watchaphon
ดู Blog ทั้งหมด

นินจาvsซามูไรต่างกันอย่างไร

เขียนโดย watchaphon
 
ประวัติ นินจา ของ ญี่ปุ่น
นินจา นักฆ่าซัดอาวุธดาวกระจายที่โด่งดังในภาพยนตร์ญี่ปุ่นนั้น เดิมทีไม่ใช่มีภาพเช่นนั้น เชื่อกันว่า นินจาเป็นศิลปะการต่อสู้ที่ฝึกฝนในกลุ่มนักบวช ที่เผยแพร่จากจีนมาญี่ปุ่นในช่วงเผยแผ่ศาสนาราวปีค.ศ.522 กลุ่มนักบวชเหล่านี้ไม่ใช้วิชาการต่อสู้เพื่อความรุนแรง จนกระทั่งปีค.ศ. 645 ที่ฝ่ายสงฆ์เริ่มนำวิชาการต่อสู้นี้มาใช้ หลังจากถูกกดขี่บีบคั้นจากรัฐบาลกลางให้ปกป้องตนเอง 

ในสมัยเฮอันที่เกิดการต่อสู้ชิงอำนาจกันระหว่างตระผมลเพื่อโค่นล้มราชสำนัก ตระกุลใหญ่ๆ เหล่านี้ต้องการนักฆ่ามืออาชีพที่ทำงานหาข่าวและลอบสังหารฝ่ายตรงข้าม ทำให้คนที่ฝึกวิชาการต่อสู้เป็นที่ต้องการสูงมาก และกลุ่มนินจาก็เริ่มต้นตั้งแต่บัดนั้น 

คำว่า นินจา มาจากคำว่า ชิโนบิโนโมโน่ เมื่อเขียนด้วยตัวอักษรคันยิ อ่านว่า "นินชา" หากอ่านเป็นภาษาจีนจึงเป็น "นินจา" นินหมายถึงการหลบซ่อน จาหมายถึงบุคคล นินจาจึงหมายถึงบุคคลที่ซ่อนตัว ชนิดแวบไปแวบมานั่นเอง

ในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นหลังจากมีนินจา แล้ว 
โชกุนของทุกๆฝ่ายเริ่มเห็นพลังอำนาจของนักฆ่าเหล่านี้ 
จิงมีนินจาไว้ไนบังคับกันหมด 
ส่งผลให้ผู้ที่ถูกสงสัยว่าเป็นนินจาโดนตามล่า 
และกำจัดทิ้งไปมากมาย 
ด้วยเหตุนี้เอง การใช้นินจาลอบสังหารกระทำได้ยากขึ้น 
ทำให้ นักฆ่าหญิงมีเริ่มมีบทบาท 
กลายเป็นว่ามีนินจา ญ ซึ่งถูกเรียกขานกันในนาม คุโนอิจิ 
--- วิชาการต่อสู้ ---
ซามูไร - ศิลปะการใช้ดาบ + เน้นโจมตีแบบประชิดตัว จะมีศักศรีมากในตัวซามูไรแต่ละคน 

นินจา - ลอบสังหาร ว่องไวสูง ทักษะดี พรางตัวเก่ง เลือดเย็น พาระกิจที่รับมา ต้องทำให้สำเร็จ 


ซามูไร - เวลารู้ตัวว่าแพ้ หรือ สู้ไม่ได้ จะฮาราคีรี 

นินจา - ทำภาระกิจผิดพลาด หรือถูกจับได้ ก็จะฮาราคีรี 

ฮาราคีรี - การคว้านท้อง ว่ากันว่า เป็นการปลดปล่อย วิญญาณตัวเอง 
(ถึงไม่ยอมถูกคนอื่นฆ่าตาย) 

จากประวัติศาสตร์ 
ชาวโปรตุเกสที่เป้นพ่อค้าได้บันทึกเกี่ยวกับนินจาไว้ว่า 
He 's the same magician 
ซึ่งหมายถึงว่านินจาที่เค้าเห็นนั้นดูเหมือนกับมีเวทมนตร์ 
นักวิชาการ สาขาประวัติศาสตร์ก็ให้ขอสังเกตุมาว่า 
การที่นินจาดูมีเวทมนตร์ได้แสดงว่าจะต้องมีความรู้เกี่ยวกับ 
มายากลขั้นสูง เช่นการที่ แปลงกายเป้นท่อนไม้ หลบซ่อยอำพราง 
เรียกไฟ เรียกลม ใช้ระเบิดควันหายตัว 
----เกอิชา----- 
หมายถึงนางบำเรอ ซึ่งจะมีอยู่ทั่วไปในญี่ปุ่น ผมเคยดูสารคดี เกี่ยวกับเกอิชาตอนไปญี่ปุ่น 

เกอิชานั้นเดิมทีเปน ญ สาว ธรรมดา ที่ทางบ้านส่งมาเข้าโรงฝึก เกอิชา 

จะต้องรับการเซี่ยมสอนเปนอย่างดี ซึ่ง ให้เปนเกอิชา โดยแท้จริง มิใช่ ผู้หญิงบริการ ทั่วไป 

ในยุคหลังๆ เกอิชา จริงๆนั้นเริ่มมีน้อยลงและมีอยู่ช่วงนนึงที่มีชาวตะวันตก เข้ามาในญี่ปุ่น เช่นพวกทหาร 

และได้ไปเจอกับพวก หญิงบริการทั่วไปก็เข้าใจผิดว่าเปนเกอิชา และ เที่ยวไปบอกคนในประเทศว่า ได้ร่วมสัมพันธุ์กับเกอิชา จริงๆแล้ว 

ในยุคปลายๆ นั้น เกอิชา ได้หายไป โดยสิ้นเชิง 

ข้อแตกต่างของ เกอิชา และ หญิงบริการ(นางบำเรอ) จะต่างกันตรงที่ 

เกอิชา จะมีการมัดผมคนละแบบ และรวมถึงผ้าคาดเอว และ เกอิชา จะเปนอาชีพที่มีหน้ามีตา มีคนคำรพนับถือด้วย และมี คนใช้ส่วนตัว 

หญิงบริการนั้น ก็เหมือนกับ บ้านเราตอนนี้ การแต่งตัวจะไกล้เคียงกับเกอิชา แต่ก็ไม่เหมือนกันซะหมด และ ในอดีตก็เปนอาชีพที่โดนเหยีดหยาม ด้วย 

เกอิชา ส่วนมาก จะเปนผู้หญิง ของพวกคนใหญ่คนโต ซะส่วนมาก ก็เลยเปนอาชีพที่มีหน้ามีตา 

ในสมัยที่ญี่ปุ่นยังเป็นฟิวดัลหรือศักดินาอยู่นั้น ชนชั้นปกครองจะเน้นความสำคัญของการทหารเป็นหลัก โดยเฉพาะเหล่านักรบที่สังกัดผู้ครองแคว้น ( ไดเมียว ) สวมชุดเกราะโอ่อ่าอลังการ มีทักษะทางเชิงยุทธที่เยี่ยมยอด แถมมีคติดประจำใจแบบลูกผู้ชายที่หาใครเสมอเหมือน ใช่แล้ว พวกเขาคือซามูไรนั่นเอง 
คงไม่ต้องอธิบายกันมากสำหรับนิยามและความหมายของซามูไร ท่านที่ติดตามหนังประเภทญี่ปุ่นโบราณ หรือการ์ตูน Anime ประเภทนี้ อาจจะเคยชมฉากที่ซามูไรต้องประดาบกับนายโม่งกลุ่มหนึ่ง ซึ่งแพรวราวไปด้วยฝีมือในการรบระยะประชิด พร้อมอาวุธสารพัดแบบ ยาพิษ ลูกดอก ดาวกระจาย นั่นล่ะครับนินจา ที่ใครต่อใครยึดถือเป็นด้านมืดของซามูไร ในขณะที่ซามูไรจะไปไหนต้องแต่งกายเต็มยศ จะฆ่าจะแกงใครก็ต้องเป็นไปอย่างเที่ยงตรงตามวิถีของบูชิโด แต่นินจาไม่จำเป็นครับ ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร ในสภาพไหน เค้าทำได้ตามสะดวก แต่ภาพนินจาที่ติดตาพวกเรามากๆก็คงหนีไม่พ้นนักสู้ลึกลับปิดหน้าตา มือซ้ายปาดาวกระจาย มือขวาเหวี่ยงระเบิด ตูม!! จากนั้นก็หายวับไปเหมือนล่องหนได้ซะอย่างนั้น 
จากวรรณคดี นิยาย และสื่อบันเทิงต่างๆ ช่วยเสกสรรค์ปั้นแต่งเสียจนนินจาเหมือนมีเวทย์มนตร์ แม้แต่ในโซนยุโรปหรืออเมริกาเอง โดโจฝึกนินจา ก็ได้ถูกตั้งขึ้นอย่างเป็นล่ำเป็นสัน มีลูกศิษย์ล้นหลามมากมาย วิชานินจามีอยู่จริงหรือไม่ ? และเมื่อฝึกสำเร็จแล้วเราจะกลายเป็นยอดคนด้นเมฆเหมือนในหนังจริงๆหรือ... หบายคนอาจจะตั้งคำถามในใจอยู่ตอนนี้ มาดูกันสิครับว่า วิชานินจานั้น มีกำเนิดมาอย่างไร และถ้าต้องการเป็นนินจาแล้ว เราต้องเอาอะไรเข้าไปแลกบ้าง 

นินจา จารบุรุษผู้มากับความมืด 
นินจาก็เหมือนกับสายลับ ยังคงสืบทอดพฤติกรรมและสายเลือดมาทุกยุคทกสมัย แม้แต่ในปัจจุบันนี้ก็ตาม คำว่านินจานั้น โดยทั่วไปหมายถึงผู้สำเร็จวิชานินจัตสึ ( ขออนุญาตอ่านแบบนี้นะคล่องปากดี ) หรือวิชาจารกรรม พวกเขาเป็นเหล่าจารชนที่เชี่ยวชาญการลักลอบ ซุ่มตัว ฆ่าคน วางเพลิง ใส่ยา สารพัดพิษ ฯลฯ จนใครๆต่างยกย่องว่าเป็นมัจจุราชล่องหน ที่มีความสามารถเหนือมนุษย์มนาเค้า 
อย่างที่กล่าวไปแล้วในตอนต้นว่า นินจามีมานานนมตั้งแต่ยุคศักดินาโน้น พวกเขาเป็นอาวุธลับสำคัญของผู้ครองแคว้นต่างๆ ในการลอบสังหารช่วงชิงอำนาจ อาจจะมีคำถามว่า จะมีนินจาเอาไว้ทำแพะอะไร ในเมื่อมีซามูไรอยู่เป็นโขยง แหม... ของแบบนี้มันเรื่องธรรมดาของการเมือง ต้องมีทั้งอาวุธแจ้ง อาวุธลับ ซามูไรเค้าก็มีเกียรติ มีจริยะของเค้า พวกเขาจะถือมั่นในสัตย์ จงรัก และตรงไปตรงมา จะให้มาทำลับๆล่อๆลอบเชือดใครก็เสียสัตยาบรรณทางการเมืองแย่ ไม่เหมือนนินจาที่ไม่มีเก้าอี้ เอ๊ย... จริยะค้ำคออยู่ ดังนั้นประวัติศาตร์หลายๆหน้าของญี่ปุ่น จึงมีเรื่องราวของจารบุรุษนินจา ที่ถูกบงการอยู่เบื้องหลังโดยไดเมียว หรือ ซามูไรอยู่ไม่น้อย 
ราวๆต้นศตวรรษที่ 17 ( ค.ศ. 1608 ) โชกุนมีอำนาจมาก ปกครองแว่นแคว้นน้อยใหญ่ทั้งเกาะญี่ปุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ บ้านเมืองเริ่มสงบปราศจากสงคราม เนื่องจากแผ่นดินเป็นปึกแผ่นแล้วนั่นเอง คราวนี้นักรบก็ตกงานน่ะสิครับ ซามูไรทั้งหลายที่เคยแต่โลดโผนกลางสมรภูมิ ก็ไม่รู้จะทำอะไรในช่วงบ้านเมืองสงบเช่นนี้ ทางการก็ใช่ว่าจะนิ่งนอนใจ การปล่อยให้เสืออยู่อย่างแมว คือเอาแต่นอนทั้งวันคงไม่ดีแน่ เผลออาจมีเสือหลายๆตัวไม่พอใจคิดการใหญ่ขึ้นมา เรื่องก็คงจะยุ่งอยู่ไม่น้อย ดังนั้น ทางราชสำนักและรัฐบาล จึงส่งเสริมให้ซามูไร ไปทำอย่างอื่นทดแทน เช่น เป็นปราชญ์ เป็นกวี เป็นพ่อค้า สารพัด และเมื่อรัฐบาลบาคุฟุประกาศกฏหมายห้ามประชาชนพกดาบ ซามูไรก็ยิ่งบ้อท่าเข้าไปใหญ่ บทบาทของพวกเขาเริ่มหดลดไปเรื่อยๆ จนแทบจะหมดไปจากหน้าประวัติศาสตร์ นั่นก็รวมไปถึงนินจาด้วยล่ะครับ 
กฏหมายอันเข้มงวดห้ามพกดาบ ยุบสำนักสอนวิชาดาบ และห้ามฝึกวิชานินจัตสึ ทำให้นินจาเริ่มลำบากมากขึ้น แต่ก็นั่นแหละครับ พวกเขาอยู่อย่างแฝงเร้นกันมานานนม เมื่ออยู่อย่างเปิดเผยไม่ได้ มุดลงไปใต้ดินไม่ให้ใครรู้มันจะไปเสียหายอะไร มีนินจาจำนวนมากผันตัวไปทำงานให้กับรัฐบาล และก็ยังทำอยู่จนถึงปัจจุบัน เชื่อไหมล่ะครับว่า สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นได้ฝึกนินจามืออาชีพเอาไว้ลอบสังหารนายพลผู้เกรียงไกร แม็ค อาร์เธอร์ แต่ก็ไม่สบโอกาส แม้ในปัจจุบัน วิชานินจาก็ยังมีสอนกันอยู่ในหมู่สายลับจำนวนมากมาย โดยเอาไปประยุกต์เข้าใช้กับวิชาของหน่วยสังหารสมัยใหม่ แม้แต่ซีไอเอก็ยังมีนินจาอยู่ในสังกัดด้วย นินจาไม่ได้อยู่รวมกันในหมู่บ้านบนภูเขาเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว ในทุกวันนี้ นินจาอาจจะถือโน้ตบุ้คเดินท่อมๆตามถนน แถมเดินชนกะคุณเข้าให้บ้างแล้วก็ได้ ใครจะรู้ล่ะ จริงไหม?

จากวรรณคดี นิยาย และสื่อบันเทิงต่างๆ ช่วยเสกสรรค์ปั้นแต่งเสียจนนินจาเหมือนมีเวทย์มนตร์ แม้แต่ในโซนยุโรปหรืออเมริกาเอง โดโจฝึกนินจา ก็ได้ถูกตั้งขึ้นอย่างเป็นล่ำเป็นสัน มีลูกศิษย์ล้นหลามมากมาย วิชานินจามีอยู่จริงหรือไม่? และเมื่อฝึกสำเร็จแล้วเราจะกลายเป็นยอดคนด้นเมฆเหมือนในหนังจริงๆ หรือ... หลายคนอาจจะตั้งคำถามในใจอยู่ตอนนี้ มาดูกันสิครับว่า วิชานินจานั้น มีกำเนิดมาอย่างไร และถ้าต้องการเป็นนินจาแล้ว เราต้องเอาอะไรเข้าไปแลกบ้าง 


. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 

นินจา จารบุรุษผู้มากับความมืด 
นินจาก็เหมือนกับสายลับ ยังคงสืบทอดพฤติกรรมและสายเลือดมาทุกยุคทกสมัย แม้แต่ในปัจจุบันนี้ก็ตาม คำว่านินจานั้น โดยทั่วไปหมายถึงผู้สำเร็จวิชานินจัตสึ(ขออนุญาตอ่านแบบนี้นะครับ คล่องปากดี) หรือวิชาจารกรรม พวกเขาเป็นเหล่าจารชนที่เชี่ยวชาญการลักลอบ ซุ่มตัว ฆ่าคน วางเพลิง ใส่ยา สารพัดพิษฯลฯ จนใครๆ ต่างยกย่องว่าเป็นมัจจุราชล่องหน ที่มีความสามารถเหนือมนุษย์มนาเค้า 
อย่างที่กล่าวไปแล้วในตอนต้นว่า นินจามีมานานนมตั้งแต่ยุคศักดินาโน้น พวกเขาเป็นอาวุธลับสำคัญของผู้ครองแคว้นต่างๆ ในการลอบสังหารช่วงชิงอำนาจ อาจจะมีคำถามว่า จะมีนินจาเอาไว้ทำแพะอะไร ในเมื่อมีซามูไรอยู่เป็นโขยง แหม... ของแบบนี้มันเรื่องธรรมดาของการเมืองครับ ต้องมีทั้งอาวุธแจ้ง อาวุธลับ ซามูไรเค้าก็มีเกียรติ มีจริยะของเค้า พวกเขาจะถือมั่นในสัตย์ จงรัก และตรงไปตรงมา จะให้มาทำลับๆล่อๆลอบเชือดใครก็เสียสัตยาบรรณทางการเมืองแย่ ไม่เหมือนนินจาที่ไม่มีเก้าอี้ เอ๊ย... จริยะค้ำคออยู่ ดังนั้นประวัติศาตร์หลายๆ หน้าของญี่ปุ่น จึงมีเรื่องราวของจารบุรุษนินจา ที่ถูกบงการอยู่เบื้องหลังโดยไดเมียว หรือ ซามูไรอยู่ไม่น้อย 

ราวๆ ต้นศตวรรษที่ 17 (ค.ศ. 1608) โชกุนมีอำนาจมาก ปกครองแว่นแคว้นน้อยใหญ่ทั้งเกาะญี่ปุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ บ้านเมืองเริ่มสงบปราศจากสงคราม เนื่องจากแผ่นดินเป็นปึกแผ่นแล้วนั่นเอง คราวนี้นักรบก็ตกงานน่ะสิครับ ซามูไรทั้งหลายที่เคยแต่โลดโผนกลางสมรภูมิ ก็ไม่รู้จะทำอะไรในช่วงบ้านเมืองสงบเช่นนี้ ทางการก็ใช่ว่าจะนิ่งนอนใจ การปล่อยให้เสืออยู่อย่างแมว คือเอาแต่นอนทั้งวันคงไม่ดีแน่ เผลออาจมีเสือหลายๆ ตัวไม่พอใจคิดการใหญ่ขึ้นมา เรื่องก็คงจะยุ่งอยู่ไม่น้อย ดังนั้น ทางราชสำนักและรัฐบาล จึงส่งเสริมให้ซามูไร ไปทำอย่างอื่นทดแทน เช่น เป็นปราชญ์ เป็นกวี เป็นพ่อค้า สารพัด และเมื่อรัฐบาลบาคุฟุประกาศกฏหมายห้ามประชาชนพกดาบ ซามูไรก็ยิ่งบ้อท่าเข้าไปใหญ่ บทบาทของพวกเขาเริ่มหดลดไปเรื่อยๆ จนแทบจะหมดไปจากหน้าประวัติศาสตร์ นั่นก็รวมไปถึงนินจาด้วยล่ะครับ 


กฏหมายอันเข้มงวดห้ามพกดาบ ยุบสำนักสอนวิชาดาบ และห้ามฝึกวิชานินจัตสึ ทำให้นินจาเริ่มลำบากมากขึ้น แต่ก็นั่นแหละครับ พวกเขาอยู่อย่างแฝงเร้นกันมานานนม เมื่ออยู่อย่างเปิดเผยไม่ได้ มุดลงไปใต้ดินไม่ให้ใครรู้มันจะไปเสียหายอะไร มีนินจาจำนวนมากผันตัวไปทำงานให้กับรัฐบาล และก็ยังทำอยู่จนถึงปัจจุบัน เชื่อไหมล่ะครับว่า สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นได้ฝึกนินจามืออาชีพเอาไว้ลอบสังหารนายพลผู้เกรียงไกร แม็ค อาร์เธอร์ แต่ก็ไม่สบโอกาส แม้ในปัจจุบัน วิชานินจาก็ยังมีสอนกันอยู่ในหมู่สายลับจำนวนมากมาย โดยเอาไปประยุกต์เข้าใช้กับวิชาของหน่วยสังหารสมัยใหม่ แม้แต่ซีไอเอก็ยังมีนินจาอยู่ในสังกัดด้วย นินจาไม่ได้อยู่รวมกันใครจะรู้ล่ะ จริงไหม? 
นินจานั้นอยู่หนใด? 
นินจาปรากฏกาย ณ แห่งหนตำบลใดบ้าง? คำตอบก็คือ พวกเขาอยู่ได้ทุกที่ เผยตัวออกมาได้ทุกเมื่อ และเร้นหลบฉากไปได้ทุกยามที่ต้องการ โดยที่ผู้คนยากจะจำแนกออก ทำไมน่ะหรือครับ? 

ในยุคแห่งไดเมียวและซามูไรนั้น นินจาขึ้นชื่อว่าเป็นคมเขี้ยวแห่งความมืด ที่ใครๆ ต่างพากันยำเกรงที่สุด ผู้คนร่ำลือถึงกิตติศัพท์ความสามารถจนเกินจริง บางตำนานเล่าว่า นินจามีความสามารถเท่า"เทนงู" หรือเทพอีกานั่นเชียว ทว่าความสามารถของนินจามาจากการฝึกฝนเพียวๆ ครับ ไม่ได้อาศัยปาฏิหารย์อะไรมาปะปนแม้แต่น้อย มนตร์มายาอันเป็นตำนานของนินจาประการหนึ่งคือ การล่องหนหายตัว ซึ่งก็ไม่ได้สลายตัวเองเป็นอณูไปกับอากาศธาตุหรอกนะครับ เพียงแต่นินจา มีวิธีการตบตาผู้คน ให้คล้ายกับพวกเขาล่องหนได้ มันก็เท่านั้น 

เคล็ดลับแรกน่าจะอยู่ที่เสื้อผ้าครับ พวกเขามีเสื้อผ้าที่กลมกลืนกับธรรมชาติ หรือสภาพรอบด้าน เมื่ออยู่ในป่า บนกองดิน หรือกำแพงเมือง นินจาก็จะใช้เสื้อผ้าที่กลมกลืนเหล่านั้นมาพรางกาย ถึงคราวจำเป็นจริงๆ นินจาต้องห้อยโหนตัวอยู่บนต้นไม้นานนับวันๆ หรือขุดดินมุดลงซ่อนตัวบ้าง ดำน้ำอยู่ในสระบ้าง โดยอาศัยการหายใจผ่านปล้องไม้เล็กๆ อย่างที่เราเห็นกันในหนังน่านแล 

เครื่องแบบนินจาไงครับ เก๋และสารพัดประโยชน์ไม่หยอกเลย 
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 

บ้านและฐานที่มั่นของนินจาก็มีความสำคัญเช่นกัน ในศาสตร์แห่งนินจา มีสาระสำคัญว่าด้วยการสร้างบ้านเอาไว้มากมายครับ อย่างน้อย ต้องมั่นคงและปลอดภัยสำหรับการเร้นกายในยามสงบของนินจาได้ บ้านนินจา มีกลไกป้องกันภัยอยู่มากมาย เช่นการทำกระดิ่งเตือนภัยโดยร้อยกับเชือกเอาไว้ เมื่อศัตรูมาสะดุดเข้า นินจาก็จะรู้ได้ทันทีว่า ผู้ไร้เจตนาดีเข้ามาเยี่ยมเยือนถึงที่เสียแล้ว นอกจากนี้ก็มีอุโมงค์ ประตูกล กับดักอยู่สารพัด ที่เด็ดที่สุดและเล่ากันมามากที่สุดก็คือ ช่องลับสำหรับหลบหนีที่อยู่ใต้เตียงนอน (ห้องนอนน่ะครับ เพราะส่วนใหญ่นินจาไม่นอนเตียงกัน) 

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 

ท้ายที่สุด นินจายังมีวิชาที่สมัยใหม่เค้าเรียกว่า "การแทรกซึม" อยู่ ภาษานินจาคือ เฮนซึจัตสุ โดยการปลอมตัวในรูปแบบต่างๆ เข้าไปปะปนอยู่ในแนวหลังของศัตรู สมัยก่อน อาชีพที่นินจานิยมปลอมกันก็เช่น พ่อค้า นักละครเร่ ซึ่งพวกนี้มักเข้าๆ ออกๆ เมืองต่างๆ อยู่เสมอ จึงยากที่จะจับพิรุธหรือสืบสาวราวเรื่อง เคล็ดลับอีกประการก็คือ รู้จักใช้คุณลักษณะทางเพศมาหลอกล่อ ให้คนที่ใกล้ชิดตายใจ สามารถปะปนและล้วงความลับข่าวสารที่ต้องการได้อย่างไม่ยากเย็น 

ฟู่... เหนื่อยเหมือนกันแฮะ แต่ยังไม่จบเท่านี้นะครับ ยังมีเรื่องเล่าอันเป็นเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ ของนินจา ที่ผมยังเล่าไม่ครบ ส่วนสำคัญคงเป็นตำนานของนินจา เหตุการณ์สำคัญที่โยงใยกับประวัติศาสตร์ เช่น การลอบสังหาร โอดะ โนบุนางะ นินจาคนสำคัญๆ เช่น ซารุโทบิ ซาสึเกะ, อิชิคาวะ โกเอม่อน, ฮัตโตริ ฮันโซ, ฟูมะ โคทาโร่ หรือแม้แต่ซามูไรฉายาสิงห์ตาเดียว ยางิว จูเบย์ ซึ่งมีลูกน้องนินจาที่เก่งกาจอีกเป็นขโยง 

อาวุธของนินจา 
นินจาเชี่ยวชาญในอาวุธหลายๆ ประเภท สารพัดชนิดที่จะคิดขึ้นมา นั่นก็เพราะภารกิจหลักของนินจาคือ แฝงเร้น-สังหาร-ถอนตัว ครั้งจะแบกดาบดุ้นเบ้อเริ่มเข้าไปโต้งๆ แบบซามูไร มันก็ออกจะเอิกเกริกเกินควร อาวุธของนินจาจึงมาในแนวคิดที่ว่า จิ๋ว-เล็ก-เงียบ และสารพัดประโยชน์ครับ อาวุธแต่ละอย่างต้องสามารถพกพาได้สะดวก แบบว่าพกแพ็คเป็นแพ็คไว้ได้ในคราวเดียว อาวุธเหล่านี้ ก็เช่น ธนู กริช มีด โซ่ติดเคียว ระเบิดควัน ลูกดอก รวมทั้งแม่แบบแห่งอาวุธของนินจา นั่นก็คือดาบ โดยดาบของนินจา จะแตกต่างจากดาบซามูไรค่อนข้างมาก เล่มเล็ก บางเรียว แต่คม..สั้น เน้นการแทงเป็นหลัก ประมาณว่า พอลอบเข้าไปในปราสาทศัตรู สามารถชักออกมาเชือดยามหรือหน่วยระวังภัยที่พบเห็นได้ โดยไม่เป็นที่เอิกเกริก ลองนึกภาพนินจาที่สะพายดาบเล่มโตเท่าตาคลาวด์ แห่ง Final7 หรือ นายกัซจาก Berserk สิครับ ดูจืดซะเมื่อไหร่กัน และก็เพราะอาวุธส่วนใหญ่ของนินจาไม่ใช่อาวุธหนักที่ใช้ปะทะตรงๆ เมื่อเจอกองระวังภัยของศัตรู นินจาจึงต้องมีอาวุธเสริมสำหรับช่วยในการหลบหนี เช่น ปาระเบิด วางเรือใบบก เป็นต้นครับ 

อาวุธนินจาสารพัดแบบ จะเรียก Ninja Utilities ดีไหมนะ? 
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 

อาวุธที่โด่งดังที่สุดของนินจาน่าจะเป็น ชูริเคน หรือบ้านเราเรียกดาวกระจายครับ เครื่องหมายการค้าของเค้าว่างั้นเหอะ จุดประสงค์ของการใช้ชูริเคนนี้ ใช้ในการสกัดกั้นการเคลื่อไหว การหนี-ติดตาม ของศัตรู มากกว่าจะใช้เป็นอาวุธหลักในการสังหาร รัศมีทำการขึ้นอยู่กับพลังข้อมือรวมทั้งการฝึกฝน ถ้าแม่นหน่อยก็เข้าหน้าผากทีเดียวจอดสนิท นอกนั้นก็มีพวกเหล็กแหลม เข็ม ลูกดอกยาวที่เอาไว้ใช้เป่า ส่วนใหญ่อาวุธพวกนี้ต้องเคลือบยาพิษบ้าง ยาชาบ้างเอาไว้ เพราะพิษสงของมันหาได้ทำให้ตายใน Hit เดียวไม่ (ยกเว้นจะปาชูริเคนแบบ 18 Hit-Combo ซึ่งไม่ง่ายนัก) 

เข็มพิษยังเป็นอาวุธโปรดปรานของบรรดาคุโนอิชิ หรือ นินจาสาว อ๊ะ... อย่าเพิ่งทำตาโตนะครับ นินจาก็มีผู้หญิงเหมือนกัน เป็นจารสตรีที่ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่เฉพาะอย่าง เมื่อถึงเวลา พวกเธอจะทำการสังหารเหยื่อโดยใช้เข็มอาบยาพิษขนาดเล็ก เนื่องจากเมื่อจิ้มเหยื่อไปแล้ว สามารถดึงออกมาได้อย่างไร้ร่องรอย เพราะไม่มีบาดแผลขนาดใหญ่ปรากฏ ว่ากันว่านินจาในปัจจุบัน มีอาวุธไฮเทคขนาดเล็ก เช่นปากกาที่ยิงกระสุนแรงอัดสูง กระดุม ต่างหูที่ปาไประเบิดบึ้ม หรืออะไรต่อมิอะไรที่ เจมส์ บอนด์ ยังอายอยู่ด้วย นินจาเหล่านี้ปัจจุบันสังกัดหน่วยข่าวกรองแห่งชาติของญี่ปุ่นครับ เท็จจริงอย่างไรนายโซนิคไม่กล้ายืนยัน 

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 

นินจาหญิงหรือคุโนอิชิ ผู้ยอมสละความเป็นหญิงเพื่อบรรลุภารกิจของส่วนรวม 

การสังหารสารพัดรูปแบบ ทั้งซึ่งๆหน้าและลอบกัด 

ดาบของนินจา ซึ่งมีลักษณะต่างจากดาบของซามูไรอย่างเห็นได้ชัด 
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 
อื่นๆ อีกมากมาย ของนินจา 

นินจาที่เก่งสารพัดของเรานี้ ถ้าจะให้สรุปว่าอย่างไหนของนินจาน่ากลัวที่สุด ก็ต้องขอตอบว่า "พิษ" ล่ะครับ เพราะการโจมตีซึ่งๆ หน้าระวังง่าย การใช้พิษร้ายสิระวังยาก นินจาจะมีความชำนาญเกี่ยวกับยามากเป็นพิเศษ ทั้งชนิดและปริมาณ กะได้ว่าใช้ขนาดแล้วอัมพาตกิน สลบ หรือตายไปเลย พิษที่พวกนินจาใช้ ส่วนใหญ่จะสกัดมาจาก!ที่เราคุ้นเคยกันดี เช่น แมลงป่อง ปลาปักเป้า พิษงู ซึ่งอันนี้จะมีผลมากเวลาซึมเข้าบาดแผล นินจาจึงมักใช้อาบอาวุธของตน 

ยังมีพิษอีกประเภทหนึ่ง ซึ่งได้ผลดีเมื่อศัตรูกินเข้าไป นั่นคือพิษจากพืชชนิดต่างๆ นับว่าเป็นภูมิปัญญานินจาทีเดียวล่ะครับ ที่รู้จักสกัดสารซึ่งวงการแพทย์เพิ่งรู้จักมาเมื่อไม่กี่สิบปีนี้ มาใช้ให้เกิดประโยชน์ เช่น เมล็ดของแอปเปิล พลัม แอลมอนด์ บางทีก็ใบมะเขือเทศ ที่ยอดนิยมที่สุดก็พิษจากเห็ดตระผมลต่างๆ นอกจากนี้ นินจายังมีวิชาพิเศษที่เรียกว่า "อาเทมิ" หรือการย้ำจุด เป็นการใช้พิษแต้มเข้าไปที่จุดเฉพาะบางจุดของร่างกาย อาจเป้นการสัมผัส หรือการจี้ 

ปัจจุบันเป็นศิลปะการต่อสู้โบราญแบบหนึ่งของญี่ปุ่น ในอดีตไม่เปิดสอนกับชาวต่างชาติจนกระทั่ง เจ้าสำนักลำดับที่ 34 
ของ Togakure Ryu Ninpo อ.มัสสึอะกิ ฮัสสึมิ ได้รับชาวต่างชาติคนแรกที่เข้าไปฝึก และได้เปิดเผยความลับเกี่ยวกับวิชานี้ขึ้นมา 
ในอดีตได้ใช้ชื่อ Bujinkan Ninpo ได้เปลี่ยนเป็น Bujinkan Ninjutsu และ Bujinkan Budo Taijutsu ตามลำดับ 

Bujinkan คืออะไร ? 
Bujinkan เป็นชื่อที่ตั้งโดย Soke. Masaaki Hatsumi แปลเป็นภาษาไทยอย่างตรงตัวว่า 
" โรงฝึกนักรบแห่งสวรรค์ " 

Budo Taijutsu คืออะไร ? 
บูโด ไทจัสสึ เป็นที่รู้จักกันในชื่อ นินจึสสึ ที่ได้เปลี่ยนมาใช่ชื่อบูโด ไทจัสสึ ในเวลาไม่นาน 
ในบูโด ไทจัสสึนี้หมายถึงกลุ่มของวิชาการต่อสู้โบราณของบูจินกัน ประกอบด้วยเก้าวิชา 

ทำไมปัจจุบันถึงไม่ใช้ชื่อ Ninjutsu 
- ในวิชาของบูจินกันมีนินจัสสึอยู่ 3 Ryu และ อีก 6 Ryu ที่เหลือเป็นวิชาการต่อสู้โบราณอื่น ๆ 
การฝึกสอนจะไม่แบ่งแยกสอนเฉพาะวิชานินจัสสึ ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่ง 
และ เนื่องจากคำว่า นินจา ได้มีภาพลักษณ์ที่ไม่สมจริงจากภาพยนตร์ต่าง ๆ 
จึงเลิกใช้คำว่านินจัสสึในเวลาต่อมา

ความคิดเห็น

rimnamta
rimnamta 2 ก.ย. 53 / 18:35

นินจาหญิงหรือคุโนอิชิ ผู้ยอมสละความเป็นหญิงเพื่อบรรลุภารกิจของส่วนรวม


หมายถึงอะไรคะ...??
ความคิดเห็นที่ 2
เยี่ยมมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ความคิดเห็นที่ 3
อยากเป็นนินจา
ความคิดเห็นที่ 4
แม่งเฟี้ยวว่ะ