ลำดับตอนที่ #13
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : หัวหน้าแห่งโคลด์บลัดด์ ก็ต้องสั่งได้แต่โคลด์บลัดด์ [?]
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
...นี่ข้ากลายเป็นผู้ดูแลของเกรเซียสไปแล้วใช่มั๊ย...หวังว่าจะไม่ใช่นะ...ข้าถอนหายใจ
จริงๆข้าเคยถามตัวเองหลายรอบแล้วหลังจากที่เห็นเกรเซียสในปัจจุบันนี้...เทพอัศวินครีอุสองค์ก่อนสอนมายังไงให้เด็กที่เคยเรียบร้อยว่านอนสอนง่ายอย่างเกรเซียสกลายเป็นแบบนี้ไปได้กันนะ และมันทำให้ข้าทั้งรู้สึกโล่งอกและรู้สึกผิดต่อเกรเซียสยิ่งขึ้นอีก
ข้ารู้สึกดีมากที่ข้าไม่ได้ถูกเลือกในตอนนั้น แต่ข้าก็รู้สึกผิดต่อเกรเซียสที่ทำให้เขาต้องทนกับบททดสอบที่น่าจะโหดร้ายน่าดู ถึงได้เปลี่ยนเกรเซียสคนนั้นให้กลายเป็นเทพอัศวินครีอุสคนปัจจุบันอย่างนี้ได้
เฮ้อ...เกรเซียส...ข้าไม่อยากรู้เลยซักนิดว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างที่ข้าไม่อยู่
แต่คิดไปถึงเทอร์มิส หัวหน้ากลุ่มโคลด์บลัดด์ ข้าก็ต้องถอนหายใจซ้ำสอง อย่าว่าแต่เทพอัศวินครีอุสองค์ก่อนเลย ขนาดเทพอัศวินเทอร์มิสองค์ก่อนยังสอนให้เด็กที่กลัวเลือดและการเฆี่ยนตีคนอื่นที่สุดอย่างแลนซ์ให้กลายมาเป็นเทพอัศวินแห่งการลงฑัณฑ์ได้เลยนี่นะ
จริงๆข้าไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของคนอื่นอย่างที่เกรเซียนกับเทอร์มิสเคยเตือนข้าก็จริง แต่ทำไมก็ไม่รู้...ถึงข้าจะไม่ได้เข้าไปยุ่ง ไม่อยากรู้ และไม่สนใจ แต่กลับได้รู้มากขึ้นทุกที
ข้ารู้ว่าไทรอนกำลังแอบคบกับนักบวชสาว ซึ่งข้าได้ยินมาว่าเธอเป็นคนที่สามสิบสามเข้าไปแล้ว
ข้ารู้ว่าเทมเพสเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ทำให้เกรเซียสต้องรับการรักษาด่วนได้ แต่เขาก็มีความอดทนสูงพอจะไม่ทำแบบนั้นบ่อยๆยกเว้นเวลาเขาถูกยั่วโมโหมากๆจริงๆ และคนที่ครองอันดับยั่วโมโหเขาได้มากที่สุดก็คือเกรเซียสนั่นแหละ
ข้ารู้ว่าเทพอัศวินอาเทมิสเกิดอาการคอเคล็ดจนก้มไม่ลง [ซึ่งข้าไม่ได้อยากจะรู้ซักนิด แต่ข้าได้ยินเขาบ่นพึมพำกับตัวเองตอนที่เขียนจดหมายถึงแฟนของเขา ซึ่งมันเป็นภาพที่แปลกน่าดูที่เห็นคนเขียนจดหมายโดยที่ต้องวางบนกำแพงแทนที่จะนั่งเขียนบนโต๊ะ]
ข้ารู้ว่าเทพอัศวินเนเฟลชอบดื่มของแปลก แม้จะไม่มีใครกล้าถามว่ามันคืออะไรก็ตาม แต่ข้าก็รู้ว่ามันมาจากไหนและทำมันยังไง
เอาเป็นว่าข้ารู้ก็แล้วกัน! แม้ว่าข้าจะไม่ได้อยากรู้เลยก็ตามเถอะ!!! และเรื่องบางเรื่องที่ข้ารู้ก็ไม่มีคนอื่นรู้เสียด้วย เช่นเรื่องเครื่องดื่มของเทพอัศวินเนเฟลเป็นต้น แต่ข้าก็ไม่ได้พูดออกไปหรอก ข้าถือว่า ตราบใดที่พวกเขายังทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ก็สมควรจะได้รับการยอมรับ เพราะฉะนั้นข้าก็แค่เก็บเงียบ ไม่ต้องพูดอะไรก็พอ
ข้ากังวลจริงๆว่าที่ข้ารู้โน่นรู้นี่โดยที่ข้าไม่ต้องการนั้น มีสาเหตุมาจากการที่ข้าเป็นประมุขแห่งความตาย ดังนั้นข้าจึงมีประสาทสัมผัสไวเป็นพิเศษกับพวกเทพอัศวิน และไม่แน่ว่าอาจจะเป็นเพราะข้ากับพวกเขาไม่มีทางอยู่ร่วมกันได้ ข้าจึงได้รู้ความลับของแต่ละคนมาโดยไม่รู้ตัว แม้ว่าพวกเขาจะพยายามปกปิดหรือไม่ก็ตาม
......เพราะข้า...คือประมุขแห่งความตาย......
......ส่วนพวกเขา...คือเทพอัศวิน......
สองสิ่งนี้ไม่ควรอยู่ร่วมกันได้ตั้งแต่แรก และจริงๆข้าก็เตรียมใจที่จะตายเอาไว้แล้ว แต่...
......เกรเซียส...ช่วยข้าเอาไว้......
เขาให้ความสำคัญกับข้า...ข้าที่สูญสิ้นชีวิตไปแล้วและกลายเป็นปิศาจที่ต้องกำจัดทิ้งเพื่อความสงบสุข...จริงๆมันคือหน้าที่ของเขาที่ต้องกำจัดข้า แต่เขาก็เลือกจะไม่ทำ
เขาโค่นล้มราชา...ทวงความยุติธรรมให้แก่ข้า และยังให้ความไว้เนื้อเชื่อใจแก่ข้า...เขาไม่เปลี่ยนไปเลยในข้อนี้ ความจริงที่ว่าไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีชื่อเสียงชั่วร้ายหรือเป็นตัวอันตรายขนาดไหน ตราบใดที่เราไม่ชักอาวุธออกมา ถึงจะยืนอยู่จนแทบจะติดกันเขาก็ไม่มีทางลงมือเด็ดขาด นี่สิที่ทำให้ข้าเป็นห่วงเขา
แต่ข้าไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงและดูแลเขาอีก...เพราะมีแลนซ์คอยช่วยทำหน้าที่แทนในส่วนของข้าไปแล้ว
ข้าถอนหายใจเป็นรอบที่สาม ทั้งๆที่ข้าคิดว่าพ้นจากหน้าที่นี้แล้วแท้ๆ...แต่ทำไมข้าต้องมาเป็นผู้ดูแลให้เขาอีกกันนะ
ทำไมเทอร์มิสถึงไม่มาเอง? ทั้งๆที่เขาดูจะเป็นห่วงครีอุสยิ่งกว่าข้าซะอีก
“กำลังคิดอะไรอยู่น่ะ”เด็กหนุ่มอีกคนเดินมาหาข้า ถ้าข้าจำไม่ผิด ที่อันเซียร์แนะนำให้รู้สึกจะชื่อ...แอบเนอร์
“ไม่มีอะไรหรอก”ข้าถอนหายใจเป็นครั้งที่สี่ ที่เกรเซียสเคยบอกข้าตั้งแต่ยังเด็กๆว่าถอนหายใจหนึ่งครั้งอายุลดลงสามวินาที แต่ข้าคงไม่มีอายุจะให้ลดได้อีกแล้วล่ะ
“ใส่ชุดนี้ไม่ร้อนเหรอ”ลีโอน่าถามข้า
“...ไม่...”
สำหรับประมุขแห่งความตายอย่างข้า...ความร้อนของอากาศภายนอกไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว แต่ความร้อนจากเวทย์มนต์และแสงสว่างนี่สิที่ทำให้ข้าถึงตายได้
“แปลก”เอเฮิร์นพูดกับข้า
“......”ข้าไม่ปฏิเสธเขาหรอก เพราะในการใส่ชุดนี้ครั้งแรกข้าก็รู้สึกว่าแปลกเหมือนกัน
ข้าตกใจไม่น้อยที่พิงกี้จะมีเครื่องรางอาภรณ์แห่งมังกรมากกว่าสองชิ้น เพราะในฐานะอัศวินข้าย่อมรู้ดีว่าของชิ้นนี้หายากขนาดไหน แต่ข้าคิดว่าครีอุสคงไม่รู้หรอกว่าเครื่องรางชิ้นนี้เป็นของที่มีราคากว่าห้าร้อยล้านในตลาดมืด และในฐานะอัศวิน ชุดนักฆ่าชุดนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่อันตรายมาก ใครเห็นก็ต้องรู้สึกระแวงไม่น้อยอยู่แล้ว เพราะพวกเราเหล่าอัศวินย่อมมีความเร็วด้อยกว่านักฆ่าแน่นอน
แต่ตอนนี้ข้าไม่ใช่อัศวินแล้ว ถึงเกรเซียสจะให้ข้าปลอมตัวเป็นเทพอัศวินฮาเดส แต่ข้าก็ปฏิเสธตัวตสที่แท้จริงของข้าไม่ได้...ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่คนแล้ว...ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตแล้วด้วยซ้ำ
“เจ้าจะถอดผ้าปิดปากอกหน่อยก็ได้ฮาเดส”ครีอุสตะโกนบอกข้า
“...ฮื่อ...”ข้าตอบรับเขา จริงๆก็ดีเหมือนกัน ข้ารู้สึกอึดอัดไม่น้อยเวลาใส่ผ้าคลุมหน้านั่น
แต่พอข้าถอดผ้าคลุมหน้าออก คนที่ชื่อโลชูก็หันมามองข้าอีกคน...เฮ้อ...
เกรเซียส...ข้าชักรู้สึกว่าเขาจงใจแกล้งข้าอย่างไรอย่างนั้น...
- ทางด้านเทอร์มิส -
“คุณ...พูดว่าอะไรนะ”ราชาซอนเน่ขมวดคิ้ว
“อย่างที่ข้าบอกไปแล้ว...ข้าคิดว่าข้าจำเป็นต้องแจ้งท่านก่อนในเรื่องนี้”ข้าถอนหายใจ
“คนที่เล่นงานเซียร์เมื่อวาน...และวันที่เราไปรับพวกคุณ...เป็นคนที่ศาสนจักรจ้างมา”ราชาซอนเน่ทวนคำ
“ข้าไม่เข้าใจคำว่าศาสนจักรเท่าใดนัก แต่จากที่พระสังฆราชบอก พวกเขาคืออดีตผู้นำการเผยแพร่ศาสนาที่เพิ่งมีเรื่องแตกคอกับคนในเมือง...สินะ”ข้าถาม
“ใช่ ศาสนจักรน่ะคือองค์กรที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อการตามล่าและสังหารอมนุษย์ที่มีอันตรายทุกตน ไม่มียกเว้น และ...เราก็ไปมีเรื่องกับพวกเขา”
“ข้าต้องการการขยายความที่ชัดเจนกว่านี้นะ...ราชาซอนเน่”ข้าเอ่ย
“...เรื่องอะไร...”สายตาของเขาที่มองมาทางข้าเริ่มมีแววกร้าว
“ทำไมพวกท่านถึงมีเรื่องกับศาสนจักร ในเมื่อพวกเขาตั้งตนเป็นศัตรูกับอมนุษย์ ผู้ที่เป็นมนุษย์ธรรมดาอย่างพวกท่านก็ไม่น่าจะไปมีเรื่องกับคนที่ทำเพื่อปกป้องตนเอง ยกเว้นแต่ว่า...”
ข้าเห็นสีหน้าของราชาซอนเน่เริ่มตึงขึ้น เขาเริ่มไม่พอใจแล้ว แต่ข้าไม่สนหรอก
“ยกเว้นแต่...สิ่งที่ท่านต้องการปกป้องคือสิ่งที่พวกเขาต้องการทำลาย...คนในเมืองนี้กำลังปกป้องอมนุษย์...สินะ”
แกร็ก!!!
เป็นไปตามที่ข้าคาดจริงๆ ชายที่ชื่อไคล์ชักอาวุธเหล็กสีดำมะเมื่อมออกมาจ่อเข้าที่หัวของข้า ข้าเคยเห็นอาวุธประหลาดแบบนี้ปล่อยลูกเหล็กเล็กๆออกมา และความเร็วของมันจะช่วยเพิ่มพลังทำลาย หากในระยะประชิดเช่นนี้คงยากจะรอดหากเป็นคนธรรมดา
...อย่างที่ข้าบอก...หากเป็นคนธรรมดา...
“นายรู้มากไปแล้ว”ไคล์กัดฟัน
“นี่น่ะเหรอการต้อนรับของท่าน ราชาซอนเน่”ข้าเอ่ย
“......”
“ถ้าเช่นนั้นข้าคงต้องบอกสินะ...ว่าคนที่ท่านต้องการปกป้อง...ก็คือน้องชายของท่านเอง”ข้าเอ่ยอีกครั้ง
“เซียร์ไม่ใช่อมนุษย์!!!”ราชาซอนเน่ลุกพรวด เขาคงโกรธจัดแล้วจริงๆ
“เขาไม่ใช่อมนุษย์ แต่ก็ไม่ใช่มนุษย์เช่นกัน ท่านปฏิเสธข้านี้ไม่ได้ และยิ่งคนรอบข้างของเขา อย่างคนที่ชื่อโจซัวนั่นก็ใช่”ข้าตอบ “ขอให้ท่านเข้าใจว่าที่ข้าต้องพูดเพราะข้ามีเรื่องที่ต้องบอกท่านเช่นกัน ไม่เช่นนั้น...”
ฉับ!!!
ข้าตัดเศษเหล็กในมือของไคล์นั่นจนเป็นชิ้นๆ ในระยะแค่นี้ ต่อให้ไม่ใช่ข้า ใครๆก็ทำได้ แต่อาจจะยกเว้นครีอุสไว้คนล่ะนะ เพราะฝีมือดาบของเขาห่วยแบบไม่ธรรมดาจริงๆ
“ไม่เช่นนั้น...ข้าคงไม่แค่ทำลายอาวุธแน่”
“นี่แก!!!”ชายอีกคนในห้องที่มักจะมีรอยยิ้มอยู่เสมอชักอาวุธแบบเดิมๆออกมาอีกอัน [ข้ามารู้ทีหลังว่าเขาชื่ออันเลน] แต่ราชาซอนเน่กลับนิ่งเงียบ แม้ว่าเขาจะกำลังโกรธมากก็ตาม
“ขออภัยที่ต้องใช้วิธีการข่มขู่ แต่ข้าเองก็มีเรื่องจำเป็นของข้าเหมือนกัน”ข้าถอนหายใจ
ข้าว่าข้าต้องเตือนพวกเขาเอาไว้ก่อนเรื่องเทพอัศวินฮาเดส และเรื่องครีอุส ถึงข้าจะเตือนเขาเรื่องครีอุสแล้วเมื่อวาน และยังได้รับคำยืนยันจากน้องชายตัวเองอีก ราชาซอนเน่น่าจะเชื่อ แต่เรื่องของลอเรน ข้าว่าเขาคงไม่ยอมเชื่อง่ายๆแน่
ที่ข้ากำลังกังวลก็คือ ถ้าลอเรนเกิดไปเจอคนของศาสนจักรเข้าล่ะก็...ได้มีเรื่องแน่ๆ
วิ้ว...
สายลมพัดเบาๆอยู่ในห้อง ทั้งๆที่ห้องนี้เป็นห้องแบบปิด ก่อนที่ร่างสีขาวซีดของเนเฟลจะปรากฏตัวออกมา ทำให้พวกคนของเซ็ตติ้งซันผงะกันไปหมด
“เทอร์มิส”เสียงที่เขาพูดกับข้ามีแววไม่พอใจเล็กน้อย ซึ่งถือเป็นเรื่องแปลก
“ไม่ทราบว่าเจ้าไม่เห็นรึยังไงว่าข้ากำลังคุยธุระ หัวหน้าเทพอัศวินเนเฟล”ข้าถอนหายใจ จริงๆก็อยากจะคุยกับเขาดีๆหรอกนะ แต่สงสัยคงเพราะการฝึกฝนของท่านอาจารย์ดีเกินไปหน่อย คนของโคลด์บลัดด์กับคนของเฮมิซมันจะเข้ากันไม่ได้ แค่เห็นก็รู้สึกไม่ชอบใจแล้ว แต่คำพูดนี้อาจจะยกเว้นกับเกรเซียส ข้าว่าเจ้านั่นน่าจะเป็นคนของโคลบด์บลัดด์มากกว่าข้าซะอีก ทำไมคนแบบเขาถึงเป็นผู้นำกลุ่มเทพแห่งความดีงามได้นะ ไม่เข้าใจจริงๆ
“ทำไมเจ้าต้องให้ฮาเดสไป”เนเฟลถามข้าด้วยเสียงเอื่อยๆเหมือนเดิม เขาไม่ใส่ใจคนรอบข้างเลยซักนิด ซึ่งข้าก็ไม่คิดจะสนเหมือนกัน เพราะสิ่งที่เขาพูดมันทำให้ข้าสนใจได้มากกว่า
“เขาไปถึงเจ้ากับครีอุสเร็วที่สุด”ข้าตอบสั้นๆ
“แต่ให้เขาออกไปข้างนอก มันเสี่ยงมาก!”เนเฟลตะคอกใส่หน้าข้า ทำข้างงไปเลย
เท่าที่ข้ารู้จัก เนเฟลไม่ได้เป็นคนที่ชอบตะคอกใส่ใครแบบนี้ เขามักจะพูดเบาๆเหมือนคนไม่มีความมั่นใจในตัวเองด้วยซ้ำ
“แล้วเจ้าจะให้ข้าทำยังไง ในเมื่อฮาเดสอาสาเอง และตอนนี้ข้าก็ไม่ว่าจะไปตามเขาด้วย”ข้ากอดอก ทำสายตาในแบบของ “เทพอัศวินเทอร์มิส”
“อีกอย่าง ข้าสั่งได้แต่คนของโคลด์บลัดด์ ซึ่งเจ้าก็รู้ดีแก่ใจว่าคนของโคลด์บลัดด์เมื่อวานไปทำอะไรกันมา สายลมไม่เคยโกหกเจ้า และเจ้าก็น่าจะรู้ด้วยว่าคนที่ข้าจะสั่งได้ตอนนี้มีแค่ฮาเดสเท่านั้น”
“แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา! เจ้ารู้อยู่แล้วว่าตอนนี้มีพวกล่าอมนุษย์ป้วนเปี้ยนไปมารอบๆเมืองแบบนี้ เจ้ายังส่งเขาออกไปข้างนอกอีกรึไง!!!”
ข้าอดตกตะลึงไม่ได้ เขารู้...เขารู้ตั้งแต่แรกว่าฮาเดสคือใคร แต่เขากลับไม่เคยตั้งคำถามในการกระทำของข้ากับเกรเซียสที่ดึงประมุขแห่งความตายเข้ามาในวิหารเทพแห่งแสงสว่างเลยรึนี่?
“หากเขาอยู่กับครีอุส ทุกอย่างต้องเรียบร้อย”ข้าตอบทั้งๆที่ยังคาใจอยู่มาก
“......”
“เจ้าไม่เชื่อข้าก็ได้ แต่จงเชื่อในตัวหัวหน้าของเจ้า”
“ถ้ามันไม่เป็นอย่างที่เจ้าว่า...ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับฮาเดส...เจ้าโดนแน่!”
จากนั้นร่างของเนเฟลก็เลือนหายไปอีกครั้ง ข้าว่าเขาออกจะเป็นห่วงลอเรนเป็นพิเศษนะ พวกเจ้าคิดอย่างข้าไหม
“...เทพอัศวินฮาเดส...มีอะไรเกี่ยวของกับอมนุษย์?”
สมกับที่เป็นราชาซอนเน่ แค่ฟังที่ข้าพูดไม่กี่ประโยค เขาก็จับใจความสำคัญจนได้
“นั่นแหลือคือเรื่องที่ข้าต้องการจะบอก”ข้าถอนหายใจ
เกรเซียส...เจ้านี่มันเอาแต่หาเรื่องเดือดร้อนมาให้ข้าจริงๆ!!!
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
...นี่ข้ากลายเป็นผู้ดูแลของเกรเซียสไปแล้วใช่มั๊ย...หวังว่าจะไม่ใช่นะ...ข้าถอนหายใจ
จริงๆข้าเคยถามตัวเองหลายรอบแล้วหลังจากที่เห็นเกรเซียสในปัจจุบันนี้...เทพอัศวินครีอุสองค์ก่อนสอนมายังไงให้เด็กที่เคยเรียบร้อยว่านอนสอนง่ายอย่างเกรเซียสกลายเป็นแบบนี้ไปได้กันนะ และมันทำให้ข้าทั้งรู้สึกโล่งอกและรู้สึกผิดต่อเกรเซียสยิ่งขึ้นอีก
ข้ารู้สึกดีมากที่ข้าไม่ได้ถูกเลือกในตอนนั้น แต่ข้าก็รู้สึกผิดต่อเกรเซียสที่ทำให้เขาต้องทนกับบททดสอบที่น่าจะโหดร้ายน่าดู ถึงได้เปลี่ยนเกรเซียสคนนั้นให้กลายเป็นเทพอัศวินครีอุสคนปัจจุบันอย่างนี้ได้
เฮ้อ...เกรเซียส...ข้าไม่อยากรู้เลยซักนิดว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างที่ข้าไม่อยู่
แต่คิดไปถึงเทอร์มิส หัวหน้ากลุ่มโคลด์บลัดด์ ข้าก็ต้องถอนหายใจซ้ำสอง อย่าว่าแต่เทพอัศวินครีอุสองค์ก่อนเลย ขนาดเทพอัศวินเทอร์มิสองค์ก่อนยังสอนให้เด็กที่กลัวเลือดและการเฆี่ยนตีคนอื่นที่สุดอย่างแลนซ์ให้กลายมาเป็นเทพอัศวินแห่งการลงฑัณฑ์ได้เลยนี่นะ
จริงๆข้าไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของคนอื่นอย่างที่เกรเซียนกับเทอร์มิสเคยเตือนข้าก็จริง แต่ทำไมก็ไม่รู้...ถึงข้าจะไม่ได้เข้าไปยุ่ง ไม่อยากรู้ และไม่สนใจ แต่กลับได้รู้มากขึ้นทุกที
ข้ารู้ว่าไทรอนกำลังแอบคบกับนักบวชสาว ซึ่งข้าได้ยินมาว่าเธอเป็นคนที่สามสิบสามเข้าไปแล้ว
ข้ารู้ว่าเทมเพสเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ทำให้เกรเซียสต้องรับการรักษาด่วนได้ แต่เขาก็มีความอดทนสูงพอจะไม่ทำแบบนั้นบ่อยๆยกเว้นเวลาเขาถูกยั่วโมโหมากๆจริงๆ และคนที่ครองอันดับยั่วโมโหเขาได้มากที่สุดก็คือเกรเซียสนั่นแหละ
ข้ารู้ว่าเทพอัศวินอาเทมิสเกิดอาการคอเคล็ดจนก้มไม่ลง [ซึ่งข้าไม่ได้อยากจะรู้ซักนิด แต่ข้าได้ยินเขาบ่นพึมพำกับตัวเองตอนที่เขียนจดหมายถึงแฟนของเขา ซึ่งมันเป็นภาพที่แปลกน่าดูที่เห็นคนเขียนจดหมายโดยที่ต้องวางบนกำแพงแทนที่จะนั่งเขียนบนโต๊ะ]
ข้ารู้ว่าเทพอัศวินเนเฟลชอบดื่มของแปลก แม้จะไม่มีใครกล้าถามว่ามันคืออะไรก็ตาม แต่ข้าก็รู้ว่ามันมาจากไหนและทำมันยังไง
เอาเป็นว่าข้ารู้ก็แล้วกัน! แม้ว่าข้าจะไม่ได้อยากรู้เลยก็ตามเถอะ!!! และเรื่องบางเรื่องที่ข้ารู้ก็ไม่มีคนอื่นรู้เสียด้วย เช่นเรื่องเครื่องดื่มของเทพอัศวินเนเฟลเป็นต้น แต่ข้าก็ไม่ได้พูดออกไปหรอก ข้าถือว่า ตราบใดที่พวกเขายังทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ก็สมควรจะได้รับการยอมรับ เพราะฉะนั้นข้าก็แค่เก็บเงียบ ไม่ต้องพูดอะไรก็พอ
ข้ากังวลจริงๆว่าที่ข้ารู้โน่นรู้นี่โดยที่ข้าไม่ต้องการนั้น มีสาเหตุมาจากการที่ข้าเป็นประมุขแห่งความตาย ดังนั้นข้าจึงมีประสาทสัมผัสไวเป็นพิเศษกับพวกเทพอัศวิน และไม่แน่ว่าอาจจะเป็นเพราะข้ากับพวกเขาไม่มีทางอยู่ร่วมกันได้ ข้าจึงได้รู้ความลับของแต่ละคนมาโดยไม่รู้ตัว แม้ว่าพวกเขาจะพยายามปกปิดหรือไม่ก็ตาม
......เพราะข้า...คือประมุขแห่งความตาย......
......ส่วนพวกเขา...คือเทพอัศวิน......
สองสิ่งนี้ไม่ควรอยู่ร่วมกันได้ตั้งแต่แรก และจริงๆข้าก็เตรียมใจที่จะตายเอาไว้แล้ว แต่...
......เกรเซียส...ช่วยข้าเอาไว้......
เขาให้ความสำคัญกับข้า...ข้าที่สูญสิ้นชีวิตไปแล้วและกลายเป็นปิศาจที่ต้องกำจัดทิ้งเพื่อความสงบสุข...จริงๆมันคือหน้าที่ของเขาที่ต้องกำจัดข้า แต่เขาก็เลือกจะไม่ทำ
เขาโค่นล้มราชา...ทวงความยุติธรรมให้แก่ข้า และยังให้ความไว้เนื้อเชื่อใจแก่ข้า...เขาไม่เปลี่ยนไปเลยในข้อนี้ ความจริงที่ว่าไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีชื่อเสียงชั่วร้ายหรือเป็นตัวอันตรายขนาดไหน ตราบใดที่เราไม่ชักอาวุธออกมา ถึงจะยืนอยู่จนแทบจะติดกันเขาก็ไม่มีทางลงมือเด็ดขาด นี่สิที่ทำให้ข้าเป็นห่วงเขา
แต่ข้าไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงและดูแลเขาอีก...เพราะมีแลนซ์คอยช่วยทำหน้าที่แทนในส่วนของข้าไปแล้ว
ข้าถอนหายใจเป็นรอบที่สาม ทั้งๆที่ข้าคิดว่าพ้นจากหน้าที่นี้แล้วแท้ๆ...แต่ทำไมข้าต้องมาเป็นผู้ดูแลให้เขาอีกกันนะ
ทำไมเทอร์มิสถึงไม่มาเอง? ทั้งๆที่เขาดูจะเป็นห่วงครีอุสยิ่งกว่าข้าซะอีก
“กำลังคิดอะไรอยู่น่ะ”เด็กหนุ่มอีกคนเดินมาหาข้า ถ้าข้าจำไม่ผิด ที่อันเซียร์แนะนำให้รู้สึกจะชื่อ...แอบเนอร์
“ไม่มีอะไรหรอก”ข้าถอนหายใจเป็นครั้งที่สี่ ที่เกรเซียสเคยบอกข้าตั้งแต่ยังเด็กๆว่าถอนหายใจหนึ่งครั้งอายุลดลงสามวินาที แต่ข้าคงไม่มีอายุจะให้ลดได้อีกแล้วล่ะ
“ใส่ชุดนี้ไม่ร้อนเหรอ”ลีโอน่าถามข้า
“...ไม่...”
สำหรับประมุขแห่งความตายอย่างข้า...ความร้อนของอากาศภายนอกไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว แต่ความร้อนจากเวทย์มนต์และแสงสว่างนี่สิที่ทำให้ข้าถึงตายได้
“แปลก”เอเฮิร์นพูดกับข้า
“......”ข้าไม่ปฏิเสธเขาหรอก เพราะในการใส่ชุดนี้ครั้งแรกข้าก็รู้สึกว่าแปลกเหมือนกัน
ข้าตกใจไม่น้อยที่พิงกี้จะมีเครื่องรางอาภรณ์แห่งมังกรมากกว่าสองชิ้น เพราะในฐานะอัศวินข้าย่อมรู้ดีว่าของชิ้นนี้หายากขนาดไหน แต่ข้าคิดว่าครีอุสคงไม่รู้หรอกว่าเครื่องรางชิ้นนี้เป็นของที่มีราคากว่าห้าร้อยล้านในตลาดมืด และในฐานะอัศวิน ชุดนักฆ่าชุดนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่อันตรายมาก ใครเห็นก็ต้องรู้สึกระแวงไม่น้อยอยู่แล้ว เพราะพวกเราเหล่าอัศวินย่อมมีความเร็วด้อยกว่านักฆ่าแน่นอน
แต่ตอนนี้ข้าไม่ใช่อัศวินแล้ว ถึงเกรเซียสจะให้ข้าปลอมตัวเป็นเทพอัศวินฮาเดส แต่ข้าก็ปฏิเสธตัวตสที่แท้จริงของข้าไม่ได้...ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่คนแล้ว...ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตแล้วด้วยซ้ำ
“เจ้าจะถอดผ้าปิดปากอกหน่อยก็ได้ฮาเดส”ครีอุสตะโกนบอกข้า
“...ฮื่อ...”ข้าตอบรับเขา จริงๆก็ดีเหมือนกัน ข้ารู้สึกอึดอัดไม่น้อยเวลาใส่ผ้าคลุมหน้านั่น
แต่พอข้าถอดผ้าคลุมหน้าออก คนที่ชื่อโลชูก็หันมามองข้าอีกคน...เฮ้อ...
เกรเซียส...ข้าชักรู้สึกว่าเขาจงใจแกล้งข้าอย่างไรอย่างนั้น...
- ทางด้านเทอร์มิส -
“คุณ...พูดว่าอะไรนะ”ราชาซอนเน่ขมวดคิ้ว
“อย่างที่ข้าบอกไปแล้ว...ข้าคิดว่าข้าจำเป็นต้องแจ้งท่านก่อนในเรื่องนี้”ข้าถอนหายใจ
“คนที่เล่นงานเซียร์เมื่อวาน...และวันที่เราไปรับพวกคุณ...เป็นคนที่ศาสนจักรจ้างมา”ราชาซอนเน่ทวนคำ
“ข้าไม่เข้าใจคำว่าศาสนจักรเท่าใดนัก แต่จากที่พระสังฆราชบอก พวกเขาคืออดีตผู้นำการเผยแพร่ศาสนาที่เพิ่งมีเรื่องแตกคอกับคนในเมือง...สินะ”ข้าถาม
“ใช่ ศาสนจักรน่ะคือองค์กรที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อการตามล่าและสังหารอมนุษย์ที่มีอันตรายทุกตน ไม่มียกเว้น และ...เราก็ไปมีเรื่องกับพวกเขา”
“ข้าต้องการการขยายความที่ชัดเจนกว่านี้นะ...ราชาซอนเน่”ข้าเอ่ย
“...เรื่องอะไร...”สายตาของเขาที่มองมาทางข้าเริ่มมีแววกร้าว
“ทำไมพวกท่านถึงมีเรื่องกับศาสนจักร ในเมื่อพวกเขาตั้งตนเป็นศัตรูกับอมนุษย์ ผู้ที่เป็นมนุษย์ธรรมดาอย่างพวกท่านก็ไม่น่าจะไปมีเรื่องกับคนที่ทำเพื่อปกป้องตนเอง ยกเว้นแต่ว่า...”
ข้าเห็นสีหน้าของราชาซอนเน่เริ่มตึงขึ้น เขาเริ่มไม่พอใจแล้ว แต่ข้าไม่สนหรอก
“ยกเว้นแต่...สิ่งที่ท่านต้องการปกป้องคือสิ่งที่พวกเขาต้องการทำลาย...คนในเมืองนี้กำลังปกป้องอมนุษย์...สินะ”
แกร็ก!!!
เป็นไปตามที่ข้าคาดจริงๆ ชายที่ชื่อไคล์ชักอาวุธเหล็กสีดำมะเมื่อมออกมาจ่อเข้าที่หัวของข้า ข้าเคยเห็นอาวุธประหลาดแบบนี้ปล่อยลูกเหล็กเล็กๆออกมา และความเร็วของมันจะช่วยเพิ่มพลังทำลาย หากในระยะประชิดเช่นนี้คงยากจะรอดหากเป็นคนธรรมดา
...อย่างที่ข้าบอก...หากเป็นคนธรรมดา...
“นายรู้มากไปแล้ว”ไคล์กัดฟัน
“นี่น่ะเหรอการต้อนรับของท่าน ราชาซอนเน่”ข้าเอ่ย
“......”
“ถ้าเช่นนั้นข้าคงต้องบอกสินะ...ว่าคนที่ท่านต้องการปกป้อง...ก็คือน้องชายของท่านเอง”ข้าเอ่ยอีกครั้ง
“เซียร์ไม่ใช่อมนุษย์!!!”ราชาซอนเน่ลุกพรวด เขาคงโกรธจัดแล้วจริงๆ
“เขาไม่ใช่อมนุษย์ แต่ก็ไม่ใช่มนุษย์เช่นกัน ท่านปฏิเสธข้านี้ไม่ได้ และยิ่งคนรอบข้างของเขา อย่างคนที่ชื่อโจซัวนั่นก็ใช่”ข้าตอบ “ขอให้ท่านเข้าใจว่าที่ข้าต้องพูดเพราะข้ามีเรื่องที่ต้องบอกท่านเช่นกัน ไม่เช่นนั้น...”
ฉับ!!!
ข้าตัดเศษเหล็กในมือของไคล์นั่นจนเป็นชิ้นๆ ในระยะแค่นี้ ต่อให้ไม่ใช่ข้า ใครๆก็ทำได้ แต่อาจจะยกเว้นครีอุสไว้คนล่ะนะ เพราะฝีมือดาบของเขาห่วยแบบไม่ธรรมดาจริงๆ
“ไม่เช่นนั้น...ข้าคงไม่แค่ทำลายอาวุธแน่”
“นี่แก!!!”ชายอีกคนในห้องที่มักจะมีรอยยิ้มอยู่เสมอชักอาวุธแบบเดิมๆออกมาอีกอัน [ข้ามารู้ทีหลังว่าเขาชื่ออันเลน] แต่ราชาซอนเน่กลับนิ่งเงียบ แม้ว่าเขาจะกำลังโกรธมากก็ตาม
“ขออภัยที่ต้องใช้วิธีการข่มขู่ แต่ข้าเองก็มีเรื่องจำเป็นของข้าเหมือนกัน”ข้าถอนหายใจ
ข้าว่าข้าต้องเตือนพวกเขาเอาไว้ก่อนเรื่องเทพอัศวินฮาเดส และเรื่องครีอุส ถึงข้าจะเตือนเขาเรื่องครีอุสแล้วเมื่อวาน และยังได้รับคำยืนยันจากน้องชายตัวเองอีก ราชาซอนเน่น่าจะเชื่อ แต่เรื่องของลอเรน ข้าว่าเขาคงไม่ยอมเชื่อง่ายๆแน่
ที่ข้ากำลังกังวลก็คือ ถ้าลอเรนเกิดไปเจอคนของศาสนจักรเข้าล่ะก็...ได้มีเรื่องแน่ๆ
วิ้ว...
สายลมพัดเบาๆอยู่ในห้อง ทั้งๆที่ห้องนี้เป็นห้องแบบปิด ก่อนที่ร่างสีขาวซีดของเนเฟลจะปรากฏตัวออกมา ทำให้พวกคนของเซ็ตติ้งซันผงะกันไปหมด
“เทอร์มิส”เสียงที่เขาพูดกับข้ามีแววไม่พอใจเล็กน้อย ซึ่งถือเป็นเรื่องแปลก
“ไม่ทราบว่าเจ้าไม่เห็นรึยังไงว่าข้ากำลังคุยธุระ หัวหน้าเทพอัศวินเนเฟล”ข้าถอนหายใจ จริงๆก็อยากจะคุยกับเขาดีๆหรอกนะ แต่สงสัยคงเพราะการฝึกฝนของท่านอาจารย์ดีเกินไปหน่อย คนของโคลด์บลัดด์กับคนของเฮมิซมันจะเข้ากันไม่ได้ แค่เห็นก็รู้สึกไม่ชอบใจแล้ว แต่คำพูดนี้อาจจะยกเว้นกับเกรเซียส ข้าว่าเจ้านั่นน่าจะเป็นคนของโคลบด์บลัดด์มากกว่าข้าซะอีก ทำไมคนแบบเขาถึงเป็นผู้นำกลุ่มเทพแห่งความดีงามได้นะ ไม่เข้าใจจริงๆ
“ทำไมเจ้าต้องให้ฮาเดสไป”เนเฟลถามข้าด้วยเสียงเอื่อยๆเหมือนเดิม เขาไม่ใส่ใจคนรอบข้างเลยซักนิด ซึ่งข้าก็ไม่คิดจะสนเหมือนกัน เพราะสิ่งที่เขาพูดมันทำให้ข้าสนใจได้มากกว่า
“เขาไปถึงเจ้ากับครีอุสเร็วที่สุด”ข้าตอบสั้นๆ
“แต่ให้เขาออกไปข้างนอก มันเสี่ยงมาก!”เนเฟลตะคอกใส่หน้าข้า ทำข้างงไปเลย
เท่าที่ข้ารู้จัก เนเฟลไม่ได้เป็นคนที่ชอบตะคอกใส่ใครแบบนี้ เขามักจะพูดเบาๆเหมือนคนไม่มีความมั่นใจในตัวเองด้วยซ้ำ
“แล้วเจ้าจะให้ข้าทำยังไง ในเมื่อฮาเดสอาสาเอง และตอนนี้ข้าก็ไม่ว่าจะไปตามเขาด้วย”ข้ากอดอก ทำสายตาในแบบของ “เทพอัศวินเทอร์มิส”
“อีกอย่าง ข้าสั่งได้แต่คนของโคลด์บลัดด์ ซึ่งเจ้าก็รู้ดีแก่ใจว่าคนของโคลด์บลัดด์เมื่อวานไปทำอะไรกันมา สายลมไม่เคยโกหกเจ้า และเจ้าก็น่าจะรู้ด้วยว่าคนที่ข้าจะสั่งได้ตอนนี้มีแค่ฮาเดสเท่านั้น”
“แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา! เจ้ารู้อยู่แล้วว่าตอนนี้มีพวกล่าอมนุษย์ป้วนเปี้ยนไปมารอบๆเมืองแบบนี้ เจ้ายังส่งเขาออกไปข้างนอกอีกรึไง!!!”
ข้าอดตกตะลึงไม่ได้ เขารู้...เขารู้ตั้งแต่แรกว่าฮาเดสคือใคร แต่เขากลับไม่เคยตั้งคำถามในการกระทำของข้ากับเกรเซียสที่ดึงประมุขแห่งความตายเข้ามาในวิหารเทพแห่งแสงสว่างเลยรึนี่?
“หากเขาอยู่กับครีอุส ทุกอย่างต้องเรียบร้อย”ข้าตอบทั้งๆที่ยังคาใจอยู่มาก
“......”
“เจ้าไม่เชื่อข้าก็ได้ แต่จงเชื่อในตัวหัวหน้าของเจ้า”
“ถ้ามันไม่เป็นอย่างที่เจ้าว่า...ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับฮาเดส...เจ้าโดนแน่!”
จากนั้นร่างของเนเฟลก็เลือนหายไปอีกครั้ง ข้าว่าเขาออกจะเป็นห่วงลอเรนเป็นพิเศษนะ พวกเจ้าคิดอย่างข้าไหม
“...เทพอัศวินฮาเดส...มีอะไรเกี่ยวของกับอมนุษย์?”
สมกับที่เป็นราชาซอนเน่ แค่ฟังที่ข้าพูดไม่กี่ประโยค เขาก็จับใจความสำคัญจนได้
“นั่นแหลือคือเรื่องที่ข้าต้องการจะบอก”ข้าถอนหายใจ
เกรเซียส...เจ้านี่มันเอาแต่หาเรื่องเดือดร้อนมาให้ข้าจริงๆ!!!
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น