คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #171 : ความผิดของเฒ่าหม่าในอดีต
เจ้าอ้วนเหอถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อเห็นฉินหลิงในยามนี้
ท่าทางหล่อเหลาอหังการที่จัดการกลุ่มศิษย์รับใช้ที่มาปล้นเขาเมื่อสองปีก่อนไม่มีอยู่ในตัวพี่ชายตรงหน้าของเขาอีกแล้ว
“พี่ฉิน... ท่านมัวแต่ฝึกฝนศาสตร์แห่งอักขระโดยไม่ได้บำเพ็ญตนเลยน่ะ
อายุไขของพวกเราที่อยู่ในชนชั้นก่อตั้งวิญญาณมีเพียง150ถึง200ปีเท่านั้น แถมท่านยังเริ่มต้นบำเพ็ญเพียรช้ากว่าพวกข้าอีก
ข้าว่าท่านค่อยกลับมาเรียนรู้หลังก้าวสู่ขั้นสร้างฐานก็ยังไม่สายน่ะ”
ตั้งแต่เขาได้รู้จักกับฉินหลิงมา2ปีกว่าก็ทำให้เจ้าอ้วนเหอรับรู้เรื่องราวของพี่ชายผู้นี้มาบ้างและเขาเองก็ได้ทราบว่ากว่าที่ฉินหลิงจะเข้าสู่หนทางฝึกตนก็มีอายุปาไปหกสิบกว่าปีแล้ว
ดังนั้นอายุไขของพี่ชายตรงหน้าก็เหลือเพียงเกือบร้อยปีเท่านั้น
ร้อยปีหากเป็นปุถุชนก็ถือว่ายาวนาน แต่สำหรับผู้ฝึกตนที่เก็บตัวบำเพ็ญตนครั้งล่ะหลายปี
เวลาเพียงร้อยปีจึงไม่นับได้ว่าเป็นอันใดเลย
เจ้าอ้วนเหอที่พึ่งก้าวข้ามสู่ระดับก่อตั้งวิญญาณขั้น3มองไปทางฉินหลิงที่มีพลังเท่าเดิมอย่างกังวลใจ
ฉินหลิงยิ้มออกมาบางๆเมื่อได้ยินคำเตือนของชายหนุ่มร่างอ้วนตรงหน้า หลังจากผ่านไป2ปี ใบหน้าเจ้าอ้วนเปลี่ยนไปไม่น้อยจากเด็กน้อยพุงพุ้ยร่างอ้วนวัย16ปีก่อนหน้าได้กลายเป็นชายหนุ่มเต็มตัวแล้ว
“เอาน่าๆ...เจ้ารอข้าที่นี้ก่อนล่ะกัน
ข้าไปอาบน้ำล้างตัวซักครู่แล้วเราค่อยไปหาอะไรกินกัน”
ฉินหลิงไม่ได้ตอบเรื่องการฝึกตนกับเจ้าอ้วนมากนัก เพราะอย่างไรตัวเขาก็มีแนวทางของตัวเอง
การกระทำของเขาได้ผ่านการไตร่ตรองอย่างดีแล้ว
ทางด้านเจ้าอ้วนเหอได้ยินฉินหลิงบอกว่าให้รอในห้องนี้ เขาก็รีบปฏิเสธและวิ่งไปรอหน้าบ้านอย่างรวดเร็ว
นับตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาได้ก้าวเข้ามายังห้องเล็กๆที่ติดกับห้องนอนของฉินหลิง
เขาก็พบกับบรรยากาศน่าขนลุกทุกครั้ง
หากไม่เพราะมีฉินหลิงนั่งอยู่เขาคงไม่กล้าเข้าไปอยู่ภายในอย่างเด็ดขาด
ฉินหลิงที่เห็นท่าทางหวาดกลัวของเจ้าอ้วนก็ส่ายหัวเบาๆ
หลังจากเขาได้พักอยู่ในบ้านหลังนี้
ฉินหลิงก็ได้ทำความเข้าใจห้องเล็กที่เหมือนห้องเก็บห้องของ
แน่นอนว่าการที่เขาเสียเวลาไปไม่น้อยเพื่อทำความเข้าใจสิ่งประหลาดที่เกิดขึ้น
จึงทำให้เขาได้ข้อสรุปที่สำคัญ คลื่นพลังที่ทำให้พลังจิตของเขาถูกเปิดขึ้นนั้นมีต้นกำเนิดอยู่ตรงกลางห้องและพลังนั้นยังทำให้พลังจิตของเขาพัฒนาอย่างรวดเร็วจนเรียกได้ว่าเขาสามารถใช้พลังจิตลอบสังหารผู้อื่นได้อย่างไม่ทิ้งล่องลอยใดๆไว้เลย
หากในอดีตเขาสามารถเคลื่อนเก้าอี้ขึ้นบนอากาศและระเบิดออกก็ใช้พลังจิตไปจนหมด
เวลานี้เขามีความสามารถมากพอที่จะระเบิดสมองของผู้ฝึกตนขั้นก่อตั้งวิญญาณได้อย่างไม่ยากเย็น
อย่างไรก็ตามคุณค่าที่แท้จริงของพลังจิตวิญญาณที่ก่อตัวในตำแหน่งหน้าผากระหว่างคิ้วทั้งสองคือความสามารถในการจารึกอักขระ
หลังจากทดลองใส่คลื่นพลังจิตลงไปในปลายพู่กัน
อัตราความสำเร็จของการจารึกยันต์เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว
เขาจึงสรุปได้ในใจว่าพรสวรรค์ที่ผู้ฝึกตนสายอักขระวิถีต้องมีตามที่เหล่าผู้คนพูดถึงกัน
ย่อมต้องเป็นคลื่นพลังจิตอย่างแน่นอน
เพียงแต่ในโลกฝึกตนยังไม่มีใครมีแนวทางหรือเคล็ดวิชาสายพลังจิตเหมือนสำนักปีศาจทมิฬของเขาที่มีเคล็ดวิชาจิตวิญญาณทมิฬที่ช่วยเปิดจุดพลังจิตวิญญาณในร่าง
ดังนั้นเหล่าผู้ฝึกฝนอักขระนั้นต้องใช้เวลามากมายเพื่อเพิ่มพลังจิตที่พวกเขาไม่รู้จัก
ผ่านไปไม่นาน
เจ้าอ้วนเหอที่ยืนรอก็ได้ยินเสียงเดินตามมาด้านหลังจึงหันกลับไปมอง
ชายหนุ่มผมยาวสวมชุดสีเขียวซีดๆจนแทบจะกลายเป็นสีขาวเดินออกมาด้วยท่าทางสบายก่อนจะก้มดึงต้นหญ้าบนพื้นดินขึ้นมาและเอามามัดผมที่ยังคงเต็มไปด้วยหยดน้ำเป็นทรงหางม้า
เจ้าอ้วนเหอเห็นท่าทางและหน้าตาของชายหนุ่มตรงหน้าก็เผยความอิจฉาอย่างเห็นได้ชัด
เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกว่าพี่ฉินของเขาหล่อกว่าในอดีตยามที่พวกเขาได้พบกันครั้งแรกเสียอีก
“ไปกันเถอะ วันนี้หาอะไรดีๆกินกันซักหน่อย
ข้าเลี้ยงเอง” ฉินหลิงกล่าวออกมาพร้อมกับท่าทีหิวโหย
ถึงแม้ว่าผู้ฝึกตนขั้นก่อตั้งวิญญาณจะสามารถอดข้าวได้นานนับเดือน
แต่ตัวเขาที่จดจ่ออยู่กับการสลักอักขระมานานจึงใช้พลังงานเยอะกว่าปกติและทำให้ร่างกายเรียกร้องต้องการอาหารเข้าไปทันทีหลังจากผ่านไปเพียงสิบกว่าวัน
ดวงตาเจ้าอ้วนเหอเปล่งประกายเมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายจะเลี้ยงข้าว
ต้องรู้ว่าที่ผ่านมาฉินหลิงได้ทำการค้ากับตาเฒ่าหม่าจนทำให้เขาได้รับหินวิญญาณมามากมาย
ด้วยส่วนแบ่งแปดจากสิบส่วนที่ได้รับจากการค้าขวดโอสถชนิดใหม่ทำให้เขาสามารถฝึกฝนการจารึกอักขระได้อย่างไม่มีปัญหา
ถึงแม้ว่าฉินหลิงจะถือได้ว่ามีพรสวรรค์ในวิถีแห่งการจารึกอักขระ แต่ค่าใช้จ่ายที่ใช้ฝึกฝนก็เทียบเท่ากับผู้ฝึกตนในระดับเดียวกันนับร้อยเท่า
หากไม่ใช่เพราะเขามีแหล่งเงินทุนจากการค้าขวดโอสถ เขาคงไม่มีทางก้าวหน้าในวิถีแห่งอักขระได้เป็นแน่
นอกจากนี้การผลิตขวดโอสถชนิดใหม่ยังมีต้นทุนที่ต่ำ
ด้วยค่าใช้จ่ายที่ใช้จ้างปุถุชนจึงทำให้เขาแทบไม่ต้องลงทุนใดๆเลย
หลังจากเดินผ่านไปซักพักหนึ่งเจ้าอ้วนเหอก็เดินเข้ามากระซิบ
“พี่ฉิน ข้าได้ข่าวมาแล้วว่าทำไมตาเฒ่าหม่าถึงถูกส่งมาเป็นผู้อาวุโสภายนอกและต้องมาดูแลศิษย์รับใช้อย่างพวกเรา”
“โอ้... มันเป็นเพราะอะไรรึ?” ฉินหลิงเองก็สนใจเรื่องราวของตาเฒ่าหม่าไม่น้อย
ต้องรู้ว่าพวกเขาแอบทำการค้าโดยใช้ตาเฒ่าหม่าเป็นโล่บังหน้าและเขาก็พอได้รู้มาว่าตาเฒ่าหม่าไปผิดใจกับชนชั้นสูงในสำนักจนถูกขับออกมาจากตำแหน่งศิษย์ชั้นสูงและต้องมาเป็นผู้อาวุโสภายนอกที่ไม่มีใครอยากเป็น
เจ้าอ้วนหันมองซ้ายทีขวาทีก่อนจะเอ่ยขึ้น “ก่อนอื่นท่านต้องไม่เชื่อแน่ว่าในอดีตตาแก่นั้นถูกเรียกว่าอัจฉริยะ”
ฉินหลิงอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเจ้าอ้วนอีกครั้งราวกับต้องการยืนยันว่าสิ่งที่มันพูดถูกต้อง
ตาแก่ไร้ยางอายผู้นั้นกับคำว่าอัจฉริยะมันช่างดูแตกต่างกันราวกับสวรรค์และโลกเลย
“หึหึ...
ร้อยปีก่อนชายแก่ผู้นั้นเป็นศิษย์ภายในอันดับหนึ่งของสำนักเลยทีเดียว
นอกจากนี้ความสามารถในการต่อสู้ก็เรียกได้ว่าไร้เทียมทานจนมีโอกาสถูกเลือกเป็นศิษย์สืบทอด
พี่ฉินท่านเข้าใจรึไม่ศิษย์สืบทอดคืออะไร
ศิษย์สืบทอดคือตำแหน่งของศิษย์ที่เรียกได้ว่าเป็นอสุรกายในร่างมนุษย์
แม้แต่ผู้อาวุโสยังต้องมีท่าทางนอบน้อม ”
“เอาล่ะบอกมาได้แล้วว่าทำไมตาเฒ่านั้นถึงถูกขับออกมาเป็นผู้อาวุโสตัวเล็กๆที่ไม่มีอำนาจใดๆเลยล่ะ?” ฉินหลิงอดไม่ไหวที่จะกล่าวออกมา เขาไม่อยากจะฟังเจ้าอ้วนพล่ามไร้สาระเพิ่ม
เจ้าอ้วนเหอกรอกตาใส่ชายด้านข้างเมื่อได้ยินคำพูดขัดจังหวะของฉินหลิง
“ผู้ที่ขับตาเฒ่าหม่าออกจากตำแหน่งศิษย์ภายในให้มาเป็นผู้อาวุโสภายนอกจริงๆแล้วคือเจ้าสำนักคนปัจจุบัน”
ฉินหลิงเองก็เบิกตากว้างเมื่อได้ยินเรื่องดังกล่าว
เจ้าสำนักขจีไพรสันคือผู้อยู่จุดสูงสุดของสำนักแห่งนี้และเป็นคนกุมชะตาเหล่าศิษย์ทั้งหมด
ที่สำคัญคนผู้นั้นยังเป็นบิดาแท้ๆของชิงชิงอีกด้วย
หลังจากค่ำคืนนั้นเขาก็ไม่ได้พบหลานชิงชิงอีกเลย
แม้แต่ตราประทับประจำตัวของนางที่ทิ้งไว้นางก็ไม่ได้กลับมาเอาคืน
ข่าวสารใดๆเกี่ยวกับคุณหนูใหญ่แห่งสำนักขจีไพรสันต่างล่องลอยเข้ากลีบเมฆ
สิ่งที่ทำให้เขาไม่เข้าใจคือทำไมเจ้าสำนักที่มุ่งหวังให้สำนักเจริญก้าวหน้าถึงกลั่นแกล้งตาเฒ่าหม่าที่เป็นถึงอันดับหนึ่งของรุ่นให้มาเป็นผู้อาวุโสภายนอกที่แทบไม่มีโอกาสสร้างผลงานใดๆเลย
“พี่ฉินแล้วรู้ไหมว่าเหตุผลที่ตาเฒ่าหม่าถูกบีบให้มาอยู่ในบ้านไม้หลังโทรมนั้นคืออะไร?”
ฉินหลิงเองก็ส่ายหัวเบาๆ
กับเรื่องราวที่เกิดกับชายชราผู้นั้น ฉินหลิงเองก็เดาไม่ถูกจริงๆว่าเขาทำอะไรผิด
“ตาเฒ่าผู้นั้นไปบุกเข้าไปหาเจ้าสำนักในขณะเก็บตัวเพราะต้องการหยุดยั้งงานแต่งเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างลูกสาวเจ้าสำนักกับศิษย์สืบทอดจากสำนักคุนเผิงที่เป็นหนึ่งในสามสำนักใหญ่แห่งฝ่ายธรรมะ
อย่างไรก็ตามการกระทำของเฒ่าหม่าก็ทำให้เจ้าสำนักเกิดเพลิงพิโรธจนเกือบสังหารเขาไป แต่ยังโชคดีที่มีผู้อาวุโสบางส่วนเข้ามาห้ามไว้และถูกสั่งลงโทษด้วยการจองจำในคุกใต้ดินหลายสิบปี”
สีหน้าของเจ้าอ้วนเปลี่ยนเป็นโศกเศร้าเล็กน้อยขณะที่กำลังจะเอ่ยเรื่องต่อไป
“แต่เมื่อเขาถูกปล่อยตัวออกมา เขากลับพบว่าคุณหนูผู้นั้นซึ่งเป็นรักแรกของเขาสิ้นชีพไปเเล้ว เเละที่สำคัญคุณหนูท่านนั้นสิ้นชีพย์เพราะฆ่าตัวตาย... ตาเฒ่าหม่าที่รับรู้เรื่องนี้เข้าก็บ้าคลั่งบุกเข้าไปสู้เป็นตายกับเจ้าสำนัก
ไม่มีใครรู้ว่าช่วงเวลาเพียงไม่กี่สิบปีในคุกใต้ดินตาเฒ่าหม่าไปทำอะไรมาจึงเลื่อนพลังเข้าสู่ขั้นหลอมรวมได้
พลังขั้นหลอมรวมคืออะไร? มันคือระดับพลังขั้นเดียวกับเจ้าสำนัก ท่านคิดดูสิตาเฒ่าหม่าที่มีอายุร้อยกว่าปีก้าวเข้าสู่ขั้นหลอมรวมได้สำเร็จ
พรสวรรค์ที่เรียกได้ว่าอันดับหนึ่งกับต้องมาเป็นศัตรูกับสำนักตัวเอง
แต่อย่างไรเจ้าสำนักที่อยู่ในขั้นหลอมรวมมานานก็ย่อมแข็งแกร่งกว่าเป็นธรรมดา จนสุดท้ายเขาก็สยบเฒ่าหม่าได้อย่างไม่ยากเย็น
แต่เฒ่าหม่าที่บ้าคลั่งมีหรือที่จะยอมจบง่ายๆ.. เขาเตรียมจะระเบิดร่างตัวเองเพื่อลากเจ้าสำนักและสำนักแห่งนี้ไปพร้อมกับเขา”
“แล้วเป็นอย่างไรต่อ?”
ฉินหลิงเอ่ยถามด้วยสีหน้าจริงจังเมื่อได้ฟังประวัติของตาเฒ่าหม่า
“สุดท้ายท่านบรรพชนที่เก็บตัวก็ปรากฏตัวขึ้นขวางการระเบิดร่างตัวเองของตาเฒ่าหม่าและทำให้เส้นลมปราณในร่างของเฒ่าหม่าเสียหายจนพลังกลับมาอยู่ในขั้นแก่นทองคำ การกบฏของเฒ่าหม่าถูกพูดถึงเป็นอย่างมากในเวลาต่อมา
ผู้อาวุโสที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามเจ้าสำนักก็ออกมาใส่ร้ายเจ้าสำนักที่ขายลูกสาวตัวเองและยังทำให้ศิษย์ที่มีพรสวรรค์คนหนึ่งต้องถูกทำลาย
เรียกได้ว่าเวลานั้นวุ่นวายจนแทบเกิดสงครามภายใน
แต่ยังดีที่บรรพชนชั้นประสานวิญญาณเข้ามาควบคุมและเกลี้ยกล่อมฝ่ายต่างๆจนทำให้แต่ล่ะฝ่ายต่างถอยคนล่ะก้าว”
“เรื่องเกิดขึ้นมานานเท่าไหร่แล้ว?” ฉินหลิงเอ่ยอย่างเคร่งขรึม
เจ้าอ้วนเผยสีหน้าสงสัยเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยตอบ
“จากที่ข้าแอบฟังมาเรื่องการต่อสู้ของเฒ่าหม่ากับเจ้าสำนักน่าจะผ่านมาไม่ถึงสิบปีนี้เอง”
ฉินหลิงที่ได้ยินก็เผยสีหน้าซับซ้อนและคาดการได้ทันทีว่าสตรีที่ตาเฒ่าหม่าหลงรักย่อมต้องเป็นน้องสาวของชิงชิงและมารดาของอาไป๋เด็กน้อยที่เขาบังเอิญเจอในเมืองของปุถุชนอย่างแน่นอน
นอกจากความรักจะเป็นสิ่งสวยงาม มันก็ยังเป็นต้นเหตุแห่งภัยพิบัติอีกด้วย
ความคิดเห็น