ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #181 : ไต่ถาม

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.42K
      449
      28 ก.พ. 61




    "ที่เบื้องล่างเกิดเรื่องอันใดกันหรือเสี่ยวเป่าจึงได้ส่งเสียงอึกทึกวุ่นวายถึงเพียงนี้" มาเรียซึ่งเปิดประตูห้องออกมาเพื่อดูว่าเสียงอึกทึกวุ่นวายซึ่งเกิดขึ้นเป็นเรื่องใดกันแน่ เมื่อพบกับเสี่ยวเป่าที่วิ่งหน้าตื่นขึ้นมาพอดีนางจึงได้เอ่ยถามขึ้น

    "ท่านพี่มาเรีย ท่านพี่มาเรีย ท่านดยุค ท่านดยุคบุสโซ่มา" เสี่ยวเป่าเอ่ยถ้อยคำอย่างละสองเที่ยวออกมาเพียงแจ้งต้องมาเรียด้วยความตื่นตระหนกตกใจ

    "จ ..... เจ้าว่าเป็นผู้ใดมานะเสี่ยวเป่า" เอลลี่ที่อยู่ยังบริเวณด้านในห้องถลาออกมาถามทันที

    "เป็นท่านดยุคเอลลี่ เป็นท่านดยุค ท่านดยุคมีความประสงค์ต้องการพบเจอกับท่านพี่มาเรียกับเอลลี่ ผู้ดูแลหอบอกให้ข้านำความนี้มาแจ้งต่อพวกท่านทั้งสองและให้พวกท่านทั้งสองเร่งรีบลงไปพบกับท่านดยุคโดยเร็ว" เสี่ยวเป่าแจ้งต่อมาเรียและเอลลี่

    "ไฉนมาแล้ว?" มาเรียที่ยกมือทั้งสองข้างของตนเองขึ้นมากุมกันไว้เสมออกอย่างไม่รู้ตัวพร้อมทั้งเอ่ยพึมพำออกมา

    "ท่านพี่มาเรียเรา เราจะทำเช่นไรดี" เอลลี่ใช้สายตาเป็นกังวลสำรวจตรวจดูสภาพของตนเองและมาเรียอยู่รอบหนึ่ง เนื่องจากว่านางและมาเรียในช่วงสามวันที่ผ่านมานี้อยู่แต่เพียงในหอห้องจึงไม่ได้ตกแต่งประทินโฉมของตนเอง ยามนี้เมื่อดยุคบุสโซ่ที่พวกตนเองกำลังเฝ้ารอมาเยี่ยมเยือนอย่างกระทันหันทำให้สภาพของพวกตนในตอนนี้ดูไม่ค่อยสู้ดีเท่าใดนัก หากว่าจะต้องจัดการกับตนเองให้แล้วเสร็จไม่ทราบว่าต้องใช้เวลาอีกมากน้อยเท่าใด เช่นนั้นดยุคบุสโซ่ที่รอคอยพวกตนเองอย่างเนิ่นนานใช่จะรู้สึกโกรธเคืองที่ต้องรอคอยหรือไม่?

    มาเรียซึ่งถูกเสียงซึ่งแสดงออกถึงความเป็นกังวลใจของเอลลี่ปลุกให้ตื่นขึ้นจากภวังค์ก็หันมา "เอลลี่พวกเราต้องเร่งรีบกลับไปจัดการกับตนเอง ได้เท่าไรก็เท่านั้น ไม่สามารถให้ท่านดยุครอนานได้" มาเรียเอ่ย


    ขณะที่เอลลี่และมาเรียกำลังเตรียมตัวของตนเองเพื่อลงมาพบกับกาเล็ท ณ ห้อง vip ที่เบื้องล่างภายในห้องครัวของหอร้อยบุปผาก็เกิดบรรยากาศที่เขม็งตรึงเครียดขึ้นมาเปรียบไปก็ไม่ต่างกับสนามรบขนาดย่อมเลยก็ว่าได้ ทั้งพ่อครัวและเด็กเสริพต่างสีหน้าเคร่งเครียด เมื่อพ่อครัวปรุงแต่งอาหารจานหนึ่งแล้วเสร็จก็จะมีคนผู้หนึ่งคว้าจับมันยกขึ้นและวิ่งปราดออกไปอย่างรวดเร็ว สถาพเช่นนี้เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าภายในห้องครัวของหอร้อยบุปผา ในห้องครัวของหอร้อยบุปผามีสภาพเช่นนี้ ด้านนอกเองก็มีสภาพที่สับสนวุ่นวายไม่ต่างกัน แม้ว่าแขกเหรืออื่นๆที่มาเที่ยวในวันนี้จะถูกร้องขอให้กลับไปจนเกือบหมดสิ้นแล้วแต่ที่สภาพภายในหอร้องบุปผายังดูวุ่นวายสับสนก็เนื่องมาจากเหล่าสตรีประจำหอร้องบุปผาต่างเบียดเสียดกันต้องการที่จะชมดูว่าที่แท้แล้วดยุคบุสโซ่ที่โด่งดังไปทั่วทั้งเมืองหลวงอยู่ในขณะนี้มีรูปร่างหน้าตาเช่นไรกันแน่ แม้จะได้ยินได้ฟังมาบ้างแล้วก็ตามแต่การได้ยินได้ฟังมาหรือจะสู้การได้เห็นประจักษ์ด้วยตาของตนเอง ความอยากรู้อยากเห็นของผู้คนล้วนเป็นเช่นนี้ สถาพความวุ่นวายทั้งหมดนี้กาเล็ทซึ่งกำลังนั่งพูดคุยอยู่กับครอบครัวย่อมไม่ล่วงรู้

    "พวกเจ้าทำตัวให้เรียบๆร้อยๆไว้ อย่าได้ก็ความวุ่นวาย" ผู้ดูแลหอร่างท้วมที่พึ่งเดินออกมาจากส่วนของห้องครัวถลึงตาจ้องมองเหล่าหญิงสาวภายใต้สังกัดของหอร้อยบุปผาที่ยืนเบียดเสียดกันอยู่หน้าห้อง vip ที่กาเล็ทและครอบครัวอยู่ภายใน

    อาหารจานแล้วจานเล่าถูกยกเข้ามาเสริพภายในห้องหับ ดยุคบุสโซ่ที่ผู้คนกำลังกล่าวขานถึงและต้องการเห็นรูปโฉมกลับกำลังนั่งแกะเปลือกกุ้งอยู่ภายในห้องอย่างทุลักทุเล หากจะกล่าวว่าเป็นกุ้งก็คงไม่ถูกต้องเสียทีเดียวเพียงแต่สัตว์ที่กาเล็ทกำลังแกะเปลือกแข็งของมันออกอยู่อย่างยากเย็นในขณะมีส่วนคล้ายกุ้งในโลกเดิมของตนเองอยู่หลายส่วน

    กาเล็ทใช้มือของตนเองแกะเปลือกแข็งที่ไม่สามารถรับประทานของสัตว์คล้ายกุ้งออกพร้อมทั้งจากนั้นจึงหยิบยื่นส่งให้แก่ผู้เป็นมารดา "ท่านแม่ลองชิมดู"

    "ขอบใจจ่ะกาเล็ท" นีน่าเอ่ย

    จากนั้นกาเล็ทก็รีบก้มลงแกะเปลือกตัวต่อไปแล้วส่งป้อนเข้าปากมิร่าน้อยในอ้อมอกเมื่อป้อนให้มิร่าน้อยที่กำลังส่งสายตาอ้อนวอนรอคอยมาที่ต้นตนอิ่มหนำแล้วกาเล็ทกะยื่นมือของคนเองออกไปคว้าจับสัตว์คล้ายกุ้งนั้นตัวต่อไปเพื่อแกะเปลือกของมันออกทว่าในคราครั้งนี้กาเล็ทกลับไม่ได้ใช้มือของตนเองแกะมันออกตามปกติหากแต่ใช้พลังของตนเองสลายส่วนที่เป็นเปลืองแข็งของมันออกไปจนหมดสิ้นทำให้สามารถประหยัดเวลาได้มากโข จากนั้นจงหยิบส่งให้แก่คู่หมั้นทั้งสามของตนเองตามลำดับ

    แชลเทีย ซิลเวียและเบลล่าที่เห็นเช่นนั้นต่างเอ่ยบอกต่อกาเล็ทว่าไม่จำเป็น พวกตนเองสามารถที่จะแกะกินเองได้ แต่ตัวของกาเล็ทนั่นย่อมรู้ดีว่าสตรีมักปากไม่ตรงกับใจหากว่าพวกนางพวกว่าไม่ต้องแท้จริงแล้วในจิตใจกลับต้องการ กาเล็ทยังคงแกะเปลือกของสัตว์น้ำนั้นออกและส่งมอบเนื้ออันโอชะนั้นเข้าสู่ป้ากของมังกรและมอบให้แก่คู่หมั้นทั้งสามของตนเองตามลำดับ

    เสียงประตูของห้องที่ถูกผลักเปิดออกดังขึ้นพร้อมกับผู้คนที่ยกอาหารเริดรสเมนูต่อไปเข้ามาเรื่อยๆ กาเล็ทเห็นเช่นนั้นก็เงยหน้าขึ้นเอ่ยกับผู้ดูแลหอร่างท้วมที่กำลังควบคุมสั่งการลูกน้องของตนเองอย่างใกล้ชิด "ผูดูแลหอนี่เรียกว่าอย่างไร"

    ผู้ดูแลหอร่างท้วมได้ฟังคำถามของกาเล็ทก็เหลียวมองไปยังมือของกาเล็ทที่ชี้ไปยังจานซึ่งเหลืออยู่แต่เพียงเปลือกแข็งของสัตว์ชนิดหนึ่ง "นี่เรียกว่ตัวมอคค่าขอรับท่านดยุค"

    "อืมเรียกว่ามอคด่าหรืออืม ผู้ดูแลหอช่วยบอกกล่าวแก่ห้องครัวให้นำมาอีกชุดหนึ่งได้หรือไม่ มันมีรสชาติถูกปากลูกสาวของข้านัก อืมรบกวนผู้ดูแลหอบอกกล่าวแก่พ่อครัวให้แกะเปลือกของมันออกมาให้ด้วยได้หรือไม่" กาเล็ทเอ่ยถาม

    ได้ฟังเช่นนั้นมีหรือที่ผู้ดูแลหอจะกล้าปฎเสธคำขอของกาเล็ท อย่าว่าแต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สามารถทำได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร "ได้ขอรับท่านดยุค"

    เมื่อผู้ดูแลหอร่างท้วมนำผู้คนออกจากห้องไปแล้วนีน่าก็เอ่ยขึ้น "อาหารของที่นี่นับว่ามีรสชาติที่ไม่เลวนะกาเล็ท"

    "กรู๊" มิร่าที่ได้ฟังดังนั้นก็ส่งเสียงออกมาเพื่อแสดงความเห็นด้วยต่อคำกล่าวของนีน่า

    "ครับท่านแม่" กาเล็ทเอ่ยตอบ

    "กาเล็ทมาที่นี่บ่อยหรอ" แชลเทียเอ่ยถามขึ้น

    กาเล็ทได้ฟังคำถามก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมารีบยกมือที่เปราะเปลื้องคราบมันของตัวมอคค่าอยู่ขึ้นมาปัดป่ายเป็นเชิงปฎิเสธ ปากก็กล่าวว่า "ไม่ใช่ ไม่ใช่ อืม ข้าพึ่งมาที่นี่เป็นครั้งที่สองเท่านั้นเอง"

    ซิลเวียและเบลล่าที่เห็นท่าทางของชายคนรักก็หัวเราะคิกออกมา อันที่จริงแล้วพวกนางหาได้โกรธเคืองกาเล็ทอันใด ในยามนี้พวกนางนั้นล้วนแล้วแต่รู้สึกมีความสุขและอิ่มเอมใจที่ชายคนรักนั้นดูแลเอาใจใส่พวกนางถึงเพียงนี้หาได้มีความรู้สึกโกรธเคืองหรือโทษว่าตำหนิหลงเหลืออยู่แม้แต่น้อย

    วืดดดด เสียงประตูไม้คราครืดไปกับพื้นพร้อมกับกลิ่นหอมอ่อนๆที่โชยเข้ามาภายใน เสียงใสของสตรีก็ดังขึ้น "ขออภัยท่านดยุคท่านมาเรียและเอลที่มาต้อนรับท่านดยุคล่าช้า"

    ได้ยินได้ฟังดังนั้นสายตาของทั้งซิลเวีย เบลล่าและแชลเทียก็จับจ้องไปยังประตูที่ถูกเปิดออกทันที

    ทางด้านมาเรียและเอลลี่เองเมื่อเลื่อนสายตาสำรวจตรวจดูภายในห้องรู้สึกแปลกประหลาดใจ สาเหตุก็เพราะภายในห้องหับนั้นหาได้มีแต่ดยุคบุสโซ่ที่พวกนางเฝ้ารอคอยเท่านั้นหากแต่กลับมีสตรีอีกสี่นางพร้อมทั้งสัตว์ตัวน้อยอีกหนึ่งตัวซึ่งมีรูปร่างที่แปลกประหลาดอย่างมาก

    "มาแล้วหรือลูก มานั่งก่อน" เสียงอ่อนโยนของนีน่าดังขึ้น

    เอลลี่และมาเรียได้ฟังดังนั้นก็ลังเลใจไม่ทราบว่าตนเองต้องทำเช่นไร และผู้อื่นที่นั่งอยู่ภายในห้องร่วมกับดยุคบุสโซ่ที่แท้แล้วคือผู้ใด พวกนางต่างเหลียวมองไปที่กาเล็ทเป็นเชิงขออนุญาติ

    กาเล็ทเห็นถึงสายตาที่จ้องมองมาของเอลลี่และมาเรียก็รีบเอ่ยกล่าวขึ้น "นี่คือท่านแม่นีน่าของข้าเอง และทั้งสามคนนี้ก็คือคู่หมั้นทั้งสามของข้า แชลเทีย องค์หญิงซิลเวีย และองค์หญิงเบลล่า" กาเล็ทเอ่ยแนะนำจากนั้นจึงยกชูร่างของมิร่าขึ้นมา "และนี่ก็คือลูกสาวตัวน้อยของข้าเองมิร่า"

    มาเรียและเอลลี่ได้ฟังดังนั้นก็มีสีหน้าที่หม่นลง "คู่หมั้นทั้งสามของเขางามเฉิดฉันถึงเพียงนี้" มาเรียคิดกับตนเองในใจ

    "เข้ามานั่งก่อนเถอะ ท่านแม่ของข้าบอกให้ทำสิ่งใดก็ทำตามท่านเข้าใจหรือไม่" กาเล็ทเอ่ยเสียงดุขึ้นเมื่อเห็นว่าทั้งเอลลี่และมาเรียยังคงนิ่งเฉยต่อคำกล่าวของผู้เป็นมารดา

    นีน่าได้ฟังน้ำเสียงของผู้เป็นบุตรก็มองค้อนใส่กาเล็ทวูบหนึ่ง "กาเล็ท" นีน่าเอ่ย

    "ข้าเข้าใจแล้วท่านแม่" กาเล็ทเอ่ยขึ้นทันทีเมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของผู้เป็นมารดา

    "เข้ามานั่งก่อน" กาเล็ทเอ่ยเสียงอ่อนลง

    มาเรียและเอลลี่ ย่อกายคาระวะให้แก่นีน่า "คาระวะท่านหญิงนีน่า คาระวะท่านหญิงแชลเทีย คาระวัองค์หญิงซิลเวีย คาระวะองค์หญิงเบลล่า" ทั้งนีน่าและเอลลี่หันไปแสดงความเคาระต่อซิลแชลเทีย ซิลเวีย และเบลล่าตามลำดับจากนั้นจึงคลืบคลานเข้ามาภายในห้อง

    "มา มานั่งตรงนี้ นั่งข้างป้านี่ลูก" นีน่าเอ่ยพร้อมทั้งยกมือทั้งสองของตนเองตบลงที่ข้างกายทั้งสองข้าง

    "ค่ะท่านหญิง" มาเรียและเอลลี่เอ่ย

    "กินอะไรมาหรือยังลูก" นีน่าเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

    มาเรียและเอลลี่ซึ่งหัวใจเต้นระทึกอยู่ก็ไม่ทราบว่าจะตอบเช่นไรดี ตอนนี้ในจิตใจของพวกนางต่างสับสนวุ่นวาย นางไม่ทราบว่าที่แท้แล้วเกิดเรื่องอันใดขึ้น เหตุใดมารดาของดยุคบุสโซ่จึงมาอยู่ที่นี่? เหตุใดคู่หมั้นของเขาทั้งสามจึงมาอยู่ที่นี่ด้วย หนำซ้ำความงดงามของคู่หมั้นทั้งสามของเขาอีก หรือว่าเขาต้องการนำพาคู่หมั้นทั้งสามของเขามาเพื่อให้เราเห็นซึ้งกับตา เราจะได้ไม่คิดฝันมากความอีก? ทั้งเอลลี่และมาเรียต่างมีความคิดเช่นนี้อยู่ภายในจิตใจ

    "กินมาบ้างแล้วค่ะท่านหญิง" มาเรียเอ่ยกล่าวอย่างนอบน้อมเสียงเบา

    "เรียกป้าเถอะลูก ไหนคนไหนเอลลี่ คนไหนมาเรีย" นีน่าเอ่ยพร้อมทั้งใช้สายตาสำรวจตรวจดูมาเรียและเอลลี่

    "ข้ามาเรียค่ะ/ข้าเอลลี่ค่ะ" ทั้งมาเรียและเอลลี่เอ่ยแนะนำตัวตามลำดับ

    "มา มารับประทานอาหารด้วยกัน" นีน่าเอ่ยอย่างอ่อนโยน

    มาเรียและเอลลี่ได้ฟังเช่นนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่กาเล็ทวูบหนึ่งเป็นเชิงขออนุญาติ

    นีน่าเห็นดังนั้นก็เอ่ยขึ้น "กาเล็ทออกไปรอข้างนอกก่อนได้ไหมลูก"

    กาเล็ทได้ฟังเช่นนั้นก็แสดงสีหน้าลำบากใจออกมา "ครับท่านแม่"

    กาเล็ทลุกขึ้นพร้อมกับอุ้มมิร่าน้อยหมายจะเดินออกไปจากห้องตามคำร้องขอของผู้เป็นมารดา

    "ให้มิร่าน้อยอยู่ที่นี่กับแม่เถอะกาเล็ท" นีน่าเอ่ย

    กาเล็ทได้ฟังก็ตบร่างมิร่าเบาๆคราหนึ่งเป็นสัญญานให้นางปฎิบัติตามคำขอของผู้เป็นมารดา "ครับท่านแม่"

    "กาเล็ทตอนออกไปก็บอกเด็กๆเขายกจานสำรับเข้ามาอีกสองที่ให้กับหนูเอลลี่และหนูมาเรียด้วยนะลูก"

    กาเล็ทได้ฟังเช่นนั้นก็ตอบออกมาเช่นเดิม "ครับท่านแม่"

    เอลลี่และมาเรียได้เห็นอาการท่าดีของดยุคบุสโซ่แล้วก็รู้สึกแปลกประหลาดใจไม่น้อย ดยุคบุสโซ่ที่กราดเกรี้ยวยิ่งใหญ่ในสายตาของพวกนางในวันนั้นกลับอืม กลับดูไปเกรงกลัวผู้เป็นมารดาอยู่บ้าง

    แชลเทีย ซิลเวียและเบลล่าซึ่งเห็นอาการท่าทีของกาเล็ทก็สบตากันหัวเราะคิกออกมาและใช้สายตามองส่งกาเล็ทที่เดินห่อไหล่ออกจากห้องไป

    เมื่อกาเล็ทออกจากห้องไปแล้วนีน่าก็ส่งร่างของมิร่าให้แก่แชลเทียอุ้มไว้ "หนูมาเรีย หนูเอลลี่ช่วยเล่าให้ป้าฟังได้ไหมจ๊ะว่าทำไมหนูทั้งสองถึงได้มาอยู่ในหอร้อยบุปผาแห่งนี้ได้" นีน่าเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นว่าผู้เป็นบุตรชายออกจากห้องไปแล้ว แม้ว่าน้ำเสียงที่เอ่ยถามจะฟังดูอ่อนโยนนุ่มนวลทว่าสายตาของนางกลับสำรวจตรวจดูทั้งเอลลี่และมาเรียอย่างไม่วางตา
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×