ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #307 : ตระกูลบุสโซ่มีดีแค่เพียงนี้?

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.9K
      371
      6 ม.ค. 62


    "ขอท่านอองตวนโปรดไว้ชีวิต ด้วยความจำเป็นบีบบังคับทำให้ผู้น้อยไม่มีทางเลือก" เจ้าของภัตตาคารละลอกคลื่นรีบร่ำร้องบอกกล่าวเพื่อขอชีวิต
    "ความจำเป็น?" อองตวนที่ยังคงหยิบยกร่างของเจ้าของภัตตาคารละลอกคลื่นอยู่เอ่ยถาม
    "ขอรับด้วยคนกลุ่มนั้นเป็นคนของตระกูลบุสโซ่ ทำให้ข้าน้อยไม่อาจที่จะสามารถล่วงเกินได้ หวังว่า หวังว่าท่านอองตวนจะเข้าใจความลำบากใจของข้าน้อย" เจ้าของภัตตาคารละลอกคลื่นเอ่ย
    อองตวนได้ยินเช่นนั้นก็หลี่ตาเล็กลง "ตระกูลบุสโซ่หรือ?" อองตวนเอ่ยพึมพำกับตนเองพร้อมกันนั้นมันก็แหงนหน้าขึ้นมองไปยังห้องพิเศษชั้นบนของภัตตาคารละลอกคลื่น
    มาร์ตินที่กำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่ภายในห้องพิเศษของภัตตาคารละลอกคลื่นพลันสัมผัสได้ถึงกระแสพลังอันแข็งแกร่งจากนั้นสีหน้าที่ยิ้มแย้มผ่อนคลายของมาร์ตินก็ขมึงตึงเครียดขึ้นมาในทันที มาร์ตินรวบรวมพลังของตนเองกระแทกฝ่ามือเข้าใส่ผนังตึกที่ด้านหลังในทันทีส่งให้ผนังตึกที่ด้านหลังพังทลายออกเปิดทางสู่เบื้องนอก "พวกเจ้าสองคนเร่งรีบเดินทางสู่ตระกูลโรม่าแจ้งบอกข่าวขอความช่วยเหลือจากนายน้อย" มาร์ตินหันไปเอ่ยสั่งการกับผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเอง
    "หัวหน้ามาร์ติน.." ผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งสองที่ถูกมาร์ตินชี้ตัวสั่งการอิดออดลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง ไม่นานมันก็ถูกมาร์ตินตวาดต่อว่าด้วยสีหน้าจริงจัง
    "รีบไป!" มาร์ตินเอ่ยตวาด
    เมื่อถูกมาร์ตินตวาดต่อว่าเข้าใส่ผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งสองก็รีบจัดแจงตนเองและผงกศรีษะรับคำพุ่งออกจากชั้นบนของภัตตาคารละลอกคลื่นผ่านรอยแตกที่มาร์ตินทุบทำลายสร้างขึ้น
    "หัวหน้ามาร์ตินเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือขอรับ" ผู้ใต้บังคับบัญชาที่เหลือซึ่งสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไปเริ่มมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นตามลำดับและเอ่ยถามออกมา
    "ขออย่าให้เป็นอย่างที่ข้าคิดไว้เลย" มาร์ตินได้แต่เอ่ยกล่าวเช่นนั้นจากนั้นมันก็ลุกขึ้นยืนเตรียมพร้อมจะก้าวเดินออกจากห้องพิเศษไปเพื่อรับหน้าบุคคลปริศนาที่ด้านนอก
    ทันที่มาร์ตินก้าวเดินออกไปเพื่อเลื่อนเปิดประตูห้องพิเศษออก มันก็พบว่าที่เบื้องนอกมีบรุษร่างใหญ่วัยกลางคนมายืนรออยู่ที่เบื้องหน้าแล้วจนก่อเกิดเป็นสภาวะหนึ่งจับจ้องหนึ่งไม่เคลื่อนไหว
    มาร์ตินสัมผัสได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งที่แผ่ออกมาจากร่างของบรุษวัยกลางคนที่เบื้องหน้าได้อย่างชัดเจน พลังที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าตนเองไปหลายขั้น "ระดับจักรพรรดิ" มาร์ตินครุ่นคิดกับตนเองในจิตใจ แต่จะอย่างไรมาร์ตินยังคงสงบนิ่งไม่ได้หวั่นไหว
    "เจ้าหรือจักรพรรดิทมิฬ" อองตวนที่จับจ้องมองหน้ามาร์ตินอย่างไม่วางตาเอ่ยถามทำลายความเงียบออกมาแต่เมื่อครั้นมันใช้ความสามารถของตนเองตรวจสอบบรุษร่างใหญ่ที่เบื้องหน้าอย่างถี่ถ้วนแล้วมันกลับพบว่าบรุษผู้นี้หาใช่จักรพรรดิทมิฬอย่างที่มันเข้าใจเมื่อแรกเริ่ม
    "จักรพรรดิทมิฬคือนามที่ผู้คนเอ่ยเรียกนายน้อยของข้า" มาร์ตินเอ่ยตอบ
    ได้ยินเช่นนั้นอองตวนก็เผยรอยยิ้มเย้ยหยันออกมาวูบหนึ่ง "ที่แท้ก็เป็นเพียงสุนัขรับใช้"
    ผู้ใต้บังคับบัญชาของมาร์ตินเมื่อเห็นว่าหัวหน้าของตนเองถูกหยามดูหมิ่นก็ต่างชักอาวุธออกมาเตรียมพร้อมกันอย่างถ้วนหน้าเตรียมที่จะโถมเข้ามาหากแต่มาร์ตินกลับยกมือขึ้นมาห้ามปรามไว้
    "ไม่ทราบว่าท่านผู้สูงส่งเอ่ยถามถึงนายน้อยของข้าเพราะสาเหตุใด" มาร์ยินเอ่ยถามออกมาโดยพยายามปรับน้ำเสียงให้ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด
    หากแต่อองตวนกลับไม่ตอบคำ ในเมื่อบุคคลที่เบื้องหน้านี้ไม่ใช่จักรพรรดิทมิฬอย่างที่มันเข้าใจเมื่อแรกเริ่ม มันก็ไม่มีค่าพอให้ตนเองเสียเวลาเอ่ยพูดจาด้วยอีก "พาข้าไปพบกับมัน" อองตวนเอ่ยแต่เพียงนั้น
    มาร์ตินพลันเกิดความรู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมาอยู่หลายส่วนเมื่อเห็นว่าบุคคลที่เบื้องหน้านี้เอ่ยถึงผู้เป็นนายของตนเองอย่างไม่ให้เกียรติ "เกรงว่าในยามนี้นายน้อยของข้าคงยังไม่สะดวกจะพบปะกับคนนอก"
    ได้ยินเช่นนั้นคิ้วของอองตวนกระสั่นกระตุก "ที่ข้ากล่าวไม่ใช่คำร้องขอแต่เป็นคำสั่ง" อองตวนเอ่ยกล่าวพร้อมทั้งจ้องมองเข้าไปในดวงตาของมาร์ติน
    "มีเพียงแต่นายน้อยกาเล็ทเท่านั้นที่จะสามารถออกคำสั่งต่อข้าได้" มาร์ตินเอ่ยกล่าว
    "ชั่งขวัญกล้าบังอาจนัก เป็นเพียงนกกา ริอาจจะมาแข่งรัศมีกับพยาอินทรี บ่าวไพร่ที่ไม่เจียมตัว" เอ่ยกล่าวจบอองตวนก็ยกมือของตนเองขึ้นไปหมายจะคว้าจับไหล่ของมาร์ตินไว้เพื่อสยบบรุษร่างใหญ่ที่เบื้องหน้า
    มาร์ตินที่ตระเตรียมตัวอยู่ก่อนแล้วไม่ลนลานหากแต่ยกมือของตนเองขึ้นปัดป่ายอุ้งมือของอองตวนที่คุกคามเข้ามา "ขอเสียมารยาทแล้ว" เอ่ยกล่าวจบมาร์ตินก็รวบรวมพลังของตนเองไว้ที่หมัดทั้งสองพร้อมกับชกเข้าใส่อกที่เปิดกว้างอยู่ของอองตวนทันทีส่งให้อองตวนที่ไม่ทันระวังป้องกันตระเด็นละลิ่วตกลงไปสู่ชั้นล่าง
    อองตวนที่ถูกแรงปะทะจากหมัดของมาร์ตินกระแทกใส่ร่างจนกระเด็นลงมาสู่ชั้นล่างของภัตตาคารละลอกคลื่นปรับสภาวะของตนเองอย่างไม่ยากเย็นเท่าไรก็ร่อนลงสู่พื้นที่เบื้องล่างได้อย่างสบาย "นับว่ามีฝีมือไม่เลวอยู่ เช่นนั้นให้ข้าเล่นกับเจ้าสักหน่อยเถอะ" อองตวนเอ่ยกล่าวพร้อมทั้งปลดปล่อยสภาวะพลังของตนเองที่เก็บงำไว้ออกมาจากนั้นมันพลันยกมือของตนเองชูขึ้นแสดงออกแก่มาตินด้วยสามนิ้ว "เพื่อไม่ให้ผู้อื่นมีคำครหาว่าข้าอองตวนแห่งทวีปกลางรังแกผู้ที่อ่อนด้วยกว่า เอาเช่นนี้เป็นอย่างไร ข้าจะหยัดยืนอยู่ที่นี่ไม่ตอบโต้เพื่อรับมือเจ้าสามกระบวนท่าก่อน"
    มาร์ตินที่ได้รับรู้ว่าบุคคลที่เบื้องหน้าของมันนี้เป็นผู้คนจากทวีปกลางซึ่งเป็นศัตรูของผู้เป็นนายก็หรี่ตาเล็กลงในทันทีจากนั้นมาร์ตินพลันนำชุดเกราะและอาวุธคู่กายออกมาจากแหวนมิติเพื่อเตรียมลงมือต่ออองตวนอย่างเต็มกำลัง "ในเมื่อท่านอองตวนนึกสนุกคิดเล่นกับข้าน้อยเช่นนั้นข้าน้อยก็จะไม่เกรงใจ หวังเพียงแต่ว่าท่านอองตวนจะไม่คืนคำ"
    แลเห็นชุดเกราะที่เงาวับเปล่งประกายแสงอ่อนๆที่สวมอยู่บนร่างใหญ่ของมาร์ติน ดวงตาของอองตวนก็หรี่เล็กลง ยังมีค้อนเหล็กขนาดใหญ่ที่มองเพียงวูบเดียวก็ทราบได้ว่าไม่ใช่ค้อนสามัญทั่วไป "บุคคลเช่นมันไปเอาของวิเศษมากมายเช่นนี้มาจากที่ใด" อองตวนลอบนึกคิดตั้งคำถามกับตนเอง
    "รับมือ" มาร์ตินกู่ร้องคำรามก้องพร้อมกับอัดพลังของตนเองเข้าไปยังค้อนใหญ่ในมือจนค้อนในมือเรืองแสงเจิดจ้าขึ้น
    ทันทีที่ค้อนใหญ่ในมือของมาร์ตินปะทะเข้ากับมือทั้งสองข้างของอองตวนก็เกิดแรงกระแทกสั่นกระจายตัดผ่านอากาศไปทั่วทั้งภัตตาคารละลอกคลื่น ส่งผลให้ข้าวขาวเครื่องใช้ต่างๆรวมทั้งผู้คนภายในภัตตาคารละลอกคลื่นพังเสียหายและถูกดีดกระเด็นกระดอนไปทั่ว
    "ตระกูลบุสโซ่มีดีเพียงเท่านี้หรือ" อองตวนที่สามารถใช้มือทั้งสองข้างหยุดยั้งการจู่โจมกระบวนท่าแรกของมาร์ตินได้เอ่ยกล่าวยั่วยุมาร์ตินขึ้นมา
    เห็นว่าการจู่โจมกระบวนท่าแรกของตนเองไม่ประสบผล มาร์ตินก็ยืมแรงจากการกระแทกกลับกระโดดพลิกตัวพร้อมทั้งอัดประจุพลังเข้าใส่ค้อนอีกครั้งหนึ่งเพื่อเตรียมที่จะเหวี่ยงค้อนจู่โจมฟาดหวดเข้าใส่อองตวนอีกครั้งจากทางด้านข้าง
    "รับมือ" มาร์ตินตะหวาดกู่ร้องก้องขึ้นมาอีกครั้งขณะที่พลิกตัวเหวี่ยงค้อนจู่โจมเข้าใส่อองตวนจากอีกมุมหนึ่ง
    อองตวนเกร็งพลังเหวี่ยงแขนกระแทกเข้าใส่วงค้อนของมาร์ตินที่ฟาดหวดเข้าใส่ตนเองเพื่อกระแทกวงค้อนของมาร์ตินให้ดีดสะท้อนกลับไปตามแรงที่ฟาดหวดมา "เหลืออีกหนึ่งกระบวนท่า" อองตวนหัวเราะฮ่า ฮ่า เอ่ยกล่าวออกมา ในยามนี้มันเห็นว่าทุกอย่างอยู่ในกำมือของมันแล้ว
    แม้ว่าจะเลยผ่านไปถึงสองกระบวนท่าแล้วหากแต่มาร์ตินยังคงไม่หวั่นไหวใจ ที่ผ่านมาสองกระบวนท่ามาร์ตินหาได้ทุ่มพลังที่มีออกไปอย่างเต็มที่ มันกำลังสร้างโอกาส โอกาสทองที่จะทุ่มออกถึงกระบวนท่าเผด็จศึกซึ่งผู้เป็นนายของตนเองถ่ายทอดให้ เมื่อได้ยินถึงเสียงหัวเราะและสีหน้าท่าทางซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจของอองตวนมาร์ตินก็รู้แล้วว่าถึงเวลาแห่งการออกกระบวนท่าเพื่อเผด็จศึกแล้ว
    มาร์ตินรวบรวมพลังทั้งหมดของตนเองไปที่แขนทั้งสองข้างจากนั้นจึงอัดประจุพลังเกือบทั้งหมดของตนเองลงไปยังค้อนในมือพร้อมทั้งเปิดกระตุ้นการทำงานอักขระพิเศษที่ถูกลงจารึกไว้ในตัวค้อนเพื่อปลดปล่อยขยายพลังงานมหาศาลออกมา "พสุธากัมปนาท" พร้อมกับที่กู่ร้องคำรามก้องตัวค้อนของมาร์ตินเปล่งประกายแสงเจิดจ้าขึ้นกว่าครั้งไหนๆแสดงให้เห็นถึงพลังงานมากมายที่ถูกประจุไว้ในตัวค้อน
    ตูมมมมมม เสียงระเบิดกึกก้องดังไปทั่วทันที แรงปะทะที่เกิดขึ้นถึงกลับทำให้ตัวตึกของภัตตาคารละลอกคลื่นสั่นไหวแตกกระจายออกและพังถล่มลงมา

    กาเล็ทซึ่งกำลังพูดคุยอยู่กับซาฮานเหลียวมองไปยังทิศทางในตัวเมืองวูบหนึ่ง "หรือว่าเราจะคิดมากไปเอง" กาเล็ทนึกคิดสรุปกับตนเอง จากนั้นจึงหันกลับมาเอ่ยกล่าวพูดคุยกับซาฮานต่อไป "ไม่ว่าด้วยเหตุผลกลใดตัวข้าย่อมไม่สามารถที่จะปล่อยให้ทวีปกลางสามารถหยั่งเท้าฝังรากลึกไว้ยังทวีปตะวันออกได้"
    "หลานกาเล็ทหมายความว่า..." ซาฮานพยายามที่จะเอ่ยถามในสิ่งที่ตนเองคาดคิดไว้
    กาเล็ทผงกศรีษะ "หากอองตวนผู้นี้ต้องการที่จะหยั่งรากลึกสร้างฐานอำนาจไว้ยังแคว้นสมิธ ข้าก็จะเล่นกับมันสักหน่อย ฟังจากปากคำของท่านลุงแล้ว ดูเหมือนว่าตระกูลน้อยใหญ่ภายในแคว้นสมิธคงเลือกที่จะเอนเอียงไปเข้าร่วมกับอองตวนกว่าครึ่งแล้ว ข้าจะได้ถือเอาโอกาสนี้ชำระสะสางเหล่าหนูแมลงที่ทวีปกลางวางไว้ยังแคว้นสมิธไปด้วยในคราวเดียว" เหล่าหนูแมลงที่กาเล็ทเอ่ยกล่าวถึงย่อมหมายถึงสายสืบที่ทวีปกลางวางไว้เพื่อสืบข่าวสารเกี่ยวกับทวีปตะวันออก
    เห็นว่าสีหน้าของซาฮานเคร่งเครียดขาวซีด กาเล็ทก็ตัดสินใจที่จะหันเหเปลี่ยนหัวข้อในการสนทนา "ข้าเพียงแต่บอกแจ้งให้แก่ท่านลุงทราบไว้ ขอท่านลุงอย่าได้เป็นกังวัล สำหรับการรับมือกับเรื่องราวปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง" เอ่ยกล่าวถึงจุดนี้กาเล็ทก็ปั้นรอยยิ้มผ่อนคลายขึ้น "เป็นข้าเองที่ใช้การไม่ได้ ทั้งๆที่วันนี้เป็นงานเลี้ยงเปิดกิจการของท่านลุงแท้ๆแต่ข้ากลับเอาแต่ชวนพูดคุยเรื่องคร่ำเครียด"
    นีน่าที่อยู่ไม่ไกลซึ่งแอบได้ยินบทสนทนาของบุตรชายก็ยิ้มออกมาเอ่ยกล่าวว่า "รู้ตัวเหมือนกันหรอลูก แม่นึกว่าต้องสกิดให้หนูๆทั้งหลายช่วยบอกเตือนกับกาเล็ทแล้วเสียอีก"
    "โถ่ท่านแม่" กาเล็ทยกมือขึ้นเกาศรีษะเอ่ยกล่าว จากนั้นจึงหันกลับไปหาซาฮานพร้อมควักเอาขวดหนาทึบที่บรรจุเม็ดยาเทพโอสถขึ้นสูงไว้จำสามสิบเม็ดออกมา "ข้าเองทราบมาว่าท่านลุงซาฮานเองก็เป็นหนึ่งในผู้ฝึกฝนพลังเช่นเดียวกัน โปรดรับของขวัญเล็กน้อยนี้จากข้าไป"


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×