ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [แปล] บันทึกการสงครามของคุโระ

    ลำดับตอนที่ #34 : บทที่สาม ตอนที่ 2 ทดสอบการทำนาเกลือ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.49K
      13
      25 ก.ย. 57

    บทที่สาม ออกเดิน

    ตอนที่ 2 ทดสอบการทำนาเกลือ

    ในทุกๆปี นั้นเวลาในฤดูหนาวจะเริ่มจากการหว่านเมล็ดพันธ์พืชฤดูหนาวในเดือนสิบเอ็ด และถ้าไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร เหล่าชาวนาก็จะว่างไปจนถึงเดือนสามของปีถัดไป

    แต่ฤดูหนาวของปีนี้นั้นกลับดูรวดเร็วกว่าทุกปีสำหรับเหล่าเกษตรกรมาก

    เหตุผล หลักๆก็มาจากการที่หนุ่มสาวทั้งหลายเข้ามาทำงานก่อสร้างหอพักทหารกับซ่อม ป้อมปราการในเขตนั่นแหละ ทำให้คนที่เหลืออยู่มีงานให้ทำมากขึ้น

    แน่นอนว่ามีคนที่ไม่ค่อยพอใจอยู่บ้าง แต่นานๆที่มีงานให้ทำก็ดีเหมือนกัน

    คนที่ออกจากหมู่บ้านไปก็กลับมาพร้อมกับเงินจำนวนไม่ใช่น้อยๆเลยด้วย พวกที่ซื้อของฝากมาเยอะจนถือไม่หวาดไม่ไหวก็มี

    ภาพของหญิงสาวที่ถูกอกใจกับเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่คนรักเอากลับมาฝากก็ชวนให้ยิ้มออกมาเสียจริง


    ทั้งๆที่เมื่อปีที่แล้ว เมื่อตอนที่เจ้าเมืองมาปราบโจรที่กบดานอยู่หอคอยร้าง เขายังเสียวๆว่าจะโดนฆ่าไปด้วยอยู่เลยแท้ๆ

    กลายเป็นว่ากลุ่มโจรตอนนั้นก็กลับตัวกลับใจมาทำงานให้เจ้าเมืองแล้ว

    เอาล่ะ...

    ผู้ใหญ่บ้านยืนขึ้นจากเก้าอี้

    จะ นั่งอยู่เฉยไม่ได้ เรื่องที่เขาต้องทำยังมีอีกมากมาย ทั้งไร่นาที่รอการไถ ทั้งพื้นที่ที่อยู่ในช่วงพักดินที่รอการหว่านเมล็ดต้นโคลเวอร์

    ในปีที่สี่ร้อยสามสิบเอ็ดตามปฏิทินของจักรวรรดิ เหล่าเกษตรกรของเขตเอรากิสก็ยังอยู่อย่างสงบสุขเช่นเดิม


    *



    ฉันดูถูกโครโน่เกินไปเอง.... มะ..ไม่คิดเลยว่าตนจะโดนทำเรื่องแบบนั้นได้

    เธอกอดร่างของตนเองด้วยกายที่สั่นเทิ้ม

    เรื่องที่โดนปิดผนึกการเคลื่อนไหวของมือและเท้านั้นยังพอรับได้อยู่

    เธอเองก็เป็นฝ่ายผิด ทั้งคืนแรกที่ได้อยู่ด้วยกัน และคืนนั้นเธอเองก็มาหาทั้งๆที่รู้ว่าเขาเหนื่อยอยู่

    จะยอมหน่อยก็ได้.... เธอคิดอย่างนั้น...

    จริงๆนะ! ไม่ใช่เพราะว่ารู้สึกแย่พอเทียบตัวเองกับ ฮาล์ฟเอลฟ์ ผู้ดูแล ทาส เอล์ฟฝาแฝด หรือริโอะ หรอกนะ!

    แต่ปัญหาคือผ้าปิดตานี่แหละ ผ้าปิดตามันแย่จริงๆ

    ยิ่งโดนใส่ผ้าปิดตาในสภาพที่ขยับแขนขาไม่ได้นี่ยิ่งแล้วใหญ่

    ซ้ำโครโน่ยังไม่ยอมพูดอะไรกับเธอในสภาพนั้นอีก

    รับไม่ได้จริงๆ


    แถมเขายังดูจะสนุกกับมันมาก.... เจ้านั้นมองตัวเองที่เต็มไปด้วยความหวาดระแวงว่าผู้ชายที่อยู่กับตนไม่ใช่โครโน่...

    แล้วสนุกไปกับมัน....


    ยิ่งนึกถึงเรื่องเมื่อคืนก็ยิ่งชวนให้เธออยากจะกุมหัวแล้วกลิ้งไปมากับพื้น

    ไม่สิ.... ถ้ายอมแพ้แค่นี้ก็เข้าทางโครโน่หมดสิ!

    ทีเรียปัดความคิดแย่ๆในหัวของตนทิ้ง

    ต่อจากนี้ต้องเริ่มจากการหาข้อมูลสำหรับสงครามครั้งหน้าก่อน... ซึ่งก็มีแต่ต้องไปถามจุดอ่อนของเขาจากผู้หญิงของโครโน่คนอื่นๆเท่านั้น


    เมื่อเธอนั่งลงยังที่นั่งประจำของตน ผู้ดูแลก็ยกถาดอาหารเช้ามาวางไว้บนโต๊ะข้างหน้า

    ไวส์เคาตท์เอริล ซัลเมลค์ที่ดูเหมือนจะมาถึงห้องอาหารเร็วกว่าทีเรียเล็กน้อยนั้นกำลังนั่งทานอาหารอย่างเงียบๆอยู่ในที่ของเธอ

    "ผู้ดูแล.... เป็นยังไงบ้าง"

    "ก็ดีนี่ ทำไมหรือ?"

    เธอตอบทีเรียกลับโดยไม่คิดมาก

    "ที่ฉันอยากจะถามคือเรื่อง.... ตอนกลางคืน... กับโครโน่... ต่างหาก..."

    "นี่เธอจะให้ชั้นพูดอะไรตั้งแต่เช้าหือ!?"

    ผู้ดูแลสะดุ้งเฮือกแล้วตวาดทีเรียกลับด้วยหน้าแดงแจ๋

    ทั้งๆที่เมื่อปีที่แล้วยังทำเสียงหวานอ้อนขอเงินเดือนโครโน่เพิ่มอยู่เลยแท้ๆ....

    "เรื่องแบบนี้ไปพูดในที่ๆเด็กไม่ได้ยินดีกว่านะ!"

    "..ขอบคุณสำหรับอาหารค่ะ"

    ไม่รู้ว่าเพราะเกรงใจหรือเปล่า แต่เอริล ซัลเมลค์ที่ทานอาหารเสร็จแล้วก็ยืนขึ้น และเดินออกจากห้อง โดยไม่ลิมที่จะทิ้งท้ายว่า

    "....ฉันไม่ใช่เด็กนะคะ"

    ก่อนจะออกจากห้องไป

    "เหลือกันสองคนแล้วสินะ..."

    "....แย่จริงแฮะ"

    ผู้ดูแลถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา

    ".......เรื่องกับโครโน่ล่ะ..."

    "ค่ะค่ะค่ะ เรื่องของชั้นกับท่านโครโน่ก็เป็นไปอย่างปกติค่ะ"

    ดูเธอจะเน้นคำว่า "ปกติ" เป็นพิเศษ

    "หืม... ชาวบ้านธรรมดานี่... ระดับยืนไม่ไหวก็เรียกว่าปกติอยู่งั้นหรือ...."

    "ทะ...ทำไมถึงรู้ขนาดนั้นล่ะ!?"

    ผู้ดูแลยิ้มแห้งๆแล้วจึงยอมพูดแต่โดยดี

    "....ก็....ไม่ใช่ทุกครั้งนะ.... ถ้าเทียบกับคุณหนูเรย์ร่าหรือเอเลน่าจำนวนครั้งของชั้นก็น้อยกว่าด้วย..."

    "แล้ว? วิธีทำรัก?"

    "ต้องบอกถึงขนาดนั้นเลยเหรอ!? ก็.... ปกติท่านโครโน่จะเป็นฝ่ายอ้อนมากกว่า..."

    "อ้อน?"

    ทีเรียถึงกับไปไม่ถูก เนื่องจากเธอยังจินตนาการไม่ถูกเลยว่าตอนโครโน่เป็นฝ่ายอ้อนคนอื่นจะเป็นยังไง

    "เด็กคนนั้นน่ะแบกรับอะไรไว้หลายอย่างใช่ไหมล่ะ... ก็... เลยโอ๋บ้าง ใจดีด้วยบ้าง บางทีก็คอยให้กำลังใจบ้าง..."

    ผู้ดูแลพูดไปก็ยิ้มไป

    "....ไม่โดนใส่กุญแจมือ หรือโดนใส่ผ้าปิดตาเหรอ?"

    "ก็เคยพูดถึงอยู่หรอกนะ... ว่าจะจับใส่ปลอกคอทาส ให้คลานกินอาหารกับพื้น แล้วก็ XXXX กับ OOOOO..."

    ทีเรียหน้าซีดทันที

    เธอถึงกับต้องอึ้งให้กับความป่าเถื่อนของการกระทำที่ถูกพูดถึง

    ดูเหมือนว่าคำพูดของริโอะ เคย์รอน จะถูกต้องจริงๆซะด้วย

    โครโน่นั้นเป็นโรคจิตอันดับหนึ่งแห่งจักรวรรดิอย่างไม่ต้องสงสัย


    *


    ที่ๆชิลบาร์เลือกในการสร้างท่าเรือนั้นอยู่ใกล้ๆป่าดงดิบ ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลประมาณสองเมตร

    เห็นเจ้าตัวว่าถ้าออกไปนิดเดียวความลึกก็จะเพิ่มขึ้นเยอะ ทำให้เหมาะกับการจอดเรือ

    หลังจากกำหนดสถานที่ได้ และรวบรวมแรงงานมาได้แล้ว..... ก็กลายเป็นว่าพวกเขาก็ต้องลงมือสร้างบ้านก่อนท่าเรือ....

    เอาเป็นว่าเสียงดังจากการก่อสร้างก็ได้เริ่มดังขึ้นที่แนวชายทะเลแล้ว


    ฮืม.............

    ผู้ที่ส่งเสียงออกมาคือชิลบาร์นั่นเอง ระหว่างที่โครโน่เดินทางไปเขตโบว์ดิส เขาก็ลองสร้างนาเกลือทดลองขึ้นจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว

    "เป็นไงบ้าง?"

    "วิธีทำน่ะน่าจะถูกแล้ว แต่ดูประสิทธิภาพจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ครับ....."

    ชิลบาร์ตอบโดยไม่ละสายตาจากนาเกลือที่ตนสร้างเสร็จ

    นาเกลือที่ว่าามันก็คือกำแพงคอนกรีตสี่เหลี่ยม ยาวด้านละยี่สิบเมตรและมีทรายอยู่ข้างในนั่นเอง

    "ก็ยังฤดูหนาวอยู่นี่"

    "ถ้า แค่นั้นก็กระทบการผลิตแล้วจะไปทำในปริมาณมากได้น่ะครับ ผมอยากจะสร้างให้มันเก็บเกี่ยวเกลือได้เยอะๆแบบไม่ต้องสนใจฤดู ขืนเป็นแบบนี้จำนวนที่ต้องสร้างมันจะเยอะเกินไปเอา"

    "นั่นสิ ผมก็ไม่ค่อยอยากให้ไปถางป่ามากด้วย"

    การสร้างท่าเรือยังพอว่า แต่ถ้าพวกเขาเริ่มถางป่าทำนาเกลือล่ะก็ รุ่นต่อๆไปจะเริ่มทำตามกับเป็นลูกโซ่แน่

    "ลองคิดวิธีดูใหม่จะดีไหมนะ.."

    "นั่นสิ"

    น่าจะตั้งใจเรียนมากกว่านี้แฮะ...

    โครโน่คิดขึ้นโดยไม่พูดอะไรออกมา


    *


    จะยอมแพ้ไม่ได้!

    ทีเรียบอกตัวเอง

    ถ้ายอมตอนนี้ก็เป็นไปตามที่โครโน่คิดสิ!

    นึกถึงความอับอายเมื่อคืนเข้าไว้!

    ใครจะไปโดนฝะ...ฝึกจนเชื่องเหมือนม้าศึกกัน!

    ยังไงก็ต้องรวบรวมข้อมูลต่อ

    รวบรวมข้อมูลเพื่อการรบครั้งหน้า

    "...ต่อไปก็ยัยทาสสินะ"

    เหมือนเคยได้ยินว่าทำงานเกี่ยวกับบัญชีอยู่สินะ... เธอเชื่อความทรงจำของตนแล้วเดินเข้าไปยังห้องทำงานในคฤหาสน์

    เมื่อหญิงสาวเปิดประตูออกโดยไม่คิดจะเคาะก่อน เธอก็พบกับเด็กสาวคนเดียวกับที่ตนเคยเจอในงานเลี้ยงทำท่าตกใจอยู่ข้างใน

    แต่มันก็เป็นแค่เรื่องที่เกิดขึ้นในพริบตาเดียวเท่านั้น เด็กสาว... เอเลน่ากลับไปทำงานของตนต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    ทีเรียจึงเดินเข้าไปใกล้กับหน้าต่างแล้วจับแจกันที่วางประดับอยู่

    "แจกันสวยดีนี่"

    "นั่นมันแค่ของถูกๆที่กลุ่มการค้าพิกซ์ให้มากเอง ส่วนที่วางไว้ตรงหน้าต่างก็เพราะเดี๋ยวดอกไม้ตายแล้วจะยุ่งยากอีก"

    "....."

    หญิงสาววางแจกันกลับลงสู่ที่เดิมด้วยใบหน้าที่แดงซ่าน

    .....เธอไม่ควรจะทำท่าเหมือนคนรู้เรื่องพวกนี้เลยจริงๆ

    "วันนี้อากาศดีนะ"

    "นั่นสิ"

    เป็น คำตอบที่ไร้อารมณ์จริงๆ ทั้งๆเสียงของเด็กสาวที่เธอเคยได้ยินจากห้องโครโน่ตอนกลางคืนนั้นเหมือนกับ เสียงของคนเจ้าอารมณ์มากกว่าแท้ๆ

    "....เธอชอบโครโน่หรือเปล่า?"

    "ก็ไม่ได้เกลียดนะอะไรหรอก เป็นหนี้ชีวิตเขาตั้งสองครั้ง แถมตอนนี้ก็ได้อยู่ดีกินดีพอสมควรด้วย"

    เสียงปากกาเสียดสีกับกระดาษดังขึ้นท่ามกลางห้องที่เงียบสงัด

    "หืม... ชอบมัน แต่ก็ไม่ยอมให้มันจูบงั้นเหรอ?"

    เสียงเสียดสีของปากกาหยุดลง ถูกแทนที่ด้วยเสียง เป๊าะ! สั้นๆจากปากกาขนนกของเอเลน่าที่หักออกไปสองเสี่ยง

    แล้วเอเลน่าก็เปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานออก หยิบปากกาด้ามใหม่ขึ้นมา

    เมื่อเวลาผ่านไปไม่นานนัก เสียงปากกาเสียดสีกับกระดาษก็ดังขึ้นตามเดิม

    "แล้วการมีอะไรกับด้วยปากหรือก้นนี่มันคืออะไร?"

    เสียงหักของปากกาขนนกดังขึ้นอีกครั้ง

    ใบหน้าของเด็กสาวนั้นแสดงอารมณ์ทั้งโกรธ ทั้งอาย ปากก็เปิดๆปิดๆพูดไม่เป็นภาษา

    "....อะ..แอบดูชั้นเหรอ...."

    "เปล่า แค่แอบฟังหลังประตู"

    เอเลน่าเอามือทั้งสองปิดใบหน้าตนเองทันที

    "ไม่คิดจะตอบคำถามของฉันบ้างเหรอ?"

    "มะ...ไม่ย่ะ!"

    ขืนจะเค้นออกมาเดี๋ยวยัยนี่จะโดนโครโน่ลงโทษอีก น่าสงสารเหมือนกันแฮะ ช่วยไม่ได้

    สุดท้ายทีเรียจึงยอมออกจากห้องทำงานของเอเลน่าไปเองแต่โดยดี

    "ที่เหลือก็มีพวกฝาแฝดกับยัยฮาล์ฟเอลฟ์...."

    ไปถามยัยฮาล์ฟเอลฟ์ท่าจะยาก...

    แถมจะโดนย้ำเตือนอีกว่าเราด้อยกว่าอีกฝ่ายอย่างชัดเจน

    "...แต่เพื่อชัยชนะต่อโครโน่แล้วล่ะก็"

    แค่คิดเท่านี้ก็รู้สึกว่าความพ่ายพ่อต่อยัยฮาล์ฟเอลฟ์นั่นจะเป็นยังไงก็ช่างแล้ว

    ไม่สิ... ควรจะบอกว่าถ้าไม่อดทนตรงนี้คงแย่มากกว่า

    ก่อนที่ทั้งตัวและหัวใจจะกลายเป็นสัตว์เลี้ยงเชื่องๆของโครโน่ไปเสียก่อน...


    เอาเป็นว่าไปที่ลานฝึกแล้วกัน ยัยฮาล์ฟเอลฟ์น่าจะอยู่ที่นั่นนะ

    "ไวส์เคานท์เอริล ซัลเมลค์... ไม่อยู่สินะ"

    เป็นถึงคนสังเกตุการณ์อู้งานได้ยังไงกัน แต่ช่างเถอะ ว่าแล้วทีเรียก็เดินออกจากคฤหาสน์ไป

    เสียงค้อนกระทบกับเหล็กก็ลอยมาเตะหู

    ดูโรงงานของพวกคนแคระจะสร้างอะไรหลายๆนอกจากอาวุธหรือเกราะป้องกันด้วย

    มีทั้งเครื่องมือการเกษตร เครื่องครัว หรือโต๊ะรูปร่างแปลกๆที่ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร

    "องค์หญิงทีเรีย... มาสังเกตุการณ์หรือขอรับ?"

    "ก็... จะว่างั้นก็ได้.... สร้างอะไรหลายอย่างดีนี่"

    "เป็นเพราะท่านโครโน่น่ะขอรับ"

    คนแคระที่เดินมาทักหญิงสาวพยักหน้าอย่างพอใจ

    "โรงงานตรงนู้นผลิตกระดาษอยู่สอนะ แต่ตรงนั้นทำอะไรกันอยู่น่ะ?"

    "ตรงนั้น... ก็ทำกระดาษอยู่เหมือนกันนะขอรับ แค่แบ่งงานกันทำเท่านั้นเอง"

    แทนที่จะผลิตคนงานที่ต้องทำได้ทุกอย่าง สู้ผลิตคนงานที่ทำงานแค่อย่างเดียวจนชำนาญเสียยังจะดีกว่า

    "หืม... นายเป็นคนคิดงั้นหรือ?"

    "เปล่าขอรับ เป็นความคิดของท่านโครโน่"

    บางทีคนแคระคนนี้อาจจะเป็นคนเสนอความคิดให้โครโน่ก็ได้

    เพราะผู้ชายคนนั้นน่ะ ถึงจะมีความรู้ที่สุดยอดสุดๆอยู่ แต่รายละเอียดนี่ไม่รู้เอาเสียเลย

    "อืม ต่อจากนี้ก็ช่วยพยายามเพื่อโครโน่ต่อไปนะ"

    "แน่นอนขอรับ"

    เธอแยกทางกับคนแคระแล้วเดินไปผ่านโรงพยาบาลไปยังย่านการค้าของเขต

    "คึกคักดีเหมือนกันนี่นา.."

    ""เอ๋!? องค์หญิงนี่นา!?""

    ขณะที่เธอกำลังเดินดูร้านรวงตามทาง เอล์ฟฝาแฝดก็เข้ามาทักทีเรีย

    "โอ้ กำลังหาพวกเธออยู่พอดีเลย"

    "งั้นก็.. เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างเราให้แดบแน่นยิ่งขึ้น"

    "ไปหาอาหารทานตามแผงข้างถนนกันดีกว่า"

    ทีเรียโดนเอล์ฟฝาแฝดคล้องแขนทั้งสองข้างแล้วพามาหน้าร้านแผงลอยที่ส่งกลิ่นหอมหวนของอาหารออกมา

    "ไส้กรอกของที่นี่น่ะ สุดยอดมากเลยนา"

    "ลุงๆ ไส้กรอกสามไม้"

    "ครับผม!"

    ไส้กรอกเสียบไม้ถูกยื่นให้เอล์ฟฝาแฝดและทีเรียในแทบจะทันที

    ว่าแต่จะกินยังไงดีล่ะ... ทีเรียฉุกคิดขึ้น

    แต่สุดท้ายเธอก็เลียนแบบเอล์ฟทั้งสองที่อยู่ข้างๆจนได้

    "อร่อยดีนี่"

    "ใช่ไหมล่ะ"

    "งั้นต่อไปก็ผลไม้แห้ง..."

    "คุณลูกค้าครับ ค่าสินค้า!"

    เจ้าของร้านเรียกทั้งสามคนที่ทำท่าจะเดินออกไป

    "ล้อเล่นน่าๆ"

    "งั้นก็องค์หญิง ฝากออกเงินด้วยนะ!"

    "ฉันไม่ได้พกเงินมานะ?"

    เอ๋? เอล์ฟฝาแฝดขึ้นเสียงสูงพร้อมกัน

    ""ทำไมล่ะ?""

    "ทำไมนี่... ปกติต้องพกกันด้วยเหรอ? เงินน่ะ?"

    "มันก็แน่อยู่แล้วสิ!"

    "นี่ใช้ชีวิตแบบไหนมาเนี่ย!"

    เดเนปและแอนริเด็ตพากันส่ายหน้าอย่างเอือมระอา

    "โอยย.... เราดูถูกองค์หญิงเกินไป"

    "ไม่คิดเลยว่าจะไม่รู้จักโลกถึงขนาดนี้...."

    แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็ควักเงินออกมาจากถุงของตนจ่ายให้ร้านค้าไป

    "งั้น.. พวกชั้นค่อนข้างยุ่ง..."

    "ถึงจะเป็นวันหยุด แต่ก็ยุ่งมากเลยล่ะ..."

    "อืม.. เดี๋ยวสิ ไม่ใช่ว่าจะพาไปกินผลไม้แห้งอะไรนี่เหรอ?"

    ""กรี๊ดดดดดดดด""


    สุดท้ายทั้งคู่ก็โดนทีเรียลากไปยังร้านแผงลอยต่อจนได้


    นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้กินอาหารจากร้านประเภทนี้ ซึ่งมันก็ไม่เลวเลยในความคิดของเธอ

    "นั่นมันอะไรกัน? นี่ล่ะ? ไอ้นั่นดูน่าสนุกดีนะ!"

    ""!@#$%^&*""

    คราวนี้เอล์ฟฝาแฝดเป็นฝ่ายถูกทีเรียจับลากไปยังร้านแผงลอยรอบๆบ้าง


    และพอทั้งคู่เริ่มที่จะหยุดขันขืนนั่นเอง

    "มีที่เงียบให้คุยกันได้ไหม?"

    "ทะ...ทำร้ายกระเป๋าสตางค์ของพวกชั้นไปขนาดนั้นแล้ว!"

    "ยังไม่พออีกเร้ออ!"

    เดเนปและแอนริเด็ตตอบด้วยน้ำเสียงที่เหมือนจะกู้วิญญาณกลับมาได้บ้างแล้ว

    "พวกเธอไม่ได้เป็นผู้หญิงของโครโน่หรอกเหรอ?"

    ".....ก็ไม่เกี่ยวกับเงินซักหน่อยนี่"

    "สิ่งที่ได้เป็นพิเศษก็มีแต่ความรักเท่านั้นแหละ"

    สุดท้ายที่ๆทั้งคู่พาทีเรียไปก็คือตึกเล็กๆที่ดูสกปรกแห่งหนึ่ง

    "บ้านร้างเหรอ?"

    "ร้านอาหารย่ะ ร้านอาหาร"

    "แต่ชั้นสองเป็นที่พักนะ"

    ทีเรียเดินตามทั้งสองเข้าไปยังร้านอาหาร

    แม้ว่าข้างนอกจะดูสกปรก แต่ข้างในนั้น..... ก็สกปรกเหมือนข้างนอกไม่ผิด

    โต๊ะและเก้าอี้จำนวนมากถูกตั้งเรียงไว้ตรงกลางห้องโถง

    ลึกเข้าไปอีกคือโต๊ะรูปตัว L ที่มีเอล์ฟชายทำอาหารอยู่อีกฝั่งหนึ่ง

    สำหรับร้านที่ดูสกปรกๆนี่แล้ว การจัดการถูกทำอย่างดีพอสมควรเลยทีเดียว

    แต่ถึงอย่างนั้น ลูกค้าข้างในก็มีแต่อมนุษย์ทั้งนั้น

    ทั้งเผ่าสัตว์ เอล์ฟ คนแคระ.....

    ดูเหมือนว่าที่นี่จะเป็นที่รวมตัวกันของพวกเขา

    งายยยย~ เอล์ฟฝาแฝดพูดกับคนอื่นแล้วนั่งลงบนโต๊ะว่าง

    ....กางเกงเปื้อนแน่เลยแฮะ

    ทีเรียคิดขึ้น แต่สุดท้ายก็ยอมนั่งลงแต่โดยดี

    "ยินดีต้อนรับบ!"

    "ไม่ต้องพูดมากแล้วเอาชามา ชาน่ะ ชา"

    "ที่มันถูกที่สุดน่ะ"

    เอล์ฟสาวหันมาถอนหายใจให้กับทีเรียหลังสั่งอาหารอย่างชุ่ยที่สุดเท่าที่จะชุ่ยได้

    "....ที่นี่คือ?"

    "ร้านของผู้ดูแลน่ะ ถึงตอนนี้ให้คนอื่นเขาเช่าเอาเงินมาใช้หนี้อยู่ก็เถอะ"

    "ส่วนคนเช่าก็เป็นเอล์ฟที่ออกจากกองทัพไปแล้วใช้เงิน... เงินที่ท่านโครโน่ทวงคืนมาให้ตอนโดนโกงไปน่ะ.... มาตั้งตัวเปิดร้านนี้ใหม่"

    จะว่าไปก็มีเรื่องแบบนั้นด้วยนี่นะ ทีเรียพยักหน้ากับตนเอง

    "เชิญครับ"

    "ทำไมสีมันอ่อนๆอ่ะ?"

    "นี่เจือจางมาแล้วใช่ไหมเนี่ย?"

    เดเนปและแอนริเด็ตบ่นให้พนักงานที่เอาชามาเสิร์ฟแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่านั้น

    "ลูกค้าที่นี่มีแต่กึ่งมนุษย์เหรอ?"

    "ก็อย่างที่เห็นอ่ะ"

    "ถ้าไปร้านอื่นเดี๋ยวโดนหาเรื่องอีกอ่ะ"

    เอล์ฟฝาแฝดยกชาขึ้นซดจนหมดในอึกเดียวแล้ววางถ้วยกลับลงบนโต๊ะ




    "การเรียนนี่สำคัญจริงๆน้า..."

    "นั่นสิ พวกชั้นเองก็ต้องคิดเรื่องอนาคตบ้างแล้ว"

    "การ....เรียน?"

    ทีเรียพูดด้วยความแปลกใจหลังจากที่ได้ยินเรื่องที่ได้คิดว่าจะได้ยินจากทั้งคู่

    "เจ้าของที่นี่น่ะ พอเริ่มอ่านหนังสือออกคิดคำนวณเงินได้ถึงได้เช่าร้านนี้มาเปิดน่ะ"

    "ถ้าพวกชั้นรู้ตัวเร็วกว่านี้... แต่คงไม่ไหวอ่ะนะ สุดท้ายกว่าจะรู้ตัวก็ต้องให้คุณนิโคล่าบอกนี่นะ"

    ดูเหมือนเอล์ฟฝาแฝดทั้งสองจะมีความคิดมากกว่าที่ทีเรียคาดการณ์ไว้

    อย่างน้อยก็ฉลาดขนาดคิดถึงอนาคตของตัวเองได้

    "จะว่าไปแล้วองค์หญิงมีธุระอะไรกับพวกชั้นเหรอ?"

    "อืม... ในที่สุดก็จะได้เข้าเรื่องแล้วสินะ"

    ทีเรียกระแอมก่อนจะเริ่มพูดต่อ

    "กับโครโน่เป็นยังไงบ้าง?"

    "เป็นยังไงเหรอ..."

    "ยังไงดีล่ะ?"

    เดเนปและแอนริเด็ตมองหน้ากันแล้วกอดอก

    "ก็สนุกดีกันทั้งสองฝ่าย? ล่ะมั้ง"

    "ท่านโครโน่เองก็เป็นคนง่ายๆกว่าที่คิดด้วย"

    ง่ายๆ...?

    ต่างจากที่สังเกตุได้จากเอเลน่าพอสมควรเลยแฮะ

    "พวกเธอรักโครโน่หรือเปล่า?"

    ""แน่นอนสิ""

    ทั้งสองตอบโดยไม่แม้แต่จะหยุดคิด

    "แล้วรักตรงไหนของมันล่ะ?"

    ""ตรงที่ดูไม่ค่อยฉลาด""

    ถึงมันจะเป็นคำดูถูก แต่น้ำเสียงของทั้งคู่นั้นไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของความดูถูกดูหมื่นโครโน่เลย

    "ว่ายังไงดีล่ะ.... มันรู้สึกอบอุ่นดีนะ"

    "แบบว่าตัวเองจะอยู่ข้างๆเขาต่อไปก็ไม่มีปัญหาอ่ะ"

    เธอเองก็พอจะเข้าใจสิ่งที่ทั้งคู่พูดอยู่เหมือนกัน

    แต่เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน

    "แล้วไอ้การ "ทำ" ให้โครโน่ดูเนี่ย มันแปลว่าอะไร?"

    "ก็... ตอนที่พวกชั้นมีอะไรกันเอง"

    "ท่านโครโน่ก็...ดูแล้ว...มีอารมณ์พลุ้งพล่าน?"

    มีอะไรกันเอง? อารมณ์พลุ้งพล่าน? เธอไม่สามารถทำความเข้าใจคำพวกนั้นได้เลยจริงๆ

    จะว่าไปแล้วผู้หญิงด้วยกันมันมีอะไรกันได้ด้วยเรอะ?

    "แฮะๆๆ จะลองดูไหมล่ะ?"

    "เดี๋ยวองค์หญิงหลงเทคนิคของพวกชั้นไม่รู้ด้วยนะ"

    "ก็สนใจอยู่ แต่ไม่ดีกว่า"

    ทีเรียดันเดเนปและแอนริเด็ตที่เข้ามาใกล้ตนกลับไปที่เก่า

    "ฉันให้ความบริสุทธิ์ของตัวเองกับโครโน่ไปแล้ว ถ้ายอมจะกลายเป็นการหักหลังเขาเอาสิ"

    "เอ๋? องค์หญิงมีอะไรกับท่านโครโน่ไปแล้วเหรอ?"

    "เมื่อไหร่ล่ะนั่น? ไม่สิ เป็นองค์หญิงแท้ๆ ไม่เป็นไรเหรอ?"

    โดนถามแบบนี้ตัวเธอเองก็ตอบไม่ถูกเหมือนกัน... ไม่สิ.. เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์กับขุนนางใหม่

    เหตุผลนี้ก็โอเคอยู่เหมือนกัน

    "เมื่อสองอาทิตย์ก่อนฉันจับโครโน่กดจนถึงเช้าน่ะ"

    ""....""

    คราวนี้เป็นฝ่ายเดเนปและแอนริเด็ตที่ไม่รู้จะตอบยังไงดีบ้าง

    "แล้ว เมื่อคืนก็เลยโดนจับใส่กุญแจมือกับที่ล๊อคขา ละ..แล้วก็........... พอคิดว่าปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้ก็เลยกำลังรวบรวมข้อมูลอยู่น่ะ"

    "".....""

    เอล์ฟฝาแฝดดื่มชาที่เหลือ แล้ววางถ้วยลงบนโต๊ะ

    "ตอนที่พวกเธอโดนจับใส่กุญแจมือ พวกเธอทำยังไงกัน"

    ""เอ่อ.... พวกเราไม่เคยโดนอะไรแบบนั้นนะ""

    เอ๋?

    "ปะ..แปลก..นะ  ฉันได้ยินว่าพวกเธอไม่เคยโดนอะไรแบบนั้นงั้นเหรอ?"

    "ไม่เคยสิ"

    "แถมท่านโครโน่ยังอ่อนโยนด้วย มากๆเลยล่ะ"

    ทีเรียหยิบถ้วยชาขึ้นด้วยมือที่สั่นเทิ้ม

    "อะ....อ่อนโยน?"

    "ก็ให้นอนหนุนแขนบ้าง"

    "ลูบหัวบ้าง หูบ้าง"

    แล้วทั้งคู่จึงหันมามองทีเรีย ด้วยสายตาที่ตีความได้เพียงว่า... "ท่านโครโน่ไม่ได้ทำกับองค์หญิงเหรอ? "

    คำว่าประสบการณ์สำคัญกว่าทฤษฏีมันใช้ไม่ได้จริงๆ

    ว่ายังไงดีล่ะ...

    ไม่ไหวจะเคลียร์แล้วจริงๆ...


    *


    เนื่องจากการทำอาคารครั้งหนึ่ง จะต้องทำให้คนเป็นจำนวนถึงสองร้อยห้าสิบคน ทำให้อาหารกลางวันมักจะเป็นอาหารง่ายๆ

    อย่างเช่นวันนี้ก็เป็นเพียงซุปที่เคี่ยวปลาและผักจนเข้ากันโดยไม่ปรุงอะไรมากเท่านั้น

    โครโน่หย่อนตัวลงบนโขดหินใกล้ๆตัว แล้วก็เดาะลิ้นให้กับรสจืดของอาหาร

    อยากได้มิโซะจังแฮะ....

    ว่าแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองเป็นคนญี่ปุ่นแท้จริงๆ

    "รสชาติเป็นยังไงบ้างคะ ท่านโครโน่?"

    "อร่อยดีนะ"

    อาเรียที่ตอนนี้ใส่เครื่องแปลภาษายิ้มให้เขาเมื่อโครโน่ตอบกลับ

    สำหรับน้องสาวของผู้ช่วยเขาแล้ว อาเรียดูจะชอบทำงานบ้านพอสมควรเลยทีเดียว

    แต่ ก็ดีแล้วล่ะ เพราะถึงบ้านของพวกเขาจสร้างเสร็จแล้ว พวกลิซาร์ดแมนก็ยังมีงานต่ออีก เรื่องทำอาหารคนต้องฝากให้เหล่าสาวๆชาวมิโนเทารุสทำไปก่อน

    ".....ได้ยินจากพี่ชายว่าท่านโครโน่จะสร้างท่าเรือมาน่ะค่ะ มีเหตุผลอะไรหรือเปล่าคะ?"

    "หลักๆ ก็เพื่อพัฒนาให้บ้านเมืองของผมเจริญขึ้นน่ะแหละ ถ้าท่าเรือเสร็จ คนกับสินค้าก็จะมารวมตัวกัน ลิซาร์ดแมนกับมิโนเทารุสที่มีดีด้านพละกำลังจะได้หางานทำได้ด้วย"

    โครโน่ตักซุปเค็มๆขึ้นซดอีกอึก

    "แน่ นอน ภาษีที่เก็บได้ก็ด้วย ถ้าเก็บภาษีได้ เงินที่จะเอาไปพัฒนาระบบสาธารณสุขก็จะเพิ่มขึ้น โรงบรรเทาทุกข์เองก็... แล้วผมก็มีแผนจะสร้างโรงเรียนด้วย..."

    "ของ..มนุษย์รึเปล่าคะ?"

    "ไม่หรอก"

    โครโน่ส่ายหัว

    "เป็น ที่ทั้งมนุษย์ แล้วก็กึ่งมนุษย์จะเรียนหนังสือร่วมกันได้น่ะ คนที่มีเวลากำจัดตอนกลางวันผมก็จะให้จัดการเรียนการสอบตอนกลางคืน หรือช่วงฤดูหนาวด้วย"

    "....เหมือนฝันเลยนะคะ"

    "ตอนนี้น่ะนะ"

    เขาซดซุปที่เหลือจนหมด แล้วยื่นชามไม้ที่ว่างเปล่าคืนให้อาเรีย


    *


    อ้อนกันบ้าง.. นอนหนุนแขนกันบ้าง... ลูบหัวหรือหูกันบ้าง...

    หรือก็คือ....

    การมีอะไรกันของชายหญิงนั้นไม่ใช่กิจกรรมที่จะทำในอารมณ์ของ "บุกโจมตี!" สินะ

    ล้ม เหลวจริงๆ... พอมองตัวเองที่เอาแต่เหลิงที่ได้ลงเอยกับคนตนรัก ทำให้เลิกคิดอะไรอย่างอื่นเป็นเวลากว่าสองสัปดาห์แล้วมันน่าอายสิ้นดี

    อา... ฉันมันเป็นผู้หญิงที่ต่ำต้อยกว่าพวกกึ่งมนุษย์เสียอีก...

    ทีเรียเดินมาถึงประตูเมืองฮาเชลแล้ว

    อีกฝั่งของประตูนั้นคือผืนแผ่นดินรกร้างที่กว้างใหญ่

    ถ้าออกไปตอนนี้ไม่นานแม้แต่เธอก็คงรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้ไม่ได้

    "คุณแม่ ตรงนั้นองค์หญิงหรือเปล่า?"

    "สโนว์!"

    เมื่อทีเรียหันไปทางต้นเสียง เธอก็พบกับเด็กสาวฮาล์ฟเอลฟ์เงยหน้ามองตนเองด้วยรอยยิ้ม

    ดูจากชุดเกราะหนังที่ใส่อยู่แล้ว อีกฝ่ายคงจะเป็นทหารสินะ แต่เหมือนอายุของเด็กสาวตรงหน้าเธอนั้นจะยังไม่สิบห้าดีด้วยซ้ำ

    ผมของเธอมีสีแดง รับกับดวงตาสีฟ้าดูน่ารัก

    "ยินดีที่ได้รู้จัก ผมชื่อสโนว์นะ"

    "สโนว์!"

    ไม่ทันไร ฮาล์ฟเอล์ฟผิวสีแทนอีกคนก็มาเกาะไหล่เด็กสาวเอาไว้

    "ไม่ได้นะคะสโนว์ อย่าเข้าไปหาพวกขุนนางหรือเชื้อพระวงศ์โดยไม่ทำความเคารพเนี่ย"

    "แต่องค์หญิงเองก็สนิทกับท่านโครโน่เองนี่ ไม่เป็นไรหรอก"

    เมื่อกี้.... เด็กสาวคนนี้เรียกฮาล์ฟเอล์ฟผิวสีแทนนี่... เรียกเรย์ร่าว่าแม่สินะ...

    แม่ก็คือผู้ให้กำเนิด เป็นคำที่ใช้เรียกคนที่ตั้งท้องตนเองขึ้นมา

    และถ้ามีแม่ก็ต้องมีพ่อ...

    "......อ่อก!"

    ทีเรียถึงกับเข่าอ่อน ล้มลงพื้นไปเลยทีเดียว

    "อ่ะ...เอ่อ... องค์หญิงทีเรียคะ?"

    "...มะ...ไม่เป็นไร... นั่นสินะ... ฉันไม่เป็นไรหรอก"

    ทีเรียค่อยๆลุกขึ้นมาทั้งๆที่ขายยังไม่หายสั่น

    "วะ...ว่าแต่....เธอ...ไป..มีลูกกับโครโน่...ตั้งแต่เมื่อไหร่.."

    "องค์หญิงๆ ถึงผมจะเรียกคุณแม่เรย์ร่าว่าคุณแม่ แต่ก็ไม่ได้เป็นแม่ลูกกันจริงๆนะ"

    เอ๋?

    "ขออภัยด้วยค่ะที่ทำให้เข้าใจผิด"

    "นะ...นั่นสินะ ตั้งแต่โครโน่มาประจำการที่นี่เวลาก็ผ่านไปยังไม่ถึงปีเลยนี่นะ จะมีลูกโตขนาดนี้ได้ยังไงเนอะ"

    ฮะๆๆ ทีเรียหัวเราะออกมาอย่างโล่งใจ

    "แล้วพวกเธอมาทำอะไรที่นี่ล่ะ?"

    "เรากำลังไปซื้อกระดาษล่ะ"

    "ใน เขตของเรา หลังจากกระดาษถูกใช้ไปแล้ว เราสามารถนำมาล้างหมึกออกและใช้ใหม่ได้น่ะค่ะ ซึ่งคุณภาพของกระดาษจะลดลงไปด้วย แต่ก็ยังเหมาะกับการหัดเขียนตัวอักษรหรือเป็นกระดาษจดอยู่"

    เรย์ร่าอธิบายให้ฟังโดยสีหน้าไม่เปลี่ยน

    "เธอเป็นคนสอนหนังสือเด็กคนนี้หรือ?"

    ค่ะ... เรย์ร่าตอบ แต่ครั้งนี้เธอเบยสายตาหนีทีเรียด้วยความอายเล็กน้อย

    "พอคุณแม่สอนผมก็พอจะเขียนหนังสือได้บ้างแล้วนะ นับเลขได้ถึงร้อยแล้วด้วย!"

    "....งะ...งั้นหรือ"

    ตอนแรกเธอก็ว่าจะตวาดว่าเข้ามาใกล้เกินไปแล้ว แต่พออีกฝ่ายดูไร้เดียงสาขนาดนี้ก็ไม่กล้าพูดออกไป

    "สโนว์.... ไปโรงงานคนเดียวได้ไหมคะ?"

    "ได้สิ!"

    "งั้นหลังจากไปรับกระดาษมาแล้วช่วยรออยู่ในห้องฉันด้วยค่ะ"

    "อื้ม!"

    สโนว์พยักหน้าแล้ววิ่งออกไปคนเดียว

    ".....ไม่ได้มีธุระกับฉันหรือคะ?"

    หลังจากสโนว์ลับตาไป เรย์ร่าก็หันมาพูดกับทีเรีย

    "ทะ...เธอ... โครโน่... ไม่สิ... กับโครโน่เป็นยังไงบ้าง?"

    "ท่านโครโน่ใจดีกับฉันอยู่เสมอๆค่ะ"

    เรย์ร่าแนบมือกับหน้าอกของตนแล้วยิ้มเล็กๆอย่างพอใจ

    "ละ...แล้วตอนกลางคืนล่ะ... อ่อนโยนหรือเปล่า.."

    "ค่ะ... ตะ....ตั้งแต่ครั้งแรก... ตลอดมา"

    อีกฝ่ายเบือนหน้าหนีอย่างอายๆ แต่ก็ตอบคำถามของเธออย่างไม่บิดพลิ้ว

    ความเป็นผู้หญิงของหญิงสาวตรงหน้าเธอนั้นไม่ได้มีแต่แรก แต่ด้วยท่าทางเหล่านั้นเอง ที่ทำให้เสน่ห์ในฐานะผู้หยิงของเรย์ร่าปรากฏขึ้นมา

    "มะ...ไม่ได้โดนล่ามอะไรใช่ไหม?"

    "...?"

    เรย์ร่ามองเธอกลับด้วยสายตาที่พอจะแปลความหมายได้ว่า "พูดอะไรอยู่น่ะคะ"

    หรือก็คือฮาล์ฟเอลฟ์นี่ก็ไม่เคยโดนจับใส่กุญแจมือเหมือนกัน

    เป็นความพ่ายแพ้จริงๆ

    พ่ายแพ้ในฐานะลูกผู้หญิง

    เพราะงั้น...

    "ทำยังไง... โครโน่ถึงจะใจดีกับฉันบ้างนะ...."

    ทีเรียพึมพัมกับตนเองเบาๆ

    ".....ฉันได้รับสิ่งหลายๆอย่างมาจากท่านโครโน่ค่ะ"

    "คิดจะอวดหรือ?"

    เรย์ร่าส่ายหน้าให้แก่ทีเรีย

    "ท่านโครโน่มอบการศึกษาให้ฉันค่ะ แต่ฉันในตอนนั้นก็ยังไม่เข้าใจในการกระทำของท่านโครโน่ จนถึงกับ... ไม่พอใจเสียด้วยซ้ำ"

    เธอน่ะ...ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าโครโน่รักเธอขนาดนั้น

    ทีเรียกำหมดแน่น

    ตอนที่เธอจะให้เงินโครโน่เพื่อให้แยกทางจากเรย์ร่า เขาปฏิเสธเธอ

    ถึงทั้งคู่จะสนิทกัน แต่จะยังไงเธอก็เป็นองค์หญิงแห่งจักรวรรดิ และในตอนนั้นยังเป็นผู้สืบทอดราชบัลลังค์อีกด้วย

    และโครโน่ก็ขัดใจเธอ ยืนยันจะรับฮาล์ฟเอลฟ์ที่ต่ำต้อยมาเป็นคนรักของตนเอง


    ถ้าเป็นขุนนางธรรมดาล่ะก็ คงจะทำตามคำสั่งของทีเรียเป็นแน่แท้

    อย่างน้อยถ้าได้ทำให้องค์หญิงพอใจล่ะก็....


    หญิงสาวตรงหน้ายังจะหวังอะไรจากโครโน่อีก...

    "แต่ ว่าหลังจากท่านนิโคล่าบอกให้รู้ถึงความหมายของการกระทำของท่านโครโน่ แล้วก็หลังจากที่โกลดี้บอกฉันว่าท่านโครโน่ยอมทำให้องค์หญิงไม่พอใจเพื่อจะ ให้ฉันให้อยู่ข้างๆ...."

    แววตาของหญิงสาวตรงหน้าทีเรียนั้นเต็มไปด้วยความละอายต่อความผิดพลาดของตนเอง

    "ฉัน ถึงรู้ตัวค่ะ ว่าตัวฉันในตอนนั้นเป็นเพียงแค่สัตว์ป่าเท่านั้นเอง.....  หวังเพียงแต่ความสัมพันธ์ทางร่างกาย ไม่แม้แต่จะทำความเข้าใจความหวังใจของท่านโครโน่"

    และก็เป็นความรักของโครโน่นี่เอง... ที่เปลี่ยนเรย์ร่าให้กลายเป็นมนุษย์

    "เพราะ ฉะนั้นฉันถึงตั้งใจว่าจะรับใช้ท่านโครโน่ตลอดไป ไม่เกี่บวกับฐานะขุนนาง หรือเพราะเป็นเจ้านาย... ฉันอยากจะมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้ท่านโครโน่จริงๆค่ะ"

    ทีเรียถึงกับพูดไม่ออก

    ไม่ใช่ว่าเธอตกใจในความสูงส่งของฮาล์ฟเอล์ฟตรงหน้า

    เธอตกใจในความต่ำต้อยของตนเองต่างหาก


    เธอพึ่งจะรู้ถึงความรู้สึกของอัศวินรักษาพระองค์ผู้ทรยศต่อตนเอง

    เธอเคยไม่พอใจในพวกเขาเหล่านั้น

    แต่เธอก็รู้แล้ว

    ว่าเธอเพียงแค่อาศัยตำแหน่งเจ้าหญิงทำให้พวกเขาเชื่อฟังตนเองตลอดมา

    ใครจะไปจงรักภักดีกับผู้หญิงแบบนั้นกัน

    ใครจะไปยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยผู้หญิงแบบนั้นกันเล่า....


    *


    ประสิทธิภาพ.. ประสิทธิภาพ...

    ชิลบาร์เดินรอบนาเกลือทดลองที่ตนเองสร้างขึ้น

    แบบนั้นก็ไม่ได้... แบบนี้ก็.... ไม่ได้! จะทำยังไงให้มันทำงานได้ดีกว่านี้!


    โครโน่อยากจะบอกว่าไม่ต้องเครียดขนาดนั้นก็ได้ แต่สีหน้าของชิลบาร์นั้นน่ากลัวจนเขาไม่กล้าพูดออกไป

    "....ผมว่าไม่ต้องคิดมากขนาดนั้นก็ได้นา..."

    "พวกฉันก็ว่างั้นแหละ แต่ถ้าอยู่ในตำแหน่งเดียวกับชิลบาร์ก็คงเป็นเหมือนเขา"

    โครโน่มองหาต้นเสียง และเมื่อลดสายตาลง เขาก็พบกับคนแคระสาวนั่งอยู่กับพื้น

    คนแคระเพศหญิงนั้นมีส่วนสูงที่น้อยไม่ต่างจากเพศชายมากนัก แต่พวกเธอมีรูปร่างที่บางกว่ามาก

    ส่วนคนแคระสาวคนนี้สงสัยจะทำงานเกี่ยวกับถ่าน เพราะนอกจากผมสั้นสีแดงของเธอแล้ว เขม่าแทบจะเกาะร่างของเธอไปเสียทั้งร่าง

    ดูจากหน้าตาแล้วคงจะมีอายุประมาณยี่สิบ แต่ก็เอาแน่เอานอนไม่ได้

    การตัดสินอายุของคนแคระจากหน้าตานั้นยากพอๆกับตัดสินอายุของเอล์ฟจากหน้าตา

    หรือก็คือเดายังไงก็ไม่ถูกพอๆกัน

    "โอกาส ที่พวกฉันจะมีโอกาศได้มีโรงงานของตัวเองน่ะ ชีวิตนึงครั้งนึงจะมีรึเปล่ายังไม่รู้เลย จะประทังชีวิตด้วยค้อนอันเดียวมันก็มีขีดจำกัดอยู่.... แต่ในจุดนั้นหัวหน้าหน่วยโกลดี้ก็ทำได้ดีแล้วแหละ"

    "ถ้ามีของที่อยากทำผมออกงบให้ก็ได้นะ?"

    คนแคระสาวเบิกตากว้าง เงยหน้าขึ้นมองโครโน่ แต่พอเวลาผ่านไปซักพัก เธอก็หัวเราะออกมา

    "อืม... ก็ไม่ใช่อย่างงั้นหรอกนะ แต่ถ้าซักวันนึงชั้นมีโอกาศได้มีโรงงานของตัวเองก็อยากให้มาเป็นลูกค้าหน่อย น่ะ เพราะงั้นจำชื่อกับหน้าชั้นไว้ดีๆล่ะ"

    "อือ... เอาสิ"

    เขาเริ่มรู้ตัวแล้วว่าเด็กสาวตรงหน้าเขานั้น... แล้วก็อาจจะมีคนอื่นๆด้วย...

    ไม่ได้ทำงานให้ชิลบาร์ด้วยความชอบ แต่ทั้งหมดทำเพื่อจะให้มีโอกาศคุยกับตน และให้ตนจำพวกเขาได้

    "ชั้นพอลล่า ฝากตัวด้วยนะ"

    "เช่นกัน"

    พอเขาละสายตาจากเธอ ชิลบาร์ก็หยุดเดิน แล้วเบิกตากว้างค้างอยู่กับที่

    พอเวลาผ่านไปซักพัก

    "นะ...นี่แหละ!"

    เมื่อเขาหันไปตามสายตาของลูกน้องตน ภาพที่เขาพบคือเหล่ามิโนเทารุสและลิซาร์ดแมนต่างก็กำลังมัดฟางวางไว้เป็นกองๆอยู่


    *


    กว่าโครโน่จะกลับมาถึงคฤหาสน์ก็เป็นเวลาเย็นของวัดถัดมาแล้ว


    แต่เราต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรา แล้วรอให้อีกฝ่ายทำงานเสร็จก่อนสินะ....

    ทีเรียนั่งรอในห้องของตน

    ถึงจะมีอะไรหลายๆอย่าง แต่ฉันก็เกิดใหม่แล้วนะ.... เธอมุ่งหน้าไปยังห้องของโครโน่เมื่อเวลาผ่านไปจนเริ่มดึกพอสมควรแล้ว

    ต้องอ่อนโยน... ไม่ใช้กำลัง...

    โครโน่เองก็น่าจะยังเหนื่อยอยู่สินะ.... วันนี้แค่นอนข้างๆก็ได้

    แต่ถ้าอีกฝ่ายต้องการขึ้นมาก็.... ต้องทนไว้สินะ

    เธอเคาะประตู รอให้อีกฝ่ายเปิดออกมารับ

    แต่เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับเสียที เธอจึงเปิดประตูห้องออก

    "!?"

    ภาพที่เธอเห็นคือโครโน่ที่กำลังนอนหลับอยู่

    นอนหลับอยู่บนตักเรย์ร่า

    ซึ่งเรย์ร่าก็เหมือนจะรู้ตัวว่าทีเรียเข้าห้องมาแล้ว

    "มีธุระอะไรหรือคะ องค์หญิงทีเรีย?"

    "แค่เห็นก็น่าจะรู้นี่"

    พวกเธอคุยกันโดยออมๆเสียงไว้ ไม่ให้โครโน่ตื่นขึ้นมา

    "ขออภัยด้วยค่ะ แต่ท่านโครโน่กำลังเหนื่อยอยู่.."

    "ฉะ..ฉันรู้น่า"

    แต่หน้าที่นั้นควรจะเป็นของฉันสิ... เธอจ้องเรย์ร่าและยิ้มแค่นๆ

    ไม่สิ... พึ่งจะตัดสินใจได้เองไม่ใช่หรือ...

    ครั้งนี้จะยอมไปก่อนก็ได้

    "องค์หญิงคะ... ขอประทานโทษด้วย... แต่ขอความร่วมมือในการทำตามตารางการมาห้องท่านโครโน่ด้วยได้ไหมคะ?"

    "ตะ...ตาราง?"

    "ถึง ท่านโครโน่จะไม่ทราบ แต่พวกฉันผู้หญิงของท่านโครโน่ก็พูดคุยวางแผนกันเสมอค่ะ ว่าใคร ในเวลาไหน จะได้โอกาศมาหาท่านโครโน่... ทั้งนี้ก็เพื่อหลีกเลี่ยงการบาดหมางที่ไม่จำเป็นค่ะ แน่นอนว่าถ้าวันไหนท่านโครโน่ไม่ว่าง ตารางนี้ก็จะปรับเปลี่ยนไปเหมือนกัน"

    น่่าตกใจจริงๆ... แต่ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

    "....ความจริงวันที่องค์หญิงโดนท่านโครโน่ใส่กุญแจมือกับผ้าปิดตาเป็นวันของฉันด้วยค่ะ"

    "ละ..แล้วทำไมเธอถึงรู้เรื่องนั้นได้"

    "นั่นสินะคะ"

    ชิส์....

    ถึงจะยังมีเรื่องอยากจะพูดอีกเยอะ

    แต่ถ้าโดนล้อเรื่องคืนนั้นล่ะก็ เธอคงไปไม่ถูกเป็นแน่

    "ก็ได้ ครั้งต่อไปฉันจะเข้าประชุมด้วย จำไว้ซะเถอะ"

    "ขอบพระคุณมากค่ะ"

    เมื่อพูดคุยกันจบ ทีเรียก็เดินออกจากห้องโครโน่ไปอย่างเงียบๆ แล้วกำหมัดแน่น

    "...การพูดคุยหรือ"

    แน่นอนว่าเธอเห็นด้วยที่เรื่องพวกนี้ควรจะมีการจัดการอย่างมีระเบียบ ก่อนที่ความรุนแรงจะเกิดขึ้น

    แต่เอาจริงๆ....

    มันจะคุยกันยังไงอ่ะ




    มุมบ่นของผู้แปล (ไม่ต้องอ่านก็ได้ครับ จะพยายามไม่สปอยมาก)

    ลงก่อนสอบ ช่วงสอบจะได้ไม่พะวง

    (พูดไปงั้นแหละ สุดท้ายก็ไปแปลโดเรือต่อ)
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×