กลับมาจากซิดนีย์...ชีวิตก็เปลี่ยน เวลาที่ก้าวผ่านทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปหมด ฉันเติบโตไปกับเวลา แต่บางคราใจก็อยากจะหยุดเดิน...
ทำไมฉันต้องเติบโต
ทำไมฉันต้องก้าวต่อไป..
ความจริงมันอาจไม่โหดร้าย
แต่..ฉันกลัวการเปลี่ยนแปลง
ฉันเหลือเวลาอีกเพียงสัปดาห์ ก็ต้องจากสถานที่ฉันสามารถเรียกได้ว่าบ้าน...ที่แห่งนี้อาจไม่ใช่บ้านเกิด แต่ฉันไม่รังเกียจยึดเป็นเรือนนอน
ความเท่าเทียมและความเสมอภาค คือจุดเด่นที่ดึงดูด หากความอิสระและระเบียบคือความน่าหลงใหล...
ดินแดนทางใต้แห่งนี้ไม่ได้น่าเบื่อเหมือนใครหลาย ๆ คนประณาม มันเป็นดินแดนที่ทำให้ฉันเติบโตและเรียนรู้ที่จะก้าวต่อไปอย่างเข้มแข็ง
ฉันเหลียวมองกลับไปยังเส้นทางที่ก้าวผ่านมา ภาพความหลังที่สนุกด้วยรอยยิ้ม และแสนเศร้าด้วยน้ำตา หากขณะนี้เบื้องหน้าคือทางแยกสามแพร่งที่ต้องเลือกเดิน
ฉันมองไปทางซ้าย มันเป็นเส้นทางที่เรียบง่ายและอบอุ่น หากหนทางดูยาวไกลไร้จุดหมาย มันอาจไม่มีจุดสิ้นสุด แล้วฉันจะคว้าดาวได้อย่างไร...
ฉันมองไปทางขวา มันเป็นเส้นทางที่ขรุขระและเหน็บหนาว หากหนทางไม่สั้นไม่ยาว แต่เห็นดาวอยู่ไม่ไกล...
ฉันมองย้อนกลับไป...อะไรคือความใฝ่ฝัน..ชีวิตฉันเป็นของใคร ตัวฉันหรือใครคือคนกำหนด...ฉันมองย้อนความหลัง ฉันทำอะไรมามากมาย ไม่ใช่เพื่อตัวฉัน แต่เพื่อคนรอบข้าง..เพื่อพวกเขา ฉันจึงทำ...
ฉันถามตัวเอง..ฉันต้องการสิ่งใด ฉันสามารถทำอะไรดั่งใจหวัง ชีวิตไม่ได้เรียบหรูเหมือนนิยายที่แต่งไว้..ชีวิตไม่ได้สมสุขเหมือนความฝันที่รอคอย...หากชีวิตคือชีวิต ที่ต้องขึ้นลงตามแรงลม ฉันมองไปบนฟ้ากว้าง...ดาวนับล้านบนฟ้าไกล คงเพียงพอจะแบ่งปัน..แล้วฉันจะเลือกเดินทางใดเพื่อไขว่คว้าดวงดารา...
ชีวิตคือชีวิต ต้องยอมรับและอดทน...ยามเด็กฉันมองเพียงรอบตัว ว่านี่คือ โลกที่ยิ่งใหญ่ ยามเรียนรู้..ฉันมองชีวิตรอบด้านว่าประเทศนี้คือที่สุด ยามเรียนจบต้องก้าวเดิน ฉันจึงรู้ว่า โลก นี้ใหญ่เพียงใด แล้วตัวตนเล็ก ๆ เพียงหนึ่งคนจะทำอะไรได้...ฉันจะทำอะไรได้...
ในยามที่ฉันสับสน ฉันเฝ้าถามตัวเอง หากคำลวงมีมากกว่าคำจริง ฉันไม่อาจตอบตัวเองได้..ฉันเขียนด้วยความหวัง...หวังว่าใครสักคนจะต่อแรงเทียน ชี้แนะหนทางที่ก้าวเดิน...
อีกสัปดาห์หนึ่ง...ฉันต้องกลับไปยังคุกที่กักขัง...จิตวิญญาณแห่งเสรีจะถูกเหนี่ยวรั้งไว้ในตะเกียงแก้ว..รอวันดับริบหรี่และสูญสิ้น แล้วตัวฉันล่ะ..จะเป็นอย่างไร..
29-06-2006
Melbourne Australia
ปล..เจ้าฝนบ้า...ฉันเอาฮีตเตอร์ไปให้ถึงซิดนีย์..ขนไปยังไม่เท่าไหร่ แต่เจ้าตัวดันยังไม่มาถึงชิดนีย์เสียนี่..ฉันกลับมายังเมลเบิร์น อากาศดันดิ่งต่ำกว่าสิบองศา ห้องนอนกลายเป็นตู้แช่แข็ง...ตอนนี้เลยไม่สบาย..หากกลับไปเมืองไทยแล้วยังไม่หาย..เอายามาให้ซะดี ๆ
ปลล..ตอนนี้อารมณ์คนไม่สบายเข้าสิง เลยอ่อนไหวมากไปหน่อย...ทำไมไม่รู้..แต่ฉันอยากร้องไห้จริง ๆ ...ทำไมชีวิตจึงน่าเศร้าอย่างนี้ เพื่อนกินหาง่าย แต่เพื่อนตายหาแทบไม่เจอ...เพื่อนสำหรับฉันคือเพื่อนที่เมืองไทย...แม้จะมีน้อยแต่ฉันก็ภูมิใจว่าอย่างน้อย ๆ ฉันก็เรียกพวกเขาได้เต็มปากเต็มคำว่า "เพื่อน"
ปลลล...ไม่นอนดีกว่า รู้สึกว่าเพ้อมากไปแล้ว..
ชีวิตคือชีวิต
เขียนโดย
little bird
แจ้ง Blog ไม่เหมาะสม
29 มิ.ย. 49
189
5
ความคิดเห็น
นึกถึงซิสเลอร์อยู่เลย ถ้าไม่แพงอยากกินอีก ซื้ดดดดด
ร่ายซะพลิ้วตามอารมณ์
ภวังค์ "เด็กหลง" เนี่ยฉันผ่านมาได้ 2 ปีแล้วย่ะ
เดี๋ยวก็ชินเอง โลกการทำงานมันก็ไม่เลวร้ายหรอกว้า
ไม่ทำงานแล้วจะเอาอะไรกินล่ะ มันก็ต้องทำต่อไป
วันนี้ที่นี่มีโปรแกรมก่อนจบการศึกษา...พวกเราได้แต่งชุดครุยถ่ายรูปกัน ประหลาดใจจริง ๆ สาขาที่ฉันเรียนมีด้วยกันสิบชีวิต แต่ทำไมจึงจบเพียงแค่สองคน...ฉันดีใจจริง ๆ นะที่ฉันเป็นหนึ่งในสองคนที่กำลังจะเรียนจบสาขานี้ เอารูปหมู่ที่ถ่ายคู่กับเพื่อนเกาหลีมาให้ดู..แต่เขาก็เรียนสาขาเดียวกันแต่ยังไม่จบอ่ะ...
ปล..เป็นหวัดจริง ๆ ด้วย แล้ววันนี้ยังซ่าใส่ชุดครุยท้าลมหนาว เพราะอยากสวยเลยไม่ใส่เสื้อโค้ท แทบแข็งตาย..ตอนนี้มึนไปหมดแล้ว...
แหม...เด็กหลง นั่นมันพีเตอร์แพน..ส่วนเรามันประเภทวินดี้ มากกว่า...พวกอยากหนีจากโลกความเป็นจริง..
ตอนแรกเอารูปมาลงในนี้..แต่รูปมันใหญ่อ่ะ..ถ้าเอาไปลงในห้องภาพ คิดว่าแค่สามรูปก็คงจะเต็มแล้วมั้ง...คราวนี้เธอคงได้เห็นรูปเพื่อนเกาหลีคนนั้นสักที...รวมทั้งเพื่อนสนิทอีกสองคน..
ปล..เป็นหวัดจริง ๆ ด้วย...แล้ววันนี้ยังซ่าไปท้าลมหนาว โดยไม่ยอมใส่เสื้อโค้ท เพราะอยากถ่ายรูปให้ออกมาสวย...ตอนนี้มึนหัวมาก ๆ เลยอ่ะ... TT^TT
รูปใหญ่มากเลย หล่อนจะลดขนาดก่อนโพสต์มั่งก็ได้นะ
นายเกาหลีนั่นไม่เห็นหล่อเลย ไม่น่าสนใจแล้ว
เธอทำให้กรอบด้านขวา ตรงที่มีควิกเมสเสจพวกนั้นมันใสจนแสดงรูปได้ยังไง
ฉันพยายามหาอยู่เนี่ย