ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เล่ห์รักลวง...ทวงแค้น

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่1 : เหตุผล

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.3K
      4
      12 ธ.ค. 59

    บทที่1 : เหตุผล

                    ย้อนไปในช่วงสายของวันที่ผ่านมา นายคมกฤตพาผู้หญิงคนหนึ่งมาที่คอนโดของอิงหทัย

                    “ก๊อกๆๆ”เสียงเคาะประตูทำให้อิงหทัยละความสนใจการจัดแจกันดอกไม้

                    “ใครคะ”อิงหทัยตะโกนถาม

                    “พี่เองครับ”คมกฤตตอบกลับมา ทำให้อิงหทัยเดินไปเปิดประตู

                    “พี่กฤตมีอะไรรึเปล่าคะ ถึงได้มาหาอิงถึงที่นี่”อิงหทัยถามคู่หมั้นด้วยความสงสัย

                    “พี่มีเรื่องสำคัญจะคุยกับน้องอิงครับ”คมกฤตพูดเสียงเครียด ทำเอาอิงหทัยยิ่งสงสัย

                    “เรื่องอะไรคะ”อิงหทัยถาม ก่อนจะได้พบคำตอบ เมื่อคมกฤตดึงมือผู้หญิงคนหนึ่งให้เข้ามาประชิดตัวเขา

                    “ถ้าอย่างนั้น เชิญข้างในก่อนดีกว่าค่ะ”อิงหทัยรู้สึกสังหรณ์ใจอะไรบางอย่างตั้งแต่เห็นหน้าผู้หญิงคนนั้น แต่ก็พยายามเก็บอาการไว้

                    “ที่พี่มาวันนี้ ก็เพื่อจะมาบอกความจริงบางอย่างกับน้องอิง และขอร้องให้น้องอิงรับฟังพี่ด้วย อย่าเพิ่งรีบไล่พี่กลับ”คมกฤตว่า นั่นยิ่งทำให้น้ำตาของอิงหทัยเริ่มคลอเบ้าขึ้นมาทันที มาสารภาพเรื่องอะไร เธอก็คงเดาได้ไม่ยาก เพราะผู้หญิงที่คู่หมั้นเธอพามาด้วยนั้น ไม่ใช่คนปกติ แต่เป็นผู้หญิงที่ท้องแก่ใกล้คลอด

                    “พี่กฤตอย่าบอกนะคะ ว่าที่มาวันนี้ จะมาบอกว่าผู้หญิงคนนี้เป็นเมียพี่ แล้วเด็กในท้องก็เป็นลูกพี่”อิงหทัยถามออกไปด้วยน้ำเสียงไม่เชื่อนัก

                    “ครับ”คมกฤตพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

                    “ว่าอะไรนะคะ  นี่มันเรื่องจริงเหรอคะ ทะ...ทำไม...ทำไมพี่กฤตถึงทำกับอิงแบบนี้ อิงเป็นคู่หมั้นของพี่นะคะ แล้วเราก็กำลังจะแต่งงานกันอยู่แล้วนะคะ ทำไมพี่ถึงได้...”อิงหทัยหันหลังให้คนทั้งคู่ ก่อนที่จะร้องไห้ออกมาอย่างสุดที่จะกลั้น

                    “พี่ขอโทษ เรา...เรารักกัน พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่รู้สึกแบบนี้ได้ยังไง ทั้งๆ ที่พี่มีน้องอิงเป็นคู่หมั้นอยู่แล้ว แต่พี่ก็ยังทำร้ายน้องอิง พี่ขอโทษจริงๆ พี่ผิดเอง”คมกฤตพูดด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดจริงๆ

                    “ไม่...ไม่ค่ะ คุณกฤตไม่ผิด ดิฉันผิดเอง ผิดที่รักคุณกฤตมากเกินไป จนทำในสิ่งที่ไม่น่าอภัย คุณยกโทษให้คุณกฤตเถอะนะคะ ดิฉันขอร้อง จะให้ดิฉันกราบคุณก็ได้นะคะ ดิฉันยอม”หญิงสาวคนนั้นพยายามจะคุกเข่าลง

                    “พอ พอแล้ว นี่คิดว่าฉันเป็นนางมารร้ายขนาดนั้นเลยหรือไง พี่กฤตคะ พาเมียพี่ไปนั่งบนเก้าอี้เถอะค่ะ”อิงหทัยว่า ก่อนที่จะนั่งลงบนโซฟาสีแดงเลือดนก

                    “แล้วที่พี่มากันวันนี้ ต้องการจะบอกอะไรกับอิงอีกคะ”อิงหทัยถาม พร้อมทั้งหมองหน้าชายหญิงสลับกัน

                    “คือ...พี่อยากจะมาตกลงกับน้องอิง เรื่องของเรา สามคน”คมกฤตว่า

                    “หมายความว่าไงคะ สามคน”อิงหทัยฟังแล้วยิ่งสงสัย

                    “คือ...พี่อยากจะให้ทั้งแม่และเด็ก เข้ามาอยู่กับเราด้วย หลังจากที่พี่แต่งงานกับอิงแล้ว”คมกฤตว่า

                    “อะไรนะคะนี่พี่ยังคิดว่าจะมีการแต่งงานของเราอีกอย่างนั้นหรอคะ”อิงหทัยร้องเสียงหลง

                    “ก็ในเมื่อเราเตรียมงานทุกอย่างไว้แล้วนี่อิง อีกอย่าง พ่อแม่พี่ก็ต้องให้เราแต่งงานกันอยู่แล้ว มันเป็นสัญญาของผู้ใหญ่เขาด้วย แต่พี่รับรองเลยนะ ว่าจะไม่ทำให้น้องอิงต้องกังวลเรื่องนี้เด็ดขาด”คมกฤตว่า

                    “พูดง่ายจังเลยนะคะพี่กฤต พี่คิดว่าผู้หญิงเขาอยากจะใช้สามีร่วมกันอย่างนั้นเหรอคะ พี่ถามเมียพี่ดูรึยังว่าต้องการให้มันเป็นแบบนี้จริงๆ เหรอ”อิงหทัยหันไปถามภรรยาทางพฤตินัยของคู่หมั้นตัวเอง

                    “คือ...ความจริงแล้วดิฉันไม่ต้องการที่จะมาเป็นส่วนเกินของชีวิตคู่ของพวกคุณหรอกนะคะ แต่ว่า อย่างน้อย ขอให้พ่อกับลูกได้อยู่ด้วยกันจะได้มั้ยคะ ถือว่าดิฉันขอร้อง”เธอพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

                    “แล้วคุณคิดว่าเด็กที่กำลังจะเกิดมาจะได้รับความรัก การดูแลเอาใจใส่อย่างดีเหรอคะ ถ้าไม่ได้ถูกเลี้ยงดูจากคนที่เป็นแม่จริงๆ”อิงหทัยถาม

                    “ดิฉันเชื่อค่ะ ว่าคุณจะดูแลลูกของเราได้”เธอยังคงเชื่อมั่น

                    “ขอโทษนะคะ ที่ฉันคงทำตามคำขอของใครไม่ได้”อิงหทัยพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ จนทำให้ทั้งคู่หันมามองหน้าอิงหทัยอย่างคาดไม่ถึง

                    “ทำไมล่ะครับ”คมกฤตถาม

                    “จะไม่มีการแต่งงานของเราค่ะพี่กฤต อิงจะไม่มีวันแต่งงานกับคนที่มีลูกมีเมียแล้วหรอกนะคะ ถึงแม้ว่าอิงจะมาก่อนก็ตาม”อิงหทัยปรายตาไปมองหญิงสาวคนนั้น ก็เห็นว่าเธอนั่งก้มหน้าซ่อนรอยน้ำตาไว้

                    “ไม่ต้องร้องไห้เสียใจไปหรอกนะเธอ ฉันจะไม่แต่งงานกับสามีของเธอหรอก ลูกเธอก็จะได้มีครบทั้งพ่อและแม่ ฉันจะไม่พรากพ่อพรากลูกออกจากกันหรอกนะ อ้อ แล้วงก็ไม่ต้องคิดด้วยว่าตัวเองเป็นคนทำลายครอบครัว หรือชีวิตคู่ของคนอื่น เพราะฉันยังไม่ได้แต่งงานกับพี่กฤต ถึงแม้ว่ามันจะต้องอับอายไปบ้างก็ตาม แต่ฉันคงไม่มีวันทำร้ายเด็กที่ไม่รู้เรื่องหรอกนะ ขอให้ทั้งคู่โชคดีก็แล้วกันนะ ส่วนเรื่องแต่งงาน อิงจะไปบอกกับพ่อแม่เองค่ะ แต่อิงคงต้องบอกความจริงนะคะ อิงไม่อยากโกหก”อิงหทัยพูดพร้อมปรายตามองไปยังคมกฤตที่นั่งหน้าเสียอยู่ข้างๆ

                    “หมดธุระแล้วก็เชิญกลับได้แล้วมั้งคะ พี่กฤต ดูแลภรรยาให้ดีนะคะ อย่าทิ้งขว้าง หรือทำให้เธอเสียใจเหมือนที่พี่ทำกับอิง เชิญค่ะ”อิงหทัยพูดจบก็ลุกขึ้นเดินไปที่หน้าประตู แล้วทำท่าผายมือเชิญให้ทั้งสองคนออกจากห้องไป

                    “น้องอิง พี่ขอโทษนะ ที่ทำแบบนี้ เรายังเป็นพี่น้องกันได้ใช่มั้ย”คมกฤตหันมาถามก่อนจะเดินออกจากห้อง

                    “คงต้องขอเวลาสักระยะหนึ่งนะคะ ถ้าทำใจได้เมื่อไหร่จะให้คนส่งข่าวไปบอก”อิงหทัยว่า ก่อนที่จะปิดประตูห้องทันที เมื่อแน่ใจแล้วว่าทั้งคู่กลับไปแล้วจริงๆ ท่าทางสง่าผ่าเผยและเข้มแข็งของคุณหนูอิงหทัยก็หายไปทันที กลับกลายเป็นความอ่อนแอ เจ็บปวดและเสียใจเข้ามาแทนที่ เธอทรุดลงนั่งอยู่ตรงประตูห้องอย่างหมดแรง พร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างหนัก

                    “ทำไม...ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ฮือๆๆๆๆๆ”อิงหทัยร้องไห้อยู่นานเท่าไหร่ก็ไม่สามารถรับรู้ได้ เธอร้องไห้จนผล็อยหลับไป มารู้สึกตัวอีกทีก็เป็นเวลาเย็นแล้ว เธอตัดสินใจอยู่สักพักว่าจะเอาอย่างไรกับชีวิตต่อไปดี เมื่อตัดสินใจได้แล้วว่าจะไปตั้งต้นชีวิตใหม่ในที่ที่ไม่มีใครรู้จัก เธอก็ตัดสินใจจะไปที่ประเทศอังกฤษ และคิดว่าจะต้องกลับไปบอกที่บ้านให้รู้เรื่องก่อน จึงเก็บข้าวของเท่าที่จำเป็นใส่กระเป๋าคว้ากุญแจรถออกมาแล้วขับรถกลับบ้านทันที


               เมื่อกลับมาถึงบ้าน น้ำตาที่คิดว่าเหือดแห้งไปแล้ว กลับไหลออกมาเป็นสายอย่างกลั้นไม่อยู่อีกรอบ ยิ่งเห็นหน้าพ่อและแม่ด้วยแล้ว อิงหทัยยิ่งกลั้นไม่อยู่ ได้แต่บอกกับท่านทั้งสองว่าจะไปอังกฤษแค่นั้นก็วิ่งขึ้นห้องไปทันที เพราะไม่อยากให้ท่านซักไซ้ไร่เรียงไปมากกว่านี้ เดี๋ยวจะยิ่งร้องไปกันใหญ่ เอาแต่ขังตัวเองอยู่ในห้องเพื่อไม่ให้คนอื่นเข้ามา แต่พี่ชายก็ปีนข้ามห้องมาหาเธอจนได้ จนกระทั่งนายสิงห์พาอิงหทัยมานั่งเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในห้องนั่งเล่น

                    “เรื่องทั้งหมดมันก็เป็นอย่างนี้แหละค่ะ ทีนี้คุณพ่อคุณแม่ยังจะขวางอิงอยู่อีกมั้ยคะ”อิงหทัยถาม

                    “ถ้าเรื่องมันเป็นแบบนี้ก็ไปเถอะลูก พ่อไม่ห้ามหรอก ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ เผื่อจะเจอคนดีๆ ที่โน่น จะได้พามาเป็นเขยบ้านนี้ซะเลย ฮ่ะๆๆ”นายแพทย์ประสิทธิ์ว่าพลางหัวเราะ       

                    “คุณนี่ พูดจาอะไรก็ไม่รู้ ลูกจะไปทำใจนะคะ ไม่ได้ไปหาคนใหม่ ว่าแต่ ยังไงก็อย่าหายลับนะลูก ต้องโทรมาหาแม่ทุกวัน เช้าเย็นได้ยิ่งดี แม่เหงา”คุณดารารายว่า

                    “ค่ะคุณแม่ ไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ อิงจะพยายามรายงานให้คุณแม่ได้รับรู้ตลอดเวลาเลยว่า อยู่ที่ไหน อยู่กับใคร ทำอะไรอยู่ ดีมั้ยคะ”อิงหทัยเข้าไปสวมกอดผู้เป็นแม่

                    “แล้วเรื่องทางนี้ล่ะ จะจัดการยังไง”นายสิงห์ถามขึ้น

                    “เดี๋ยวแม่จะจัดการให้เอง น้องอิงไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ไปอยู่ที่โน่นให้สบายใจเถอะ พร้อมเมื่อไหร่ก็กลับมา”ผู้เป็นแม่ว่า พลางลูบหัวของลูกสาวคนเดียว

                    “ขอบคุณนะคะคุณแม่ อิงรักคุณแม่ที่สุดเลย”อิงหทัยอ้อน

                    “รักแต่แม่คนเดียวเหรอ อย่างนี้พ่อก็น้อยใจแย่สิ”นายแพทย์ประสิทธิ์พูดอย่างงอนๆ

                    “โอ๋ๆๆ ไม่งอนนะคะคุณพ่อ อิงก็รักคุณพ่อที่สุดเลยเหมือนกันค่ะ”อิงหทัยหันไปกอดผู้เป็นพ่อแทน

                    “ครอบครัวนี้ดูเหมือนว่าจะมีแต่ลูกสาวนะครับ ดูท่าลูกชายอย่างผมคงหมดความหมายไปแล้ว ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนดีกว่า”นายสิงห์พูดเสียงเรียบ ยิ่งทำให้ทั้งสามคนเป็นห่วง

                    “โธ่ พี่สิงห์คะ อย่างอนสิคะ ใครๆ ก็รู้ว่าพี่สิงห์เป็นพี่ชายที่น่ารักที่สุด พี่ชายที่แสนดีของน้องอิง อย่างอนเลยนะคะ”อิงหทัยลุกขึ้นมากอดเอวพี่ชายไว้ ทำให้นายสิงห์หันมากอดตอบน้องสาว

                    “เพิ่งจะรู้ว่าเดี๋ยวนี้ครอบครัวนี้มีกันแค่สี่คนนะครับ สงสัยว่าผมคงจะเป็นเด็กที่คุณดารารายกับนายแพทย์ประสิทธิ์เก็บมาจากถังขยะแน่ๆ เลย”หมอรุจเดินเข้ามาเห็นภาพนี้เข้าเลยพูดขึ้น

                    “พี่หมอ อิงคิดถึงพี่หมอจัง”อิงหทัยคลายกอดจากพี่ชายคนรองไปหาพี่ชายคนโต แล้วสวมกอดพี่ชายด้วยความคิดถึง ระคนต้องการความอบอุ่นจากที่ชายคนนี้ หลังจากที่ห่างหายมานานเหลือเกิน

                    “เดี๋ยวๆๆ นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย ปกติยัยอิงสุดแสบ แถมยังทระนงจะวิ่งมากอดพี่เนี่ยฮะ”หมอรุจถามด้วยความสงสัย

                    “ก็น้องอยากกอดพี่ชายไม่ได้รึไง เดี๋ยวอีกหน่อยอิงไม่อยู่ให้กอดแล้วจะเหงา”อิงหทัยว่า

                    “แล้วจะไปไหนล่ะเรา อ๋อ ลืมไป อีกหน่อยก็จะแต่งงานไปอยู่บ้านสามี ไม่อยู่ที่นี่แล้วสิ”หมอรุจแซว แต่หารู้ไม่ว่าคำพูดนั้นทำเอาบรรยากาศมาคุอีกรอบ

                    “เอ่อ ดูเหมือนว่าฉันจะพูดอะไรผิดไปหน่อยใช่มั้ยนายสิงห์”หมอรุจหันมาถามน้องชาย

                    “ไม่หน่อยหรอกพี่ ใหญ่มาก เท่าบ้านเลย”นายสิงห์ว่าติดตลก

                    “ไม่เอาแล้ว ไม่พูดเรื่องนี้ดีกว่านะลูกๆ ทั้งหลาย นี่เพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำอาบท่าดีกว่านะ เดี๋ยวเรามาทานข้าวเย็นกัน แม่ชักจะหิวแล้วสิ นายสิงห์เดี๋ยวไปบอกคนให้ตั้งโต๊ะอาหารเลยนะ หมอรุจมาจะได้กินข้าวกัน”คุณดารารายจัดแจงในทันที

                    “โอเคครับ เดี๋ยวผมมานะครับ ทุกคนจะได้กินข้าวกันซักที”หมอรุจว่า ก่อนจะรีบวิ่งขึ้นไปอาบน้ำทันที

                    “น้องอิงไหวมั้ยลูก”คุณดารารายหันมาถามลุกสาว เมื่อเห็นหน้าเธอซีดลง

                    “ไหวค่ะคุณแม่ อิงยังไหว ส่วนเรื่องนี้ อย่าเพิ่งบอกพี่หมอได้มั้ยคะ”อิงหทัยถาม

                    “เห็นทีว่าจะไม่ได้นะน้องอิง ถ้าพี่เขารู้ทีหลัง เขาจะเสียใจนะที่เราไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา เชื่อเถอะว่าถ้าหมอรุจรู้เรื่อง ก็คงจะไม่รั้งหนูไว้เหมือนกัน”นายแพทย์ประสิทธิ์ว่า

                    “ก็ได้ค่ะ อิงก็แค่กลัวว่าถ้าพี่หมอรู้เรื่องแล้วจะหัวเราะเยาะอิงก็เท่านั้นเอง”อิงหทัยสารภาพ

                    “พี่หมอไม่ทำอย่างนั้นหรอกนะคะน้องอิง พี่สิงห์ยืนยันได้ เพราะยังไงน้องอิงก็เป็นน้องสาวของเรา”นายสิงห์ว่า ก่อนที่จะเอามือลูบหัวน้องสาวอย่างเอ็นดู

                    “แม่ว่า เราไปนั่งรอหมอรุจที่ห้องอาหารดีกว่านะ เป็นการกดดันไปในตัว ฮ่ะๆๆ”คุณดารารายว่า ก่อนที่จะเดินนำทุกคนไปที่ห้องอาหาร ไม่นานคุณหมอหนุ่มก็เดินเข้ามาในห้องอาหาร

                    “วันนี้สงสัยว่าฝนจะตกนะครับเนี่ย ยัยน้องสาวตัวแสบมาทานข้าวที่บ้านด้วย”หมอรุจแซว อิงหทัยก็ได้แต่ส่งค้อนไปขวับ

                    “วันนี้ก็คงเป็นมื้อสุดท้ายที่อิงจะกินแล้วล่ะค่ะ”อิงหทัยตอกกลับไป

                    “น้องอิง ทำไมพูดแบบนี้ล่ะลูก มันไม่ดีนะคะ ไม่เอา ไม่พูดอีกนะลูก”คุณดารารายรีบห้ามทันที

                    “ก็มันจริงนี่คะแม่ อิงจะไปอังกฤษพรุ่งนี้แล้วนี่คะ”อิงหทัยว่า

                    “ห๊า!!!”ทุกคนต่างร้องเป็นเสียงเดียวกันหมด

                    “ทำไมมันเร็วอย่างนั้นล่ะลูก”คุณดารารายถาม

                    “ไม่ไปลาทางโน้นเค้าหน่อยหรอลูก”นายแพทย์ประสิทธิ์ถาม

                    “พี่ว่ารอให้อะไรๆมันลงตัวกว่านี้ก่อนไม่ดีกว่าเหรอ”นายสิงห์ถาม

                    “แล้วจะไปทำไม อังกฤษน่ะ จะแต่งงานอยู่แล้วนะ”หมอรุจถาม ทำเอาทุกคนหันมามองเป็นตาเดียว

                    “ผมพูดอะไรผิดล่ะครับ”หมอรุจถาม

                    “ผิด ผิดมากด้วย จะไม่มีการแต่งงานของอิงกับพี่กฤตอีกต่อไป เพราะอะไรรู้มั้ย เพราะอิงมันโง่ ที่มีคู่หมั้น แต่ดันดูแลไม่ได้ ปล่อยให้ไปมีเมียมีลูก แล้วค่อยมาสารภาพกับอิง พอใจพี่หมอรึยังล่ะ ได้ยินแบบนี้แล้วก็คงจะสะใจพี่หมอล่ะสิ เชิญเลย หัวเราะเยาะอิงให้เต็มที่ อย่างที่พี่หมอเคยทำมาตลอดไง”อิงหทัยลุกจากเก้าอี้ ออกไปยืนสงบสติอารมณ์อยู่ที่ริมสระน้ำ หมอรุจจึงได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับน้องสาว

                    “ไม่มีน้ำตาแล้วนี่”เสียงของหมอรุจดังขึ้นข้างหลังอิงหทัย

                    “จะเยาะเย้ยอะไรน้องก็ว่ามา รอฟังอยู่”อิงหทัยว่า พร้อมกับตั้งท่ารอฟัง

                    “เก่ง เก่งมากน้องพี่”หมอรุจว่า ทำเอาอิงหทัยงง

                    “อะไรนะ เมื่อกี้พี่หมอพูดว่าอะไรนะ”อิงหทัยถามอีกรอบเพราะยังไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง

                    “พี่บอกว่า น้องสาวพี่เก่งมาก เก่งที่ไม่จมปลักอยู่กับความเจ็บปวดและความอับอาย แต่กลับต้องการที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ พี่บอกเลยนะว่าถ้าเป็นพี่ ป่านนี้สองคนนั่นคงนอนอยู่โรงพยาบาล หรือไม่ก็จองศาลาไปแล้ว”หมอรุจว่า ทำเอาอิงหทัยหลุดขำ

                    “อย่างพี่หมอน่ะเหรอคะจะกล้าทำร้ายคนอื่น อิงไม่เชื่อหรอก พี่หมอใจอ่อนจะตาย จะมีก็แต่น้องสาวคนนี้เนี่ยแหละที่พี่หมอใจแข็งด้วย”อิงหทัยว่า

                    “พี่ก็คงไม่กล้าทำจริงๆ หรอก แค่อยากพูดให้น้องสาวสบายใจน่ะ ส่วนเรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงนะ เดี๋ยวคุณพ่อกับคุณแม่จะจัดการให้ ไปอยู่โน่นก็อย่าลืมพาน้องเขยกลับมาฝากพวกเราด้วยล่ะ”หมอรุจว่า

                    “พี่หมออ่ะ พูดอะไรก็ไม่รู้ นี่อิงหลบไปเลียแผลใจนะคะ ไม่ได้ไปหาคนใหม่ซะหน่อย”อิงหทัยว่า

                    “อิงไม่รู้อะไร การมีคนอื่นเข้ามาช่วยดามใจเนี่ย มันทำให้เราหายป่วยเร็วขึ้นนะ ดีกว่าจะต้องมานั่งรักษาเองคนเดียวปล่าวเปลี่ยวหัวใจ”หมอรุจว่า

                    “แหม รู้ดีจังเลยนะคะพี่หมอ ทำอย่างกับว่าเคยเป็นอย่างนั้นแหละ”อิงหทัยถามกลับ

                    “ไม่เคยหรอก เคยได้ยินเขาพูดมาอีกทีน่ะ ฮ่ะๆๆ”หมอรุจว่า

                    “พี่ใหญ่กับน้องเล็ก เข้าบ้านกันได้แล้วครับ ชายกลางกับท่านพ่อและหม่อมแม่รอทานข้าวกันอยู่นะ”เสียงของนายสิงห์ตะโกนออกมา ทำให้สองพี่น้องพากันเข้ามาข้างในบ้าน กว่าอาหารเย็นมื้อนั้นจะเสร็จสิ้น ก็ปาไปเกือบจะถึงเวลาเข้านอนปกติของคนในบ้านแล้ว

                    “พี่สิงห์คะ อิงมีเรื่องอยากจะให้ช่วยหน่อยค่ะ”อิงหทัยพูดขึ้น หลังจากที่พี่ชายคนรองเดินมาส่งที่หน้าห้องนอน           

                        “อะไรเหรอคะ”นายสิงห์ถาม

                    “พี่สิงห์ช่วยเอาแหวนหมั้นไปคืนพี่กฤตแทนอิงทีนะคะ”อิงหทัยหยิบแหวนออกมาจากกระเป๋า ก่อนที่จะยื่นให้พี่ชาย

                    “ได้ เดี๋ยวพี่จะเอาไปคืนให้ถึงมือของมันเลย”นายสิงห์ว่า ก่อนจะกำแหวนนั้นไว้อย่างแรง ถ้าแหวนทำมาจากพลาสติกคงหักไปแล้ว

                    “ขอบคุณนะคะพี่ชาย”อิงหทัยว่า ก่อนจะโผเข้ากอดนายสิงห์อย่างรักใคร่ แต่นายสิงห์ยิ่งใจหาย เพราะคิดว่าต่อจากนี้อาจจะไม่ได้กอดน้องสาวไปอีกนาน...

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×