ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #42 : วีรบุรุษที่แท้จริง [รีไรท์]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 24.69K
      721
      9 มิ.ย. 60




         "ทางนี้ เร็วสิ ทางนี้" ซิลเวียเอ่ยกับทหารหลายคนที่ติดตามมาพร้อมทั้งนำหน้าไปอย่างรีบเร่งยังทิศทางซึ่งกาเล็ทต่อสู้กับงูสายรุ้งอยู่

         ในใจของซิลเวียตอนนี้กลับปราศจากความแค้นขึงที่เคยมีมาต่อมาร์ควิสบุสโซ่ อย่างน้อยเขาก็ช่วยชีวิตนาง อย่างน้อยเพียงครั้งนี้ขอให้เขาปลอดภัยไร้เรื่องราว นางได้แต่คิดภาวนาในใจ แต่เมื่อนำทหารนับร้อยติดตามมาถึงกลับพบว่างูสายรุ้งที่น่าหวาดกลัวเมื่อครู่นั้นบัดกลับถูกแยกร่างออกเป็นหลายท่อน ที่น่าขยะแขยงคือแม้จะถูกฟันแยกออกเป็นหลายท่อนแล้วแต่มัดกล้ามเนื้อนั้นกลับยังคงเคลื่นไหวไปมา

         "ระวัง" กาเล็ทเอ่ยเตือนเมื่อเห็นว่าซิลเวียนำเหล่าทหารติดตามมาขณะที่ใช้ดาบในมือของตนเองผ่าหัวขนาดใหญ่ของงูสายรุ้งออกเป็นหลายเสี่ยงเพื่อให้แน่ใจว่ามันตกตายแล้ว

         "ข้ามิใช่บอกให้เร่งรีบเก็บข้าวของอพยพออกเดินทางหรอกหรือ" กาเล็ทใช้น้ำเสียงและสายตาที่เย็นชามองไปยังเจ้าหญิงแห่งอาณาจักรผู้นี้ทันทีที่จัดการกับงูสายรุ้งแล้วเสร็จ

         "ข ข้าเห็นว่าเจ้าบาดเจ็บ เกรงว่าจะมีอันตรายเกิดขึ้นจึงได้เร่งรีบนำทหารมาช่วยเหลือ" ซิลเวียเอ่ย

         กาเล็ทยังคงจ้องมองไปที่นางด้วยความเย็นชาไร้ความรู้สึกใดเช่นเดิม "ช่วยเหลือหรือ? เจ้าสามารถช่วยเหลือข้าได้หรือ? แม้แต่ตนเองยังเอาตัวไม่รอด กลับนำพาทหารมาตายเปล่า" กาเล็ทเอ่ยพร้อมทั้งหันไปสั่งการกับโรสที่ติดตามมาด้วย "โรสรีบเร่งไปอพยพชาวเมืองเดินทางต่อ เห็นทีเราจะล่าช้ากว่านี้ไม่ได้แล้ว หากว่ามีสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งเช่นนี้โผล่มาไม่ขาดสายแม้แต่ข้าก็ไม่มั่นใจว่าจะจัดการได้"

         "ท่านมาร์ควิสครั้งนี้ท่านจะอยู่ตั้งแนวป้องกันยังที่แห่งนี้อีกหรือไม่" โรสเอ่ยถามกาเล็ทอย่างสงสัยใจ

         "ไม่ บางทีการทำเช่นนั้นอาจให้ผลตรงกันข้ามก็เป็นได้ ดูอย่างงูสายรุ้งตัวนี้มันกลับสามารถแหวกฝ่าผืนดินมา หากว่ามันมุดข้ามผ่านแนวป้องกันไปคงย่ำแย่แล้ว ข้าจะติดตามขบวนผู้อพยพไป และทำหน้าที่รั้งท้ายคอยคุ้มกันให้" กาเล็ทเอ่ยกับโรส "ไปเถอะอย่าได้รอช้า"

         กาเล็ทนำกำลังทหารจากไปเพื่อตระเตรียมอพยพผู้คนจำนวนมากกลับจุดรวมพลเมืองแกลล่าโดยไม่สนใจซิลเวียอีก แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะส่งสัญญาณให้มีทหารคอยอยู่คุ้มกันเจ้าหญิงแห่งอาณาจักผู้นี้

         ซิลเวียกลับยืนเหม่อมองเงาหลังของบุคคลที่ช่วยชีวิตของตนเองไว้เมื่อครู่อย่างซึมเซาไม่ทราบว่าตนเองควรรู้สึกเช่นไรดีกับคนผู้นี้ เกลียดหรือ เกลียดเขาเรื่องอะไร? ใช่เรื่องที่บิดาเขาเป็นสาเหตุให้แม่นมซึ่งเปรียบเสมือนมารดาคนที่สองของตนเองต้องตายหรือ หากเป็นเรื่องนี้มิใช่คำกล่าวของทหารนายนั้นก็เป็นเครื่องยืนยันพิสูจน์แล้วหรอกหรือ พอนางยิ่งหวนนึกทบทวนดูก็พอจะมองเห็นสิ่งผิดปกติที่แปลกประหลาดเกี่ยวกับเรื่องที่กล่าวว่ากาลานบิดาของเขาหนีทัพได้ หากบิดาของเขาหนีทัพจริงเหตุใดบิดาของเขาจึงเป็นเพียงผู้เดียวในหมู่ขุนนางใหญ่ที่ตกตาย เหตุใดคนในหน่วยของเขาจึงหายไปจนหมดสิ้น หากยังคงเชื่อเรื่องนั้นตนเองก็ไม่สามารถหาเหตุผลมาอธิบายเรื่องนี้ได้ แต่คำกล่าวของทหารนายนั้นกลับสามารถอธิบายเรื่องนี้ได้จนหมดสิ้น หากว่ากาลานบิดาของเขามิได้เป็นดั่งที่ตนเองเข้าใจ หากว่าบิดาของเขาขัดคำสั่งทหารเพียงเพราะต้องการปกป้องประชาชน นั่นก็สามารถอธิบายได้แล้วว่าเหตุใดบิดาของมาร์ควิสบุสโซ่จึงเป็นเพียงผู้เดียวในหมู่ขุนนางใหญ่ที่ต้องตกตาย เหตุใดทหารในหน่วยของเขาไม่ได้หวนคืนกลับบ้านเกิดแม้สักคนเดียว ตอนนี้เหลือเพียงสิ่งเดียวที่นางไม่อาจเข้าใจได้คือ "เหตุใดบิดาของตนเองจึงปล่อยให้เกิดเรื่องบิดเบือนเช่นนี้ เหตุใดเหล่าขุนนางทุกผู้คนในเหตุการณ์นั้นต่างเอ่ยเป็นเสียงเดียวกันว่ากาลานหนีทัพ"

         ซิลเวียได้แต่ยืนคิดวุ่นวายด้วยจิตใจที่ว้าวุ่นสับสน นางเฝ้าถามตนเองหลายต่อหลายครั้ง เหตุใดเราจึงต้องเกลียดเขา ถึงแม้บิดาเขาทำผิดจริง แต่เขามิใช่เสี่ยงชีวิตปกป้องประชาชน ปกป้องเราหรอกหรือ เขากับบิดาของเขาย่อมเป็นคนละคนกัน

         "องค์หญิง ที่นี่ไม่ปลอดภัย" ทหารนายหนึ่งเอ่ยเรียกเมื่อเห็นว่าเจ้าหญิงแห่งอาณาจักยืนนิ่งไป

         สียงเรียกของทหารปลุกให้ซิลเวียตื่นจากห้วงความคิด โดยตัวนางนั้นไม่รู้ตัวเลยว่าเงาร่างของบุรุษที่ตนเองเคยเกลียดชังได้ประทับแฝงลึกเข้าไปในจิตใจของตนเองเรียบร้อยแล้ว เงาร่างที่ช่วยชีวิตของนางไว้เมื่อไม่นานมานี้ น้ำเสียงที่อ่อนโยนที่เขาเอ่ยถามในตอนนั้นยังคงดังก้องอยู่ให้ห้วงความคิดของนาง

         เมื่อซิลเวียถูกปล่อยให้เป็นอิสระนางกลับได้มองเห็น มองดูขบวนผู้อพยชัดตา ในขบวนนั้นมีทั้งคนแก่ เด็ก และสตรีที่อ่อนแอ ที่ร้ายกว่านั้นคือยังมีผู้คนที่บาดเจ็บสาหัสเลือดท่วมตัว ดูไปช่างน่าเวทนานัก นี่กลับเป็นครั้งแรกที่ตัวนางได้เห็นเรื่องเช่นนี้ ตัวนางนั้นเป็นเจ้าหญิงในหอแก้วอยู่แต่ในวังหลวง ตอนอยู่ในวังก็มีแต่ผู้คนคอยเอาอกเอาใจยกย่องเชิดชู แม้ในบางครั้งตัวของนางจะได้มีโอกาสออกมาเยี่ยมชมเดินเล่นในเมืองหลวงบ้างแต่ในเมืองหลวงก็หาได้มีสิ่งที่โหดร้ายไม่ ถึงจะมีตัวนางก็ไม่มีโอกาสได้เห็น เหตุเพราะคนคุ้มกันของนางคอยกันสิ่งที่ไม่น่าอภิรมณ์นั้นออกไปจนหมดสิ้น

         ยิ่งได้เห็นผู้คนที่ลำบากลำบนตะเกียกตะกายหนีเพื่อจะเอาชีวิตรอด ยิ่งได้เห็นเหล่าทหารที่มีจำนวนเพียง 1ใน10 ของผู้อพยพต่างวิ่งซ้ายทีขวาทีจนสายตัวแทบขาดนางเองก็เกิดความรู้สึกผิดขึ้นมา "พวกเจ้าไม่ต้องอยู่ดูข้า ไปช่วยงานท่านมาร์ควิสเถอะ ข้ารับรองจะไม่หนีหายไปไหน" ซิลเวียเอ่ยกับทหารสี่นายที่คอยควบคุมดูแลความปลอดภัยให้กับตนเอง บัดนี้เมฆหมอกที่เคยบดบังดวงตาของนางตั้งแต่ออกจากเมืองหลวงซึ่งคือความแค้น ความแค้นที่บดบังสายตาของนางค่อยๆเลือนหายไป เมื่อสิ่งที่เรียกว่าอคติเลือนหายความจริงก็จะค่อยๆปรากฎขึ้นแก่สายตา บัดนีี้ตัวนางกลับเห็นถึงความตั้งใจของกาเล็ท เห็นว่ากาเล็ทพยายามเพียงไรเพื่อที่จะคุ้มครองผู้คนทั้งห้าพันคนนี้ให้เดินทางอพยพโดยปลอดภัย

         การเดินทางของกาเล็ทและขบวนล่วงเลยไปอย่างราบรื่น ดีที่ในระหว่างการล่าถอยไม่มีสัตว์อสูรระดับสูงเข้าจู่โจมขบวนของกาเล็ทอีกเลย จะมีก็เพียงแต่ฝูงก็อบลินและโอเกอร์ซึ่งมีอยู่ไม่มากเท่าใดนัก  สุดท้ายแล้วกาเล็ทก็สามารถคุ้มกันขบวนอพยพผู้คนกว่าห้าพันคนมาถึงจุดรวมพล ณ เมืองรีเวลได้อย่างปลอดภัย

         แต่ทว่าแทนที่จะได้ยินดีปรีดา ภาพที่กาเล็ทได้เห็นเบื้องหน้ากลับทำให้กาเล็ทนั้นตกตะลึง ภาพที่จุดรวมพลของเมืองรีเวลเต็มไปด้วยผู้คนที่บาดเจ็บมากมาย ไม่เพียงแต่ชาวบ้านที่บาดเจ็บล้มตาย ทหารกว่าหนึ่งพันคนที่มาร์ควิสทั้งสองนำไปคุ้มกันผู้อพยพล่าถอยจากหมู่บ้านบาร์เล่กลับมีชีวิตรอดกลับมาได้เพียงครึ่งเดียว


         "เหตุใดจึงมีผู้บาดเจ็บล้มตายมากมายถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงมีการสูญเสียมากถึงเพียงนี้" กาเล็ทรีบเร่งเข้าไปเอ่ยถามทหารนายหนึ่งที่มีสภาพร่อแร่พร้อมทั้งใช้พลังจิตวิญญาณช่วยเยียวยาบาดแผลของทหารนายนั้นเพื่อหวังว่าจะช่วยให้ทหารผู้นี้มีชีวิตผ่านห้วงความเป็นตายไปได้

         "ป เป็นผู้ใด" ทหารนายนั้นที่ได้สติแต่สายตาของมันยังคงพร่ามัวอยู่บ้าง 

         "บอกต่อข้าได้หรือไม่เหตุใดเจ้าจึงได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้" กาเล็ทเอ่ยถาม

         "หึจะเพราะเหตุใด ก็เพราะขุนนางสุนัขที่นำขบวนพวกนั้นประมาทเลินเล่อ พวกมันแทนที่จะรีบออกเดินทางไป ไม่เพียงแต่ไม่รีบเร่งออกเดินทาง เมื่อไปถึงจุดรวมพลหมู่บ้านบาร์เร่พวกมันกลับไม่ได้ช่วยสั่งการใด มันเพียงแต่สั่งให้เราทำการอพยพชาวบ้านกลับมาด้วยตนเอง พวกมันทั้งสองกลับนั่งจิบไวน์สุขสบายอยู่บนรถม้า พอมีข่าวว่าฝูงสัตว์อสูรเข้าจู่โจมพวกมันก็หนีหายไปเป็นคนแรก" ทหารนายนั้นใช้แรงซึ่งคิดว่าเป็นแรงเฮือกสุดท้ายด่าทอมาร์ควิสเจอริโก้กับมาร์ควิสเครตันออกมา หากไม่ใช่ว่ามันคิดว่าตนเองต้องตกตายไร้หนทางรอดมันคงไม่กล้าพร่ำด่าคำหยาบคายเช่นนี้ต่อขุนนางใหญ่

         กาเล็ทได้ยินเช่นนั้นดวงตาก็ทอประกายฆ่าฟันขึ้นแต่ยังคงถ่ายพลังเพื่อช่วยชีวิตทหารนายนี้ให้รอดพ้นจากห้วงความเป็นความตาย 

         "มาร์ควิสเจอริโก้ มาร์ควิสเครตัน!" กาเล็ทเอ่ยอย่างเคียดแค้นประหนึ่งว่าทหารที่ตกตายทุกชีวิตเป็นญาติมิตรของตนเอง
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×