ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #308 : ส่งมอบของขวัญ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.88K
      371
      7 ม.ค. 62


    "น.นี่คือ" ซานฮานเกิดความรู้สึกลังเลใจที่จะเอ่ยถาม
    "นี่คือตัวยาเทพโอสถที่ข้าหลอมสร้างขึ้นเอง หากผู้ฝึกพลังรับประทานลงไปจะช่วยส่งเสริมให้การฝึกพลังเป็นไปได้อย่างราบลื่นกว่าเดิมหลายเท่าครับท่านลุง" กาเล็ทเอ่ยกล่าวอธิบาย
    เห็นท่าที่ซึ่งกาเล็ทแสดงออกพร้อมกับของล้ำค่าในมือที่ส่งมอบออกมาให้แก่ตนเองแล้ว ยิ่งทำให้ซาฮานเกิดความรู้สึกผิดยิ่งกว่าเดิม หากจะให้บอกกล่าวตามความจริงแล้ว เมื่อครั้งที่นีน่าซึ่งยังลำบากแบกหน้ามาขอความช่วยเหลือเพื่อหยิบยืมเงินทองกับตนเอง อันที่จริงแล้วตนเองสามารถที่จะให้ความช่วยเหลือแก่นางได้มากกว่าที่ให้ไปเมื่อครั้งนั้นมากนักหากแต่ตนเองกลับเลือกที่จะดึงรั้งรักษาระยะห่างไว้ มาถึงบัดนี้แม้ได้รับน้ำใจเพียงน้อยนิดจากตนเองในวันนั้นหากแต่ตระกูลบุสโซ่กลับไม่ลืมเลือน เหลียวมองดูตำแหน่งและความสามารถของเด็กหนุ่มที่เบื้องหน้าของตนเองในตอนนี้ จำเป็นหรือที่เด็กผู้นี้จะต้องแสดงออกนอบน้อมกับตนเองถึงเพียงนี้ ? คำตอบคือไม่ คิดได้ดังนั้นซาฮานก็เกิดความรู้สึกลำบากใจขึ้นมาที่จะรับตัวยาที่เหลียวมองดูวูบเดียวก็ทราบได้ว่ามีค่าควรเมือง "ยาล้ำค่าเช่นนี้ตัวข้าจะรับได้อย่างไร" ซาฮานเอ่ยกล่าว
    "หากท่านลุงไม่รับไว้ข้าคงรู้สึกลำบากใจ" กาเล็ทเอ่ยกล่าว
    ได้รับฟังเช่นนั้นซาฮานจึงรีบยื่นมือของตนเองออกมารับขวดที่บรรจุเม็ดยาเทพโอสถจากมือของกาเล็ทไป "ตกลง รับไว้ก็รับไว้" ซาฮานเอ่ยกล่าว เมื่อรับของขวัญจากกาเล็ทไปแล้ว ซาฮานก็รีบนำขวดแก้วอันมีค่าเข้าไปซุกเก็บไว้ในอกเสื้อและหันไปปรบมือเรียกบริกร "รับประทานอาหารกันเสร็จแล้วก็ต่อด้วยของหวาน หลังจากรับประทานของหวานแล้วเสร็จจะมีโชว์ของคณะละครเลื่องชื่อที่ข้าจ้างวานมาเพื่อรอต้อนรับหลานกาเล็ทกับท่านหญิงนีน่าเป็นพิเศษ"
    หลังจากรับประทานของหวานและจัดการกับมิร่าที่มูมมามใช้ใบหน้าซุกเข้าหาเค้กก้อนโตจนเลอะเปราะเปื้อนแล้ว กาเล็ทก็นำครอบครัวติดตามซาฮานไปยังที่นั่งซึ่งถูกจัดเตรียมไว้เป็นพิเศษเพื่อรับชมการแสดงบนเวที
    กาเล็ทที่รับเอาร่างของมิร่ามาจากนีน่าเพื่อสั่งสอนต่อว่าใช้มือของตนเองตบไปที่บั้นท้ายน้อยๆของนาง "หนูเป็นเด็กผู้หญิง ต้องรู้จักรักษากริยาและท่าทาง ห้ามไม่ให้มูมมาม"
    มิร่าที่อยู่ในอ้อมแขนส่งเสียงร้องออกมาพร้อมทั้งหมุนพลิกกายไปมาอย่างสนุกสนาน แม้จะถูกตำหนิต่อว่าหากแต่ดวงตาของนางยังคงทอแววซุกซนขี้เล่น
    กาเล็ทเห็นเช่นนั้นก็เอ่ยกล่าว "เตือนแล้วไม่ฟังต้องถูกลงโทษ" กาเล็ทเว้นวรรคไปช่วงหนึ่ง จากนั้นจึงปั้นหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา "ลงโทษด้วยการกินพุง" เอ่ยกล่าวจบกาเล็ทก็ซุกหน้าของตนเองเข้ากับหน้าท้องของมิร่าพร้อมกับทำเสียงงึมงำออกมาไม่ขาด
    มิร่าซึ่งรู้ว่าผู้เป็นบิดากำลังละเล่นหยอกล้ออยู่กับตนเองก็เสแสร้งแกล้งแสดงท่าทางหวาดกลัวออกมาพร้อมทั้งส่งเสียงร้องโหยหวนไปด้วย
    นีน่าที่นั่งอยู่ด้านข้างไม่ไกลเห็นเช่นนั้นก็ได้แต่ส่ายศรีษะ "พอกันทั้งพ่อทั้งลูกเลยคู่นี้"
    เบลล่าที่นั่งอยู่อีกข้างของกาเล็ทเห็นเช่นนั้นก็สกิดแขนของกาเล็ทที่กำลังเล่นอยู่กับมิร่า "นี่กาเล็ท" เบลล่าเอ่ยกล่าว
    กาเล็ทซึ่งเงยหน้าขึ้นมาพบเข้ากับสายตาของซาฮานก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆออกมา
    "ขอท่านซาฮานอย่าได้ถือสาบุตรชายของนีน่า เด็กคนนี้ไม่ค่อยได้เข้าร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์เช่นนี้เท่าไรจึงไม่รู้ถึงขนบธรรมเนียมและมารยาทเท่าที่ควร" นีน่าเอ่ยกล่าวแก้ตัวแทนผู้เป็นบุตรชาย
    "ไม่ถือสา ไม่ถือสา" ซานฮานส่ายศรีษะเอ่ยกล่าวออกมาถึงสอบรอบ
    ไม่นานคณะละครก็เตรียมตัวจนแล้วเสร็จเตรียมที่จะขึ้นแสดง แต่แล้วทหารของตระกูลบุสโซ่สองคนก็รีบบึ่งเข้างานเลี้ยงมาคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าของกาเล็ทด้วยสีหน้าเคร่งเครียดจริงจัง
    "นายน้อยขอรับ หัวหน้ามาร์ตินย่ำแย่แล้วขอรับ"
    ขณะที่ทั้งนีน่าและเหล่าภรรยาของตนเองแสดงออกถึงความแตกตื่นตกใจหากแต่กาเล็ทยังคงรักษาความสงบเยือกเย็นไว้ "มีเรื่องใดค่อยๆบอกกล่าวมา"
    "พวกข้าเองก็ไม่ทราบขอรับ เพียงแต่ขณะที่รับประทานอาหารกันอยู่ภายในภัตตาคารแห่งหนึ่ง อยู่ๆหัวหน้ามาร์ตินก็มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาพร้อมทั้งทลายกำแพงและบ่งบอกให้พวกข้ารีบเร่งกลับมาขอความช่วยเหลือกับนายน้อยขอรับ ครั้นพอพวกข้าออกจากภัตตาคารมาได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงระเบิดดังกึกก้องไปทั่วและภัตตาคารก็พังถล่มลงมาขอรับ" ทหารของตระกูลบุสโซ่เอ่ยเล่า
    กาเล็ทได้ยินเช่นนั้นก็ปรากฎสีหน้าเคร่งเครียดขึ้น "เราไม่ได้คิดไปเอง" หวนนึกคิดถึงคลื่นพลังบางๆที่ตนเองจับสัมผัสได้เมื่อสิบกว่านาทีก่อนกาเล็ทพลันเกิดความรู้สึกตำหนิโทษว่าตนเองควบคู่กันไปด้วย "ท่านแม่ ขอท่านอย่าได้ตื่นตระหนกข้าจะออกไปข้างนอกสักครู่หนึ่งไม่นานก็จะกลับมา" กาเล็ทหันไปเอ่ยกล่าวกับนีน่าในทันที พร้อมกับหันไปเอ่ยกับว่าที่ภรรยาทั้งห้าของตนเอง "ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย ข้าจะกลับมาเป็นเพื่อนชมละครเวทีกับพวกเจ้าแน่นอน" กาเล็ทเอ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะลุกก้าวเดินออกไปกาเล็ทยังไม่ลืมที่จะยกมือของตนเองเพื่อลูบศรีษะของมิร่า "หนูต้องอยู่คอยปกป้องดูแลพี่สาวและท่านย่า เข้าใจไหมคะ"
    มิร่ากู่ร้องพร้อมทั้งผงกศรีษะอย่างว่าง่ายเป็นการตอบรับกับคำกล่าวของกาเล็ท
    เมื่อฝากฝังกับมิร่าแล้วกาเล็ทก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับเร่งพลังแผ่ขยายข่ายจิตวิญญาณให้กว้างไกลออกไป เมื่อข่ายพลังจิตวิญญาณของตนเองแผ่ขยายกว้างออกไปกาเล็ทกลับพบว่าอัตลักษณ์จำเพาะพลังของมาร์ตินกำลังค่อยๆเคลื่อนขยับเข้ามายังทิศทางที่ตนเองอยู่
    "ติดตามข้ามา" กาเล็ทหันไปเอ่ยกล่าวกับสองทหารที่พึ่งจะวิ่งหน้าตั้งเข้ามาแจ้งข่าว
    "ขอรับ" ทั้งสองขานรับ
    ทันทีที่กาเล็ทเดินออกมายังด้านหน้าของตระกูลโรม่าก็พบว่ามีกลุ่มผู้คนมากมายที่ควบขี่ม้านำขบวนมาทางด้านนี้ อัตกลักษณ์พลังของมาร์ตินที่กาเล็ทสัมผัสได้ก็อยู่ภายในขบวนผู้คนขบวนนี้เอง เมื่อสังเกตุดูให้ดีกาเล็ทก็พบว่าที่เบื้องหลังของทหารซึ่งขี่ม้าน้ำขบวนมาปรากฎม้าสองตัวที่กำลังลากรถลาก ซึ่งด้านบนถูกบรรทุกไปด้วยร่างของผู้คน
    เห็นเช่นนั้นสีหน้าของกาเล็ทก็ขมึงตึงเครียดขึ้นมาในทันใด สาเหตุก็เพราะผู้คนที่ถูกบรรทุกอยู่บนรถลากนั้นคือมาร์ตินและผู้ใต้บังคับบัญชาของมาร์ตินเอง สภาพของมาร์ตินดูไปแล้วทุลักทุเล อ่อนแรงอยู่ไม่น้อย
    "ไปลากจูงรถลากมา" กาเล็ทเอ่ยสั่งการ พร้อมทั้งใช้พลังของตนเองตรวจหาศัตรู หากแต่ก็พบแต่เพียงผู้ฝึกพลังระดับพื้นเพทั่วไป
    "ขอรับ" ทหารทั้งสองของตระกูลบุสโซ่ที่ข้างกายของกาเล็ทเอ่ยขานรับพร้อมทั้งวิ่งไปรับเอารถลากซึ่งถูกม้าลากจูงอยู่และค่อยๆลากมายังเบื้องหน้าของกาเล็ท
    กาเล็ทที่ยังคงแสดงออกถึงท่าทีสงบนิ่งไม่หวั่นไหวเหลือบตามองดูผู้คนในขบวนวูบหนึ่ง "มันอยู่ที่ใด" คำเอ่ยถามนี้ของกาเล็ทกลับแฝงไปด้วยพลังระดับที่สามารถโยกคลอนสั่นไหวจิตใจของผู้คนได้ มันที่กาเล็ทเอ่ยถึงย่อมหมายถึงอองตวนเอง
    เพียงมองดูวูบเดียวก็ทราบได้ว่าเด็กหนุ่มที่เบื้องหน้าของพวกตนนั้นหาใช่ชนชั้นสามัญทั่วไป
    เมื่อคำตอบที่ได้รับมายังคงเป็นความเงียบกาเล็ทก็เอ่ยถามอีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้พลังที่ส่งผ่านแฝงไปกับคลื่นเสียงนั้นเพิ่มพูนมากกว่าครั้งก่อนหลายเท่า ไม่เพียงแต่ทำให้จิตใจของผู้คนสั่นหวั่นแต่ยังคำให้ทั่วทั้งร่างของผู้ซึ่งยืนอยู่เบื้องหน้าของกาเล็ทถึงกับสั่นเทาอย่างไม่อาจที่จะควบคุมได้
    "ร..เรียนท่านจักรพรรดิทมิฬ ท่านอองตวนกลับที่พักไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ขอรับ" บรุษผู้หนึ่งซึ่งแทรกอยู่ในขบวนเอ่ยกล่าวตอบคำถามของกาเล็ทออกมา
    กาเล็ทที่ได้รับคำตอบเช่นนั้นก็ลอบคิดกับตนเองในใจ "วิเศษมาก ทำกับผู้คนของเราถึงเพียงนี้ยังมีหน้ากลับไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า" ในอีกทางหนึ่งกาเล็ทก็รู้สึกโล่งใจเช่นกัน สาเหตุก็เพราะจากอาการของมาร์ตินแล้ว ตนเองต้องใช้เวลาพอสมควรในการเยียวยารักษา ยังดีที่ผู้ใต้บังคับบัญชาที่ติดตามมาร์ตินไปแต่ละคนนั้นเพียงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น กาเล็ทที่เดินเข้าไปยังรถลากและพยุงยกเอาร่างของมาร์ตินลงมาจากรถลากหันไปเอ่ยกับขบวนของผู้คน "ราชวงศ์ของแคว้นสมิธอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้คนของทวีปกลางเพื่อทำร้ายคนของข้าเช่นนี้ไม่เป็นความคิดที่ฉลาดเลย" กาเล็ทเอ่ยกล่าว
    บรุษที่เอ่ยตอบคำกาเล็ทเมื่อครู่ได้รับฟังเช่นนั้นก็สยิวกายอย่างหนาวเหน็บ มันซึ่งเป็นเพียงเจ้าชายของราชวงศ์ในแว่นแคว้นเล็กๆจะกระทำเช่นไรได้ มันเลือกได้หรือ? เสือสองตัวปะทะต่อสู้กันสุดท้ายแล้วต้องมีตัวหนึ่งตัวใดที่แพ้พ่ายไป มันซึ่งเป็นเพียงตัวละครตัวเล็กๆนอกสายตาผู้หนึ่งจำต้องเลือก ในยามนี้มันเพียงแต่เลือกที่จะอยู่กับฝ่ายที่มีโอกาสชนะมากกว่าก็เท่านั้น ในดินแดนยูยานแห่งนี้ยังจะมีผู้ใดสามารถที่จะต่อกรงัดข้อกับทวีปกลางได้?
    เอ่ยกล่าวกับเจ้าชายแห่งแคว้นสมิธที่ตนเองจดจำออกแต่เพียงนั้นกาเล็ทก็หันกลับมาให้ความสนใจกับมาร์ตินที่ร่างอ่อนละทวยหายใจรวยรินอยู่ในอ้อมแขนของตนเอง "นำผู้คนลงมาจากรถลากแล้วพาไปพักผ่อนยังด้านในก่อน" กาเล็ทเอ่ยสั่งการกับทหารของตระกูลบุสโซ่ทั้งสอง
    "ขอรับนายน้อย" ทหารทั้งสองนายขานรับและรีบช่วยกันจัดแจงพยุงเพื่อนของตนเองที่หมดสภาพลงจากรถลากทีละคนเข้าไปยังด้านในของตระกูลโรม่า
    "อวัยวะภายในได้รับความบอบช้ำ กระดูกเองก็แตกหักอยู่หลายแห่ง" กาเล็ทสรุปกับตนเองถึงอาการบาดเจ็บของมาร์ติน ด้วยอาการบาดเจ็บของมาร์ตินเช่นนี้หากมิใช่ว่ามาร์ตินนั้นเป็นผู้ฝึกพลังระดับสูงคงทนพิษบาดแผลไม่ไหวและขาดใจตายไปแต่แรกแล้ว
    กาเล็ทที่รู้ถึงความหนักเบาของอาการบาดเจ็บภายในของมาร์ตินดีไม่รอช้ายกมือข้างหนึ่งของตนเองขึ้น จากนั้นก็ปรากฎแสงสว่างเรืองรองขึ้นมายังมือข้างนั้นของกาเล็ท กาเล็ททาบฝ่ามือของตนเองเข้ากับร่างของมาร์ตินในทันที "กระดูกที่แตกหักคงไม่อาจเยียวยารักษาแบบขอไปทีได้ หาไม่แล้วคงมีปัญหาตามมาในภายหน้า" กาเล็ทที่นึกคิดกับตนเองเช่นนั้นจึงเลือกที่จะเริ่มรักษาอาการบอบช้ำของอวัยวะภายในของมาร์ตินก่อนเป็นอันดับแรก
    เวลาล่วงเลยผ่านไปกว่ายี่สิบนาทีสุดท้ายสีหน้าขาวซีดของมาร์ตินก็กลับมามีสีเลือดซึ่งบ่งบอกได้ถึงอาการของมาร์ตินนั้นว่าพ้นขีดอันตรายแล้ว ในระหว่างที่กาเล็ททำการรักษาขบวนของผู้คนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าของกาเล็ทกลับไม่กล้าขยับเคลื่อนไหวแม้สักก้าวเดียว
    "อ๊อก" มาร์ตินที่มีสติฟื้นคืนกลับมากระอักเลือดออกมาคำหนึ่งจนเปราะเปื้อนเสื้อผ้าของกาเล็ท
    "น..นายน้อย เพราข้าใช้การไม่ได้... อาวุธที่นายน้อยมอบให้ถึงถูกศัตรูช่วงชิงไป" มาร์ตินที่ฟื้นคืนสติกลับมาเอ่ยกล่าวอย่างยากเย็น
    กาเล็ทที่เห็นว่าชีวิตของมาร์ตินพ้นขีดอันตรายแล้วก็มีสีหน้าที่ผ่อนคลายขึ้น "รอดกลับมาก็ดีแล้ว อย่างอื่นล้วนไม่ต้องกล่าวถึง อย่าได้เอ่ยกล่าวคำให้มากความตั้งสมาธิเร่งพลังเพื่อเยียวยารักษาตนเองช่วยข้าอีกแรงหนึ่ง"
    เวลาผ่านไปอีกพักใหญ่ สุดท้ายแล้วแม้แต่ นีน่า โจเซพและเหล่าคู่หมั้นทั้งห้าของกาเล็ทก็พากันทยอยออกมายังเบื้องหน้าของตระกูลโรม่า
    "กาเล็ทเกิดเรื่องอะไรขึ้นลูก" นีน่าที่สังเกตุเห็นเลือดที่เปรอะเปื้อนเสื้อผ้าของผู้เป็นบุตรชายอยู่เอ่ยถามขึ้น
    "ไม่มีอะไรครับท่านแม่ เพียงแต่มาร์ตินถูกผู้คนทำร้ายบาดเจ็บ" กาเล็ทเอ่ยกล่าวตอบ
    นีน่าเห็นเช่นนั้นก็รีบเข้ามานั่งลงที่ด้านข้างผู้เป็นบุตรชาย "หัวหน้ามาร์ตินอาการเป็นอย่างไรบ้างลูก"
    "ยังไม่ตายขอรับนายหญิง" มาร์ตินที่อาการดีขึ้นจนสามารถพูดจาได้อย่างสะดวกราบรื่นแล้วเอ่ยตอบแทนกาเล็ท
    ชั่วพริบตานั้นบนใบหน้าของกาเล็ทพลันปรากฎรอยยิ้มขึ้นวูบหนึ่ง เป็นรอยยิ้มที่เสมือนกับการยิ้มเยาะให้กับผู้คน

    "ชั่งเป็นความสัมพันธ์นายบ่าวที่แน่นแฟ้นนัก ชมชอบของขวัญที่ข้าอองตวนส่งมอบให้หรือไม่จักรพรรดิทมิฬ" เสียงของอองตวนดังขึ้นจากเบื้องบนพร้อมกันกับที่ร่างของมันค่อยๆร่อนลงมาเหยียบย่างอยู่บนพื้นดินเบื้องหน้าของกาเล็ทห่างไปไม่ไกล



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×