คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : บทที่ 8
เขาพยายามแล้ว ธีรยุทธบอกตนเอง ทั้งที่ยังฉุนเฉียวไม่หายหลังจากผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เคยปฏิเสธเขาเดินจากไป ถึงจะละอายใจที่ผิดคำพูดกับมารดาที่ล่วงลับ เขาก็อดดีใจไม่ได้ที่ไม่ต้องแต่งงานกับผู้หญิงแนวคิดประหลาดคนนั้น การที่เขาตื่นตัวเพราะเธอก็คงเป็นเพราะร่างกายยังรู้สึกถึงความแปลกใหม่ของสาวบริสุทธิ์ มันไม่ใช่เรื่องยั่งยืนอะไร ดีแล้วที่เธอไม่เออออไปกับเขา และทำให้ทั้งคู่ต้องอดทนอยู่ด้วยกันก่อนจะหย่า
ตามสถานการณ์เช่นนี้เขากับเธอคงไม่อาจร่วมงานกันได้อีกต่อไป ธีรยุทธถอนใจยืดยาวกับบทสรุปที่ตนเองคิด เพราะถึงจะดูใจร้ายแต่ในเมื่อเขาเป็นเจ้าของบริษัทคนที่ต้องไปจึงเป็นเธอ ทว่าอย่างน้อยเขาจะมอบเงินก้อนใหญ่ให้เธอเป็นการลับๆ เพื่อแสดงความขอโทษอย่างจริงใจ เมื่อสรุปเรื่องที่จำเป็นต้องทำเสร็จเรียบร้อยชายหนุ่มก็คิดอยากจะดื่มฉลองให้แก่ตัวเองที่รอดบ่วงวิวาห์ไปได้ด้วยบรั่นดีสักแก้ว แต่ก็ต้องชะงักเมื่อสังเกตเห็นว่ามันผลิตจากแคว้นคอนยัค ในประเทศฝรั่งเศส
‘คุณโทมัสรู้หรือเปล่าคะว่าไร่ที่ผลิตองุ่นสำหรับป้อนโรงงานทำไวน์ ส่วนใหญ่มักเคยเป็นหนึ่งในไร่ที่เจ้าของไร่ดั้งเดิมไม่เห็นด้วยกับการเลิกทาส แต่เจ้าของรุ่นต่อมาสนับสนุนการสร้างประชาธิปไตยให้เกิดขึ้นในฝรั่งเศส’
แทนที่จะดื่มเหล้าฉลองดังที่ตั้งใจเขากลับนั่งมองตัวอักษรที่อยู่บนฉลากแล้วสงสัยว่าพุทธรักษาอ่านภาษาฝรั่งเศสออกได้ยังไง เธอรู้เกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆ ที่คนในวัยอย่างเธอไม่น่าจะรู้ได้จากที่ไหน ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งมีคำถามเกี่ยวกับหญิงสาวที่เขาแทบจะไม่รู้จักมากมาย แต่เขาไม่ลังเลแม้แต่น้อยในการตัดสินใจที่จะไม่หาคำตอบเพราะเกรงว่าตัวเองจะอยากรู้แบบไม่สิ้นสุด
พุทธรักษา หญ้าแพรก เขาจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้นอีก ทันทีที่เขาตั้งใจแน่วแน่เสียงกริ่งโทรศัพท์ภายในห้องชุดก็ดังขึ้นเหมือนจะทัดทานความคิดนั้น
“เอ่อ... คุณโทมัสช่วยลงมายืนยันหน่อยได้ไหมคะ ว่าหญ้าเป็นพนักงานบริษัทของคุณจริงๆ”
ไม่ทันที่เขาจะพูดอะไรเสียงปลายสายที่คุ้นเคยในเวลาอันสั้นก็รีบบอกอย่างรวดเร็ว เหมือนต้องการให้เขาตั้งตัวไม่ติด ในช่วงหนึ่งเขาคิดจะแกล้งให้เธอรอ ซึ่งต้องโทษแม่ของเขาอีกนั่นแหละที่สอนเขามาดีเกินไป
“ผมจะรีบลงไปหานะ”
“เอ่อ... ขอบคุณค่ะ”
หลังจากธีรยุทธช่วยยืนยันว่าพุทธรักษาเป็นพนักงานบริษัทของเขา ตามด้วยขอคีย์การ์ดสำรองเพื่อที่เธอจะสามารถกลับเข้าห้องพักได้ สองหนุ่มสาวก็มายืนอยู่ในลิฟต์และเธอก็ต้องเป็นคนเอ่ยขึ้นมาก่อนเพื่อแก้ไขความเงียบระหว่างทั้งคู่
ใบหน้าที่อยู่ภายใต้แว่นตาสีดำไม่บอกอะไรเธอเลย หญิงสาวชักจะกระสับกระส่ายเพราะคาดเดามันไม่ได้ เธออยากรู้ว่าสมองที่อยู่ในศีรษะได้รูปกำลังคิดอะไรอยู่ เธอเก่งเรื่องการอ่าน แต่ไม่ถนัดอ่านใจใครโดยเฉพาะผู้ชาย เพราะไม่ค่อยได้มีโอกาสใกล้ชิดกับผู้ชายมากนัก
เชอะ! เคยซะเมื่อไหร่ล่ะ เธอไม่เคยได้ใกล้ชิดผู้ชายมาก่อนเลยต่างหาก นับตั้งแต่อายุได้สิบสามปี และคนคนนั้นก็คือพ่อของเธอ ซึ่งเดินออกจากประตูบ้านแล้วบอกว่าจะไปช่วยชนกลุ่มน้อยที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบในเขตชายแดนพร้อมกับแม่ของเธอ
“ถึงแล้ว” เสียงเรียบเฉยทำเอาเธอสะดุ้ง ตามด้วยเขินอายที่มัวแต่มองหน้าเขาจนไม่ได้สังเกตว่าลิฟต์เดินทางมาถึงชั้นที่เธออยู่แล้ว
“ขอบคุณค่ะ” ไม่มีอะไรดีกว่าการชิ่งหลบไปซ่อนตัวตามลำพัง เมื่อชั่วโมงก่อนเธอทำได้ดี แต่คราวนี้ขายาวๆ ก้าวเคียงไปกับเธอ
จะตามมาทำไม เธอหันไปดุเขาด้วยสายตา
“ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ” เสียงพร่าต่ำมีผลต่อประสาทสัมผัสของเธออย่างประหลาด แต่แม้ขนแขนจะลุกฮือ เธอก็ไม่ได้สูญเสียสมองไปด้วย
“ในเมื่อคุณโทมัสได้ข้อสรุปแล้วว่าเราทั้งคู่จะไม่แต่งงานกัน ก็คงเหลือแค่ว่าคุณจะไล่หญ้าออกยังไงไม่ให้น่าเกลียดสินะคะ”
คำพูดตรงไปตรงมาของเธอเรียกสีหน้าประหลาดใจขึ้นมาบนใบหน้าหล่อเหลา ทว่ามันตามด้วยรอยยิ้มพึงพอใจอย่างรวดเร็ว
“ผมเสียดายจริงๆ ที่ไม่ได้แต่งงานกับคุณ”
พุทธรักษาคงคิดว่าเขาเสียดายตามปากว่า หากไม่ได้ยินความขบขันแกมยั่วเย้าในคำพูดนั้น นั่นแสดงว่าเขาดีใจมากกว่าที่เธอปฏิเสธข้อเสนอแรกของเขา และทำท่าพร้อมจะยอมรับข้อเสนอต่อมา
ธีรยุทธกำลังดีใจตามที่เธอคิดจริงๆ แต่อีกส่วนหนึ่งก็นึกเสียดายความฉลาดของเธอ เขาน่าจะรู้จักเธอให้มากกว่าในฐานะผู้ช่วยเลขาของเลขามาก่อนหน้านี้ สมองว่องไวกับความคิดเฉียบคมของเธอน่าจะเป็นเลขาที่ดีของเขาคนหนึ่ง จะว่าไปตอนนี้เขามีเลขาสองคนแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกว่า อานนท์ที่ทำหน้าที่เลขากึ่งผู้ติดตาม กับทักษิณา เลขาที่ทำหน้ารวบรวมข้อมูลต่างในออฟฟิศกับกำหนดนัดหมายต่างๆ ของเขามีงานล้นมือเกินไป ดูได้จากตอนที่เขาอนุญาตให้ทั้งคู่ได้ไปพักผ่อนโดยไม่ต้องมาร่วมงานสัมมนากับบริษัทพร้อมกับพนักงานคนอื่นๆ ทั้งคู่ทำท่าเหมือนกับได้เป็นอิสระจากตรวนหนักๆ หรืออีกนัยก็คือดีใจที่ไม่ต้องเจอหน้าเจ้านาย ทว่ารอยยิ้มที่ผุดขึ้นริมฝีปากของชายหนุ่ม ทำให้คนที่เดินอยู่ข้างๆ และคอยจับสังเกตเขาตลอดเวลาโมโหเดือด
เขายังมีหน้ามาทำท่าดีใจได้ยังไง ในเมื่อเพิ่งจะยอมรับว่าคิดไล่เธอออกจากงาน เขาคงไม่รู้หรอกว่าบัณฑิตจบใหม่ที่เคยผ่านแต่งานเก็บกวาดกับแคชเชียร์ในร้านสะดวกซื้อหางานยากแค่ไหน
“ถึงหญ้าจะยังไม่ผ่านการทดลองงาน แต่ในเมื่อคุณโทมัสต้องการที่จะไล่หญ้าออก คุณโทมัสก็ควรจะมีเหตุผลดีๆ นะคะ” เมื่อคิดว่าอีกไม่ช้าจะพ้นสภาพพนักงานอย่างไม่เป็นธรรมพุทธรักษาก็ไม่คิดจะถนอมท่าที “ถ้าไม่มีก็ควรจะจ่ายค่าชดเชย” เงินเป็นเรื่องสำคัญต่อชีวิต เรื่องนี้ใครคิดต่าง เธอพร้อมจะเถียงสุดชีวิต
“ถ้าไม่มี คุณจะฟ้องร้องผมหรือเปล่าล่ะ” เขาไม่คิดหรอกว่าเธอจะฟ้องร้องข้อหาหน่วงเหนี่ยวหรือล่วงละเมิดทางเพศกับเขาแต่เขาชอบตาวาวๆ ของเธอตอนที่โต้แย้งว่าสิ่งที่เขาพูดออกมาเป็นสิ่งที่ผิด แน่ล่ะว่าเธอจะทำทันทีตามที่เขาต้องการ จมูกเล็กรั้นเชิดสูงขณะหยุดยืนไม่ห่างจากหน้าห้องแล้วแจกแจงให้เขาฟังว่าที่เขาพูดมาผิดตรงไหนบ้าง
“ฉันจะฟ้องคุณได้ยังไงคะ ในเมื่อฉันสมยอมเอง และการฟ้องร้องก็จะมีผลเสียต่อผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เว้นแต่ว่าฉันจะต้องการใช้กระแสสังคมลงโทษคุณ แต่ถึงสิทธิระหว่างผู้หญิงกับผู้ชายจะไม่เท่าเทียมกันในทางปฏิบัติ ฉันก็ไม่คิดจะเอาเปรียบคุณโดยใช้ความเป็นผู้หญิงหรอกค่ะ”
คำว่าฉัน ถูกใช้แทนชื่อเมื่อเธอไม่พอใจมากๆ เป็นอีกหนึ่งเรื่องเกี่ยวกับพุทธรักษา ที่ธีรยุทธจดจำเอาไว้ในสมอง และดวงตาของเธอเวลาถูกขัดใจก็เป็นอีกอย่างที่เขาบันทึกเอาไว้เป็นข้อมูลว่ามันปลุกเร้าเขาเป็นอย่างมาก รองจากส่วนนั้นกับส่วนนั้นบนร่างของเธอ
“ผมพูดเล่น” เมื่อคิดว่าตนเองกำลังพลาดเข้าสู่กับดักทางชีวภาพของร่างกาย ธีรยุทธก็รีบถอยฉากโดยเร็ว “ผมคิดจะจ่ายคืนคุณเป็นการส่วนตัวสำหรับการที่ทำให้คุณต้องเสียโอกาสในการทำงาน”
“แต่หญ้าก็ต้องถูกบันทึกประวัติว่าถูกเชิญออกจากงาน” ถึงจะคลายความโมโหลงบ้าง แต่เธอก็ยังดึงดันจะรักษาสิทธิประโยชน์ของตนเองให้ครบถ้วน
“คุณก็เขียนจดหมายลาออกสิ บอกว่าจะไปเรียนต่อก็ได้ แล้วผมจะให้คุณเปรมจิตเขียนจดหมายรับรองการทำงานให้”
คราวนี้ธีรยุทธเป็นฝ่ายหงุดหงิดบ้าง เมื่อกี้เขาอุตส่าห์ดีใจที่เธอเปิดทางให้เขายื่นข้อเสนอก่อนที่ทั้งคู่จะเข้าไปเจรจากันในห้องของเธอ ช่วยเหลือเธอด้วยการป้องกันไม่ให้ตัวเองเผลอฉวยโอกาสกับเธออีกรอบ แต่เวลานี้เธอกลับยื้อจะคุยให้รู้เรื่อง ในช่วงที่เลือดกำลังไม่เลี้ยงสมองของเขา
“รับรองการทำงานของคนที่ยังไม่พ้นโปรเหรอคะ”
จากความไม่พอใจตอนนี้เธอกำลังทำท่าทางเคลือบแคลงสงสัย ดวงตาสีดำหรี่ลงมองเขาอย่างพิจารณา แต่นั่นก็ให้ผลต่อร่างกายของเขาไม่ต่างกันกับแววตาไม่พอใจ มันทำให้เขาเกิดความคิดบ้าๆ เช่นถอดเสื้อผ้าตัวเองออกให้หมด เธอจะได้ใช้สายตาคู่นั้นสำรวจเขาทั่วทั้งตัว
“เอาเป็นผมจะทำให้ดีที่สุดในกรณีนี้ก็แล้วกัน จะถึงห้องของคุณแล้ว ผมขอตัว” ธีรยุทธตัดบทก่อนที่ตนเองจะเริ่มสงครามน้ำลายกับเธอ
“คุณจะรีบไปไหนคะ” ทั้งที่ข้อเสนอของเขาสมบูรณ์แบบแต่พุทธรักษากลับไม่ยอมเข้าใจอะไรง่ายๆ
ชายหนุ่มส่ายหน้าด้วยความระอาใจ จะไม่ให้รีบหนีได้อย่างไร ตอนนี้เขาเริ่มมองหาพื้นราบที่ใกล้ที่สุดแล้ว แต่จะว่าไปผนังเรียบๆ ก็น่าสนใจไม่น้อย
ความคิดเห็น