ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฝืนลิขิตฟ้า ท้าสวรรค์

    ลำดับตอนที่ #21 : ใบหน้าภายใต้หน้ากาก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 19.84K
      1.44K
      16 ก.ย. 62


    เสียงเปิดประตูห้องดังขึ้น ก่อนจะมีหมอชราคนหนึ่งที่เดินออกมาด้วยอาการเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด เป็นเวลากว่าสามชั่วยามแล้ว ตั้งแต่หมอเฉาได้เริ่มทำการรักษาฉินหลิงจากอาการบาดเจ็บภายในห้องนอนของถานอวี้จี้ ด้วยอายุที่มากแล้วของหมอเฉาและประกอบกับการรักษาฉินหลิงที่บาดเจ็บหนักเป็นเวลานานจึงทำให้เขาดูซีดเซียวไม่น้อย แต่เพราะเขารู้ดีถึงความสำคัญของนายน้อยผู้นี้ ทำให้เขาต้องฝืนทนทำการรักษาชีวิตของนายน้อยผู้นี้ให้จงได้ หากนายน้อยฉินผู้นี้สิ้นชีพลง เขาไม่ต้องนึกเลยว่าท่านแม่ทัพจะโกรธกริ้วขนาดไหน แล้วจะต้องมีอีกกี่ตระกูลที่ต้องตายลงจากภัยพิบัติในครั้งนี้


    “ ท่านหมอเฉา นายน้อยเป็นไรบ้าง ” ลู่ชิงที่เมื่อเห็นท่านหมอเดินออกมาจากห้อง รีบเอ่ยถามอาการของนายน้อยตนด้วยสีหน้าเป็นกังวล  และด้านข้างบ่าวตัวน้อย ถานอวี้จี้มองดูหมอชราด้วยแววตากระวนกระวายไม่น้อย


    หมอชราถอนหายใจก่อนเอ่ยออกมา “ อาหารบาดเจ็บของนายน้อยนับว่าไม่เบา แต่ก็ยังถือว่าโชคดี พิษที่เคลือบอยู่บนอาวุธเป็นเพียงพิษจากงูธรรมดาเท่านั้น ข้าได้ทำการถอนพิษให้แล้ว แต่บาดแผลที่ได้รับจากคมอาวุธนั้นทำให้นายน้อยบาดเจ็บไม่น้อย คงต้องพักฟื้นเป็นเวลาหลายวัน ส่วนนี้คือเทียบยาที่ข้าเขียนไว้ เจ้าไปต้มยาตามนี้แล้วให้นายน้อยกิน น่าจะทำให้นายน้อยฟื้นตัวเร็วขึ้น ” หมอเฉาเอ่ยพลางหยิบเทียบยาที่ได้เขียนไว้ให้ลู่ชิง


    “ รบกวนท่านหมอมากแล้ว เช่นนั้นเชิญท่านกลับไปพักก่อนเถิด ข้าได้ให้รถม้ามารอรับท่านไว้แล้วขอรับ ” เมื่อได้ยินว่านายน้อยตนปลอดภัยก็ทำให้ลู่ชิงโล่งอกไม่น้อย ก่อนจะหันไปคารวะขอบคุณท่านหมออีกครา


    “ อืม ไม่ต้องเดินไปส่งข้า เจ้าเข้าไปดูแลนายน้อยเถอะ ” หมอเฉาพยักหน้ารับแล้วเดินออกไป


    หน้าห้องที่ฉินหลิงนอนพักฟื้น  ยามนี้มีหนึ่งสตรีและหนึ่งบุรุษน้อยที่ยืนหันหน้าเข้าไปมองภายในห้อง


    หลังจากนั้นไม่นานหญิงสาวผู้มีใบหน้างดงามก็กำลังจะเดินเข้าไปในห้องเพื่อดูอาการบุรุษที่ช่วยชีวิตตนเอาไว้ ด้วยสีหน้าเป็นกังวล แต่กลับมีเด็กน้อยที่มีความสูงเพียงอกของนางเท่านั้นรีบวิ่งมากางมือขวางทางนางไว้  “ ท่านมาขวางทางข้าไว้เช่นนี้ มีอะไรเช่นนั้นรึ ”


    “ เอ่อ.. ท่านไม่อาจเข้าไปข้างในได้ขอรับ ” ลู่ชิงที่นึกถึงนายน้อยตนที่ยามนี้ต้องไม่ได้ใส่หน้ากากเป็นแน่ ก็อดทำให้เขารู้สึกกังวลอย่างไม่ได้ เพราะนายน้อยตนคงไม่อยากให้สตรีเบื้องหน้ารับรู้ตัวตนของเขาเป็นแน่ เเละหากนางเข้าไปแล้วพบว่านายน้อยตนคือคนที่เคยข่มเหงนางมาก่อน มันจะทำให้เรื่องราวมันยุ่งยากยิ่งขึ้น


    “ ทำไมข้าถึงเข้าไปไม่ได้รึเจ้าคะ ” ถานอวี้จี้เอ่ยถาม


    “ พะ...เพราะว่า ชายหญิงที่ไม่ได้แต่งงานกัน มิสมควรอยู่ด้วยกันตามลำพังขอรับ ”


    “ ก็มีท่านเข้าไปด้วยกับข้าไม่ใช่รึ ”


    เมื่อไม่สามารถหาข้ออ้างได้อีกแล้ว ลู่ชิงจึงตัดสินใจบอกความจริงไปบางส่วน “ อ่า...คือ จริงๆนายน้อยไม่ต้องการให้ท่านเห็นใบหน้าของเขานะขอรับ ”


    ถานอวี้จี้ยิ้มออกมาเล็กน้อย “ ไม่ต้องกังวลไปหรอก  ข้ารู้ความจริงแล้วนายน้อยของเจ้าคือฉินหลิง มิใช่เหยาหลิงที่มีใบหน้าอัปลักษณ์จนต้องสวมหน้ากาก และเขาก็เป็นหลานชายเพียงผู้เดียวของท่านแม่ทัพใหญ่ใช่รึไม่ ดังนั้นไม่ต้องปกปิดไปแล้ว ข้าทราบความจริงหมดแล้ว ”


    “ ห๊ะ...ท่านรู้ความจริงแล้ว ”  ลู่ชิงอ้าปากกว้างด้วยความตกใจไม่น้อย เพราะเมื่อสาวงามเบื้องหน้าเอ่ยชื่อนายน้อยของตนออกมา พร้อมนึกถึงตอนที่ตนแนะนำให้นายน้อยฉินบอกถึงตัวตนและสถานะที่แท้จริงของเขาไปพร้อมกับเอ่ยบอกว่าเขาคือบุคคลที่เคยล่วงเกินนาง แต่ด้วยเรื่องราวที่ผ่านมาเพียงไม่กี่วันก็ทำให้ลู่ชิงนึกนับถือผู้เป็นนายของตนอย่างไม่น่าเชื่อเลยว่า นายน้อยของตนจะมีวิธีการให้หญิงสาวเบื้องหน้ายอมรับความผิดที่เขาเคยก่อขึ้นมาได้ แต่ลู่ชิงที่กำลังนึกคิดเอาเองโดยที่เขาหารู้ไม่ว่าหญิงสาวเบื้องหน้านั้น ไม่ได้รับรู้เรื่องราวอะไรเลย เธอเพียงแค่ทราบชื่อที่แท้จริงของเขาจากองครักษ์ที่เฝ้าอยู่ด้านหน้าประตูบ้านของเธอเพียงเท่านั้น และเธอก็ยังไม่รู้เลยคนที่เคยทำให้เธอเสียใจที่สุดกับคนที่เธอตัดสินใจรักคือคนเดียวกัน


    ถานอวี้จี้พยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะมองลู่ชิงแล้วเอ่ย “ ใช่แล้วเจ้าคะ เช่นนั้นเข้าไปดูนายน้อยฉินกันก่อนเถอะ ”


    เมื่อได้ยินคำยืนยันของถานอวี้จี้ก็ทำให้ลู่ชิงอดรู้สึกแปลกๆบางอย่างช่วยได้ แต่แล้วเขาก็ส่ายหัวสลัดความคิดออกไป และลดมือที่กางขวางทางลงก่อนจะเดินเข้าไปภายในห้องที่ฉินหลิงนอนพักฟื้นอยู่


    ภายในห้องนอนของถานอวี้จี้ มีฉินหลิงที่บาดเจ็บหนักซึ่งสวมเพียงกางเกง นอนหลับไม่ได้สติ บนลำตัวของเขามีผ้าพันแผลผืนใหญ่สีขาวพันอยู่รอบลำตัว โดยรอบมีกลิ่นสมุนไพรฉุนลอยอยู่ภายในห้อง


    ยามเมื่อลู่ชิงเดินเข้ามาก็สังเกตเห็นนายน้อยตนนอนหลับไม่ได้สติ  เขาก็รีบเดินมามองฉินหลิงด้วยแววตาสับสน ก่อนจะคิดในใจแล้วถอนหายใจออกมา “ ข้าได้สัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าดูแลปกป้องเจ้าจนกว่าเจ้าจะตายจากไป แต่ข้ากับปล่อยให้เจ้าเกือบตายไปถึงสองครั้ง  ข้านี้มันช่างไร้ประโยชน์เสียจริง ”


    ด้านถานอวี้ผู้เดินตามหลังลู่ชิงบ่าวตัวน้อยเข้ามาภายในห้องด้วยอารมณ์กระวนกระวายกับอาการบาดเจ็บบุรุษเบื้องหน้าตนที่ปกคลุมไปด้วยผ้าพันแผลทั้งตัว  แต่ทันทีที่นางหันไปขึ้นไปมองใบหน้าของบุรุษที่นางตกหลุมรัก ซึ่งยามนี้เขานอนอยู่โดยปราศจากหน้ากากขาวใบนั้น นางก็พบใบหน้าที่ฝังอยู่ในความทรงจำที่เลวร้ายที่สุดของนาง ซึ่งเป็นใบหน้าที่ทำให้นางละเมอถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับนาง ถึงแม้ว่านางจะทำตัวปกติและใช้ชีวิตแบบไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ใครจะรู้เล่าว่าเหตุการณ์นั้นทำให้หัวใจนางแตกสลายไปขนาดไหน


    การที่เด็กสาวผู้หนึ่งถูกบุรุษที่ไม่รู้จักฉุดครานางไปทำไม่ดี  สิ่งที่ได้รับนั้นเกินกว่านางจะทนไหว และเมื่อนางทราบข่าวมารดาล้มป่วยลง นางจึงตัดสินใจเดินเท้าออกจากเมืองโดยไม่มีความคิดที่จะรั้งอยู่ภายในเมืองไผ่เขียวอีกต่อไป เมืองที่นางต้องคอยหวาดผวาว่าจะเจอบุรุษผู้นั้นเมื่อไหร่ บุรุษผู้ที่ทำลายชีวิตของนางจนย่อยยับ


    หลังจากนางย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านเกิดเกือบเดือน ทำให้ความรู้สึกหวาดกลัวนั้นลดน้อยลง เเละทำให้นางคิดว่าคงใช้เวลาไม่นานก่อนจะลืมเลือนเรื่องเลวร้ายนั้นได้  และเมื่อผ่านมาไม่นาน นางก็ได้พบปะกับบรุษหนุ่มใส่หน้ากากที่ทำท่าทีลึกลับ ซึ่งอ้างตัวว่าตนเองเป็นพ่อค้า แต่ด้วยกับกริยาที่ดูสง่างามทำให้นางเดาได้อย่างไม่ยากว่าเขาคงเป็นคุณชายจากตระกูลไหนตระกูลหนึ่งเป็นแน่ ซึ่งนางคงเป็นที่ถูกตาต้องใจของเขาและเป็นธรรมดาที่เขาจะมาจีบนาง ซึ่งนางก็มีวิธีรับมือกับบุรุษเช่นนี้มากมาย แต่หลังจากได้สนทนากันนนางก็พบว่าบุรุษผู้นี้สนใจนางแต่เขาก็มิได้มาเกี้ยวนาง จึงทำให้นางงุนงงไม่น้อย แต่เรื่องราวกลับผิกผันเมื่อมารดานางป่วยหนักจนหมดลมหายใจจนทำให้นางร้องไห้แทบใจจะขาด แต่บุรุษผู้นั้นกับใช้วิธีพิสดารทำให้มารดานางฟื้นกลับมาจากความตายได้ ซึ่งนี้จึงทำให้นางเป็นหนี้บุญคุณเขาอย่างไม่อาจชดใช้ได้  และทำให้นางตกลุมรักเขา


    แต่ด้วยเหตุการณ์ที่กำลังไปด้วยดี แต่เขากลับเจอคนลอบทำร้ายเเละเขาผลักตัวนางให้ล้มลงแล้วเอาตัวเข้ามาบังอาวุธลับจากนักฆ่า ทั้งที่ตัวเขาสามารถหลบได้อย่างไม่ยากนัก แต่เขากลับเอาชีวิตมาเสี่ยงเพื่อปกป้องนาง จึงทำให้นางสับสนไม่น้อยด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะในโลกใบนี้ขนาดญาติพี่น้องสายเลือดเดียวกันยังเข่นฆ่ากันได้  แล้วบุรุษตรงหน้าที่รู้จักกันได้เพียงวันเดียว  ทำไมเขาต้องเสี่ยงชีวิตช่วยนางด้วย


    สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้นางรับรู้ได้อย่างเเน่ชัดว่าบุรุษสวมหน้ากากผู้นี้ต้องรักนางอย่างแท้จริง แต่เหมือนโชคชะตาเล่นตลกกับนาง เพราะเมื่อนางเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขากลับพบว่าหน้าตาของเขาคือคนเดียวกับบุคคลที่ทำให้นางหัวใจแหลกสลายที่ซึ่งนางไม่เคยลบเลือนอออกไปจากภายในหัวได้เลย


    ถานอวี้จี้เอามือปิดปากแต่ก็มีน้ำตาที่ไหลลงมาอย่างไม่หยุดหย่อน “ ทำไม  ทำไมต้องเป็นเขาด้วย เขาทำอย่างนี้กับข้าได้อย่างไร เขาต้องการมาล้อเล่นกับความรู้สึกของข้าเช่นนั้นรึ  แล้วทำไมเขาถึงต้องเสี่ยงชีวิตช่วยข้าด้วย ทำไมเขาถึงไม่ปล่อยให้ข้าตายไป ”


    หลังจากพูดออกไปนางก็ไม่รู้แล้วว่าตนเองกำลังคิดะไรอยู่ ทำได้เพียงหันหน้าวิ่งออกจากห้อง นางรู้เพียงวิ่งออกไปให้ไกลที่สุด


    ทางด้านลู่ชิงที่ได้ยินแม่สาวคนงามเอ่ยออกมาเขาก็ตกใจ  “ บัดซบ แล้วไหนเจ้าบอกว่ารู้ความจริงแล้วไง  อ๊าๆๆ... ตอนนายน้อยตื่นขึ้นมา ข้าต้องโดนฆ่าแน่ ไม่ได้การ ข้าต้องไปจัดการด้วยตัวเองแล้ว ”


    ถานอวี้จี้ที่วิ่งออกมาโดยไม่รู้ทิศทางก็หมดแรงแล้วสะดุดล้ม ก่อนนางจะนั่งกุมเข่าที่ยามนี้มีเลือดออกจากแผลบริเวณเข่า แต่นางกลับไม่สนใจบาดแผลแม้แต่น้อยนางทำเพียงก้มหัวแล้วร้องไห้ออกมาเสียงดัง


    “ ร้องจนพอใจรึยัง แม่สาวน้อย ? ”


    ถานอวี้จี้ เงยหน้าก็พบบ่าวตัวน้อยลู่ชิงที่นั่งแกว่งขาไปมาบนกิ่งไม้สูง ซึ่งนางไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขาขึ้นไปตอนไหน  “ ทำไม  ทำไมเขาต้องมาหลอกข้า เขาทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรหรือเขาต้องการเล่นสนุกกับจิตใจข้าเช่นนั้นรึ ”


    ลู่ชิงหันไปมองบนเมฆที่ลอยไปมาบนท้องฟ้าก่อนเอ่ยออกมาเสียงเรียบ “ ก็เพราะเขาชอบเจ้านะสิ ”


    “ ชอบข้ารึ!! ชอบข้าแล้วทำไมเขาต้องทำร้ายข้าเช่นนี้ ทำไมต้องแกล้งมาทำดีกับข้า แล้วมาล้อเล่นกับความรู้สึกของข้า ”


    “ เจ้ายังไม่รู้ถึงเรื่องราวที่แท้จริง  เจ้าก็คิดเองเออเองแล้ว ไม่คิดจะให้เขาอธิบายบ้างรึ ”


    “ เจ้าเป็นคนของเขา ก็ย่อมเข้าข้างนายของเจ้านะสิ ”


    เสียงหัวเราะของลู่ชิิงดังขึ้น “ ฮาๆ ข้านะรึเข้าข้างเจ้าเด็กสารเลวนั้น เจ้าคิดมากไปแล้ว หากไม่เป็นเพราะ... อ่า ช่างเถอะสาวน้อย  ข้าเพียงแค่อยากให้เจ้ารู้ไว้ว่าบางทีเรื่องราวอาจจะไม่ได้เป็นเช่นที่เจ้าคิด ”


    “ สาวน้อยอะไรของเจ้า เจ้าเด็กกว่าข้าหลายปีมาเรียกข้าสาวน้อย ” ถานอวี้จี้เอ่ยด้วยความไม่พอใจนักกับบ่าวประจำตัวของคนผู้นั้น


    “ นั้นสินะ ทำไมข้าจะเรียกเจ้าว่าสาวน้อยไม่ได้กัน ทั้งที่ข้าแก่กว่าบรรพบุรุษของเจ้าซะอีก ” ลู่ชิงเอ่ยเสร็จก็กระโดดลงมาจากต้นไม้สูงทันทีแล้วก้มมองสาวงามที่นั่งกอดเข่าเบื้องหน้าตนด้วยแววตาเย็นชาราวกับสามารถแช่แข็งคนให้ตายได้


    เมื่อได้ยินคำกล่าวและแววตาของบุรุษตัวเล็กเบื้องหน้าทำให้ร่างกายนางสั่นเทาอย่างไม่สามารถหยุดยั้งได้  แต่ก่อนที่นางจะได้เอ่ยอะไร บุรุษร่างเล็กเบื้องหน้าก็ยิ้มออกมาอย่างสดใสเเละเอ่ยออกมา “ ล้อเล่นน่า  มุขตลกของข้าเป็นไงบ้าง ”


    ถานอวี้จี้ที่เห็นถึงบุคลิกที่สับเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วก็ตื่นตระหนกไม่น้อย ก่อนที่นางจะสูดหายใจเอาไปเฮือกใหญ่แล้วจึงเอ่ยเปลี่ยนเรื่อง “ ที่ท่านบอกว่ามีเรื่องราวที่ข้าไม่ทราบอีก ไม่ทราบว่ามันคืออะไร ”


    “ แล้วทำไมข้าต้องบอกเจ้าด้วย ”


    ถานอวี้จี้ทำหน้างุนงงกับชายเบื้องหน้าที่พูดออกมาให้นางอยากรู้แต่ไม่ยอมเอ่ยบอกตอบ “ ได้โปรดเถอะเจ้าคะ ข้าต้องการรู้จริงๆ ”


    “ ก็ข้าไม่อยากบอกเจ้า ”


    “ ทำไมละเจ้าคะ ”


    “ ไม่ทำไม ก็เพราะข้าไม่ชอบขี้หน้าเจ้าไง คนอะไรสวยเกินหน้าเกินตา ”


    “ ห๊า ” เมื่อได้ฟังคำกล่าวของบุรุษเบื้องหน้าก็ทำให้นางอ้าปากค้างอย่างช่วยไม่ได้ เพราะนางพึ่งเคยเห็นบุรุษมาบอกว่ารังเกียจเพราะนางหน้าตางดงาม ก่อนนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายอาจจะชอบเพศเดียวกัน ทำให้ถานอวี้จี้เอ่ยถามอย่างแผ่วเบาว่า “ หรือว่าท่านเป็นพวก‘ตัดแขนเสื้อ*’ก็เลยหึงหวงนายน้อยของท่านเพราะข้า ”


    “ บิดาเจ้าสิที่ตัดแขนเสื้อ ข้าดูเหมือนพวกผิดเพศแบบนั้นตรงไหน ” ลู่ชิงเอ่ยออกมาเสียงดังด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์หญิงสาวเบื้องหน้า ก่อนจะเดินหนีไปโดยไม่สนใจหญิงงามด้านหลังแม้เเต่น้อย




    *ตัดแขนเสื้อ = ชายรักชาย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×