ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #207 : ทำให้อดอยากยิ่งกว่าขอทาน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.92K
      630
      1 พ.ค. 61

    "เราสนทนากันถึงเรื่องใดแล้วหรือพี่ท่าน" กาเล็ทยังคงแสร้งทำเป็นเสมือนว่าไม่มีเรื่องราวใดเกิดขึ้น "อ่อข้าจำได้แล้ว ข้ากำลังพูดถึงเรื่องที่ว่าข้าอิจฉาพี่ท่านที่กระทำสิ่งใดได้ตามอำเภอใจ ทราบหรือไม่ว่าบางครั้งคราตัวข้านั้นต้องยับยั้งชั่งใจไว้แม้ว่าบางทีอยากจะกระทำบางสิ่งมากมายถึงเพียงใด ยกตัวอย่างเช่น..." กาเล็ทเอ่ยกล่าวมาถึงตรงนี้เรย์นาร์ดก็รีบเอ่ยตอบพร้อมทั้งผงกหัวระรัวอย่างเห็นด้วย

    "ใช่แล้ว ใช่แล้ว ใช่แล้ว ท่านจักรพรรดิ์ทมิฬกล่าวถูกต้อง" เรย์นาร์ดผงกหัวระรัวเอ่ยขึ้น

    ทางด้านวีร่าที่ด้านข้างของเรย์นาร์ดบัดนี้นั้นได้แต่นั่งตัวแข็งค้างไม่กล้ากล่าววาจาใดแม้แต่ลมหายใจยังไม่กล้าปลดปล่อยออกมาโดยแรง

    ทางด้านกาเล็ทที่ได้ฟังเช่นนั้นก็รู้สึกสมใจนัก "หืม เมื่อครู่มิใช่จะชี้หน้าด่าข้าอยู่เลยหรอกหรือ?พอมาบัดนี้กลับแปรเปลี่ยนกลับกลายเป็นจิ้งจกเปลี่ยนสี" กาเล็ทคิดกับตนเองในใจ "พี่ท่านยังไม่ได้เอ่ยบอกต่อข้าถึงชื่อเสียงเรียงนามและตระกูลสูงส่งของพี่ท่านเลย"

    "ข..ข้ามิบังอาจข ขอรับท่านจักรพรรดิ์ทมิฬ" เรย์นาร์ดที่หน้าซีดเป็นไก่ต้มเอ่ยตะกุกตะกักตอบกาเล็ท

    ขณะที่เรย์นาร์ดกำลังอ้ำๆอึ้งๆอยู่ คาซัพก็นำพาพนักงานเสริพหลายต่อหลายคนตรงดิ่งมาทางโต๊ะของเรย์นาร์ดอย่างรวดเร็ว กาเล็ทซึ่งเห็นเช่นนั้นก็หันไปหาคาซัพและเอ่ยถามขึ้น "ได้ความว่าเช่นไร"

    คาซัพเหลือบไปมองที่เรย์นาร์ดวูบหนึ่งจากนั้นจึงเอ่ยกล่าว "ป..เป็นเพราะเจ้าผู้นี้ขอรับท่านจักรพรรดิ์ทมิฬ เรื่องราวทั้งหมดล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นเพราะมัน" ขณะที่เอ่ยกล่าวคาซัพก็คิดกับตนเองในใจ "เด็กน้อยเรย์นาร์ดเจ้าไม่อาจโทษว่าผู้ใด หากจะโทษผู้ใดก็โทษที่ตัวเจ้าเถอะที่หาเรื่องผู้ใดไม่หาเรื่องกลับไปหาเรื่องบุคคลที่น่ากลัวเช่นนี้ได้"

    "เล่ามาให้ละเอียด" กาเล็ทเอ่ยเสียงแข็งขึ้น แม้ว่าจะคาดเดาได้อยู่แล้วถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกาเล็ทยังคงเอ่ยถาม

    เรย์นาร์ดในตอนนี้นั้นได้แต่ตัวสั่นไม่ทราบว่าตนเองต้องทำเช่นไรถึงจะสามารถมีชีวิตรอดออกไปจากสถานการณ์นี้ได้มันใช้สมองของมันขบคิดวนไปมาจนเหงื่อกาฬไหลท่วมเสื้อผ้าของมัน

    "มันเป็นผู้สั่งการต่อพนักงานของภัตตาคารให้เมินเฉยต่อโต๊ะของท่านจักรพรรดิ์ทมิฬขอรับ ด้วยที่ว่ามันนั้นเป็นบุตรของตระกูลไวท์โมลซึ่งเป็นตระกูลพ่อค้าที่ร่ำรวย อีกทั้งมันยังมาใช้บริการยังภัตตาคารเหินฟ้าอยู่เป็นประจำทำให้เหล่าพนักงานยินยอมที่จะกระทำตามคำขอของมันขอรับท่านจักรพรรดิ์ทมิฬ" คาซัพเอ่ย

    ได้ฟังเช่นนั้นกาเล็ทก็รู้ได้ทันทีว่าสมควรแก่เวลาที่จะจบการละเล่นกับเรย์นาร์ดแล้ว กาเล็ทหันมองกลับมาที่เรย์นาร์จากนั้นจึงยกมือของตนเองขึ้นตบโต๊ะอย่างไม่พอใจ ทันทีที่มือของกาเล็ทตบลงไปยังโต๊ะคลื่นพลังจากฝ่ามือของกาเล็ทก็กระจายไปทั่วโต๊ะทั้งสามที่ต่อติดกันอยู่และผลักดันให้จานอาหารทั้งหมดล่องลอยขึ้นจากโต๊ะ ที่น่าแปลกคือไม่มีอาหารแม้สักชิ้นเดียวที่กระจัดกระจายออกจากจานขณะที่พวกมันนั้นลอยขึ้นและตกลงมาดังเดิม "วิเศษมาก ปากเอ่ยเรียกพี่เรียกน้องหากแต่กลับแอบซ่อนใบมีดไว้ภายใต้วาจาที่สวยหรู วิญญูชนจอมปลอมนั้นมีอยู่ทุกแห่งหนจริง"

    หลังจากสะดุ้งโหยงจากการตบโต๊ะของกาเล็ทเรย์นาร์ดก็รีบกะโดดปราดขึ้นพร้อมทั้งคุกเข่าลงเอ่ยคำอ้อนวอนร้องขอ "ข..ข้าน้อยผิดไปแล้วขอรับ ข้าน้อยผิดไปแล้ว ข้าน้อยนั้นมีตาแต่ไร้แวว ขอให้ท่านจักรพรรดิ์ทมิฬให้โอกาสแก่ข้าน้อยสักครั้ง" ขณะที่เอ่ยกล่าวที่หว่างขาของมันถึงกลับปรากฎน้ำใส่เจิ่งนองออกมา

    "จำไม่ได้หรือว่าข้านั้นให้โอกาสเจ้าไปแล้วหากแต่เจ้ากลับเลือกที่จะบอกปัดไม่รับไว้พอมาถึงตอนนี้กลับเรียกร้องขอโอกาสหรือ?" กาเล็ทลุกขึ้นเอ่ยกล่าวด้วยเสียงอันดัง

    เมื่อความตายมาเยือนถึงเบื้องหน้าสิ่งที่บุคคลซึ่งไม่เคยผ่านความยากลำบากใดมาอย่างเรย์นาร์ดจะทำได้จึงมีแต่การสั่นกลัว เรย์นาร์ดเป็นเช่นนี้ วีร่าที่ด้านข้างก็ไม่ต่างกัน นางถึงกลับตัวแข็งค้างไม่กล้าที่จะขยับตัวแม้สักนิดเดียวแม้แต่การลุกขึ้นคุกเข่าขอชีวิตเช่นที่เรย์นาร์ดกระทำนางยังคงลืมเลือนไป ยังดีที่กาเล็ทนั้นคร้านที่จะสนใจกับสตรีผู้นี้

    "ข้าเป็นคนที่ชอบให้โอกาสแก่ผู้คนเช่นนั้นข้าจะให้โอกาสแก่เจ้าสักครั้ง" กาเล็ทเอ่ยกล่าว

    "ขอบพระคุณท่านจักรพรรดิ์ทมิฬที่เมตตา ขอบพระคุณท่านจักรพรรดิ์ทมิฬที่เมตตาขอรับ" เรย์นาร์ดกล่าวซ้ำไปซ้ำมา "อย่าพึงด่วนดีใจเร็วจนเกินไปนัก ในเมื่อเจ้าถือดีว่าร่ำรวยใช้จ่ายเงินทองอย่างไม่คิดก็เอาเช่นนี้เถอะ หากว่าเจ้ารับประทานอาหารที่ตัวเจ้านั้นสั่งมานี้ได้หมดก่อนที่ข้าจะจากไป เช่นนั้นข้าจะไม่ถือสาหาความกับเรื่องที่เกิดขึ้นหาไม่แล้วข้าจะทำให้เจ้าอดอยากยิ่งกว่าขอทานผู้หนึ่ง" กาเล็ทเอ่ยกล่าว เมื่อกล่าวจบกาเล็ทก็หันไปหาคาซัพ "มันผู้ใดเป็นเจ้าของภัตตาคารแห่งนี้ไปตามตัวมันมาให้แก่ข้า พร้อมทั้งแจ้งบอกต่อพนักงานและพ่อครัวทุกผู้คน หากว่าอาหารและเครื่องดื่มที่ข้าสั่งไปยังไม่มาเสริพให้อย่างครบถ้วนภายในระยะเวลา 20 นาทีข้าจะลงโทษพวกมันอย่างหนัก"

    ทางด้านเรย์นาร์ดที่ได้ฟังคำกล่าวของกาเล็ทก็ได้แต่นิ่งอึ้งไปด้วยความสิ้นหวัง ให้ตัวมันกินอาหารที่สั่งมาให้หมดสิ้น? หากว่าให้เวลามันสักสองวันอาจบางทีมันยังสามารถกระทำได้แต่เงื่อนไขคือต้องรับประทานให้หมดก่อนที่จักรพรรดิ์ทมิฬผู้นี้จะจากไป นี่มิใช่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้? อาหารมากมายถึงเพียงนี้ตัวมันจะไปรับประทานหมดได้อย่างไร 

    "คาซัพเจ้าเฝ้าดูมันไว้ให้ดี หากว่ามันทำไม่ได้อย่างเงื่อนไขที่ข้าตั้งไว้ก็ให้เจ้านำผู้คนไปที่ตระกูลของมันสืบยึดทรัพย์สินทั้งหมดที่มันมีมาให้แก่ข้าจนหมดสิ้นอีกทั้งให้ออกคำสั่งออกไปว่าหากมีผู้ใดหยิบยื่นความช่วยเหลือแก่ตระกูลไวท์โมลก็จะได้รับโทษอย่างเดียวกัน  จดจำไว้ ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินหรือเงินทอง กระทั่งเสื้อผ้าเครื่องสวมใส่ก็ยึดมาให้หมดสิิ้นข้าอนุญาติให้มันหลงเหลือไว้แต่เพียงเสื้อผ้าติดตัวชุดหนึ่ง" กาเล็ทเอ่ยสั่งการ

    "ขอรับท่านจักรพรรดิ์ทมิฬ ข้าจะจับตาดูอย่างใกล้ชิด หากว่ามันไม่สามารถรับประทานอาหารเหล่านี้ได้หมดข้าจะดำเนินการตามที่ท่านจักรพรรดิ์ทมิฬสั่งการอย่างเคร่งครัด" คาซัพเอ่ย

    เมื่อเห็นว่าเรย์นาร์ดดูเหมือนอยากจะเอ่ยกล่าวอันใดกาเล็ทก็เปิดปากขึ้นก่อน "คว้าโอกาสแก้ตัวที่ข้ามอบไว้ให้แก่เจ้าไว้ให้ดีเถอะ เวลาเหลือไม่มากแล้ว" กล่าวจบกาเล็ทก็ออกเดินกลับโต๊ะของตัวเองไป สำหรับเงื่อนไขที่กาเล็ทมอบให้แก่มันนี้ย่อมเป็นเงื่อนไขที่สามารถกระทำได้หากว่าเรย์นาร์ดผู้นี้สามารถย่อยอาหารให้กลายเป็นพลังงานโดยตรงได้ดั่งที่ผู้ฝึกตนระดับสูงสามารถกระทำแต่มีหรือที่เรย์นาร์ดซึ่งมีระดับพลังเพียงระดับขั้นที่ 5-6 จะรู้ถึงวิธีการนั้น ดังนั้นผลลัพท์ของเรื่องนี้จึงมีเพียงหนึ่งเดียว

    "เป็นยังไงบ้างลูก" นีน่าเอ่ยถามขึ้นทันทีเมื่อกาเล็ทเดินกลับมาที่โต๊ะของตนเอง

    "เป็นฝีมือของมันที่ออกคำสั่งให้พนักงานของภัตตาคารเหินฟ้าเมินเฉยต่อพวกเราครับท่านแม่" กาเล็ทเอ่ยบอก

    ได้ฟังเช่นนั้นทุกผู้คนก็ผงกหัว 

    "แล้วกาเล็ทจัดการยังไงล่ะลูก" นีน่าเอ่ยถาม

    "ข้าเห็นว่ามันสั่งอาหารมามากมายเป็นที่น่าเสียดายนัก เอิ่มข้าเลยบอกต่อมันว่า หากมันสามารถรับประทานอาหารที่สั่งมานั้นได้หมดข้าจะไม่ถือสาเอาความกับมันแต่หากว่ามันกระทำไม่ได้ข้าก็จะทำให้มันได้ลิ้มรสถึงความอดอยากว่าเป็นเช่นไร" กาเล็ทเอ่ยกล่าว

    นีน่าที่ได้ฟังเช่นนั้นก็โล่งใจไม่น้อย อย่างน้อยก็ไม่ถึงกับฆ่าแกงกัน 

    "ท่านป้าข้าบอกแล้วว่ากาเล็ทน่ะเขาไม่ทำอะไรอย่างไร้เหตุผลหรอก" แชลเทียเอ่ย

    กาเล็ทได้ฟังเช่นนั้นก็ยิ้มเจื่อนๆออกมา ไม่ทราบว่าหากพวกนางรู้ว่าความหมายของความอดอยากที่กาเล็ทเอ่ยบอกนั้นคือความอดอยากระดับใดพวกนางยังคงจะเอ่ยเช่นนี้อีกหรือไม่ "ท่านแม่ บุตรชายของท่านไม่เคยข่มเหงรังแกผู้ใดก่อนมีบุตรชายของท่านแม่เช่นข้านี่แหละที่ถูกผู้คนข่มเหงรังแก" กาเล็ทเอ่ยกล่าวชณะที่ก้มลงไปกอดที่หว่างเอวของนีน่า

    "นี่ดูทำเข้า เมื่อครู่ยังวางก้ามขู่ขวัญผู้คนอยู่เลย บัดนี้กับกระทำตัวเสมือนเด็กๆแล้ว" นีน่าเอ่ย

    ได้เห็นภาพของกาเล็ทที่ออดอ้อนนีน่าเช่นนี้ทุกผู้คนภายในโต๊ะอาหารก็ยิ้มแย้มหัวเราะออกมา ยังไม่ทันที่กาเล็ทจะปล่อยมือออกจากการโอบกอดนีน่า น้ำผลไม้ที่กาเล็ทสั่งไปก็ยกมาเสริพให้ ยังมีอาหารอีกหลายเมนูที่ยกตามมาไม่ขาด "ท่านแม่ลองชิมดูว่าถูกปากหรือไม่" กาเล็ทเอ่ยขณะที่ตักแบ่งอาหารให้แก่นีน่า

    เมื่ออาหารที่สั่งไว้ค่อยๆทยอยนำมาเสริพให้ทุกผู้คนในโต๊ะอาหารของกาเล็ทก็ง่วนอยู่กับการลิ้มรสชิมอาหารจากภัตตาคารชื่อดังของไอออนจะมีก็แต่เบลล่าที่ไม่ได้กินเลยแม้สักนิดเหตุก็เพราะนางได้แต่ตักป้อนให้แก่มิร่าอยู่

    "มิร่าน้อยมานี่ ปะป๋าจะป้อนเอง กินจุแบบนี้พี่สาวเบลล่าก็แย่นะสิ" ได้ยินคำกล่าวของกาเล็ทมิร่าก็ทะยานออกจากอ้อมกอดของเบลล่าไปหากาเล็ททันที เมื่อถูกกาเล็ทกอดไว้แล้วนางก็อ้าปากส่งเสียงร้อยอ้อนออกมา

    เมื่อมิร่าจากไปแล้วเบลล่าก็ถึงกลับแสดงความรู้สึกว่าเสียดายออกมาให้ได้เห็นที่มิร่าโผบินออกไปจากอ้อมกอดของตนเอง จะกล่าวไปแล้วเบลล่านั้นมักจะคว้าตัวของมิร่าเข้ามาโอบอุ้มลูบคลำทุกครั้งที่มีโอกาส

    "ท่านพี่ทราบหรือไม่ว่าท่านพี่โชคดีกว่าพวกข้ามากนัก เมื่อก่อนนางหาได้จะยอมให้ผู้อื่นโอบอุ้มลูบคลำได้ง่ายดาถึงเพียงนี้" ซิลเวียเอ่ยขึ้น

    ได้ฟังเช่นนั้นเบลล่าก็แสดงสีหน้าไม่เข้าใจออกมาเล็กน้อย

    "เมื่อก่อนนางยินยอมให้แต่เพียงกาเล็ทกับท่านป้าอุ้มชูเท่านั้นแหละ จะมีบ้างบางครั้งที่ยอมให้แชลเทียถูกเนื้อต้องตัวบ้าง กว่าที่ข้าจะได้ลองสัมผัสอุ้มชูนางดูก็ต้องใช้เวลานานนับเดือนเลย" ซิลเวียเอ่ยอธิบาย

    กาเล็ทที่ได้ฟังบทสนทนาของซิลเวียกับเบลล่าก็ยิ้มออกมาจากนั้นจึงจับขาหน้าจ้างหนึ่งของมิร่ายกขึ้นขยับไปมาและดัดเสียงให้เล็กแหลมเสมือนเด็กเอ่ยกล่าวว่า "ตอนนี้มิร่าไม่ดุร้ายแล้ว มิร่าเป็นมิตรกับพี่สาวแสนสวยทุกคน" เอ่ยจบกาเล็ทก็ทำเสียงให้กลับมาเป็นปกติและเอ่ยกับมิใช่ "ใช่ไหมคะ"

    "กรุ๊" มิร่าส่งเสียงร้องตอบออกมา

    "แปลงร่างหน่อยเร็ว จะได้กินน้ำผลไม้ที่หนูชอบ" กาเล็ทเอ่ยกับมิร่า 

    ได้ยินเช่นนั้นร่างของมิร่าก็สว่างจ้าขึ้นวูบหนึ่งจากนั้นมังกรน้อยก็กลายเป็นเด็กหญิงตัวน้อยผู้หนึ่ง

    ขณะที่กาเล็ทและครอบครัวกำลังพูดคุยยิ้มแย้มกันอย่างสนุกสนานคนผู้หนึ่งก็ค่อยๆคลืบคลานเข้ามาหา มันผู้นี้คือเจ้าของภัตตาคารเหินฟ้าแห่งนี้เอง "ท ... ท่านจักรพรรดิ์ทมิฬขอรับ ข้าน้อย..ข้าน้อยผู้ต่ำต้อยเป็นเจ้าของภัตตาคารแห่งนี้เองขอรับ"

    ได้ยินเช่นนั้นเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานก็หยุดลงและหันกลับมาให้ความสนใจกับเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไป

    ปล.จุดจบแบบนี้คงมีคนเดาถูกอยู่ใช่ไหมครับ คิดว่าเบาไปไหม หรือพอดีแล้ว สำหรับผมถือว่าพอดีนะครับ ไม่ถึงกับฆ่าแต่ก็ทรมาณนะครับ จากคนที่มั่งมีร่ำรวยใช้จ่ายเงินทองอย่างสุรุ่ยสุร่ายแล้วอยู่ๆต้องมาไม่เหลืออะไร

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×