คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เปิดเทอม
THE FANFICTION
THE THIEF OF BARAMOS
WRITER TOPVENUS
ตอนที่1 เปิดเทอม
สุริยาฉายเหนือขอบฟ้าแสงสีทองอาบไล้เบาบางลงบนพื้นปฐพี หมู่วิหคโผบินขึ้นจากรัง เสียงพูดคุยเบาจากแวดล้อม เสียงกระทบกันของบานประตูที่อ้าออกพร้อมรับวันใหม่ บ่งแจ้งว่าเป็นเวลาเช้าแล้ว หากแต่วันนี้มีบางอย่างที่ผิดแปลกไปจากทุกวัน เกวียนจำนวนหลายร้อยเล่ม เล็กบ้าง ใหญ่บ้าง เทียมด้วยสัตว์ต่างๆ มิว่าจะเป็นสัตว์ที่ราคาแพลงลิบลิ่วอย่างมังกร ม้า ลา ไม่จนกระทั่ง หนูนาตัวใหญ่ ดูแล้วล้วนสะดุดตาเป็นยิ่งนัก ต่างวิ่งกันมาตามเส้นทางปูลาดยาวเป็นแนวด้วยอิฐสีแดง ตามเส้นทางนั้นรายล้อมไปด้วย พ่อค้า แม่ค้า เรียกซื้อของอย่างหน้าตื่นตาตื่นใจ แม้หลายสรรพสิ่งจะเคลื่อนไหวแล้ว หากแต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่ยังไม่ตื่นจากห้วงนิทรา แม้แสงนั้นจะส่องลอดผ่านไปยังเกวียนเล่มเล็กแล้วก็ตาม
“องค์หญิงพระเจ้าคะ ตื่นบรรทมได้แล้วพระเจ้าคะ” เสียงดังขึ้นมาจากสิ่งมีชีวิตตัวเล็กที่ดูไม่ออกว่าคือตัวอะไรกันแน่ ตัวเท่าฝ่ามือ กับเขาที่ยาวกว่าตัวหลายเท่า แต่งชุดขุนนางเต็มยศชวนให้ขบขันยิ่งนัก
“อีกนิดนะ โกโดม 5 นาทีเท่านั้นละ” คำตอบกลับจากร่าง ที่คุดคู้อยู่ตายผ้าห่ม ชวนให้เขาปวดเศียรเวียนเกล้า อาจเป็นเพราะว่าถ้าหากปล่อยอีก 5 นาที อาจหมายถึงตะวันอยู่กลางหัว
“แต่วันนี้เป็นวันเปิดเรียนนะ พระเจ้าคะ” ไม่ได้ผล เมื่อร่างใต้ผ้าห่มยังหลับไม่รู้เรื่องไม่แม้แต่จะลืมตาขึ้นในหัวโคมุสน้อยๆของมันกำลังใช้ความคิดอย่างนัก ก่อนตัดสินใจโพล่งออกไป
“ คาโล วาเนบลี เดอะ ปรินซ์ ออฟ คาโนวาล เสด็จ” ตามความคาดหมายคนที่อยู่ใต้ผ้าห่มสะดุ้งตื่นขึ้น โดยไม่มีอาการงัวเงีย พลางพูดอย่างรีบร้อนว่า
“คาโลมา คาโล”เมื่อไม่พบบุคคลที่ถูกขานชื่อดวงตาสีน้ำตาลคู่สวยส่องประกายอำมหิตวาววับ ไปคาดโทษ รืมฝีปากบางแสยะยิ้มเหี้ยม นิ้วเรียวคีบเจ้าโคมุสขึ้นสูง ทำท่าจะโยนออกไปเรียกให้มันตาเหลือกรีบอธิบายเหตุผล
“เออกระหม่อมลองปลุกหลายวิธีแล้วแต่ไม่ทรงตื่น เกรงว่าจะไปไม่ทันนะพระเจ้าคะ” สัตว์ประหลาดที่ถูกเรียกว่าโกโดมกล่าวแก้ตัว
“เออจริงสิ แย่แล้ว วันนี้คาโลถือธงป้อมอัศวิน ต้องรีบไป ต้องรีบไป โกโดม ชุดละชุด อยู่ไหน” สีหน้าตื่นตกใจทำให้โคมุสตัวจ้อยนั้นต้องแอบอมยิ้ม เมื่อเห็นท่าทีขององค์หญิงคนสำคัญ
/ คงมีแต่มนุษย์เอเดนผมเงินคนนี้ละมั้งที่ทำให้องค์หญิงของมันมีความสุขได้ /
“ฉลองพระองค์อยู่ริมสุดพระเจ้าคะ เชิญองค์หญิง กระหม่อมจะออกไปรอข้างนอก” สิ้นคำกล่าวเจ้าโคมุสก็ออกไปจากเกวียนพร้อมรอยยิ้มแปลกๆ
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
ภายในเกวียน
“อะไรเนี่ย” เสียงจากหญิงสาวดวงตากลมโตสีน้ำตาล ผมสีเดียวกับตาที่ถูกปล่อยเคลียหลัง แผลเป็นใต้ดวงตาข้างซ้ายดูอ่อนจางจนแทบมองไม่เห็น ภายในมือปรากฏกระโปรงพีชสีดำ กับเสื้อสีขาวเข้ารูป ริมฝีปากเบะออกเล็กน้อยบอกถึงความไม่พอใจ ในสิ่งที่ถืออยู่นัก
“โกโดม ทำไมชุดมันเป็นอย่างงี้” เสียงตะโกนดังออกไปข้างนอกก่อนที่เธอจะได้รับคำตอบที่ทำเอาเธอปฏิเสธชุดนี้ไม่ได้
“องค์ราชินีลูน่า กำชับกระหม่อมมาว่า ต่อไปนี้ ฉลองพระองค์ให้เปลี่ยนเป็นหญิงหมดพระเจ้าคะ มิเช่นนั้นองค์ราชินีลูน่า จะจัดชุดมาให้เอง นี้กระหม่อมอุตส่าห์เลือกให้นะพระเจ้าคะ หรือทรงไม่พอพระทัยอยากให้องค์ราชินีจัดให้พระเจ้าคะ” เอ่ยถึงพระนามของพระเจ้าอาแล้ว คำตอบที่แสดงถึงความไม่มีทางเลือกก็มีอยู่คำตอบเดียวหัวขโมยแห่งบารามอสทำหน้าละเหี่ยใจก่อนตอบ
“เอาเถอะโกโดม ใส่ก็ใส่” จากคำตอบก็เป็นเสียงสบถ อย่างคนไม่สมหญิงดังขึ้นอย่างปลงอนิจจัง
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
หน้าโรงเรียนพระราชา
“โฮ้ ทำไมคนมันเยอะจัง” เสียงบ่นจากหญิงสาวทำให้โคมุสร่างจ้อยที่เกาะอยู่บนไหล่เสนอความคิดออกมา
“พระองค์ ก็” ยับไม่ทันที่มันจะได้เสนอความคิดก็มีเสียงหนึ่งดังแทรกเข้ามา
“ไง สบายดีไหมเฟริน” โคมุสหันไปทางด้านหลังเมื่อพบที่มาของเสียงเป็นเหตุให้มันตกจากไหล่ลงไป โดยไม่มีใครสังเกตเห็น / ตุ้บ/
“เฮ้ย แกโผล่มาอย่างงี้อีกแล้วฉันละเชื่อแกเลยโร สักวันฉันจะหัวใจวายตาย”เสียงปรารภจากหัวขโมยสาวดังขึ้นแทนคำตอบ ให้กับบุรุษผมหน้าม้าสีชา ดวงตาสีเขียวมรกตฉายประกายเจ้าเล่ห์ที่โผล่มาจากด้านหลัง มุมปากกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้ม
“นายมาต่อแถวเด็กใหม่งี้ก็ยาวอยู่แล้วไม่ไปหาเจ้าชายรึไง”เขาพูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ
“หา นี่ฉันโง่ขนาดนี้เลยหรือเนี่ย ไปเหอะ” พูดพลางดึงมือคนข้างๆให้เดินไปด้านหน้า
ในขณะที่กำลังจะก้าวเดิน ทั้งสองก็สังเกตเห็นบางสิ่งอยู่ข้างหน้า จ้องมาที่ทั้ง คู่ ด้วยแววตาขัดใจ
“องค์หญิงเจอเพื่อนแล้วงั้นกระหม่อมขอตัวนะ พระเจ้าคะ”เสียงจากเจ้าตัวตรงหน้ากล่าวด้วยเสียงเล็กแหลมอย่างขัดใจที่ตัวเองถูกลืม โดยลืมไปว่าเจ้าหญิงตรงหน้าคาดหวังอะไรไม่ค่อยได้
“อ้าวยังอยู่อีกหรอ” เสียงที่ฟังดูประหลาดใจถาม ซึ่งเรียกสีหน้าหงอง้ำได้เป็นอย่างดี
“ไปเหอะเดินทางปลอดภัย ฝากความคิดถึงให้เสด็จพ่อด้วย”เธอหันไปพูด
“ขอบพระทัยกระหม่อมที่ทรงเป็นห่วง กระหม่อมจะทูลท่านเจ้ามาให้”สีหน้าเจ้าโคมุสดูดีขึ้นหลังจากที่ได้รับคำอวยพรจากเธอ ว่าแล้วโคมุสตัวจ้อยก็หายวับไป
“เฮ้อกว่าจะไป”น้ำเสียงหน่ายๆของคนพูดเรียกให้คนฟังเลิกคิ้ว
“เขาออกจะเป็นห่วงอ้าว!หวัดดีคาโล” เสียงเรียกชื่อเขาคนนั้นทำให้เธอหันไปมองบุรุษผู้ถูกเรียก วันนี้เขาแต่งกายด้วยอาภรณ์เต็มยศสีน้ำเงินเข้ากับอาชาสีขาวบริสุทธิ์ผมสีเงินทอประกายล้อแสงแดด ภายในมือมีธงสัญลักษณ์ลายดาบ ดูแล้วสง่างามสมกับสายเลือดสีน้ำเงิน
“หวัดดีคาโล” เธอกล่าวพลางหยุดมองปฏิกิริยาของคนตรงหน้าชั่วขณะชายหนุ่มมองสำรวจคนตรงหน้าอย่างตั้งใจ กวาดตามองตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ผมสีน้ำตาลถูกถักไขว้เป็นเปียไผล่มาด้านหน้า เสื้อสีขาวแทบเงินรับกับหูกระต่ายสีแดง กระเป๋าเสื้อปักลายดาย กระโปรงพีชเหนือเข่าดูน่ารักแม้จะดูมอมแมมไปสักนิด ไม่เรียบร้อยไปสักหน่อยก็เถอะ เขากวาดตามองอย่างพอใจก่อนสายตาจะสะดุดกึกที่มือของเธอที่กุมอีกคนไว้ เขาเอ่ยเสียงเย็นตามนิสัย
"เฟริน มือ"
ประโยคที่เรียกให้เจ้าหญิงสะดุ้งโหยงหันไปสั่งคนข้างตัว
"ไอ้โร ปล่อยมือฉันซิวะ"
“ปล่อยได้ไง ก็ไม่ได้เป็นคนจับนี่” น้ำเสียงหยอกเย้า เหมือนจะยั่วโมโห กล่าวขึ้นจากบุรุษขอทาน เรียกนัยน์ตาเอาเรื่องจากผู้ถูกเอาเปรียบ เขาไหวไหล่ก่อนปล่อยมือ พร้อมประกายตาไหววูบในดวงตาสีเขียวมรกตคู่นั้น
“เฮ้ย ร้อนจังอากาศเนี่ย” ประโยคหน่ายๆดังขึ้นมาจากทิศทางใดไม่ทราบเรียกให้ทั้งสามหันไปมอง
“เดี๋ยวก็เย็นแล้วคอยดู” คราวนี้เมื่อทั้งสามจับต้นเสียงได้แล้วจึงพบบุคคลอีกคู่หนึ่ง บุคคลแรกผมสีดำ ดวงตาด้านหนึ่งมีผ้าคาด และอีกคนที่เป็นผู้กล่าวประโยคดวงตาสีม่วงส่องประกายฉายแววสนุกสนานรับกับผมสีดำ
แต่ยังไม่ทันได้กล่าวทักทาย นายคนตาเดียวก็เดินเข้าไปหาหญิงสาวหนึ่งเดียวตรงหน้า
“เฟริน นายรู้ไหมว่าพอนายแต่งตัวเป็นผู้หญิงแล้วน่ารักมากแค่ไหน” พูดไม่พูดปล่าว พลางเดินเข้าไปหาแต่ยังไม่ถึงตัวดีก็ปรากฏไอเย็นๆชวนหนาว เมื่อรู้สึกได้ดังนั้น นายคนตาเดียวจึงหันไปกล่าวกับคนที่มาด้วยกันอย่างอวดอ้าง
“ไง เชื่อฉันนยัง เย็นทันตาเลยเนี่ย ว่าไงฮึคิล”
“มันไม่เย็นมั้ง ออกจะหนาวด้วย ครี้ด หวัดดี เฟริน คาโล โร เข้าโรงเรียนกันเหอะ” ประโยคหลังจากคำตอบเรียกให้หญิงสาวหันไปพูดกับบุรุษผมเงินว่า
“เดี๋ยวเจอกันนะคาโล”น้ำเสียงหวานไพเราะ กล่าวขึ้นหลังจากเงียบไปนานพร้อมเงยหน้าฟังคำตอบ
“อืม” คำตอบสั้นๆง่ายๆอย่างเคยจนเธอชินซะแล้ว เมื่อบอกลาเสร็จ ทุกคนยกเว้นคาโล ต่างก็หันหลังให้กับตัวเมืองมุ่งเข้าไปในโรงเรียนพระราชาเอดินเบิร์ก พร้อมเสียงเพลงโรงเรียนสลับกับเสียงจอแจอย่างตื่นเต้นของเหล่านักเรียน ราวตอกย้ำให้นักเรียนทุกคนรู้ถึงมิตรภาพและ ความรับผิดชอบ เมื่อก้าวเข้ามาเป็น ส่วนหนึ่งของที่นี้
เพื่อแผ่นดินจะขอห้าวหาญ
มุ่งสืบสานปณิธานแห่งความหวัง
โบกธงทองลั่นกลองรบก้องดัง
แสดงพลังนักรบราชา
เพื่อแผ่นดินจะขอองอาจ
มุ่งพิฆาตไพรีที่โหมบ่า
ขอปกปักผืนแผ่นดินถิ่นมารดา
เชิดชูค้าผู้รับใช้ธานี
เพื่อแผ่นดินข้าจะขอเปรื่องปราด
ให้ความโอภาสอยู่คู่แดนบุรี
ทั้งกายใจเลือดเนื้อยอมพลี
ประกาศศักดิ์ศรีจอมปราชญ์ราชันย์
เพื่อแผ่นดินข้าจะขอสละ
อุตสาหะด้วยแรงแห่งใจมั่น
หวังให้สุขสถิตอยู่ทั่วกัลป์
เหลือนามนิรันดร์ในหัวใจปวงชน
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
ความคิดเห็น