า



    “ชั้นให้เวลาเธอตัดสินใจถึงหลังงานเลี้ยงคริสมาสต์วันนี้  แล้วชั้นจะมาเอาคำตอบ”  พร้อมกับมองหน้าเธอนิ่งเหมือนจะเป็นการบอกว่า  ชั้นเอาจริงนะ  ทำเอาเฮอร์ไมโอนี่ทำอะไรไม่ถูก  คิดในใจว่า  คนมาขอเป็นแฟนเค้าขอกันแบบนี้รึไงนะ  แต่ไม่ได้พูดออกมา  ทำแค่พยักหน้า  แล้วคว้าหนังสือ  หันหลังกลับ  “งั้นชั้นไปก่อนนะ”  โดยไม่รอคำอนุญาต  หญิงสาวก็เดินออกไปทันที



    ด้านมัลฟอยเค้ามองตามร่างบางที่กำลังกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปในปราสาท  ด้วยสายตาที่นิ่งเฉยค่อนไปทางเย็นชา  ก่อนจะลุกแล้วเดินเข้าปราสาทไปอีกคน



    *-*-*-*-*-*-*

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×