valerie[เธงเธดเธฌเธฒเธฃเธต]
ดู Blog ทั้งหมด

ผีเสื้อลายตะวัน



ลุเข้าศักราช 2550 วสันต์กระหน่ำดุจพายุ บ้างพยับแดดแผดแสงจ้า แลพสุธากัมปนาทสะเทือนไหวจากหัวเมืองเหนือถึงชาวบางกอก  ด้วยน้ำใจเมตตาจากสหายรักผู้มีนามกระเดื่องเลื่องลือ little bird ได้เอื้อเฟื้อให้ข้าพเจ้าผู้ต่ำต้อยหยิบยืมนวนิยายที่นางได้ครอบครองจากเทศกาลสัปดาห์หนังสือ (เพราะอัตคัตทรัพย์นักจึ่งต้องยืมอ่านอยู่เป็นอาจินต์)  ข้าพเจ้าติดใจด้วยรูปปกซึ่งงดงามจับตา อันเปนผลงานสรรค์สร้างจาก "วิธีทำ" นักออกแบบคู่บุญแห่งผู้ประพันธ์ท่านนี้ ซึ่งแม้ท่านผู้ประพันธ์จักผันตนมาเปนนายทุนทำเล่มเสียเอง หากรูปหนังสือก็ยังเฉกสำนักพิมพ์คำทั้งกระบิ (ผิว่าข้าพเจ้าไม่สังเกตเห็นตราประจำสำนักพิมพ์อันใหม่จารไว้ ก็ย่อมสำคัญผิดว่าหามีอันใดเปลี่ยนแปลงไม่)  หนังสืออ่านเล่าอันข้าพเจ้ากำลังจะกล่าวถึงคือ "ผีเสื้อลายตะวัน" ด้วยปลายปากกาแห่ง "ดวงตะวัน" นักประพันธ์สาวผู้ระบือระบิลยิ่งนักในบรรณพิภพยามนี้

กิระความดังฟังว่า หลายฝนที่ผ่านล่วงมา ดวงตะวันได้เสกสรรค์ "รุ้งจันทร์ตะวันดาว" อันเปนปฐมบทแห่งรัฐสมมตินาม "ประเทศธิโมส์" ณ แรกเริ่ม ความแปลกใหม่ถูกอรรถรสนักอ่านเปนหนักหนา หากท้ายเรื่องกลับสลับคู่พระ-นางค้านสายตาผู้อ่านอย่างอุกฤษฎ์ แลเบื้องหลังแห่งความพลิกผันทางการเมืองใน "รุ้งจันทร์ตะวันดาว" ยังอาจกล่าวโดยศัพท์สแลงได้ว่า "แป้ก" ใช่ช้า 

ข้าพเจ้าสดับข่าวด้วยความฉงนใจเมื่อทราบว่า ดวงตะวันยังคงเข็นภาคต่อของ "ธิโมส์" ออกมาสู่แผงหนังสืออีกโดยมิได้หน่ายแหนง ยามนั้นข้าพเจ้าเห็นขันอยู่ครามครันว่าเธอช่างไม่เข็ดหรือไร หากเสียงปรามาสนั้นพลันต้องเงียบกริบเมื่อเรื่องชุดธิโมส์กลับ "ฮิตติดลมบน" ได้ แลมาบัดนี้เอง ข้าพเจ้าจึ่งได้เปิดปากที่เพิ่งหุบลงไปอีกครั้ง (ข้าพเจ้าวอนไหมนี่)

อนึ่ง ข้าพเจ้าขอออกตัวแต่แรกเริ่มว่า เรื่องชุดธิโมส์นั้น ข้าพเจ้าได้เสพเพียง 2 เรื่อง คือ "รุ้งจันทร์ตะวันดาว" แล "ผีเสื้อลายตะวัน" โดยเหตุนั้น ถ้อยความอันจะได้พรรณนาต่อไปจึ่งเปนความจากผู้ไม่รู้จริง กระนั้นยังมีหน้ามา "กัด" ตามวิสัย(ทราม??)

ข้าพเจ้าขอนอกลู่สักชั่วพัก  ด้วยเห็นว่า ประเทศสมมตินามธิโมส์นี้คงยากจักประสบความจำเริญ นับแต่ชาติพันธุ์ก็ล้วนแบ่งเปนหลายฝักฝ่าย (สัณฐานจาก "รุ้งจันทร์ตะวันดาว") มิพักยังแฝงไว้ซึ่งผู้ทรงอิทธิพลทางพาณิชย์ (จาก "รักที่ริมทะเลเมฆ" ซึ่งพระเอกเปน "พี่เบิ้ม" ทางธุรกิจ) ซ้ำร้าย เจ้าพ่อแต่ละก๊กยังควงปืนโดยมิเกรงกลัวอาญาบ้านเมือง (ดั่งใน "ปราสาททรายในสายฝน")  โดยธรรมชาติแห่งรัฐซึ่งยังมิอาจรวมศูนย์อำนาจเบ็ดเสร็จ ภาระหนักย่อมตกสู่รัฐบาลกลางเปนแน่แท้ (หากรัฐบาลก็ผันผวนหนักยิ่งกว่า Season Changes อุตสาหะจนได้อิสตรีเปนผู้นำรัฐนาวา แต่ She ก็มัวพะวงคับแค้นต่อตระกูลศัตรูจนมิเปนอันบริหารบ้านเมือง กรรมของเวร) 

เนื้อหาของนิยายได้กล่าวถึง เกาะธิโมส์ (อันมีสมญาว่าแผ่นดินแสงดาว) ซึ่งประกอบด้วยชนเผ่า 2 ฝ่ายหลัก กล่าวคือ เผ่าผู้ปกครองฝ่ายครีราโมส์ แลชนเผ่าต่างๆ นานาซึ่งถูกปกครอง จำเนียรกาล 3,000 ปีก่อน ได้ก่อเกิดวีรบุรุษชาวดินนาม "กาย กานาเมซ" นักรบแห่งทิศตะวันออกผู้อาจหาญต่อกรพวกครีราโมส์ผู้กดขี่  วีรกรรมของเขาถูกเล่าขานจนถึงหูของ "คีรา" เจ้าหญิงของครีราโมส์ สตรีสูงศักดิ์รูปงามผู้ไม่ปรารถนาจักออกเรือนด้วย "ลีบง" คู่หมายจากโซรังผู้แสนทราม  จึ่งพระนางน้อยส่งสาสน์ไปยังกาย กานาเมซ ขอให้มาลักพานางไป  กายตกลง แลในการนี้ กายยังพบพันธมิตรสมญา "นักรบจากคุ้มผีเสื้อ" มัตเต แล เรเชน สองพี่น้องวัยฉกรรจ์  กาย มัตเต เรเชน แลคีรา(พร้อมนางสนองโอษฐ์ส่วนตัว) ได้หลบลี้ไปยังโมเนตาอันเป็นดินแดนตะวันตกของมัตเต โดยการตามล่าจากฝ่ายครีราโมส์ยังติดตามหาลดละไม่

แรกเริ่มเดิมที ข้าพเจ้าประหลาดใจนักที่เรื่องย้อนไปถึง 3,000 ปี หากยังปรากฏโคตรเหง้าแห่งครีราโมส์แจ่มชัด (มีศาวีรันดาเปนผู้สืบสาแหรกรุ่นปัจจุบันใน "รุ้งจันทร์ตะวันดาว")  น่าฉงนนักซึ่งตระกูลหนึ่งจักสืบสายไม่ขาดตอนในระยะเวลานานชาติเยี่ยงนั้น   3,000 ฝนที่ผันผ่าน ความยาวนานแห่งเวลานี้อาจยังให้สายนทีเปลี่ยนเส้นทาง ปฐพีจมเปนห้วงมหาสมุทร มหาสมุทรผุดผาดขึ้นเป็นพื้นพสุธาได้เปนแม่นมั่น  มิหนำซ้ำ เนื้อหายังอ้างถึงพวกชาวีย์ พวกเคเชรี เหล่านี้สำแดงให้ประจักษ์ว่า DNA แห่งโคตรวงศ์คนเหล่านี้ย่อมแข็งแรงนัก จึ่งสืบทอดเผ่าพันธุ์กันมาไม่ขาดสาย ทั้งยังหาได้อพยพย้ายถิ่นฐานไม่ ช่างน่าอัศจรรย์ใจเปนล้นพ้น

กาย กานาเมซ นักรบนามอุโฆษ ผู้ลักพาเจ้าหญิงคีราจากพิธีวิวาห์ หากกลับไม่เคยแตะสาวงามแม้เพียงปลายเล็บ เมื่อผนวกรูปโฉมอันกระเดียดไปทางอิสตรีของกาย  จึ่งเปนข้อตะขิดตะขวงใจต่อมัตเต จนนักรบหนุ่มแห่งคุ้มผีเสื้อยั่วเย้ากายว่า เปนบัณเฑาะว์ฤาไม่ (ในเรื่องมีศัพท์เรียก "เฮก" กล่าวโดยภาษาปากคือ "อีแอบ") กายโมโหโกรธานัก  โดยมิรู้ตัว ห้วงเวลาที่กายแลมัตเตมัวสาละวน Y กันเอง  เรเชน น้องชายมัตเตผู้มีหัวใจศิลปะเป็นอาวุธก็ได้ปันคะแนนจากหัวใจเจ้าหญิงคีราเปนอันเรียบร้อย

กายแลมัตเตบุกรังฝ่ายครีราโมส์เพื่อสืบข่าว ทว่าเกิดการยุทธ์รุนแรงอันทำให้กายเพลี่ยงพล้ำเหล่าไพรีต่ำช้า  จึ่งมัตเตเร่งพาสหายรักไปหลบภัยแลรักษาแผล  นักรบหนุ่มมีความปรารถนาดีนักจึ่งผลัดผ้าให้กายผู้ยังนิทรา  หะนั้นเอง เขากลับพบโนมเนื้ออันแสน Dhoom-Dhoom!! พร้อมทั้งสัดส่วนโค้งเว้า

กาย กานาเมซ วีรบุรุษเหนือแผ่นดิน...เปนผู้หญิงขอรับ...พี่น้อง "-_-"

อันวิสัยข้าพเจ้านั้น ก็นิยมชมชอบนวนิยายที่แหวกขนบยิ่งนัก หากลางสิ่งซึ่งขาดตรรกะรองรับเหลือกำลังรับได้นั้น ก็ขอเกิดอาการ "เหวอ" สักคำรบใหญ่ทีหนึ่ง

ในยุคบุร่ำบุราณ ศาสตราวุธ มี ดาบ หอก เปนอาทิ ล้วนแล้วแต่ต้องใช้เรี่ยวแรงมหาศาล จึ่งเปนเหตุน่าอัศจรรย์เมื่อสตรีนางหนึ่งอาจหาญจับอาวุธดังว่าจนแคล่วคล่อง ทั้งยังกำราบเหล่าอริราชศัตรูให้ปราชัยย่อยยับทั่วสารทิศ ทั้งนี้หาได้มีข้าศึกใดต่อสู้ประชิดตัวจนล่วงรู้ความลับแห่งนางไม่  ข้าพเจ้ายอมรับว่า เมื่อการเปนดั่งนี้ จินตภาพของกาย กานาเมซย่อมมิอาจเปนอื่นนอกจากสตรีล่ำบึ้กเยี่ยง "น้องอร สู้โว้ย" จึ่งดำรงฉายากายผู้พิชิตได้

แลข้าพเจ้ายังขัดใจ ด้วยคราวมัตเตแจ้งใจว่ากายเปนผู้หญิง เจ้านักรบหนุ่มก็คับแค้นราวกับกายได้ทุรยศใหญ่หลวง เฉกพระเอกในเรื่องอ่านเล่นมากมายซึ่งโมโหโทโสเมื่อประจักษ์สายตาว่านางเอกเปนผู้หญิง มิได้สำคัญว่าตนเองก็ปลูกถั่วต้นมโหฬารไว้ที่ตา ทั้งที่เรือนกายอิสตรีนั้นผิดแผกจากบุรุษอยู่ลิบลับ

กระนั้น เมื่อจวนเจียนจบ เรื่องก็กลับเข้าไคลเข้มข้นเปนกำลัง กาย กานาเมซ ได้สมรักกับมัตเตหนุ่ม หากสาวเจ้าหาได้ละทิ้งตัวตนในนามคนเถื่อนผู้พิชิตไม่ แม้นางได้ตั้งครรภ์...ภาระแห่งการให้กำเนิดบุตรอันยังให้สตรีทุกผู้ต้องหยุดทุกสิ่งอันเพื่อฟูมฟักเลี้ยงดูพยานรักของตน ทว่ากาย กานาเมซ กลับเลือกภาระแห่งการสร้างแผ่นดินแสงดาวให้เปนปึกแผ่น  นางแลมัตเตได้มอบให้คีราดูแลบุตรของนางในฐานะแม่ ยอมหลบเร้นตนเองเพื่อเปนคนเถื่อนเร่ร่อนไร้สุสานเรือนนอน  เมื่ออ่านถึงบัดนี้ ข้าพเจ้าชื่นชมจิตใจนางนัก ด้วยไม่ยอมให้บ่วงแห่งความเปนหญิงรัดรึงอุดมการณ์อันใหญ่ยิ่งแห่งตน  สตรีใดในพิภพจบแดนจักหาญกล้าเยี่ยงนี้ย่อมหาได้ยากยิ่งกว่างมเข็มในห้วงมหรรณพ

ข้าพเจ้าขอยอมรับว่านิยมชมชอบดวงตะวัน ด้วยว่านักประพันธ์ท่านนี้อุตสาหะนักในการสรรค์สร้างเรื่องแปลกใหม่ให้นักอ่านเปนนิจ แม้ลางเรื่องจักยังไม่พ้นหลุมดำบางประการ อาจด้วยตลาดของดวงตะวันยังมีฝ่ายอนุรักษ์นิยมอยู่เปนอันมาก จึ่งรักษาขนบจนลางประเด็นแลดูไร้เดียงสา  กระนั้น ข้าพเจ้าคาดคำนวณว่า จำเนียรกาลผ่านไป...ดวงตะวันจักสร้างผลงานที่แหลมคมกว่านี้เปนแน่ ยามนี้...ให้เวลาท่านผู้ประพันธ์ลับปากกาท่านไปพลางๆ

หากเปน "แฟนพันธุ์แท้" ของดวงตะวัน แลเฉพาะอย่างยิ่ง แฟนเรื่องชุดธิโมส์ จักพลาด "ผีเสื้อลายตะวัน" หาควรไม่ แลอย่าถือสาหากถ้อยความแห่งข้าพเจ้าได้ทำให้เสียรสในการอ่านไป

ขอเอวังด้วยประการฉะนี้--

ความคิดเห็น

dejboon
dejboon 1 มิ.ย. 50 / 20:23

เคยอ่าน  รุ้งจันทร์ตะวันดาว  เคยอ่านบางส่วนของ  ปราสาททรายฯ  แต่ไม่ได้อ่าน  ผีเสื้อลายดวงตะวัน

แต่ก็อ่านความคิดเห็นคุณวิฬารีอย่างสนุกสนาน  โดยเฉพาะการปลูกถั่วบริเวณพื้นที่พิเศษของบางคน


PS.  คำถามจะนำมาซึ่งคำตอบ
< ค า ปู ชิ โ น >
< ค า ปู ชิ โ น > 9 เม.ย. 52 / 22:30
เอ่อ...หรือจะเป็นพรหมลิขิตให้เรามาเจอกัน
อ่านแผ่นดินแสงดาวไปเกือบครบแล้ว
ยังไม่ได้อ่านแค่ีเสื้อลายตะวัน
ลองค้น google  ดู โอ้ว เธมส์ประทาน
ให้มาเจอบล็อกในฝัน ว้าวๆๆๆๆ
...................
...................
...................
เขียนอะไรดีง่า
...................
ชอบ
ชอบจัง
...................
...................
...................
จบ
[ซะงั้น]
ความคิดเห็นที่ 3
ชอบผีเสื้อลายตะวันมากๆค่ะ เพิ่งได้อ่านชุดธิโมส์ เริ่มจากรักที่ริมทะเลเมฆ (เรื่องนี้ก็ชอบมากเหมือนกัน หลงรักเคชไปเลย) แต่พอมาอ่านผีเสื้อลายตะวันแล้วยิ่งชอบหนักเลย สนุก วางไม่ลงจริงๆ ตอนแรกคิดว่าถ้าอ่านแนวธิโมส์แบบย้อนยุคจะสนุกไหม ปรากฏว่าเรื่องนี้ทำเราซึ้งและประทับใจมาก ชอบทุกๆอย่างในเรื่อง ตัวละคร บท แนวคิดของตัวละคร ภาษาที่อ่อนหวานละเมียดละไมมาก อ่านแล้วซาบซึ้งตรึงใจ ยิ่งตอนหลังๆทำเอาน้ำตาปริ่มๆเลย สงสารพระนาง แต่ก็ซึ้งประทับใจมาก (ตอนแรกก็นึกว่าแล้วจะจบยังไง กับปัญหาของนางเอก แต่ผู้แต่งก็จบได้ลงตัวมาก แม้จะเศร้าไปบ้างแต่ก็เหมาะสมที่สุดแล้ว)

ปล. จริงๆอ่านไปๆก็พอจะตะหงิดๆใจแล้วว่าทำไม กาย ถึงมีอะไรแปลกๆ เลยพอจะดักเดาได้ล่วงหน้าบ้างแล้ว